เอ.พี. ฮอนด้า ครองผู้นำตลาดด้วยยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นปีที่ 31 ติดต่อกัน มุ่งพัฒนาเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายสู่ความเป็น Bikers’ Solution แห่งทศวรรษ 2020s

เอ.พี. ฮอนด้า ครองผู้นำตลาดด้วยยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นปีที่ 31 ติดต่อกัน มุ่งพัฒนาเครือข่ายร้านผู้จำหน่ายสู่ความเป็น Bikers’ Solution แห่งทศวรรษ 2020s

          เอ.พี. ฮอนด้า รักษาความเป็นผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ไทยได้อย่างเหนียวแน่นด้วยยอดจำหน่าย 1.37 ล้านคัน ครองอันดับหนึ่งเป็น ปีที่ 31 ติดต่อกัน พร้อมมุ่งหน้าสู่ทศวรรษใหม่แห่งยุค Disruption ด้วยนโยบายใหม่ที่ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย, การสร้างทัชพอยท์กับลูกค้าด้วยการเป็น Bikers’ Solution และ การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม

          มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จํากัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2562 ที่ผ่านมา มียอดจดทะเบียนที่ 1.74 ล้านคัน ปรับตัวลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1.37 ล้านคัน ปรับตัวลดลง 2% ดีกว่าตลาดรวมราว 1% ส่งผลให้ เอ.พี. ฮอนด้า ครองตำแหน่งยอดจำหน่ายสูงสุด 31 ปีติดต่อกัน สําหรับในปี 2020 คาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะมีตัวเลขอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน โดยทางฮอนด้าตั้งเป้าหมายการจำหน่ายไว้ที่ 1.35 ล้านคัน”

          “เอ.พี. ฮอนด้า ขอขอบคุณคนไทยที่ให้ความไว้วางใจรถจักรยานยนต์ฮอนด้ามาเป็นอันดับหนึ่งกว่า 3 ทศวรรษ แม้ในปีที่ผ่านมา ภาพรวมของเศรษฐกิจอาจจะไม่สู้ดีนัก แต่เรายังรักษาความสามารถในการแข่งขันและสามารถส่งมอบสินค้ารวมถึงบริการที่ตอบโจทย์ ผู้ใช้ได้อย่างดี ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ “WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด” อย่างไรก็ตาม เราก็ได้วางแนวทางปรับตัว การทำธุรกิจเพื่อให้เข้ากับยุคของการเปลี่ยนแปลงหรือ Age of Disruption ซึ่งเทคโนโลยีและการบริการแบบ personalized ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก โดยทาง เอ.พี. ฮอนด้า ได้วางแนวทางที่สำคัญไว้ 3 เรื่องดังต่อไปนี้

1.New Product Development

          การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยแบ่งการพัฒนาสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ รถจักรยานยนต์ที่ใช้สําหรับชีวิตประจำวัน เหมาะกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว, รถจักรยานยนต์ที่พัฒนาเพื่อการใช้งานตามความสนใจส่วนบุคคล, และรถจักรยานยนต์ที่แสดงสถานะทางสังคม

2.Customer Touchpoint Optimization

          การพัฒนาทัชพอยท์กับลูกค้า ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายจากเครือข่าย Honda Wing Center ซึ่งกําลังจะยกระดับสู่การเป็น Bikers’ Solution ของทศวรรษ 2020s สร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นจนเกิดเป็นแบรนด์ลอยัลตี้ (Brand Loyalty)

3. Corporate Social Responsibility as the Market Leader

          การสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจรถจักรยานยนต์ โดยประเด็นหลักที่ เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้ลูกค้าได้รับความสนุกจากการขับขี่พร้อมๆ ไปกับการเรียนรู้วิธีขับขี่อย่างปลอดภัย และเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนที่ดีของสังคม เช่นเดียวกับการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม ด้านอื่นๆ อาทิ กิจกรรมวิ่ง 31 ขาสามัคคี และโครงการสังคมหัวแข็ง เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน เอ.พี. ฮอนด้า ยังเดินหน้าพัฒนาในด้าน EV โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการ พัฒนาระบบ EV Sharing ที่นักศึกษาสามารถแบ่งปันรถ PCX Electric ผ่านทาง Application โดยมี PCX Electric Smart Station เป็นฮับในการชาร์จพลังงาน และในปีนี้เรากําลังจะพัฒนาฟังก์ชันการสลับแบตเตอรี่หรือ Battery Swapping อย่างเต็มรูปแบบ

          “สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การส่งมอบสินค้าและบริการที่อยู่เหนือความคาดหมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของคนแต่ละกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน โดย เอ.พี. ฮอนด้า ได้กำหนดเป้าหมายในแผนระยะกลางที่จะดำรงความเป็น Number One อย่างมั่นคงในทุก 6S ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งให้กับพื้นฐานที่สำคัญของ Honda Wing Center ที่สามารถสร้างความประทับใจ และความเหนือกว่าทางการตลาดในมุมมองของลูกค้า

          “จากนี้ไป เราจะปรับรูปแบบและคอนเซ็ปต์ของเครือข่ายร้านผู้จำหน่าย Honda Wing Center ให้เป็นพื้นที่เป้าหมายของลูกค้าฮอนด้าทุกคน เป็นที่ๆ พร้อมจะตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “Bikers’ Solution ของยุค 2020s” โดยมุ่งเน้นการเป็นทัชพอยท์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าได้ทุกจุด ทั้งที่โชว์รูม รวมไปถึงการส่งมอบงานบริการ และกิจกรรมต่างๆ ที่เหนือความคาดหมาย เพื่อให้ผู้จำหน่าย ฯ สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มี และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นความยั่งยืนให้กับร้านผู้จำหน่าย Honda Wing Center ทุกร้านทั่วประเทศ” ประธานกรรมการบริหาร เอ.พี. ฮอนด้า กล่าวสรุป

เอ.พี. ฮอนด้า ส่ง 2 นักแข่งไทยท้าทายเวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ก้อง-สมเกียรติ ลุยโมโตทู ก๊องส์-ธัชกร ลุยซีอีวี โมโตทรี ควบ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ พร้อมผลักดัน มุกข์ลดา ขึ้นสู่คลาส 600 ซีซี ศึกชิงแชมป์เอเชีย

          “เอ.พี. ฮอนด้า” ผู้บุกเบิกและผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ประกาศแผนงานมอเตอร์สปอร์ตปี 2020 เตรียมส่ง ก๊องส์-รัชกร บัวศรี ดาวรุ่งดวงใหม่ ลุยศึกเยาวชนชิงแชมป์โลกรายการ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ควบศึก เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ หวัง ดันขึ้นสู่ระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ตามรอย ก้อง-สมเกียรติ ที่จะลงแข่งโมโตทูเป็นปีที่ 2 พร้อมกับยกระดับ มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช นักแข่ง หญิงอันดับหนึ่งของไทยสู่พิกัด 600ซีซี ในศึกชิงแชมป์เอเชียรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ รุ่น ซุปเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี พร้อมกับเดินหน้ายกระดับโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” อย่างเต็มระบบ ด้วยการผนึกกําลัง HRC ร่วมพัฒนาศักยภาพนักบิดดาวรุ่ง ไทยแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่ระดับอะคาเดมี่สู่เวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

          ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จํากัด เปิดเผยถึงแผนงานด้านมอเตอร์สปอร์ตของฮอนด้าใน ปี 2020 ว่า “ด้วยเป้าหมายที่จะยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยสู่ระดับโลก และส่งนักแข่งไทยไปสู่การแข่งขันโมโตจีพีให้ได้ภายในปี 2025 ภายใต้โครงการ เรซ ทู เดอะ ดรีม ล่าสุดในปี 2020 นี้ เราได้ยกระดับนักแข่งขึ้นมาแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นหลายคน เริ่มจากระดับโลก ในปีนี้ นอกจากการส่ง ก้อง-สมเกียรติ ลงแข่งขันในโมโตทูทั้งฤดูกาลเป็นปีที่ 2 แล้ว เรายังได้ถึง ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี ซึ่งเป็นนักแข่งดาวรุ่งในโครงการขึ้นมาอีกคน โดยในปีนี้ ก๊องส์-รัชกร จะลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์เยาวชนโลกรายการ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับรายการ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ โดยก๊องส์-รัชกร ถือว่าเป็นนักบิดที่มีความโดดเด่นในระดับเอเชีย และมีศักยภาพมากพอที่จะตามรอยรุ่นพี่อย่างก้อง-สมเกียรติ สู่การแข่งขันระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ในอนาคตอันใกล้”

          “พร้อมกันนี้ ในระดับเอเชีย เรายังได้ยกระดับมุกข์-มุกข์ลดา สารพืช จากเดิมที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี สู่รุ่น ซุปเปอร์ สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่งถือเป็นความท้าทายใหม่ในฐานะนัก แข่งหญิงเบอร์หนึ่งของไทยและเอเชีย และยังเป็นการเปิดทางให้รุ่นน้องได้ก้าวขึ้นมาพัฒนาฝีมือในรุ่นเล็กด้วย”

          “ในส่วนของการพัฒนาเยาวชน ปีที่ผ่านมา โครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี่ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยในรอบออดิชั่น มีเยาวชนเข้ามาสมัครมากเป็นประวัติการณ์ถึง 131 คน สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและการขยายตัวของแฟนมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทย สำหรับในปี 2020 นี้ โครงการ เรซ ทู เดอะ ดรีม จะยกระดับศักยภาพของนักบิดดาวรุ่งสายเลือดไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมี ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักแข่งโมโตทูคนแรกของประเทศไทยรับหน้าที่โค้ช ในขณะที่ทาง HRC หรือ Honda Racing Corporation จะยกระดับการสนับสนุนจากเดิมที่ดูแลเฉพาะส่วนของอะคาเดมี่ สู่การเพิ่มการสนับสนุนทางด้านเทคนิคและการออกกําลังกายให้กับนักบิดเยาวชนไทยในการแข่งขัน ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ อีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เราขยับเข้าสู่เป้าหมายในปี 2025 เข้าไปเรื่อยๆ”

          สําหรับปี 2020 นี้ เอ.พี.ฮอนด้า ได้เตรียมส่งนักกีฬาลงล่าความสำเร็จในรายการต่างๆ ครบทุกระดับ เริ่มจากการส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งหนึ่งเดียวของไทยวัย 21 ปี สานต่อความสําเร็จในศึกชิงแชมป์โลก รุ่นโมโตทู แบบเต็มฤดูกาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้สังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ด้วยหมายเลข 35

          ตามด้วย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่การแข่งขัน ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ (CEV Moto3 Junior World Championship) หรือศึกชิงแชมป์เยาวชนโลก ในสังกัด “จูเนียร์ ทาเลนต์ ทีม” ด้วยหมายเลข 33 ภายใต้การดูแลของ อัลแบร์โต้ พูอิก ผู้จัดการทีมของเรพโซลฮอนด้า นอกจากนี้ ก๊องส์ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักบิดดาวรุ่งไทยคนแรก ที่จะได้ร่วมการแข่งขัน รายการ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ซึ่งเป็นรายการที่บ่มเพาะนักแข่งระดับโลกมาแล้วมากมายอีกด้วย

          ในระดับเอเชีย เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมส่ง 3 ดาวรุ่งชาวไทย ลงแข่งในรายการเอเชีย ทาเลนต์ คัพ ประกอบด้วย “กาฟิวส์” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน หมายเลข 16 น้องใหม่ฟอร์มแรง ร่วมกับ “หยก” ธนกร หลักหาญ หมายเลข 9 และ “เอิร์ท” ธุรกิจ บัวผา หมายเลข 23 สองดาวรุ่งที่ทำผลงานแบบก้าวกระโดดขึ้นมาจากโครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี่

          ขณะเดียวกัน เอ.พี. ฮอนด้า ยังสานต่อความสําเร็จจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบแบบเอ็นดูรานซ์ระดับนานาชาติ รายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง ที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากพาทีมไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งนักบิด และทีมงานภายใต้สังกัดทีม “เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการคว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ล่าสุด ได้วางเป้าหมายป้องกันแชมป์ในปี 2020 และจารึกความสําเร็จในฐานะทีมแข่งสัญชาติไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ให้ได้อีกครั้ง

          นอกจากนี้ เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ยังยกระดับนักแข่งในรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2020 ซึ่งในปีนี้ได้มีการปรับทัพครั้งใหญ่ ด้วยการดึง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งอันดับหนึ่งของเอเชีย หมายเลข 44 ขึ้นมาจับคู่กับ “แชมป์” ภาส วิชญ์ ฐิติวรารักษ์ หมายเลข 123 ลงชิงชัยในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี และส่ง “พี่ไนซ์” กันตพัฒน์ แยบการไถ” เจ้าของหมายเลข 149 ขึ้นมาจับคู่กับ ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ หมายเลข 188 เพื่อไล่ล่าแชมป์ในรุ่นเอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี

          ในส่วนของการแข่งขันประเภททางฝุ่น เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมส่ง “แชงค์” กฤษฎา จํารูญจารีต ลงป้องกันแชมป์รุ่น MX2-A ในศึกซูเปอร์ครอสชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ FMSCT Thailand Supercross 2020 หลังทำผลงานได้อย่างสุดยอดในปี 2019

          ขอเชิญชวนแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยทุกท่าน ร่วมให้กำลังใจนักแข่งไทยจาก เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ตลอดฤดูกาล 2020 ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : fb.com/aphondaracingth

          ในครั้งหน้า จะมีข่าวอะไรมานำเสนอให้ท่านผู้ชมอีก ติดตามได้ที่ Realtime Car Magazine

____________________________________________________________________________________________