ทดสอบรถ C-HR HEV GR-Sport ไปไกลถึงระยอง!!

ทดสอบรถ C-HR HEV GR-Sport ไปไกลถึงระยอง!!

สวัสดีแฟนๆ Realtime วันนี้เรากลับมาพบอีกครั้งกับการรีวิวรถ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทางโตโยต้าที่ได้ให้รถมาทดสอบ และรถที่เราได้มารีวิวในครั้งนี้คือ Toyota C-HR HEV GR-Sport  นั่นเอง ว่าแล้ว เราไปดูกันเลยดีกว่าสำหรับคันนี้เป็นไงบ้าง

 

เริ่มจากภายนอกก่อนเลย ด้วยความที่ตัวนี้ ไม่ใช่ตัวธรรมดา เป็นขุดของ GR-Sport ดังนั้นจะมีความพิเศษไม่ว่าจะเป็นโลโก้ GR-Sport ตามจุดต่างๆ เช่น กระจังหน้า ด้านท้ายรถ พวงมาลัย ปุ่ม Push Start รวมถึงการดีไซน์เบาะ เดินด้ายเทา และรุ่นนี้ยังมีการดีไซน์ล้ออัลลอย 18 นิ้วใหม่ และช่วงล่างก็ได้ปรับใหม่ และลดต่ำลงมาจากรุ่นปกติด้วย เพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้รถมากขึ้น

ในส่วนภายในหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ระบบแอร์แยกซ้ายขวาอิสระ มีเบรกมือไฟฟ้า ระบบดันหลังไฟฟ้า ระบบ T-Connect พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบควบคุมรถอยู่ในเลน ระบบ Toyota Safety Sense ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed Range

มาดูในส่วนสเปคเครื่องกันบ้าง โดยเครื่องยนต์เป็น Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร พละกำลังสูงสุด  98 แรงม้าที่ แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่3,600 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน พละกำลังที่ได้สูงสุดจะมากถึง 122 แรงม้าเลยทีเดียว ทำให้มีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 24.4 กม./ลิตร มีทั้งหมด 3 สีด้วยกัน คือ Attitude Black Mica/ Silver roof (ดำหลังคาเงิน), สีขาวมุก Platinum White Pearl/ Black roof (หลังคาดำ) และสีแดง Premium Red / Black Roof ราคาเริ่มต้นที่ 1,139,000 บาท

และนั่นคือข้อมูลทางเทคนิค คราวนี้มาดูเรื่องของการใช้งานจริงกันบ้าง เนื่องจากทีมงาน Realtime Car Magazine ได้ไปถ่ายทำรายการที่ระยอง จึงได้นำรถคันนี้ไปขับใช้งานจริงด้วย ตั้งแต่กทม. – ระยอง ไปกลับประมาณ 600 กว่าโล เรียกได้ว่า ทดสอบสมรรถนะ C-HR HEV GR-Sport อย่างเต็มประสิทธิภาพเลยทีเดียว

เริ่มจากการเก็บสัมภาระ สามารถเก็บของได้อย่างเยอะพอสมควร ที่นั่งด้านหน้า มีความกว้างที่กำลังดี คนขายาวก็ยังสามารถขับขี่ได้ ขาไม่ติดพวงมาลัย หรือส่วนสูงที่หัวไม่ติดกับเพดานรถ ที่นั่งด้านหลัง ช่องว่างระหว่างขา ยังมีที่เหลือ ไม่อึดอัด ส่วนสูงที่หัวก็เช่นกัน ไม่ติดกับเพดานรถ แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อย สำหรับกระจกที่นั่งด้านหลัง เนื่องจากกตัวกระจกดีไซน์ใหม่ ทำให้การมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอก อาจจะไม่ชินในช่วงแรก อาจทำให้มีอาการอึดอัดเล็กน้อย

มาในส่วนสมรรถนะบ้าง ตอนออกตัวอาจจะออกตัวช้าไปบ้างเล็กน้อย ที่ใช้ขับทั่วไปหรือในเมืองเป็นโหมด Eco แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นโหมด Sport รับรองว่าหลังตึงแน่นอน ถือว่าใช้คุ้มมาก เรื่องค่าน้ำมันประหยัดไปเยอะจริงๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับบางคนที่กำลังเล็งรถขับสนุก ประหยัดน้ำมัน ดีไซน์สปอร์ตซักคันไว้ที่บ้านนะครับ สำหรับครั้งหน้าจะมีรุ่นอะไรอีก ไว้รอติดตามกันได้ครับ ที่ Realtime Car Magazine


ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

Website : http://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
Twitch TV : https://www.twitch.tv/realtimecarmagazine
Blockdit : https://www.blockdit.com/pages/5ed70c2d713f890cbc006f05
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_magazine/
Tiktok : https://vt.tiktok.com/ZSmSrdsB