Volkswagen รถของประชาชน ผู้ถือกำเนิดจากอำนาจเผด็จการ
เล่าประวัติแบรนด์รถของโลกพันธมิตรทั้งที มันก็ต้องเอาโลกอักษะมาจัดใหญ่ให้หมดไซโล กับแบรนด์รถที่ถือกำเนิดจากอำนาจเผด็จการ ของลุงหนวดจิ๋มผู้โหดเหี้ยม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เพื่อหวังให้ประชาชนเยอรมันมีรถขับกันอย่างทั่วถึง และเข้าถึงง่ายในเรื่องของราคาอีก ใช่ครับ! เรากำลังพูดถึง “รถของประชาชน” Volkswagen
พวกเรา Realtime Car Magazine เองก็ต้องยอมรับว่า เรื่องราวและประวัติของ Volkswagen นี่มันทั้งซับซ้อน วุ่นวาย และเรื่องราวดำมืดนี่ก็ ดำมืดจริงๆ
Volkswagen เป็นหนึ่งในผลงานสำคัญของ เฟอร์ดินานด์ พอร์เชอ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Porsche นั่นเอง จากโจทย์ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่อยากให้ประชาชนในเยอรมนีสามารถซื้อรถได้ง่ายมากขึ้น สามารถบรรทุกผู้ใหญ่ 2 คนด้านหน้า และเด็ก 3 คนด้านหลัง, สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วถึง 100 กม./ชม., ขับบนถนนออโตบาห์นได้, ราคาถูก เข้าถึงได้ทุกชนชั้น ทุกเพศ ทุกวัย
แต่ความดำมืดมันมาขมวดเป็นปมก็ตรงนี้แหละครับว่า ก่อนหน้านั้นเคยมี นักศึกษาชาวยิว โจเซฟ กันซ์ ออกแบบรถเล็กในชื่อโปรเจคต์ว่า Volkswagen หรือ รถแห่งประชาชน เหมือนกัน ตัวรถมีที่นั่งสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนด้านหน้า เด็ก 2 คนด้านหลัง ซึ่งใกล้เคียงกับโจทย์ที่ฟือเรอร์ผู้นี้ตั้งขึ้นมามาก เกิดเป็นข้อสงสัยที่สรุปไม่ได้เหมือนกันว่าต้นคิด รถแห่งประชาชน เป็นใครกันแน่?
สำหรับรถต้นแบบที่พอร์เชอ ออกแบบมาตามคำสั่งของรัฐบาล เป็นเครื่องยนต์วางท้ายที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ แบบสูบนอน ช่วงล่างแบบทอร์ชั่น บาร์ และพัฒนามาเรื่อยๆ จนผลิตออกมาเป็นรถแห่งประชาชนที่ราคาย่อมเยาว์ถึง 990 ไรซ์มาร์ค หรือเท่ากับ 396 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าหากเทียบอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปีก็จะเท่ากับ 8,771 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน และเมื่อคิดเป็นเงินไทยในปัจจุบันก็จะอยู่ที่ 3 แสนบาทนิดๆ ซึ่งก็ยังถือว่าถูกจนน่าเหลือเชื่อ แถมการผ่อนรถยังผ่อนแค่ 5 ไรซ์มาร์ค ต่ออาทิตย์อีก จะเห็นได้จากคำโปรยบนโปสเตอร์โฆษณาว่า “Fünf Mark die Woche musst Du sparen – willst Du im eignen Wagen fahren!” ที่แปลได้ว่า “แค่ 5 ไรซ์มาร์คต่อสัปดาห์ ทุกคนก็มีรถขับเป็นของตัวเอง” ราคาเป็นมิตรขนาดนี้ทำให้ยอดจองก่อนผลิตจริงพุ่งสูงถึง 336,000 คันเลยทีเดียว
วันที่ 28 พฤษภาคม ปี 1937 แนวร่วมแรงงานเยอรมัน ได้ก่อตั้ง บริษัท Gesellschaft zur Vorbereitung des Deutschen Volkswagens พฤษภาคม 1938 ก็มีการสร้างโรงงานขึ้นมาที่เมืองวัลฟ์บวร์ก เพื่อผลิตรถให้รองรับกับยอดจองที่ว่ามา ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Volkswagenwerk ในวันที่ 16 กันยายน ปีเดียวกัน แต่ผลิตมาได้ไม่ทันไรก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซะก่อนเพราะความห้าวของฮิตเลอร์ ที่สั่งกองทัพ Wehrmacht บุกโปแลนด์ด้วยยุทธวิธีสายฟ้าแลบ Blitzkrieg ทำให้รถ Volkswagen ที่ผลิตออกมาเสร็จเรียบร้อยพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าไม่สามารถส่งได้
ในปีถัดมา ปี 1940 กองทัพเยอรมันก็ออกคำสั่งให้โรงงานเปลี่ยนมาผลิตรถป้อนให้กับกองทัพ ออกมาเป็นรถอเนกประสงค์ Type 82 Kübelwagen และรถลอยน้ำ Volkswagen Schwimmwagen ที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี เรื่องที่น่าขนลุกคือ มีการเกณฑ์ทาส และเชลยสงคราม จากค่ายกักกันบริเวณรอบๆ จำนวนกว่า 15,000 คนมาทำงาน
เมษายนปี 1945 โรงงาน Volkswagen ที่ถูกบึ้มระหว่างสงครามก็ถูกยึดโดย กองทัพสหรัฐ ถูกยึดต่อโดยอังกฤษ, พอร์เชอถูกจับในข้อหาอาชญากรสงคราม, มีการสั่งทำลายและยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ในโรงงานมาเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม และยังเปลี่ยนบทบาทของโรงงานให้มาเป็นโรงซ่อมยานพาหนะของกองทัพอังกฤษอีก โดยมี พันตรีอีวาน เฮียรซ์ และผู้ช่วยชาวเยอรมัน ไฮน์ริช นอร์ดฮอฟ หลังจากนั้น อังกฤษก็สั่งผลิตรถออกมาจำนวน 20,000 คัน โดย 200-300 คันแรกถูกส่งมอบให้บุคลากรของกองทัพอังกฤษ และประเทศในอาณานิคม หลังจากนั้นก็หยุดชะงักไปเพราะอะไหล่บางชิ้นต้องสั่งจากโรงงานที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของสหภาพโซเวียต ซึ่งมีปัญหากับ อังกฤษ และอเมริกา เรื่องข้อตกลงแบ่งดินแดนเยอรมันตั้งแต่งานประชุมที่เตหะราน และลามมาเป็นสงครามเย็นในเวลาต่อมานั่นเองครับ
ในปี 1946 จากบริษัท Volkswagenwerk ในตอนนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Volkswagen ในทุกวันนี้และจากที่เคยเป็นบริษัทของรัฐบาล ก็แยกเอกเทศออกมาเป็น บริษัทของเอกชน อีกสองปีต่อมาในปี 1948 กองทัพอังกฤษเสนอให้ประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรมาช่วยกันดูแลกิจการนี้ต่อ โดยประเทศที่ถูกเสนอนั้นก็ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส หรือแม้แต่ประเทศอังกฤษเองก็ดี แต่ก็ไม่มีใครเอา ยกเว้นอยู่คนหนึ่งคือ เฮนรี่ ฟอร์ด ที่ 2 ผู้เป็นหลานชายของ เฮนรี่ ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Ford ในสหรัฐอเมริกานั่นเอง เขาได้เสนอไปถึง เออร์เนสต์ บรีช ประธานบอร์ดบริหารของฟอร์ดในขณะนั้น แต่ บรีช ปฏิเสธว่า “คุณฟอร์ด ผมคิดว่าข้อเสนอนี้มันได้ไม่คุ้มเสียเลยนะ” ทำให้ฟอร์ด ต้องยอมปัดผ่านไป และให้ Volkswagen อยู่ภายใต้การดูแลของ นอร์ดฮอฟ เพียงคนเดียว
ภายในเวลาไม่นาน แบรนด์ Volkswagen ก็กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และกลายมาเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจของเยอรมันตะวันตกในช่วงยุคสงครามเย็น นอกจากจะรื้อฟื้น น้องเต่าทอง รุ่นนี้มาผลิตต่อแล้ว ก็ยังเปิดตัว รถตู้รุ่น Type 2 และรถสปอร์ต Volkswagen Karmann Ghia พร้อมๆ กัน
ต่อมาในปี 1949 Volkswagen ก็บินลัดฟ้าเอารถไปออกงานอีเว้นต์ต่างๆ และวางขาย ที่สหรัฐอเมริกา และก่อตั้งบริษัท Volkswagen of America ในเดือนเมษายนปี 1955 ทำให้เพียงปีเดียวยอดผลิต และยอดขายของ Volkswagen Type 1 น้องเต่าทองคันนี้พุ่งสูงถึงล้านคัน วันเวลาผ่านไปในปี 1964 Volkswagen ก็เข้าซื้อกิจการ Auto Union และก่อตั้ง NSU ในปี 1969 ซึ่งบริษัทที่ว่ามานี้คือเจ้าของแบรนด์ Audi ที่หายวับไประหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา และรื้อฟื้นแบรนด์อาวดี้ขึ้นมาใหม่เพื่อผลิตรถหรูโดยเฉพาะ
ในปี 1972 Volkswagen เริ่มเลิกผลิตรถที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ มามุ่งเน้นการพัฒนารถที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า และระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ เพราะปัญหาเรื่องของเครื่องยนต์ที่ร้อนเกินไป ออกมาเป็น Passat ในปี 1973 ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือ Audi 80 ที่เปลี่ยนท้ายให้เป็น Fastback และเอาโลโก้ Volkswagen มาแปะ แค่นั้นเลย
ในปี 1974 Volkswagen ก็ออกรถ Scirocco ออกมา ตามมาด้วย Polo ในปี 1975 และ Golf ในปี 1974
กระโดดมาปี 1982 Volkswagen ก็ลงนามข้อตกลงร่วมผลิตรถยนต์กับ SEAT จากสเปน และในปี 1988 Volkswagen ก็เข้าซื้อกิจการของ Bentley ที่อยู่กับ Rolls-Royce ในตอนนั้น และยังซื้อ Bugatti กับ Lamborghini มาครองอีก และในปี 1991 ก็ลงนามข้อตกลงร่วมผลิตกับ Skoda จากสาธารณรัฐเช็ก เหมือนที่เคยทำกับ SEAT เลยครับจนทำให้ ส่วนแบ่งการตลาดของ Volkswagen พุ่งจนหยุดไม่อยู่และเติบโตมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา เจ้ารถแห่งประชาชนนี้ก็ เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และบุกตลาดจีนในฐานะบริษัทร่วมทุนอย่างเต็มตัวตั้งแต่ในช่วง 2018-2019 ทั้งกับ SAIC Motor เจ้าของแบรนด์ MG ที่ทุกคนคุ้นเคย, FAW Group ที่เอา Jetta มาลากขายยาวถึง 20 ปี และ JAC Group จนเมื่อล่าสุด 26 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา Volkswagen ร่วมลงทุนกับแบรนด์รถ Smart EV เจ้าใหม่นั่นก็คือ Xpeng Motor (เสี่ยวเผิง มอเตอร์) ชื่อสะกดแบบนี้แต่ออกเสียงตามชื่อผู้ก่อตั้งนะครับ ซึ่งลงทุนไปถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
และนี่คือเรื่องราวของ Volkswagen ที่เรานำมาฝากกันครับ จากแบรนด์รถที่ก่อตั้งขึ้นโดยนโยบายของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผ่านประวัติศาสตร์ดำมืดชวนขนลุกมามากมาย แต่ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์รถที่ตอบโจทย์ผู้คนแทบทั้งโลกได้ สมกับชื่อ “รถแห่งประชาชน” จริงๆ ครับ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : http://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine