บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดศักราช 2563 เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดศักราช 2563 เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ เสริมแกร่งตระกูลซีรี่ส์ 3 ด้วยรุ่นประกอบในประเทศ เตรียมสานต่อความสำเร็จอีกมากมายตลอดทั้งปี

           บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เริ่มต้นเส้นทางแห่งความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ด้วยการเปิดตัวทัพยนตรกรรมใหม่ครบทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ครั้งแรกของการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ เสริมทัพซีรี่ส์ 3 ด้วยรุ่นประกอบในประเทศ พร้อมมินิ คูเปอร์ เอสอี รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของมินิ มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม (ระบบเกียร์ส่งกำลังใหม่) และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ เสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2562 ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยอัตราการเติบโตในระดับโลกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับแบรนด์มินิ แสดงถึงความสำเร็จอันโดดเด่นในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมในประเทศไทย

           มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในทุกปี เรามุ่งมั่นสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ อันน่าจดจำ ที่นอกจากจะนำเราเข้าใกล้เป้าหมายทางธุรกิจยิ่งขึ้นแล้ว ยังรวมถึงความสำเร็จในการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และการพัฒนาสังคมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยทั้งในด้านยนตรกรรมไฟฟ้า การเชื่อมต่อทางดิจิทัล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความมุ่งมั่นของเราในการมอบพลังแห่งการเลือกให้แก่ลูกค้าส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถครองตำแหน่งผู้ผลิตยานยนต์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่นำเสนอตัวเลือกและได้ส่งมอบเทคโนโลยีที่หลากหลายที่สุด ทั้งในระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน ระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริด และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มาตั้งแต่ปี 2558

           “ตลอดปี 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้สานต่อความสำเร็จที่สำคัญต่างๆ มากมายตลอดช่วงปีที่ผ่านมา สู่การปฏิวัติที่สุดแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยนวัตกรรมอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ BMW Intelligent Personal Assistant ที่นับเป็นการเปิดประตูบานใหม่สู่โลกยานยนต์ การพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าผ่านการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลด้วยช่องทางการขายออนไลน์ และยังรวมถึงก้าวสำคัญด้านยานยนต์ไฟฟ้าครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการเปิดโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) แห่งแรกและแห่งเดียวของภูมิภาคอาเซียน ในจังหวัดชลบุรี พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู i3s ในไทย รวมถึงการเผยโฉมมินิ คูเปอร์ เอสอี ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

           “นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนทั้งภายในและภายนอกองค์กร ผ่านการผนึกกำลังในการประสานงานระหว่างเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งส่งผลให้เราสามารถมอบบริการที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า เรายังเน้นย้ำและสนับสนุนความหลากหลายในหมู่พนักงานมากขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่เน้นความร่วมมือกันและความเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน ยิ่งไปกว่านั้น โครงการเพื่อสังคมของเรายังคงสร้างประโยชน์ให้สังคมในวงกว้าง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่ไม่แปรเปลี่ยนของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ประชาชนชาวไทย”

           ตลอดปี 2563 นี้ แฟนๆ ชาวไทยจะได้ยลโฉมขบวนรถยนต์ใหม่จากบีเอ็มดับเบิลยู นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupe ใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับความแปลกใหม่เฉพาะตัวและสุนทรียะเหนือชั้นที่มอบทุกอารมณ์การขับขี่ รวมไปถึงบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport รุ่นประกอบในประเทศที่เสริมขุมพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเคย ซึ่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ทั้ง 2 รุ่นนี้ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นเลิศและศักยภาพแห่งการประกอบรถยนต์ในประเทศของโรงงานที่ระยองโดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ด้านมินิ นำทัพโดยมินิ คูเปอร์ เอสอี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ารุ่นแรก ซึ่งได้เผยโฉมในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา นับเป็นการบุกเบิกไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองด้วยพลังงานสะอาดเพื่อแฟนๆ มินิชาวไทย ผสมผสานความเร้าใจสไตล์โกคาร์ทและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับมินิ เข้ากับความคล่องตัวและการประหยัดพลังงานของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอย่างลงตัว มินิ คูเปอร์ เอสอี จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพลิกโฉมประเทศไทยสู่การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าในตัวเมืองอย่างแท้จริง

ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำเซกเมนต์พรีเมียมด้วยรางวัลทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ

           การสานต่อแนวทางของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการมอบความสมบูรณ์แบบด้านความสุข ความสนุกสนานและความพึงพอใจให้แก่ลูกค้ายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ที่พิสูจน์ให้เห็นด้วยความสำเร็จมากมายในระดับนานาชาติจากผลสำรวจของสาธารณชนและการจัดอันดับจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น นิตยสาร “Car and Driver” ของสหรัฐอเมริกา, นิตยสาร “What Car?” ของสหราชอาณาจักร, ไปจนถึงรางวัล “Automotive Researchers’ and Journalists’ Conference” ของญี่ปุ่น ซึ่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ใหม่ เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมากที่สุดนอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายรางวัลที่ยกย่องความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู อาทิ ระบบผู้ช่วยส่วนตัว, ระบบปฏิบัติการและระบบเครือข่าย ซึ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกได้เป็นอย่างดี สำหรับภายในประเทศ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้สร้างประสบการณ์อันน่าจดจำที่เหนือกว่าความเป็นยนตรกรรม และได้มุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในยุคดิจิทัล โดยเป็นปีที่สองติดต่อกันที่บีเอ็มดับเบิลยูได้รับเลือกจากลูกค้าชาวไทยในฐานะ “Thailand’s Most Admired Company 2019” ในหมวดยานยนต์ ด้วยคะแนนโหวตสูงสุดด้านนวัตกรรม การดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการ และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยนิตยสาร แบรนด์เอจ ตอกย้ำความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยูในการเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าชาวไทย สะท้อนถึงความสำเร็จอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ภาพลักษณ์ของแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงนวัตกรรมด้านยานยนต์ใหม่ ๆ และกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า

ก้าวสำคัญสู่อนาคตแห่งนวัตกรรมยานยนต์และพลังงานไฟฟ้า

           ในปี 2562 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยูได้ต่อยอดเอกลักษณ์ประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือระดับอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสู่นวัตกรรมแห่งการขับขี่ที่ล้ำยุคมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัวระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant ผู้ช่วยส่วนตัวฉลาดล้ำ ที่พร้อมทำงาน เพียงแค่ทักด้วยประโยค “Hey BMW” (สวัสดี บีเอ็มดับเบิลยู) ตามมาด้วยการแนะนำบริการ MINI Connected สู่ผู้ขับขี่ในประเทศไทย นำเสนอบริการเพื่อการเชื่อมต่ออย่างครบวงจร ผสานการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ รถยนต์มินิ และโลกภายนอกเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน และในปีที่ผ่านมา ทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัวช่องทางการจองที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ให้สามารถทำการจองรถผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดายภายในเพียงไม่กี่คลิก และรอการติดต่อกลับจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งช่องทางการจองแบบออนไลน์นี้เริ่มต้นด้วยมินิเป็นแบรนด์แรกเมื่อปี 2561 ตามมาด้วยบีเอ็มดับเบิลยูในปี 2562 ที่ได้เริ่มต้นการจองออนไลน์เป็นครั้งแรกพร้อมเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X3 M บีเอ็มดับเบิลยู X4 M บีเอ็มดับเบิลยู i3s และบีเอ็มดับเบิลยู M5 และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ที่ได้ปรับตัวสู่ช่องทางดิจิทัลเช่นกันกับการเปิดจองบีเอ็มดับเบิลยู R nineT /5 รุ่นพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

           อีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา คือการขับเคลื่อนสู่อนาคตแห่งนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศอย่างเป็นทางการ ภายใต้ความร่วมมือกับแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สามารถตอบสนองความต้องการด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในประเทศอย่างต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยูในจังหวัดระยองในการเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านยนตรกรรมแห่งความยั่งยืน ซึ่งในปี 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดประเทศไทยเพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i3s นิยามใหม่ของรถที่มีลุคสปอร์ตควบคู่ไปกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไร้การปล่อยมลพิษ และ มินิ คูเปอร์ เอสอี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของมินิ นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนและสร้างความเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยในปัจจุบัน สถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow และสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการ ได้ติดตั้ง 125 หัวชาร์จใน 59 สถานีทั่วประเทศ

           ในครั้งหน้า จะมีข่าวอะไรมานำเสนอให้ท่านผู้ชมอีก ติดตามได้ที่ Realtime Car Magazine