“ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เติมแรงขับตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ปลายปี ส่ง 4 โมเดลใหม่ “Scrambler 400 XC , Scrambler 1200 XE ,Tiger 900 Alpine Edition, Tiger 900 Desert Edition” เสริมแกร่งไลน์โมเดิร์นคลาสสิก – แอดเวนเจอร์ ครบทุกสไตล์

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เดินหน้าตอกย้ำผู้นำรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ ส่งท้ายปียิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่  Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุดในไลน์อัปเครื่องยนต์ 400 ซีซี อันเลื่องชื่อ ได้รับการออกแบบและปรับแต่งเพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์การขับขี่ของไทรอัมพ์ที่สนุก เร้าอารมณ์ และตอบสนองได้ฉับไว ตามด้วย Scrambler 1200 XE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อยกระดับสมรรถนะและความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด รวมถึง Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert Edition 2 รถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ที่สะดุดตา ได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศในเทือกเขาแอลป์และแสงตะวันในทะเลทราย มีคุณสมบัติพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง โดดเด่นด้วยสีสันและกราฟิกพิเศษ ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

นายชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “เพื่อตอบรับดีมานด์ตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จึงเดินหน้าขยายไลน์อัปเพื่อเติมเต็มทางเลือกให้ครอบคลุมทุกสไตล์การขับขี่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Modern Classics และ Adventure ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ ซึ่งการเปิดตัวทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยสมรรถนะ และงานออกแบบที่พัฒนาขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่มาพร้อมความคุ้มค่า

สำหรับไทรอัมพ์ Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด ที่เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันดุดันของ Scrambler  ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.5 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสนุกและมั่นใจในทุกย่านความเร็ว ด้านรูปลักษณ์ สะท้อนอัตลักษณ์ดีไซน์ของ Scrambler ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ถังน้ำมันที่ออกแบบอย่างสวยงามพร้อมรอยเว้าสำหรับหัวเข่า เครื่องยนต์คลาสสิกพร้อมตราโลโก้ไทรอัมพ์สามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ครีบระบายความร้อน และแคลมป์ยึดท่อร่วมไอเสีย ไปจนถึงปลายท่อเฉียงขึ้นด้านบน อีกทั้งมาพร้อมบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่เข้าชุดกัน ให้การปกป้องอย่างมีสไตล์ในสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย

ด้านสเปกที่โดดเด่นเหนือระดับ ออกแบบมาเพื่อรองรับการผจญภัยในชีวิตอย่างแท้จริง  โดย Scrambler 400 XC ใหม่นี้ได้เพิ่มศักยภาพในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์ที่ดุดันของ Scrambler ด้วยล้อซี่ลวดแบบใหม่ที่แข็งแกร่งและสวยงามลงตัว ล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลังขนาด 17 นิ้ว ที่เน้นการใช้งานแบบผจญภัย มาพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมจาก Excel และยาง Metzeler Karoo Street แบบไม่มียางใน ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับสมรรถนะบนทุกเส้นทางได้อย่างหลากหลายและมั่นใจ ขณะที่ระบบกันสะเทือนคุณภาพสูงช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ด้วยโช้คหน้าหัวกลับลูกสูบใหญ่ ขนาด 43 มม. และโช้คหลังแบบ Monoshock พร้อมกระปุกน้ำมันแยก โดยมีระยะยุบตัวล้อหน้าและหลัง 150 มม. รวมถึงระบบ Traction Control ที่เปิด-ปิดได้ และระบบ ABS สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยและความคล่องตัวในการใช้งาน

ส่วนเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มุ่งเน้นเพื่อผู้ขับขี่อัดแน่นทั้งมาตรวัดแบบสองรูปแบบ ผสมผสานดีไซน์เรียบหรูทันสมัย ด้วยมาตรวัดความเร็วแบบเข็มขนาดใหญ่ และหน้าจอ LCD ซึ่งแสดงผลรอบเครื่องยนต์แบบดิจิทัล ระยะทางที่ขับขี่ได้จากน้ำมันที่เหลือ และตัวบอกตำแหน่งเกียร์ที่มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการแสดงผลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกผ่านปุ่มควบคุมที่ติดตั้งบนแฮนด์ นอกจากนี้ยังมีช่องชาร์จไฟแบบ USB-C รองรับการชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือระบบนำทาง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมแท้จาก Triumph ให้เลือกติดตั้งมากกว่า 20 รายการ ครอบคลุมทั้งด้านสไตล์ ความสบาย การบรรทุกสัมภาระ และระบบความปลอดภัย

ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Scrambler 400 XC ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท มาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยระยะเวลาในการเข้ารับการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 2 ปีไม่จำกัดระยะทางเป็นมาตรฐาน มีให้เลือก 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สี Racing Yellow, สี Storm Grey และ สี Vanilla White โดยแต่ละแบบมาพร้อมกราฟิกดีไซน์เฉพาะตัว พร้อมโลโก้ Triumph สีดำ ที่เข้าชุดกับแผงข้างถังน้ำมันสีดำ แผ่นรองเข่า และเบาะนั่งแบบสองตอนสีดำสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

ต่อกันด้วย Scrambler 1200 XE รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สองสูบ พละกำลังสูงขนาด 1200 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า และแรงบิดเต็มพิกัด 110 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ มอบทั้งความเร้าใจและการควบคุมที่ง่ายดายในทุกสภาพถนน ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นในทุกมุมมอง ตั้งแต่ท่วงท่าที่ทรงพลัง ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ออกแบบอย่างประณีต ไปจนถึงเบาะยาวลอนคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความพรีเมียมด้วย ฝาถังสไตล์ Monza ทำจากอะลูมิเนียมแบบขัดเงา สวิงอาร์มชุบอะโนไดซ์ แผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้องกันอ่างน้ำมันเครื่องอะลูมิเนียม รวมถึงตราสัญลักษณ์ขัดเงาบ่งบอกถึงความประณีตในทุกส่วน

ขณะที่โครงรถสไตล์ Scrambler แบบเฉพาะตัว ออกแบบให้ผู้ขี่มั่นใจได้ในทุกสภาพพื้นผิว สวิงอาร์มอะลูมิเนียมหล่อพร้อมระยะยุบตัวยาว และระบบกันสะเทือนปรับได้เต็มรูปแบบ มอบระยะยุบล้อสูงถึง 250 มม. โช้คหน้าหัวกลับ Showa ขนาด 47 มม. ปรับแต่งได้เต็มระบบ ส่วนโช้คหลังคู่ Öhlins พร้อมกระปุกน้ำมันที่ติดตั้งสปริงคู่ให้การควบคุมและความสบายที่เหนือชั้น ไม่ว่าขับขี่คนเดียวหรือบรรทุกเต็มพิกัด สมรรถนะการเบรกก็เหนือชั้นไม่แพ้กัน คาลิปเปอร์เบรก Brembo Stylema M4.30 โมโนบล็อกเรเดียล จับคู่กับจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. ให้พลังเบรกระดับชั้นนำ เสริมด้วยคาลิปเปอร์หลัง Nissin และจานเบรกขนาด 255 มม. ระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ของไทรอัมพ์ มอบความมั่นใจสูงสุดในทุกโค้ง พร้อมตัวเลือกปิดระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดสำหรับการขับขี่ออฟโรดขั้นสูง

ด้านเทคโนโลยีที่ยกระดับทุกการขับขี่มาพร้อม คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ของไทรอัมพ์ที่ให้โหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-Configurable, Off-Road และโหมดพิเศษเฉพาะรุ่น Off-Road Pro โดยแต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองของคันเร่ง ระบบ ABS และระบบ Traction control ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวและความต้องการของผู้ขับขี่ ด้านโหมด Off-Road Pro จะปิดการใช้งานระบบ ABS และระบบ Traction Control ทั้งหมด เพื่อปลดปล่อยสมรรถนะออฟโรดของ XE อย่างเต็มศักยภาพ ระบบ Cruise Control แบบปุ่มเดียว เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ขณะที่จอแสดงผล TFT สีเต็มรูปแบบ มาพร้อมธีมให้เลือก 2 แบบและตัวเลือกเค้าโครง 3 สไตล์ พร้อมฟังก์ชันปรับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสง นอกจากนี้ผู้ขี่ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอเริ่มต้นด้วยชื่อของตนเอง เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการขับขี่ได้อีกด้วย นอกจากนี้สวิตช์ควบคุมแบบมีไฟเรืองแสง และจอยสติ๊กแบบ 5 ทิศทาง ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างสะดวกง่ายดาย รวมถึงยังรองรับการติดตั้งระบบเชื่อมต่อ My Triumph ช่วยให้เข้าถึงการโทรศัพท์ ฟังเพลง และระบบนำทางแบบ Turn-by-turn ผ่านหน้าจอ TFT ได้โดยตรง มีช่องชาร์จ USB ใต้เบาะที่นั่ง เพื่อให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ตลอดการเดินทาง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ให้เลือกมากกว่า 70 รายการ ตั้งแต่ ชิลด์หน้าทัวร์ริ่งทรงสูง และกระเป๋าข้างแบบหนัง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการขับขี่ออฟโรด อุปกรณ์เสริมทุกชิ้นได้รับการออกแบบควบคู่กับตัวรถ เพื่อความลงตัวทั้งด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน และคุณภาพ

ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Scrambler 1200 XE ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท มาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยระยะเวลาในการเข้ารับการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 2 ปีไม่จำกัดระยะทางเป็นมาตรฐาน มีตัวเลือกสีพรีเมียมให้เลือก ได้แก่ สี Matt Khaki Green & Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย และสี Silver Ice & Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือกเช่นเดิม

ปิดท้ายด้วย Tiger 900 Alpine Edition ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น Tiger 900 GT Pro ที่เน้นการขี่บนถนน มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ขี่  ขณะที่ Tiger 900 Desert Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Tiger 900 Rally Pro ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ระดับแนวหน้าในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเลื่องชื่อ ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-plane ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สามสูบ 888 ซีซี ให้พละกำลัง 108 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 90 นิวตันเมตร ที่ 6,850 รอบต่อนาที การส่งกำลังที่ตอบสนองฉับไว ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม และเป็นไปตามมาตรฐาน Euro 5+ ออกแบบมาเพื่อความแข็งแกร่ง การควบคุม และความทนทาน ทั้งสองรุ่นมีสวิงอาร์มหล่ออะลูมิเนียมสองด้านเพื่อความเสถียรและความแม่นยำ พร้อมระบบเบรกประสิทธิภาพสูงจาก Brembo ให้แรงหยุดเหนือชั้น ขณะที่ชุดแฮนด์มีแดมเปอร์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขี่ระยะไกล โดยในรุ่น Desert Edition ยังมาพร้อมกับล้อซี่ลวดและยางแบบไม่มียางใน

ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละรุ่น โดย Tiger 900 Alpine Edition ใช้โช้คหัวกลับ Marzocchi ขนาด 45 มม. พร้อมระบบปรับการยุบตัวและการคืนตัวแบบแมนนวล มีระยะยุบตัว 180 มม. ในขณะที่ Tiger 900 Desert Edition ติดตั้งโช้คหัวกลับ Showa ขนาด 45 มม. พร้อมระยะยุบตัว 240 มม. เพื่อการขับขี่ออฟโรดที่ท้าทาย ระบบกันสะเทือนหลังก็สะท้อนถึงแนวทางนี้ โดย Alpine ใช้โช้ค Marzocchi และ Desert ใช้โช้ค Showa ให้ระยะยุบตัว 170 มม. และ 240 มม. ตามลำดับ ด้านระบบเบรกได้รับการควบคุมโดยจานเบรกคู่หน้าขนาด 320 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ Brembo Stylema และจานเบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 255 มม. เสริมด้วยยาง Metzeler Tourance™ Next สำหรับรุ่น Alpine และยาง Bridgestone Battlax Adventure สำหรับรุ่น Desert มอบการยึดเกาะที่มั่นใจบนทุกพื้นผิว

นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อม Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น และแผงหน้าปัดสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph เพื่อข้อมูลที่เข้าใจง่ายและชัดเจน พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โดยรุ่น Alpine และ Desert มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 และ 6 โหมดตามลำดับ โดยรุ่น Desert จะเพิ่มโหมด Off-Road Pro เพื่อการบังคับควบคุมบนทุกสภาพถนนขั้นสูง นอกจากนี้รุ่นพิเศษทั้งสองรุ่นมีตัวเลือกให้อัปเกรดเป็นเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิหรือเบาะนั่งแบบต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวและความทนทานในทุกสภาพถนน รวมถึงยังมีอุปกรณ์เสริมครบครันกว่า 50 ชิ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการท่องเที่ยวและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกชุดกระเป๋าเดินทางพรีเมียมได้ 2 แบบ คือชุด Trekker หรือชุด Expedition ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานและสะดวกสบายในการเดินทางไกล นอกจากนี้สำหรับประเทศไทยท่อเก็บเสียงพรีเมียม Akrapovic สามารถติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้เช่นกัน

ทั้งนี้ Tiger 900 Alpine Edition Edition มาพร้อมโทนสี Snowdonia White และ Sapphire Black อันคมชัด พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue อันโดดเด่น ในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท และ Tiger 900 Desert Edition มาพร้อมสี Urban Grey และ Sapphire Black ที่สะดุดตา พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Baja Orange อันโดดเด่นในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นมีระยะเวลาการบริการ 10,000 กิโลเมตร และรับประกันระยะทางไม่จำกัดเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นระดับชั้นนำในระดับเดียวกัน นายชินศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand


ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine