ประวัติของ Yamaha
ทุกท่านต่างรู้จัก Yamaha กันเป็นอย่างดี แต่ว่าความเป็นมาของแบรนด์ของรถมอเตอร์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่าง Yamaha ที่กำลังเล่าถึงนั้นว่าเคยผลิตเครื่องดนตรีมาก่อน แล้วได้ขยายมาเป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ได้ยังไง?
จุดเริ่มต้นทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อนาย Torakusu Yamaha ก่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องดนตรีที่เมือง Hamamatsu จังหวัดชิซุโอกะ ในชื่อว่า บริษัท Nippon Gakki ก่อนจะจดทะเบียนใหม่ในชื่อ Yamaha Corporation ในปี 1987 หรือ 100 ปีให้หลัง เพื่อผลิต Reed Organ โดยเฉพาะ จนในช่วงปี 1900 บริษัท Nippon Gakki ก็เริ่มผลิตเปียโนรุ่นแรก และเริ่มผลิตแกรนด์เปียโนรุ่นแรกในสองปีต่อมา ทำให้ Nippon Gakki กลายเป็นบริษัทผลิตเปียโนเจ้าแรกของญี่ปุ่น และกลายมาเป็นแบรนด์เครื่องดนตรีที่ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลาต่อมา จนมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Nippon Gakki มีบทบาทในการผลิตใบพัดเครื่องบินรบป้อนให้กับกองทัพจักรวรรดิ ซึ่งประธานในตอนนั้นอย่าง Kaichi Kawakami ก็ได้มีการไหว้วานให้นาย Soichiro Honda ออกแบบและประดิษฐ์เครื่องจักรที่ช่วยทุ่นแรงให้ผลิตได้ทีละเยอะๆ ในเวลาต่อมาเขาคนนี้ก็กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Honda
จนกระทั่งหลังสิ้นสุดสงคราม Genichi Kawakami ประธานคนต่อมาและเป็นลูกชายของ Kaichi ก็ตัดสินใจฟื้นฟูโรงงานขึ้นมาใหม่ และหันมาผลิตรถมอเตอร์ไซค์สำหรับขับขี่ในชีวิตประจำวัน จนมาถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 1955 แผนกรถมอเตอร์ไซค์ของ Nippon Gakki ก็แยกตัวออกมาต่างหากในชื่อ Yamaha Motor
โดยรถคันแรกที่ผลิตคือรุ่น YA-1 ซึ่งเป็นรถ 2 จังหวะขนาด 125 cc และหยิบเอาต้นแบบมาจากรถมอเตอร์ไซค์เยอรมันรุ่น RT125 ของ DKW มาผลิต ความพิเศษของรถรุ่นนี้คือเปิดตัวมาก็ประสบความสำเร็จในวงการแข่งขัน ด้วยการคว้าแชมป์รุ่น 125 cc ในการแข่งขันไต่ภูเขาไฟฟูจิ, คว้าโพเดียมตั้งแต่อันดับที่ 1-3 ในรายการ All Japan Autobike Endurance Road Race และชนะการแข่งไต่เขาอาซามะ ภายในปีเดียวกัน และจากความสำเร็จตั้งแต่ต้นครั้งนี้ก็กลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญในการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ของ Yamaha ไปอีกนานแสนนานจนถึงปัจจุบัน แถมยังได้รับฉายาว่า Aka-tombo (赤トンボ, “Red Dragonfly”) หรือแมลงปอแดง
ในปี 1956 Yamaha ส่งรถ YA-1 ไปเยือนต่างประเทศครั้งแรกในสนาม Catalina Grand Prix บนเกาะซานตา คาตาลินา ที่อยู่นอกชายฝั่งทางใต้ของนครลอสแอนเจลิส และได้อันดับที่ 6 ในการแข่งขัน ต่อมาในปี 1957 Yamaha เปิดตัวรถ YA-2 ซึ่งเป็นการปรับปรุง YA-1 ในส่วนของเฟรมกับช่วงล่าง และ YD-1 ซึ่งเป็นรถเครื่องยนต์ 2 สูบขนาด 250cc ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่และทรงพลังกว่าเดิม แถมยังผลิตมาในเวอร์ชั่นรถแข่งอย่าง YDS-1 ที่เฟรมรถเป็นแบบเปลคู่ และระบบเกียร์ 5 สปีด และในช่วงยุคนี้นี่เองครับที่ Yamaha ยังผลิตเครื่องยนต์เรืออีกด้วย
ในปี 1963 Yamaha ส่งรถรุ่น RD56 ไปแข่งขันในสนาม Belgian GP คลาส 250cc ถึง 4 คัน และคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกโดย Fumi Ito และตามมาด้วย Yoshikazu Sunako คว้าอันดับที่ 2 จนในปีต่อมาปี 1964 Yamaha ต่อยอดความสำเร็จด้วยการก่อตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศไทยเป็นแห่งแรกภายใต้ชื่อ บริษัท สยามยามาฮ่า จำกัด หรือในปัจจุบันก็คือ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด นี่เอง และเลือกให้ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นฐานการผลิตแห่งแรกในยุโรปเมื่อปี 1968
ในปี 1965 Yamaha เปิดตัวรถรุ่นเรือธงอย่าง YM1 ที่ให้เครื่องยนต์ 2 จังหวะขนาด 305 cc พร้อมเทคโนโลยีใหม่ในยุคนั้นอย่างระบบจ่ายน้ำมันออโตลูปเข้าไปในเครื่องยนต์โดยตรง ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผสมน้ำมันออโตลูปเข้าไปในถังน้ำมันเชื้อเพลิงอีกต่อไป และยังประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย และในปี 1967 Yamaha เปิดตัวรถสองสูบคู่เรียงรุ่น R1 ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 350cc
ในปี 1969 Yamaha เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะรุ่นแรกในชื่อ XS650 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สองสูบคู่เรียงขนาด 650cc 4 วาล์ว ที่ใหญ่และทรงพลังมากกว่าเดิม ถึงแม้รถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นจะเริ่มหันมาทำรถ 4 สูบเรียงตามเทรนด์แล้วก็ตาม แต่ Yamaha ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองด้วยการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ สูบเดียว 2 จังหวะ และ สูบคู่เรียง 4 จังหวะอยู่เหมือนเดิม
ในช่วงปี 1970 Yamaha เพิ่ม Reed Valve ให้กับเครื่องยนต์ 2 จังหวะทั้งสองสูบคู่เรียงของรถตระกูล RD และ สูบเดี่ยวของรถตระกูล RS ซึ่งรถทั้งสองตระกูลนี้ก็จะลากขายยาวมาจนถึงยุค 1980 นอกจากนี้ Yamaha ยังผลิตรถขนาดเล็กอย่างรุ่น FS1 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สองจังหวะขนาด 50cc พร้อม Rotary-Disk Valve และรถวิบากตระกูล DT จนมาถึงปี 1976 Yamaha เริ่มพัฒนาและเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ที่แหกออกไปจากความตั้งใจดั้งเดิมอย่าง XS750 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบขนาด 750cc ก่อนที่ต่อมาในปี 1978 Yamaha ก็เปิดตัวรถ 4 สูบเรียงรุ่นแรกขึ้นมาในชื่อ XS1100 หรือ XS Eleven ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1,100cc
ในช่วงยุคนี้เองก็เป็นช่วงที่ Yamaha ได้สร้างตำนานไว้อีกหนึ่งอย่างครับนั่นก็คือการเอารถรุ่น XT500 ไปพิชิตและคว้าชัยชนะในการแข่งขัน Dakar Rally เมื่อปี 1979 จนมาถึงช่วงยุค 1980 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนเริ่มมีความต้องการรถมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะมากขึ้น Yamaha ก็ยังไม่สนใจเทรนด์นี้ และยังเดินหน้าผลิตรถ 2 จังหวะต่อไป ตัวอย่างเช่น RZ-350 ที่กลายเป็นรถยอดนิยมในช่วงยุคนั้น
ในปี 1981 Yamaha ปล่อยรถ Cruiser รุ่นแรกในชื่อ XV750 หรือในอีกชื่อว่า Virago 750 มาพร้อมเครื่องยนต์ V-Twin สี่จังหวะขนาด 750cc และในปี 1984 รถมอเตอร์ไซค์ Yamaha ที่ดัดแปลงจากรถแข่งในสนาม กลายมาเป็นรถวิ่งบนท้องถนน ก็เปิดตัวเป็นครั้งแรกนั่นก็คือรุ่น RSV500R ซึ่งมีต้นแบบมาจากรถรุ่น YZR500 ที่อดีตนักแข่ง MotoGP ระดับตำนานยุคก่อน MotoGP อย่าง Kenny Roberts เคยขี่ และยังเป็นรถที่ทำขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงสนามสุดท้ายที่แข่งขันและคว้าแชมป์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยุติบทบาทในฐานะนักแข่งรายการนี้เมื่อปี 1983 ซึ่งเจ้า RSV500R คันนี้ให้เครื่องยนต์ 4 สูบวี 2 จังหวะ 500cc
ในปีต่อมา ปี 1985 Yamaha เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ที่สมรรถนะสูงกว่าเดิม และมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กันนั่นก็คือ FZ750 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 จังหวะ 750cc และเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้คือฝาสูบที่มีถึง 5 วาล์ว และอีกรุ่นหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ RX-Z รถเน็คเก็ตในตำนาน พร้อมเครื่องยนต์สูบเดียว 2 จังหวะ 133cc และผลิตออกมาหลายต่อหลายรุ่น มีความเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ จนสิ้นสุดการผลิตไปในปี 2011
กระโดดข้ามมาจนถึงปี 1995 Yamaha ก่อตั้งแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะกลุ่มตลาดรถ Cruiser ในสหรัฐอเมริกา Star Motorcycles และในปี 1998 Yamaha เริ่มเจาะกลุ่มตลาด 4 สูบเรียงขนาด 1,000cc ด้วยการเปิดตัว YZF R1 โฉมแรก แถมยังดีไซน์ชุดเกียร์ให้สั้นลง ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
ผ่านมาจนถึงยุค 2000 Yamaha ก่อตั้งฐานการผลิตเพิ่มที่ประเทศฟิลิปปินส์ และผ่านมาจนถึงปี 2015 Yamaha ลงทุนไปทั้ง 150 ล้าน USD หรือ 5 พันล้านบาท เพื่อตั้งฐานการผลิตในเขตท่าเรือกาซิม นครการาจี ประเทศปากีสถาน และในเดือนตุลาคม ปี 2017 Yamaha เข้าซื้อแผนกผลิตเครื่องยนต์ขนาดเล็กของ Subaru ซึ่งเครื่องยนต์ว่ามานี้ก็เอาไว้ใช้กับเครื่องตัดหญ้า เครื่องปั่นไฟ และปั๊มน้ำ พร้อมกับขายภายใต้แบรนด์ Yamaha นอกจาก Yamaha จะผลิตรถมอเตอร์ไซค์แล้ว ก็ยังมีผลิตอย่างอื่นอีกเยอะแยะอยู่เหมือนกันครับเช่น รถ ATV ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ยุค 80, สโนว์โมบิล, เรือยนต์, เรือใบ, เจ็ทสกี
ในส่วนของวงการมอเตอร์สปอร์ตนั้นหลายๆ คนต่างก็รู้กันว่า Yamaha เป็นแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่แจ้งเกิดมาตั้งแต่ผลิตรถรุ่นแรกๆ โดยในปัจจุบันที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ MotoGP ที่ Yamaha ฟอร์มทีมโรงงานขึ้นมาตั้งแต่ปี 1999 ก่อนเข้าสู่ยุค MotoGP ประมาณ 1 ปี และนักแข่งคู่แรกที่เซ็นสัญญาเข้าทีมก็คือ Max Biaggi และ Carlos Checa และยุคที่เป็นตำนานขนาดว่า โลกต้องจดจำนั่นก็คือยุคของ VR46 นั่นเอง เมื่อ Valentino Rossi เข้ามาขี่รถ YZR-M1 ให้กับทีมเมื่อปี 2004 และคว้าแชมป์ฤดูกาลในปีนั้นทันที และเป็นเจ้าของแชมป์ 9 สมัย จนยุติบทบาทนักแข่งหลังจบฤดูกาลปี 2021
ในส่วนของ WorldSBK Yamaha เข้ามาแข่งขันตั้งแต่ฤดูกาลแรกสุดเมื่อปี 1988 โดยมี Ben Spies เป็นแชมป์โลกคนแรกของ Yamaha ในฤดูกาลปี 2009 และแชมป์โลกคนล่าสุดของทีมคือ Toprak Razgatlıoğlu เมื่อปี 2021
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจและควรรู้คือ Yamaha เคยทำรถยนต์มาก่อน แถมเป็นรถสปอร์ตซะด้วย โดยแผนการพัฒนารถยนต์ของ Yamaha นั้นเริ่มขึ้นจากการทดสอบรถยนต์ต้นแบบที่ชื่อ YX-30 ซึ่งเอาต้นแบบมาจากรถ MGA และใช้ออกแบบเครื่องยนต์ให้มีขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ 4 จังหวะ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างจึงทำให้ไปได้ไม่สวยครับ เพราะเจอปัญหากันไม่หยุดไม่หย่อนตลอดการทดสอบ
จนในวันที่ 5 มิถุนายน ปี 1961 รถต้นแบบ YX-30 คันที่ 2 ก็ประกอบจนเสร็จ โดยจะมีการดีไซน์ตัวถังใหม่ และทำเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2 ลิตร ตามแบบของ Tice Engineering แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้เครื่องยนต์ตามที่อยากได้ เจอปัญหาอยู่เรื่อยๆ เพราะเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตยังไม่แม่นยำมากพอ โปรเจคการพัฒนารถของ Yamaha ที่ทำให้ตายยังไงก็ไม่สำเร็จสักทีทำให้เสียเงินทุนไปมหาศาลมากเลยครับ และทีมวิจัยก็ต้องถูกยุบไปในที่สุด
แต่ Yamaha ก็ยังไม่ยอมแพ้ และขอความร่วมมือกับ Nissan ที่อยากจะทำรถสปอร์ตเหมือนกัน และยังได้รับความร่วมมือกับ Albrecht Goertz ที่ตอนนั้นทำงานกับ BMW ช่วยกันพัฒนารถสปอร์ตออกมาเป็น A550X แต่สุดท้ายแล้วความร่วมมือนี้ก็ไม่ได้ไปต่อ ทิ้งให้ Yamaha ต้องพัฒนาโปรเจคนี้ต่อเพียงลำพัง ในขณะที่ทีมวิศวกรของ Nissan ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจคนี้ก็เอามาต่อยอดจนกลายมาเป็น Nissan Silvia โฉมแรก
เมื่อสัญญาความร่วมมือระหว่าง Yamaha กับ Nissan หมดอายุลง ทาง Yamaha จึงหันหน้าไปหา Toyota ทันทีและเอาแบบของรถ A550X คันนี้ไปพัฒนาต่อยอดโดย Yamaha จะรับผิดชอบในเรื่องของการทำเครื่องยนต์ โรงงานและเครื่องไม้เครื่องมือก็ใช้ของ Yamaha หมดเลย จนออกมาเป็น Toyota 2000GT และนั่นทำให้ Toyota และ Yamaha มีมิตรภาพที่ดีอยู่เหมือนกัน
จนกระทั่งต้องมาหยุดชะงักจากการพัฒนารถแข่ง Toyota 7 โดยที่ Yamaha รับผิดชอบการพัฒนาแชสซีส์ ซึ่งในตอนนั้น Toyota มีเป้าหมายที่จะเอารถรุ่นนี้ไปแข่งใน Le Mans และ Canadian-American Challenge Cup แต่ในระหว่างการทดสอบที่สนามของ Yamaha นักขับ Sachio Fukuzawa ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ปี 1969 Toyota ปฎิเสธการส่งมอบภาพถ่ายอุบัติเหตุครั้งนี้ให้เป็นหลักฐานกับทางตำรวจ ด้วยเหตุผลที่เป็นความลับทางการค้า และกล่าวหาว่าเป็นเพราะความผิดพลาดของ Sachio ในเวลาต่อมา Shintaro Fukuzawa พ่อของ Sachio ก็ยื่นฟ้องกับทาง Toyota ว่าประมาทเลินเล่อ และขัดขวางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างฝ่ายต่างสู้คดีกันยืดเยื้อนานมากถึง 12 ปี จนทางครอบครัว Fukuzawa ชนะคดีในปี 1981 และทาง Toyota ต้องจ่ายค่าเสียหายถึง 61 ล้านเยน
และนักแข่งอีกคนที่ต้องประสบชะตากรรมคล้ายๆ กันก็คือ Minoru Kawai โดยที่เขามาขับทดสอบที่สนาม Suzuka Circuit ในวันที่ 26 สิงหาคม 1970 และประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่ นั่นจึงทำให้ Toyota กับ Yamaha ต้องแยกทางกัน และถอนตัวจากโครงการนี้ไปในที่สุด
ปี 1984 Yamaha กลับมาทำเครื่องยนต์รถแข่งใหม่ นั่นก็คือ OX66 เพื่อเอาไปใช้กับรถแข่ง Formula 2 โดยเป็นเครื่องยนต์ V6 ทำมุม 75 องศา ขนาด 2 ลิตร 330 แรงม้า ก่อนจะขยับมาทำเครื่องยนต์ OX77 สำหรับรถแข่ง Formula 3000 ในปี 1987 โดยเป็นเครื่องยนต์ V8 ทำมุม 90 องศา ขนาด 3 ลิตร ราวๆ 450 แรงม้า รวมถึงในช่วงยุคนี้เอง Yamaha ก็มีส่วนร่วมในการทำเครื่องยนต์ร่วมกับ Ford อีกด้วย เช่น เครื่องยนต์ Zetec-SE สำหรับรถยนต์ Ford หลายๆ รุ่น
จนกระทั่งในปี 1989 Yamaha ก็ทำเครื่องยนต์ OX88 สำหรับรถแข่ง Formula 1 ป้อนให้กับทีม West Zakspeed Racing เอาไปใส่ในรถ Zakspeed 891 โดยเป็นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.5 ลิตร ผลตอบรับที่ได้นั้นกลายเป็นว่าน่าผิดหวังมาก เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา และทีม Zakspeed ก็ถอนตัวไปในปีต่อมา ก่อนที่ในเวลาต่อมาในปี 1991 Yamaha ก็ย้ายไปทำเครื่องยนต์ให้กับทีม Brabham ออกมาเป็นเครื่องยนต์ OX99 โดยเป็นเครื่องยนต์ V12 ทำมุม 70 องศาขนาด 3.5 ลิตร พละกำลังสูงตั้งแต่ 560-700 แรงม้า และยังเป็นเครื่องยนต์ที่รับผิดชอบโดยทีมพิเศษที่ Yamaha ตั้งขึ้นสำหรับ Formula 1 โดยเฉพาะ
ในปี 1992 Yamaha ก็เอาเครื่องยนต์นี้ไปใส่รถของทีม Jordan และตั้งแต่ปี 1993-1996 Yamaha ก็หันไปทำเครื่องยนต์ให้กับทีม Tyrell ซึ่งก็แน่นอน อยู่ท้ายตารางยาวๆ ก่อนจะย้ายไปทำเครื่องยนต์ให้กับทีม Arrows ในปี 1997 เป็นปีสุดท้าย และยุติบทบาทใน Formula 1 ไปในที่สุด
ในช่วงแรกๆ ที่ Yamaha ก้าวเข้าสู่ Formula 1 เป็นช่วงที่กระแสเอารถ Formula 1 มาทำเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่สามารถวิ่งได้บนท้องถนนกำลังมา จากการมาถึงของ McLaren F1 นั่นจึงทำให้ Yamaha อยากทำบ้างจึงได้มีการ Assign งานให้ทีม Ypsilon Technology และ IAD ออกแบบรถของตัวเอง และยังได้ Takuyu Yura เจ้าของบริษัทผลิตรถแข่ง Mooncraft มาคุมงานออกแบบ จนออกมาเป็นรถหน้าตาตลกๆ ที่มีชื่อว่า OX99-11 ซึ่งเป็นรถที่ขึ้นจากแชสซีคล้ายๆ กับ F1 เลยครับ แต่ด้วยความที่อยากให้เป็นรถ 2 ที่นั่ง จึงมีเบาะเล็กๆ อยู่ด้านหลังคนขับ มีพละกำลังสูงถึง 400 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 3 วินาที และ Yamaha ตั้งใจจะผลิตขายออกมา 50 คัน และเปิดให้จองในปี 1994 แต่สุดท้ายก็หลับไปอีกจนได้ เพราะวิกฤตเศรษฐกิจญี่ปุ่นจึงทำให้ Yamaha ต้องถอยออกมาจากโครงการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้รถที่ผลิตจริงมีเพียงต้นแบบจำนวน 3 คันเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปจนถึงงาน Tokyo Motor Show ปี 2013 Yamaha เปิดตัวรถ MOTIV ซึ่งเป็นรถคอนเซ็ปท์ ซิตี้คาร์ ที่ผลิตจากแชสซีที่มีชื่อว่า iStream ซึ่งเป็นผลงานของ Gordon Murray พ่อมดแห่งวงการยานยนต์นี่เอง และในงานเดียวกันปี 2015 Yamaha ก็เปิดตัวรถ Sports Ride Concept จนมาถึงปี 2017 Yamaha ก็เปิดตัวรถ Cross Hub Concept ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ที่วางที่นั่งคนขับอยู่ตรงกลาง
จนในปี 2022 Yamaha ก็เข้ามามีส่วนร่วมกับ Subaru เพื่อพัฒนารถแข่งไฟฟ้า STI E-RA โดยการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า และ อินเวอร์เตอร์มาให้ถึง 4 ตัวให้พละกำลังรวม 1,100 แรงม้า เพื่อใช้ในการสร้างสถิติทำเวลาต่อรอบที่สนาม Nuburgring โดยเฉพาะ และตั้งเป้าไว้ว่าจะทำเวลาให้ต่ำกว่า 6 นาที 40 วินาที และเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา Yamaha กลายมาเป็นซัพพลายเออร์ให้กับทีมแข่งรถสัญชาติอังกฤษ Lola Cars ที่ก้าวเข้าสู่สนามแข่งขัน Formula E โดยเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025
จากรากฐานดนตรีสู่จักรยานยนต์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก ยืนยันวิสัยทัศน์แห่งความเป็นเลิศและความกล้าท้าทาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้โลกก้าวไปข้างหน้า สำหรับสกู๊ตนี้พวกเราขอฝากติดตาม Realtime Car Magazine ด้วยนะครับ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine