• 6 ปี “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” อีเว้นต์ที่มากกว่ากีฬา คือพลังแห่งความร่วมใจ-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สร้างปรากฎการณ์ในหลากหลายมิติ

    1 Min Read

    6 ปี “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” อีเว้นต์ที่มากกว่ากีฬา คือพลังแห่งความร่วมใจ-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สร้างปรากฎการณ์ในหลากหลายมิติ

     

    โมโตจีพี สนามประเทศไทย เรียกว่า ที่สุดในทุกทาง ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์และปรากฎการณ์ใหม่มากมาย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 24,853 ล้านบาท ถูกเผยแพร่สู่สื่อมอเตอร์สปอร์ตยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ด้วยเสน่ห์ความเป็นไทยในหลากหลายมิติ สุดยอดอีเว้นต์ที่มากกว่าการแข่งขัน

    การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก“โมโตจีพี” สุดยอดศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก รายการกีฬายอดนิยมมีผู้ชมมากที่สุดรายการหนึ่งของโลก ถ่ายทอดสดไปมากกว่า 200 ประเทศ ยอดผู้ชมในทุกแพลตฟอร์มกว่า 1,000 ล้านคน ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ 6 ปี ตั้งแต่ปี 2561, 2562, งดจัดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในปี ปี 2563 ถึง 2564, จากนั้นจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

     

    ■ สนามเปิดฤดูกาลโอกาสทองฝังเพชรที่ทั่วโลกต่างต้องการ

     

    ในปี 2568 ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 1 ของฤดูกาล ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์) ได้รับบทบาทสำคัญ ทั้งการแถลงเปิดฤดูกาล Season Premier โดยดอร์น่าสปอร์ต ต่อด้วย Pre-Season Test และ Main Race 28 ก.พ.-2 มี.ค.ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6 ซึ่งดอร์นา สปอร์ต เปิดเผยว่าทั้ง 3 อีเว้นต์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย ใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 23 ล้านยูโร หรือประมาณ 819 ล้านบาท ไม่รวมกับงบประมาณจัดงานจากฝั่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.

    ซึ่งบทบาทในปีนี้ถือโอกาสทองจาก 22 สนามที่จะถูกจัดขึ้นทั้งปีทั่วโลก เนื่องจากได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชนและแฟนความเร็วมากที่สุด เพราะจะได้เห็นนักแข่งกับการวางแผนทำงานของทีมแข่ง ภายใต้รถแข่งในเทคโนโลยีใหม่, ผลงานภายใต้สนามนี้ เรียกว่าเป็นสนามที่จะชี้ชะตาของฤดูกาล 2025 เลยก็ว่าได้ และการได้รับโอกาสเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ ”สนามประเทศไทย” ที่โดดเด่นมากที่สุดสนามหนึ่งของโลก

     

    ■ ถนนทุกสายมุ่งสู่บุรีรัมย์ ไม่เกินความจริง

     

    หนึ่งภาพอันยิ่งใหญ่ของการจัดมหกรรมกีฬาระดับพรีเมียมนี้ ทำให้สุดสัปดาห์ของการจัดการแข่งขันตลอด 6 ปีที่ผ่านมาได้ สร้างปรากฎการณ์-ดึงดูดผู้คนหลายแสนคนมุ่งไปยัง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยโมโตจีพี ปี 2561 มีผู้ชมเข้าร่วมงาน 222,535 คน, ปี 2562 จำนวน 226,655 คน, ปี 2565 จำนวนผู้ร่วมงาน 178,463 คน, ปี 2566 จำนวน 179,811 คน, ปี 2567 จำนวน 205,373 คน และในปี 2568 ด้วยตัวเลขผู้ชมที่สูงถึง 224,634 คน ทำให้ PT Grand Prix of Thailand 2025  คือการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุด ที่มีการจัดในประเทศไทย

     

    ■ โมโตจีพีไม่ใช่แค่การแข่งขันแต่คือแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

    “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” เป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างยอดเยี่ยม เริ่มจากปี 2561 สร้างเงินหมุนเวียนโดยรวมจากการจัดงานคิดเป็นมูลทางเศรษฐกิจ 3,053 ล้านบาท, ปี 2562 จำนวน 3,457 ล้านบาท, ปี2565 จำนวน 4,048 ล้านบาท, ปี 2566 จำนวน 4,493 ล้านบาท, ปี2567 จำนวน 4,759 ล้านบาท

    ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยข้อมูลสำคัญ  PT Grand Prix of Thailand 2025 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. – 2 มี.ค. 2025 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 224,634 คน เป็นคนไทย 172,565 คน ชาวต่างชาติ 52,069 คน มูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5,043 ล้านบาท กระตุ้นการใช้จ่ายกว่า 4,268 ล้านบาท ใช้งบจัดงาน 775 ล้านบาท สร้างงาน 7,772 ตำแหน่ง ภาษีที่รัฐเก็บได้กว่า 318 ล้านบาท

    ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ “โมโตจีพี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันสูงถึง 24,853 ล้านบาท เป็นเครื่องการันตีความสำเร็จของนโยบาย World Grand Prix และ Sport Tourism ได้อย่างเป็นรูปธรรม

     

    ■ แง่มุมงดงามของการจัดแข่งขัน

     

    “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” เป็นมหกรรมกีฬาที่ทุกคนต่างมีส่วนร่วม เกิดขึ้นได้และขับเคลื่อนไปอย่างงดงาม ภายใต้ความร่วมมือที่ผนึกแน่นทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้การนำของการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเอกชนและภาคประชาชนมากมาย ก่อให้เกิดกิจกรรมที่สมบูรณ์พร้อมในและนอกสนาม ในฐานะที่ประเทศไทยและชาวไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกัน

    ทั้งนี้ การจัดการแข่งขันโมโตจีพีสนามประเทศไทยนั้น ลำพังแค่ “ฅนบุรีรัมย์” จะไม่สามารถจัดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า “มหานครแห่งกีฬาของประเทศไทย” แห่งนี้ ได้ฝากฝีมือไว้ในการจัด “มหกรรมกีฬา”ที่ยิ่งใหญ่มากมายด้วยลูกหลานบุรีรัมย์ คำว่า “บุรีรัมย์ทำถึง” ถูกขนานนามผ่านสื่อและประชาชนนับครั้งไม่ถ้วน

    “ชัตเติ้นแต๋น” จากเรือกสวนไร่น่า มาสู่ฮีโร่สำคัญของการขนส่งผู้คน สร้างตำนานและภาพจำบทใหม่ของการนำส่งผู้ชมสู่เซอร์กิต ประดับประดารถด้วยวัฒนธรรมอีสานใต้ สวยงามเป็นเอกลักษณ์

    “GU เก็บ” คนเล็กหัวใจใหญ่ คณะจิตอาสานับพันคน ที่ทำหน้าที่เบื้องหลังความสำเร็จด้านความสะอาด, Ask me “มีอะไรถามฉัน” อาสาสมัครด้านการท่องเที่ยวทั้งครู อาจารย์ เยาวชนในท้องถิ่น, ชาวต่างชาติที่มาร่วมโครงการกว่า 500 คน คอยให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวก ตอบคำถาม แก่นักท่องเที่ยว ที่เดินทางไปชมงานโมโตจีพี ที่จังหวัดบุรีรัมย์

     

    ■ เสน่ห์วิถีไทย เฟสติวัลที่ยิ่งใหญ่ ครบเครื่อง

    ที่ถูกชื่นชมตลอดมา คือ “เสน่ห์วิถีไทย” ที่เป็นแรงส่งทุกด้าน มัดใจผู้คนทั่วโลกทั้งแฟนโมโตจีพี“ตัวยง”และยังตอบโจทย์ให้กับคนอีกกลุ่มที่ต้องการเข้าร่วม “เฟสติวัล” ไม่ได้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันด้วยซ้ำ แต่ด้วยความสนุกแบบเต็มระบบ ครบเครื่อง ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ภายในสนามสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ หลังจบการแข่งขัน จะเห็นภายผู้คนนับหมื่นคน ยังคงสนุกสนานอยู่กับคอนเสิร์ต ศิลปินเบอร์ต้นของประเทศ , มวยและกิจกรรมใน PT Grand Prix Expo   ที่มีสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับมอเตอร์ไซค์-มอเตอร์สปอร์ต, ร้านอาหารอร่อยๆ รวมถึงพาวิลเลียนขนาดยักษ์ของแบรนด์สินค้าและหน่วยงานราชการให้ร่วมสนุกร่วมชมมากมาย ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด  (มหาชน), น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง, ฮอนด้า, ยามาฮ่า, ดูคาติ , กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.), แกร็บ ประเทศไทย (Grab) ฯลฯ จนได้รับเสียงชื่อชมมากมายจากดอร์น่า สปอร์ตและแฟนความเร็วทั่วโลก ถึงเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครนี้

     

    ■ ประวัติศาสตร์ความสำเร็จของวงการ “กีฬา”ไทย

    โมโตจีพี สนามประเทศไทย เป็นการต่อยอดนโยบาย “Sport Tourism” และ “ World Grand Prix” รวมถึงอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญของการกีฬาแห่งประเทศไทย คือการพัฒนา ยกระดับนักกีฬาไทยเพื่อต่อยอดเทียบเท่าระดับสากล และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ โดยในปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จที่มี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เป็นนักแข่งไทยคนแรกในการลงแข่งขันในคลาสสูงสุดอย่าง โมโตจีพี ตลอดทั้งฤดูกาล สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน และเป็นความภาคภูมิใจให้คนทั้งประเทศ

     

    #SaveThaiGP

    ฤดูกาล 2025 ประเทศไทยได้รับความสนใจจากสื่อมอเตอร์สปอร์ตยักษ์ใหญ่ทั่วโลก มีสื่อต่างชาติและสื่อไทยกว่า 750 คน ร่วมกันรายงานข่าว หลังจบการแข่งขัน เกิดกระแสทางสังคมมากมาย เกี่ยวกับการต่อสัญญาโมโตจีพีสนามประเทศไทย ที่ยังคงคุลมเคลือ และมีแนวโน้มว่า “โมโตจีพี 2026” จะเป็นสนามสุดท้ายของไทย โค้งสุดท้ายที่มีประเทศต่างๆสนใจรอจ่อคิวเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมากขึ้น ทำให้ผู้ชมและสื่อมวลชนมากมาย ต่างร่วมกันตั้ง แฮชแท็กซ์ #SaveThaiGP เพื่อเรียกร้องและปกป้องการแข่งขัน “โมโตจีพีวิถีไทย” หนึ่งในความสำเร็จและความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ได้มีโอกาสได้จัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องต่อไป

     

    ทุกเรื่องราวความสำเร็จในหลากหลายมิตินี้ ชี้ให้เห็นว่า “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ เป็น “มากกว่ากีฬา มากกว่าการแข่งขัน” เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน สร้างความสุข รอยยิ้ม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไปพร้อมๆกัน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ป้ายทะเบียนรถหาย! ต้องทำอย่างไร

    1 Min Read

    ป้ายทะเบียนรถหาย! ต้องทำอย่างไร

    เชื่อว่าหลายท่านต้องเคยประสบปัญหาเรื่อง ป้ายทะเบียนของรถหาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องแจ้งเรื่องหรือดำเนินการอย่างไรบ้างถึงจะได้มีป้ายทะเบียนกลับมาเหมือนเดิม ในคอลัมน์นี้จะมาไขข้อข้องใจนี้กัน

    อย่างแรกที่ต้องบอกกันก่อนเลยคือในกรณีป้ายทะเบียนรถของท่านหาย ไม่ต้องทำเรื่องแจ้งความแต่อย่างใด แค่ใช้บันทึกถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ขนส่งที่รับผิดชอบหรือพูดง่ายๆคือจดในเขตที่จดทะเบียนรถไว้ ไม่สามารถดำเนินเรื่องข้ามเขตได้ โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้

    1.สมุดคู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริง

    2.สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ

    3.หากไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตัวเองได้ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ

     

    กรณีรถติดไฟแนนซ์ แล้วต้องการดำเนินการด้วยตัวเอง

    1.สมุดคู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริง

    2.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้เช่าซื้อ

    3.หนังสือรับรองจากบริษัทจัดไฟแนนซ์

    4.หนังสือมอบอำนาจจากไฟแนนซ์ พร้อมสำเนาบัตรผู้รับมอบอำนาจ

    โดยมีค่าบริการที่ต้องชำระคือ ค่าป้ายทะเบียนป้ายละ 100 บาท  ค่าคำขอ 5 บาท และท่านจะได้รับป้ายทะเบียนใหม่ภายใน 15 วัน

     

    ก็เป็นเกร็ดความรู้ที่ได้นำมาฝากกันกับทุกท่านที่เคยเจอกรณีป้ายทะเบียนหายไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม ก็สามารถดำเนินการได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและหวังว่าการขับขี่ครั้งแต่ขอให้ทุกท่านระมัดระวังการทำป้ายทะเบียนหล่นหายอีก คงไม่มีท่านไหนอยากให้หล่นหายบ่อยอย่างแน่นอน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก กลุ่มประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร กรมการขนส่งทางบก)


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • 6 วิธี แก้ง่วงขณะขับรถทางไกล

    1 Min Read

    6 วิธี แก้ง่วงขณะขับรถทางไกล

    1. นอนหลับให้เพียงพอ การขับรถเดินทางไกล สิ่งสำคัญ คือคุณควรนอนหลับให้เพียงพอต่อการเดินทาง ควรนอนสะสมให้ครบ 8 ชั่วโมง หรือ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพื่อลดการง่วงขณะขับขี่ ซึ่งสามารถเป็นต้นเหตุของการหลับในได้
    2. หาเครื่องดื่มมาช่วยเพิ่มความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น ที่สามารถเพิ่มความสดชื่นและทำให้ตื่นตัวได้เป็นอย่างดี
    3. หาของกินระหว่างขับ เช่น มันฝรั่ง ลูกอม หมากฝรั่ง นอกจากจะคลายหิวแล้ว ยังช่วยร่างกายตื่นตัวอีกด้วย
    4. สร้างความสดชื่นด้วยการลดอุณหภูมิปรับความเย็นแอร์ลงหรือเร่งพัดลมแรงขึ้นหันเข้าหาตัว หรือลดกระจกลงเพื่อรับอากาศจากภายนอกบ้าง และควรเตรียมผ้าชุบน้ำไว้เช็คหน้าด้วย
    5. เปิดเพลงฟัง ชวนคนข้างๆคุย จะช่วยสร้างความครื้นเครงและทำให้ตื่นตัวขณะขับรถ
    6. ขยับร่างกายเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ การได้ขยับร่างกายเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยลดการเมื่อยล้า และเมื่อรู้สึกปวดเมื่อยให้ส่ายหัวบ้าง ยกมือ ยกแขน หรือเลื่อนเบาะที่นั่ง ปรับพนักพิง เพื่อไม่ให้อยู่ท่าเดิมนานๆ

    ถ้าหากรู้สึกว่ามีอาการง่วงมาก ๆ และจำเป็นต้องนอนพักในรถยนต์ ควรระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดจากการนอนเปิดแอร์และปิดกระจกในรถยนต์ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งเกิดจากในขณะที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ปิดกระจกมิดชิด เท่ากับว่าเป็นการนอนดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ โดยที่ก๊าซพิษเหล่านั้นจะไหลเวียนมาจากระบบแอร์ของรถยนต์ ที่มีการดูดอากาศจากภายนอกมาหมุนเวียนภายในรถ ทำให้คนที่นอนอยู่ในรถขาดอากาศหายใจ และอาจเสียชีวิตได้

    ควรหาที่จอดในที่โล่ง เมื่อจอดรถยนต์แล้วดับเครื่องยนต์ แง้มกระจกลงสักนิด 2-3 ซม. เพื่อระบายอากาศและรับลมจากภายนอก ห้ามเปิดแอร์และปิดกระจกโดยเด็ดขาด ให้ใช้พัดลมแอร์ช่วยให้หลับ ซึ่งพัดลมแอร์จะดูดอากาศมาหมุนเวียนในห้องโดยสาร แม้จะไม่เย็นเหมือนแอร์แต่ก็ทำให้หลับได้เช่นกัน และควรนอนพอให้หายอ่อนเพลียประมาณ 30-40 นาที เมื่อพร้อมแล้วจึงเดินทางต่อ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ท่อทางเดินอากาศเปลี่ยนแล้วดีอย่างไร…?

    1 Min Read

    ท่อทางเดินอากาศเปลี่ยนแล้วดีอย่างไร…?

    อุปกรณ์ปรับแต่งรถในบ้านเรา ยิ่งนับวันยิ่งมีการผลิตออกมาจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย มากมายหลากหลายรูปแบบ สามารถตอบสนองความต้องการของเหล่าบรรดาผู้ที่ชื่นชอบการปรับแต่งรถได้เป็นอย่างดี อุปกรณ์บางอย่างผู้ใช้รถอาจไม่คำนึงถึงความสำคัญ หรือมองของแต่งว่าเป็นของฟุ่มเฟือย แต่แท้ที่จริงแล้วอุปกรณ์บางชนิดนั้นช่วยเพิ่มสมรรถนะให้กับรถเราได้เพิ่มมากขึ้นโดยที่ไม่มีข้อเสียอะไร แน่นอนที่สุดครับสำหรับในคอลัมน์นี้จะพาไปรู้จักกับท่อทางเดินอากาศกันครับว่าของเดิมติดรถยังคงใช้งานได้อยู่หรือไม่ แล้วควรจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนดี ไปหาคำตอบได้จากคอลัมน์นี้ครับ

    ท่อทางเดินอากาศหรือที่เราเรียกติดปากกันว่า “ท่ออินเตอร์ฯ” หน้าที่ของมันก็คือ เป็นท่อส่งอากาศเพื่อผ่านไปสู่ห้องเผาไหม้นั่นเองครับ ซึ่งเจ้าท่อทางเดินอากาศนี้จะนำอากาศทางจากระบบอัดอากาศ (TURBO) เข้าสู่อินเตอร์คูลเลอร์ เพื่อลดอุณหภูมิหลังจากนั้นก็เดินทางเข้าไปที่ห้องเผาไหม้ เข้าสู่กระบวนการทำงานของเครื่องยนต์ ส่วนรูปร่างหน้าตาของท่อทางเดินอากาศนั้นก็จะมีขนาดตั้งแต่ 2” ไปจนถึง 4” เรื่องของขนาดควาเล็กหรือใหญ่นั้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ และขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน ถ้าเป็นรถบ้านปกติก็จะอยู่ที่ 2” – 2.5” เกินไปจากนี้ก็จะเป็นรถที่มีการปรับแต่งและโมดิฟายเพิ่มเติม

    ท่อทางเดินอากาศเดิมติดที่ติดมากับรถ วัสดุจะเป็นท่อยาง ซึ่งข้อดีของท่อยางนั้นก็คือสามารถให้ตัวได้มีความยืดหยุ่นสูง ถามว่าการใช้งานปกติในชีวิตประจำวันมีปัญหาอะไรมากมายหรือไม่ ในความเป็นจริงแล้วก็คงจะไม่มีอะไรหลอกครับ แต่ในระยะยาวอาจเกิดการเสื่อมสภาพได้ เกิดปัญหาแตกร้าวบิดตัวจากการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ในขณะใช้งาน และสำหรับบางท่านที่ขับขี่ด้วยความเร็วหรือในบางสถานการณ์การขับขี่บางครั้งต้องใช้รอบสูง อาจก่อให้เกิดการเบ่งตัวของท่อทางเดินอากาศได้ เมื่อท่อมีการเบ่งตัวนั่นคือท่อจะมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น ผลที่ตามมาก็คือจะทำให้พื้นที่ภายในท่อทางเดินอากาศมีปริมาตรมากขึ้น ทำให้การเดินทางและการรวมตัวกันของอากาศทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การทำงานของเครื่องยนต์ด้อยลง ทำให้การขับขี่ไม่สมบูรณ์แบบนั่นเองครับ

    แล้วควรจะเปลี่ยนท่อทางเดินอากาศแบบไหนดีถึงจะเหมาะสม ? อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับ สำหรับรถที่ขับใช้งานปกติไม่ได้มีการปรับแต่งโมดิฟายอะไรก็เปลี่ยนให้มีขนาดเท่าของเดิมหรือใหญ่จากเดิมไม่เกินครึ่งนิ้วก็เพียงพอแล้วครับ ส่วนรถที่มีการปรับแต่งโมดิฟายเพิ่มเติมก็ขึ้นอยู่กับสเต็ปการปรับแต่งแหละครับว่าควรจะเปลี่ยนขนาดไหนเพื่อให้เหมาะสมกับการปรับแต่ง ส่วนเรื่องของวัสดุของท่อทางเดินอากาศนั้นก็มีให้เลือกกันตามชอบใจแล้วแต่งบประมาณของแต่ละคนแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นอลูมิเนียม สเตนเลส ไทเทเนี่ยม ส่วนรูปแบบของการดัดท่อก็ยังคงมีให้ได้เลือกใช้กันตามใจชอบอีกแหละครับ ดัดทราย หรือดัดแบบโชว์ลอยเชื่อมก็มีให้ได้เลือกหากัน

    ท่อสำเร็จกับแบบสั่งตีแบบไหนดีกว่ากัน ? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานนั่นแหละครับ ถ้าเน้นสะดวกใช้เวลาติดตั้งไม่นานก็ซื้อสำเร็จได้เลยครับ เพราะเดี๋ยวนี้มีจำหน่ายมากมายหลายรุ่น สามารถติดตั้งเองได้เลยใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ถอดของเดิมออกแล้วเอาของใหม่ใส่เข้าไปแทนที่เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ของ BRD บางมดเรซซิ่งจะจัดเอาไว้ให้ครบชุดพร้อมติดตั้งหรืออยากจะสั่งทำแบบตามใจชอบก็สามารถทำได้อันนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความพอใจของแต่ละคนครับถ้าสั่งตีใหม่ก็อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย กว่าจะวัดขนาดดัดตามรูปแบบก็ใช้เวลานานสักหน่อย

    เปลี่ยนท่อทางเดินอากาศแล้วดีอย่างไร ? จะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆให้เห็นภาพครับ อากาศที่ถูกปั่นจากเทอร์โบมีแรงดันที่สูงมาก เมื่อท่อทางเดินอากาศที่เป็นอลูมิเนียม สเตนเลส หรือไทเทเนี่ยม ไม่มีการขยายตัวหรือเบ่งตัวการรวมตัวกันของอากาศก็จะสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์เมื่อความหนาแน่นของอากาศมีความสมบูรณ์เดินทางเข้าสู่ห้องเผาไหม้ก็จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งที่สัมผัสได้ก็คือรอบต้นติดบูสท์เร็วขึ้น ไม่มีอาการรอรอบ โดยรวมแล้วคือดีกว่าของเดิมนั่นแหละครับ

    เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเรื่องราวของท่อทางเดินอากาศ สำหรับรถใครที่มีเทอร์โบก็ลองพิจารณากันดูครับว่าจะเปลี่ยนแบบไหนดี ท้ายนี้ก็ของฝากกันไว้สักนิดครับเรื่องของการขับขี่รถบนท้องถนน มีมารยาทและให้ทางกันมากๆ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • 4x4WD ใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม…?

    1 Min Read

    4x4WD ใช้งานอย่างไรให้เหมาะสม…?

    ในปัจจุบันรถยนต์นั่งประเภท SUV ถือว่าเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ใช้รถ และในบางรุ่นสำหรับรถประเภทนี้จะมีระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อให้ได้เลือกใช้กัน เรียกได้ว่าสามารถขับขี่กันได้บนท้องถนนในเมืองไปยันเข้าป่าลุยโคลนกันเลยทีเดียว สำหรับในคอลัมน์นี้เราจะมาแนะนำการใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อกันแบบถูกวิธีกันครับ เพื่อที่จะได้ใช้งานในส่วนของระบบขับเคลื่อนที่ติดมากับรถได้อย่างถูกต้อง

    โหมด 2H (ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง)

    โหมดขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (2H) นับเป็นการใช้งานปกติทั่วไป เช่น ขับขี่ในเมือง สภาพถนนเรียบ ทางคอนกรีตหรือทางที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงทางดำทางฝุ่นที่สภาพไม่ลื่นมาก ระบบนี้จะสามารถใช้งานได้ โดยส่วนใหญ่แล้วรถ SUV รุ่นใหม่ๆ มักจะมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และควบคุมการทรงตัวต่างๆ มาด้วย เช่น ป้องกันล้อหมุนฟรี, ป้องกันการลื่นไถล, ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC เป็นต้น จึงขับขี่ได้ทั้งถนนปกติและถนนที่มีการลื่นไถลได้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับโหมดนี้มักเป็นค่ามาตรฐานไม่ต้องเปิดปิดหรือปรับปุ่มเลือกรูปแบบการขับขี่ใดๆ

    โหมด 4H (ขับเคลื่อน 4 ล้อใช้ความเร็ว)

    โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูงหรือ 4 High คือการเลือกใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อกับสภาพถนนทั่วไป ที่มีลักษณะเปียกลื่นมากขึ้นกว่าปกติ หรือขับขี่ผ่านเส้นทางหุบเขา ทางโค้งที่สภาพถนนเปียกลื่น หรือแม้แต่ทางฝุ่น ลูกรัง กรวด หรือ โคลนตื้นๆ ระบบนี้ก็จะทำงานแปรผันกำลังแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 แบบอัตโนมัติ เพื่อให้ขับขี่ต่อไปได้อย่างปลอดภัย และที่สำคัญสามารถทำความเร็วสูงๆ เกิน 100 กม./ชม. ได้สบายๆ ในโหมดนี้ การใช้งานก็แสนง่ายเพียงหมุนสวิตช์เลือกรูปแบบการขับขี่โดยไม่ต้องจอดรถสนิท หลังจากนั้นก็รอระบบตอบรับการทำงานบนหน้าปัดก็เรียบร้อย ในโหมดนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายและแม่นยำมากยิ่งขึ้นในสภาพถนนที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ ซึ่งระบบขับเคลื่อนที่ทำงานพร้อมกันทั้งสี่ล้อนั้นจะช่วยให้การยึดเกาะถนนดียิ่งขึ้น

    โหมด 4L (ขับเคลื่อน 4ล้อความเร็วต่ำ)

    โหมดนี้จะเน้นสมรรถนะการปีนไต่ การตะกุยแบบเต็มรูปแบบของระบบทั้ง 4 ล้อ เพื่อให้ผ่านอุปสรรคต่างๆหรือสภาพผิวทางที่ค่อนข้างต่างระดับไปได้ เช่น โคลนลึก ร่างถนนลึก สภาพถนนเปียกและลื่นมากๆ เมื่อขับผ่านเส้นทางป่าเขา หรือแม้แต่ลุยผ่านร่องน้ำ ลำธาร และไต่ขึ้นทางชันมากๆ เป็นต้น ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีประการณ์มากมายนัก ในโหมดนี้จำเป็นต้องหยุดรถให้สนิทพร้อมใส่เกียร์ว่าง (N) จึงจะสามารถหมุนสวิตช์เลือกรูปแบบขับขี่ได้ และรอให้ไฟเตือนโชว์ขึ้นบนหน้าปัดก่อนก็เป็นอันสมบูรณ์ และตอนปลดระบบออกก็ต้องหยุดรถเช่นกัน

    ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากครับสำหรับการใช้งานระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ติดมากับตัวรถ เนื่องจากรถรุ่นใหม่ๆนี้สามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนได้อย่างง่ายดายจากภายในตัวรถ เพียงแค่เรารู้การทำงานของตำแหน่งต่างๆเพื่อจะได้ใช้งานให้ถูกประเภทเท่านี้ก็พอแล้วครับ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • กล้องติดรถ…อุปกรณ์ที่ช่วยคุณในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    1 Min Read

    กล้องติดรถ…อุปกรณ์ที่ช่วยคุณในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    บนท้องถนนในสมัยนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้บ่อยมาก ยิ่งเป็นการจราจรในเมืองหลวงที่มีการจราจรติดขัดและย่อมเกิดอุบัติเหตุตามมามากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมีอุปกรณ์ที่สามารถช่วยตัวท่านได้นั่นก็คือ กล้องติดรถยนต์ ที่เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยท่านได้ในหลายๆเรื่อง จะเป็นเรื่องอะไรบ้าง ติดตามได้ในคอลัมน์นี้

    กล้องติดรถในสมัยนี้มีมากมายหลายแบรนด์มีทั้งสำหรับติดกับรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์พร้อมทังยังมีอุปกรณ์เสริมอีกมากที่ช่วยให้ปรับเข้ากับรถของท่าน แต่จะมีท่านไหนทราบถึงประโยชน์ของมันบ้าง เราจะมาพูดกัน

    1. เมื่อมีอุบัติเหตุ ทำให้ตรวจสอบผู้กระทำผิดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยกล้องที่ติดไว้กับตัวจะสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ เพื่อความสะดวกในการดำเนินการตามกฎหมาย

    2. ในบางบริษัทประกันภัยช่วยลดค่าใช้จ่ายและช่วยประหยัดเงินค่าต่อประกันในปีถัดไปของท่านได้ถ้ามีกล้องติดรถ

    3. ช่วยให้ท่านสามารถเก็บภาพการขับขี่ของตัวเองและช่วยปรับปรุงวิธีการขับรถของท่านเองได้

    4. ถ้าหากท่านมีการขับรถในเส้นทางไหนประจำ ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงานหรือส่งของ ก็สามารถใช้บันทึกข้อมูลการขับขี่ เพื่อช่วยในการปรับปรุงการขับและลดอุบัติเหตุได้

    5. กล้องติดรถบางรุ่นสามารถใช้ข้อมูล GPS ที่ให้บริการโดย Google ที่แสดงตำแหน่งยานพาหนะและแสดงผลและบันทึกเส้นทางที่อยู่

    6. มั่นใจทุกการเดินทาง เพราะกล้องจะบันทึกการเดินทางของเราตลอด

    7. มีกล้องหลากหลายแบบที่จะช่วยสนับสนุนการเดินทางของท่านทั้งความคมชัดและขนาดความจุและยังสามารถนำภาพไปใช้ได้อีกด้วย

    นี่ก็เป็นประโยชน์คร่าวๆของการมีกล้องติดรถในทุกการเดินทางในปัจจุบันนี้เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ เมื่อท่านมีกล้องติดกับรถไว้ก็ไม่เสียหาย บางท่านอาจจะคิดว่ามีไปก็ไม่ได้ใช้ แต่ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า มีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แต่ก็ไม่มี


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • REGULATOR ทำงานยังไงไปดูกัน..!!!

    1 Min Read

    REGULATOR ทำงานยังไงไปดูกัน..!!!

    เรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ คุยยังไงก็ไม่จบไม่สิ้นซะที มีเรื่องราวให้ได้พูดคุยกันทุกเรื่องจริงๆครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสวยงาม เรื่องของเครื่องยนต์ เรื่องของความแรง ระบบต่างๆภายในตัวรถ รายละเอียดมันชั่งเยอะเหลือเกิน และสำหรับในคอลัมน์นี้ครับ เราจะพาไปทำความรู้จักกับอุปกรณ์หนึ่งชนิดที่อยู่ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ ไปดูกันครับว่ามันมีหน้าที่ทำอะไร ทำไมรถเดิมก็มี รถซิ่งก็ชอบปรับแต่งกันไปหาคำตอบกันครับ

    เรามาทำความรู้จักกับ REGULATOR กันก่อนเลยครับว่ามันมีหน้าที่ ที่สำคัญที่สุดในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะทำการปรับแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงในรางหัวฉีดให้เหมาะสมกับการทำงานในแต่ละช่วงรอบการทำงานในขณะนั้นๆ โดยการควบคุมแรงดันน้ำมัน ที่ส่งมาจากปั๊มแรงดัน ผ่านกรองเบนซินเข้ายังรางหัวฉีด ผ่านตัวเร็กกูเรเตอร์ และไหลกลับสู่ถังน้ำมันเชื้อเพลิง

    REGULATOR จะทำงานร่วมกับสุญญากาศภายในท่อร่วมไอดี โดยจะสังเกตุว่าเร็กกูเรเตอร์ แต่ละตัวนั้นจะมีท่อสำหรับต่อสายเข้าไปยังท่อร่วมไอดี ด้านหลังลิ้นปีกผีเสื้อ และจะทำงานสัมพันธ์กันกับลิ้นเร่ง ลิ้นเร่งเปิดน้อย สุญญากาศในท่อก็จะมีมาก ลิ้นเร่งเปิดมาก สุญญากาศก็จะน้อย แรงสุญญากาศที่มาก หรือน้อยนี่แหล่ะครับ จะคอยควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงให้สม่ำเสมอเพียงพอกับความต้องการของเครื่องยนต์ ไม่ว่าลิ้นเร่งจะเปิดมากหรือน้อยเร็กกูเรเตอร์ เริ่มทำงานนับตั้งแต่บิดสวิทช์กุญแจไปที่ “ON” ปั๊มน้ำมันจะส่งน้ำมันมายังรางหัวฉีด และเร็กกูเรเตอร์จะปิด แรงดันในรางหัวฉีดจะสูงมาก ที่เป็นอย่างนั้นเพื่อให้การฉีดน้ำมันในการสตาร์ทเครื่องครั้งแรกมากกว่าปกติ ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทง่าย และเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว ในรอบเดินเบาจะมีสุญญากาศมาก เร็กกูเรเตอร์ก็จะเปิดมากให้น้ำมันเชื้อเพลิงไหลกลับถังมาก ช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อเริ่มเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์ต้องการปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เพื่อเร่งรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น โดยกล่อย ECU จะได้รับข้อมมูลจากเซนเซอร์ต่างๆของเครื่องยนต์มาประมวลผล และสั่งให้หัวฉีดฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น แรงดันในรางหัวฉีดจะลดลง ถ้าไม่มีเร็กกูเรเตอร์ ในช่วงที่เร่งรอบเครื่องยนต์ ลิ้นปีกผีเสื้อจะเปิดกว้างขึ้น ทำให้สุญญากาศในท่อร่วมไอดีลงลง ส่งผลให้เร็กกูเรเตอร์ปล่อยให้น้ำมันไหลกลับถังน้อยลง ทำให้ในรางหัวฉีดมีแรงดันน้ำมันเพียงพอกับความต้องการของเครื่องยนต์ เมื่อเราถอนคันเร่ง ในท่อร่วมก็จะมีสุญญากาศมาก เร็กกูเรเตอร์ก็จะปล่อยน้ำมันออกมาก และจำทำงานเช่นนี้ตลอด แรงดันน้ำมันก็จะสูง ต่ำตามความต้องการของเครื่องยนต์

    โดยปกติแล้ว เครื่องยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้นความต้องการแรงดันในรางหัวฉีดนั้นจะแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วแรงดันที่ต้องการจะอยู่ในราวๆ 2.5-3.5 บาร์ หรือราว 36-50 Psi เพื่อให้การจ่ายน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเร็กกูเรเตอร์จึงเป็นตัวสำคัญในการรักษาแรงดันในรางหัวฉีดให้มีแรงดันสม่ำเสมอตามความต้องการของเครื่องยนต์ในแต่ละช่วงรอบนั้นๆ

    เร็กกูเรเตอร์ก็เหมือนชิ้นส่วนอื่นๆของเครื่องยนต์ที่มีการใช้งานก็อาจเกิดการเสียหายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะที่แผ่นไดอะแฟมที่เป็นตัวหลักในการควบคุมแรงดันและต้องสัมผัสกับน้ำมันอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้ผ้าเปื่อยขาด ทำให้วาล์วเปิดค้างหรือเปิดให้น้ำมันไหลน้อย ส่งผลให้แรงดันในรางหัวฉีดผิดปกติ และทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้นและสตาร์ทติดยากได้เหมือนกัน ส่วนการจะเปลี่ยนใช้ของใหม่แทนตัวเก่า หรือจะเปลี่ยนตัวใหม่ ติดตั้งใหม่ อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของผู้เป็นเจ้าของรถ และทุนทรัพย์ในการซ่อมบำรุง เร็กกูเรเตอร์ที่ติดมากับเครื่องยนต์นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ดีกับเครื่องยนต์ตัวนั้นๆแล้ว และเครื่องยนต์ไม่ได้รับการปรับแต่งโมดิฟายอะไรเพิ่มเติม เร็กกูเรเตอร์ “เดิม”นั้นรับรองว่าเพียงพอกับความต้องการการใช้งานอยู่แล้วครับ

    สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบที่ต้องการแรงดันในรางหัวฉีดมากกว่าเครื่องยนต์ที่ไม่มีเทอร์โบ ก็มีการติดตั้งเร็กกูเรเตอร์เช่นเดียวกัน แต่จะสร้างแรงดันให้พอเพียงในการบูสท์ของเทอร์โบได้ดี หรือแม้แต่จะเปลี่ยนเทอร์โบลูกใหญ่ขึ้น ปรับบูสท์ให้สูงขึ้น เร็กกูเรเตอร์เดิมสามารถรองรับในจุดนี้ได้เพียงพอกับความต้องการของเครื่องยนต์อยู่แล้ว และบางครั้งเร็กกูเรเตอร์เดิมยังทำงานได้ดีกว่าเร็กกูเรเตอร์ปรับได้บางรุ่นเสียอีก ดังนั้นบางครั้งควรมาใส่ใจในเรืองอื่นมากกว่า เช่น การเพิ่มขนาดหัวฉีดให้มีการฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ท่อทางเดินน้ำมัน กรองเบนซิน หรือปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงครับ

    เป็นยังไงกันบ้างครับกับเรื่องราวของเร็กกูเรเตอร์ เมื่อได้อ่านบทความกันแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้กับรถคันโปรดของท่านอย่างถูกวิธีกันด้วยนะครับ เพื่อที่จะรักษารถให้อยู่กับเราได้นานขึ้นครับ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • IMPREZA “GC”แต่ละVERSION ต่างกันยังไง…!!

    2 Min Read

    IMPREZA “GC”แต่ละVERSION ต่างกันยังไง…!!

    เอาใจคอแรลลี่กันซักหน่อยสำหรับคอลัมน์นี้ กับรถจากค่ายดาวลูกไก่อย่าง SUBARU IMPREZA ในบอดี้ GC เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรหัสที่สาวกสูบนอนไม่พลาดที่จะมีไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สุดแสนจะมีเสน่ห์ รวมไปถึงเครื่องยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเรื่องของช่วงล่างแบบหนึบๆตามสไตล์ แรลลี่ โดยเฉพาะในรุ่นของ GCถือว่าเป็นที่กล่าวขานกันอย่างมาก สำหรับในคอลัมน์นี้เราจะพาไปดูกันครับว่ามีกี่รุ่นและมีกี่เวอร์ชั่นที่ทางซูบารุได้ผลิตออกมา และแต่ละเวอร์ชั่นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

    ก่อนอื่นเราเราต้องมาดูกันก่อนครับว่า SUBARU IMPREZA ในซีรี่ของ GCนั้นมีกี่รุ่น เรามาแบ่งกันแบบง่ายๆให้เห็นกันชัดๆไปเลย นั่นก็คือ GC3 เป็น รถ 1.6 ขับหน้า 90 แรงม้า แคมเดี่ยว   GC6 เป็นรถ 1.8 ขับ4 110แรงม้า แคมเดี่ยว /GC8 เป็นรถ 2.0 2.5 ขับ4 มีทั้ง NA และ turbo
    Body ของ impreza นั้น เริ่มเกิดขึ้นปี 1992 โดย จะมี ตัวถังแบ่งออกเป็น 3 แบบ ในส่วนของ sedan คือ GC3,GC6,GC8  โดยGC8 เป็นรถ 2.0 ขับ4 มีทั้ง NA และ turbo WRX ,WRX type RA,STi,STi V limited,STi type RA ,STi type R, STi 22B,STi S201
    เรามาดูกันที่ตัวแรกก่อนเลยครับ ขอเน้นไปที่ ตัว STi นะครับ STi version1  ภายนอก ไฟหน้า ยังมนอยู่ครับ ทรงเหมือน รถบ้าน NA บ้านเราครับ เบรกหน้า 2พอต หลัง1พอต หางหลังทรงสูงๆหน่อยครับ ดูตามรูปเลยครับ
    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ20G
    อินเตอร์คูลเลอร์:เฉียง
    ระบบจุดระเบิด: ไดเร็คคอยล์ สูบละ 1 ชุด
    เทอร์โบ: TD05
    แรงดันบูสท์: 0.8 บาร์
    แรงม้า : 250/6500
    แรงบิด : 31.5 kgm/3500

    ก่อนที่ subaru จะสร้าง impreza STi version 2 ก็ได้ปล่อย WRX STi type RA ออกมาก่อน  โดยมีการพัฒนาจาก ตัว version1 มาพอสมควร ทั้ง เกียร์ ที่เป็นเกียร์ 3.9 close มี C.diff แรงม้า 275 คอไอดี ยังไม่เป็นสีแดง

    ในช่วงของปี1995เป็น STi version2 และ STi 555 และ STi type RA
    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ20G
    อินเตอร์คูลเลอร์:เฉียง (สีเงิน..ของ WRX ธรรมดาเป็นสีดำ ..ท่อทางเข้าต่างกัน)
    ระบบจุดระเบิด: ไดเร็คคอยล์ สูบละ 1 ชุด
    เทอร์โบ: TD05
    แรงดันบูสท์: 0.93 บาร์
    แรงม้า : 275/6500
    แรงบิด : 32.5 kgm/4000
    รอบตัด 7000 เท่า WRX ธรรมดา
    ส่วน STi type RA version 2 จะลากรอบได้ถึง 7500 รอบต่อนาทีนะครับ ตัวนี้เป็นคอแดงแล้วครับ ในตัวที่เป็น
    STi version2 V-limited ทำออกมา1000คัน
    STi version2 typeRA   ทำออกมา 555 คัน

    ในช่วงปี 1996 subaru ได้ปล่อย  STi version3 ภายนอก มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมพอสมควร ทั้งไฟหน้า เป็นมุมเป็นเหลี่ยมเหมือนไฟเพชรที่เราๆใช้กันอยู่ในปัจจุบันเนี่ยล่ะครับ แต่ยังไม่ใช่ไฟเพชรครับ หางหลัง เหมือน version2 ล้อลักยิ้มสีทอง แต่มี ออฟชั่น พิเศษ เป็นล้อ BBS ของ16 มาด้วยนะครับ ก็เพิ่มไลน์การผลิตของตัว2ประตู หรือบางคนเรียก คูเป้ ซึ่ง ชื่อรุ่นของมันคือ STi version3 type R  เครื่องยนต์ เปลี่ยนรหัสจาก EJ20G เป็น EJ20K มีการพัตนาตัวเครื่องขึ้นมาพอสมควร ลูกสูบเป็น ฟอร์จ แคมฝั่งไอดี เพิ่มจากเดิม 240 เป็น 246 องศา ลิฟจาก 8.1 เป็น8.2 และฝั่งไอเสียเป็น 248 องศา ลิฟ8.3
    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ20K บ้านเราเรียก คอแดงคอยกลาง
    อินเตอร์คูลเลอร์:ตรง สีเงิน STi
    ระบบจุดระเบิด: Waste spark คอยล์ 1 ตัวจุด 2 สูบพร้อมกัน
    เทอร์โบ: IHI RHF5
    แรงดันบูสท์: 1.07 บาร์
    อัตราส่วนกำลังอัด: 8.0ต่อ1 (VersionII เป็น 8.5)
    แรงม้า : 280/6500
    แรงบิด : 35 kgm/4000
    รอบตัด : 7900
    อีกหนึ่งอย่างที่มีเพิ่มเข้ามาคือ เบรค4พอตครับ ส่วนด้านหลัง ยังเป็น 1พอตเหมือนเดิม และในตัวที่เป็น RA เนี่ยะ เพลาจะใหญ่กว่ารุ่นปกติ

    STi version3 V-limited ทำออกมา500คัน
    STi version3 type R ทำตามออเดอร์เท่านั้น

    ในช่วงต้นปี 1998 subaru ได้ปล่อย STi version4 ออกมาครับ โดยภายนอก แทบไม่มีอะไรแตกต่างจาก STi version3เลยครับ แต่ครับแต่ ในรุ่นนี้ สิ่งที่ มันพิเศษขึ้นมา แปลกใหม่ขึ้นมา แม่มโคตรหลายอย่างเลยครับ เริ่มตั้งแต่ ภายใน คอนโซล มีการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดครับ แต่เบาะยังคงเป็นปีกแดงเหมือน STi version3 ครับ  ก็มี เบรคหลัง2พอตเข้ามาเพิ่ม รวมทั้งตัว STi type RA ด้วยครับ  ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ เหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ด้านในมีนิสหน่อยครับ แรงบิดที่เพิ่มขึ้น แคม ที่มีการเพิ่งองศาในฝั่งของไอดี จากเดิม 246 เป็น248 องศา ลิฟจาก 8.2 เป็น 8.3 ส่วนฝั่งไอเสียเท่ากับ STi version3

    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ20K
    อินเตอร์คูลเลอร์:ตรง สีเงิน STi
    ระบบจุดระเบิด: Waste spark คอยล์ 1 ตัวจุด 2 สูบพร้อมกัน
    เทอร์โบ: IHI RHF5
    แรงดันบูสท์: 1.07 บาร์
    อัตราส่วนกำลังอัด: 8.0ต่อ1
    แรงม้า : 280/6500
    แรงบิด : 36 kgm/4000
    STi type RA V-limited ทำออกมา 555คัน
    STi typeR typeRA V-limited ทำออกมา 555คัน
    STi type R V-limited จะทำรุ่นพิเศษ ทุกๆครบรอบ3เดือน ทำตามออเดอร์เท่านั้น

    ในช่วงปลายปี1998 Subaru ได้ปล่อย impreza STi version5 ออกมาครับ ทีนี้ เปลี่ยนใหม่หมดครับภายนอก ไฟหน้า ทรงเดียวกับ version3-4 แต่โคมเป็น เพชรละครับ ใสกิ๊ง กันชนหน้าเปลี่ยนไป เหลือ2ครับ หางหลัง ทรงสูง ล้อลักยิ้มเหมือนเดิมด้านเครื่องยนต์ ได้เปลี่ยน รหัสเป็น EJ207 ครับ
    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ207 บ้านเรา เรียก คอยเฉียงครับ
    อินเตอร์คูลเลอร์:ตรง สีเงิน
    ระบบจุดระเบิด: Waste spark คอยล์ 1 ตัวจุด 2 สูบพร้อมกัน คอยล์วางตำแหน่งเยื้องไปทางขวา
    เทอร์โบ: IHI RHF5
    แรงดันบูสท์: 1.0 บาร์
    แรงม้า : 280/6500
    แรงบิด : 36 kgm/4000
    STi type RA V-limited ทำออกมา 1000คัน
    STi type R limited ครับรอบ4เดือน จะทำตัว limited ออกมา1ครั้ง

    ในช่วงปี1999 subaru ได้ปล่อย STi version6 ออกมาครับ ภายนอก เหมือนversion5 ครับ แต่แตกต่างกันตรง มีลิ้นหน้าเพิ่มเข้ามา หางหลัง คล้ายกัน แต่ มีขั้นของหางเพิ่มเข้ามา

    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ207
    อินเตอร์คูลเลอร์:ตรง สีเงิน
    ระบบจุดระเบิด: Waste spark คอยล์ 1 ตัวจุด 2 สูบพร้อมกัน คอยล์วางตำแหน่งเยื้องไปทางขวา
    เทอร์โบ: IHI RHF5
    แรงดันบูสท์: 1.0 บาร์
    แรงม้า : 280/6500
    แรงบิด : 36 kgm/4000
    STi RA limited ทำออกมา 2000คัน
    WRX type R limited ทำออกมา 1000คัน

    ต่อไป น่าจะเป็น body สุดท้ายของ GC นั่นก็คือ Subaru impreza WRX STi typeRA S201 electra
    ชุดบอดี้พาร์ท อลังการงานสร้าง ในแบบที่ GC ไม่เคยมีมาก่อนโดนเฉพาะกันชนหน้า และกันชนหลัง

    เครื่องยนต์
    รหัส: EJ207
    ความจุ1994
    อินเตอร์คูลเลอร์:ตรง สีเงิน
    เทอร์โบ: IHI RHF5
    แรงม้า :  300.1 PS  @ 6500 rpm
    แรงบิด : 36kgm @ 4000 rpm
    STi S201 ทำออกมา 300คัน

    สำหรับคนที่ชื่นชอบรถจากค่ายดาวลูกไก่ก็คงพอจะได้ความรู้กันไปไม่มากก็น้อย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบอดี้ที่น่ามีไว้ประดับโรงจอดรถที่บ้านซะจริงๆเชียวครับ สำหรับคอลัมน์นี้ต้องขอตัวลากันไปก่อน สวัสดีครับ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • VIP STYLE เค้าแต่งกันยังไงไปดูกัน…!!

    1 Min Read

    VIP STYLE เค้าแต่งกันยังไงไปดูกัน…!!

    ว่ากันด้วยเรื่องของการแต่งรถ คุยกันไม่จบไม่สิ้นสักที แน่นอนที่สุดครับสำหรับในคอลัมน์นี้ จะพาผู้ที่ชื่นชอบการปรับแต่งรถแนววีไอพีไปทำความรู้จักกันครับว่า เค้าแต่งกันอย่างไร ถึงเรียกว่าแนววีไอพี พื้นฐานของตัวรถต้องเป็นรถประเภทไหนต้องไปติดตามดูกันครับ เรียกได้ว่าก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการปรับแต่งรถที่ได้รับความนิยมกันอย่างมากทั้งในบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน

    เรามาเริ่มต้นกันก่อนเลยครับว่า VIP Style คืออะไร VIP STYLE สไตล์ก็คือการแต่งรถที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า “แนวยากูซ่า” นั่นเองครับ แต่ที่จริงแล้วคำว่า VIP ในที่นี้ ไม่ได้มีความหมายโดยตรงว่า “very important person” ซะหน่อย จึงขออธิบายว่าจริงๆ แล้วรายละเอียดมันเป็นอย่างไรซึ่งแนวทางการแต่งรถให้เป็น VIP Style นั้น ก็จะมีข้อแม้ในการแต่งอยู่พอสมควร เพื่อให้สามารถควบคุมรูปแบบของการปรับแต่งได้จึงต้องมีขอบเขตกันบ้าง จะเป็นยังไงนั้นต้องไปดูกันครับ

    โดยส่วนมากแล้วจะเป็นรถ SEDAN บอดี้ใหญ่ ในบ้านเราที่เห็นๆ กันส่วนก็จะมี HONDA ACCORD,TOYOTA CAMRY/ARISTO,NISSAN TEANAและรถรุ่นอื่นๆบ้างที่มีบอดี้ขนาดใหญ่ แต่ในบ้านเรารถขนาดใหญ่นั้นเป็นไปค่อนข้างยากเพราะมีราคาสูงพอสมควรจึงมีการอนุโลมในเงื่อนไขแบบไทยๆ คือ MINI SEDAN, MID SEDAN ก็สามารถทำรถแนว VIP STYLE ได้

    ในส่วนของล้อแม็กซ์นั้น ล้อแนว VIP STYLE ไม่ได้หมายถึง ล้อโครเมี่ยมเงาวับหรือล้อโตขอบ 20″ ขึ้นไป แต่มันคือล้อแท้จากสำนักผลิตที่มีมาตรฐาน คุณภาพสุดบรรยาย วัสดุชั้นดี งานสวยที่ของก๊อปปี้เทียบไม่ติด และลายนั้นต้องไม่ใช่แนว RACING พอใส่กับรถแล้วดูสวย หรูหรา เนี๊ยบทำให้รถมีราคาขึ้นมากและดูเป็นผู้ใหญ่

    สีของรถควรเป็นสีแนวสุภาพ แต่ก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องขาวหรือดำเท่านั้น สีอะไรก็ได้แต่งขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเรียบร้อยหรูหรา ดูเป็นผู้ใหญ่ ก็แล้วแต่จะทำกัน ส่วนการเล่นสีสันเจ็บๆ นั้น ทาง VIP CARเขาให้นิยามมาว่า VIP CAR INAKA หรือที่เราเรียกกันว่า อินากะ ในภาษาไทย มันมีที่มาจากการที่รถ VIP CAR ที่อยู่ตามต่างจังหวัดประเทศญี่ปุ่น เขาชอบใช้สีสดๆ ซึ่งมันผิดกับคอนเซ็ปท์ที่กล่าวไว้ตอนต้นนั่นเอง

    มาดูกันที่ระดับความสูงของตัวรถกันบ้างครับ แน่นอนที่สุดครับตัวรถต้องมีความเตี้ยพอสมควร ถึงเตี้ยมาก แต่สำหรับประเทศไทยบ้านเรานั้น ถนนขรุขระเหมือนผิวดาวอังคารไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร ความเตี้ยของรถจึงไม่จำเป็นมากเท่าไหร่แต่ก็มีพี่ไทยหลายๆคันที่เตี้ยได้สุดจริงๆครับเรียกได้ว่าท้องแตกก็ยอมเพื่อความเท่
    ในส่วนของชุด AERO PART รอบคัน ในเรื่องของชุด AERO PARTนั้นต้องออกแนว VIP STYLE ถ้า AERO PART แนว RACING ก็จะผิดสูตรไม่เข้ากับแนว VIP STYLE จะกลายเป็นการแต่งแบบ RACING ไปเลย

    สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่ชอบการปรับแต่งแนวนี้ก็สามารถนำไปเป็นแนวทางการปรับแต่งรถของตัวเองกันได้เลยนะครับ แต่ที่สำคัญเมื่อปรับแต่งกันแล้วก็อย่างลืมขับขี่กันด้วยความไม่ประมาทกันด้วยนะครับ จะได้ไม่เดือดร้อนกับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • EGR คืออะไรทำไมต้องมี !!?

    1 Min Read

    EGR คืออะไรทำไมต้องมี !!?

    เมื่อรถยนต์มีการพัฒนาขึ้นอยู่ตลอด อุปกรณ์ต่างๆที่ถูกใช้งานควบคู่ไปกับรถยนต์ทุกชนิดจึงต้องมีการพัฒนาตามกันไป แน่นอนที่สุดครับสำหรับในคอลัมน์นี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของระบบการนำไอเสีย(บางส่วน)ย้อนกลับไปใช้งานอีกครั้งหรือที่รู้จักกันในชื่อของระบบ EGR นั่นเองครับ มันคืออะไร และหน้าที่ของมันทำอะไรบ้าง ในคอลัมน์นี้มีคำตอบครับ

     

    EGR (EXHAUST GAS RECIRCULATION) ในสองสามปีที่ผ่านมาแรงดันสูง ทำให้การเผาไหม้ได้สมบูรณ์แต่การเผาไหม้รุนแรง ด้วยความร้อนสูง จึงเกิดออกไซด์ของไนโตรเจน ซึ่งเป็นสารมลพิษ จึงเกิด EGRขึ้นมาโดยเอาไอเสียส่วนหนึ่งน้อยๆที่มีการควบคุมตามความจำเป็น ไม่ใช่ทั้งหมดของไอเสียกลับเข้าไปเผาไหม้ใหม่ อย่างที่หลายๆคนคิดและเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น เมื่อไอเสียส่วนน้อยๆเข้าไปในท่อไอดี เพื่อทำให้อากาศในท่อไอดีออกซิเจนต่ำลง การเผาไหม้จึงลดความรุนแรงลง จึงทำให้ลดหรือหมดไปของออกไซด์ของไนโตรเจน รถใหม่ป้ายแดงใช้งานไปในระยะแรกผู้ที่ใช้รถจะไม่รู้สึกว่ามี EGR เพราะระบบยังทำงานเป็นปกติ แต่เมื่อใช้งานไปสักพักได้ยินคำบอกเล่าว่าอุดEGR แล้วจะทำให้รถวิ่งดีขึ้น ควันไม่ดำ แน่นอนเรื่องควันดำ ถ้าEGRเกิดการขัดข้อง ปล่อยให้ไอเสียกลับเข้าในท่อไอดีมากขึ้น

    คำถามที่เจอกันบ่อยครั้ง มีอยู่ว่าการอุด EGR จะมีผลเสียกับเครื่องหรือไม่ คำตอบเกือบทั้งหมดจะตอบว่า อุดได้ไม่มีปัญหาเพราะจะได้ไม่ต้องเอา ไอเสียกลับไปเผาไหม้ใหม่มีบางคนถึงกับแนะนำต่อว่า อุด EGR แล้วไม่ทะลวงแคท(แคทาลิติกคอนเวอร์ทเตอร์) เดี๋ยวแคทก็จะตัน เพราะเขม่าไอเสียจะมากขึ้น ระบบ EGR และ แคทาลิติกคอนเวอร์ทเตอร์เป็นอันว่าหมดไปคือไม่มี ระบบ EGRและแคทาลิติกคอนเวอร์ทเตอร์ไม่มีส่วนที่จะเพิ่มสมรรถนะแต่อย่างใด ความจริงทั้ง EGR และ แคทาติกคอนเวอร์ทเตอร์ เป็นมาตรฐานระดับโลกที่บังคับให้ต้องมี ความสำคัญและมีหน้าที่ๆถูกต้องเป็นอย่างไร

     

    แต่ก่อนจะคุยถึงเรื่อง EGR และ แคทาลิติกคอนเวอร์ทเตอร์ นี้จะย้อนรอยถอยหลังไป50ปี เครื่องยนต์ในสมัยนั้น ก็เหมือนกับเครื่องยนต์ในสมัยนี้ คือ สันดาปภายใน แต่ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ระบบไฟแรงสูงเปลี่ยนไป เครื่องยนต์ในสมัยเมื่อ 50 ปีที่แล้วมา การจ่ายเชื้อเพลิงเป็นแบบคาร์บูเรเตอร์ ช่องเดียว คือมีช่องทางให้อากาศ และเชื้อเพลิงเข้าเพียงช่องเดียว ไฟแรงสูงคือไฟที่จะไปออกหัวเทียนเพื่อจุดระเบิด ที่มาจาก คอยล์ ทำไฟแรงต่ำ 12 โวลท์ มีทองขาวเป็นตัวทำให้คอยล์เกิดไฟแรงสูง 25,000 โวลท์ การปรับตั้งเครื่อง ก็รู้กันแต่เพียงว่าให้เครื่องยนต์ เดินในรอบเดินเบาเดินเรียบในรอบที่ต่ำมาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารอบเดินเบานั้นกี่รอบ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีวัดรอบ แต่จะดูกันที่ใบพัดลม ช่างผู้ใหญ่จะอำช่างเด็กๆว่าไอ้หนูตั้งให้นับใบพัดได้เลยนะ ใบพัดเป็นใบพัดเหล็กมี 4 ใบ แอร์ไม่มี เพาเวอร์ไม่มี ไฟชาร์ทเป็นได AC คือกระแสไฟตรง จะทำไฟเมื่อรอบสูง ในรอบต่ำจึงเป็นการทำงานของเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว ไม่มีอุปกรณ์ใดมาเป็นภาระของเครื่องยนต์ จึงทำให้กำลังของเครื่องยนต์ รอบเดินเบาจึงต่ำมากได้

    นอกจากจะดูรอบเครื่องที่เดินเบาแล้ว จะต้องเดินไปที่ท้ายรถดมกลิ่นไอเสียโดยเอามือไปรับไอเสียมาดม ถ้าส่วนผสมไม่ถูกต้องเชื้อเพลิงมากไปเผาไหม้ไม่หมด จะมีกลิ่นน้ำมัน มีอาการแสบจมูกแสบตา ก็ต้องไปตั้งอากาศตั้งจังหวะจุดระเบิดใหม่ จนกว่าจะหาย ถ้าเชื้อเพลิงน้อยไป ไอเสียจะออกมาร้อนแต่ไม่มีกลิ่น การปรับตั้งทำได้แต่ในรอบเดินเบา แล้วรอบสูงเผาไหม้หมดหรือไม่เราไม่รู้ การเผาหมดหรือไม่หมดไม่รู้ แต่ถ้ามีอาการควันดำ ก็ต้องถอดหัวเทียนออกมาดู ถ้าสีของหัวเทียนดำแสดงว่าน้ำมันมากไป แต่ถ้าวิ่งความเร็วสูง มีอาการสะดุดถอดหัวเทียนออกมาดู สีของหัวเทียนเป็นสีขาว แสดงว่าน้ำมันน้อยไป การเผาไหม้ไม่หมดก่อให้เกิดมลพิษอะไรเราก็ไม่รู้ แต่มีผู้คนอีกกลุ่มที่รู้ว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มาสมบูรณ์ทำให้เกิดมลพิษ มลภาวะขึ้นในอากาศ จึงมีการพัฒนาการจ่ายเชื้อเพลิง คาร์บูเรเตอร์ ให้มีสองช่องเพื่อให้อากาศเข้าได้มากขึ้น เครื่องยนต์มีแรงมีกำลังมากขึ้นแต่คงจะแก้ปัญหามลพิษที่เครื่องยนต์ทำให้เกิดขึ้นได้ไม่พอจึงมีการพัฒนาระบบจ่ายเชื้อเพลิง ระบบไฟแรงสูง ขึ้นและต่อมา ระบบจ่ายเชื้อเพลิงไม่ใช้คาร์บูเรเตอร์ เป็นตัวจ่ายเชื้อเพลิงเปลี่ยนเป็นหัวฉีดควบคุมด้วย อิเล็คทรอนิค มีกล่อง อีซียู เป็นตัวควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิง ไฟแรงสูงจาก 25,000 โวลท์ เป็น 35,000โวลท์ ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ คือการเผาไหม้ที่รุนแรง ก็ทำให้เกิด ออกไซด์ของไนโตรเจน

    การเผาไหม้ในเครื่องยนต์สมัยเก่าที่ไม่สมบูรณ์จะก่อให้เกิด คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็น แก๊สพิษ ไม่มีสีไม่มีกลิ่น และไม่มีรส เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ เป็นมลพิษที่ปนออกมากับไอเสียของเครื่องยนต์

    การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ เกิดจากการที่อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันอย่างถูกต้องทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรงอุณหภูมิสูง ทำให้เกิด ออกไซด์ของไนโตรเจน อันเป็นสารมลพิษ เป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    อุปกรณ์ในรถหลายๆอย่างเมื่อเกิดการขัดข้องยังมีการแก้ไข แล้วทำไมเมื่อระบบ EGRเกิดการขัดข้องทำไมไม่แก้ไข ทั้งๆที่เป็นความจำเป็นที่ต้องมีข้อสำคัญในเครื่องยนต์ ดีเซล ระบบคอมมอนเรล ที่ไอเสียส่วนเล็กๆที่กลับเข้าไปในท่อไอดี จะมีเขม่าเข้าไปเกาะภายในท่อไอดี แต่ส่วนที่สำคัญตรงจุดที่ท่อไอดีเชื่อมต่อกับฝาสูบ ที่เป็นส่วนที่ทางเดินของไอดีที่เล็กก็จะเล็กลงไปอีก มีผลทำให้กำลังเครื่องยนต์ตก ควันดำ ตรงจุดนี้ไม่เคยมีคนคิด ถ้าเครื่องยนต์วิ่งมาได้สัก 150,000 กม จะถอดท่อไอดีออกมาขูดเขม่าออก ก็น่าจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เป็นปกติ กำลังของเครื่องยนต์จะดีขึ้น ควันดำก็จะหายหรือน้อยลง ความประหยัดเชื้อเพลิงมีมากขึ้น ทั้งหมดพอจะเป็นแนวทางให้ท่านที่ใช้รถได้คิด และป้องกันความเสียหายจากความไม่รู้ได้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment