กว่าจะมาเป็น Honda CBR

กว่าจะมาเป็น Honda CBR

เมื่อพูดถึงรถจักรยานยนต์ที่เป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาวัยรุ่นและวัยกลางคนนั้นคงต้องนึกถึงรถจากประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดรถของฝั่งตะวันออกจากแบรนด์ฮอนด้าอย่างเจ้า CBR ที่มีประวัติอย่างยาวนาน เราจะมาย้อนรอยกันตั้งแต่ต้นกันในคอลัมน์นี้

        เริ่มต้นจาก CBR 400F ปี 1983

เป็นต้นกำเนิดของรถจักรยานยนต์ในตระกูล CBR  ที่ได้เปิดตัวออกมาในปี 1983 ด้วยขนาดเครื่อง 399 ซีซี แรงม้าอยู่ที่ 58 แรงม้า โดยใช้ระบบคาบูเรเตอร์ในการส่งพลังงานเชื้อเพลิงจากถังน้ำมัน แต่ในรุ่นนี้มีข้อเสียในเรื่องของน้ำหนักซึ่งอยู่ที่ 187 กิโลกรัม ซึ่งเป็นรถที่มีน้ำหนักมากในสมัยนั้น


        CBR 400F Endurance F3 ปี 1984

รุ่นนี้เป็นสไตร์ Sport touring ซึ่งมีการพัฒนาเครื่องมาให้ระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ก็ยังมีกำลังแรงม้าเท่าเดิมและน้ำหนักรถที่มากถึง 191 กิโลกรัม


        CBR 400F Endurance ปี 1985

รุ่นนี้มีสไตร์เหมือนกันกับ F3 มีข้อแตกต่างเล็กน้อย เพราะเปิดตัวในปีเดียวกันจนถึงปี 1985 โดยเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่มีน้ำหนักที่เบากว่าที่ 187 กิโลกรัม


        CBR 400 R ปี 1986

ในรุ่นนี้มีรูปทรงที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น และเครื่องยนต์ที่พัฒนามากขึ้นเป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ แถมมี DOHC 4 วาล์วต่อสูบ มีแรงม้าอยู่ที่ 59 แรงม้า จุน้ำมันอยู่ที่ 3.8 ลิตร และน้ำหนักรถอยู่ที่ 165 กิโลกรัม ซึ่งเบามากในสมัยนั้น


        CBR 600 F Hurricane ปี 1987

พัฒนาไปอีกขั้นสำหรับเจ้าตัว CBR โดยในปีนี้ โดยมีรุ่นใหม่นี้ออกมาถึง 5 รุ่น พร้อมกับเครื่องยนต์ 598 ซีซี  มีแรงม้าอยู่ที่ 85 แรงม้า โดยมีแรงม้าอยู่ที่ 182 กิโลกรัม


        CBR 250 R ปี 1988

เป็นรุ่นที่ฮอนด้าผลิตออกมาเพื่อเอาใจคนงบน้อย แต่อยากได้สายซิ่งมาครอบครอง มาพร้อมเครื่องยนต์ 249 ซีซี 4 จังหวะ ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยมีแรงม้าอยู่ที่ 40 แรงม้า ที่ 11500 รอบต่อนาที


        CBR 600 F ปี 1989

รุ่นนี้ผลิตออกมาขายจนถึงปี 1990 มีเครื่องยนต์อยู่ที่  598 ซีซี มีแรงม้าอยู่ที่ 93แรงม้า  ถังน้ำมันจุขนาด 4.4 ลิตร ระบบเกียร์ 5 สปีด มีน้ำหนักอยู่ที่ 182 กิโลกรัม


        CBR 600 F2 ปี 1991

ปล่อยตามมาหลังจากปล่อย CBR 600 F และได้ผลิตขายจนถึงปี 1994 ซึ่ง F2 นี้ มีแรงม้าสูงขึ้นมาเป็น 100 แรงม้า มีเกียร์ 6 สปีด


        CBR 900 RR FIREBLADE ปี 1992

เป็นเครื่อง 4 สูบ ขนาด 893 ซีซี แรงม้าอยู่ที่ 122 แรงม้า ซึ่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ Keihin carburetors 6 สปีด และผลิตมาขายจนถึง ปี 1993


        CBR 900 RR FIREBLADE ปี 1994

รุ่นนี้ความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าในปี 1992 ไม่มากนัก


     

         CBR 600 F3 ปี 1995

จากกระแสตอบรับของ F2 ค่อนข้างดีจึงได้มีการผลิต F3 โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 598 ซีซี 100 แรงม้า เกียร์ 6 สปีด ซึ่งผลิตมาเพื่อขายจนถึงปี 1998


        CBR 900 RR FIREBLADE ปี 1996

เป็น Sport Motorcycle ที่ฮอนด้าพัฒนาให้มีเครื่อง 4 จังหวะ 918 ซีซี จุน้ำมันได้ 4.8 ลิตร และมีแรงม้าถึง 130 แรงม้า ที่ 10500 รอบต่อนาที


        CBR 1100 XX Super Blackbird ปี 1997

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1137 ซีซี มีแรงม้าที่ 164 แรงม้า  มีระบบเชื้อเพลิง 4X42 mm Keihin carburetors จุน้ำมันได้ถึง 6.3 ลิตร โดยทำความเร็วได้สูงสุดที่ 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


        CBR 900 RR FIREBLADE ปี 1998

มีเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 918 ซีซี มีแรงม้าอยู่ที่ 130 แรงม้า สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


        CBR 600F4 ปี 1999

มีเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ อยู่ที่ 599 ซีซี 110 ซีซี มีระบบเกียร์ 6 สปีด มีน้ำหนัก 199 กิโลกรัม เป็นรถที่มีดีไซน์ความคล่องแคล่ว ควบคุมได้ง่าย


CBR1100XX Super Blackbird ปี 2000

มีเครื่องยนต์ 1137 ซีซี ตัวรถมีความหนักถึง 223 เป็นรถที่เหมาะกับผู้ใหญ่ไม่เหมาะกับวัยรุ่น


CBR954RR FIREBLADE ปี 2001

มีเครื่องยนต์ 954 ซีซี ที่ 154 แรงม้า โดยเป็นรุ่นที่ได้รับฉายาว่า เสือชีตาห์แห่งท้องถนน


        CBR600RR ปี 2002

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 599 ซีซีและมี 118 แรงม้า ที่ 168 กิโลกรัม


        CBR1000RR ปี 2003

เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบ ที่ 998 ซีซี ตัวรถมีน้ำหนัก 199 กิโลกรัม มีความจุตัวถังที่ 4.8 ลิตร


        CBR1000RR Repsol Replica ปี 2004

เป็นรถที่ลายออกแบบมาเหมือนรถแข่ง MotoGP  ด้วยเครื่องยนต์ 998 ซีซี โดยใช้ระบบ DSFI ในการจ่ายเชื้อเพลิง และมีน้ำหนักแค่ 180 กิโลกรัม


        CBR600 F4i ปี 2005

มาพร้อมเครื่องยนต์ 599 ซีซี มีระบบหัวฉีด PGM-FI กับวงจร Enricher อัตโนมัติ


        CBR1000RR ปี 2006

เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากนุ่นหนึ่ง โดยมีระบบบังคับที่ง่ายขึ้นและใช้เทคโนโลยีของ MotoGP  จนถึงปี 2006


CBR 600 RR ปี 2007

เป็นรุ่นที่ผลิตออกมาหลากหลายสีมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตอนนั้น ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับผู้สนใจในสมัยนั้น โดยมาพร้อม เครื่องยนต์ 4 จัวหวะ 4 สูบ ที่ 599 ซีซี


CBR1000RR ABS ปี 2008

จุดเด่นก็อยู่ตรงที่มีระบบเบรกเป็นแบบ ABS ที่นำมาใส่ในรถคันนี้ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น


        CBR 125R ปี 2009

เป็นอีกรุ่นที่ทางฮอนด้าผลิตมาเพื่อคนงบน้อย มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว สี่จังหวะ ที่ 124.7 ซีซี 13.6 แรงม้า ด้วยเกียร์ 6 สปีด


        CBR 1000RR FIREBLADE / C-ABS ปี 2010

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 998 ซีซี ที่ 178 แรงม้า รับว่าเป็นรุ่นหนึ่งที่ทางฮอนด้าผลิตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก


        CBR 600 RR C-ABS ปี 2011

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 599 ซีซี ที่มากับระบบเบรก  C-ABS


        CBR1000RR FIREBLADE ปี 2012

ในคันนี้ทางฮอนด้าได้นำเทคโนโลยีมากจา WSBK และ MotoGP มาใส่ไว้ และเป็นอีกรุ่นที่ประสบความสำเร็จโดยการส่งออกไปยังยุโรป


          CBR1000RR ปี 2013

ด้วยเครื่องยนต์ 999 ซีซี และได้รับการปรับโฉมใหม่ ทำให้สวยสะดุดตามากเมื่อขับบนท้องถนน


        CBR 125R ปี 2014

มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดี่ยว 4 จังหวะ 124.7 ซีซี 14 แรงม้า ที่ทำเพื่อเอาใจคนงบน้อยที่ต้องการเป็นเจ้าของตัวนี้


        CBR 650F ปี 2015

มาด้วยเครื่องยนต์ 649 ซีซี 87 แรงม้า ที่ได้รับการปรับรูปโฉมใหม่ในปีนี้ทำให้เป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก


        CBR1000RR FIREBLADE ปี 2016

ด้วยรูปโฉมที่รับการปรับใหม่สุดสวยและโฉบเฉี่ยว และมีเครื่องยนต์ 999 ซีซี และมีแรงม้ามากถึง 171 แรงม้า และน้ำหนัก 200 กิโลกรัม

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิวัฒนาการที่กว่าจะมาเป็นฮอนด้าที่ได้ผ่านการออกแบบและคิดค้นต่างๆจากทางฮอนด้าที่ทำให้เข้ากับยุคสมัยและทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนา CBR และในอนาคตทุกท่านอาจจะได้เห็นออกมาเรื่อยๆในซีรี่ส์ แฟนพันธุ์แท้ไม่ควรพลาด

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *