-
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เผยโฉม Honda WN7 จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ที่งาน EICMA 2025
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว Honda WN7 จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน ภายในงาน EICMA 2025 (Milan Motorcycle Shows) ที่จัดขึ้น ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 4–5 พฤศจิกายน 2568 สำหรับสื่อมวลชน และวันที่ 6–9 พฤศจิกายน 2568 สำหรับผู้เข้าชมทั่วไป
Honda WN7
ฟีเจอร์หลักของ Honda WN7
แนวคิดการพัฒนา
Honda WN7 เป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Naked รุ่นแรกในซีรีส์ “FUN Category” ที่พัฒนาด้วยทิศทางใหม่ในฐานะรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าฮอนด้า ภายใต้แนวคิด “Be the Wind” ถ่ายทอดความสุขของการเคลื่อนไปอย่างอิสระดั่งสายลม พร้อมความเงียบเฉพาะตัวของรถพลังงานไฟฟ้า ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสเสียงและบรรยากาศรอบตัวได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะของผู้คนริมทาง หรือเสียงใบไม้ที่พลิ้วไหว ซึ่งไม่อาจสัมผัสได้บนจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE : internal combustion engine) Honda WN7 ถ่ายทอดความตั้งใจของทีมพัฒนาออกมาเป็นการเร่งความเร็วที่หนักแน่นด้วยแรงบิดเต็มพลัง และการควบคุมที่คล่องตัว มอบความรู้สึกของการเคลื่อนไปอย่างอิสระดั่งสายลมได้อย่างแท้จริง
การออกแบบ
Honda WN7 ออกแบบภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นการขัดเกลาฟังก์ชันการใช้งานให้สมบูรณ์แบบและสะท้อนตัวตน โดดเด่นด้วยพื้นผิวต่อเนื่องและเรียบลื่นในทุกจุดที่ผู้ขับขี่สัมผัส ผสานเข้ากับรูปทรงที่มีพลังและเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อม “แถบไฟหน้าแนวนอน” (horizontal light bar) ซึ่งจะกลายเป็น “ซิกเนเจอร์” ของจักรยานยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าทุกรุ่นในอนาคต
นอกจากนี้ WN7 ยังเปิดตัวชุดสีเฉพาะสำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าเป็นครั้งแรก โดยใช้ตัวถังโทนสีดำตัดกับชิ้นส่วนประกอบที่ตกแต่งด้วยสีทอง ฮอนด้าจะใช้ชุดสีนี้กับจักรยานยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทั่วโลก เช่นเดียวกับไฟซิกเนเจอร์
แชสซีแบบไร้เฟรม (Frameless Chassis)
จักรยานยนต์ทั่วไปใช้เฟรมเชื่อมต่อส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถเข้าด้วยกัน ในขณะที่โครงสร้างของ Honda WN7 ไม่ใช้เฟรม แต่ใช้กล่องแบตเตอรี่อะลูมิเนียมที่ติดตั้งอยู่กลางตัวรถทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลัก และเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับ “ส่วนคอ” (head pipe) ที่รองรับระบบบังคับเลี้ยวและ “ขายึดสวิงอาร์ม” (pivot bracket) ที่รับน้ำหนักด้านหลัง ช่วยให้ Honda WN7 มีน้ำหนักเบาเพราะไม่มีเฟรม รวมทั้งยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ตัวรถมีสัดส่วนที่เพรียวบางและกะทัดรัดได้
นอกจากนี้ การวางตำแหน่งแบตเตอรี่ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมากไว้บริเวณจุดศูนย์กลางแชสซี ยังช่วยเสริมสมดุลให้มวลน้ำหนักอยู่ตรงกลาง เพิ่มความคล่องตัวในการควบคุม
ชุดมอเตอร์ผนวกอินเวอร์เตอร์ (Integrated Motor-Inverter Unit)
Honda WN7 มาพร้อมมอเตอร์แบบใหม่ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และผนวกอินเวอร์เตอร์เข้าไว้ด้วยกัน โดยให้กำลังสูงสุด 50 กิโลวัตต์ เทียบเท่าจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 600 ซีซี พร้อมแรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับรถขนาด 1000 ซีซี มอบสมรรถนะอันทรงพลังทั้งยังควบคุมได้อย่างมั่นใจ สำหรับการขับขี่ในเมืองและบนทางโล่ง
กระปุกเกียร์ดีไซน์ใหม่ส่งต่อกำลังจากมอเตอร์ไปยังระบบสายพานขับเคลื่อน (belt-drive system) เพื่อถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลังได้อย่างราบรื่นและไม่ส่งเสียงดัง
แบตเตอรี่และมาตรฐานการชาร์จ
Honda WN7 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบติดตั้งถาวร ขนาด 9.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับทั้งการชาร์จเร็วแบบ CCS2[1] (Combined Charging System Type 2) และการชาร์จปกติแบบ Type 2[2] ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับเต้ารับไฟบ้านได้ในหลายประเทศ และหากใช้เครื่องชาร์จเร็ว แบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 20% ถึง 80% ได้ภายในเวลาประมาณ 30 นาที ช่วยให้เติมพลังระหว่างการเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ลดความกังวลเรื่องเวลารอชาร์จ
สำหรับการชาร์จแบบปกติ สามารถชาร์จเต็มจาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลาไม่ถึง 2.4 ชั่วโมง[3] เมื่อเต็มแล้วจะให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 140 กิโลเมตร (มาตรฐาน WMTC mode)
ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative Braking), ระบบเลือกความหน่วง (Deceleration Selector) และโหมด Walking Speed Mode
ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่[4] (Regenerative Braking) คือการที่มอเตอร์ของ Honda WN7 จะทำหน้าที่ชาร์จพลังงานคืนกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ (Energy Regeneration) ขณะชะลอความเร็วเมื่อปล่อยคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความหน่วงด้วยสวิตช์ “Deceleration Selector” ที่แฮนด์ซ้าย เพื่อควบคุมความเร็วต่ำได้อย่างราบรื่นโดยแทบไม่ต้องใช้เบรก หรือหากเลือกแรงหน่วงน้อยลง จะรู้สึกเหมือนลอยเคลื่อนไป ซึ่งเป็นประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ Honda WN7 ยังมาพร้อมโหมด Walking Speed Mode ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขยับรถไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้อย่างช้า ๆ โดยควบคุมผ่านสวิตช์ที่แฮนด์ซ้ายและคันเร่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจอดรถหรือขยับรถในพื้นที่แคบ ๆ ในเมือง
Honda WN7 จะผลิตที่โรงงานของฮอนด้าในเมืองคุมาโมโตะ (Kumamoto Factory) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตจักรยานยนต์ทั่วโลกของบริษัท และจะทยอยเปิดตัวในตลาดประเทศใดก็ตามที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมไปกับการที่บริษัทผลักดันการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
-
News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ดันนักบิดดาวรุ่งไทยแสดงศักยภาพ คว้าท็อป 5 เอเชีย ศึก อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025 ฉายแววพัฒนาต่อยอดสู่ระดับโลก
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบรายการอิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ (Idemitsu Asia Talent Cup) คือรายการแข่งขันที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหานักแข่งดาวรุ่งจากเอเชียและโอเชียเนีย โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างเส้นทางสู่โมโตจีพีสำหรับเยาวชนที่มีพรสวรรค์ เช่นเดียวกับ –“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา
ความท้าทายสำคัญของนักบิดที่ลงทำการแข่งขันในรายการนี้คือการใช้รถแข่ง Honda NSF250R แบบ One Make เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบกันในเรื่องของตัวรถ ทุกคนแข่งขันกันด้วยมาตรฐานที่เท่าเทียม นั่นหมายความว่าทุกความสำเร็จและทุกคะแนนจากการแข่งขันจะมาจากทักษะของนักแข่งเอง
อีกทั้งสนามที่ใช้ทำการแข่งขันก็เป็นสนามที่มีมาตรฐานระดับโลกและใช้ในการจัดการแข่งขันโมโตจีพี โดยในปี 2025 รายการอิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ทำหน้าที่เป็นเรซซัพพอร์ตของศึกโมโตจีพี สำหรับในฤดูกาล 2025 มีนักแข่งเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 27 คน โดย “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ส่ง “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ กับ “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักแข่งหลัก และผลักดัน “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักแข่งไวลด์การ์ด
โดยนักบิดไทยทั้ง 3 คน สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเริ่มจาก “อุ้ม-นพรุธพงษ์” หมายเลข 20 ที่ลงทำการแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก สามารถเริ่มฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าโพเดียมอันดับ 3 มาครองได้ในเรซแรกของฤดูกาลที่จังหวัดบุรีรัมย์
จากนั้น “อุ้ม-นพรุธพงษ์” ก็สามารถทำผลงานได้ดีต่อเนื่องในสนามที่ 2 ประเทศกาตาร์ เมื่อจบอันดับที่ 7 และ 4 ได้คะแนนสะสมเพิ่มอีก 22 คะแนน และสนามที่ 3 ประเทศมาเลเซีย นักบิดดาวรุ่งไทยก็โชว์ผลงานแซงดุเดือดจนคว้าอันดับที่ 4 และ 8 มาได้ พร้อมเก็บคะแนนสนามนี้ไปกว่า 21 คะแนน
สนามที่ 4 ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นสนามที่ “อุ้ม-นพรุธพงษ์” ได้แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของจิตใจหลังจากที่ไม่จบการแข่งขันในเรซแรกแต่เรซที่ 2 นักบิดดาวรุ่งไทยสามารถจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 9 เก็บคะแนนสะสมเพิ่มมาอีก 7 คะแนน
สองสนามสุดท้าย “อุ้ม-นพรุธพงษ์” ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชมเมื่อสามารถจบอันดับที่ 6 และ 4 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เก็บคะแนนสะสมได้ 23 คะแนน ก่อนจะส่งท้ายฤดูกาลด้วยการจบอันดับที่ 5 และ 9 ในสนามสุดท้ายที่ประเทศมาเลเซีย เก็บคะแนนสะสมได้ 18 คะแนน
“อุ้ม-นพรุธพงษ์” มีคะแนนสะสมรวม 120 คะแนน คว้าอันดับที่ 5 ของรายการอิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025 มาครองได้อย่างน่าประทับใจเพียงแค่ฤดูกาลแรกที่ลงทำการแข่งขัน
ด้าน “ออสติน-ธนฉรรต” หมายเลข 5 ลงแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งที่ 2 ก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน สนามแรกที่บุรีรัมย์ คว้าอันดับที่ 9 และ 6 เก็บคะแนนสะสมได้ 17 คะแนน จากนั้นแม้จะต้องพบกับสถานการณ์ไม่เป็นใจในสนามที่ 2 ประเทศกาตาร์ แต่นักแข่งดาวรุ่งไทยก็มุ่งมั่น และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจนกลับมาได้ในสนามถัดมาที่มาเลเซีย โดยจบอันดับที่ 12 และ 9 เก็บคะแนนสะสมได้ 11 คะแนน
สนามที่ 4 ประเทศญี่ปุ่น “ออสติน-ธนฉรรต” ต้องพบกับสนามที่มีความท้าทายและการแข่งขันที่เข้มข้น แต่นักบิดดาวรุ่งไทยก็จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 13 และ 10 เก็บคะแนนสะสมได้ 9 คะแนน จากนั้นตามต่อด้วยสนามที่ 5 ประเทศอินโดนีเซีย “ออสติน-ธนฉรรต” แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเมื่อสามารถไล่แซงจนจบอันดับที่ 8 และ 9 เก็บคะแนนสะสมไปกว่า 15 คะแนน
สนามสุดท้ายนักแข่งดาวรุ่งไทยต้องพบกับความร้อน และการจัดการยางอันเป็นอุปสรรคสำคัญ แต่ด้วยเป้าหมายการคว้าท็อป 10 ทำให้ “ออสติน-ธนฉรรต” สู้ไม่มีถอยจนสามารถแก้ไขสถานการณ์ไล่แซงจนกลับมาจบอันดับที่ 14 และ 10 ได้ เก็บคะแนนสะสมเพิ่มไป 8 คะแนน “ออสติน-ธนฉรรต” มีคะแนนสะสมรวม 60 คะแนน คว้าอันดับที่ 11 ของรายการอิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025
ขณะที่ “เฟอร์-ปัญจรุจน์” หมายเลข 24 นักแข่งไวลด์การ์ดก็ทำผลงานได้ดีสามารถเรียนรู้และพัฒนาขึ้นมาได้หลังจากที่ต้องพบความผิดหวังในสนามแรกเมื่อไม่สามารถนำรถเข้าเส้นชัยรับธงตราหมากรุกได้ทั้งสองเรซ แต่สนามที่ 2 ประเทศกาตาร์ “เฟอร์-ปัญจรุจน์” บู๊ดุดันจนจบการแข่งขันด้วยอันดับ 8 และ 12 เก็บคะแนนไปได้ 12 คะแนน
จากนั้น “เฟอร์-ปัญจรุจน์” ก็ทำผลงานได้ดีจนเป็นที่จับตามองโดยสนามที่ 3 ประเทศมาเลเซีย นักบิดดาวรุ่งไทยทำผลงานรอบคัดเลือกได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจะจบการแข่งขันด้วยอันดับ 10 และ 6 เก็บไปได้อีก 16 คะแนน
สนามต่อมาที่ประเทศญี่ปุ่น “เฟอร์-ปัญจรุจน์” ต่อสู้อย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะในเรซ 2 ที่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเก็บคะแนนสะสมได้ท่ามกลางการแข่งขันสุดเข้มข้น โดยนักแข่งดาวรุ่งไทยจบการแข่งขันด้วยอันดับ 8 และ 15 เก็บคะแนนสะสมเพิ่มไป 9 คะแนน
สนามที่ 5 ประเทศอินโดนีเซีย เป็นสนามรองสุดท้ายของรายการแต่เป็นสนามสุดท้ายของ “เฟอร์-ปัญจรุจน์” โดยนักบิดดาวรุ่งไทยแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการจากประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้อย่างยอดเยี่ยม แม้ต้องพบกับสถานการณ์ที่ท้าทายแต่ “เฟอร์-ปัญจรุจน์” ก็สามารถจบการแข่งขันด้วยอันดับ 16 และ 14 เก็บคะแนนสะสมส่งท้ายได้ 2 คะแนน “เฟอร์-ปัญจรุจน์” มีคะแนนสะสมรวม 39 คะแนน คว้าอันดับที่ 13 ของรายการอิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025 นับเป็นผลงานที่ได้รับการจับตามองอย่างมากสำหรับนักแข่งไวลด์การ์ดชาวไทย
การแข่งขันรายการอิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025 ได้ปิดฉากฤดูกาลลงไปเป็นที่เรียบร้อย นักแข่งดาวรุ่งไทยภายใต้การสนับสนุนของ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่น แม้ต้องเจอการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ทุกคนก็พิสูจน์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #AsiaTalentCup #IATC #Austin5 #Aum20 #Fer24
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
เดิมพัน “บัลลังก์แชมป์” ประเทศไทย! NEXZTER BRIC Superbike 2025 ชิงดำสนาม 4 ดวล 2 เรซตัดสิน
ศึกสองล้อเบอร์หนึ่งของไทย “เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” เตรียมปิดฉากฤดูกาล 2025 ด้วยสนามตัดสินแชมป์ประจำปี ระหว่างวันที่ 21-23 พ.ย.ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยจะมีการดวลความเร็วถึง 2 เรซ เพื่อชี้ชะตาว่าใครคือ เจ้าของบัลลังก์เจ้าความเร็วประเทศไทยตัวจริง ในทุกรุ่น! พร้อมเปิดตัวครั้งแรกกับการแข่งขันเอ็นดูร้านซ์ สุดท้าทายในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1000 ซีซี 120 นาที บททดสอบความอึดของทีมแข่งไทย!
การแข่งขันรายการ NEXZTER BRIC Superbike Championship ถือเป็นเวทีสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ตสองล้อไทย ด้วยมาตรฐานการจัดการระดับโลก ทั้งในด้านสนาม ทีมแข่ง มีนักบิดชาวไทย-ต่างชาติ ร่วมรายการมากมาย ทำให้การลุ้นแชมป์ประจำปีนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังผ่าน 3 สนามที่ผ่านมา สถานการณ์คะแนนสะสมในรุ่นสำคัญมีความเบียดกันอย่างหนัก โดยเฉพาะใน 2 เรซสุดท้ายของปี ที่ทุกแต้มจะมีความหมายต่อการตัดสินบัลลังก์แชมป์ประเทศไทยตัวจริง
สถานการณ์คะแนนสะสม: การช่วงชิงตำแหน่งจ่าฝูงที่ดุเดือด
สำหรับ “คะแนนสะสม” รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB1 Pro) รุ่นใหญ่ที่สุดของไทยยังคงเป็น “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เจ้าของดีกรีแชมป์เอเชียจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม นำเป็นจ่าฝูง มี 70 คะแนน
ตามด้วย 2 นักบิดที่มีคะแนนเท่ากันที่ 49 คะแนน ได้แก่ “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก ไบค์สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส ยามาฮ่า เรซซิ่ง ทีม และ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว นักบิดดาวรุ่งสายเลือดใหม่ อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส กลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การลุ้นแชมป์ต้องไร้เงา “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี นักบิดจอมเก๋า ที่แม้จะทำคะแนนสะสมมาอย่างดี แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บระหว่างแข่งขันสนามที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถลงแข่งขันในสนามที่ 4 นี้ได้ และยังคงอยู่ในช่วงพักรักษาตัว
ด้าน “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช นักบิดคนดังจาก เรปโซล อาร์-ซีรีส์ ทีม ในรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB2) ยังคงรักษาฟอร์มร้อนแรง รั้งอันดับ 2 บนตารางคะแนนสะสมที่ 61 แต้ม คะแนนไล่จี้ผู้นำ เพียง 4 แต้มเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่เปิดกว้างอย่างยิ่งสำหรับการช่วงชิงตำแหน่งแชมป์ประจำปีใน 2 เรซตัดสินนี้
ส่วนรุ่นซูเปอร์สต็อก 1000 ซีซี (ST1) “นทีธาร ทองโคตร” จากทีม ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ 3 สนามติดต่อกัน รั้งตำแหน่งผู้นำด้วยคะแนนสะสม 75 คะแนนเต็ม โชว์ผลงานโดดเด่นต่อเนื่องตลอดฤดูกาล ตามมาด้วยอันดับ 2 คือ ตะวัน ตั้งจิตรเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ สิทธิผล ดิเรก ทีมด้วยคะแนน 53 คะแนน และอันดับ 3 คือ อภิเดช บุญศรี จาก จาก ฮานูยา เรซซิ่ง ทีม เพิ่มสินทรานสปอร์ต พรเจริญก่อสร้าง ด้วยคะแนน 45 คะแนน
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส นำเป็นจ่าฝูงด้วยคะแนนสะสม 61 คะแนน ตามมาด้วย “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ ดาวรุ่งจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม มี 50 คะแนน อันดับ 3 คือ “จิมมี่” บูรพา วันมูล ดาวรุ่งจาก อาซูจิโร่ อู่ช่างต่อลพบุรี ลิควิโมลี ด้วยคะแนน 46 คะแนน ขณะที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส อยู่ที่อันดับ 4 มี 36 คะแนน
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1Pro) พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง นักบิดจอมเก๋าจาก สปีด800 นำเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนสะสม 61 คะแนน โดยมี วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จากอีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง มี 40 คะแนน และ “เอิร์ธ” ธุรกิจ บัวผา จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม มี 40 คะแนน ไล่กดดันมาติด ๆ ด้วยคะแนนสะสมที่เท่ากัน พร้อมจะแซงบดขยี้กันขึ้นนำได้ใน 2 เรซตัดสินนี้
สำหรับการแข่งขันในรุ่นเล็กอย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ที่มีนักบิดต่างชาติลงแข่งขันและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้นำบนตารางคะแนนเป็นของ ทัสมาย คาเรียปปา นักบิดอินเดีย จาก เน็กซ์เตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเท็ค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง มี 45 คะแนน อันดับ 2 หนี เถียน นักบิดจีนจาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม บุรีรัมย์ 27 คะแนน อันดับ 3 ลูปิน ทัคคัลละปัลลี นักบิดอินเดียอีกคนจาก เน็กซ์เตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเท็ค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง คะแนนตามติดมี 26 คะแนน
เปิดตัว! ซูเปอร์สต็อก 1000 ซีซี เอ็นดูรานซ์ : บททดสอบ “ความเร็ว ความอึด และทีมเวิร์ก”
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าววว่า “สนามสุดท้ายคือ ความสำคัญสูงสุดของฤดูกาลนี้ ทุกคะแนนมีค่า และเราจะได้เห็นการทุ่มเทอย่างสุดกำลังของนักแข่งทุกคนเพื่อคว้า บัลลังก์แชมป์ประจำปีมาครอง ”
ความพิเศษของสนามนี้ว่า นอกจากการตัดสินแชมป์ประจำปีที่มี 2 เรซสุดเดือดแล้ว เรายังได้เพิ่มความตื่นเต้นด้วยรุ่นใหม่! ซูเปอร์สต็อก 1000 ซีซี เอ็นดูรานซ์ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ NEXZTER BRIC Superbike นี่คือการแข่งขันที่แตกต่างออกไป เป็นการดวลความอึดต่อเนื่อง 120 นาทีเต็ม ที่ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วของนักแข่ง แต่คือบทพิสูจน์ของทีมงานทั้งหมด ทั้งกลยุทธ์พิตสต็อป การบริหารเชื้อเพลิง และการทำงานเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบ แข่งขันกันในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. 2568 นี้ เวลา 15.25 – 17.25 น.
มาร่วมติดตามการแข่งขันและให้กำลังใจนักบิดไทยได้ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่หน้างาน วันเสาร์ที่ 22 พ.ย. และ วันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. บริเวณทางขึ้น Grandstand ราคาเพียง 100 บาท/วัน, บัตรวีไอพี 500 บาท / 1 วัน! ร่วมกิจกรรมพิตวอล์ค กระทบไหล่นักบิด พร้อมกิจกรรมความสนุก ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย ในวันอาทิตย์ เวลา 11.40-12.10 น. “ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย”
ทั้งนี้ ศึก “เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” สนามที่ 4 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมและควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. วันเสาร์ที่ 22 พ.ย. เป็นการชิงชัยในเรซที่ 1 และปิดท้ายรอบชิงชนะเลิศ เรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.นี้
พิเศษ! บัตรชมการแข่งขัน “เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่บัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass + Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร PIT Lane Walk ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2026 ในกิจกรรม “Chang Int’s Friend Pass” เพียงถ่ายรูปคู่กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง และบัตรชมการแข่งขัน ภายในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แล้วโพสต์รูปลง Facebook ส่วนตัวและบรรยายความรู้สึก พร้อมติด #ChangFriendPass และ Tag ไปยังเพจ Chang Circuit Buriram รวมถึงเปิดเป็นสาธารณะ และ Capture ภาพที่โพสต์ส่งมาที่ inbox เพจ Chang Circuit Buriram เพื่อยืนยันร่วมกิจกรรม
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางแฟนเพจ Chang Circuit Buriram และ BRIC Superbike 2025
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle2 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า นำทัพไลน์อัปในงาน EICMA 2025 ด้วยจักรยานยนต์ CB1000GT รุ่นใหม่ พร้อมเปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda WN7 เป็นครั้งแรกในโลก เพิ่มรุ่นจักรยานยนต์กลุ่ม Honda E-Clutch และชูต้นแบบเครื่องยนต์ V3R 900 E-Compressor
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เผยโฉมไลน์อัปใหม่ที่เสริมทัพความหลากหลายรับปี 2026 ภายในงาน EICMA ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ CB1000GT “สปอร์ตทัวเรอร์” รุ่นใหม่ และ Honda WN7 จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของฮอนด้า พร้อมกันนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ยังภูมิใจนำเสนอต้นแบบเครื่องยนต์ V3R 900 E-Compressor Prototype ซึ่งรวมร่างเครื่องยนต์ V3 รุ่นใหม่เข้ากับคอมเพรสเซอร์ชนิดควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สะท้อนพัฒนาการของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ไม่เคยมีใครในโลกทำได้มาก่อน* โดดเด่นด้วยโครงสร้างแชสซีสะดุดตา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบเทคโนโลยีล้ำสมัยให้เข้าถึงผู้ขับขี่ทุกกลุ่มจึงได้เพิ่มเทคโนโลยี Honda E-Clutch ให้ครอบคลุมจักรยานยนต์ยอดนิยมเพิ่มอีก 5 รุ่น ตามมาด้วยการเผยโฉมจักรยานยนต์รุ่น CB1000F เป็นครั้งแรกในยุโรป, ปรับโฉมจักรยานยนต์รุ่น SH125i ครั้งใหญ่ รวมทั้งเปิดตัวแบรนด์ดิ้งใหม่สำหรับรถ EV และคอลเลกชันเครื่องแต่งกายใหม่หมดจด ตอกย้ำเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครบถ้วนที่สุดในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์
CB1000GT
CB1000GT สปอร์ตทัวเรอร์รุ่นใหม่ล่าสุด เติมเต็มไลน์อัปของฮอนด้าด้วยทางเลือกสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการรถจักรยานยนต์ที่ครบครันทุกฟังก์ชัน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทางระยะไกล พร้อมความเร้าใจเมื่อเข้าสู่ทางโค้งคดเคี้ยว เครื่องยนต์ขับเคลื่อนได้รับอิทธิพลจากจักรยานยนต์ตระกูล Fireblade ขุมพลังเดียวกับที่ใช้ใน CB1000 Hornet รุ่น GT ผสานทั้งสมรรถนะสปอร์ตและความสบายในการเดินทางไกลได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยดีไซน์ดุดัน โช้กอัป Showa EERA[1] (Electronically Equipped Ride Adjustment) และแฟริ่งที่ออกแบบมาอย่างลงตัวด้วยระบบจำลองการไหลของอากาศด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์และการป้องกันลมฝนอย่างสูงสุด พ่วงด้วยรายการอุปกรณ์มาตรฐานอย่างจัดเต็ม ทั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire), กล่องสัมภาระด้านหลัง, ระบบควบคุมแรงดันเบรกขณะเข้าโค้ง (cornering ABS) ด้วยเซนเซอร์วัดความเฉื่อย (IMU) แบบ 6 แกน, การ์ดแฮนด์, ขาตั้งกลาง, ระบบเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วโดยไม่ต้องบีบคลัตช์ (Quickshifter), ปลอกแฮนด์อุ่นมือ, ไฟเลี้ยวตัดอัตโนมัติ, ไฟฉุกเฉินกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (emergency stop signal), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (cruise control) และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกผ่าน Honda RoadSync
Honda WN7
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว Honda WN7 รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการในงาน EICMA ซึ่งพัฒนาให้ขับขี่ได้เงียบ นุ่มนวล และเร่งความเร็วได้ทันใจในแบบเฉพาะของรถไฟฟ้าภายใต้แนวคิด “Be the Wind” โดยผ่านการทดสอบบนถนนมาแล้วทั่วยุโรป เพื่อให้มั่นใจว่า Honda WN7 จะสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งความสนุก สมดุล และความมั่นคงในสไตล์ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้อย่างเต็มเปี่ยม
Honda WN7 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 9.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ขนาด 18 กิโลวัตต์[2] รองรับใบอนุญาตขับขี่ระดับ A2 (A2 Licence Compliant) ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งนอกจากจะชาร์จไฟบ้านได้แล้ว ยังสามารถชาร์จผ่านระบบ CCS2[3] (Combined Charging System Type 2) แบบเดียวกับของรถยนต์ไฟฟ้าได้ด้วย โดยใช้เวลาเพียง 30 นาทีในการชาร์จจาก 20% เป็น 80% ส่วนด้านสมรรถนะและเทคโนโลยี ครบครันด้วยไฟส่องสว่างแบบ full LED รอบคัน, “ไฟวิ่งกลางวัน” ลายเฉพาะ, แชสซีแบบไร้เฟรม, ระบบช่วยเข็นเดินหน้า/ถอยหลัง, โหมดกำลังขับเคลื่อนหลายระดับ, ระบบเลือกการหน่วงขณะชะลอความเร็วจากการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ (Regenerative Deceleration Selector), โหมดเดินหน้า/ถอยหลังแบบความเร็วเท่าเดิน, ระบบช่วยจำกัดความเร็วแบบปรับตั้งได้ (SSLA : Selectable Speed Limit Assist), ระบบควบคุมแรงดันเบรกขณะเข้าโค้ง (Cornering ABS) และระบบควบคุมแรงบิด Honda Selectable Torque Control (HSTC)
นอกจากจากดีไซน์เพรียว ล้ำอนาคตแล้ว จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังเสริมความสมบูรณ์แบบด้วยตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ฮอนด้าแบบใหม่ สมความล้ำ นับเป็นการเปิดตัวทั้ง Honda WN7 และแบรนด์ดิ้งใหม่สำหรับกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน
V3R 900 E-Compressor Prototype
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัด ด้วยความจุ 900 ซีซี โดยใช้พื้นฐานการออกแบบจากเครื่องยนต์ V3 ที่ตัวลูกสูบจัดเรียงในมุม 75 องศาแบบตัววีและระบายความร้อนด้วยน้ำ (water-cooled 75-degree V3 engine) ซึ่งเคยเปิดตัวเป็นต้นแบบแล้วในงาน EICMA 2024 ที่ผ่านมา เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมคอมเพรสเซอร์ชนิดควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นครั้งแรกของโลกในรถจักรยานยนต์ ช่วยให้แรงบิดตอบสนองได้ฉับไวตั้งแต่รอบต่ำ ด้วยการควบคุมแรงอัดของอากาศที่ไหลเข้าสู่เครื่องยนต์โดยไม่ขึ้นกับรอบการทำงาน ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผลักดันให้ฮอนด้ามุ่งพัฒนาเครื่องยนต์ขนาด 900 ซีซี ที่ให้สมรรถนะเหนือระดับเทียบเท่าเครื่องยนต์ 1200 ซีซีได้ พร้อมทั้งยังคงไว้ซึ่งความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นแบบรุ่นนี้พัฒนาภายใต้แนวคิด “รถไฟเหาะแบบไม่ต้องพึ่งราง” (“Non-rail Rollercoaster”) สื่อถึงความตั้งใจของฮอนด้าในการสร้างรถที่ผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันคือ “เร้าใจแน่” (guaranteed thrill) และ “สบายใจหายห่วง” (reassuring peace of mind) ตัวรถมาพร้อมแฟริ่งด้านข้างดีไซน์ไม่สมมาตร ถังน้ำมันติดตราสัญลักษณ์ “Honda Flagship Wing” แบบใหม่ที่เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ฮอนด้าตั้งใจให้ต้นแบบเครื่องยนต์ V3R 900 E-Compressor Prototype เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายใหม่ในเส้นทางแห่งความท้าทาย เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุก ความตื่นเต้น และความภาคภูมิใจของการเป็นเจ้าของในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น หลังจากนี้ฮอนด้าพร้อมแล้วที่จะเดินเครื่องสู่การผลิตจริงต่อไป
จักรยานยนต์ XL750 Transalp, CB750 Hornet, NX500, CBR500R และ CB500 Hornet ทั้งหมดนี้ในรุ่นปี 2026 (26YM) มี Honda E-Clutch ให้เลือกแล้ว
สำหรับรุ่นปี 2026 (26YM) ระบบคลัตช์อัตโนมัติ Honda E-Clutch ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในรถ 4 สูบคลาสมิดเดิลเวท (4-cylinder middleweight) อย่าง CBR650R และ CB650R เมื่อปี 2024 จะพร้อมให้เลือกเป็นออปชันในรถอีก 5 รุ่นเป็นครั้งแรก ระบบนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ทำงานได้รวดเร็วและนุ่มนวลยิ่งกว่า Quickshifter (ระบบเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วโดยไม่ต้องบีบคลัตช์) มอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตเหนือระดับ อีกทั้งยังใช้งานง่าย เพียงใช้เท้าเปลี่ยนเกียร์ ไม่ต้องบีบคลัตช์เวลาออกตัว หยุดรถ หรือเปลี่ยนเกียร์ แต่หากต้องการก็ยังสามารถใช้คลัตช์แบบปกติได้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการขับขี่ สำหรับรุ่น Transalp และ Hornet ระบบ Honda E-Clutch ติดตั้งมาพร้อมระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire) เป็นครั้งแรก ช่วยให้ระบบสามารถเร่งรอบเครื่องยนต์อัตโนมัติ เพื่อปรับรอบเครื่องให้สัมพันธ์กับความเร็วของล้อหลัง และลดเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในรุ่น Transalp ยังได้รับการปรับแต่งให้สามารถเพิ่มเกียร์ได้อย่างราบรื่น แม้ในช่วงที่ล้อหลังกำลังหมุนอยู่ระหว่างการขับขี่แบบออฟโรด โดยระบบ Honda E-Clutch ที่ทำงานร่วมกับระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire) จะควบคุมการทำงานอย่างแม่นยำจากข้อมูลการตรวจจับความเร็วล้อหน้าและล้อหลัง
นอกจากนี้ ระบบ Honda E-Clutch ยังมีให้เลือกเป็นออปชันในรถคลาส 500 ซีซี ยอดนิยมอีก 3 รุ่น ได้แก่ CB500 Hornet, NX500 และ CBR500R ซึ่งการผสานความสปอร์ต ความง่ายในการใช้งาน และประโยชน์ใช้สอยอเนกประสงค์นี้ นับเป็นการเปิดมิติใหม่ของการขับขี่ให้กับผู้ขับขี่หลากหลายกลุ่มที่ชื่นชอบทั้งสามรุ่นนี้อยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยี Honda E-Clutch เข้ามาอยู่ในรถที่รองรับใบอนุญาตขับขี่ระดับ A2 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่รุ่นใหม่ไฟแรงทั่วยุโรปได้สัมผัสสมรรถนะเหนือระดับของเทคโนโลยีนี้อย่างแท้จริง
SH125i
SH125i สกู๊ตเตอร์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของยุโรป กลับมาพร้อมโฉมใหม่ในรุ่นปี 2026 (26YM) ภายใต้ดีไซน์ที่เฉียบคมยิ่งขึ้น มาพร้อมลายไฟส่องสว่างใหม่ และหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่เพิ่มเสน่ห์ให้รุ่นนี้โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ด้านหน้าของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ด้วยแรงบันดาลใจจากรุ่น SH350i เพื่อผสานรูปลักษณ์ของจักรยานยนต์ตระกูล SH ทั้งสามรุ่นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยทั้งหมดผลิตที่โรงงานในเมืองอาเตสซา (Atessa) ประเทศอิตาลี ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็น “เส้นเดียว” จากหน้าจรดท้าย จักรยานยนต์ตระกูล SH รุ่นปี 2026 (26YM) จึงมีบุคลิกโดดเด่นด้วยความเรียบง่ายแต่สะดุดตา คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของ SH พร้อมพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นจากรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีรุ่น SH150i สำหรับจำหน่ายในบางประเทศอีกด้วย
CB1000F มาพร้อมสีใหม่หลายรุ่น
ภายในงาน EICMA รถจักรยานยนต์ฮอนด้ายังได้จัดแสดง CB1000F จักรยานยนต์แนวเรโทรสมรรถนะสูง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นรถประเภท “Big Naked” ที่ควบคุมง่าย ตอบโจทย์ครบเครื่อง รูปลักษณ์เร้าใจ สเปกจัดเต็ม และขุมพลังแรงจากเครื่องยนต์ที่พัฒนาต่อยอดจากจักรยานยนต์ตระกูล Fireblade
นอกจากนี้ ยังมีการเผยโฉมสีใหม่สำหรับ NC750X จักรยานสไตล์ครอสโอเวอร์, SH350i รุ่นเรือธงแห่งตระกูล SH รวมถึง “ทัวเรอร์” ระดับตำนาน ได้แก่จักรยานยนต์ทางไกลรุ่น Gold Wing และ Gold Wing Tour ซึ่งชื่อ Gold Wing นี้กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่หกของการผลิตอย่างภาคภูมิ
การคอลแล็บกันระหว่างแบรนด์ Honda × Kuromi
อีกหนึ่งไฮไลต์ภายในบูธของฮอนด้าในงาน EICMA คือรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษสองรุ่นที่ตกแต่งลวดลาย “คุโรมิ” (Kuromi) ตัวการ์ตูนยอดนิยมของบริษัท ซานริโอ จำกัด (Sanrio Co., Ltd.) ซึ่งฮอนด้าได้จับมือคอลแล็บเพื่องาน EICMA นี้โดยเฉพาะ ประกอบด้วยรุ่น CB750 Hornet ในโทนสีม่วง-ชมพู และรุ่น CBR1000RR-R Fireblade ในโทนสีดำ-ม่วงในแบบของคุโรมิ สะท้อนความตั้งใจของฮอนด้าในการขยายฐานลูกค้ารถจักรยานยนต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกกลุ่ม
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
TikTok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
YouTube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle
“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” พลิกสถานการณ์ เก็บแต้ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
1 Min Read“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” พลิกสถานการณ์ เก็บแต้ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ หมายเลข 85 ยอดนักบิดดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงแข่งขันเก็บประสบการณ์สนามระดับโลกในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกรายการเอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 สนาม 6 ที่ เซอร์กิต เดอ บาร์เซโลนา-กาตาลุญญา ประเทศสเปน
เกมการแข่งขันในเรซแรกมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ออกสตาร์ตด้วยอันดับ 27 ก่อนที่จะเรียนรู้เก็บทักษะประสบการณ์กับสนามสุดหินจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 28 จากนั้นตามต่อด้วยการแข่งขันเรซ 2 ในช่วงบ่ายนักแข่งดาวรุ่งไทยออกสตาร์ตด้วยอันดับ 18 ต่อสู้อย่างสุดกำลัง ขับเคี่ยวแย่งชิงแต้มกับนักบิดระดับดาวรุ่งของโลกอย่างดุเดือด ก่อนที่สุดท้ายแล้ว “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” จะทะยานจบการแข่งขันด้วยอันดับ 15 เก็บแต้มสะสมเพิ่มไปอีก 1 คะแนน
“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” เก็บคะแนนสะสม รายการเอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ประจำปี 2025 ได้ทั้งสิ้น 8 คะแนน และเหลือการแข่งขันสนามสุดท้ายที่ เซอร์กิต ริคาร์โด้ ทอร์โม ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน นี้
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : Honda Racing Thailand
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #RoadToMotoGP #TheNextSuccessor #RookiesCup #Maikiw #Maikiw85 #KS85
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ผลักดันนักบิดไทยก้าวสู่เวทีญี่ปุ่น ส่ง “นีโม่-จิรัฎฐ์” ท้าทายศึก All Japan Motocross สนามสุดท้าย
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” เดินหน้าพัฒนาศักยภาพนักบิดไทยอย่างต่อเนื่อง โดย “นีโม่” จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์ หมายเลข 47 แชมป์ประเทศไทยรุ่น Premier MX-1 450 ซีซี ฤดูกาล 2025 สร้างผลงานโดดเด่น คว้าอันดับที่ 2 ในการแข่งขัน D.I.D All Japan Motocross Championship รุ่น IA-1 สนามที่ 6 ผลการแข่งขันดังกล่าวนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนานักบิดไทย โดย “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” เดินหน้าสนับสนุน “นีโม่-จิรัฎฐ์” พร้อม “โค้ชโย-ชาคริต รุ่งสุวรรณ” ลงสู้ศึกสนามสุดท้าย ที่สนาม Sportland Sugo จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1–2 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา
การแข่งขันสนามสุดท้าย นั้นสุดเข้มข้น เนื่องจากนักแข่งเจ้าถิ่นที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญสภาพสนามมากกว่า เบียดลุ้นแชมป์ประจำปีพร้อมทั้งใช้การแข่งขันสนามนี้เป็นการชี้ขาด ซึ่งเป็นโอกาสของนักบิดไทยอย่าง “นีโม่-จิรัฎฐ์” พร้อมด้วยรถแข่ง Honda CRF450R สังกัด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้เรียนรู้กับด่านทดสอบสำคัญ
“นีโม่-จิรัฎฐ์” ทำเวลาในรอบควอลิฟายรั้งอันดับ 15 ก่อนลงสนามรุ่น IA-1 ซึ่งแข่งขันกัน 2 เรซภายในวันเดียว โดยในเรซแรกที่ดวลกัน 25 นาทีและ 1 รอบสนาม “นีโม่” แสดงความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับนักบิดเจ้าถิ่น ท่ามกลางสภาพสนามที่ท้าทายทั้งร่องลึกและไลน์การขับขี่ที่หลากหลาย ก่อนเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 12
การแข่งขันเรซที่ 2 นักแข่งไทย “นีโม่-จิรัฎฐ์” ใช้โอกาสในการเรียนรู้ได้อย่างยอดเยี่ยม ยกระดับความเร็วขึ้นมารั้งอันดับในกลุ่มนำ โดยขยับขึ้นมาอยู่ในท็อป 7 และต่อสู้กับยอดนักบิดญี่ปุ่นได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีโชคร้ายนักแข่งไทยประสบอุบัติเหตุระหว่างเกมส์ แต่ไม่ยอมแพ้ยกรถแข่งขึ้นมาสู้ต่อก่อนจบการแข่งขันเป็นอันดับที่ 12
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” มุ่งมั่นในการทำผลงานเพื่อแฟนความเร็วชาวไทย พร้อมผลักดันนักแข่งไทยเข้าสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายการทางฝุ่นเป้าหมายในซีซั่นต่อไปคือการป้องกันแชมป์ประเทศไทยใน 2 รุ่นท็อปสุด Premier MX-1 และ Premier MX-2 พร้อมทั้งพัฒนานักบิดไทยและสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #Motorsport #Motocross #AllJapanMotocrossChampionship
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า เปิดตัว “New Honda PCX160” สองสีใหม่ สีขาว White Blaze และ สีส้ม Amber Blaze สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม อีกระดับของความภูมิใจที่ทุกคนรอคอย
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดตัว New Honda PCX160 รถจักรยานยนต์สปอร์ตพรีเมียม ที่มาพร้อม 2 สีใหม่ที่ทุกคนรอคอย ได้แก่ สีขาว-ดำ (White Blaze) ในรุ่น RoadSync และ สีส้ม-ดำ (Amber Blaze) ในรุ่น Standard เสริมลุคให้ดูสปอร์ตพร้อมกับสีสันเทรนดี้ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยคอนเซปต์ “BE THE MARK OF PRIDE อีกระดับของความภูมิใจ ที่ใครก็อยากเป็น” เอกลักษณ์แห่งความภูมิใจที่ชูเทคโนโลยีไปอีกระดับ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ทั่วประเทศ
New Honda PCX เสริมเอกลักษณ์แห่งความภูมิใจด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่ทรง Victory Shape พร้อมไฟเลี้ยวและไฟท้ายแบบ LED เพิ่มความโดดเด่นในทุกมุมมอง มาพร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ สีขาว White Blaze ในรุ่น RoadSync เสริมลุคให้สะดุดตาด้วยเบาะสีน้ำตาล-ดำแบบทูโทน สปอร์ตพรีเมียม สะท้อนความภาคภูมิใจไม่ซ้ำใคร และ สีส้ม Amber Blaze ในรุ่น Standard สีสันสปอร์ตเทรนดี้ที่พร้อมสะกดทุกสายตาตั้งแต่แรกเห็น เพิ่มความหลากหลายให้ผู้ขับขี่ได้เลือกตามสไตล์
New Honda PCX มาพร้อมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 157 ซีซี ให้สมรรถนะต่อเนื่อง ส่งเต็มกำลัง สมูท ลื่นไหล ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS ล้อหน้าที่มาพร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่จุได้ 30 ลิตร และกุญแจรีโมตอัจฉริยะ Honda SMART Key & Controller ที่สั่งงานง่ายเพียงบิดสวิตช์
สำหรับรุ่น RoadSync โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ครบถ้วน รวมถึงระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบตรวจจับและควบคุมล้อหน้า-ล้อหลังให้สัมพันธ์กัน ป้องกันรถเสียการทรงตัว สะดวก ปลอดภัยในทุกการขับขี่ พร้อมเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Honda RoadSync เทคโนโลยีอัจฉริยะจากฮอนด้าที่ควบคุมการทำงานด้วยเสียงโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ในการรับสายโทรเข้า-โทรออก, ระบบนำทาง, แอปพลิเคชันฟังเพลง และประวัติการเดินทาง พร้อมควบคุมผ่านปุ่มคอนโทรลเลอร์ดีไซน์ใหม่ในแบบมัลติฟังก์ชันสั่งการได้หลากหลาย ถือเป็นอีกระดับของการเชื่อมต่อระหว่างคนและรถ
New Honda PCX 2 เฉดสีใหม่ พร้อมวางจำหน่ายที่ศูนย์ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยวางจำหน่ายพร้อมกับเฉดสีให้เลือกตามสไตล์ ดังนี้
- รุ่น RoadSync : สีขาว-ดำ (White Blaze), สีน้ำเงิน (Innovate Blue), สีแดง-ดำ (Matt Red) ราคาแนะนำ 99,900 บาท
- รุ่น Standard : สีส้ม-ดำ (Amber Blaze), สีดำ (Matt Gunpowder Black), สีน้ำเงิน-ดำ (Victory Blue), สีเทา-ดำ (Pearl Smoky Gray) ราคาแนะนำ 96,000 บาท
ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
TikTok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
YouTube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#AllNewHondaPCX160 #HondaPCX160 #BeTheMarkOfPride #อีกระดับของความภูมิใจที่ใครก็อยากเป็น
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
เคาะแล้ว บัตร 𝗧𝗵𝗮𝗶𝗚𝗣 𝟮𝟬𝟮𝟲 สนามแรกฤดูกาล ‘ตรึงราคาเดิม’ พร้อมสิทธิประโยชน์ แบบ ‘𝟯-𝗶𝗻-𝟭’ และส่วนลดสุดคุ้ม สนามเดียวในโลก!
ล่าสุดได้มีการเปิดเผยจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะเจ้าภาพหลักฝ่ายจัดการแข่งขันถึง รายละเอียดราคาบัตรเข้าชมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” สนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2026″ สนามเปิดฤดูกาล และเจ้าภาพ Pre-Season Test (การทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล) โดยการแข่งขันจริง จะระเบิดศึกระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2569 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยเตรียมเปิดจำหน่าย 11 พ.ย. นี้ พร้อมกันทั่วโลก
ตรึงราคาเดิม! เพิ่มสิทธิพิเศษ ‘3-in-1 Global Exclusive’
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า “ตามนโยบายของ กกท. ที่ต้องการมอบประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกในราคาที่เข้าถึงได้สูงสุด เรายืนยันการ ‘ตรึงราคาเดิม’ ของบัตร Main Race ทุกประเภท เพื่อขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้การสนับสนุน ThaiGP มาอย่างต่อเนื่อง โดยราคาบัตรชม 3 วันยังคงเดิม แต่สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าคือการมอบ ‘สิทธิพิเศษ 3-in-1 Global Exclusive’ ซึ่ง ไม่มีสนามไหนในโลกทำได้ ได้แก่
1.เข้าชม Pre-Season Test ฟรี! – ผู้ถือบัตร Main Race ทุกประเภท ได้สิทธิ์เข้าชมการทดสอบรถ (Test) ของทีมแข่งระดับโลก ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2569 ฟรี!
2.ชม Main Race ครบ 3 วัน– เต็มอิ่มกับสุดยอดการแข่งขันระดับโลก ระหว่างวันที่ 27 ก.พ. – 1 มี.ค. 2569
3.บัตรเข้างานเฟสติวัล – ใช้เป็นบัตรแอดมิชชั่นเข้าสู่กิจกรรมบันเทิง อาทิ คอนเสิร์ต มวยไทย และร่วมกิจกรรมฟรี ตลอด 3 วัน บริเวณ Commercial Area ด้านหน้าสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่เนรมิตเป็นงานเอ็กซ์โปสำหรับคนสายมอเตอร์ไซค์ มีทั้งพาวิลเลียนภาครัฐ-เอกชนขนาดใหญ่และร้านค้ารายย่อยมากมาย สินค้าสำหรับคนมอเตอร์ไซค์แบรนด์ดัง, “ชิม” และเลือกซื้อ ของดีของขึ้นชื่อ ร้านอาหารชื่อดังจากบุรีรัมย์และทั่วประเทศมาไว้ในงาน ครบจบที่เดียว
“บัตรชมโมโตจีพี สนามประเทศไทย” แบบ 3 วัน และบัตรพรีเมียมที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษ แบ่งเป็น
- แกรนด์ สแตนด์ (Grandstand) 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม) ใช้ส่วนลดจาก PT Max Card Plus 25% เหลือ 3,750 บาท หรือ ใช้ส่วนลดจากผู้สนับสนุน 20% เหลือ 4,000 บาท
- ไซด์สแตนด์ (Side Stand) 2,000 บาท ราคาสบายกระเป๋า ใช้ส่วนลดจาก PT Max Card Plus 25% เหลือ 1,500 บาท หรือ ใช้ส่วนลดจากผู้สนับสนุน 20% เหลือ 1,600 บาท
- ไรเดอร์ สแตนด์ (Rider Stand) 3,000 บาท สำหรับกองเชียร์นักแข่ง ได้แก่ มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์ (พร้อมของที่ระลึก ลิขสิทธิ์แท้จากนักบิดคนโปรด) ใช้ส่วนลดจาก PT Max Card Plus 25% เหลือ 2,250 บาท หรือ ใช้ส่วนลดจากผู้สนับสนุน 20% เหลือ 2,400 บาท
- แบรนด์ สแตนด์ (Brand Stand) 2,000 บาท สำหรับกองเชียร์จากค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำ ประกอบด้วย Honda, YAMAHA (พร้อมสิทธิ์รับของที่ระลึก/ลุ้นชิงโชคของรางวัลจากผู้สนับสนุน) ใช้ส่วนลดจาก PT Max Card Plus 25% เหลือ 1,500 บาท หรือ ใช้ส่วนลดจากผู้สนับสนุน 20% เหลือ 1,600 บาท
ทั้งนี้ บัตรทั้ง 4 ประเภท เข้าชม Pre-Season Test ได้ฟรี และชม Main Race ได้ทั้ง 3 วัน
- บัตรชม Pre-Season Test (ซื้อแยก) ชมการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาลที่จังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2569 ราคาจำหน่ายบัตร แบ่งเป็น บัตร Grand Stand ราคา 500 บาทต่อวัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท, บัตร VIP 5,000 บาท ต่อวัน
- เปิดจำหน่ายบัตร ‘VIP Lounge โค้ง 12‘ ครั้งแรก! บัตรระดับพรีเมียม ในราคา 20,000 บาท ซึ่งมอบประสบการณ์เหนือระดับ ด้วยห้องรับรองติดแอร์, พร้อมบริการชั้นเลิศ ประกอบด้วย Gourmet Lunch (อาหารกลางวันเลิศรส), Afternoon Temptations (ชุดของว่างยามบ่ายสุดพิเศษ), Complimentary Bar (บริการเครื่องดื่มฟรี), Viewing Area (พื้นที่รับชม), TV Screen (จอทีวี), Wi-Fi และสิทธิ์เข้าชม Pre-Season Test ฟรี!
- บัตร Paddock Pass สามารถเข้าสู่โซน Paddock ของนักแข่งระดับโลกอย่างใกล้ชิด ขอลายเซ็น และถ่ายรูปแบบเอ๊กซ์คลูซีฟ ในราคา 15,000 บาท ซึ่งเมื่อซื้อพร้อมบัตร Main Race จะได้รับส่วนลดพิเศษ 15% เหลือเพียง 12,750 บาท และสิทธิ์เข้าชม Pre-Season Test ฟรี!
ทั้งนี้ ในวันเปิดจำหน่ายบัตร พร้อมกันทั่วโลก วันที่ 11 พ.ย. 2568 นี้ คณะทำงานฯได้เตรียมการระบบต่างๆ เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้แฟนๆ โมโตจีพีจำนวนมาก ที่จะจองบัตรในวัน เวลาดังกล่าวอย่างดีที่สุด โดยในปี 2025 ที่ผ่านมา หลังเปิดจำหน่ายบัตร ที่นั่งแกรนด์สแตนด์ กว่า 10,000 ที่นั่ง Sold Out ด้วยเวลา 2.55 นาที ขณะที่สแตนด์อื่นๆ มียอดจองอย่างรวดเร็วเช่นกัน คาดในปี 2026 มีการเปิดจำหน่ายบัตรเร็วขึ้น และด้วยกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้น คาดจะสามารถจำหน่ายบัตรเต็มทุกที่นั่งอย่างรวดเร็วแน่นอน
ราคาจำหน่ายบัตรในประเทศไทย จัดว่าถูกและคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากทุกภาคส่วนจัดเต็มมหกรรมความสนุก-ความบันเทิงทั้งในและนอกสนาม คอนเสิร์ต มวย ช้อป ชิม ศิลปวัฒนธรรม ด้วยเสน่ห์แบบไทยไทย ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกบนผืนแผ่นดินไทยที่แฟนตัวจริงต้องห้ามพลาด
ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซด์ allticket เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ วันอังคารที่ 11 พ.ย. 2568 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เผยโฉมจักรยานยนต์แห่งอนาคต 4 รุ่น ในงาน Japan Mobility Show 2025 ภายใต้วิสัยทัศน์ “The Power of Dreams” สู่ความอิสระแห่งการเดินทางในทุกมิติ
บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมยานยนต์ระดับโลก Japan Mobility Show 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการนานาชาติ “โตเกียว บิ๊กไซต์” (Tokyo Big Sight) ภายใต้แนวคิด “The Power of Dreams – How we move you.” ถ่ายทอดพลังแห่งความฝันที่ขับเคลื่อนฮอนด้าให้สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออิสระแห่งการเดินทางในทุกมิติ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และอวกาศ
ภายในบูธฮอนด้า จัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยครบวงจร ตั้งแต่จักรยานไฟฟ้า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไปจนถึงเครื่องบินธุรกิจและจรวดพลังงานสะอาด สะท้อนความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการก้าวสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050
ขณะเดียวกัน ในส่วนของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้เปิดตัวโมเดลต้นแบบและรุ่นใหม่รวม 4 รุ่น ที่สะท้อนทิศทางแห่งอนาคตของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด และสืบสานจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์เพื่อมอบ “ความสุขของการขับขี่” อย่างแท้จริง
EV OUTLIER CONCEPT: ต้นแบบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ปลดปล่อยอิสระแห่งการขับขี่ในทุกมิติ
EV OUTLIER CONCEPT รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าคอนเซ็ปต์ที่พลิกนิยามการออกแบบแบบเดิม ด้วยดีไซน์ “Dynamic & Low Proportion” ที่เน้นเส้นสายลู่ต่ำและพลิ้วไหว ติดตั้งระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า In-Wheel Motor ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เพื่อการตอบสนองที่เฉียบคมและสมดุล โดดเด่นด้วยโครงสร้างโปร่งใส (Smoke-Clear Body) เผยให้เห็นความงามเชิงวิศวกรรม พร้อมจอแสดงผลแบบกราฟิกที่ปรับแรงบิดและโหมดขับขี่ได้อย่างอิสระ ถ่ายทอดแนวคิด “Gliding – Ecstasy – Low” ให้ผู้ขับสัมผัสความเป็นหนึ่งเดียวกับรถได้อย่างเต็มอารมณ์
Honda e-MTB Prototype: สนุกกับทุกการปั่น ผสานความมันส์ของมอเตอร์ไซค์กับความเป็นธรรมชาติของจักรยาน
จักรยานเสือภูเขาไฟฟ้าระดับพรีเมียม ภายใต้แนวคิด “Ride Natural, Reach New Peaks” ถ่ายทอดแนวทางการขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ที่รวมความเร้าใจของการขี่มอเตอร์ไซค์เข้ากับความสนุกของการปั่นจักรยานอย่างเป็นธรรมชาติ ระบบช่วยปั่นไฟฟ้าเพิ่มแรงส่งให้นุ่มนวล เหมาะสำหรับทุกเส้นทาง ทั้งในเมือง ภูเขา และการผจญภัยกลางธรรมชาติ
CB1000F และ CB1000F SE: สืบทอดจิตวิญญาณแห่งตระกูล CB สู่มาตรฐานใหม่ของสปอร์ตไบค์ระดับเรือธง
รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเปิดตัวสปอร์ตไบค์ตระกูล CB ที่สืบทอดเอกลักษณ์ความแข็งแกร่งและสง่างามไม่เสื่อมคลาย รุ่น CB1000F มาพร้อมดีไซน์สมส่วน เฉียบคม และสมรรถนะที่ตอบสนองได้อย่างมั่นใจ ส่วนรุ่นพิเศษ CB1000F SE เพิ่มความโดดเด่นด้วยแฟริ่งหัวไฟดีไซน์เฉพาะ เสริมบุคลิกหรูหราเหนือระดับ ถ่ายทอดความสมดุลระหว่างพลังและความงามในแบบฉบับฮอนด้าอย่างลงตัว
Super Cub 110 Lite: ขับขี่คล่องตัวในทุกวัน สะท้อนมาตรฐานใหม่ของชีวิตคนเมือง
อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจคือ Super Cub 110 Lite ที่พัฒนาภายใต้มาตรฐานใหม่ของญี่ปุ่นในกลุ่ม Class 1 Motorized Bicycle ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันด้วยเครื่องยนต์กำลังสูงสุด 3.7 กิโลวัตต์ สมรรถนะเหนือกว่ารุ่นเดิม ทั้งแรงบิดต่อเนื่อง การเร่งที่นุ่มนวล และความประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มองหารถจักรยานยนต์ขนาดเล็กราคาคุ้มค่า ขับขี่ง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากกลุ่มรถจักรยานยนต์แล้ว บูธฮอนด้ายังจัดแสดงนวัตกรรมเพื่อการเดินทางแห่งอนาคตอีกมากมาย อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า Honda 0 Series, เครื่องบินธุรกิจ HondaJet Elite II, เครื่องยนต์เรือรุ่นใหม่ BF350 และต้นแบบจรวดพลังงานสะอาด ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนของฮอนด้าในทุกมิติ เพื่อสร้างคุณค่าทางเทคโนโลยีและมอบอิสรภาพแห่งการเดินทางอย่างยั่งยืนให้กับผู้คนทั่วโลก
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของฮอนด้าในการนำพาเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาสู่ชีวิตจริงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสานต่อคำมั่นในการมอบ “ความสุขและอิสรภาพแห่งการเดินทาง” ให้กับผู้คนทั่วโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ “The Power of Dreams” ที่เป็นหัวใจสำคัญของฮอนด้าเสมอมา
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#JapanMobilityShow2025 #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ ชวนผู้ใช้รถตรวจรถฟรีถึง 10 รายการ ขับขี่ปลอดภัย รับเทศกาลปีใหม่ 2569 ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2568
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ ชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่น เข้ารับบริการตรวจรถฟรีกับกิจกรรม“ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2569” เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน และสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่น ๆ ได้ที่ Honda BigWing ทั่วประเทศ (เฉพาะร้านที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2569
สำหรับบริการตรวจเช็กรถฟรีครั้งนี้ ทางลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ได้แก่
- ฟรี! ค่าแรงเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง มูลค่า 300 บาท
- ตรวจเช็กรถฟรี 10 รายการ ตามมาตรฐานคู่มือฮอนด้า ครอบคลุมตั้งแต่ระบบเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบระบายความร้อน ระบบเชื้อเพลิง ระบบคลัตช์ ระบบรองรับน้ำหนัก ระบบเบรก ระบบไฟฟ้า ขาตั้งข้าง/ขาตั้งกลาง รวมถึงล้อและยาง
- รับ 500 แต้มฟรี จากแอปพลิเคชัน My Honda Moto เพื่อใช้แลกรับสิทธิประโยชน์ในอนาคต
- ส่วนลดค่าอะไหล่ 10 – 20% (สำหรับร้านผู้จำหน่ายที่เข้าร่วมรายการ)
กิจกรรมนี้ เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของฮอนด้าบิ๊กไบค์ ในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมมอบสิทธิพิเศษเพื่อแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าให้การสนับสนุนและไว้วางใจฮอนด้ามาโดยตลอด
ผู้สนใจสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Honda BigWing ที่เข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2569
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/
#ฮอนด้าบิ๊กไบค์ #HondaBigBike #HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine























































































































