ผ้าเบรค สิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม!!

ผ้าเบรค สิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้าม!!

          สิ่งสำคัญสำหรับการขับขี่รถยนต์อย่างหนึ่งคือการหมั่นศึกษาวิธีการดูแลรักษาและทำความเข้าใจ และส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของรถยนต์คือผ้าเบรค จึงละเลยไม่ได้ที่จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดและการดูแล

ชนิดของผ้าเบรค

          เบรคต่างก็แยกชนิดแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับส่วนผสม คุณภาพที่ต่างกันการเลือกซื้อเลือกใช้ควรแยกชนิดและดูความเหมาะสมให้ดี ชนิดของผ้าเบรคมีดังนี้

          1.ผ้าเบรครถยนต์ที่มีส่วนผสมของสาร Asbestos หรือที่เรียกกันว่าผ้าใบ ผ้าเบรค ชนิดนี้จะมีการยึดจับที่ดี ในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำ แต่เมื่อมีการใช้ความเร็วที่สูงขึ้น ผ้าเบรคประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพในการเบรคลดลงอย่างทันที ในเรื่องอายุการใช้งานจะสั้นมาก และ สาร Asbestos ตัวนี้ยังมีผลต่อร่างกายของเราอีกด้วย จึงทำให้ผ้าเบรคประเภทนี้ มีราคาถูกในท้องตลาด

          2.ผ้าเบรครถยนต์ที่ไม่มีสาร Asbestosเป็นส่วนผสม หรือ Non-organic จะแยกย่อยออกมาเป็นอีก 2 ชนิดได้แก่

          ผ้าเบรครถยนต์ที่มีส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นโลหะ(Semi-metallic) มาแทนที่ สาร Asbestos แทน ผ้าเบรคชนิดนี้จะเป็นผ้าเบรคที่ถูกผลิตจากบริษัท ทางฝั่งยุโรป ยี่ห้อที่เราคุ้นหูเป็นอย่างดี สำหรับผ้าเบรคประเภทนี้ ก็คือ ผ้าเบรคBendix ผ้าเบรคMintex

          ผ้าเบรครถยนต์ที่ใช้ส่วนผสมของสารอนินทรีย์ มาแทน สาร Asbestos โดยประสิทธิภาพของผ้าเบรคประเภทนี้ จะใกล้เคียงกับ ผ้าเบรคที่มีส่วนผสม ของโลหะใหญ่ (Semi-metallic) ซึ่งผ้าเบรค ชนิดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตจากญี่ปุ่น ยี่ห้อที่รู้จักกันดีก็จะเป็น ผ้าเบรคAkebono

ลักษณะผ้าเบรคปัญหา

          ลักษณะของเบรคมีปัญหาต่างแยกออกเป็นหลายๆกรณีแตกต่างกันไป อย่างเช่น

1.ผ้าเบรคหมด

          ลักษณะ เมื่อเหยียบเบรคแล้วรู้สึกเบรคจมต่ำกว่าปกติ หรือเหยียบเบรคค้างไว้แล้วแป้นเบรคค่อยๆ ต่ำลง ไฟเบรคมือโชว์เตือน ติดค้างเป็นสีแดง อาจหมายถึง ผ้าเบรคกำลังเสื่อมสภาพ สึกหรอจนบาง ทำให้น้ำมันเบรคในกระปุกต่ำกว่าขีด MIN สวิตช์ไฟในกระปุกน้ำมันไม่ต่อกันไฟจึงโชว์ค้าง มีเสียงดังจากล้อรถยนต์ เหมือนเหล็กสีกัน ขณะเหยียบเบรค เป็นเสียงที่กำลังบอกเราว่า ผ้าเบรคบางจนถึงแผ่นเหล็กที่เป็นตัวเตือน เมื่อแผ่นเหล็กนี้สีกับจานเบรคจะทำให้เกิดเสียงดัง

2.ผ้าเบรคร่อน

          ลักษณะ เป็นหลุม เนื้อผ้าเบรคมีรอยแหว่ง

3.ผ้าเบรคไหม้

          ลักษณะ ผ้าเบรคมีรอยไหม้สีดำเป็นมันเงา สาเหตุเกิดจาก การขับรถเร็วหรือใช้บรรทุกของหนัก ขณะเบรคมีเสียงดัง

4.ผ้าเบรคด้าน

          ลักษณะ จะเกิดเป็นรอยมันวาวตรงผัวของผ้าเบรค หน้าผ้าเบรกลื่นระยะเบรคไกลและมีเสียงดังขณะเบรคหรืออาจเกิดจากการแตะเบาๆและบ่อยครั้งเป็นระยะเวลาติดต่อกัน

การดูแลรักษาผ้าเบรค

          ระบบเบรคอาจเกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ นอกเหนือจากปัจจัยสภาพแวดล้อมต่าง ๆ การเบรคยังต้องพึ่งอุปกรณ์หลายส่วน เช่น จานเบรค ผ้าเบรค น้ำมันเบรก และ ท่อหรือสายต่าง ๆ แล้วเราจะตรวจดูระบบเบรคเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง

          1.เช็คลมยางให้เหมาะสม : ลมยางที่ดีควรมีปริมาณที่ตรงตามสเป็คของโรงงานที่กำหนดคือ ไม่ตึงมากหรือแบนมากจนเกินไป

          2.ควรเช็คสภาพของผ้าเบรคทุกๆ ประมาณ 3 เดือน : เมื่อใช้งานรถยนต์ไปได้ราวๆ 3 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร ควรนำรถเข้าศูนย์บริการบ้าง เพื่อให้ช่างได้เช็คความเรียบร้อยเกี่ยวกับการทำงานในส่วนต่างๆ ของรถยนต์ โดยเฉพาะผ้าเบรค ที่ควรต้องมีการเช็คว่าบางลงกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน เพราะหากผ้าเบรคบางมากเกินไปก็อาจจะทำให้การทำงานของเบรคเป็นไปได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรและทำให้ผ้าเบรคเสื่อมสภาพได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย

          3.ควรเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ตามกำหนด : เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ผู้ใช้รถควรเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ตามกำหนดที่เหมาะสม ไม่ควรทิ้งระยะเวลานานจนเกินไปซึ่งจะช่วยให้สามารถยืดอายุการใช้งานของจานเบรคและสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ในการซ่อมบำรุงรถยนต์หากเกิดการชำรุดเสียหายได้

          4.ไม่ควรลงเบรครุนแรง : การลงเบรครุนแรงนั้นจะส่งผลโดยตรงต่อผ้าเบรคและจานเบรค ทำให้เกิดรอยไม่พึงประสงค์ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงและผ้าเบรคยังสึกเร็วกว่าปกติอีกด้วยทางที่ดีในการใช้งานเบรครถคือควรใช้ความนุ่มนวลในการเหยียบเบรคแต่ละครั้งเพื่อช่วยถนอมผ้าเบรคและจานเบรคให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน

          ทั้งหมดนี้เป็นการศึกษาทำความเข้าใจให้มากขึ้นและดูแลรักษาผ้าเบรคเพื่อความปลอดภัยของการใช้รถยนต์และคงภาพรถยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆอีกด้วย