ประวัติของ Suzuki Cappucino

Initial D อนิเมะขับรถชื่อดังที่ทุกคนต่างรู้จักกันเป็นดีอย่าง แต่หากรู้ไม่ว่าหลายๆคนอาจไม่รู้ว่า Initial D นั้นเป็นรถของแบรนด์ Suzuki อยู่ด้วย นั่นคือ Suzuki Cappucino

Suzuki Cappucino ผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 1991-1998 เป็นรถ Kei car ที่ผลิตขึ้นมาในคราบรถสปอร์ต เพื่อให้คนญี่ปุ่นมือใหม่หัดซิ่ง ซื้อได้ง่ายขึ้น ภาษี และเบี้ยประกันถูกลง ตลอดสายการผลิตของเจ้ารถชื่อเหมือนกาแฟรุ่นนี้หน้าตา และสเปคโดยรวมแทบจะไม่มีเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่มากนัก นอกจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง

ด้วยน้ำหนักที่เบาถึง 725 กก. ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบ 657 cc เคลมพละกำลังได้ 63 แรงม้าที่ 6,500 rpm ซึ่งไม่เกินเพดานสูงสุดของการผลิต Kei car ที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมการวางเครื่องยนต์แบบ MF ขับล้อหลัง ที่กระจายน้ำหนักได้ 50/50 บอดี้ที่กว้าง 1,395 มม. และยาว 3,295 มม. มิติที่เล็กพร้อมดีไซน์มนๆ นั่นจึงทำให้มันดูน่ารักปุ๊กปิ๊กถูกใจบรรดาเมียๆ ไม่เบาเลย

ที่มาที่ไปของ Suzuki Cappucino นั้นเกิดจากว่า เมื่อปี 1987 ทาง Suzuki อยากจะทำรถที่ดูมีอิมเมจความเป็นรถสปอร์ตนี่ เพราะรถ Kei car ส่วนใหญ่จะออกแบบเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยมเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ชดเชยกับขนาดที่เล็กของมัน พอรถทรงนี้ออกมาจนโหล มันก็ทำให้ตลาดรถเล็กดูน่าเบื่อและ 2 ปีต่อมา ปี 1989 Suzuki ก็ปล่อยรถคอนเซ็ปท์ออกมากในงาน Tokyo Motor Show โดยในช่วงแรกๆ Suzuki ไม่ได้คิดที่จะขายต่างประเทศเลยด้วยซ้ำ จนในเดือนตุลาคมปี 1991 รถเล็กคันนี้ก็เริ่มผลิตจริงในโรงงานที่เมืองโคไซ ภายใต้รหัสโมเดล EA11R ซึ่งก็คือคันที่ Sakamoto ขับในอนิเมะ พร้อมปล่อยออกสู่ท้องตลาดในเดือนพฤศจิกายน ปี 1991 พร้อมคำโปรยว่า “ความฝันที่จะมีรถสปอร์ต 2 ที่นั่งเท่ๆ และราคาจับต้องง่าย เป็นจริงได้แล้ว”

ตลอด 2 ปีแรก Suzuki Cappucino ผลิตในโรงงานนี้ทั้งหมด 15,113 คัน และขายออกไปได้ถึง 13,318 คัน หรือเท่ากับ 88% ของยอดผลิตในตลาดญี่ปุ่น ด้วยราคาเปิดตัว 1.4 ล้านเยนกว่าๆ ถือว่าค่อนข้างแพงพอสมควร ราคาพอๆ กันกับรถใหญ่ๆ ขนาด 1.5 ลิตร แต่ถ้ามองในแง่ของความเป็นรถสปอร์ตแล้วก็ยังถือว่ายังถูก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณค่าทางใจของเราว่า “ซื้อไม่คิด” หรือ “คิดไม่ซื้อ”

ในระหว่างที่เจ้า Cappucino ยังทำตลาดอยู่ที่ญี่ปุ่นในปีแรกๆ ทาง Suzuki ที่อังกฤษก็ขอคุยชวนจิบชาดาร์จิลิง กับ Suzuki Motor ที่ญี่ปุ่นว่า “เอามาขายบ้านเราเถอะ คนเมืองผู้ดีเค้าอยากได้” ฝั่งญี่ปุ่นก็เกาหัว “เอาไงดีวะ… ไม่ได้คิดเรื่องจะขายประเทศอื่นด้วยสิ” ซึ่งก็ใช้เวลาเจรจา และปรับแก้นู่นนิดนี่หน่อยไปทั้งหมด 1 ปีครึ่ง จนผ่านการอนุมัติให้ขายในตลาดอังกฤษได้ด้วยการปรับแก้ชิ้นส่วนถึง 23 จุด โดยที่มี Suzuki Import Centre ทำหน้าที่รับผิดชอบการนำเข้าที่อังกฤษ

ในเดือนตุลาคมปี 1992 Suzuki Cappucino เปิดตัวในต่างประเทศครั้งแรกที่งาน British International Motor Show และชนะรางวัลของสถาบันยานยนต์อังกฤษถึง 2 รางวัลทั้งรางวัล “รถสปอร์ตยอดเยี่ยมในราคาต่ำกว่า 20,000 ปอนด์” และ ”รางวัลรถยอดเยี่ยมภายในงาน” จนมาถึงเดือนตุลาคมปี 1993 เจ้า Cappucino วางขายอย่างเป็นทางการสนนราคาอยู่ที่ 11,995 ปอนด์ แต่ก็ติดในเรื่องของโควต้าการส่งออก-นำเข้าจะญี่ปุ่นไปอังกฤษ ทำให้เวลาจะขายก็ขายได้จริงเพียงแค่ 1,182 คันเท่านั้นจากที่คิดไว้ว่าจะเอาไปขาย 1,500 คัน โดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง ในขณะที่ตัวสีเงินหาได้น้อยมาก แทบจะต่างกันราวฟ้ากับเหว และภายในปี 1993-1995 รถที่ขายไปทั้งหมด 1,110 คันถูกจดทะเบียนที่อังกฤษในขณะที่คันอื่นๆ ที่เหลือถูกขายและจดทะเบียนผ่านดีลเลอร์ตามประเทศเพื่อนบ้านเช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ หรือ สวีเดน

จนในปี 1995 เป็นช่วงที่มาตรการควบคุมไอเสียในยุโรปเริ่มเข้มข้นขึ้น Suzuki จึงต้องออก Minorchange ออกมาเป็นรุ่น E21R โดยอัปเดตเครื่องยนต์ใหม่จาก F6A ที่กระบอกสูบช่วงชักยาว ปากแคบๆ และขับแคมชาฟท์คู่ด้วยสายพาน เปลี่ยนมาเป็นเครื่อง K6A ที่กระบอกสูบปากกว้างช่วงชักสั้น และใช้โซ่ขับแคมชาฟท์ ทำให้ได้แรงบิดที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อยและแรงม้ายังเท่าเดิม แถมยังให้ออปชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างพวงมาลัยพาวเวอร์ และ เกียร์ออโต้ 3 สปีด สำหรับคนที่แรงมือไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริมความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น ถุงลมนิรภัย, ระบบเบรก ABS ทั้ง 4 ล้อ, เฟืองท้ายหรือ “เต๊ด”หรือแม้แต่ กระจกเปิดปิดด้วยไฟฟ้า นั่นเอง

อีกเสน่ห์ของ Suzuki Cappucino อย่างนึงคือ หลังคา เพราะมันถูกออกแบบมาเป็นหลังคาแข็งที่แบ่งเป็นสามส่วนคือ ปีกซ้าย, ปีกขวา และแกนกลาง ทำให้สามารถเลือกถอดได้หลายรูปแบบตามใจเรา จะเหลือแกนไว้เป็น T-Top ก็ทำได้, จะถอดหมดเป็น Targa ก็ทำได้ หรือจะถอดกระจกหลังให้เป็นเปิดประทุนก็ทำได้ ซึ่งกระจกหลังก็เป็นกระจกจริงๆ และกันฝ้าได้อีกด้วย ส่วนการออกแบบภายในจะเป็นดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่ายตามสูตรของ Suzuki ไม่ได้มีอะไรหวือหวา อารมณ์คล้ายๆ Swift หรือ Celerio ในปัจจุบัน

เพราะความเล็กนี่ทำให้มีปัญหากวนใจอย่างนึง คือ เรื่องของตำแหน่ง ปุ่ม และคันโยกต่างๆที่ดูแปลกๆ เช่น ที่เปิดฝาถังน้ำมันอยู่ในช่องเก็บของใต้ที่พักแขนตรงกลาง หรือคันชักเปิดฝากระโปรงหน้าก็หลบอยู่ในที่เก็บของฝั่งผู้โดยสารจนมองไม่เห็นนี่เอง ทำให้รู้สึกว่ามันไม่อยู่ในที่ๆ ควรอยู่นี่เอง

ทั้งหมดนี้คือประวัติของ Suzuki Cappucino คันเล็กๆ น่ารักกะปุ๊กกะปิ๊ก อายุ 30 ปี สำหรับสกู๊ตนี้พวกเราขอฝากติดตาม Realtime Car Magazine ด้วยนะครับ


ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine