-
ลัมโบร์กินี เผยธุรกิจโตต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2568
ผู้ผลิตรถเมืองซัง’อกาตา โบโลนเญส เปิดศักราชใหม่ด้วยผลประกอบการดีเยี่ยม ทั้งด้านรายรับ กำไร และยอดส่งมอบรถยนต์ ท่ามกลางความท้าทายของตลาดโลกวันนี้

ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) แบรนด์ซูเปอร์คาร์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากอิตาลี เดินหน้าสร้างผลประกอบการดีเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2568 ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน โดยรายงานยอดส่งมอบรถยนต์ทั่วโลกรวม 2,967 คัน กวาดรายได้รวม 895.2 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 29.6% และทำกำไรจากการดำเนินงานแตะ 248.1 ล้านยูโร เติบโตขึ้นกว่า 32.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “เราสร้างอนาคตด้วยมือเรา และสิ่งนั้นเกิดขึ้นจากการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น ผลลัพธ์ไตรมาสแรกถือเป็นเครื่องพิสูจน์ที่เด่นชัดถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ ซึ่งแม้จะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน หากความต้องการรถยนต์ของเราในตลาดโลกยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขผลประกอบการทั้งหมดนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าการผสานสมรรถนะ นวัตกรรม และความเอ็กซ์คลูซีฟ โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพและการปรับแต่งเพื่อลูกค้าเฉพาะรายนั้น เป็นแนวทางที่ถูกต้อง”
หนึ่งในปัจจัยหนุนที่ส่งให้ลัมโบร์กินีสามารถทำผลงานไตรมาสนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม คือการเดินสายการผลิตรถยนต์ตระกูล Revuelto [1] ซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด V12 รุ่นแรกของค่ายอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเปิดตัว Urus SE [2] รุ่นไฮบริดใหม่ในกลุ่ม Lamborghini Super SUV ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และตอกย้ำการยืนหนึ่งของแบรนด์ในตลาดโลก

มร.เปาโล โพมา กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวเสริมว่า เราเริ่มต้นปี 2568 ได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งตอกย้ำทิศทางการเติบโตทางการเงินของแบรนด์ที่ยั่งยืน แม้จะอยู่ในบริบทโลกที่ผันผวน โดยเฉพาะมิติด้านการค้าระหว่างประเทศ แต่เป้าหมายของเราก็ยังคงชัดเจน นั่นคือการสร้างคุณค่าให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านการยึดมั่นในวิสัยทัศน์ระยะยาวซึ่งสร้างขึ้นบนรากฐานทางการเงินที่มั่นคงและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม”

สำหรับไตรมาสแรก ลัมโบร์กินีสามารถรักษาสมดุลการกระจายยอดส่งมอบรถยนต์ได้ดีทั้งใน 3 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ EMEA (ภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) จำนวน 1,368 คัน (+7%), ทวีปอเมริกา 1,034 คัน (+21%) และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 565 คัน (+14%) โดยประเทศที่มียอดส่งมอบสูงสุดคือสหรัฐอเมริกา (933 คัน) ตามมาด้วยเยอรมนี (366 คัน) สหราชอาณาจักร (272 คัน) ญี่ปุ่น (187 คัน) อิตาลี (143 คัน) เกาหลีใต้ (134 คัน) ตะวันออกกลาง (104 คัน) สวิตเซอร์แลนด์ (95 คัน) ออสเตรเลีย (85 คัน) และฝรั่งเศส/โมนาโก (76 คัน)

การกระจายตัวของยอดขายทั่วโลกสะท้อนถึงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของลัมโบร์กินีในการสร้างสมดุลระหว่างการขยายตลาดโลกโดยยังคงยึดมั่นบนรากฐานอันแข็งแกร่งในอิตาลี ทั้งนี้ คิวจองรถยนต์ Revuelto ในปัจจุบันยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง และมีระยะเวลารอรับรถนานกว่า 2 ปี

ลัมโบร์กินีสามารถทำตัวเลขผลประกอบการอันยอดเยี่ยมนี้ได้ท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของบริบททางการค้า และถึงแม้มาตรการทางการค้าล่าสุดระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาสแรกของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี แต่บริษัทฯ ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินแนวโน้มในอนาคตและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจ โดยลัมโบร์กินียังคงยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกติกาสากล ตลาดที่เปิดกว้าง และความสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างเขตเศรษฐกิจทั่วโลก บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่ามาตรการกีดกันทางการค้าอาจส่งผลเสียต่อการเติบโต ความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาในระยะยาวของผู้ประกอบการทั่วโลก
[1] ค่าการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียของ Revuelto: อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11.86 ลิตร/100 กม. การใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 10.1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กม. การปล่อยก๊าซ CO₂ เฉลี่ย 276 กรัม/กม. ระดับประสิทธิภาพการปล่อย CO₂ ระดับ G อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด 17.8 ลิตร/100 กม. ระดับประสิทธิภาพการปล่อย CO₂ และแบตเตอรี่หมด ระดับ G (ตามมาตรฐาน WLTP)
[2] ค่าการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียของ Urus SE: อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 2.08 ลิตร/100 กม. การใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 39.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กม. การปล่อยก๊าซ CO₂ เฉลี่ย 51.25 กรัม/กม. ระดับประสิทธิภาพการปล่อย CO₂ ระดับ B อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด 12.9 ลิตร/100 กม. ระดับประสิทธิภาพ CO₂ เมื่อแบตเตอรี่หมด ระดับ G (ตามมาตรฐาน WLTP)
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เปิดตัว “Porsche Centre Pattaya” จุดหมายใหม่แห่งความเหนือระดับ สำหรับลูกค้าและผู้หลงใหลยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ในภาคตะวันออก

บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด ประกาศเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา (Porsche Centre Pattaya) โชว์รูมและศูนย์บริการระดับโลกแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท บางละมุง พัทยา บนพื้นที่กว่า 5,300 ตารางเมตร ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่ ภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในภาคตะวันออก
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดยในงานนี้ทางไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต ได้เผยโฉมรถยนต์ที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 พร้อมด้วย ปอร์เช่ 911 GT3 พร้อมชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Manthey Performance Kit และ ปอร์เช่ 718 GT4 RS สร้างความตื่นตาตื่นใจและให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

นายแอนดรูว์ บาแชม กรรมการผู้จัดการ ไซม์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “ความร่วมมืออันยาวนานระหว่างเรากับปอร์เช่ดำเนินมายาวนานกว่าทศวรรษ และครอบคลุมหลายประเทศ รวมถึงมาเลเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และปัจจุบันคือประเทศไทย เส้นทางความร่วมมือของเราเต็มไปด้วยความสำเร็จที่น่าจดจำ ตั้งแต่การก่อตั้งโรงงานประกอบรถปอร์เช่แห่งแรกนอกยุโรปที่เมือง
อิโนโคม ไปจนถึงการผลิตรถปอร์เช่ คาเยนน์เพื่อส่งออกมายังประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานระดับโลกพร้อมเดินหน้าพัฒนาขับเคลื่อนวงการยานยนต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค”นายฮานเนส รูออฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เผยว่า “ปอร์เช่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในประเทศไทย โดยปี 2567 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จที่โดดเด่น ตั้งแต่การนำเข้า Cayenne S E-Hybrid Coupé รุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาค ไปจนถึงการเปิด ปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก และป๊อปอัพคอนเซ็ปต์ Curvistan Bangkok (เคอร์วิสตาน แบงคอก) และในวันนี้ เราก้าวไปอีกขั้นในการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายด้วยการเปิด Porsche Centre Pattaya แห่งใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษและความประทับใจที่ให้กับเจ้าของปอร์เช่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าไปกับพันธมิตรทางธุรกิจของเราเพื่อสร้างความเป็นเลิศในการให้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วภูมิภาค”
นายไมเคิล เวตเตอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ปอร์เช่ ประเทศไทย ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ แห่งที่ 4 เข้าสู่เครือข่ายของเรา ซึ่งบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด ถือว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีประสบการณ์อันยาวนานในวงการปอร์เช่ โดยลูกค้าและแฟนของปอร์เช่มั่นใจได้ว่า รถสปอร์ตในฝันของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ภายใต้บริการที่มีมาตรฐานระดับโลก”
นายอาร์นท์ เบเยอร์ กรรมการผู้จัดการ ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา ซึ่งเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย พนักงานทุกคนผ่านการฝึกอบรมระดับสูงและใส่ใจในทุกรายละเอียด พวกเราพร้อมให้บริการระดับพรีเมียมและรอต้อนรับลูกค้าทั่วภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย ทั้งในชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และพัทยา เข้าสู่ครอบครัวปอร์เช่”สัมผัสประสบการณ์ “Destination Porsche”

ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เป็นหนึ่งในศูนย์แห่งใหม่แห่งแรกของปอร์เช่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ผสมผสานแนวคิดสถาปัตยกรรมล่าสุดภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” ส่วนหน้าของโชว์รูมภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบในโทนสีแดงตัดกับสีเงินคลาสสิก ซึ่งสะท้อนถึงความหลงใหลและมรดกอันล้ำค่าของปอร์เช่ พร้อมสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมอันไม่หยุดนิ่ง
ซึ่งเป็นคุณค่าที่ฝังแน่นอยู่ในรถสปอร์ตทุกคันของปอร์เช่
โชว์รูมแห่งนี้โดดเด่นด้วยการออกแบบในเรื่องการประหยัดพลังงาน อาทิ หลังคา ผนัง และกระจกที่เป็นฉนวนกันความร้อนสูงเพื่อลดการได้รับความร้อนและทำให้ใช้พลังงานต่ำลง มีการนำระบบกักเก็บน้ำฝนมาใช้ร่วมกับ อุปกรณ์ประหยัดน้ำเพื่อลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ ทำให้สามารถลดการใช้น้ำได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 255,000 ลิตรต่อปี

นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา ที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 261 กิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยให้ผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 50% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ภายในโชว์รูมกว้างขวางทันสมัย มี ‘Racing Line’ พื้นที่จัดแสดงยนตรกรรมชั้นเลิศได้ถึง 8 คัน มีแสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาช่วยทำให้รถโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดิจิทัลมากมาย รวมถึง Porsche Car Configurator พื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานได้หลากหลาย เช่น Co-working Space และ การจัดกิจกรรมในโชว์รูม นอกจากนี้ ยังมีมุมสำหรับคอลเลคชั่นสินค้าไลฟ์สไตล์ของปอร์เช่ที่นำเข้าจากเยอรมนี ทั้งรถจำลอง เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้เติมเต็มจิตวิญญาณปอร์เช่ในทุกช่วงเวลา
Porsche Service Pattaya การฝึกอบรมและการให้บริการระดับพรีเมียม

ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมส่งมอบประสบการณ์ด้านบริการที่ครอบคลุมครบวงจรตอบโจทย์ผู้ใช้รถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น รองรับด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมขั้นสูง มั่นใจได้ว่ารถยนต์ของท่านจะได้รับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอย่างดีที่สุด ภายในศูนย์บริการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือเฉพาะทาง อาทิ ห้องซ่อมแบตเตอรี่ สำหรับปอร์เช่ EV แบตเตอรี่แบบโมดูลาร์ ห้องซ่อมเครื่องยนต์–ระบบส่งกำลัง ระบบทดสอบไฟหน้าพร้อมระบบกล้อง เครื่องถ่วงล้ออัตโนมัติที่จำลองแรงเสียดทานจริง รวมถึงการตั้งศูนย์ล้อ 3D แบบออนไลน์ และเครื่องเปลี่ยนยางแบบไร้คานงัด โดยเครื่องมือทั้งหมดได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดเหมือนกับศูนย์บริการปอร์เช่ทุกแห่ง นอกจากนี้มีการติดตั้งรอกยกแบบฝังใต้ดิน ทำให้สภาพแวดล้อมดูสะอาดตา และใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า สามารถเข้าถึงช่วงล่างของรถและห้องโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย โดยรอกแบบฝังใต้ดินนี้ยังปลอดภัยและมีความทนทานมากกว่าเมื่อเทียบกับรอกที่อยู่เหนือพื้นดิน

บนชั้นสองของศูนย์บริการเป็นห้องทำสีและซ่อมตัวถังมาตรฐานโลกรับรองโดย VAS พร้อมห้องเชื่อมควบคุมอุณหภูมิ เพื่อการประมวลผลการซ่อมแซมตัวถังเหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ยังมีห้องเตรียมสีแบบปิด 2 ห้อง พื้นที่ทำงาน และห้องพ่นสีทันสมัย 2 ห้องที่พร้อมดูแลซ่อมแซมปอร์เช่ทุกคัน อีกทั้งยังมีบริการเสริมหลากหลาย อาทิ การเคลือบสี ติดตั้งฟิล์มกันรอย (PPF) ฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟและมูนรูฟ งานตกแต่งภายใน และการดูแลเบาะหนัง

ทีมงานปอร์เช่ เซอร์วิส พัทยา รวบรวมทีมงานที่มีประสบการณ์สูงทั้งช่างเทคนิคที่มีทักษะและผู้เชี่ยวชาญด้านตัวถังและสีที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการดูแลรักษารถยนต์ปอร์เช่โดยเฉพาะ ซึ่งพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าปอร์เช่ทุกคนในภาคตะวันออกของประเทศไทย
การเปิดตัวรถสุดพิเศษในงานเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา

ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดยหนึ่งในไฮไลท์ของงานนี้คือการเผยโฉม 911 GTS T-Hybrid ซึ่งเป็น 911 รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดสมรรถนะสูงน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และยังสร้างกระแสในงานเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา อีกด้วย 911 GTS ถือเป็นก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญของรุ่น 911 ที่ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ T-Hybrid นวัตกรรมใหม่ซึ่งช่วยปรับปรุงอัตราเร่งและการตอบสนองได้ดีขึ้น ระบบช่วงล่างยังได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพื่อการควบคุมที่รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยี T-Hybrid ส่งผลให้ 911 GTS มีพละกำลังและสมรรถนะที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ปอร์เช่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมรถสปอร์ตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง 718 GT4 RS รุ่นที่มีความสมบูรณ์แบบและทรงพลังที่สุดในสาย ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์สันดาปภายในรอบสูง ผสานโครงสร้างน้ำหนักเบา การตั้งค่าแชสซีปรับจูนให้คล่องแคล่ว อากาศพลศาสตร์ขั้นสูง และเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำมารวมกันแล้วทำให้สร้างประสบการณ์การขับขี่ปอร์เช่ที่เหนือระดับ รถยนต์คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตรที่นำมาจากรุ่น 911 GT3 Cup โดยตรง และพละกำลัง 500 PS (493 แรงม้า) พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมที่ครบครัน รวมถึงแพ็คเกจ Weissach และระบบเบรกคอมโพสิตเซรามิกของปอร์เช่ ตอบสนองทุกความต้องการของนักแข่งมอเตอร์สปอร์ต และ 718 GT4 RS ยังโดดเด่นด้วยสี Shark Blue ซึ่งเป็นสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทย
สำหรับ 911 GT3 สี Arctic Gray โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีรถแข่งที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรุ่นการผลิต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบนอนขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลัง 510 แรงม้า มาพร้อมกับชุดแต่งของ Manthey ประกอบด้วยสปอยเลอร์หลังที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น และระบบกันสะเทือนแบบคอยล์โอเวอร์ที่ปรับได้ 4 ทิศทาง สมรรถนะที่
โดดเด่นได้รับการพิสูจน์ด้วยเวลาต่อรอบที่ดีขึ้นถึง 4.19 วินาทีที่ สนามแข่ง Nürburgring Nordschleifeปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมเปิดให้บริการเพื่อสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ

ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมต้อนรับลูกค้าและแฟนปอร์เช่ทุกท่านที่มีใจรักในนวัตกรรมและสมรรถนะของรถปอร์เช่ มาร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นของปอร์เช่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพลิดเพลินไปกับการต้อนรับสุดพิเศษ จาก Back to School Café ที่นำเสนอกาแฟระดับพรีเมียมอย่าง “911 roast” เมนูสูตรพิเศษที่ได้รับการรังสรรค์เพื่อลูกค้าที่มีรสนิยมเช่นคุณ พร้อมเมนูเครื่องดื่มเอ็กซ์คลูซีฟอื่น ๆ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่โชว์รูมแห่งนี้เท่านั้น
สำหรับลูกค้าที่เข้ารับบริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ปรึกษาทีมงานมืออาชีพ หรือเข้าร่วมงานอีเว้นท์พิเศษของเรา ทุกท่านจะได้รับการต้อนรับระดับพรีเมียมในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรตามแบบฉบับของปอร์เช่สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมหรือนัดเข้ารับบริการและปรึกษาส่วนตัวได้ที่
โทร: 038 239 911
หรือ Line OA: @porschepattaya
หรือ Email: contact@porsche-pattaya.com
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
TrialGP2025 ระเบิดความมันส์ Repsol Honda HRC ร้อนแรงต่อเนื่องกวาดชัยชนะ 2 เรซ สนาม 2 ที่โปรตุเกส

“โทนี่ โบ” ยอดนักบิดไต่เขาชาวสเปนจาก Repsol Honda HRC ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ยกระดับผลงานด้วยการเหมาชัยชนะทั้ง 2 เรซ หลังดวลสุดเดือดกับคู่แข่ง เก็บคะแนนสะสมรั้งอันดับที่ 1 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ ขณะที่ “กาเบียล มาเซลลี่” ทีมเมท ทะยานขึ้นโพเดียมพร้อมรั้งท็อป 3 ในตารางคะแนน ในศึก TrialGP 2025 สนาม 2 ที่วีอานา โด กัสเตโล ประเทศโปรตุเกส (Viana do Castelo, Portugal) เมื่อสนามที่ผ่านมา

เรซที่ 1 “โทนี่ โบ” หมายเลข 1 เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก กับสภาพสนามที่แห้งแล้ง แต่ประสบการณ์และการทำงานของ Repsol Honda HRC ใช้ความสม่ำเสมอในการแข่งขันเข้ามาเป็นกลยุทธ์ เบียดคู่คว้าชัยชนะไปครองได้ก่อน และตามมาติดๆ บนโพเดียมโดยทีมเมท “กาเบียล มาเซลลี่” หมายเลข 38 คว้าอันดับที่ 3


เรซที่ 2 การต่อสู้เข้มข้นขึ้นอีกเมื่อนักแข่งเริ่มปรับตัวกับสภาพสนามได้ดีขึ้น “โทนี่ โบ” โฟกัสที่การขับของตัวเองและทำผลงานได้ออกมายอดเยี่ยมที่สุด คว้าชัยชนะไปครองได้อีกเรซ บวกคะแนนสะสมเพิ่มเป็น 160 คะแนน รั้งอันดับที่ 1 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ ขณะที่ “กาเบียล มาเซลลี่” พลาดโพเดียมไปอย่างน่าเสียดายด้วยคะแนนถูกเบียดอย่างหวุดหวิด เข้ามาเป็นอันดับที่ 4 ด้วยคะแนนสะสม 114 คะแนน รั้งอันดับที่ 3 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ

ทั้งนี้การแข่งขัน TrialGP 2025 สนามที่ 3 จะย้ายไปแข่งขันกันที่ โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นโฮมเรซของทีม Repsol Honda HRC โดยจะแข่งขันกันในระหว่างวันที่ 16-18 พฤษภาคม นี้
#ThaiHonda #HRC #RaceToTheDream #HondaRacingThailand #MotorSport #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaRacingCorporation #FIMTrailGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ระเบิดความมันกลางเมือง! ยามาฮ่าชวนสายซิ่งมาสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ “ALL NEW YAMAHA NMAX TECH MAX” ที่โลตัส ศรีนครินทร์

ยามาฮ่าปลุกความเร้าใจกลางกรุง ! กับกิจกรรมสุดมัน “ALL NEW YAMAHA NMAX THE MAX PRIDE BOOSTER” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 – 27 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ลานหน้าห้างโลตัส ศรีนครินทร์ งานนี้คอไบค์เกอร์ได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ตัวจริงของ ALL NEW YAMAHA NMAX TECH MAX สุดหล่อรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ YECVT ครั้งแรกในเมืองไทย! งานนี้คนแน่นเกินต้าน ! มีผู้ร่วมงานทะลุกว่า 1,000 คน และมีผู้ลงทะเบียนทดสอบขับขี่กว่า 300 คน พร้อมชมรถแต่ง NMAX สุดเท่ เติมไอเดียแต่งรถให้สายหล่อซิ่งแบบไม่ซ้ำใคร พร้อมโปรโมชันแรงๆ และบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี! สำหรับลูกค้ายามาฮ่าที่มาร่วมกิจกรรม พลาดครั้งนี้ไม่เป็นไร! รอบหน้าจัดหนักอีกครั้งวันที่ 24 – 25 พฤษภาคม 2568 ที่ ตลาดนินจา จ.ชลบุรี ขี่ก่อน เท่ก่อน พร้อมกิจกรรมสนุกๆ และของแจกอีกเพียบ! กดติดตามรอไว้เลยที่: Facebook: Yamaha Society Thailand LINE: @yamahasociety

#YAMAHA#ยามาฮ่า #YAMAHANMAX #YECVT
#ALLNEWYAMAHANMAXTHEMAXPRIDEBOOSTER #NMAXTESTRIDING #NMAX2025
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
GWM สยายปีกสู่เวทีระดับโลก เปิด 3 กลยุทธ์สำคัญ ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ทุ่ม 500 ล้านหยวน ตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

GWM ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” โดยในงาน Auto Shanghai 2025 ครั้งที่ 21 นอกจากจะได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมงานทั่วโลกด้วยทัพยนตรกรรมกว่า 40 รุ่น จาก 6 แบรนด์หลัก GWM ยังได้ประกาศ 3 กลยุทธ์สำคัญเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในระดับโลกอีกด้วย ได้แก่ 1.) ยกระดับมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ พร้อมตอบความต้องการในทุกตลาดด้วยนวัตกรรมที่หลากหลายและครอบคลุม 2.) พัฒนานวัตกรรมระบบขับเคลื่อนที่ล้ำหน้าและหลากหลายของตนเองเพื่อผู้ใช้ทั่วโลก 3.) สร้างระบบนิเวศร่วมกับชุมชนทั่วโลก พร้อมทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านหยวน (2,300 ล้านบาทโดยประมาณ) เพื่อจัดตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ทั้งหมดนี้ คือการมุ่งสร้างการเติบโตในระดับสากลของ GWM เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง มอบประสบการณ์อัจฉริยะในการเดินทางเพื่ออนาคตที่ครอบคลุมกว่าและเหนือกว่าในทุกมิติอย่างแท้จริง

มู่ เฟิง ประธาน GWM กล่าวว่า “ภารกิจของ GWM คือการก้าวข้ามขีดจำกัดในทุกมิติ เพื่อมอบยนตรกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยในครั้งนี้บริษัทฯ มาพร้อมกับ 3 กลยุทธ์สำคัญที่กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัย การพัฒนาและผลิตเครื่องยนต์อย่างครบวงจร รวมทั้งการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ที่ยั่งยืนในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุก ๆ ด้าน GWM จะยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้บุกเบิกทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมสร้างไลฟ์สไตล์ยานยนต์ที่สอดคล้องกับแนวคิด ‘เทคโนโลยีที่เต็มไปด้วยความรัก และโลกที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต” (Tech With More Love. World With More Life) เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก”
3 กลยุทธ์สำคัญในการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในระดับโลกของ GWM ประกอบด้วย

Consistency & Diversity: ยกระดับมาตรฐานสากล “อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ” พร้อมย้ำ “ความปลอดภัย” คือหัวใจหลักของแบรนด์
GWM ตอกย้ำความเป็นผู้นำในระดับโลกผ่านกลยุทธ์ “มาตรฐานระดับโลกควบคู่กับการปรับให้เหมาะสมในแต่ละท้องถิ่น” (Global Standards + Local Customization Strategy) โดยมุ่งยกระดับทั้งคุณภาพและความปลอดภัยของรถยนต์ตามมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง ยืนยันความสำเร็จด้วยคะแนน 5 ดาวจากการทดสอบชั้นนำในหลากหลายเวทีทั่วโลก สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกได้อย่างแท้จริง มอบความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับกลยุทธ์ดังกล่าว ในปี 2568 นี้ GWM ได้มีการลงทุนกว่า 500 ล้านหยวน หรือกว่า 2,300 ล้านบาท ในการก่อตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ในเมืองเป่าติ้ง ประเทศจีน อีกทั้งยังได้มีการจัดแสดงแบบจำลองของศูนย์ทดสอบความปลอดภัยและห้องปฏิบัติการอุโมงค์ลม ภายในงาน Auto Shanghai 2025 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นและความทุ่มเทด้านความปลอดภัยของยานยนต์พลังงานใหม่ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นอกจากด้านมาตรฐานระดับโลกแล้ว GWM ยังเสริมสร้างรากฐานของแบรนด์ให้แข็งแกร่งในทั้ง 3 มิติผ่าน “ตัวตน คุณภาพ และการบริการ” (Character, Quality, and Service) ร่วมกับการยกระดับเอกลักษณ์แบรนด์ในทั้ง 3 ด้าน “ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม” (Product, Technology, and Culture) ด้วยการพัฒนาและปรับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด เช่น GWM TANK 300 รุ่น Middle East Edition ที่มาพร้อมเพดานดวงดาวระยิบระยับเสมือนบรรยากาศท้องฟ้าในยามราตรี และ GWM ORA รุ่น Nordic Edition ที่แต่งแต้มบรรยากาศด้วยไฟหลากสีสันราวกับแสงเหนืออันตระการตา รวมถึงการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริงผนวกกับการสร้างการรับรู้และขยายชื่อเสียงของแบรนด์และการยอมรับในระดับนานาชาติได้อย่างแข็งแกร่ง

Powerful Powertrains for Globalization: พัฒนานวัตกรรมระบบขับเคลื่อนที่ล้ำหน้าของตนเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะ
ก่อนที่ GWM จะประสบความสำเร็จจนสามารถสร้างชื่อเสียงอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศจีนและระดับโลกในปัจจุบันนั้น GWM ก้าวสู่ความสำเร็จจากการเปิดตัวรถกระบะรุ่น “Deer” ในปี 2538 และเริ่มขยายไปยังตลาดต่างประเทศในปี 2540 หลังจากที่ แจ็ค เว่ย ผู้ก่อตั้ง GWM ได้รับแรงบันดาลใจจากการเติบโตของตลาดรถกระบะหลังจากที่ได้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย จนนำไปสู่การริเริ่มและพัฒนาธุรกิจ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าสำหรับรถกระบะเพื่อจัดจำหน่ายในประเทศจีน และขึ้นครองตำแหน่งแบรนด์ที่มียอดขายรถกระบะสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 26 ปีซ้อนในที่สุด ในปี 2545 GWM รุกตลาดรถยนต์เอสยูวีผ่านรุ่น GWM Safe และ GWM HAVAL H6 จนพัฒนาจาก “ผู้นำในตลาดรถยนต์เอสยูวีของจีน” สู่การเป็น “เพื่อนร่วมทางสำหรับบรรดาครอบครัวทั่วทุกมุมโลก” GWM ยังได้มีการขยายแบรนด์ให้ครอบคลุมในหลากหลายทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา เช่น GWM WEY ที่ได้เปิดประตู GWM ให้ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียม GWM ORA กับการเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ GWM TANK ที่ผงาดขึ้นเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดออฟโรดระดับโลกที่เต็มไปด้วยคาแรกเตอร์ที่แตกต่าง แข็งแกร่ง และพรีเมียม

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับโลก GWM มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจภายใต้
กลยุทธ์ “การพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี” (Technological Self-Reliance) กับการวิจัยและพัฒนา ผลิต ตลอดจนซ่อมบำรุง และการดูแลอย่างครบวงจรด้วยตนเอง เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น GWM ยังมาพร้อมกับกลยุทธ์ “การพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างครอบคลุม” (Broad Internal Combustion) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง นำไปสู่การสร้างระบบขับเคลื่อนไฮบริดสี่ล้ออัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ อาทิ Hi4, Hi4 Performance Edition, Hi4-Z, Hi4-T และ Hi4-G ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปจนถึงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ตอบโจทย์การเดินทางและการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างเป็นรูปธรรม
An Ecological Community: สร้างระบบนิเวศร่วมกับชุมชนทั่วทุกมุมโลก เพื่อบูรณาการในชุมชนทั่วโลกอย่างยั่งยืน
การพัฒนาและการปรับผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภคอาจยังไม่เพียงพอ การร่วมมือกับท้องถิ่นจึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะทำให้ GWM สามารถดำเนินและขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลกได้อย่างยั่งยืน นำไปสู่แนวคิด “อยู่ในท้องถิ่น เพื่อตลาดท้องถิ่น และบูรณาการกับชุมชนท้องถิ่น” (Being in the Local Market, For the Local Market, and Integrating into the Local Community) ด้วยการดำเนินธุรกิจในกว่า 170 ประเทศ ครอบคลุมทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา เอเชียแปซิฟิก และแอฟริกา โดย GWM มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของตลาดแต่ละแห่งด้วยความเข้าใจในอุตสาหกรรมยานยนต์ในตลาดนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังได้มีการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกับซัพพลายเออร์ระดับนานาชาติและพันธมิตรในอุตสาหกรรมไฮเทคชั้นนำกว่า 300 รายทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ GWM นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกลยุทธ์ “การขยายระบบนิเวศในต่างประเทศ” (Ecosystem Expansion Abroad) ที่ครอบคลุมตั้งแต่ด้านการวิจัยและการพัฒนา การผลิต
ห่วงโซ่อุปทาน การขาย และการบริการหลังการขายในตลาดต่างประเทศอย่างไร้ขีดจำกัด ล่าสุด GWM ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่
“GWM Beacon” ที่สื่อถึงพันธสัญญาอันแน่วแน่ในการขยายตัวสู่ระดับโลก สอดคล้องกับแนวคิด “One GWM” ที่สะท้อนให้เห็นว่า GWM เป็นแบรนด์ที่มีความเชื่อมโยงทั่วโลก อีกทั้งจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งผ่าน
“การขยายระบบนิเวศควบคู่การเจาะลึกในตลาดท้องถิ่น” (Ecosystem Expansion + Deep Localization) สู่การส่งมอบยนตรกรรมคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกจากจุดเริ่มต้นในประเทศจีน GWM พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าขยายตัวสู่ตลาดโลกอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการขับเคลื่อนสุดอัจฉริยะและนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยโดยมีประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อผลิตและส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
-
“คอนเสิร์ท 62 ปี The Youngsters”

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน MOTOR EXPO หนึ่งในสมาชิกวง The Youngsters จัดงาน “คอนเสิร์ท 62 ปี • Young Heart Never Dies” บรรยากาศคอนเสิร์ทผ่านพ้นไปอย่างน่าประทับใจ มีวง ”From Here to the Moon” มาเพิ่มความสนุก และมีตัวแทนบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอดจนเพื่อนๆ มาร่วมให้กำลังใจอย่างคับคั่ง ที่พิพิธภัณฑ์คนรักรถ “Auto Rendezvous Museum-Bangkok” ชั้น 1 สำนักงาน บริษัท สื่อสากล จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
Save the Date! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ชวนเหล่าสุภาพบุรุษ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Team Triumph พร้อมขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจในงาน DGR 2025

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เชิญชวนเหล่าสุภาพบุรุษมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Team Triumph พร้อมแต่งตัวในสไตล์ Dapper และขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจในงาน เดอะ ดิสธิงกวิช เจนเทิลแมน ไรด์ 2025 (DGR 2025) บิ๊กอีเวนต์ระดับโลกสำหรับผู้ชื่นชอบรถจักรยานยนต์คลาสสิกและวินเทจที่มารวมตัวกันเพื่อขับขี่รถจักรยานยนต์และร่วมระดมทุน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งต่อมลูกหมาก และการดูแลสุขภาพจิตของเพศชายทั่วโลก ซึ่งปีนี้ไทรอัมพ์ ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 พร้อมเตรียมมอบรางวัลสุดพิเศษสำหรับผู้ที่ระดมทุนสูงสุดจะได้รับรางวัลเป็นรถจักรยานยนต์ ไทรอัมพ์ โมเดิร์นคลาสสิก ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น และสง่างาม สร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมใน Team Triumph นอกจากจะได้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ระดับโลกของไทรอัมพ์แล้ว ผู้ที่ระดมทุนสูงสุด 5 อันดับแรกของกลุ่มจะได้รับรางวัลคอลเลกชันเสื้อผ้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน DGR & Triumph ประจำปีนี้อีกด้วย

ทั้งนี้งาน DGR 2025 กำหนดจัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568 สำหรับประเทศไทยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานกับผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ ได้แก่ ไทรอัมพ์ พระราม 5 ไทรอัมพ์ เซาท์เวสต์ แบงค็อก ไทรอัมพ์ พัทยา ไทรอัมพ์ ลพบุรี ไทรอัมพ์ อุบลราชธานี ไทรอัมพ์ เชียงใหม่ ไทรอัมพ์ พิษณุโลก และไทรอัมพ์ ภูเก็ต โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.gentlemansride.com/register
ตลอดจนติดตามข่าวสาร และกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
JAECOO 7 SHS ตอกย้ำความเป็น No.1 Longest Driving Range* ในประเทศไทย ทำสถิติวิ่งได้ไกลถึง 1,433 กิโลเมตรด้วย 1 ถัง 1 ชาร์จ ในการแข่งขัน

OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จในการทำสถิติอันน่าประทับใจในประเทศไทย กับ JAECOO 7 SHS ตอกย้ำความเป็น No.1 Longest Driving Range* in Thailand ด้วยการทำสถิติวิ่งไกลถึง 1,433 กิโลเมตรด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังและการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว ได้รับอันดับที่ 4 ของโลก จากการแข่งขันทดสอบการทำสถิติการวิ่งระยะไกล JACOO 7 SHS Global Super Hybrid Marathon


ในการทดสอบ “One Tank One Charge, Beyond 1,300 KM” ในประเทศไทย JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่โดดเด่น ขณะเดินทางผ่านหลายจังหวัด ได้แก่ อยุธยา นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ นครปฐม และกาญจนบุรี โดยการเดินทางครั้งนี้ได้รับการพิสูจน์โดยคุณเขต ธาราเขต และคุณเพลง ชนารดี ซึ่งยืนยันประสิทธิภาพที่น่าทึ่งของรถยนต์คันนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- โหมด EV ล้วนวิ่งได้ไกลถึง 130 กิโลเมตร (โดยสามารถรีเจนกลับมาได้เรื่อยๆ)
- ระยะทางรวมที่วิ่งได้: 1,297.2 กิโลเมตร
- น้ำมันที่เหลือยังสามารถวิ่งได้อีก: 115 กิโลเมตร
- แบตเตอรี่ที่เหลือยังสามารถวิ่งได้อีก: 21 กิโลเมตร
- รวมระยะทางทั้งหมดที่สามารถทำได้: 1,433.2 กิโลเมตร
JAECOO 7 SHS สามารถชาร์จจาก 30% เป็น 80% ได้ในเวลาเพียง 20 นาที ด้วยการชาร์จเร็วแบบ DC


ความสำเร็จนี้ตอกย้ำตำแหน่ง No.1 Longest Driving Range in Thailand ของ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ในกลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยรถยนต์คันนี้ทำอัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดในทริปนี้ที่ 32.3 กิโลเมตรต่อลิตร พิสูจน์ถึงความประหยัดและสมรรถนะที่มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ตอบโจทย์ทุกความสนุกในการขับขี่ ตอกย้ำความเป็น No.1 Longest Driving Range* in Thailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) มอบทองคำมูลค่ารวมกว่า 7 แสนบาท ให้กับลูกค้าผู้โชคดี จากแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Select และบริการสินเชื่อ Top-Up Refinance

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (‘บริษัทฯ’) ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรสำหรับผู้ใช้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ตอบแทนลูกค้าคนสำคัญด้วยการจัดงานมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีจาก 2 แคมเปญพิเศษ ได้แก่ แคมเปญลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 5 แสนบาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ “Mercedes-Benz Select” ผ่านแพลตฟอร์ม Mercedez-Benz Certified Thailand พร้อมทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ และแคมเปญลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาท สำหรับลูกค้า “Top-Up Refinance” ซึ่งเป็นข้อเสนอพิเศษ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจรให้กับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกท่าน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการจับรางวัลไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมวิลล่า บารอน ปากเกร็ด และมีพิธีมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีทั้งหมดในวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ณ เดอะ เฮาส์ ออน สาทร (The House on Sathorn) โดยมี คุณศุภวุฒิ จีรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ และคณะผู้บริหารบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดีในครั้งนี้
นายศุภวุฒิ จีรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) มีความยินดีที่จะมอบรางวัลให้กับ ผู้โชคดีทุกท่านในครั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าตลอดการใช้งานรถยนต์ของท่าน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ นอกเหนือจากบริการทางการเงินสำหรับรถใหม่ ซึ่งเป็นบริการที่ครอบคลุมทุกช่วงระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถยนต์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่าง Mercedes-Benz Select ที่เราจะมอบประสบการณ์ที่มีมาตรฐานสำหรับการขายรถยนต์ของท่าน ตั้งแต่การตรวจสภาพรถยนต์ การแนะนำเรื่องการตั้งราคาที่มาจากไกด์ไลน์ของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการขายรถยนต์เองตามผู้ขายรถมือสองอิสระต่างๆ และเรายังสามารถทราบได้อีกว่ารถยนต์ที่เรารักจะไปอยู่กับลูกค้าท่านไหนต่อไปผ่านบริการสินเชื่อสำหรับรถยนต์ใช้แล้ว นอกเหนือจากนั้นบริษัทฯ ยังให้บริการ Top-Up Refinance วงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องจากรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ของท่าน ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ เท่านั้น ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจและไว้วางใจได้เมื่อใช้บริการทางการเงินกับเรา จะได้รับบริการด้วยความเป็นมืออาชีพแบบ เมอร์เซเดส-เบนซ์ สุดท้ายนี้ผมขอแสดงความยินดีกับทุกท่านอีกครั้ง หวังว่าเราจะได้ดูแลท่านต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถคันใหม่ วงเงินรีไฟแนนซ์ รวมถึงประกันภัย ไปจนถึงการซื้อขายรถผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทฯ”
รางวัลในแคมเปญ “ลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 5 แสนบาท สำหรับลูกค้า Mercedes-Benz Select และทองคำมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาท สำหรับลูกค้า Top-Up Refinance” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท และมีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้
- รางวัลสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสอง ผ่านแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Select และทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ทั้งหมด 6 รางวัล มูลค่ารวม 527,500 บาท ดังนี้
- รางวัลทองคำแท่งหนัก 5 บาท มูลค่า 263,750 บาท จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ คุณ นักรบ สกุลทหาร
- รางวัลทองคำแท่งหนัก 1 บาท รางวัลละ 52,750 บาท จำนวน 5 รางวัล มูลค่ารวม 263,750 บาท ได้แก่ คุณอนิรุทธิ์ กิมเยื้อน, บริษัท อนัญญา โซลูชั่น จำกัด, คุณกรรณ์ ชวกรกุล, บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ภชิสา จำกัด

- รางวัลสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อ Top-Up Refinance รับทองคำแท่งหนัก 1 บาท มูลค่ารางวัลละ 52,750 บาท ทั้งหมด 5 รางวัล มูลค่ารวม 263,750 บาท ได้แก่ คุณชมภูรัช เถาว์เป็น, คุณกฤษขจร บุญญาวุฒิกุล, คุณสุทธินี ไชยวุฒิ, คุณวสันต์ ธนลภัสวาณิชย์ และ คุณปุณณดา อภิดำรงธรากุล

คุณนักรบ สกุลทหาร ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่ทองคำหนัก 5 บาท มูลค่า 263,750 บาท ในแคมเปญ Mercedes-Benz Select กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้ว่า “ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากๆ ครับที่ได้รับรางวัลนี้ ก่อนหน้านี้ผมรู้จักแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Select ผ่านทางโฆษณาออนไลน์บนเฟสบุ๊ค และในช่วงนั้นผมกำลังมองหารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้แล้วอยู่พอดี ซึ่งบนเว็บไซต์มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ผมเลือกเยอะมากๆ หลายร้อยคัน ซึ่งผมก็ได้เจอรถที่ผมถูกใจที่นี่ โดยผมตัดสินใจซื้อรถผ่านทางแพลตฟอร์มนี้เพราะมีความน่าเชื่อถือ เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือสองที่ให้บริการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ โดยตรงและมีการันตีให้ว่ารถยนต์ทุกคันผ่านการตรวจเช็กสภาพมาแล้วมากกว่า 200 รายการ ทำให้ผมมั่นใจเป็นอย่างมากครับ นอกเหนือจากนี้รถที่ขึ้นขายยังมีราคาที่ดี เจ้าหน้าที่ให้บริการและให้คำแนะนำอย่างดี รวดเร็ว และมีบริการทางการเงินที่พร้อมบริการเรา ทำให้เราสะดวกสบาย ไม่ต้องไปหาไฟแนนซ์ที่อื่นเอง สุดท้ายผมอยากแนะนำ Mercedes-Benz Select ให้กับทุกคนที่กำลังมองหารถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้แล้ว ที่นี่มีตัวเลือกให้เราเยอะที่สุด อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพรถ เรื่องการยื่นขอสินเชื่อ เพราะเค้ามีพร้อมให้ครบ จบ เรียกได้ว่า Mercedes-Benz Select เป็น One Stop Services Platform ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสองอย่างแท้จริงเลยครับ”

คุณวสันต์ ธนลภัสวาณิชย์ ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 52,750 บาท
ในแคมเปญ Top-Up Refinance กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้ว่า “ผมรู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลมากครับ โดยผมเลือกใช้บริการ Top-Up Refinance กับทางบริษัทฯ เพราะว่าสะดวก เจ้าหน้าที่บริการดี ที่สำคัญดอกเบี้ยต่ำ และไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งบริษัทฯ ให้วงเงินกับลูกค้าค่อนข้างดีครับ โดยข้อดีที่เราทำสินเชื่อกับทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ คือทางบริษัทฯ อนุมัติสินเชื่อให้เราได้อย่างรวดเร็ว เพราะรู้ประวัติของเราอยู่แล้ว และเราก็มั่นใจที่นี่เพราะเป็นผู้ให้บริการทางการเงินของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยตรง ซึ่งผมอยากแนะนำเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ให้กับทุกท่านนะครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือการบริการหลังการขายต่างๆ บริษัทฯ จะมีความเป็นมืออาชีพตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ และที่นี่เปรียบเสมือนครอบครัวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อซื้อรถเบนซ์ก็ต้องเลือกใช้ไฟแนนซ์ของที่นี่ครับ”
หมายเหตุ: อ้างอิงราคาทองคำ ณ วันมอบรางวัล วันที่ 25 เมษายน 2568
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th/mobility หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัปเดทผ่านทาง
Facebook: Mercedes-Benz Thailand
IG: @MercedesBenzThailand
LINE: @mercedesbenzth
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ดาวรุ่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ประเดิมเก็บแต้มสนามแรก! ไล่แซงเดือด คว้าท็อป 12 จูเนียร์จีพี โปรตุเกส

“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” เจ้าของรถแข่งหมายเลข 85 ลงบิดภายใต้สังกัด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานยอดเยี่ยมในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” สนามแรก ที่ เซอร์กิต เอสโตริล ประเทศโปรตุเกส ซึ่งผลควอลิฟายภายใต้ฝนสร้างความท้าทายให้นักบิดไทยอย่างมาก เพราะต้องเริ่มสตาร์ตจากกริด 20 อย่างไรก็ดี ดาวรุ่งชาวไทยได้เริ่มต้นเรซอย่างดุดัน ขยับอันดับได้ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเรซ และไล่บี้กับคู่แข่งอย่างสุดมันส์ตลอด 16 รอบสนาม บิดเข้าป้ายในอันดับ 12 ด้วยเวลารวม 28 นาที 8.833 วินาที คว้า 4 แต้มจากสนามแรกของเจ้าตัวได้สำเร็จ

โดย “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ได้รับโอกาสลุยศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก ถึง 2 รายการใหญ่ของโลก เพื่อสร้างผลงาน ปูเส้นทางสู่ โมโตจีพี โดยลงแข่งขันควบทั้ง “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2025” และ “จูเนียร์จีพี” ในปีนี้

สำหรับ ศึก “จูเนียร์จีพี” สนามต่อไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม-1 มิถุนายนนี้ ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ – อังเคล นิเอ็ตโต้ ประเทศสเปน และจะมีลงแข่งขันในศึก เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2025 ซึ่งเป็นซัพพอร์ตเรซของ โมโตจีพี รายการ เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ ในระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคมนี้ ที่ เลอมองส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดดาวรุ่งไทย และติดตามข่าวสารของ นักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กเฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #JuniorGP #RookiesCup #Maikiw #Maikiw85 #KS85
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine









































































































































