-
มาสด้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ ภายใต้ปรัชญา “JOY DRIVES LIVES” ความสุขขับเคลื่อนชีวิต
มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกคน เพราะมาสด้าเชื่อว่าความสุขในการขับขี่จะสามารถเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต แรงบันดาลใจ และสร้างความสุขให้ผู้ขับขี่และเจ้าของได้ ดังนั้น มาสด้าจึงยกระดับการสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างคุณค่าแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอปรัชญาใหม่ “JOY DRIVES LIVES” หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต โดยสื่อสารถึงรายละเอียดความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมีส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแบรนด์ และมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์การใช้ชีวิต มาสด้าเชื่อว่าในทุกรายละเอียดของชีวิต มีความสุขขับเคลื่อนเราเสมอ พร้อมออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ เคียงข้างกัน เติมเต็มชีวิตทุกเส้นทางเพื่อให้ผู้คนได้ค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง นำมาซึ่งการสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ เพื่อสานต่อพันธกิจสำคัญ คือการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและการใช้ชีวิตในทุกด้านของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท ตามพันธกิจที่มุ่งมั่นผลักดันองค์กรก้าวสู่การเติบโตที่ยั่งยืนตลอดไป
รับชมวิดิโอ : https://www.youtube.com/watch?v=wYhA68ocA8g
นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์และยกระดับการบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดแล้ว มาสด้ายังให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาการสื่อสารภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2543 มาสด้าเริ่มสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยสโลแกน ZOOM-ZOOM ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกและความทรงจำในวัยเด็กออกมาเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ ต่อมาในปี 2558 มาสด้าได้สื่อสารภาพลักษณ์ใหม่อีกครั้ง ภายใต้สโลแกน “FELL THE DRIVE” โดยเริ่มจากการสื่อสารปรัชญาและแนวคิดหลักของแบรนด์ การให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า ผ่านความสนุกในการขับขี่ไปจนถึงคุณค่าทางด้านอารมณ์ความรู้สึกโดยมีมาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะมาสด้าเชื่อว่าความสุขไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การมีรอยยิ้มเท่านั้น แต่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากภายใน เป็นความรู้สึกที่เติมเต็มและมีความหมาย สะท้อนคุณค่าทางอารมณ์ที่เกิดจากความเข้าใจพื้นฐานของมนุษย์
ในปี 2568 เป็นต้นไป มาสด้าพร้อมเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ และต่อยอดพันธกิจในการส่งมอบประสบการณ์ความสุขและการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขในการขับขี่รถยนต์” (Joy of Driving) จะนำไปสู่ “ความสุขในการใช้ชีวิต” (Joy of Living) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า มาสด้าจึงนำเสนอปรัชญาใหม่ของแบรนด์ “JOY DRIVES LIVES” หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพื่อนำมาใช้ในการสร้างและพัฒนา ประสบการณ์ลูกค้าในรูปแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์จะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุขที่แท้จริง
ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงเดินหน้าสื่อสารปรัชญาใหม่โดยถ่ายทอดภาพยนต์โฆษณาทางสื่อออนไลน์ ภายใต้สโลแกนใหม่ “JOY DRIVES LIVES” เพื่อให้ลูกค้ามาสด้า และบุคคลทั่วไป ตระหนักถึงรายละเอียดของความสุขเล็ก ๆ รอบตัว ตลอดจนมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์ในการใช้ชีวิต โดยสื่อสารผ่านแคมเปญ 2 ช่วง เริ่มจากการสร้างความตระหนักถึงการค้นหาความสุขที่แท้จริงในชีวิต พร้อมสร้างความเชื่อมโยงการสื่อสารคุณค่าและภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ผ่าน Joy หรือ รายละเอียดของความสุขที่ขับเคลื่อนชีวิต โดยเชิญชวนลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายร่วมค้นหารายละเอียดของชีวิตผ่านแบบทดสอบ Mazda Joy Quiz เพื่อรับรู้ถึงความสุขของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ ตามด้วยการสร้างการรับรู้ในความหมายใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการสื่อสาร “JOY DRIVES LIVES” อย่างเต็มรูปแบบในทุกช่องทาง สิ่งเหล่านี้จะเป็นนิยามใหม่ของภาพลักษณ์แบรนด์มาสด้า เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยมีมาสด้าเป็นหัวใจหลักในการสร้างความเชื่อมโยง
การสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ภายใต้สโลแกน “JOY DRIVES LIVES” ตอกย้ำถึงการเดินหน้าสู่มิติใหม่ของการส่งมอบประสบการณ์ลูกค้า ที่มาสด้าตั้งใจยกระดับให้ดียิ่งขึ้นในทุกบริบท เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในรูปแบบใหม่ และนำมาพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในทุก ๆ ขั้นตอน รวมถึงการเริ่มต้นปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย (Business Transformation) โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ จะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุขในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า
สำหรับลูกค้ามาสด้า หรือผู้ที่สนใจ หากต้องการค้นหาความสุขในชีวิต เชิญรับชมภาพภาพยนต์โฆษณาภายใต้สโลแกน “JOY DRIVES LIVES” ผ่านช่องทาง Mazda official Website
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
TAPA 2025 งานแสดงสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก โอกาสครั้งสำคัญเพื่อความสำเร็จแห่งธุรกิจ
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมในอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ เตรียมจัดงานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง 2568 หรือ TAPA 2025 โอกาสที่พลาดไม่ได้สำหรับนักธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อจับคู่เจรจาการค้า ต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจ เรียนรู้และอัปเดตเทรนด์ใหม่ผ่านเวทีเสวนาสุดเข้มข้น พร้อมชมศักยภาพประเทศไทยกับโซนจัดแสดงสินค้าไฮไลต์ ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2568 ณ Hall EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์ถึง 15,491.40 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 543,640.51 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.15 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งประเทศ โดยตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย แอฟริกาใต้ และอินโดนีเซีย สินค้าชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ของไทยนั้นมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก สามารถแข่งขันได้ในเวทีนานาชาติ เนื่องจากเรามีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งยาวนานมากว่า 50 ปี ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ สามารถผลิตชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์ได้ทุกชิ้นส่วน”
งานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง หรืองาน TAPA จัดขึ้นต่อเนื่องมากว่า 2 ทศวรรษ เพื่อเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการแสดงศักยภาพความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง ต่อผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ผู้ค้าปลีก รวมถึงนักธุรกิจจากทั่วโลก เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรและต่อยอดธุรกิจในระดับสากล รวมทั้งเป็นเวทีเจรจาการค้าและเปิดตัวสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยภายในงานรวบรวมสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง จากผู้ประกอบการไทยและต่างชาติมาร่วมจัดแสดงอย่างครบวงจร จนได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก หรือ World Auto Parts Sourcing Hub
งานแสดงสินค้า TAPA 2025 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Sustainable for the Future แสดงทิศทางของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งของโลก ที่จะพัฒนาขึ้น โดยมุ่งเน้นความยั่งยืนเพื่อตอบโจทย์โลกยุคใหม่ โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 500 รายจากทั่วทุกมุมโลก ในคูหาแสดงสินค้ามากกว่า 1,000 คูหา
บนพื้นที่จัดงานกว่า 20,000 ตารางเมตรภายในงานยังมี Highlight Zone ประกอบด้วย โซนสัมมนาและเสวนา เรียนรู้และอัปเดตเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านเวทีเสวนาสุดเข้มข้น ที่รวมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับแนวหน้ามาให้ความรู้แบบเจาะลึก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยียานยนต์ล่าสุด แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ถาม-ตอบและแลกเปลี่ยนมุมมองกับวิทยากรโดยตรง และโซนจัดแสดงสินค้าไฮไลต์ พบกับสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งคุณภาพสูงจากผู้ผลิตชั้นนำ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน หรือผู้ที่สนใจอุตสาหกรรมนี้ โซนนี้จะทำให้คุณได้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) กล่าวว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยต้องบูรณาการกลยุทธ์ ESG และพัฒนาผลิตภัณฑ์ยานยนต์เชิงนิเวศให้สอดคล้องกับแนวโน้มโลก ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องใช้แนวทาง Multiple Track โดยรักษาสมดุลระหว่างเครื่องยนต์สันดาปที่สะอาด (Clean ICE) และยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) นโยบายนี้จะทำให้ไทยเป็น “Last Man Standing” ในการผลิตรถยนต์ ICE พร้อมสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
นายภาณุวัฒน์ มาลสุขุม เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ทดแทนไทย (TAPAA) กล่าวว่า ในปี 2568 คาดว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ประเภท Aftermarket จะยังคงเติบโตได้ โดยมีแนวโน้มที่ดีจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า และ การเพิ่มขึ้นของความต้องการซ่อมบำรุงยานยนต์ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จากความขัดแย้งต่างๆ เพื่อปรับตัวและวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ
นายชนินทร์ ขาวจันทร์ นายกสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (THAI SUBCON) กล่าวว่า การผลิตยานยนต์ในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญ และมีระบบห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งในระดับภูมิภาคอาเซียนไปจนถึงระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่และการประกอบยานยนต์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศ ไทยเรามีฐานผู้ผลิตชิ้นส่วนขนาดใหญ่และขนาดกลางจำนวนมาก ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ รวมถึงการลงทุนจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศหลากหลายค่าย อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่หลากหลายและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้
นายศักดิ์ศิริ วิกรมธรรมกุล นายกสมาคมผู้ค้าอะไหล่วรจักร (WASA) กล่าวว่า ย่านวรจักรเป็นแหล่งรวมของสินค้าประเภทอะไหล่รถยนต์, มอเตอร์ไซค์, อะไหล่เครื่องจักร ที่มีความหลากหลายเป็นแหล่งที่ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่งสามารถหาสินค้าหรืออะไหล่ในราคาที่เหมาะสมได้ ในแง่ของการกระจายสินค้า ย่านวรจักรไม่ได้มีการขายเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าอะไหล่ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายการขนส่งที่สามารถส่งสินค้าไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
พบกันในงาน TAPA 2025 ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2568 โดยวันที่ 5 เมษายนจะเป็นวันจำหน่ายปลีก ณ Hall EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาคลิก www.thailandautopartsfair.com
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
OMODA & JAECOO มอบข้อเสนอ Motor Show Deal สำหรับ JAECOO 6 EV ที่จะทำให้การเป็นเจ้าของ JAECOO 6 EV แบบไม่ต้องรอตัดสินใจ
OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ส่งมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถไฟฟ้า JAECOO 6 EV (หรือ iCAR 03 ในประเทศจีน) รถพลังงานไฟฟ้าแบบออฟโรด ที่ผสานจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยแบบออฟโรดเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย โดดเด่นด้วยดีไซน์ ONE BOX STYLE พร้อมท้าทายทุกเส้นทางอย่าง ไร้ขอบเขต ได้รับการยกย่องในด้านสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่โดดเด่น ควบคู่ไปกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย ทำให้ได้รับรางวัล “BEST OFF ROAD EV” ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษนี้ จะทำให้การเป็นเจ้าของด้วยโปรโมชัน Motor Show Deal รถไฟฟ้าคันใหม่แบบไม่ต้องรอตัดสินใจ ตั้งแต่ 14 มีนาคม – 30 เมษายน2568 นี้เท่านั้น
JAECOO 6 EV (หรือ iCAR 03 ในประเทศจีน) รถพลังงานไฟฟ้าแบบออฟโรด ที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งด้านความสวยงามที่มาพร้อมคุณประโยชน์การใช้สอย จนสามารถคว้ารางวัล “BEST OFF ROAD EV” จากเวที CAR OF THE YEAR 2025 ซึ่ง JAECOO 6 EV ได้ผสานจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยแบบออฟโรดเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย โดดเด่นด้วยดีไซน์ ONE BOX STYLE แบบแนวคิด “OFF-ROAD TRENDY” ที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งอนาคต พร้อมท้าทายทุกเส้นทางอย่างไร้ขอบเขต สัมผัสความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มากขึ้นกับโหมดการขับขี่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกสภาพถนน ตั้งแต่การขับในเมืองที่แสนวุ่นวายไปจนถึงเส้นทางที่ยากลำบาก ให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ เปิดประสบการณ์และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้ชีวิต มั่นใจในทุกการเดินทางไปกับระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงจาก JAECOO 6 EV
Motor Show Deal กับ JAECOO 6 EV ที่มาพร้อมกับส่วนลด 100,000 บาท*
ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี*
ฟรี! Home Charger พร้อมติดตั้ง มูลค่า 25,000 บาท*
พร้อมรับข้อเสนอเดียวกับมอเตอร์โชว์*
JAECOO 6 EV มีให้เลือก 2 รุ่น
- รุ่น Long Range 4WD: สมรรถนะ 279 แรงม้า ระยะทางขับขี่ 418 กม. (NEDC) พร้อม 9 โหมดการขับขี่ (Eco, Normal, Sport, Custom, All road, Slippery, Beach, Muddy, Bumpy) ราคาหลังส่วนลด 1,149,000 บาท (จาก 1,249,000 บาท)
- รุ่น Long Range 2WD: สมรรถนะ 184 แรงม้า ระยะทางขับขี่ 426 กม. (NEDC) พร้อม 4 โหมดการขับขี่ (Eco, Normal, Sport, Custom) ราคาหลังส่วนลด 999,000 บาท (จาก 1,099,000 บาท)
พร้อมรับข้อเสนออื่นๆ เดียวกันกับมอเตอร์โชว์*
– ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่า 21,000 บาท*
-ฟรี! Home Charger พร้อมติดตั้ง มูลค่า 25,000 บาท*
-ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง มูลค่า 10,000 บาท*
-ฟรี! Application T-Box service 5 ปี มูลค่า 5,000 บาท*
-ฟรี! พรม JAECOO มูลค่า 1,500 บาท ยี่ห้อและชนิดของพรมเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด*
-ฟรี! การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) *
- การรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty)
- การรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving motor system)
- การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery)
-ฟรี! สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า (V-to-L) *
-ฟรี! สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger*
*หมายเหตุ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*เงื่อนไขแต่ละข้อเสนอพิเศษมีเนื้อหาและช่วงเวลาที่มีความแตกต่าง แต่ทั้งนี้เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และ บางข้อเสนอพิเศษนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการโปรโมชันอื่นๆ ได้
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.OMODAJAECOO.CO.TH หรือสอบถามรายละเอียดได้ โทร. 02-020-8888 หรือที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ รังสรรค์อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษ ‘Inspired by China’ สะท้อนความงดงามแห่งศิลปะวัฒนธรรมจีน
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ รังสรรค์อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่ได้รวบรวมเอาแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมจีนภายใต้แนวคิด ‘Inspired by China’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยอัครยนตรกรรมทั้ง 8 คอลเลกชันที่แตกต่างกันได้รับการผลิตขึ้นตามข้อกำหนดเฉพาะด้านงานฝีมือจากช่างฝีมืออันเลื่องชื่อของเบนท์ลีย์เพื่อผสมผสานสีสัน ผิวสัมผัส และความงดงามในการออกแบบสำหรับตลาดในประเทศจีนโดยเฉพาะ
ทีมนักออกแบบจากเบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ได้สร้างสรรค์อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษให้มีชีวิตชีวาด้วยความใส่ในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ยกระดับทุกองค์ประกอบให้มีความประณีตบรรจง ตั้งแต่จำนวนกรงเล็บของมังกรที่ปักลายไปจนถึงทิศทางที่ปลาคาร์ปสีสันสดใสกำลังแหวกว่ายอยู่ภายในห้องโดยสาร ซึ่งทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ล้วนได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรบรรจง
ผลงานการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ในครั้งได้รับการรังสรรค์ในรุ่น Bentayga Extended Wheelbase (EWB), Flying Spur และ Continental GT ด้วยแรงบันดาลใจจากสัตว์ ผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียง และตราสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมจีน
ปลาคาร์ปสีสันสดใส
ในสมัยโบราณ ชาวจีนเชื่อกันว่าปลาคาร์ปเป็นสัตว์ที่นำความกล้าหาญและโชคลาภมาให้ และสีสันที่สดใสของปลาคาร์ปก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน โดยสำหรับในรุ่น Bentayga EWB ที่มีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง เหมาะแก่การแสดงผลงานศิลปะที่คอนทราสต์กันอย่างโดดเด่นกับพื้นผิวของหินแกรนิตบริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งทั้งสองอย่างล้วนคล้ายคลึงกับสีและผิวสัมผัสของปลาคาร์ป สำหรับภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง การตกแต่งภายในด้วยเฉดสีดำ Beluga และเฉดสีส้ม Mandarin จะช่วยสร้างการผสมผสานที่โดดเด่นไม่ว่าคุณจะนั่งที่เบาะโดยสารส่วนหน้าหรือเบาะโดยสารส่วนหลัง
สำหรับการออกแบบภายในห้องโดยสารที่รวมถึงการปักและการซ้อนภาพ นักออกแบบพบว่าปลาคาร์ปต้องว่ายน้ำตามเข็มนาฬิกา เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์และความเชื่อที่สื่อถึงโชคลาภ ความสมดุล และความพากเพียร นอกจากนี้ ตัวเลขหกยังถือเป็นเลขนำโชคในความเชื่อของชาวจีน เนื่องจาก 六 ออกเสียงเหมือน 流 (liú) และเกี่ยวข้องกับความราบรื่นและความสำเร็จ ภายในห้องโดยสารจึงมีการใส่รายละเอียดของปลา 6 ตัวที่ได้รับการปัก 4 ตัวบนเบาะโดยสารแต่ละที่นั่ง และมี 2 ตัวตกแต่งบริเวณวีเนียร์
เอฟเฟกต์ ‘ระลอกคลื่น’ บนแผงหน้าปัดและกาบบันไดได้รับการออกแบบให้เสมือนระลอกคลื่นน้ำที่เกิดจากปลาคาร์ปขณะเคลื่อนไหว พร้อมด้วยการตกแต่งด้วยสีทองเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบอย่างตราสัญลักษณ์ด้านนอกบริเวณเสา D และแถบสีทอง ซึ่งสื่อถึงโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความโชคดี
ภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงาม
คอลเลกชันพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาด ‘A Thousand Miles of Rivers and Mountains’ ของ หวัง ซีเหมิง ซึ่งวาดขึ้นขณะที่มีอายุเพียง 18 ปี “A Thousand Miles of Rivers and Mountains” คือ ภาพวาดทิวทัศน์อันโด่งดังของจีนที่วาดขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งในช่วงคริสตศักราช 960 –1276 โดยม้วนภาพขนาดใหญ่นี้มีความยาวประมาณ 11.9 เมตร (หรือ ประมาณ 39 ฟุต)
ในส่วนของภายในห้องโดยสารของรุ่น Flying Spur Azure ที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทาง ทีมงานได้ศึกษาเฉดสีต่างๆ และได้รับแรงบันดาลใจจากสีน้ำเงิน สีเขียว และสีทองในภาพวาด โดยมีการนำเอารูปทรงและรายละเอียดต่างๆ มาใช้ในการปักและซ้อนทับที่สามารถเห็นได้ทั่วทั้งห้องโดยสารสีน้ำเงินที่สั่งทำพิเศษ
Ru Yi
อีกหนึ่งคอลเลกชันไฮไลท์ คือ Ru Yi สำหรับ “Ru Yi” (如意) เป็นของตกแต่งแบบดั้งเดิมของชาวจีนที่สื่อถึงโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความปรารถนาที่สมหวัง Ru Yi มักถูกประดิษฐ์ขึ้นในรูปทรงคฑาหรือไม้กายสิทธิ์ โดยทั่วไปจะมีส่วนหัวโค้งมนคล้ายเมฆและด้ามจับยาวตรง ส่วนหัวมักประดับด้วยงานแกะสลักที่ประณีตหรือฝังอัญมณีที่ทำจากวัสดุต่างๆ อย่างเช่น ไม้ หยก และโลหะ
คอลเลกชันสำหรับรุ่น Flying Spur มาพร้อมกับการตกแต่งด้วย 3 เฉดสี โดยทั้งหมดมีการตกแต่งอย่างประณีตที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเส้นสายสีทองบนเบาะโดยสารที่เข้ากันกับการตกแต่งด้วยสีเงินบริเวณแผงหน้าปัดและกาบบันไดห้องโดยสาร พร้อมด้วยเส้นสายสีทองที่ตกแต่งบริเวณคอนโซลกลางที่จะเข้ากับโลโก้สีทองภายนอก
3 อัครยนตรกรรมคอลเลกชันพิเศษ
สำหรับอัครยนตรกรรม ‘Inspired by China’ อีก 3 คอลเลกชันพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทั้งสัตว์ต่างๆ อย่าง มังกร สิงโตเต้นรำ หรือแม้แต่หมีแพนด้าเริงร่า เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ได้ใช้ทักษะด้านงานฝีมือในการออกแบบผลงานคอลเลกชันในแบบเฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็นจำนวนกรงเล็บ สีของดวงตา หรือเพียงแค่การใช้เฉดสีในการสื่อสารถึงไม้ไผ่เพื่อความเอ็กซ์คลูซีฟในแบบเฉพาะของตลาดในประเทศจีน
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
7 ความต่างที่ทำให้ SHS (Super Hybrid System) ใน JAECOO 7 SHS คือมิติใหม่แห่งเทคโนโลยียานยนต์ที่ทุกคนรอคอย
OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก เตรียมเปิดตัว JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ยนตรกรรม Plug-in Hybrid “Super HEV + EV” รุ่นล่าสุด ที่จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าวงการยานยนต์ไทย ด้วยการผสานจุดเด่นของรถยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้าอย่างลงตัว
Super Hybrid System: เทคโนโลยีแห่งอนาคตของวงการยานยนต์
SHS หรือ Super Hybrid System คือนวัตกรรมล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยานยนต์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของรถปลั๊กอินไฮบริดแบบดั้งเดิม ด้วยการปรับปรุงเสถียรภาพของระบบ ทำให้การสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าราบรื่นไร้รอยต่อ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การขับขี่ที่ปราศจากมลพิษ เสียงรบกวนต่ำ และการเร่งความเร็วที่นุ่มนวลเหมือนรถไฟฟ้า ในขณะเดียวกันก็ได้รับข้อดีในเรื่องระยะทางการขับขี่ที่ยาวไกลและความสะดวกในการเติมน้ำมันของรถยนต์ไฮบริด
7 ความต่างที่เป็นหัวใจของ JAECOO 7 SHS
JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) มีส่วนประกอบหลักที่ทำงานประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Chery Automobile, ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System), และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับใน 7 ด้าน ได้แก่
- เครื่องยนต์ 5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ประสิทธิภาพสูง
เครื่องยนต์นี้เป็นหนึ่งในผลงานการพัฒนาล่าสุดของ Chery Automobile ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูง (Thermal Efficiency) และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ สามารถปรับการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่แบบเรียลไทม์ ทำให้น้ำมันทุกหยดถูกใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
- ระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง
มาพร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เครื่องยนต์ยังคงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแม้ในสภาวะการใช้งานหนัก
- ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System)
ทำให้การทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ มอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นด้วยพละกำลังอันทรงพลัง สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 120 กม./ชม. หากมีแบตเตอรี่มากกว่า 25%
- ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูง
มาพร้อมอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม มากกว่า 21.28 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้ JAECOO 7 SHS มีสมรรถนะเทียบเท่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันแต่ประหยัดพลังงานและลดการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงพร้อมระบบความปลอดภัยรอบด้าน
แบตเตอรี่ของ JAECOO 7 SHS มีความปลอดภัยสูงด้วยระบบป้องกันแบตเตอรี่รอบด้าน ทั้งการทนทานต่อความร้อน แรงกระแทก และกันน้ำ พร้อมระบบป้องกันด้วยการปิดเครื่องภายใน 0.002 วินาทีหลังเกิดการชน ช่วยตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- ความสามารถในการจ่ายพลังงานภายนอก (V2L)
แบตเตอรี่ยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ได้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยความสามารถในการปล่อยประจุไฟฟ้าภายนอกได้ 3.3 กิโลวัตต์ รองรับการใช้งานที่หลากหลาย
- ระยะทางขับขี่ที่ไปได้ไกลกว่า
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ JAECOO 7 SHS มอบสมรรถนะและระยะทางการขับขี่ที่ไกลกว่า 1,300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) โดยที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน 106 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
สมรรถนะเหนือชั้นที่พลิกโฉมวงการยานยนต์
ด้วยการผสานการทำงานของทั้ง 3 ระบบหลักนี้ JAECOO 7 SHS จึงสามารถมอบสมรรถนะที่น่าทึ่ง:
- พละกำลังสูงสุด: 347 แรงม้า (HP)
- แรงบิดสูงสุด: 525 นิวตัน-เมตร
- ระยะทางขับขี่รวม: มากกว่า 1,300 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
- ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน: 106 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
JAECOO 7 SHS จึงเป็นมากกว่ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั่วไป แต่เป็นยนตรกรรมที่มอบเสน่ห์ของการขับขี่ทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองที่ต้องการความเงียบและการประหยัดพลังงาน หรือการเดินทางไกลที่ต้องการระยะทางและสมรรถนะที่ทรงพลัง
พบกับ JAECOO 7 SHS เร็วๆ นี้
เตรียมพบกับการเปิดตัว JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการได้ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 46 วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 นี้ ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3
การเปิดตัว JAECOO 7 SHS ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีของ OMODA & JAECOO เท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการเดินทางสมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสู่อนาคตของวงการยานยนต์ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมายแก่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ Mitsubishi e:MOTION เปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ฟูลไฮบริด
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี รถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มร. มาซาฮิโระ อิโตะ (ที่ 2 จากซ้าย) Chief Product Specialist, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น มร. นาโอกิ อากิตะ (ซ้ายสุด) Program Design Director บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และ นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ขวาสุด) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดด้วยการเปิดตัว ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก รถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ เร้าใจกับสมรรถนะ ครบครันด้วยความสะดวกสบาย และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย จากอีกขั้นของการพัฒนา MITSUBISHI e:MOTION ที่ผสาน 3 เทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี จะผลิตที่โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และจัดจำหน่ายผ่านทางเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม 2566 ในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน และขยายตลาดสู่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่น ๆ ในปี 2567 มีความสำคัญในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี จะมาเสริมทัพกลุ่มรถยนต์ฟูลไฮบริดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ต่อยอดความสำเร็จจาก มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ที่เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา รถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่นี้ เป็นรถที่จะสร้างความน่าดึงดูดใจให้กับทุกท่าน เพราะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและพัฒนาจากระบบขับเคลื่อนแบบ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันเลื่องชื่อของมิตซูบิชิ โดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอัตราเร่งที่ทรงพลัง พร้อมโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ผสานการทำงานระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control – AYC) แบบ All-Wheel Control ที่จะช่วยคำนวณการส่งกำลังจากระบบขับเคลื่อนและแรงเบรกลงสู่แต่ละล้อ เพื่อให้ล้อทั้งคู่หน้า-คู่หลัง ทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสมดุลของตัวรถขณะเข้าโค้ง เพื่อความปลอดภัย และมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง
“นี่เป็นครั้งแรกที่ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุดของเรา และเราภาคภูมิใจ ที่รถยนต์รุ่นนี้ ผลิตที่ประเทศไทย ณ โรงงานแหลมฉบังของเรา เราใช้เวลาหลายเดือน ในการทดสอบรถยนต์รุ่นนี้ รวมระยะทางทั้งหมดกว่า 100,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อประเมินความทนทาน และสมรรถนะในการขับขี่ ทีมทดสอบของเราได้รวบรวมข้อมูล และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ซึ่งวิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเรา ได้นำไปใช้ในการปรับแต่ง และพัฒนารถรุ่นนี้ ให้ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนสุดท้าย คือการทดสอบความทนทานของรถ และปรับแต่งระบบกันสะเทือนที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานบนสภาพถนนที่หลากหลายของประเทศไทย ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เราให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพ และประสบการณ์การขับขี่เสมอมา และเราไม่เคยลดทอนมาตรฐานเหล่านี้เลยครับ เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี จะเป็นโมเดลที่สร้างความตื่นเต้น และน่าประทับใจ พร้อมกับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย” มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
คุณสมบัติเด่นของ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี สามารถแบ่งได้เป็น 4 แกนสำคัญ อันประกอบไปด้วย ดีไซน์ สมรรถนะ ระบบความปลอดภัย และ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
ดีไซน์
- รูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ ‘Silky and Solid’ แนวคิดการออกแบบใหม่จากมิตซูบิชิ เรียบหรู แต่ทรงพลัง สะท้อนผ่านรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว โดดเด่น เปรียบสมือนไอคอนนิคแห่งยุค ด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED สี Smoked จัดเรียงเป็นรูปตัวที เสริมให้เห็นถึงความกว้างและความรู้สึกมั่นคงของตัวรถ
- ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว ดีไซน์สวยงามที่คำนึงถึงแอโรไดนามิค เสริมด้วยซุ้มล้อที่เลือกใช้วัสดุ และ สีที่ตัดกับสีรถ ทำให้ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีบุคลิกของรถเอสยูวีอย่างชัดเจน
- รูปลักษณ์ภายใน ออกแบบโดยใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ประณีตในทุกรายละเอียด คอนเซปต์ตามแนวคิด “Horizontal Axis” มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ภายในห้องโดยสารสีทูโทน พร้อมการตกแต่งด้วยผ้าแบบพิเศษกันน้ำ และคราบสิ่งสกปรก มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จะช่วยสร้างสุนทรียภาพให้คุณตลอดการเดินทาง
สมรรถนะ
- ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มาพร้อมประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ MITSUBISHI e:MOTION ซึ่งเป็นการผสานสามเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดของมิตซูบิชิ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC)
- ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 ลิตร DOHC 16 วาล์ว MIVEC เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถยนต์ฟูลไฮบริดรุ่นแรก สู่ระบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพการส่งกำลังที่ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง 2-Speed Transaxle ใหม่ ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติตามการขับขี่และสภาพถนน ให้อัตราเร่งที่ดี และนุ่มนวล อีกทั้งยังเพิ่มกลไกตัดการเชื่อมต่อของมอเตอร์ ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ส่งผลให้รถมีอัตราประหยัดน้ำมันขั้นสูงสุด 24.4 กิโลเมตร/ลิตร1 มีระยะทางการขับขี่ยาวที่สุดในคลาสต่อน้ำมันหนึ่งถัง ทำงานเงียบและมีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมทั้งในการขับขี่บนไฮเวย์ และในเส้นทางที่เป็นเนินลาดชัน
- โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7-Drive Mode) ไม่ว่าเส้นทางแบบไหนก็ไม่เป็นอุปสรรคด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Normal (ถนนทั่วไป) Wet (ถนนเปียก) Gravel (ถนนลูกรัง) Tarmac (ถนนลาดยาง) Mud (ถนนโคลน) และอีก 2 ทางเลือกพลังงานทั้ง Charge (โหมดการชาร์จ) และ EV Priority (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%) โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนโหมดการขับขี่ด้วยตนเองตามสภาพถนน สภาพภูมิอากาศ หรือรูปแบบการใช้งานที่ต้องการ
- ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง หรือ AYC (Active Yaw Control) เทคโนโลยีจากรถแข่งแรลลี่คาร์ของมิตซูบิชิ ทำงานโดยคำนวณการส่งกำลังลงที่ล้อซ้าย-ล้อขวา ให้หมุนสัมพันธ์กัน ขณะที่รถเข้าโค้ง เพื่อสร้างสมดุลให้กับตัวรถ ทำให้สามารถขับผ่านทางโค้งได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย และมั่นใจในทุกสถานการณ์
- ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ยังใช้ ช่วงล่าง ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้เหมาะกับทุกสภาพถนนในประเทศไทย ซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 100,000 กิโลเมตร
ระบบความปลอดภัย
- เทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ ADAS ที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวรถแบบ 360 องศา ทำงานอย่างแม่นยำผ่านการทำงานของกล้อง เรดาห์ และเซนเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น
- กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะ และระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (MAM with MOD)
- ระบบเตือนเมื่อรถด้านหน้าออกตัวหรือเคลื่อนที่ไปด้านหน้า (LCDN)
- ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
- ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติถึงจุดหยุดนิ่ง (ACC)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)
ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
ยกระดับการเดินทางของคุณ ให้รู้สึกผ่อนคลายในแบบพรีเมียมด้วย
- ห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่หัวไหล่ และพื้นที่วางขาที่กว้าง ทำให้สามารถเดินทางได้พร้อมกันถึง 5 คน โดยไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับปรับแบบ 40:20:40 และปรับเอนได้ถึง 8 ระดับ พร้อมด้วยวัสดุหุ้มเบาะ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดด
- ไดนามิค ซาวด์ ยามาฮ่า พรีเมียม (Dynamic Sound Yamaha Premium Sound System) เครื่องเสียงและระบบเสียงคุณภาพ พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ ยามาฮ่า คอร์เปอเรชั่น ให้เสียงใส คมชัดในทุกมิติ ให้คุณเพลิดเพลินกับเพลงโปรดได้เสมือนฟังดนตรีแบบแยกชิ้น
- ระบบฟอกอากาศ nanoeTM X ที่จะช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดอากาศเหนื่อยล้า สร้างความสดชื่นให้คุณตลอดการเดินทาง
- ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) บริเวณคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านหน้า
ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น Ignite ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond สีเงิน Blade Silver และ สีเทา Graphite Grey
- รุ่น Ultimate ราคาเริ่มต้น 1,039,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ สีเงิน Blade Silver สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica
- รุ่น Ultimate X ราคาเริ่มต้น 1,089,000 บาท
มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก White Diamond หลังคาดำ สีเทา Graphite Gray หลังคาดำ สีเหลือง Energetic Yellow หลังคาดำ สีแดง Spirit Red หลังคาดำ และสีดำ Jet Black Mica
มาพร้อมการรับประกันระบบไฮบริดเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนานสูงสุดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง หมดกังวลกับเรื่องอะไหล่และบริการหลังการขาย เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ จึงสามารถจัดส่งอะไหล่ได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมดูแลด้วยช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเชี่ยวชาญกระจายอยู่กับเครือข่ายผู้จำหน่ายของมิตซูบิชิที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ
พิเศษสำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี โดยจองภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และรับรถภายใน 31 กรกฎาคม 2568 จะได้รับสิทธิพิเศษภายใต้แคมเปญ “Early Bird Offers2 เฉพาะช่วงเปิดตัวเท่านั้น” โดยลูกค้าจะได้รับบัตรของขวัญที่พักโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา มูลค่า 10,000 บาท และรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน) ฟรีค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน)
พร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษที่สามารถเลือกรับอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.99% (เมื่อดาวน์ 25% และผ่อนชำระ 48 เดือน)2 กับสถาบันการเงินที่กำหนด และ สามารถเลือกรับแพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี และสำหรับลูกค้าครอบครัว มิตซูบิชิ หรือลูกค้าเก่ามิตซูบิชิ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 30,000 บาท ผ่านแอฟพลิเคชัน M-Drive
ลูกค้าสามารถสัมผัสออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้ที่งานโรดโชว์ทั่วประเทศ และ ที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (A9) ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี พร้อมพบกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของมิตซูบิชิ ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมากมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์มิตซูบิชิได้ทางเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.co.th และทุกช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค MitsubishiMotorsTH
1 ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ระบุในแคตตาล็อกคำนวณตามวิธีที่กำหนด และอาจแตกต่างจากอัตรา
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในสภาพการขับขี่จริง2 สำหรับรุ่น Ultimate และ Ultimate X
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
อีซูซุเดินหน้าจัดการแข่งขันทักษะด้านการขายและบริการหลังการขายประจำปี 2567 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า
อีซูซุตอกย้ำความเป็นผู้นำวงการรถยนต์เมืองไทย เดินหน้าพัฒนาบุคลากรมืออาชีพ จัดกิจกรรมการแข่งขันทักษะด้านการขายและบริการหลังการขายประจำปี 2567 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1,320,000 บาท ให้บุคลากรได้แข่งขันเเละโชว์ทักษะความรู้ความสามารถทั้งส่วนงานขายและบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี โดยอีซูซุได้จัดกิจกรรมนี้ต่อเนื่องมากกว่า 30 ปี
ทั้งนี้ภายในงานยังมีการร่วมแสดงความยินดีกับช่างอีซูซุซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันทักษะระดับนานาชาติ หรือ I-1 Grand-Prix ประเภทรถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่ หรือ CV Division ประจำปี 2024 ซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศ จากผู้เข้าแข่งขันรวมทั้งสิ้น 35 ประเทศ ได้แก่ คุณณัฐวุฒิ พลฤทธิ์ พนักงานช่างยนต์ รถบรรทุกขนาดกลาง-ใหญ่ จากบริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด และ คุณณัฐพงศ์ วังเขียว พนักงานช่างยนต์ รถบรรทุกขนาดกลาง-ใหญ่ บริษัท ธาราลำพูนอีซูซุเซลส์ จำกัด
มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “เพื่อการเติบโตภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพงานบริการทั้งในด้านการขายและบริการหลังการขาย โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าตลอดการใช้งานของรถอีซูซุ นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมด้านความรู้และทักษะที่เหมาะสมของบุคลากรยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของ ผู้จำหน่าย เพื่อให้กลายเป็น “Trusted Buddy” ที่ลูกค้าสามารถพึ่งพาได้ทุกเมื่อ การแข่งขัน “ทักษะด้านการขายและบริการหลังการขายอีซูซุ” จึงเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทุกท่านได้แสดงความรู้และทักษะ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการของอีซูซุให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น”
การแข่งขันทักษะด้านการขายและบริการหลังการขายอีซูซุ ประจำปี 2567 รอบชิงชนะเลิศนี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานการปฏิบัติงานแต่ละด้าน ประกอบด้วยการแข่งขัน 6 ประเภท สำหรับรอบชิงชนะเลิศนี้มีเจ้าหน้าที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 107 คน จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 617 คน
ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต้องผ่านการคัดเลือกทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติในรอบคัดเลือก และสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนั้น ผู้เข้าแข่งขันต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน แต่ละด้าน ซึ่งทุกด้านของการแข่งขันล้วนมีส่วนสำคัญเพื่อเพิ่มศักยภาพของการขายและการบริการหลัง การขาย โดยมีคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาชั้นนำให้เกียรติร่วมเป็นกรรมการตัดสินในครั้งนี้ด้วย โดยผลการแข่งขันมีดังนี้
- รางวัลชนะเลิศ ที่ปรึกษาการขาย รถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ได้แก่
คุณณัฐพล พึ่งประชา จาก บริษัท อีซูซุนครหลวง จำกัด
- รางวัลชนะเลิศ ที่ปรึกษาการขาย รถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่ ได้แก่
คุณมงคลชัย วงศ์มหาศิริกุล จาก บริษัท อีซูซุนครหลวงมอเตอร์ จำกัด
- รางวัลชนะเลิศ พนักงานช่าง รถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ได้แก่
คุณสุวัฒน์ จันทร จาก บริษัท ชลบุรีอีซูซุเซลส์ จำกัด
- รางวัลชนะเลิศ พนักงานช่าง รถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่ ได้แก่
คุณชัยวัฒน์ ศรีจันทร์ จาก บริษัท อึ้งง่วนไต๋อีซูซุเซลส์ จำกัด
- รางวัลชนะเลิศ พนักงานมัลติฟังก์ชัน (ที่ปรึกษางานบริการและเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์) ได้แก่ คุณธงชัย เย็นรักษา จาก บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด
- รางวัลชนะเลิศ พนักงานอะไหล่ ได้แก่
คุณมงคล พลฤทธิ์ จาก บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด
“รู้สึกดีใจแบบบรรยายความรู้สึกไม่หมดจริง ๆ ครับ ก่อนแข่งรอบนี้ผมเตรียมตัวโดยการทบทวนความรู้ ทั้งความรู้เก่า และความรู้ใหม่ รวมถึงฝึกซ้อมที่ตัวรถจริงด้วย การแข่งเป็นการจำลอง แต่การทำงานคือการแก้ปัญหาจริง แค่การทำงานจริงจะไม่จำกัดเวลาเท่านั้นเอง ส่วนตัวมองว่าระหว่างการแข่งขันถ้าเราทำได้ในเวลาที่จำกัด การทำงานจริงก็จะถือว่าไม่ยากอีกต่อไป ผมจะเอาขั้นตอนและความรู้การแข่งขันตรงนี้ไปปรับใช้ และแนะนำน้อง ๆ ในทีมต่อไป” คุณสุวัฒน์ จันทร รางวัลชนะเลิศ พนักงานช่าง รถปิกอัพและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ จาก บริษัท ชลบุรีอีซูซุเซลส์ จำกัด
“การแข่งขันครั้งนี้ ทำให้เราได้ความรู้ รวมถึงเทคนิคในส่วนงานต่างๆมาประยุกต์ใช้ได้ดีมากเลยทีเดียวครับ อยากเชิญเพื่อน ๆ ที่มีความพร้อมเข้ารวมการแข่งขันเพื่อแสดงศักยภาพ และนำความรู้ไปต่อยอดครับ ผมหวังไว้เต็มร้อยว่าต้องได้รางวัลกลับไป และก็ได้จริง ๆ ครับ” คุณธงชัย เย็นรักษา รางวัชนะเลิศ พนักงานมัลติฟังก์ชัน (ที่ปรึกษางานบริการและเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์) จาก บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด
“ผมเก็บประสบการณ์รวมครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ และครั้งนี้ผมก็ทำได้สมความตั้งใจที่เตรียมตัวมาอย่างดี ประสบการณ์ที่สะสมมาจะนำไปส่งต่อให้ที่ปรึกษาการขายคนอื่น ๆ ต่อไป การแข่งขันคือการพัฒนาตัวเอง ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสก็อยากให้มาเข้าลองร่วมการแข่งขันดูครับ” คุณมงคลชัย วงศ์มหาศิริกุล รางวัลชนะเลิศ ที่ปรึกษาการขาย รถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่ จากบริษัท อีซูซุนครหลวงมอเตอร์ จำกัด กล่าวทิ้งท้าย
ร่วมติดตามและอัพเดทข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดพิธีฉลองความสำเร็จ โครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนไทยสู่ความยั่งยืน ผ่านองค์ความรู้ “วิถีชุมชนพัฒน์….TSI Way”
ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมเป็นเกียรติภายในงานฉลองความสำเร็จ โครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนไทยสู่ความยั่งยืน เมื่อวันพุธที่ 19 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ Toyota ALIVE บางนา
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ริเริ่มโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 จากการที่โตโยต้าเล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมุ่งหวังที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มพูนกำไร และดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยการนำองค์ความรู้ “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ผสมผสานร่วมกับแนวคิดภูมิปัญญาชุมชน ไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจชุมชนนั้นๆ และพัฒนาธุรกิจชุมชนให้มีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น
เริ่มจากการเข้าไปศึกษาดูกระบวนการทำงานจริงของธุรกิจ (GENCHI GENBUTSU) มองหาความสูญเปล่าในการดำเนินงานของธุรกิจ (MUDA) ปรึกษาหาแนวทางแก้ไขร่วมกันกับธุรกิจ พร้อมแนะนำวิธีการปรับปรุงพัฒนากระบวนการทำงานต่างๆ (KAIZEN) โดยใช้องค์ความรู้ด้านการผลิตของโตโยต้า (Just in Time, JIDOKA, Karakuri, etc.) ตลอดจนส่งเสริมการสร้างมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ (STANDARDIZE)
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใน 5 ด้านหลัก ทั้งในด้านผลิตภาพ (Productivity) คุณภาพ (Quality) การส่งมอบสินค้าที่ตรงเวลา (Delivery) การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory) และต้นทุนในกระบวนการ (Work in process) ซึ่งมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจเหล่านี้ มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และสร้างผลกำไร พร้อมทั้งมุ่งหวังให้ธุรกิจต่างๆ เหล่านี้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดพัฒนาและอยู่รอดได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน (JIRITSUKA)
สำหรับความร่วมมือกันระหว่าง โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถือเป็นการยกระดับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เป็นไปได้อย่างครบวงจร ครอบคลุมในทุกมิติของการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น ผ่านองค์ความรู้ด้านการผลิตที่เป็นจุดเด่นของโตโยต้า ในขณะที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมซึ่งมีศักยภาพในการให้ความสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการไทย เป็นส่วนที่มาช่วยเติมเต็มการพัฒนาในด้านอื่นๆที่ผู้ประกอบการไทยต้องการ อาทิ ทักษะการบริหารจัดการของผู้ประกอบการ การตลาด การเงินการบัญชี การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ระบบโลจิสติกส์ ตลอดจนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ
ในปีที่ผ่านมา โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เข้าไปช่วยปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจชุมชน รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ได้แก่
- วิสาหกิจชุมชนแปรรูปข้าวและผลไม้น่าน จังหวัดน่าน
- วิสาหกิจชุมชนหนองหลวงม่วงไข่แปรรูปพริก จังหวัดแพร่
- วิสาหกิจชุมชนฮัซบีโรตีกรอบจิ๋ว จังหวัดสตูล
- วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเม่า จังหวัดบุรีรัมย์
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแคปหมูอิ่มสุข จังหวัดอุดรธานี
- วิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี จังหวัดราชบุรี
- วิสาหกิจชุมชนแปรรูปมะม่วงสวนลุงบุญสมบ้านผารังหมี จังหวัดพิษณุโลก
- วิสาหกิจชุมชนเพชรคีรีโฮมสเตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
- วันมอร์ไทยคราฟช็อกโกแลต จังหวัดนครศรีธรรมราช
จนถึงปัจจุบัน โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทยไปแล้วทั้งสิ้น 39 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และสร้างผลกำไร คิดเป็นมูลค่ารวมได้กว่า 320 ล้านบาท พร้อมทั้งได้มีการยกระดับธุรกิจชุมชนที่มีผลการปรับปรุงเป็นเลิศ สู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” 6 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ครบทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของโครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ต่อจากนี้ มีความมุ่งหวังที่จะยกระดับการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อช่วยปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจชุมชนไทยให้ครอบคลุมครบทั้ง 23 ประเภทของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในประเทศไทย จากที่ในปัจจุบันทางโครงการได้มีส่วนในการเข้าไปช่วยปรับปรุงแล้ว 9 ประเภทด้วยกัน โดยเชื่อมั่นว่า ภายใต้ความร่วมมือกันของโครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยองค์ประกอบทางความรู้ต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย ในการพัฒนาศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองได้อย่างครบวงจร และช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
SKILL DRIVING EXPERIENCE อบรมขับขี่ปลอดภัยให้สมาชิก สมาคมผู้สื่อข่าวฯ ปี 2568
ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ “ขับเป็น…ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” สนับสนุนการอบรมขับขี่ปลอดภัย ให้สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ปี 2568 เพื่อเรียนรู้วิธีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เพิ่มทักษะการขับขี่ ให้รอดพ้นจากอุบัติเหตุ และอันตรายบนท้องถนน โดยครูฝึกมืออาชีพระดับแนวหน้าของเมืองไทย ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2568
นอกจากนี้ ยังเปิดอบรมขับขี่ปลอดภัย หลักสูตรพื้นฐาน สำหรับบุคคลทั่วไปอีก 4 ครั้ง ในปี 2568 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ skilldriving.imc.co.th หรือ facebook.com/SkillDriving
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
OR ได้รับ 3 รางวัลใหญ่ ในงาน LINE Thailand Awards 2024 ตอกย้ำความสำเร็จด้านการตลาดดิจิทัล
คุณนุชยา จันทรุเบกษา ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร และ คุณวิไล บุญเจริญชัย ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดคาเฟ่อเมซอน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เป็นตัวแทนเข้าร่วมงานประกาศผลรางวัล LINE Thailand Awards 2024 เวทีมอบรางวัลให้แก่แบรนด์ที่สร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่โดดเด่นบนแพลตฟอร์ม LINE ตลอดปีที่ผ่านมา ณ ห้องนภาลัย แกรนด์บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการตลาดดิจิทัล ด้วยการได้รับ 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ Best Official Account จากบัญชี OR Happy Life ในกลุ่ม Automotive and Energy ที่สามารถเชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ด้วยคอนเทนต์และสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ครบจบในที่เดียว พร้อมได้รับรางวัล Best Sponsored Sticker ในกลุ่ม Food & Beverages จากแบรนด์ คาเฟ่ อเมซอน ในสติกเกอร์ชุด ZonZon in the Rain ที่ได้รับความนิยมและสร้างการรับรู้แบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ Best Sponsored Sticker ในกลุ่ม Automotive & Energy จากสติกเกอร์สุดฮิตจาก Godji ในชุด Fulfill your happiness with Godji ที่สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ LINE ได้เป็นอย่างมากจากยอดดาวน์โหลดกว่า 1,100,000 ครั้ง
งาน LINE Thailand Awards 2024 จัดโดย บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเชิดชูความสำเร็จของแบรนด์ที่ใช้ LINE เป็นช่องทางการตลาดได้อย่างสร้างสรรค์ และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการพิจารณามอบรางวัลจากหลากหลายหมวดหมู่ เช่น LINE Official Account, Sponsored Sticker, LINE Display Ads และ LINE Ads รวมทั้งสิ้น 40 รางวัล จากผู้สร้างสรรค์ผลงานการตลาดดิจิทัลยอดเยี่ยม 6 รางวัล และรางวัลผู้ใช้งาน LINE Solutions ได้อย่างยอดเยี่ยมใน 9 กลุ่มอุตสาหกรรม ครอบคลุมทุกประเภทธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งจากการได้รับรางวัลในครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ OR ในการพัฒนาแพลตฟอร์มการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง
คุณนุชยา เปิดเผยว่า LINE Official Account เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการตอบสนองอย่างดีจากลูกค้า โดยมีการเติบโตของจำนวนสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน LINE Official Account ของ OR มีสมาชิกมากกว่า 15 ล้านคน ซึ่งช่วยให้สามารถสื่อสารกับแบรนด์ต่าง ๆ ภายใต้การดำเนินธุรกิจของ OR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรองรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต การใช้ LINE Solution และการประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร จะช่วยให้ OR สามารถผลักดันกลยุทธ์และแคมเปญต่าง ๆ ไปสู่กลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง OR ให้ความสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงช่องทางการสื่อสารผ่าน LINE Official Account เพื่อให้สามารถเข้าถึงสมาชิกทุกคนและครองใจผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่โดยติดตามข่าวสารและโปรโมชัน OR และผลิตภัณฑ์ในเครือได้ที่ Line Official: @ORHappyLife https://page.line.me/orhappylife
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine