• ปอร์เช่ ร่วมกับกลุ่ม Glinicke เปิด Porsche Classic Centre แห่งแรกในเยอรมนีอย่างเป็นทางการ

    1 Min Read

    ปอร์เช่ ร่วมกับกลุ่ม Glinicke เปิด Porsche Classic Centre แห่งแรกในเยอรมนีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2025 โดยศูนย์แห่งนี้พร้อมให้บริการด้านการบูรณะ การดูแลรักษา และการจัดหาชิ้นส่วนอะไหล่อย่างครบวงจรสำหรับรถยนต์ปอร์เช่คลาสสิก การเปิดตัวศูนย์ดังกล่าวยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับปอร์เช่ในการดูแลลูกค้าทั้งรถรุ่นใหม่และรุ่นคลาสสิกอย่างยั่งยืน ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและบริการที่สามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล

     

    อเล็กซานเดอร์ ฟาบิก (Alexander Fabig), รองประธานฝ่ายการปรับแต่งและรถคลาสสิก (Vice President Individualisation and Classic) กล่าวว่า “รถยนต์รุ่นใหม่และคลาสสิกของเรามักเป็นสมบัติในโรงจอดรถของลูกค้า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่โปรเจกต์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ขณะนี้เราสามารถขยายบริการในการให้คำปรึกษาและการดูแลรถคลาสสิกให้ครอบคุมยิ่งขึ้นในประเทศบ้านเกิดของเราอย่างเยอรมนี”


    ศูนย์แห่งใหม่นี้มาพร้อมกับโชว์รูมและเวิร์กช็อปที่ทันสมัย ไม่เพียงแต่ให้บริการการบูรณะและการบริการที่มีความเชี่ยวชาญ แต่ยังรวมถึงการขายรถยนต์คลาสสิก นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนอะไหล่มากกว่า 80,000 รายการ สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตมานานกว่า 10 ปี ซึ่งทำให้สามารถให้การบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ศูนย์คาสเซิล เป็นศูนย์ความเชี่ยวชาญแห่งล่าสุดจากทั้งหมด 5 แห่งทั่วโลก ซึ่งศูนย์อื่นๆ ตั้งอยู่ที่ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นการเสริมเครือข่าย Classic Partners อีก 19 แห่งในเยอรมนี

     “สถานที่ที่ทำให้ประวัติศาสตร์ยังคงมีชีวิต
    ฟลอเรียน กลินิกเค (Florian Glinicke) ผู้จัดการหุ้นส่วนของ Glinicke Automobil Holding กล่าวว่า “ปอร์เช่ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่มันคือตัวแทนของความหลงใหล คุณภาพที่ยอดเยี่ยม และการเติมเต็มความฝันทางด้านยนตรกรรม ด้วย Porsche Classic Centre ที่คาสเซิล เรากำลังสร้างสถานที่ที่ทำให้ประเพณีและประวัติศาสตร์ของแบรนด์ระดับตำนานนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์จากทีมงานที่มีประสบการณ์ซึ่งทำงานด้วยความทุ่มเทและความแม่นยำสูงสุด”

     

    กลุ่มกลินิกเค (Glinicke Group) ได้ถือสิทธิ์การจัดจำหน่ายแบรนด์ปอร์เช่มานานถึง 75 ปีแล้ว โดยในสถานที่เดิมซึ่งเคยใช้เป็นคลังสินค้าขายส่งตั้งแต่ปี 1950 ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นศูนย์ Porsche Classic แห่งใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบโชว์รูมที่ผสมผสานกลิ่นอายของห้องโถงเก่าเข้ากับองค์ประกอบการออกแบบสมัยใหม่อย่างลงตัว

     

    งานเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่พร้อมแขกผู้มีเกียรติมากมาย

    ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากแขกจำนวน 356 คน รวมถึงตำนานมอเตอร์สปอร์ตอย่าง วอลเตอร์ โรห์ร์ล (Walter Röhrl) ที่มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากโลกแห่งการแข่งขัน ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม นอกจากนี้ในช่วงเย็นยังมีการจัดแสดงรถระดับตำนาน เช่น ปอร์เช่ 959, 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และ ปอร์เช่ 917 อีกด้วย ไฮไลต์ของงานคือการมอบใบประกาศนียบัตรที่ประกาศให้ศูนย์นี้เป็นแห่งแรกในเยอรมนีอย่างเป็นทางการ

    คาร์สเตน โซห์นส์ (Karsten Sohns), กรรมการผู้จัดการและ CFO ของ Porsche Deutschland GmbH กล่าวว่า “กลุ่มกลินิกเค (Glinicke Group) คือพันธมิตรที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ ในปี 2024 เราได้เฉลิมฉลองพิธีวางศิลาฤกษ์สำหรับอาคารใหม่ของ Porsche Centres ในคาสเซิลและมินเดน ซึ่งเราคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และตอนนี้ก็มี Porsche Classic Centre แห่งใหม่เพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งเป็นการเสริมบริการที่มีคุณค่าและสร้างความน่าสนใจสำหรับลูกค้าทุกคน ในการพูดคุยแบบตัวต่อตัว ณ สถานที่จริง ผู้เชี่ยวชาญด้านรถคลาสสิกสามารถให้คำแนะนำ และนำพาลูกค้าไปสู่การเป็นเจ้าของปอร์เช่ในฝันได้”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ก้อง-สมเกียรติ” กับเส้นทางนักบิดโมโตจีพี ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

    1 Min Read

    “ก้อง-สมเกียรติ” กับเส้นทางนักบิดโมโตจีพี ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

    โมโตจีพี 2025 ผ่านไปแล้ว 4 สนาม ท่ามกลางการลุ้นแชมป์สุดเข้มข้น ขณะเดียวกัน แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยก็ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการเชียร์เกมความเร็ว เพราะนี่คือฤดูกาลแรกในประวัติศาสตร์ที่มี “นักแข่งรถโมโตจีพีชาวไทยคนแรก” ลงแข่งขัน

    “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ฮีโร่นักบิดชาวไทยเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ “ไทยฮอนด้า” หลังเปิดตัวโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ในปี 2561 และทำงานอย่างหนักด้วยการเริ่มต้นนำระบบ “เรซซิ่ง อะคาเดมี่” อย่างจริงจังมาใช้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเป็นครั้งแรก โดยมีเป้าหมายผลักดันนักแข่งไทยคนแรก เข้าสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ซึ่งเป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบระดับสูงสุดของโลกให้ได้ในปี 2025 ซึ่งมันคือภารกิจที่ยากสุดๆ และหากมององค์ประกอบ ณ เวลานั้น แทบจะมองไม่เห็นความเป็นไปได้ในเวลานั้น

    “ไทยฮอนด้า” ปรับโครงสร้างสายงานมอเตอร์สปอร์ตใหม่แทบทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง “เรซซิ่ง อะคาเดมี่” มาตรฐานระดับโลก ซึ่งนั่นคือกุญแจสำคัญของโร้ดแม็พนี้ เริ่มต้นด้วย “ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์” เพื่อสร้างพื้นฐานและเฟ้นหาเด็กไทยวัย 9-14 ปี ก่อนก้าวสู่ความท้าทายในการแข่งขันรายการ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” เมื่อเติบโตขึ้นมีอายุระหว่าง 15-20 ปี

    “เพชรเม็ดงาม” จากโครงการนี้จะถูกคัดเลือกเข้าสู่ศึกดาวรุ่งชิงแชมป์เอเชีย รายการ “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” ก่อนจะผลักดันสู่ “จูเนียร์จีพี” และ “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” สองรายการสำคัญของศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกซึ่งมีปลายทางที่การแข่งขันระดับโลกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่นโมโตทรี, โมโตทู และจุดสูงสุดคือ โมโตจีพี

    เวลานั้น “ก้อง-สมเกียรติ” คือนักบิดระดับเยาวชนของ ฮอนด้า ที่ฉายแววอย่างโดดเด่น ด้วยดีกรีแชมป์จากรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2016 ดาวรุ่งชาวไทยถูกผลักดันขึ้นสู่ศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก รายการ ซีอีวี โมโตที จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2017-2018 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหอกของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ในปี 2019 ด้วยการถูกโปรโมตเข้าสู่ โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในปีนั้น

     

    เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “ก้อง-สมเกียรติ” ใช้เวลาฝึกฝนและพัฒนาฝีมือถึง 3 ปี ก่อนที่ชัยชนะครั้งแรกในรุ่น โมโตทู จะมาถึง ในการแข่งขัน อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022 ซึ่งนั่นเป็นผลจากความพยายามทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก ภายใต้การสนับสนุนทุกด้านจาก “ไทยฮอนด้า”

    ขณะที่หัวหอกอย่าง “ก้อง-สมเกียรติ” เดินหน้าสร้างผลงานใน โมโตทู เขาเองก็พัฒนาตัวเองทั้งด้านทักษะการขับขี่ สมรรถนะร่างกายและจิตใจ “ไทยฮอนด้า” ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ให้ยกระดับอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างนักบิดระดับเยาวชนแบบไม่ย่อท้อ และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี คือดาวรุ่งคนถัดมาที่ก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่น โมโตทรี ในปี 2024

    “ไทยฮอนด้า” ทำฝันของชาวไทยให้เป็นจริง… ในปี 2025 “ก้อง-สมเกียรติ” การันตีเป็นนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรก ด้วยสัญญา 2 ปี กับต้นสังกัด อิเดมึตสิ ฮอนด้า แอลซีอาร์ และกำลังทำงานอย่างหนักหลังผ่าน 4 สนามแรกที่ บุรีรัมย์, อาร์เจนติน่า, สหรัฐอเมริกา และล่าสุดที่ กาตาร์ ด้วยพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     

    การปรับตัวจาก โมโตทู สู่ โมโตจีพี ไม่ใช่เรื่องงง่าย นักแข่งแต่ละคนใช้เวลาแตกต่างกัน ด้วยน้ำหนักรถแข่งที่เพิ่มขึ้น พละกำลังเครื่องยนต์ที่แตกต่างมหาศาล เทคโนโลยีและระบบสั่งการต่างๆ ที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงความเร็วระดับสุดยอด นั่นนำมาซึ่งงานยากในการค้นหาความลงตัว

     

    “ก้อง-สมเกียรติ” เลื่อนชั้นขึ้นสู่ “พรีเมียร์คลาส” ในช่วงเวลาที่ท้าทายของ ฮอนด้า ในการพัฒนารถแข่ง RC213V เพื่อกลับสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งนอกจากการจดจ่อกับการปรับตัวกับรถแข่ง โมโตจีพี ซึ่งเป็นงานสุดหินแล้ว นักบิดไทยยังต้องทำงานอย่างหนักร่วมกับวิศกรของ HRC เพื่อค้นหาพื้นฐานของรถแข่งคันใหม่

     

    ประกอบกับการเดินทางแข่งขัน 22 สนามทั่วโลก จึงเหมือนการเริ่มต้นทำงานใหม่ในสนามที่ลงแข่งขัน  ซึ่งแม้จะเป็นงานสุดหิน แต่เลือดนักสู้จากประเทศไทย ไม่มีคำว่ายอมแพ้แน่นอน… โดยในทุกๆ กรังด์ปรีซ์ นักบิดชาวไทยก็สร้างความพอใจให้กับทีมในแง่ของการยกระดับความเร็ว

    โดยสุดสัปดาห์นี้จะเป็นการแข่งขันสนามที่ 5 ของฤดูกาลที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ – อังเคล นิเอ็ตโต้ ประเทศสเปน ในรายการ สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจะยังคงเป็นงานที่ท้าทายความสามารถอย่างมาก และถือเป็นสนามแรกในโซนยุโรป

     

    เมื่อภารกิจในการสร้างนักแข่งไทยในโมโตจีพีสำเร็จ… “ไทยฮอนด้า” ยังคงสานต่อโปรเจ็กต์ใหม่ “The Next Successors” คือการค้นหาผู้สืบทอดรุ่นต่อไป หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือการปั้นนักบิดไทยคนต่อไป ที่จะก้าวขึ้นมาสานต่อความสำเร็จในแบบเดียวกันนี้

     

    ปัจจุบันโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยังคงเดินหน้าเฟ้นหานักบิดไทยฝีมือดีอย่างต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย คือภารกิจที่ไม่สามารถหยุดเดินได้แม้แต่ก้าวเดียว และนี่คือเส้นทางจากจุดเริ่มต้นไปสู่ความฝันที่ไม่มีวันหมดของ “ไทยฮอนด้า”

     

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ และนักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม: https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #LCRHondaTeam #LCRHonda #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP

    No Comment
  • ไทยฮอนด้า เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: พร้อมสถานีแบตเตอรี่ e:SWAP ครอบคลุม 33 จุดทั่วกรุงเทพฯ ตลอด 24 ชั่วโมง

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: เดินหน้าสู่ยุคพลังงานสะอาด พร้อมสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ e:SWAP ครอบคลุม 33 จุดทั่วกรุงเทพฯ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

    ไทยฮอนด้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่พลังงานสะอาด ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ New Honda CUV e: อย่างเป็นทางการในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2025 พร้อมบริการสถานี Honda e:SWAP STATION ครอบคลุมกว่า 33 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล รองรับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความคล่องตัวและความยั่งยืนในการเดินทาง

    New Honda CUV e: มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ไฟหน้า-ท้าย LED หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น Connectivity) หรือ 5 นิ้ว (รุ่น Standard) รองรับทุกการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) และโหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) พร้อมฟังก์ชันช่วยถอยหลัง ทำความเร็วสูงสุด 83 กม./ชม. และวิ่งได้ไกลกว่า 70 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง อีกทั้งเสริมการใช้งานยิ่งง่ายขึ้นด้วยแอปพลิเคชัน Honda RoadSync Duo (เฉพาะรุ่น Connectivity) ที่ช่วยค้นหาสถานีใกล้ตัวได้แบบเรียลไทม์ รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในยุคดิจิทัล

     

    ด้วยจุดเด่นของระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่ “Scan – Swap – Start” ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 1 นาที โดยไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จ แบตเตอรี่ทุกลูกควบคุมอุณหภูมิขณะชาร์จไม่เกิน 25°C และผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล UNR 136

    พิเศษ! สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเช่าใช้บริการ ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard ในราคาเช่าเพียง 4,000 บาทต่อเดือน และรุ่น Connectivity ในราคาเช่า 4,500 บาทต่อเดือน มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Mat Gunpowder Black Metallic) และ สีขาว (Pearl Jubilee White) พร้อมสิทธิพิเศษประกันภัยชั้น 1 + พ.ร.บ. และค่าบำรุงรักษาฟรีตลอดอายุสัญญาเช่า


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM ยกทัพทั้ง 6 แบรนด์ พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดอัจฉริยะ ร่วมโชว์ศักยภาพ ในงาน Auto Shanghai 2025

    1 Min Read

    GWM ยกทัพทั้ง 6 แบรนด์ พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดอัจฉริยะ ร่วมโชว์ศักยภาพ ในงาน Auto Shanghai 2025 สะท้อนความแข็งแกร่งด้านยนตรกรรมแห่งอนาคตในเวทีระดับโลก

    GWM ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” เตรียมแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์สุดอัจฉริยะครบทุกมิติในงาน Auto Shanghai 2025 ครั้งที่ 21 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยไฮไลต์สำคัญในปีนี้คือการขนทัพ 6 แบรนด์หลักในเครือ GWM ทั้ง GWM HAVAL, GWM WEY, GWM TANK, GWM ORA, GWM POER และ GWM SOUO Motorcycles เข้ามาร่วมจัดแสดงภายในงาน โดยไฮไลต์ในบูธ GWM คือการจัดแสดงนวัตกรรม 2 โซนหลักได้อย่างสร้างสรรค์ ได้แก่ Tech Life” หรือไลฟ์สไตล์ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ และ Off-Road” ที่สะท้อนความสมบุกสมบันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายลุย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมความสนุกอีกมากมายภายในบูธให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์เพื่อการขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกด้านให้แก่ผู้ใช้งานทั่วโลก ตอกย้ำภาพลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พลังงานทางเลือก และระบบนิเวศของไลฟ์สไตล์ยานยนต์อัจฉริยะของ GWM ได้อย่างครบวงจร สอดคล้องแนวคิดระดับโลกอย่าง “GWM Go With More”

    เปิดตัวทัพรถยนต์รุ่นใหม่สุดล้ำ เพื่อการเดินทางแห่งอนาคตผ่าน 2 โซน 2 สไตล์

    สำหรับโซน “Tech Life” GWM จะเตรียมจัดแสดงผลิตภัณฑ์จาก GWM HAVAL, GWM WEY และ GWM ORA โดยเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี Hi4, ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ สำหรับ GWM HAVAL มาพร้อมกับ 2 รุ่นใหม่ที่มีการติดตั้งระบบขับเคลื่อน Hi4 ได้แก่ GWM HAVAL B07 เจเนอเรชันที่ 2 และ GWM HAVAL B26 สำหรับ GWM WEY มาพร้อมกับการเปิดตัวรถยนต์ MPV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง GWM WEY 80 และสีใหม่ของรุ่น SUV อย่าง GWM WEY 07 และสำหรับ GWM ORA ชูจุดเด่นด้วยรุ่นพิเศษอย่าง “Lightning Cat Touring Edition” ที่ผสมผสานดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยแฟชั่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม และความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว ในขณะที่โซน “Off-Road” เป็นพื้นที่นำเสนอสมรรถนะของรถยนต์สายลุยอย่าง GWM TANK, GWM POER และ GWM SOUO Motorcycles โดย GWM TANK มาพร้อมกับการเปิดตัว GWM TANK 300 รุ่นเครื่องยนต์ 3.0T พร้อมระบบกันสะเทือนแบบเพลาแข็ง (Solid Axle Suspension) สำหรับ GWM POER มาพร้อมกับการเผยโฉม GWM POER SAHAR Hi4-T ในระดับ Global Presale เพื่อทดลองวางจำหน่ายในตลาดโลก และเอาใจเหล่านักบิดสายทัวร์ริ่งผู้ชื่นชอบการเดินทางระยะไกลด้วยบิ๊กไบค์อย่าง GWM SOUO Motorcycles ที่จะจัดแสดง รุ่น Custom-Painted Editions ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์เฉพาะตัว ร่วมกับเครื่องยนต์ Flat-8 แบบวางนอน ที่ถูกพัฒนาโดย GWM เพื่อมอบประสบการณ์อันไร้ขีดจำกัดให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    พบกับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะอย่าง Hi4 และ Coffee Pilot Ultra ขับเคลื่อนวงการยานยนต์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น

    GWM เดินหน้าพัฒนาและจัดแสดงนวัตกรรมอย่าง Hi4 (Hybrid Intelligent 4WD)” ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะที่สามารถปรับการทำงานระหว่างขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อได้อย่างชาญฉลาด ลดการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในทุกการขับขี่ นอกจากนี้ GWM ยังมาพร้อมกับการเปิดตัวระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับสูง “Coffee Pilot Ultra” กับไฮไลต์สำคัญอย่างการทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแผนที่ความละเอียดสูง ครอบคลุมทุกสถานการณ์การใช้งาน และยังรองรับการนำทางแบบจุดต่อจุดได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ “NOA (Navigate on Autopilot)” ที่ผ่านการทดสอบบนถนนจริงมากว่า 9 ล้านกิโลเมตร ร่วมกับการจำลองเสมือนจริงกว่า 50 ล้านกิโลเมตร ครอบคลุมทุกสภาพแวดล้อมการใช้งาน ตั้งแต่เมืองใหญ่ไปจนถึงพื้นที่ในชนบท

    โซน GWM Life เติมเต็มไลฟ์สไตล์เคลื่อนที่อัจฉริยะในทุกการใช้ชีวิต

    นอกจากสองโซนหลักที่ GWM ได้มีการจัดขึ้นแล้ว ภายในบูธยังมีโซน GWM Life” ที่นำเสนอแนวคิดการใช้ชีวิตแห่งอนาคตด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้ใช้ยานยนต์ อาทิ รถยนต์ UTV ขนาดเล็กสำหรับออฟโรดรุ่นแรกที่พัฒนาโดย GWM ซึ่งเตรียมเข้าสู่สายการผลิตเพื่อการจำหน่ายอย่างเร็วที่สุดภายในปี 2569 นี้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงโต๊ะหมุนลอยตัวที่สามารถใช้งานภายในรถยนต์ อีกทั้งยังมีกล่องเก็บของอเนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานภายในรถยนต์ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งหมดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของ GWM ในการยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านยานยนต์ล้ำสมัยและการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

    GWM ยังคงมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่านกลยุทธ์แบบบูรณาการทั้งในด้านแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ ตลาด และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ปัจจุบัน GWM มีช่องทางจัดจำหน่ายมากกว่า 1,400 แห่งทั่วทุกมุมโลก โดยมียอดผู้ใช้งานสะสมทะลุ 15 ล้านราย และยอดขายสะสมในตลาดต่างประเทศสูงกว่า 1.9 ล้านคัน โดยสามารถทำยอดขายในต่างประเทศได้ถึง 454,100 คันภายในปีเดียว (ปี 2567) สะท้อนถึงความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก และความแข็งแกร่งในทุกด้านของแบรนด์ GWM ในระดับสากลได้อย่างแท้จริง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ฮอนด้า ประกาศแต่งตั้ง “โคจิ อิวานามิ” ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ

    1 Min Read

    ฮอนด้า ประกาศแต่งตั้ง “โคจิ อิวานามิ” ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ  ตั้งเป้ามัดใจลูกค้าด้วยการส่งมอบประสบการณ์ขั้นกว่าที่เชื่อมโยง ในทุกทัชพอยต์ (Touchpoint) ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ พร้อมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

    บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง นายโคจิ อิวานามิ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ด้วยประสบการณ์ที่แข็งแกร่งอย่างรอบด้าน ทั้งการวิจัยและพัฒนายานยนต์ การพัฒนาธุรกิจและกลยุทธ์ โดยการเข้ารับตำแหน่งฯ ของนายโคจิ อิวานามิ ในครั้งนี้ พร้อมที่จะผลักดันและขับเคลื่อนคุณค่าหลักของฮอนด้าไปอีกขั้น เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้สร้างความผูกพันกับลูกค้า โดยทำให้ฮอนด้ากลายเป็นเพื่อนคู่ใจที่ลูกค้าไว้วางใจด้วยบริการหลังการขายที่อุ่นใจไร้กังวลในทุกเส้นทาง

    นายโคจิ อิวานามิ มีความหลงใหลในรถยนต์มาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนตร์สูตรหนึ่ง หรือ ฟอร์มูลาวัน (Formula One) ที่ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เขาศึกษาต่อด้านวิศวกรรมเครื่องกล ด้วยเป้าหมายที่แน่วแน่ในการร่วมงานกับฮอนด้า เพื่อสร้างสรรค์รถยนต์ในแบบที่เขาใฝ่ฝัน

    ในปีพ.ศ. 2546 นายโคจิ อิวานามิ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับฮอนด้าในตำแหน่งวิศวกรออกแบบระบบปรับอากาศ ณ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์อย่างเต็มรูปแบบ เขาจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์รถยนต์ฮอนด้า รุ่นต่าง ๆ รวมถึงมีบทบาทเป็นผู้ช่วยหัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนา ฮอนด้า เอชอาร์-วี (พ.ศ.2557) ที่เป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในระดับโลกและประเทศไทย จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างรอบด้าน จึงได้รับโอกาสก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนารถยนต์ โดยได้รับผิดชอบในกระบวนการพัฒนารถยนต์ ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผน การออกแบบ การวิจัยและพัฒนา การผลิต และการขาย

    ด้วยผลงานที่สร้างคุณค่าให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นายโคจิ อิวานามิ จึงได้รับความไว้วางใจในการนำฮอนด้าไปสู่การเติบโตอีกขั้น โดยเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหน่วยธุรกิจ ส่วนงานยานยนต์ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และต่อมาได้รับโอกาสให้บริหารงานธุรกิจของฮอนด้าในต่างประเทศ โดยได้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายธุรกิจ บริษัท อเมริกัน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของฮอนด้า โดยดูแลทั้งด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนา และแผนการขายสำหรับรถยนต์รุ่นหลัก เริ่มจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ก่อนที่จะขยายไปดูแลเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (BEV) และยังได้ขยายบทบาทการบริหารจัดการในการดูภาพรวมกลยุทธ์ทางธุรกิจตลอดจนการพัฒนาแบรนด์ทั่วตลาดสหรัฐอเมริกา

    ด้วยประสบการณ์ที่ครอบคลุมรอบด้านกว่า 20 ปี การเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและซีอีโอในครั้งนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของฮอนด้า โดยมีนายโคจิ อิวานามิ ที่พร้อมนำทัพฮอนด้าสู่การแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่

    นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า คือเพื่อนคู่ใจที่ไว้วางใจได้ในทุกเส้นทาง สร้างความผูกพันเชื่อมโยงกับลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งมอบยนตรกรรมอันยอดเยี่ยมที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจและความมั่นใจ เพื่อก้าวสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ แห่งการขับเคลื่อน โดยเรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้าในทุกทัชพอยต์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นและไว้วางใจได้ในผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายของเรา ในขณะที่ก้าวเข้าสู่ยุคการขับเคลื่อนแห่งอนาคต เป้าหมายของผมคือการยกระดับและตอกย้ำความแข็งแกร่งของฮอนด้าในประเทศไทย เพื่อที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่ตอบโจทย์และเหนือความคาดหมายของลูกค้าไปอีกขั้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจตลอดการเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า”

    ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่แข็งแกร่ง นายโคจิ อิวานามิ พร้อมนำ ฮอนด้า ก้าวไปข้างหน้าโดยให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าระยะยาวแก่ลูกค้า ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ บริการที่ไร้รอยต่อและความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับตัวแทนเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยยึดมั่นในคุณค่าหลักของแบรนด์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงาน ฮอนด้า ตั้งเป้าที่จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตยานยนต์ในประเทศไทย พร้อมเติบโตเคียงข้างคนไทยอย่างต่อเนื่อง และสานต่อพันธกิจในฐานะองค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไปอย่างยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มาสด้ายกระดับการบริการหลังการขาย ขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่เพิ่มเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

    1 Min Read

    มาสด้ายกระดับการบริการหลังการขายปรับค่าแรงมาตรฐานใหม่ พร้อมเปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่เพิ่มเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร 

    มาสด้าตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้านบริการหลังการขาย ด้วยนโยบายการปรับค่าแรงมาตรฐานใหม่ทั่วประเทศ เป็น 600 บาท/ชม. สำหรับต่างจังหวัด และ 680 บาท/ชม. สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อมอบความสบายใจไร้กังวลให้กับลูกค้า Mazda Family เมื่อนำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ต่อความคุ้มครอง เพื่อคนแคร์รถ ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์จาก 3 ปี เป็น 5 ปี* อันเป็นสิทธิพิเศษที่จัดขึ้นภายใต้โปรแกรม Mazda Family และตอกย้ำถึงการนำปรัชญาใหม่ Joy Drives Lives เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงแผนการดำเนินธุรกิจมาสด้าตามแนวทาง Customer-Centric โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้าในทุก ๆ ประสบการณ์ เพื่อเป็นการคุ้มครองดูแลรถยนต์มาสด้าคันโปรดของลูกค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดอายุการใช้งาน

    นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ามีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นและเป็นไปอย่างครบวงจรให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention ตามความมุ่งมั่นของเรา โดยในปีงบประมาณ 2568 นี้ มาสด้าจะขับเคลื่อนงานบริการหลังการขายด้วยกลยุทธ์หลัก 4C ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการคำนึงถึงสิทธิประโยชน์สูงสุดของลูกค้าที่จะได้รับ อันประกอบด้วย

    • Credibility ความน่าเชื่อถือ เพื่อลดความกังวลใจให้กับลูกค้าในการครอบครองรถยนต์มาสด้า ด้วยการยกระดับความสามารถด้านการจ่ายอะไหล่ การซ่อมบำรุง และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์
    • Convenience ความสะดวกสบาย เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเข้ารับบริการที่โชว์รูม
    • Customer Care การดูแลเอาใจใส่ เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
    • Cost of Ownership ลดภาระค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถยนต์มาสด้าที่สมเหตุสมผล เพื่อช่วยลดความกังวลใจในเรื่องค่าใช้จ่ายของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า

    เพื่อผลักดันนโยบายเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นและเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า มาสด้าจึงได้นำเอาข้อเสนอแนะของลูกค้ามาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ และได้ออกแบบนโยบายหลังการขายใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด สำหรับลูกค้า Mazda Family เมื่อนำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ลูกค้าจะได้รับความสบายใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบำรุงรักษา ด้วยสิทธิพิเศษเหล่านี้

    • นโยบายการปรับค่าแรงใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ค่าแรง 600 บาท/ชม. สำหรับโชว์รูมต่างจังหวัด* และค่าแรง 680 บาท/ชม. สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล* โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถตามระยะ และเช็กพื้นที่ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้า และอัตราค่าแรงมาตรฐานใหม่ได้ที่เว็บไซต์มาสด้า https://www.mazda.co.th/th/maintenance
    • มอบความมั่นใจในทุกการดูแล โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอะไหล่แท้คุณภาพจากมาสด้า
    • เปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ต่อความคุ้มครอง เพื่อคนแคร์รถ เมื่อนำรถเข้าเช็กระยะต่อเนื่องตามกำหนด*

    “สำหรับโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus เป็นโปรแกรมที่มาสด้าริเริ่มขึ้นใหม่ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า Mazda Family ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์จาก 3 ปี เป็น 5 ปี* สำหรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ท่อนตรง เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา เทอร์โบชาร์จเจอร์ และคาปาซิเตอร์ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมเล็กน้อยคือเป็นรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือไม่เกิน 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และมีประวัติการเข้าเช็กตามระยะครบตามกำหนดทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ครบทุกระยะ ซึ่งลูกค้าสามารถลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่ https://m.mazda.co.th/WarrantyPlusRegistrationนายศราวุฒิ กล่าว

    มาสด้ายังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนงานในการนำเสนอโปรแกรมเพื่อมอบสิทธิพิเศษดี ๆ เช่นนี้ให้กับลูกค้าต่อไป สำหรับลูกค้า Mazda Family ที่ต้องการรับข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อลูกค้าก่อนใคร สามารถเพิ่มเพื่อนผ่านแพลตฟอร์มไลน์ Mazda Sky Journey (Line Official Account: @skyjourney) นอกจากจะสามารถเช็กสิทธิพิเศษนี้ได้ก่อนใครแล้ว ลูกค้ายังสามารถทำการจองนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำรถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นกัน

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับนักกีฬาไทย สนับสนุนการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ “TOYOTA Thailand Open 2025” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    1 Min Read

    โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับนักกีฬาไทย สนับสนุนการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ “TOYOTA Thailand Open 2025” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

                นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนร่วมในการจัดการแข่งขัน ร่วมแถลงข่าวการจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ รายการ “TOYOTA Thailand Open 2025” การแข่งขันในระดับ “HSBC BWF World Tour Super 500” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเงินรางวัลรวม 475,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,150,000 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ณ โรงแรมอโนมา แกรนด์ กรุงเทพฯ

     

              นายณัทธร ศรีนิเวศน์ กล่าวว่า “โตโยต้าให้ความสำคัญในการสนับสนุนการกีฬาของไทยอย่างต่อเนื่อง เสมอมา ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะ “ร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับนักกีฬาไทย” จะเห็นได้จากการสนับสนุนทั้งในรูปแบบของการจัดการแข่งขันโดยบริษัทฯเอง และการสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยรุ่นใหม่ให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในเวทีระดับโลก ตลอดจนพัฒนารากฐานวงการกีฬาให้เกิดความแข็งแกร่ง

    และรวมถึงการเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมาโดยตลอด

     

              การจัดการแข่งขันแบดมินตัน “TOYOTA Thailand Open” ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ต้อนรับนักกีฬาที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เป็นแฟนกีฬาแบดมินตันจากทั่วโลก ที่จะเดินทางมาร่วมเชียร์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ และจะเป็นโอกาสดีที่นักกีฬาทีมชาติ และนักกีฬาดาวรุ่งไทย จะได้แสดงศักยภาพและทำผลงานที่ยอดเยี่ยม ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแฟนแบดมินตันทั่วโลก รวมถึงการจัดการแข่งขันนี้จะมอบความสุขให้กับคนไทยที่รักและชื่นชอบกีฬาแบดมินตัน  มีโอกาสได้รับชมการแข่งขันและส่งกำลังใจ ส่งเสียงเชียร์กันอย่างเต็มที่ในบ้านเรา”

              นายณัทธร ศรีนิเวศน์ กล่าวทิ้งท้ายและแสดงความขอบคุณว่า “ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยเข้าชมการแข่งขันในครั้งนี้กันเยอะๆ เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย เพราะผมมีความเชื่อมั่นว่า ความสามารถของนักกีฬาไทยของเรานั้นไม่แพ้ชาติใดในโลก และเราจะสามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ อันจะนำมาซึ่งรอยยิ้ม และความสุขให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคนได้”

     

              ขอขอบคุณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / การกีฬาแห่งประเทศไทย / สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ / เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนร่วมในการจัดการแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ติดตามและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การแข่งขันแบดมินตันรายการ “TOYOTA Thailand Open” เสมอมา”

     

    ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทย แฟนๆ แบดมินตันทุกคน

    ร่วมส่งแรงใจ แรงเชียร์ ให้นักตบขนไก่ไทย

    อย่าพลาด! การแข่งขันระดับนานาชาติครั้งสำคัญ

    ระหว่างวันที่ 13 – 18 พฤษภาคม 2568

    ณ อาคารกีฬานิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ

     

    ซื้อบัตรได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา

    มีหลากหลายราคาให้เลือก ตั้งแต่ 1,200 / 1,000 / 900 / 750 / 600 / 500 / 450 / 300 / 200 และ 100 บาท

    และสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสด ผ่านทางช่อง Youtube : BWF TV

    รวมถึงสามารถชมและเชียร์นักกีฬาไทยได้ทาง True Visions


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • อีซูซุจัดเต็มกับโปรโมชันสุดคุ้มในแคมเพจ์น “ยิ่งใช้นานยิ่งเฮ! อีซูซุเปย์ 4 ต่อ!” ทั้งประหยัด ทั้งมั่นใจทุกการเดินทาง!

    1 Min Read

    อีซูซุจัดเต็มกับโปรโมชันสุดคุ้มในแคมเพจ์น “ยิ่งใช้นานยิ่งเฮ! อีซูซุเปย์ 4 ต่อ!” ทั้งประหยัด ทั้งมั่นใจทุกการเดินทาง!

    กลุ่มตรีเพชรโดย คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เชิญชวนเจ้าของรถอีซูซุใช้บริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุกับโปรโมชันสุดคุ้มเพื่อลูกค้าคนสำคัญในแคมเพจ์น “ยิ่งใช้นานยิ่งเฮ! อีซูซุเปย์ 4 ต่อ!” พร้อมรับสิทธิพิเศษความคุ้ม 4 ต่อ ที่คุณไม่ควรพลาด ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568

     

    รถปิกอัพอีซูซุทุกรุ่น และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่น

    • ต่อที่ 1 เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 7 ลิตร เกรดมาตรฐาน ในราคาเพียง 1,199 บาท (รวมค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
    • ต่อที่ 2 แพ็กเกจคืนความฟิต จะรถปีไหนก็ฟิตเหมือนใหม่ได้ คืนความมั่นใจให้รถคุณ
      • แพ็กเกจเปลี่ยนแผ่นกันความร้อนฝากระโปรง เริ่มต้น 1,199 บาท
      • แพ็กเกจเปลี่ยนยางแท่นเครื่องและแท่นเกียร์ เริ่มต้น 5,699 บาท
      • แพ็กเกจเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ พร้อมไส้กรองเกียร์และท่อยางน้ำมันเกียร์ออโต้ เริ่มต้น 5,999 บาท (รวมค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่ม)
    • ต่อที่ 3 ยิ่งใช้นาน ยิ่งลดเยอะ!
      • รถอายุ 7 ปีขึ้นไป รับส่วนลดอะไหล่สูงสุดถึง 20%
      • รถอายุน้อยกว่า 7 ปี รับส่วนลด 5%
    • ต่อที่ 4 ยิ่งซ่อม ยิ่งคุ้ม!
      • คูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาท สำหรับใช้ในครั้งถัดไป (เฉพาะลูกค้ารถอายุ 7 ปีขึ้นไป ที่มีค่าใช้จ่ายหลังหักส่วนลดและรวมภาษี 5,000 บาทขึ้นไป)

     

    สิทธิพิเศษเพิ่มเติม ฟรี! ตรวจเช็กสภาพรถ ผ่อน 0% นาน 9 เดือน รับประกันงานซ่อม 6 เดือน หรือ 10,000 กม. ส่วนลดยางยี่ห้อบริดจสโตน สูงสุด 2,000 บาท

     

    รถบรรทุกอีซูซุขนาดใหญ่  (2 ตันขึ้นไปทุกรุ่น)

    • ต่อที่ 1 แพ็กเกจเปลี่ยนจาระบีลูกปืนล้อ เริ่มต้นเพียง 3,500 (รวมจาระบี ซีลล้อ ค่าแรงและภาษีมูลค่าเพิ่ม) เปลี่ยนจาระบีทันใจ ภายใน 4 ชั่วโมง
    • ต่อที่ 2 ส่วนลดอะไหล่ สูงสุด 15% อาทิเช่น ช่วงล่าง เบรก คลัตช์ ซีลล้อ ลูกปืนล้อ อุปกรณ์ดักจับความชื้น อะไหล่บำรุงรักษาเชิงป้องกัน
    • ต่อที่ 3 ส่วนลดยางบริดจสโตน สำหรับรถบรรทุก รุ่น NLR และ NLR Lite เมื่อเปลี่ยนครบ 4 เส้น
      • ส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท
      • ฟรี! ค่าแรง
    • ต่อที่ 4 ฟรี! ตรวจเช็กสภาพรถ (ครอบคลุม 50 รายการ)

     

    ผ่อน 0% นาน 9 เดือน รับประกันงานซ่อม 6 เดือน หรือ 10,000 กม.

     

    กลับมาเติมความมั่นใจให้รถคู่ใจวันนี้ พร้อมรับความคุ้มที่มากกว่าเดิมจากอีซูซุ ให้รถของคุณได้รับการดูแลอย่างดีจากมืออาชีพที่คุณไว้ใจ ท่านสามารถรับสิทธิพิเศษทั้งหมดนี้ได้ที่แอพพลิเคชัน my-ISUZU (ดาวน์โหลดผ่าน Google play store และ App store)

     

    เข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568 สอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุทั่วประเทศ หรือ สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2118-0777 และติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

     

    #ศูนย์อีซูซุวางใจได้ #ศูนย์บริการอีซูซุวางใจได้ตลอดการใช้งาน

     

    หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ZEEKR 9X เอสยูวีเรือธง และ Lynk & Co 900 เปิดตัวครั้งแรกในงาน Shanghai Auto Show 2025

    1 Min Read

    ZEEKR 9X เอสยูวีเรือธง และ Lynk & Co 900 เปิดตัวครั้งแรกในงาน Shanghai Auto Show 2025

    หลังจากการเปิดตัว ZEEKR 009 Grand Collector’s Edition รุ่นพิเศษที่ผสมผสานศิลปะจีนเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยได้เพียงสามวัน ZEEKR Group กลับมาครองความสนใจอีกครั้งในงาน Shanghai Auto Show 2025 ด้วยการเปิดตัวระดับโลกของ ZEEKR 9X เอสยูวีหรูระดับเรือธงรุ่นล่าสุด ที่ได้รับการออกแบบเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ และระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า

    ZEEKR 9X ถือเป็นยานยนต์ไฮบริดรุ่นแรกภายใต้แบรนด์ ZEEKR โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนที่ผสานข้อดีของทั้งรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เข้าด้วยกัน และได้มอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นในทุกมิติ ด้วยระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนมากกว่า 380 กิโลเมตร — มากที่สุดในกลุ่มเอสยูวีไฮบริดทั่วโลก พร้อมอัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3 วินาที

    จุดเด่นสำคัญของ ZEEKR 9X

     

    • ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเครื่องยนต์ 2.0T ให้กำลังสูงสุดถึง 205 กิโลวัตต์ ส่งมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและตอบสนองได้อย่างฉับไว
    • ระบบช่วงล่างแบบ Dual-Chamber และ ระบบกันโคลงแบบแอคทีฟ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือชั้น ทั้งในด้านความนุ่มนวลและเสถียรภาพ
    • โดดเด่นด้วยไฟหน้าดีไซน์ล้ำสมัย แกะสลักด้วยเลเซอร์จำนวน 42,242 จุด สร้างเอฟเฟกต์ “ท้องฟ้ายามค่ำคืน” อันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนความประณีตในทุกรายละเอียด
    • ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ G-Pilot H9 (ระดับ L3) ขับเคลื่อนด้วย ชิป NVIDIA Drive Thor แบบคู่, เซนเซอร์ LiDAR จำนวน 5 ตัว, และพลังประมวลผลสูงถึง 1,400 TOPS รองรับการขับขี่อัจฉริยะอย่างมั่นใจ
    • รองรับระบบชาร์จเร็ว V4 Ultra-Fast ที่ให้กำลังชาร์จสูงสุด 1.3 เมกะวัตต์ รองรับการใช้งานในอนาคต และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ZEEKR 9X มีกำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ในขณะเดียวกัน Lynk & Co กำลังสร้างกระแสอย่างต่อเนื่องกับรถรุ่นใหม่ Lynk & Co 900 ซึ่งมียอดจองล่วงหน้าแล้วกว่า 40,000 คัน ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 เมษายนนี้

    รถยนต์แบบ 6 ที่นั่งรุ่นนี้ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม SPA Evo โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสารสูงถึง 88.2% และเบาะแถวที่สองที่สามารถหมุนได้ถึง 180 องศา เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าครอบครัวระดับพรีเมียมที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน

    ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและเปี่ยมด้วยฟังก์ชันการใช้งาน โดยติดตั้งจอแสดงผลความละเอียด 6K ขนาด 30 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมประสานการทำงานของ 8 หน้าจอ ผ่านระบบ LYNK Flyme Auto ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm 8295 คู่ ให้พลังการประมวลผลสูงถึง 60 TOPS

    ขุมพลังของ Lynk & Co 900 มาจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ขนาด 2.0T ที่ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัจฉริยะแบบ 3 สปีด DHT Pro และมอเตอร์คู่ที่เพลาหลัง ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 650 กิโลวัตต์ พร้อมอัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.3 วินาที จัดอยู่ในกลุ่มเอสยูวีไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในเซกเมนต์

    ด้วยนวัตกรรมอันล้ำอนาคตจาก ZEEKR 9X และ  Lynk & Co 900 ZEEKR Group ยังคงมุ่งมั่นผลักดันขีดจำกัดของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยส่งมอบเทคโนโลยีที่ทันสมัย สมรรถนะเหนือระดับ และการออกแบบที่ประณีต เพื่อรองรับและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมออย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ZEEKR ฉลอง 4 ปีทรงพลัง เผยโฉมโมเดลล่าสุด ZEEKR 007GT Shooting Brake พลังไฟฟ้าสุดล้ำ เร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 2.95 วินาที บนสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่แรงดันสูง 800 โวลต์ พร้อมรุกตลาดฟลีทและขยายเครือข่ายดีลเลอร์ทั่วไทย

    1 Min Read

    ZEEKR ฉลอง 4 ปีทรงพลัง เผยโฉมโมเดลล่าสุด ZEEKR 007GT Shooting Brake พลังไฟฟ้าสุดล้ำ เร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 2.95 วินาที บนสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่แรงดันสูง 800 โวลต์ พร้อมรุกตลาดฟลีทและขยายเครือข่ายดีลเลอร์ทั่วไทย

    ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ฉลองครบรอบ 4 ปี เปิดตัว ZEEKR 007GT รถยนต์ไฟฟ้า Shooting Break ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชั่วโมง ภายใน 2.95 วินาที ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาส ด้วยยอดขายมากกว่า 460,000 คันทั่วโลก และความสำเร็จในการควบรวมกิจการ รวมถึงการก่อตั้ง ZEEKR Group เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมสยายปีกสู่ธุรกิจฟลีทแก่บริษัทเอกชนหรือองค์กรต่างๆ ขยายความครอบคลุมความต้องการแก่ผู้บริโภคคนไทยทุกมิติ

    ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี ภายใต้ Geely Holding Group กลุ่มบริษัทด้านการคมนาคม ชั้นนำระดับโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2564 โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อช่วงกลางปี 2567 ต่อมาภายใต้การโอนสิทธิ์จาก Geely Holding Group ทาง ZEEKR ได้ประกาศการควบรวมกิจการ Lynk & Co อย่างเป็นทางการ ตั้ง ZEEKR Group เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก รวมถึงการกระชับความร่วมมือและก่อตั้งกลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม มากกว่านั้นยังมุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าและสร้างความแตกต่างให้แก่ผู้บริโภคผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งตลาดยานยนต์ขุมพลังไฟฟ้าแบบไฮบริด และขุมพลังไฟฟ้า 100% ให้แก่ผู้ใช้กว่า 710,000 รายทั่วโลกภายในปี 2568 ทั้งนี้ ZEEKR ตอกย้ำความสำเร็จด้วยการส่งมอบมากกว่า 460,000 คันทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับการตอบรับ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลาร่วมหนึ่งปีที่ผ่านมา

    วันนี้ ZEEKR ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเท และสร้างแบรนด์ดีเอ็นเอที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีอัจฉริยะที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ในการใช้งานเหนือระดับและการขับขี่ที่มอบความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูง โดยล่าสุดภายใต้การฉลองครบรอบ 4 ปี ได้ส่งยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด ZEEKR 007GT รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Wagon ซึ่งมีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมกับการรักษาเอกลักษณ์ของรถสไตล์ Shooting Brake ได้อย่างลงตัว

    ส่วนท้ายที่ลาดเอียงบ่งบอกถึงสมรรถนะและความคล่องตัว ขณะที่ตัวถังดูแข็งแกร่งสะท้อนภาพลักษณ์พรีเมียมอันเป็นเอกลักษณ์ของ ZEEKR โดยให้กำลังสูงสุด 646 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.95 วินาที ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นและความปลอดภัยระดับสูงสุด ZEEKR 007GT พร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรีด้วยนวัตกรรมและคุณภาพที่เหนือชั้น ซึ่งภายหลังการเปิดตัว ZEEKR 007GT ที่จีนเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้ รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าจะสานต่อความสำเร็จของ ZEEKR 001 พร้อมสร้างกระแสในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถสไตล์ Shooting Brake

    สำหรับในประเทศไทย ZEEKR Thailand เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องผ่านการรุกตลาดธุรกิจฟลีท (Fleet) ซึ่งเป็นการจำหน่ายรถยนต์ในรูปแบบกลุ่มให้กับบริษัทเอกชนหรือองค์กรต่างๆ พร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดองค์กรที่กำลังปรับเปลี่ยนยานพาหนะสู่พลังงานสะอาด ซึ่งไม่เพียงสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่ยังสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคขนส่ง ช่วยให้องค์กรต่างๆ บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการเป็นผู้นำด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อเร็วๆ นี้ได้ทำการส่งมอบ ZEEKR X ล็อตแรกแก่ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย (SIXT) หนึ่งในผู้นำบริการรถเช่าระยะสั้น เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในการเช่ารถระดับหรูอย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ ZEEKR Thailand ยังเปิดรับสมัครดีลเลอร์จากพื้นที่สำคัญทั่วประเทศไทย ได้แก่ ภูเก็ต หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี พิษณุโลก เชียงราย และนครสวรรค์ เพื่อขยายเครือข่ายศูนย์บริการและโชว์รูมให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค โดยดีลเลอร์ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้สิทธิ์ในการจำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ของ ZEEKR ทั้งในรูปแบบขายปลีกและขายฟลีทให้แก่ลูกค้าองค์กร โครงการพิเศษ รวมถึงการประมูลงานราชการและหน่วยงานเอกชนในพื้นที่รับผิดชอบ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ ZEEKR ทั้งในตลาดโลกและไทย

    ปัจจุบัน ZEEKR มียานยนต์ไฟฟ้าจัดจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

    • ZEEKR X คอมแพคเอสยูวีสุดพรีเมียมที่ตอบโจทย์สำหรับทุกการเดินทางของคนเมืองรุ่นใหม่ด้วย

    ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย มีให้เลือกทั้งรุ่น Standard และรุ่น Flagship

    • ZEEKR 009 รุ่น 6 ที่นั่ง รถเอ็มพีวีไฟฟ้าเซกเมนต์ลักชูรีที่ออกแบบมาเพื่อความเป็นส่วนตัวและ

    ความหรูหราอย่างไรที่ติ

    • ZEEKR 009 รุ่น 7 ที่นั่ง มอเตอร์คู่ รถเอ็มพีวีไฟฟ้าลักชูรีที่ออกแบบเพื่อเป็นทางเลือกที่ลงตัว

    สำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ที่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายเหนือระดับและความปลอดภัยขั้นสูง

    ร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำในทุกช่วงเวลา พร้อมขับเคลื่อนอนาคตการขับขี่อย่างยั่งยืนไปกับ ZEEKR ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ ZEEKR House ทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ZEEKR Call Center โทร 02-086-9999, Official Facebook Page: ZEEKR Thailand และ LINE Official: ZEEKR Thailand

    (@zeekrtha) หรือคลิก https://lin.ee/3lJF6Jbo


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment