6 พฤติกรรมเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ที่ไม่ควรทำระหว่างขับรถ

6 พฤติกรรมเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ที่ไม่ควรทำระหว่างขับรถ

           ในท้องถนนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุกันเยอะมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเป็นสิ่งที่ทุกๆท่านไม่อยากให้เกิดขึ้นมาอยู่แล้ว และในยุคเทคโนโลยีที่มีบทบาทเข้ามามากในปัจจุบันนี้ทำให้มีเครื่องมือสื่อสารใช้กันได้อย่างสะดวกสบายและใช้ได้ทุกที่ตลอดเวลาจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ทาง Realtime มีวิธีแก้ไขและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุเหล่านี้มาให้อ่านกันครับ

 

1.ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ

           ปัญหาเดิม ๆ เพิ่มเติมคืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารขณะขับรถ เช่น การส่งข้อความ Line , Facebook , Messenger หรือการโทร คือการทำให้สายตาละเลยจากถนน เพื่อน ๆ จะเคยเห็นว่ารถคันข้างหน้าไปนานแล้ว แต่คันข้างหน้าเราทำไมไม่ไปสักที ก็มัวแต่แชท อ่านข้อความจนไม่ทันมองว่ารถข้างหน้าไปแล้ว หรือหนักหน่อยก็ขับไปเหล่มองไปและเหยียบเบรกปล่อยเบรก ให้รถไหลไปเรื่อยๆ มองขึ้นมาอีกทีรถชนกับคันหน้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นควรงดใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

 

2.อารมณ์ร้อนขณะขับรถ

การขับรถขาดสติและนำอารมณ์มาเป็นใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นไทยมักใจร้อนแค่นิดหน่อยก็ขึ้น ปาดกันไปมาทำให้มีเรื่องกัน บางรายถึงกับลงไปตบตีกันข้างถนน หรือหนักหน่อยก็พกมีดฟันกันหรือยิงกันเสียชีวิตก็มี การขับรถด้วยอารมณ์ หรือขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ก็ถือเป็นการประมาทและเป็น พฤติกรรมเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ที่ยังแก้ไขกันไม่ได้สักที โดยวิธีแก้ไขอาการขับรถแล้วอารมณ์ร้อน คือ เปิดเพลงฟังสบาย ๆ ใจเย็น ๆไม่เร่งรีบ ผิดนิดอภัยหน่อย ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี หากเร่งรีบก็ควรจะขับโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด

 

3.แต่งหน้าขณะขับรถ

           การแต่งหน้าทำผม เสริมสวยเสริมหล่อ ส่วนใหญ่จะเป็นสุภาพสตรี เนื่องจากเวลาที่จำกัดและเร่งรีบจึงมักมีหลายคนนำเครื่องสำอาง อุปกรณ์เสริมสวย ขึ้นมาแต่งหน้าทำผมบนรถ และขับรถไปด้วย ลองคิดตามนะครับว่าหากเราแต่งหน้าทำผมบนรถ สิ่งแรกที่ทำคือมองกระจกแต่งหน้า ซึ่งทำให้สายตาละเลยจากถนน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ และเห็นบ่อยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นการเฉี่ยวชนกัน ดังนั้นควรแต่งหน้าให้เรียบร้อย กะเวลาล่วงหน้าก่อนถึงเวลานัด เพื่อหลีกเลี่ยงการเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุนะครับ

4.การรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม

           สายกินที่แท้ทรู โปรดทราบ !!! การนำอาหารและเครื่องดื่มไปรับประทานบนรถเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง นอกจากจะทำให้รถของเราเหม็นกลิ่นอาหารที่นำขึ้นไปรับประทานแล้ว ยังทำให้เราไม่สะดวกในการขับรถอีกด้วย อาทิเช่น นำซุปไปกินซุปหกราดตัว ร้อนก็ร้อนจะทำไงก็ก้มหาผ้าเช็ด โผล่หัวขึ้นมาอีกทีรถชนคันหน้าเรียบร้อยแล้ว หรือการนำเครื่องดื่มต่าง ๆ ขึ้นไปบนรถแล้วหกขึ้นมาก็เป็นเช่นเดียวกัน กินให้เรียบร้อยแล้วค่อยขับรถ หรือถ้าทนไม่ไหวหิวมาก ๆ ก็ควรหาอาหารที่รับประทานง่าย ไม่หกเลอะเทอะ เพื่อป้องกันการเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ

 

5.ปรับวิทยุหรือระบบนำทางขณะขับรถ

           ขับรถต้องใช้สมาธิแต่หลายคนก็มักเปิดเพลง หรือปรับสัญญาณวิทยุ ซึ่งการปรับวิทยุหรือระบบนำทางขณะขับรถ จะทำให้สายตาละเลยจากถนน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ ควรหาที่จอดรถข้างทางที่ปลอดภัย ตั้งค่าให้เรียบร้อยแล้วค่อยขับรถไปต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่หลายคนมองข้ามและก็มีอุบัติเหตุให้เราเห็นกันมาไม่น้อย กับพฤติกรรมการปรับวิทยุ เครื่องเสียง ระบบ GPS นำทางขณะขับรถ

 

6.ปล่อยเด็กให้เล่นกันในรถ

           ใครที่มีลูกหลานที่โดยสารไปในรถ จงระวังไว้ให้ดี จะบอกว่าเด็กผิดก็คงไม่ใช่ เด็กมันซนก็เขาคือวัยเด็ก แต่เรารู้เรื่องและรู้ว่าควรระวังตรงไหน เราก็ต้องหาวิธีระวังไว้ตั้งแต่แรก จะเห็นหลายครั้งที่มีคลิปวีดีโอจากสื่อต่างๆ ที่มีเด็กเปิดรถบ้าง ซนกระโดดไปมาทำให้เราเสียสมาธิ ถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องนำเด็กไปด้วย หากเป็นเด็กเล็กก็ควรจะมี “คาร์ซีท” เพราะหากเราเบรกกระทันหันหรือมีเหตุฉุกเฉิน ถ้าเรามีคาร์ซีทรัดเด็กไว้ ก็จะช่วยทำให้หนักเป็นเบา ส่วนเด็กที่โตมาหน่อยที่ชอบเปิดประตู กดหน้าต่างลง เราจะต้องมีผู้ใหญ่นั่งด้วยควบคุมไปในรถ หากเป็นเด็กโตเราก็ต้องบอกให้นั่งนิ่ง ๆ แม้จะยากแต่เราก็แก้ไขได้ด้วยการ ล็อกประตูและล็อกการเปิดหน้าต่าง เพื่อป้องกันเด็กตกรถ

           เห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะครับว่าการทำตามกฎมันไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดกันเลย เพราะฉะนั้นทาง Realtime ก็ขอให้ทุกท่านขับรถกันอย่างระมัดระวังและดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนกันด้วยนะครับ