เครื่องยนต์ V6 และ เครื่องยนต์ 6 สูบแบบเรียง แตกต่างกันอย่างไร ?

เครื่องยนต์ V6 และ เครื่องยนต์ 6 สูบแบบเรียง แตกต่างกันอย่างไร ?

สวัสดีชาว Realtime วันนี้มีเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับ เครื่องยนต์ V6 และ เครื่องยนต์ 6 สูบแบบเรียง จะมาบอกถึงข้อแตกต่าง และ ข้อดี ข้อเสีย ระหว่าง เครื่องยนต์ V6 และ เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง มาดูกันว่าวันนี้ทางเรามีหัวข้ออะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์ V มารับชมกันครับ

ย้อนกลับเมื่อยุค 80-90 ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่รุ่งโรจน์ ของ เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงอย่างที่สุด และเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ถูกเรียกอีกชื่อนึงว่า Inline-6 หรือ I6 ในยุคนั้นถ้าใครได้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มี เครื่องยนต์ I6 เหมือนมีของที่ล้ำค่าที่สุดอยู่ในมือเลยทีเดียว เพราะว่าเครื่องยนต์ประเภทนี้ มาพร้อมกับกำลังเครื่องอันมหาศาล แต่ถึงจะขนาดนั้น มันก็ยังเป็นเครื่องยนต์ที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย หากไม่ซีเรียสในเรื่องอัตราการสิ้นเปลือง ของราคาน้ำมา

แต่เมื่อประมาณหลายปี ให้หลังมานี้ เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ต่างเบนเข็มไปพัฒนาเครื่องยนต์ประเภท V-Engine กันมากขึ้น นั้นทำให้มีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ “ บล็อควี ”โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่อง V6 เช่น เครื่องยนต์ชื่อก้องโลกอย่าง VR38DETT ที่ประจำการอยู่ใน Nissan GT-R R35

และต่อมาเราจะพาทุกท่านไปรับชม  ข้อดีและข้อเสีย ของทั้ง 2 เครื่องกันเลยนะครับ

  

1) ความสมดุล (Balancing)

โดยปกติแล้ว เครื่องยนต์ที่มี “ความสมดุล” จะหมายถึงเครื่องยนต์ที่มีจำนวนกระบอกสูบเป็นเลขคู่ เช่น เครื่องยนต์ 2 สูบ เครื่องยนต์ 4 สูบ หรือเครื่องยนต์ 6 สูบ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกเรียกว่ามีความ “สมดุลโดยธรรมชาติ”

คำถามที่อาจเกิดขึ้นนั้นก็คือว่า สมดุล….แล้วไง ?

ข้อดีของการที่เครื่องยนต์มีความดุล ประการแรกก็คือ แรงสั่นสะเทือนภายในเครื่องยนต์จะลดลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานในระยะยาวครับ แน่นอนว่า…เครื่องยนต์ที่มีความสมดุลจะมีอายุการใช้งานที่นานกว่า นอกจากนั้น เมื่อเครื่องยนต์มีความสมดุลแล้ว จะส่งผลให้รอบเครื่องยนต์สามารถหมุนได้อย่างราบเรียบ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์สามารถใช้งานที่รอบสูงๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2) ขนาดของเครื่องยนต์ (Dimensions)

ถ้าเปรียบเทียบกันในหัวข้อนี้ เครื่องบล็อควีได้เปรียบเต็มๆ ครับ เครื่องยนต์สูบเรียงจะมีความยาวที่ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นห้องเครื่องยนต์ต้องมีขนาดใหญ่ มากพอที่จะหย่อนเครื่องรูปแบบนี้ลงไปได้ แต่สำหรับเครื่องบล็อควีแล้ว มิติของเครื่องยนต์มีความยาวเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเครื่องสูบเรียงเท่านั้นเอง แถมยังเตี้ยกว่าเครื่องสูบเรียงอีกต่างหาก (มีผลในเรื่องจุดศูนย์ถ่วง) เพราะฉะนั้นเครื่องยนต์บล็อควี จึงไม่ต้องการห้องเครื่องขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลดีในแง่ของการกระจายน้ำหนักครับ

3) น้ำหนักของเครื่องยนต์ (Engine Weight)

เนื่องจากว่าเครื่องยนต์บล็อควี มีการแบ่งกระบอกสูบออกเป็น 2 แถว เพราะฉะนั้น จึงต้องมีระบบกลไกเปิด-ปิดวาล์วจำนวน 2 ชุด ผิดกับเครื่องยนต์สูบเรียงที่มีระบบกลไกเปิด-ปิดวาล์วเพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้…ทำให้เครื่องยนต์บล็อควี มีน้ำหนักมากกว่าเครื่องยนต์แบบสูบเรียงครับ

4) จุดศูนย์ถ่วง (Center of Gravity)

ถ้าเปรียบเทียบหัวข้อนี้ เครื่องยนต์บล็อควีได้เปรียบครับ เนื่องจากว่าเครื่องยนต์บล็อควีจะเอียงกระบอกสูบเพื่อทำมุมตั้งแต่ 60-90 องศา การเอียงกระบอกสูบจะช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อจุด CG ของรถยนต์ทั้งคัน

5) ต้นทุนการผลิต (Production Cost)

สำหรับต้นทุนการผลิตนั้น เครื่องยนต์สูบเรียงมีต้นทุนต่ำกว่าเครื่องบล็อควีอยู่พอควรเลยครับ เนื่องจากว่าเสื้อสูบของเครื่องยนต์สูบเรียง ผลิตค่อนข้างง่ายและใช้เวลาน้อย ผิดกับเครื่องยนต์ประเภทบล็อควี ที่มีโครงสร้างค่อนข้างซับซ้อน ทำให้ใช้ต้นทุนและเวลาในการผลิตที่มากกว่านั่นเองครับ

ครั้งหน้าทาง Realtime car magazine จะมีเกร็ดความรู้ดีๆ เรื่องไหนบ้างมาเล่าสู่กันฟัง สามารถติดตามเราต่อได้ทาง Realtime car magazine สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ