ประวัติของ Chevrolet
บัมเบิ้ลบี หุ่นตัวเอกจากมหากาฬหนังชื่อดังที่ทุกคนต่างกันดีอย่าง Transformers แต่หากรู้ไม่ว่าหลายๆคนอาจไม่รู้ว่า บัลเบิ้มบี นั้นเป็นรถของแบรนด์ Chevrolet ก่อนที่จะประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยในปี 2020 แต่กว่าจะขึ้นเป็น Chevrolet ได้ทุกวันนี้ต้องผ่านเรื่อวราวสุดทรหดเป็นมายังไง?
Chevrolet เริ่มต้นขึ้นมาจากนาย หลุย์ โจเซฟ เชฟโวเลต เกิดในวันคริสต์มาส ปี 1878 ที่เมือง ลาโชเดอฟงส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยที่ โจเซฟ เฟอร์ริซอร์ท เชฟโวเลต ผู้เป็นพ่อทำงานเป็นช่างทำนาฬิกา และยังเป็นลูกคนที่สองของ 7 พี่น้องตระกูล Chevrolet จนเข้าสู่วัย 8-9 ขวบ และครอบครัวย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในเมือง Beaune ประเทศฝรั่งเศส เมื่อธุรกิจทำนาฬิกาของพ่อมาถึงช่วงขาลง หลุย์ ก็เริ่มพัฒนาทักษะฝีมือช่างกลในวัย 11 ขวบด้วยการซ่อมจักรยาน รวมถึงเข้าแข่งขันจักรยานในรายการต่างๆ
จุดเปลี่ยนของ หลุย์ เกิดขึ้นเมื่อเขารับงานซ่อมรถจักรไอน้ำ 3 ล้อ ที่โรงแรม “Hôtel de la Poste” ซึ่งรถคันนี้เป็นรถ Made in USA ของมหาเศรษฐีตระกูล แวนเดอร์บิลต์ โดยตระกูลนี้นับว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดเป็นอันดับต้นๆ มาตั้งแต่ยุคทองคำเปลวในสหรัฐอเมริกา เริ่มสร้างตัวครั้งแรกจากการถือหุ้นธุรกิจส่งสินค้า และทางรถไฟ ก่อนที่จะขยายไปยัง อุตสาหกรรมเกษตร เหมืองแร่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยันธุรกิจการเงิน ในธุรกิจปัจจุบันที่เราๆคุ้นเคยกันดี เช่น แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า General Electric หรือ บริการโอนเงินระหว่างประเทศ Western Union เป็นต้น
งานซ่อมรถในครั้งนี้ทำให้เขาหลงสเน่ห์ในวงการยานยนต์ และซอฟท์พาวเวอร์ของชาวอเมริกันเข้าเต็มๆ หลุย์ จึงตัดสินใจศึกษาหาความรู้เรื่องเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมหางานทำภายในประเทศฝรั่งเศสที่เขาอาศัยอยู่เพื่อเก็บเงินเดินทางไปหางานทำที่เมือง Montreal ประเทศแคนาดา ซึ่งเขาทำงานเป็นคนขับรถและช่างยนต์อยู่ประมาณ 2-3 เดือน ก่อนที่จะเดินทางไปนิวยอร์ก และได้งานทำเป็นช่างให้กับค่ายรถชื่อดัง De Dion-Bouton ในช่วงปี 1900 นอกจากนี้เขายังส่งเงินเก็บไปให้ อาเธอร์ และ แกสตัน เชฟโวเลต ผู้เป็นน้องชาย เพื่อใช้เป็นค่าเดินทางมาหาเขาอีกด้วย
จนในปี 1902 เมื่อ De Dion-Bouton สาขาอเมริกาปิดตัวลง หลุย์ ได้งานใหม่เป็นคนขับรถให้กับครอบครัวตระกูล เทรโวซ์ นั่นจึงทำให้เขาได้พบรักกับ ซูซันเนะ ลูกสาวของตระกูลนี้ และแต่งงานกันในเดือนกรกฎาคม ปี 1902 พร้อมทั้งให้กำเนิดลูกชายถึง 2 คนได้แก่ ชาร์ลส์ ในปี 1906 และ อัลเฟรด
ในปี 1912 และในปี 1905 หลุย์ ได้เข้ามาทำงานและเป็นนักแข่งคว้าแชมป์ให้กับค่ายรถ Fiat ในรายการ AAA National Motor Car Championship สนาม Morris Park ซึ่งเป็นสนามแรกของรายการ ก่อนที่ต่อมาในปี 1907 หลุย์ ได้ย้ายไปทำงานกับค่ายรถ Autocar Company ในเมือง Philadelphia และพัฒนารถแข่งขับเคลื่อนล้อหน้า จนเขาได้กลายเป็นนักแข่งให้กับ Buick ในปี 1909 ทำให้เขาสนิทกับ วิลเลียม คราโป ดูแรนท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง General Motor ค่อนข้างมากและยังให้ หลุย์ พัฒนารถแข่งรุ่นใหม่ในชื่อว่า Buick 60 Special หรือในชื่อเล่นว่า “Buick Bug”
- William C. Durant
ในส่วนของ วิลเลียม คราโป ดูแรนท์ เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปี 1861 ที่เมือง Boston รัฐ Massachusetts เขาเป็นลูกคนที่ 2 ในตระกูลมั่งคั่งที่อพยพมาจากฝรั่งเศส ฟังดูเหมือนเขาจะมีฐานะที่เพียบพร้อม แต่ความจริงแล้วชีวิตเขากลับมีปัญหาอยู่พอสมควรจากการที่บ้านแตก ต้องย้ายตามแม่มาอยู่ที่เมือง Flint รัฐ Michigan หลังจากที่พ่อและแม่หย่าร้างกันในปี 1869 และเขายังต้องลาออกจากโรงเรียน ม.ปลาย เพื่อทำงานที่ลานไม้ของ เฮนรี่ เอช. คราโป ผู้ซึ่งเป็นตาและยังเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐมิชิแกนอีกด้วย และนอกจากนี้ ดูแรนท์ ยังสู้ชีวิตทำงานขายซิการ์ พร้อมทั้งก่อตั้งบริษัทขนส่งซิการ์เป็นของตัวเอง
จนกระทั่ง ในวันที่ 17 มิถุนายน ปี 1885 ดูแรนท์ ก็ได้แต่งงานกับ คลาร่า มิลเลอร์ พิตต์ และมีลูกด้วยกัน 2 คนได้แก่ มาร์เจอรี่ พิตต์ ดูแรนท์ (24 พ.ค. 1887) และ รัสเซส คลิฟฟ์ฟอร์ด ดูแรนท์ (26 พ.ย. 1890) ก่อนที่ต่อมาทั้งคู่ก็หย่าร้างกันในวันที่ 27 ปี 1908 แล้วในปี 1886 เขาก็จับมือกับ โจเซีย ดัลลัส ดอร์ต เพื่อก่อตั้งบริษัทผลิตรถม้าในชื่อ Flint Road Car Company ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น Durant-Dort Carriage Company ในปี 1890 และกลายเป็นแบรนด์รถม้าที่ยักษ์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ณ เวลานั้น
ทว่าตอนนั้น ดูแรนท์ เป็นคนที่มีความคิดต่อต้านรถยนต์สันดาปค่อนข้างมาก เพราะในยุคสมัยก่อนนั้น รถยนต์มีกลิ่นที่เหม็นมากจากการเผาไหม้น้ำมันเบนซิน และบวกกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังจนน่ารำคาญ จนกระทั่งกระแสต่อต้านของชาวเมือง Flint เริ่มรุนแรงขึ้นในปี 1900
ดูแรนท์ ก็เริ่มมองเห็นโอกาสที่จะพัฒนารถยนต์ที่แก้ปัญหาตรงจุดนี้ด้วยการซื้อค่ายรถ Buick มาเป็นของตัวเอง และผลักดันจนกลายมาเป็นค่ายรถที่ขายดีที่สุดในอเมริกา ก่อนที่ต่อมาในวันที่ 16 กันยายน ปี 1908 ดูแรนท์ ก็ก่อตั้ง General Motor ขึ้นมาเพื่อควบรวมรถยนต์ค่ายต่างๆ มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ซึ่งวิธีการของ ดูแรนท์ ถือได้ว่าค่อนข้างบ้าระห่ำมาก เพราะเขาใช้วิธีกู้เงินจากธนาคารมาซื้อค่ายรถหลายต่อหลายเจ้า ทั้ง Oldsmobile ในปี 1908, Pontiac, Cadillac และ GMC ในปี 1909 จนแล้วก็มีภาระหนี้ที่หนักหนาสาหัส ธนาคารต้องก้าวเข้ามารวบอำนาจการบริหารทั้งหมดเพื่อพยุงไม่ให้เจ๊ง และ ดูแรนท์ ก็ต้องวางมือจากการบริหาร GM ทั้งหมดในปี 1910
- กำเนิด Chevrolet
จนกระทั่งในวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 1911 หลุย์ เชฟโวเลต, อาเธอร์ เชฟโวเลต และ วิลเลียม ซี. ดูแรนท์ ก็ก่อตั้งค่ายรถ Chevrolet ขึ้นมา พร้อมสร้างโรงงานแห่งแรกที่เมือง Flint อยู่อีกฟากของแม่น้ำตรงข้ามมหาวิทยาลัย Kettering ซึ่งในปัจจุบันก็เหลือแต่เป็นที่โล่งๆ ในชื่อว่า “Chevy Commons” รถรุ่นแรกของ Chevrolet ที่เปิดตัวคือ Series C Classic Six มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ระบบวาล์ว T-Head ขนาด 5.0 ลิตร 40 แรงม้า แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรด้วยราคาที่แพงเกินไป
- ปริศนาโลโก้ของ Chevrolet
ต่อมาในปี 1914 ทาง Chevrolet ก็เริ่มมีการใช้โลโก้ Bowtie ในแบบที่เราต่างคุ้นเคยกันดีและน่าแปลกมาก เพราะที่มาที่ไปในการออกแบบโลโก้นี้กลับไม่ชัดเจน และมีการอธิบายออกมาอยู่หลายทฤษฎี โดยที่ ดูแรนท์ กล่าวว่ามาจากลายโบว์ไทด์ บนวอลล์เปเปอร์ผนังโรงแรมแห่งหนึ่งที่เคยไปพักในกรุง Paris ประเทศฝรั่งเศส ส่วน Margery ผู้เป็นลูกสาวก็กล่าวว่า โลโก้นี้ออกแบบในระหว่างที่ทั้งครอบครัวกำลังนั่งทานอาหารค่ำด้วยกัน
ในขณะที่ คลาร่า ภรรยาเก่าของ ดูแรนท์ ก็กล่าวว่าเขาไปเห็นโลโก้โฆษณาบริษัทถ่านหินที่ชื่อว่า “Coalettes” ในระหว่างที่เขากำลังอ่านข่าวบนหนังสือพิมพ์ ก็เลยเอามาเป็นไอเดียในการออกแบบโลโก้ของ Chevrolet ตั้งแต่ในหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 1911 ทำให้ทฤษฎีที่มาการออกแบบโลโก้นี้ฟังดูมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด แต่ก็มีบางทฤษฎีได้กล่าวว่า โลโก้ของ Chevrolet มีต้นแบบมาจากเครื่องหมายกาชาดบนธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ หลุย์ เชฟโวเลต
- จุดแตกหัก
ต่อมาในปี 1915 ก็เกิดปัญหากับ Chevrolet เข้าจนได้ เมื่อ หลุย์ ทะเลาะกับ ดูแรนท์ ในเรื่องของแนวคิดการผลิตรถยนต์ เพราะทาง หลุย์ มีความฝันที่อยากจะสร้างรถสปอร์ต แต่ ดูแรนท์ มองว่าการผลิตรถราคาประหยัด เอื้อมถึงได้ง่าย จะช่วยสร้างยอดขาย ทำกำไรได้ดีกว่า และทั้งบริษัทเองก็สนับสนุนของ ดูแรนท์ มากกว่า จนทำให้ หลุย์ ฟิวส์ขาดและขายหุ้นทิ้งไปในที่สุด
ในปี 1916 Chevrolet ก็เปิดตัวรถ Series Four-Ninety ที่สร้างยอดขายได้อย่างงดงาม แต่ ดูแรนท์ สามารถเข้าซื้อกิจการ General Motor กลับคืนมาได้ และปิดดีลในปี 1918 พร้อมทั้งยังรวมเอา Chevrolet มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในปี 1919 Chevrolet ขยายฐานการผลิตไปยังโรงงานอื่นๆ ในเครือ GM ได้แก่ ในเมือง Sleepy Hollow รัฐนิวยอร์ก, เมือง St.Louis รัฐมิสซูรี, เมือง Oakland รัฐแคลิฟอร์เนีย, เมือง Arlington รัฐเท็กซัส และโรงงานในต่างประเทศ ที่เมือง Oshawa รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา ภายในปีเดียวกันนี้ก็ได้มีการรีแบรนด์รถกระบะ GMC สำหรับการพาณิชย์ให้ผลิตในนาม Chevrolet อีกด้วย สายการผลิตของรถยนต์ Chevrolet ดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ และแข่งขันกับ Ford มาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งการมาถึงของ Plymouth ในปี 1928 ก็ทำให้ทั้ง 3 ค่ายนี้ถูกเรียกรวมกันว่า “Low-priced 3”
- เกิดอะไรขึ้นกับหลุย์
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่พี่น้องตระกูล Chevrolet แยกตัวออกมา เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้างนั้น ก็เริ่มจากในปี 1915 หลุย์ เข้าสู่วงการรถแข่ง ด้วยการจับมือกับ โฮเวิร์ด อี. บลัด พัฒนารถ Cornelian ไปแข่งขันในสนาม Indianapolis 500 ซึ่งก็จบได้ไม่สวยนักด้วยอันดับที่ 20 จนกระทั่งในปี 1916 หลุย์, แกสตัน และ อาเธอร์ ก็มาก่อตั้งบริษัท Frontenac Motor Corporation เพื่อผลิตอะไหล่สำหรับรถยนต์ Ford Model T กับ รถแข่ง และยังก่อตั้งบริษัท American Motors Corporation ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ควบคู่ไปด้วยเพื่อผลิตรถยนต์ของตัวเอง
หลุย์ เข้าแข่งขันในสนาม Indianapolis 500 ถึง 4 ครั้งโดยผลงานที่ดีที่สุดที่เคยทำได้อยู่อันดับที่ 7 ในปี 1919 คู่กับ Arthur ส่วน Gaston น้องชายอีกคนนึงของ หลุย์ คว้าแชมป์อันดับที่ 1 ได้ในปี 1920 ต่อมาในปี 1923 American Motors ที่พี่น้อง Chevrolet ก่อตั้งก็ถูกยุบรวมเข้ากับบริษัท Bessemer Motor Truck Company ก่อนที่ต่อมาภายในเวลาไม่ถึงปี ก็ยุบรวมเข้ากับค่าย Winther และ Northway แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบอยู่ดี ในปี 1927 หลุย์ เปิดตัวบริษัทผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน Chevrolair แต่กลับประสบความล้มเหลวในสามปีต่อมา และในปี 1929 ซึ่งเป็นช่วงวันอังคารทมิฬพอดี หลุย์ ที่ทำอะไรก็เฟลไปหมดก็เริ่มกลับมาเล้าหลือกับ ดูแรนท์ และสมัครงานเป็นช่างเทคนิคของ Chevrolet ถือได้ว่าดิ่งมาก จากที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลายมาเป็นลูกจ้างในบริษัทที่ตัวเองเป็นคนก่อตั้ง
ภายในปีเดียวกันนี้เอง Chevrolet ก็เปิดตัวเครื่องยนต์วาล์วเหนือสูบรุ่นใหม่ ในชื่อ Stovebolt ซึ่งเป็นเครื่อง 6 สูบเรียง และเจ้าเครื่องนี้เองที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในด้านการตลาดเป็นอย่างมากด้วยนิยามที่ว่า เครื่อง 6 สูบที่ราคาเท่ากับ 4 สูบ และในช่วงปี 1933 ก็เปิดตัวรถรุ่น Standard Six หรือในอีกชื่อว่า Mercury ในฐานะรถ 6 สูบที่ราคาถูกที่สุด และในปี 1935 Chevrolet ก็เปิดตัวรถ Station Wagon รุ่น Carryall Suburban ที่ในเวลาต่อมาก็กลายมาเป็นบรรพบุรุษของรถ SUV ในปัจจุบัน ในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Chevrolet ก็เริ่มเน้นออกแบบรถที่ดีไซน์ได้รับอิทธิพลจากศิลปะ Art Deco มากขึ้นเช่น Chevrolet Master, Deluxe หรือ Fleetline และกระแสตอบรับก็ดีอย่างเหลือเชื่อ
- บั้นปลายของผู้ก่อตั้ง
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อ หลุย์ เชฟโวเลต จากโลกนี้ไปด้วยวัย 62 ปี ในวันที่ 6 มิถุนายนปี 1941 จากอาการหัวใจวาย ก่อนที่ต่อมาในวันที่ 16 เมษายน ปี 1946 อาเธอร์ เชฟโวเลต ก็จากโลกนี้ไปอีกคนด้วยการจบชีวิตตัวเองภายในบ้านพักที่เมือง Slidell รัฐหลุยเซียนา และในวันที่ 13 มีนาคม ปี 1947 วิลเลียม ซี. ดูแรนท์ ก็จากไปในวัย 85 ปี ด้วยโรคหลอดเลือดสมอง
- กำเนิด Corvette
ในปี 1953 Chevrolet กลับมาผงาดในวงการยานยนต์อเมริกันด้วยการเปิดตัวรถ Corvette โฉมแรก และอนาคตเราอาจจะได้เล่าประวัติควบคู่กับ Camaro ไม่วันใดก็วันหนึ่งครับ และในปี 1957 Chevrolet ก็เปิดตัวระบบหัวฉีด Ramjet เป็นครั้งแรก พร้อมติดตั้งให้กับรถ Corvette และ Bel Air ซึ่งก็ประสบความสำเร็จได้ด้วยดีจนมีการเปิดตัวรถรุ่นดังๆ ออกมาเรื่อยๆ
ในช่วงยุค 1960 เป็นยุคสมัยที่มีการนำเข้ารถยนต์จาก ยุโรป และญี่ปุ่น เยอะมากจนทำให้ค่ายรถต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาเสียดุลการค้าไปมหาศาล และแน่นอนครับทั้ง Chevrolet และ General Motor ก็ไม่รอดจากเรื่องนี้ รัฐบาลสหรัฐจึงออกภาษีไก่ขึ้นมาเพื่อตอบโต้ในเรื่องนี้ และ General Motor ก็เอารถจากญี่ปุ่นหลายต่อหลายค่ายมาขายภายใต้แบรนด์ของตัวเองอีกด้วยครับ เช่น Suzuki Cultus ที่ถูกขายในชื่อ Chevrolet Sprint, Isuzu Gemini ที่ถูกขายในชื่อ Chevrolet Spectrum, Toyota Sprinter E80 หรือโฉมที่ 5 ที่ถูกขายในชื่อ Chevrolet Nova โฉมที่ 5
ในช่วงยุค 70-80 Chevrolet ก็เปิดตัวรถของตัวเองที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นหู เช่น Vega ในปี 1970, Monza ในปี 1974, Citation ในปี 1980, Cavalier และ Celebrity ในปี 1981 หรือ Corsica ในปี 1987 จนกระทั่งในช่วงยุค 1990 Chevrolet ก็เปิดตัวรถ Toyota แปะโลโก้ของตัวเองต่อได้แก่ Toyota Sprinter E90, E100 และ Corolla E110 ที่ถูกขายในชื่อ Geo Prism แต่ก็ยังไม่ทิ้งการออกแบบรถของตัวเองอยู่ เพราะในช่วงยุคนี้ก็เปิดตัวรถรุ่นต่างๆ ที่ General Motor ออกแบบเองเยอะมาก เช่น Lumina ในปี 1990, Venture ในปี 1997 และ Trailblazer ในปี 1998 และนอกจากนี้ทาง General Motor ก็เข้าซื้อหุ้นของ Subaru ในปี 1999 พร้อมกับเอารถ Zafira ของ Opel ที่ General Motor เข้าซื้อมาตั้งแต่ปี 1931 มาให้ Subaru ขายในชื่อ Subaru Traviq อีกด้วย
จนขึ้นสหัสวรรษใหม่อย่างปี 2000 General Motor ก็ปลุกชีพ Impala ขึ้นมาใหม่ใน Segment ใหม่คือ รถซีดาน 4 ประตูขนาดกลางขับเคลื่อนล้อหน้า และกลายมาเป็นรถธงสำหรับการแข่งขัน NASCAR Xfinity Series จนถึงปี 2013 และ NASCAR Canada Series ในปี 2018
ในปี 2005 General Motors กลับมาทำตลาด Chevrolet ในยุโรปอีกครั้งด้วยการนำเอารถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ Daewoo มาขายภายใต้แบรนด์ Chevrolet จนกระทั่งเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Chevrolet Volt ในปลายปี 2010 นับได้ว่าเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นแรกของ Chevrolet พร้อมกับขายในชื่อ Opel Ampera และ Vauxhall Ampera ในตลาดยุโรป แถมยังได้รับรางวัล North American Car of the Year, European Car of the Year และ World Green Car of the Year ในปี 2012 รวมถึงยังทำยอดขายทั่วโลกจนถึงปีนั้นได้ 31,400 คัน และมากกว่า 1 แสนคันในช่วงปลายปี 2015 จนกระทั่งในปี 2016 รถตระกูล Volt ขึ้นแท่นรถ Plug-in Hybrid ที่ขายดีเป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจาก Nissan Leaf และ Tesla Model S
ในเดือนตุลาคมปี 2016 Chevrolet เปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรกในชื่อว่า Bolt ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 320 กม.ต่อชาร์จ และคว้ารางวัลมามากมายในปี 2017 จากสื่อต่างๆ ทั้ง Motor Trend, AutoGuide.com, Green Car Journal และยังติด 25 อันดับสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดบนนิตยสาร Time
Chevrolet เข้ามาในตลาดประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2000 ภายใต้บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรถรุ่นแรกที่วางขายคือ Zafira และมี Captiva โฉมที่ 2 เป็นรุ่นสุดท้ายก่อนที่จะยุติบทบาทในตลาดไทยตั้งแต่สิ้นปี 2020 และขายโรงงานที่ จ.ระยอง ให้กับ Great Wall Motors ในที่สุด
ในส่วนของวงการมอเตอร์สปอร์ต Chevrolet มีบทบาทในที่โดดเด่นอยู่หลักๆ 3 รูปแบบ โดยเริ่มจาก NASCAR ที่ในปัจจุบันมีทีมใหญ่ๆ อยู่ 3 ทีม ได้แก่
– Hendrick Motorsport ที่คว้าแชมป์ 12 สมัย, Richard Childress Racing ที่ได้แชมป์ 6 สมัย และ Trackhouse Racing Team ที่ในปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่สังเวียน MotoGP ด้วยการเข้าซื้อทีม RNF มาตั้งแต่ปลายปี 2023 ที่ผ่านมา
– ส่วนรถของ Chevrolet ที่เคยใช้แข่งขัน ได้แก่ Impala, Chevelle, Chevelle Laguna, Malibu, Monte Carlo, SS และในปัจจุบันรถที่ใช้ในการแข่งขันก็มี Camaro ZL1 1LE ในรายการ NASCAR Cup, Camaro SS ในรายการ NASCAR Xfinity และ Silverado ในรายการ NASCAR Craftman Truck
– ต่อมาคือ IndyCar ได้คว้าแชมป์รายการ Indianapolis 500 มา 6 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1986-1993 และคว้าแชมป์ในรายการ CART World Championship มา 5 ครั้งตั้งแต่ปี 1986-1992 จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของ NTT IndyCar Series ที่ Chevrolet ขึ้นแท่นเป็นซัพพลายเอร์หลักร่วมกับ Toyota ในส่วนของเครื่องยนต์แทนเพื่อนร่วมชายคาอย่าง Oldsmobile ในปี 2002 จนกระทั่งถอนตัวออกไปทั้งคู่เมื่อปี 2005 และกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ปี 2012 เพื่อประชันเครื่องยนต์กับ Honda และอีกรายการคือ FIA World Touring Car Championship หรือ WTCC ที่คว้าแชมป์ 3 ปีติดตั้งแต่ปี 2010-2012 ด้วยรถ Cruze
สำหรับ ประวัติของ Chevrolet นี้ที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน เป็นมากกว่ารถยนต์ เพราะนี่คือเรื่องราวที่สืบทอดจากตำนาน สู่เส้นทางที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจไม่สิ้นสุด สำหรับสกู๊ตนี้พวกเราขอฝากติดตาม Realtime Car Magazine ด้วยนะครับ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine