• ทัพนักแข่งฮอนด้า CBR Series ลุ้นแชมป์ประเทศไทย พร้อมดวลความเร็ว 2 เรซรวดใน NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 ปิดฤดูกาล

    1 Min Read

    ทัพนักแข่งฮอนด้า CBR Series ลุ้นแชมป์ประเทศไทย พร้อมดวลความเร็ว 2 เรซรวดใน NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 ปิดฤดูกาล

     

    “ฮอนด้า” พัฒนานักบิดและมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่อง ในการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ NEXZTER BRIC Superbike 2025 ด้วยการส่ง 4 แซทเทิลไลท์ทีม ลงดวลความเร็วใน 3 รุ่นท็อป เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักบิดไทยลงสนามแข่งขัน รวมถึงพัฒนาศักยภาพการทำงานของเมคคานิกส์และทีมแข่งไทย เพื่อพัฒนาการแข่งขันอย่างกว้างขวาง โดยผลงานดาวรุ่งไทยในซีซั่นนี้ ใช้โอกาสในการเรียนรู้และเก็บผลการแข่งขันลุ้นแชมป์ประจำฤดูกาล  โดยจะไปตัดสินในสนามที่ 4 2 เรซรวด ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล

    รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) ไฮไลท์ของรายการที่ดวลกันด้วยรถแข่งที่เร็วและแรงที่สุด ดาวรุ่งไทยฮอนด้า  “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31  จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส บิด Honda CBR1000RR-R ลงเก็บประสบการณ์รุ่นใหญ่ พร้อมโชว์ผลงานได้ทันที ดวลความเร็วกับนักแข่งรุ่นพี่อย่างต่อเนื่อง เก็บแต้มรั้งอันดับที่ 2 ของตารางด้วยคะแนนสะสมมา 49 คะแนน (ตาม 21 คะแนน) โอกาสยังเปิดในการลุ้นแชมป์ประจำฤดูกาลนี้ ขณะที่ จอมเก๋า “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี หมายเลข 10 จาก โปร ฮอนด้า บริดจสโตน อันเดรียนี เบกดิกซ์ เอเอ็น เรซซิ่ง ทีม จะไม่สามารถลงสนามสุดท้ายได้จากอาการบาดเจ็บ

    รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ยอดนักบิดดาวรุ่งไทยผลผลิตจาก “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะดรีม” แจ้งเกิดด้วยผลงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง  “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 กับรถแข่ง Honda CBR600RR จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ฮอนด้า ทีม เปิดตัวอย่างร้อนแรง คว้าชัยชนะ 2 สนามแรกติดต่อกัน แต่อุบัติเหตุในสนามที่ 3 ทำให้พลาดโอกาสบวกคะแนนทิ้งห่างไปอย่างน่าเสียดาย ล่าสุดรั้งอันดับที่ 2 ด้วยคะแนนสะสม 50 คะแนน (ตาม 11 คะแนน) ก่อนเข้าสู่สนามตัดสินแชมป์ประจำปี ขณะที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส อยู่ที่อันดับ 4 มี 36 คะแนน (ตาม 25 คะแนน)

    รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1) ที่ฮอนด้ามอบโอกาสให้กับ 2 ดาวรุ่งจาก โปร ฮอนด้า สิทธิพล ไออาร์ซี ดีไอดี ซีบี อาชิ กิตติ เรซซิ่ง ซึ่งลงเก็บประสบการณ์ในคลาสรองอย่าง SS1 โดยสามารถโชว์พัฒนาการและทำผลงานขึ้นมาอยู่หัวแถวของรุ่น สลับกับการยกระดับขึ้นไปสู้กับรุ่นโปรได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลงานจาก 3 สนามแรก  “เฟรม” ภูริทัต จันจาด หมายเลข 98 รั้งอันดับที่ 3 ของรุ่นด้วยคะแนนสะสม 37 คะแนน ขณะที่ “ต้นกล้า” ภคภัคร พึ่งเจริญ หมายเลข 78 มีอยู่ 24 แต้ม อยู่ในอันดับที่ 9 ของตารางคะแนนสะสม

    ทั้งนี้ ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 สนามปิดท้ายฤดูกาลจะดวลความเร็วกัน 2 เรซรวด โดยเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมและควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันศุกร์ที่ 21 และแข่งขันชิงชนะเลิศเรซที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 22 ก่อนปิดท้ายรอบชิงชนะเลิศ เรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

    แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

     

    #ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #BRICSuperBike2025 #NexzterBRICSuperBike2025 #HondaCBR #Mix31 #Kaowkong20 #HiPeck18 #ChangInternationalCircuit


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • All New YAMAHA NMAX TECH MAX คว้ารางวัลใหญ่ “Motorcycle of The Year 2025” จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย

    1 Min Read

    All New YAMAHA NMAX TECH MAX คว้ารางวัลใหญ่ “Motorcycle of The Year 2025” จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย

    All New YAMAHA NMAX TECH MAX สร้างความภาคภูมิใจให้ยามาฮ่า คว้ารางวัล Thailand Motorcycle of The Year 2025 มาครองได้สำเร็จ จากงานประกาศผลรางวัล Thailand Car, EV & Motorcycle of The Year 2025 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไทย

    นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เป็นรับเกียรติขึ้นรับรางวัล Thailand Motorcycle of The Year 2025 จาก ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย

    โดยในปีนี้ มีรถจักรยานยนต์ผ่านเข้าสู่รอบทดสอบขั้นสุดท้ายจำนวน 6 รุ่น โดย All New YAMAHA NMAX TECH MAX และ All New YAMAHA AEROX ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้งคู่ ซึ่ง All New YAMAHA NMAX TECH MAX สามารถทำคะแนนรวมจากการทดสอบ และได้รับผลโหวตจากสื่อมวลชนสูงสุด คว้าตำแหน่ง Thailand Motorcycle of The Year 2025 ไปครองอย่างสง่างาม สะท้อนถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ความคุ้มค่าคุ้มราคา และเทคโนโลยีครบครันที่ยามาฮ่าตั้งใจพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างแท้จริง อาทิ ดีไซน์ที่ได้รับความนิยมจากยุโรป และมีโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับได้ 2 โหมด ทั้ง Sport Mode และ Town Mode พร้อมระบบ YECVT เทคโนโลยีควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่มีกล่อง ECU เป็นตัวประมวลผล และส่งคำสั่งไปยังชุดส่งกำลัง YECVT เพื่อส่งต่อไปยังมอเตอร์และปรับอัตราทด ระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล๊อคเพิ่มความปลอดภัย ระบบ Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีที่จะช่วยรักษาแรงฉุดลากเมื่อเร่งความเร็วบนพื้นผิวที่ลื่น ถนนที่ไม่ได้ลาดยางหรือถนนเปียก


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Post Image

    รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พาชาว CUB House เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ออกทริปขับขี่รอบเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ในกิจกรรม “CUB House Let’s Ride Over JAPAN”

    1 Min Read

    รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พาชาว CUB House เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ออกทริปขับขี่รอบเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น  ในกิจกรรม “CUB House Let’s Ride Over JAPAN”

    CUB House by Honda เดินหน้ามอบประสบการณ์การขับขี่สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้า จัดทริป “CUB House Let’s Ride Over JAPAN” พาสมาชิก CUB House และสื่อมวลชนร่วมออกเดินทางขับขี่รถจักรยานยนต์ CUB House กว่า 35 คัน ตะลุยเส้นทางรอบเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ตลอดระยะเวลา 6 วัน 5 คืน ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา

    ทริปนี้มีชาว CUB House ทุกรุ่นเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้ง Honda Monkey125, C125, CT125 และ DAX125 พร้อมขับขี่กระทบไหล่ไปกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังคุณซาบอล และคุณอาร์ม จาก Ohana อีกทั้งได้สัมผัสเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่งดงามที่สุด อากาศเย็นสบายเพียง 10 องศา พร้อมวิวภูเขา ทุ่งหญ้า และวัฒนธรรมหลากหลายที่รอให้ค้นหา สร้างมิติใหม่ของการขับขี่ท่องเที่ยวที่ผสานทั้งความงามของธรรมชาติและเสน่ห์ความเป็นญี่ปุ่นอย่างลงตัว

    เส้นทางการขับขี่เริ่มต้นจากเมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka) มุ่งหน้าสู่คุมาโมโตะ (Kumamoto) เอโสะ (Aso) ยูฟุอิน (Yufuin) เบปปุ (Beppu) และนาคัตสึ (Nakatsu) รวมระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ผู้ร่วมทริปได้สัมผัสพื้นที่หลากหลายแบบ “เจแปนไลเดอร์” ตั้งแต่ถนนในเมืองอันเป็นระเบียบ ไปจนถึงเส้นทางภูเขาที่มีโค้งสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น

    ไฮไลต์สำคัญ ได้แก่

    • การขับขี่ขึ้นสู่ ยอดเขา Daikanbo ผ่านเส้นทางทุ่งหญ้า Milk Road ที่นักขี่ทั่วโลกยกให้เป็นเส้นทางโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่ง
    • การช้อปอุปกรณ์ขี่รถ และของแต่งสุดเท่ที่ Ricoland แหล่งรวมของแต่งมอเตอร์ไซค์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
    • การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่ Aso Farm Land พร้อมบรรยากาศอันเงียบสงบ
    • การเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถจักรยานยนต์ที่ Iwashita Museum พร้อมชมรุ่นในตำนานอย่าง Honda Monkey 50, Honda Dax 50 และ Batabata
    • ปิดท้ายด้วยกิจกรรมแช่ออนเซ็น Beppu Jigoku และเวิร์กช็อปรังสรรค์น้ำหอมที่ Oita Fragrance Museum

    กิจกรรม “LET’S RIDE OVER JAPAN 2025” สะท้อนตัวตนของ CUB House ที่มุ่งสร้างคอมมูนิตี้คนรักรถที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว ผ่านการเชื่อมโยงผู้ขับขี่ให้ได้ออกเดินทาง เปิดโลกใหม่ และแบ่งปันความสนุกไปพร้อมกัน ไม่เพียงแต่เป็นทริปท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ในต่างประเทศให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสอย่างแท้จริง

    ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สามารถติดตามกิจกรรมครั้งต่อไป ได้เร็ว ๆ นี้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse

    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

    เฟซบุ๊ก CUBhouse : fb.com/cubhousebyhonda

     

    #Monkey125 #C125 #CT125 #Dax125 #CUBHouseRoadTrip2025 #RideOverJapan #ThaiHondaMotorcycle #CUBHouse #CUBHousebyHonda

    #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou


    No Comment
  • เคลียร์ชัด 9 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ MotoGP สนามประเทศไทย ไม่คุ้มค่า-เอกชนไม่สนับสนุน-ไม่มีคนดู จริงหรือ?

    1 Min Read

    เคลียร์ชัด 9 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ MotoGP สนามประเทศไทย ไม่คุ้มค่า-เอกชนไม่สนับสนุน-ไม่มีคนดู จริงหรือ?

    การกีฬาแห่งประเทศไทย เผยข้อมูลทุกมิติของโมโตจีพีตั้งแต่สัญญาแรก จนถึงปัจจุบัน เพื่อไขข้อข้องใจทุกประเด็นเกี่ยวกับการจัดและการต่อสัญญา โมโตจีพี สนามประเทศไทย เคลียร์ชัด “9 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ MotoGP สนามประเทศไทย ไม่คุ้มค่า-เอกชนไม่สนับสนุน-ไม่มีคนดู จริงหรือ?” พร้อมยืนยันด้วยตัวเลข มูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลตอบแทนที่ประเทศได้รับอย่างชัดเจน ดังนี้

    1.เงิน 3,997 ล้านบาท ตกไปที่ใคร และมีการใช้ทันทีทั้งหมดหรือไม่

    ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ มีนโยบายที่จะทำสัญญากับ รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศนั้นๆ โดยตรงเท่านั้น เพื่อให้การจัดการแข่งขันเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ดังนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะหน่วยงานรัฐ จึงเป็นคู่สัญญาโดยตรงแต่เพียงผู้เดียวกับ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP ทั่วโลก

    ค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจะถูก ทยอยขออนุมัติงบประมาณเป็นรายปี และจ่ายตรงไปที่ ดอร์น่า สปอร์ต เท่านั้น ไม่ได้ผ่านคนกลางหรือตกไปที่เอกชนรายอื่น ในทางกลับกัน ผลประโยชน์และรายได้จากการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเข้าชมหรือเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน ก็จะถูกนำส่ง ตรงไปที่ กกท. เช่นกัน เพื่อใช้สมทบและลดภาระงบประมาณภาครัฐอย่างเต็มที่

     

    2.ค่าลิขสิทธิ์แพงขึ้นมาก มีการเจรจาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่

    ข้อเท็จจริงคือ ค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นทุกประเทศและค่าลิขสิทธิ์ประเทศไทยถือว่า ต่ำกว่าประเทศอื่น  โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพหลักได้เจราจาต่อรองเรื่องค่าลิขสิทธิ์การแข่งขัน เพื่อให้ได้ในอัตราเท่าเดิม แต่เนื่องจากเกิดการแข่งขันในการเสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพเพิ่มขึ้น  ประกอบกับจากการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา มีการแข่งขันในวันแข่งจริงเพียงวันเดียว แต่ในสัญญาใหม่ จะมีการแข่งขัน 2 วัน คือ วันที่แข่ง Sprint Race (วันเสาร์) และวันที่แข่งจริง (Race Day) (วันอาทิตย์)  ส่งผลให้มีผู้ชมสนใจมากยิ่งขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการแข่งขันมากขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่การปรับเพิ่มราคาเกิดขึ้นทั่วโลก และประเทศไทยสามารถเจรจาได้ในอัตราที่ได้เปรียบกว่าประเทศอื่น จึงถือว่าการเจรจาเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ

    3.งบโมโตจีพีสำคัญกว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจริงหรือ

    งบประมาณคนละส่วน รัฐมีการจัดสรรงบทางกีฬาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน การเปรียบเทียบวงเงินนี้เชื่อมโยงกันอย่างไม่ถูกต้อง ตามหลักการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินของประเทศไทย งบประมาณสำหรับกิจกรรมส่งเสริมกีฬาและการเป็นเจ้าภาพระดับโลก (เช่น MotoGP) จะถูกจัดสรรในส่วนของรายจ่ายของส่วนราชการ (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ซึ่งมีวงเงินและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนตามยุทธศาสตร์ของประเทศ

    ในขณะที่งบประมาณสำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน มักจะมาจาก ‘งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น’ ซึ่งเป็นงบฉุกเฉินที่รัฐบาลบริหารจัดการเพื่อบรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะ

    ดังนั้น งบประมาณทั้งสองส่วนจึงแยกจากกันอย่างชัดเจน และการขออนุมัติกรอบวงเงิน 4,000 ล้านบาท สำหรับสัญญาปี 2570-2574 นั้น ไม่ได้กระทบต่องบประมาณที่รัฐบาลใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในปัจจุบันแต่อย่างใด

    4.รีบเร่งต่อสัญญาเกินไปหรือไม่

     ยืนยันว่า การเจรจาต่อสัญญาไม่ได้เป็นการ “เร่งรีบ” แต่เป็นการดำเนินการที่ล่าช้ากว่าช่วงเวลาที่ควรเริ่มดำเนินการด้วยซ้ำ เนื่องจากสัญญาเดิมจะสิ้นสุดลงในปี 2569 (2026) และ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ กำหนดให้คู่สัญญาเดิมต้องแจ้งความประสงค์ต่อสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งหมายถึงต้องแจ้งภายในปี 2568 (2025)

    ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา และการที่มีหลายประเทศทั่วโลกกำลังรอเสนอตัวและยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นเจ้าภาพแทนประเทศไทย การดำเนินการเจรจาในขณะนี้จึงถือเป็นการตัดสินใจที่ทันต่อสถานการณ์และจำเป็น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องเสียสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันระดับโลก ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 28,000 ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า

    5.ผู้ชมน้อยลงทุกปี ความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน

    ข้อเท็จจริงคือ ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยเคยได้รับรางวัล Best Grand Prix of the Year ในปี 2561 ด้วยยอดผู้ชมสูงสุดในฤดูกาล 222,535 คน และเพิ่มเป็น 226,655 คน ในปี 2562 ส่วนยอดผู้ชมที่ลดลงในช่วงปี 2565 (178,463 คน) เป็นผลมาจากการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข แต่หลังจากนั้น ยอดผู้ชมก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

    สำหรับความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ การจัดโมโตจีพี 8 ปีที่ผ่านมา (2561-2568) สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยสูงถึง 24,927 ล้านบาท และสัญญาใหม่ 5 ปี (2570-2574) ถูกประมาณการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก 28,000 ล้านบาท และยังไม่มีอีเว้นต์ไหนในประเทศไทยที่ทำได้

    6.จริงหรือไม่ ? เอกชนลดการสนับสนุนลงทุกปี -รัฐแบกภาระเกินไป

    ในการบริหารจัดการ การจัด MotoGP ในหลายประเทศทั่วโลก รัฐบาลเป็นผู้รับค่าลิขสิทธิ์เต็มจำนวนหรือเกือบทั้งหมด ในทางกลับกัน ประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่พึ่งพางบประมาณภาครัฐในสัดส่วนที่น้อยมาก

    โดยตลอดสัญญาที่ผ่านมา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากภาคเอกชนรายใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และเครื่องดื่ม เข้ามาสนับสนุนการจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดภาระของรัฐบาลลงได้อย่างมาก

    แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา ทำให้เอกชนบางรายต้องลดหรือหยุดการสนับสนุนไปชั่วคราว กกท. ก็ยังคงพยายามหาเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนและรายได้จากการจำหน่ายบัตร เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและยืนยันการเป็นเจ้าภาพต่อไป โดยในสัญญาใหม่ (2570-2574) ก็ยังคงตั้งเป้าระดมเงินสนับสนุนจากเอกชนกว่า 700 ล้านบาท เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยมีการบริหารจัดการที่พึ่งพาเอกชนเป็นหลักมาโดยตลอด

    7.รายได้จากการแข่งขันตกไปที่เอกชนหรือไม่จัดที่อื่นได้ไหม ทำไมต้องที่บุรีรัมย์

     การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่ได้มีสัญญาจ้างกับบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด (เจ้าของสนามช้างฯ) ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงคือ สนามช้างฯ ได้ให้การสนับสนุน กกท. โดย อนุญาตให้ใช้สนามแข่งฟรีโดยไม่คิดค่าเช่า โดยการให้ใช้สนามฟรีนี้มีมูลค่าถึง 12 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากต้องใช้สถานที่ในการเตรียมการจัดการแข่งขันและวันแข่งจริงประมาณ 30 วัน คำนวนรวม 6 ปี ที่รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเช่า เป็นมูลค่า 72 ล้านบาท

    “จัดที่อื่นไม่ได้ เนื่องจากมีสนามแห่งนี้เพียงสนามเดียวในประเทศไทย”  ที่เป็นสนามระดับ FIM GRADE A ที่มีมาตรฐานสามารถจัดการแข่งขัน MotoGP ได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานกีฬาระดับโลกในการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ รวมถึงการท่องเที่ยวต่อเนื่องไปยังจังหวัดอื่น ๆ ทุกภาคในประเทศไทย

    8.เอื้อประโยชน์กับเจ้าของสนามแข่งหรือไม่

    รายได้หลักจากการจัดแข่งขันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน และเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน จะถูกนำส่งเข้าสู่การบริหารจัดการโดย กกท. โดยตรง ซึ่งรายได้เหล่านี้จะถูกนำไป หักลบกับภาระค่าลิขสิทธิ์ ที่ต้องจ่ายให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต โดยตรง เพื่อลดภาระงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เหลือน้อยที่สุด กระบวนการนี้จึงเป็นการยืนยันถึงความโปร่งใส และการบริหารจัดการที่เน้นผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ

    9.MotoGP ถูกสนับสนุนมาทุกรัฐบาล

    การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน MotoGP ได้รับการสานต่อและสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกชุด มาโดยตลอด เนื่องจากตระหนักถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศที่ได้รับ ดังนี้

    สัญญาที่ 1: ปี 2561 – 2563  รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร) ครม. เห็นชอบสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์สมทบปีละ 100 ล้านบาท รวม 3 ปี เป็น 300 ล้านบาท
    ผลการดำเนินงาน: กกท. ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนและรายได้รวม 528 ล้านบาท (ใน 2 ปี) จากพันธมิตรรายใหญ่ 12 ราย/แหล่ง
    ความสำเร็จ: ได้รับรางวัล Best Grand Prix of The Year ในปี 2561 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 2 ปี (2561-2562) ได้ถึง 6,584 ล้านบาท (จัดได้เพียง 2 ปี เนื่องจากโรคระบาด Covid-19)

    สัญญาที่ 2: ปี 2565 – 2569 (เลื่อนจาก 2564-2568) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. พิพัฒน์ รัชกิจประการ) ครม. เห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อสมทบค่าลิขสิทธิ์ 900 ล้านบาท โดยเน้นให้นำรายได้จากภาคเอกชนมาสมทบก่อน
    ผลการดำเนินงาน: ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนกว่า 770 ล้านบาท และจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 800 ล้านบาท
    ผลตอบแทนและข้อได้เปรียบ: สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวม 6 ปี (2561 – 2568) กว่า 24,927 ล้านบาท อีกทั้งยัง ประหยัดค่าเช่าสนามได้ถึง 72 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญา จากการใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฟรี

    สัญญาที่ 3: ปี 2570 – 2574 (ล่าสุด)
    สถานะปัจจุบัน: ครม. ให้ความเห็นชอบเพียงการเป็นเจ้าภาพเท่านั้น ส่วนงบประมาณ กกท. จะนำเสนอขอรับการจัดสรรเป็นรายปีตามภารกิจ ซึ่งประมาณการรายได้จากผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท (ซึ่งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐเป็นไปตามแผนงานในปี 2570 และไม่ได้กระทบกับงบประมาณที่จำเป็นเร่งด่วนในปัจจุบัน)


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เติมแรงขับตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ปลายปี ส่ง 4 โมเดลใหม่ “Scrambler 400 XC , Scrambler 1200 XE ,Tiger 900 Alpine Edition, Tiger 900 Desert Edition” เสริมแกร่งไลน์โมเดิร์นคลาสสิก – แอดเวนเจอร์ ครบทุกสไตล์

    2 Min Read

    “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เติมแรงขับตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ปลายปี ส่ง 4 โมเดลใหม่ “Scrambler 400 XC , Scrambler 1200 XE ,Tiger 900 Alpine Edition, Tiger 900 Desert Edition” เสริมแกร่งไลน์โมเดิร์นคลาสสิก – แอดเวนเจอร์ ครบทุกสไตล์

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เดินหน้าตอกย้ำผู้นำรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ ส่งท้ายปียิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่  Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุดในไลน์อัปเครื่องยนต์ 400 ซีซี อันเลื่องชื่อ ได้รับการออกแบบและปรับแต่งเพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์การขับขี่ของไทรอัมพ์ที่สนุก เร้าอารมณ์ และตอบสนองได้ฉับไว ตามด้วย Scrambler 1200 XE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อยกระดับสมรรถนะและความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด รวมถึง Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert Edition 2 รถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ที่สะดุดตา ได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศในเทือกเขาแอลป์และแสงตะวันในทะเลทราย มีคุณสมบัติพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง โดดเด่นด้วยสีสันและกราฟิกพิเศษ ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

    นายชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “เพื่อตอบรับดีมานด์ตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จึงเดินหน้าขยายไลน์อัปเพื่อเติมเต็มทางเลือกให้ครอบคลุมทุกสไตล์การขับขี่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Modern Classics และ Adventure ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ ซึ่งการเปิดตัวทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยสมรรถนะ และงานออกแบบที่พัฒนาขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่มาพร้อมความคุ้มค่า

    สำหรับไทรอัมพ์ Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด ที่เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันดุดันของ Scrambler  ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.5 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสนุกและมั่นใจในทุกย่านความเร็ว ด้านรูปลักษณ์ สะท้อนอัตลักษณ์ดีไซน์ของ Scrambler ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ถังน้ำมันที่ออกแบบอย่างสวยงามพร้อมรอยเว้าสำหรับหัวเข่า เครื่องยนต์คลาสสิกพร้อมตราโลโก้ไทรอัมพ์สามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ครีบระบายความร้อน และแคลมป์ยึดท่อร่วมไอเสีย ไปจนถึงปลายท่อเฉียงขึ้นด้านบน อีกทั้งมาพร้อมบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่เข้าชุดกัน ให้การปกป้องอย่างมีสไตล์ในสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย

    ด้านสเปกที่โดดเด่นเหนือระดับ ออกแบบมาเพื่อรองรับการผจญภัยในชีวิตอย่างแท้จริง  โดย Scrambler 400 XC ใหม่นี้ได้เพิ่มศักยภาพในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์ที่ดุดันของ Scrambler ด้วยล้อซี่ลวดแบบใหม่ที่แข็งแกร่งและสวยงามลงตัว ล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลังขนาด 17 นิ้ว ที่เน้นการใช้งานแบบผจญภัย มาพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมจาก Excel และยาง Metzeler Karoo Street แบบไม่มียางใน ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับสมรรถนะบนทุกเส้นทางได้อย่างหลากหลายและมั่นใจ ขณะที่ระบบกันสะเทือนคุณภาพสูงช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ด้วยโช้คหน้าหัวกลับลูกสูบใหญ่ ขนาด 43 มม. และโช้คหลังแบบ Monoshock พร้อมกระปุกน้ำมันแยก โดยมีระยะยุบตัวล้อหน้าและหลัง 150 มม. รวมถึงระบบ Traction Control ที่เปิด-ปิดได้ และระบบ ABS สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยและความคล่องตัวในการใช้งาน

    ส่วนเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มุ่งเน้นเพื่อผู้ขับขี่อัดแน่นทั้งมาตรวัดแบบสองรูปแบบ ผสมผสานดีไซน์เรียบหรูทันสมัย ด้วยมาตรวัดความเร็วแบบเข็มขนาดใหญ่ และหน้าจอ LCD ซึ่งแสดงผลรอบเครื่องยนต์แบบดิจิทัล ระยะทางที่ขับขี่ได้จากน้ำมันที่เหลือ และตัวบอกตำแหน่งเกียร์ที่มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการแสดงผลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกผ่านปุ่มควบคุมที่ติดตั้งบนแฮนด์ นอกจากนี้ยังมีช่องชาร์จไฟแบบ USB-C รองรับการชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือระบบนำทาง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมแท้จาก Triumph ให้เลือกติดตั้งมากกว่า 20 รายการ ครอบคลุมทั้งด้านสไตล์ ความสบาย การบรรทุกสัมภาระ และระบบความปลอดภัย

    ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Scrambler 400 XC ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท มาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยระยะเวลาในการเข้ารับการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 2 ปีไม่จำกัดระยะทางเป็นมาตรฐาน มีให้เลือก 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สี Racing Yellow, สี Storm Grey และ สี Vanilla White โดยแต่ละแบบมาพร้อมกราฟิกดีไซน์เฉพาะตัว พร้อมโลโก้ Triumph สีดำ ที่เข้าชุดกับแผงข้างถังน้ำมันสีดำ แผ่นรองเข่า และเบาะนั่งแบบสองตอนสีดำสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

    ต่อกันด้วย Scrambler 1200 XE รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สองสูบ พละกำลังสูงขนาด 1200 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า และแรงบิดเต็มพิกัด 110 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ มอบทั้งความเร้าใจและการควบคุมที่ง่ายดายในทุกสภาพถนน ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นในทุกมุมมอง ตั้งแต่ท่วงท่าที่ทรงพลัง ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ออกแบบอย่างประณีต ไปจนถึงเบาะยาวลอนคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความพรีเมียมด้วย ฝาถังสไตล์ Monza ทำจากอะลูมิเนียมแบบขัดเงา สวิงอาร์มชุบอะโนไดซ์ แผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้องกันอ่างน้ำมันเครื่องอะลูมิเนียม รวมถึงตราสัญลักษณ์ขัดเงาบ่งบอกถึงความประณีตในทุกส่วน

    ขณะที่โครงรถสไตล์ Scrambler แบบเฉพาะตัว ออกแบบให้ผู้ขี่มั่นใจได้ในทุกสภาพพื้นผิว สวิงอาร์มอะลูมิเนียมหล่อพร้อมระยะยุบตัวยาว และระบบกันสะเทือนปรับได้เต็มรูปแบบ มอบระยะยุบล้อสูงถึง 250 มม. โช้คหน้าหัวกลับ Showa ขนาด 47 มม. ปรับแต่งได้เต็มระบบ ส่วนโช้คหลังคู่ Öhlins พร้อมกระปุกน้ำมันที่ติดตั้งสปริงคู่ให้การควบคุมและความสบายที่เหนือชั้น ไม่ว่าขับขี่คนเดียวหรือบรรทุกเต็มพิกัด สมรรถนะการเบรกก็เหนือชั้นไม่แพ้กัน คาลิปเปอร์เบรก Brembo Stylema M4.30 โมโนบล็อกเรเดียล จับคู่กับจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. ให้พลังเบรกระดับชั้นนำ เสริมด้วยคาลิปเปอร์หลัง Nissin และจานเบรกขนาด 255 มม. ระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ของไทรอัมพ์ มอบความมั่นใจสูงสุดในทุกโค้ง พร้อมตัวเลือกปิดระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดสำหรับการขับขี่ออฟโรดขั้นสูง

    ด้านเทคโนโลยีที่ยกระดับทุกการขับขี่มาพร้อม คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ของไทรอัมพ์ที่ให้โหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-Configurable, Off-Road และโหมดพิเศษเฉพาะรุ่น Off-Road Pro โดยแต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองของคันเร่ง ระบบ ABS และระบบ Traction control ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวและความต้องการของผู้ขับขี่ ด้านโหมด Off-Road Pro จะปิดการใช้งานระบบ ABS และระบบ Traction Control ทั้งหมด เพื่อปลดปล่อยสมรรถนะออฟโรดของ XE อย่างเต็มศักยภาพ ระบบ Cruise Control แบบปุ่มเดียว เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ขณะที่จอแสดงผล TFT สีเต็มรูปแบบ มาพร้อมธีมให้เลือก 2 แบบและตัวเลือกเค้าโครง 3 สไตล์ พร้อมฟังก์ชันปรับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสง นอกจากนี้ผู้ขี่ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอเริ่มต้นด้วยชื่อของตนเอง เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการขับขี่ได้อีกด้วย นอกจากนี้สวิตช์ควบคุมแบบมีไฟเรืองแสง และจอยสติ๊กแบบ 5 ทิศทาง ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างสะดวกง่ายดาย รวมถึงยังรองรับการติดตั้งระบบเชื่อมต่อ My Triumph ช่วยให้เข้าถึงการโทรศัพท์ ฟังเพลง และระบบนำทางแบบ Turn-by-turn ผ่านหน้าจอ TFT ได้โดยตรง มีช่องชาร์จ USB ใต้เบาะที่นั่ง เพื่อให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ตลอดการเดินทาง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ให้เลือกมากกว่า 70 รายการ ตั้งแต่ ชิลด์หน้าทัวร์ริ่งทรงสูง และกระเป๋าข้างแบบหนัง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการขับขี่ออฟโรด อุปกรณ์เสริมทุกชิ้นได้รับการออกแบบควบคู่กับตัวรถ เพื่อความลงตัวทั้งด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน และคุณภาพ

    ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Scrambler 1200 XE ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท มาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยระยะเวลาในการเข้ารับการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 2 ปีไม่จำกัดระยะทางเป็นมาตรฐาน มีตัวเลือกสีพรีเมียมให้เลือก ได้แก่ สี Matt Khaki Green & Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย และสี Silver Ice & Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือกเช่นเดิม

    ปิดท้ายด้วย Tiger 900 Alpine Edition ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น Tiger 900 GT Pro ที่เน้นการขี่บนถนน มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ขี่  ขณะที่ Tiger 900 Desert Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Tiger 900 Rally Pro ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ระดับแนวหน้าในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเลื่องชื่อ ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-plane ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สามสูบ 888 ซีซี ให้พละกำลัง 108 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 90 นิวตันเมตร ที่ 6,850 รอบต่อนาที การส่งกำลังที่ตอบสนองฉับไว ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม และเป็นไปตามมาตรฐาน Euro 5+ ออกแบบมาเพื่อความแข็งแกร่ง การควบคุม และความทนทาน ทั้งสองรุ่นมีสวิงอาร์มหล่ออะลูมิเนียมสองด้านเพื่อความเสถียรและความแม่นยำ พร้อมระบบเบรกประสิทธิภาพสูงจาก Brembo ให้แรงหยุดเหนือชั้น ขณะที่ชุดแฮนด์มีแดมเปอร์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขี่ระยะไกล โดยในรุ่น Desert Edition ยังมาพร้อมกับล้อซี่ลวดและยางแบบไม่มียางใน

    ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละรุ่น โดย Tiger 900 Alpine Edition ใช้โช้คหัวกลับ Marzocchi ขนาด 45 มม. พร้อมระบบปรับการยุบตัวและการคืนตัวแบบแมนนวล มีระยะยุบตัว 180 มม. ในขณะที่ Tiger 900 Desert Edition ติดตั้งโช้คหัวกลับ Showa ขนาด 45 มม. พร้อมระยะยุบตัว 240 มม. เพื่อการขับขี่ออฟโรดที่ท้าทาย ระบบกันสะเทือนหลังก็สะท้อนถึงแนวทางนี้ โดย Alpine ใช้โช้ค Marzocchi และ Desert ใช้โช้ค Showa ให้ระยะยุบตัว 170 มม. และ 240 มม. ตามลำดับ ด้านระบบเบรกได้รับการควบคุมโดยจานเบรกคู่หน้าขนาด 320 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ Brembo Stylema และจานเบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 255 มม. เสริมด้วยยาง Metzeler Tourance™ Next สำหรับรุ่น Alpine และยาง Bridgestone Battlax Adventure สำหรับรุ่น Desert มอบการยึดเกาะที่มั่นใจบนทุกพื้นผิว

    นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อม Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น และแผงหน้าปัดสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph เพื่อข้อมูลที่เข้าใจง่ายและชัดเจน พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โดยรุ่น Alpine และ Desert มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 และ 6 โหมดตามลำดับ โดยรุ่น Desert จะเพิ่มโหมด Off-Road Pro เพื่อการบังคับควบคุมบนทุกสภาพถนนขั้นสูง นอกจากนี้รุ่นพิเศษทั้งสองรุ่นมีตัวเลือกให้อัปเกรดเป็นเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิหรือเบาะนั่งแบบต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวและความทนทานในทุกสภาพถนน รวมถึงยังมีอุปกรณ์เสริมครบครันกว่า 50 ชิ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการท่องเที่ยวและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกชุดกระเป๋าเดินทางพรีเมียมได้ 2 แบบ คือชุด Trekker หรือชุด Expedition ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานและสะดวกสบายในการเดินทางไกล นอกจากนี้สำหรับประเทศไทยท่อเก็บเสียงพรีเมียม Akrapovic สามารถติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้เช่นกัน

    ทั้งนี้ Tiger 900 Alpine Edition Edition มาพร้อมโทนสี Snowdonia White และ Sapphire Black อันคมชัด พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue อันโดดเด่น ในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท และ Tiger 900 Desert Edition มาพร้อมสี Urban Grey และ Sapphire Black ที่สะดุดตา พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Baja Orange อันโดดเด่นในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นมีระยะเวลาการบริการ 10,000 กิโลเมตร และรับประกันระยะทางไม่จำกัดเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นระดับชั้นนำในระดับเดียวกัน นายชินศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ไทยฮอนด้า ร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ มอบเงินบริจาค 1,962,414 บาท จากโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า ร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ มอบเงินบริจาค 1,962,414 บาท จากโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

     

    ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มอบเงินบริจาคจำนวน 1,962,414 บาท ให้แก่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจในการจัดหาและบริหารโลหิตให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ ซึ่งการมอบเงินในครั้งนี้จัดขึ้น เนื่องในวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้ชื่อโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ในโอกาสนี้ ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้มอบเงินบริจาค โดยมี รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และ คุณปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ณ สภากาชาดไทย

    โครงการฯ ดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยไทยฮอนด้าร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เชิญชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 18 ล้านคัน ร่วมกิจกรรมเติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท ณ ร้านผู้จำหน่ายฮอนด้า (Honda Wing Center) ที่เข้าร่วมกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ เป็นรายได้จากกิจกรรมรวม 981,207 บาท และไทยฮอนด้าได้ร่วมสมทบเพิ่มอีกหนึ่งเท่า รวมเป็นยอดบริจาคทั้งหมด 1,962,414 บาท เพื่อสนับสนุนการจัดหาโลหิตให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ

    ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าได้เติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย ไม่เพียงแค่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ แต่ยังคงยึดมั่นในการส่งต่อความสุขและความปลอดภัยให้กับผู้คนรอบข้างในทุกเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ในนามของบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ขอขอบพระคุณ สภากาชาดไทย ที่เปิดโอกาสให้ฮอนด้าได้เป็นส่วนหนึ่งของการ “ให้ชีวิต” ผ่านการบริจาคโลหิตและการสนับสนุนภารกิจอันทรงคุณค่าต่อประเทศ ไทยฮอนด้าขอให้คำมั่นว่า จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งดีให้กับสังคมไทยต่อไป เพื่อให้ทุกก้าวของการเดินทางเป็นไปตามปณิธานอันมั่นคงของเรา”

    การมอบเงินบริจาคในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทขององค์กรที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม แต่ยังขับเคลื่อนด้วยจิตสำนึกแห่งการให้ เพื่อร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยอย่างแท้จริง

    สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า” ได้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

    #ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสังคมไทย
    #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยิ่งใหญ่! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Triumph Day 2025 พร้อมรวมพลังคอมมูนิตี้คนรักไทรอัมพ์ สะท้อนพลังแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่ครองใจคนทั่วโลก

    1 Min Read

    ยิ่งใหญ่! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Triumph Day 2025 พร้อมรวมพลังคอมมูนิตี้คนรักไทรอัมพ์ สะท้อนพลังแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่ครองใจคนทั่วโลก

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ จัดงาน “ไทรอัมพ์ เดย์ 2025” (Triumph Day 2025: Brit Night Spirit) คอมมูนิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแฟนพันธุ์แท้ไทรอัมพ์ ที่ให้ทุกคนได้มาพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์รวมถึงความประทับใจกับผู้ขับขี่ไทรอัมพ์จากทั่วประเทศ พร้อมเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจไปด้วยกัน ผ่านการชมนิทรรศการรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์หลากหลายรุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มาพร้อมเรื่องราวและแรงบันดาลใจ รวมถึงรับชมการแสดงจากวงดนตรีชื่อดังและดีเจที่มาสร้างสีสันตลอดทั้งงาน โดยภายในงานมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ Scrambler 400 XC, Scrambler 1200 XE, Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert  Edition อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในค่ำคืนสุดพิเศษแก่ผู้ร่วมงานทุกคน ณ Issara Estates Winery อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

    มาร์เซโล ซิลวา ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จำกัด กล่าวว่า “งาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit เป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าไทรอัมพ์ ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์ และความประทับใจให้กับแฟน ๆ ไทรอัมพ์ รวมถึงผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทั่วประเทศ ตามหัวใจหลักของแบรนด์ “ฟอร์ เดอะ ไรด์” (For The Ride) ที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยดีไซน์เฉพาะตัวผสานความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและจิตวิญญาณของการขับขี่อย่างแท้จริง นอกจากนี้ไทรอัมพ์ยังเล็งเห็นว่าการสร้างสังคมของการขับขี่ที่แข็งแกร่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ของการการขับขี่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสพิเศษที่ไทรอัมพ์ได้ส่งมอบประสบการณ์ทั้งความสนุกสนานที่มาพร้อมมิตรภาพดี ๆ ให้เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่น่าจดจำแก่ลูกค้ารวมถึงพันธมิตรของไทรอัมพ์ที่มาร่วมงานทุกคน”

    มาร์เซโล กล่าวเสริมว่า “ภายในงาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit ครั้งนี้ได้รวบรวมกิจกรรมสุดพิเศษตลอดค่ำคืนเพื่อแฟนไทรอัมพ์ ไม่ว่าจะเป็น Triumph Vintage นิทรรศการย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่รวบรวมรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่นไอคอนิกในตำนาน และรุ่นหายากมาให้ชมอย่างใกล้ชิด การถ่ายทอดเรื่องราวแรงบันดาลใจจากตำนาน 123 ปี แห่งความยิ่งใหญ่ผ่านดีไซน์ และพัฒนาการของรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ ในแต่ละช่วงเวลาอย่างมีเอกลักษณ์ ช้อปปิ้งเสื้อผ้า สินค้าสุดพิเศษจากไทรอัมพ์และพันธมิตร พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศและการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง  Dax Rock Rider, Flure และ DJ Foamie  นอกจากนี้ในโซน Street Food & Beverage Experience ยังได้รวบรวมเมนูเด็ดจากร้านอาหารชื่อดังหลากหลายสไตล์มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลองกันอย่างจุใจ ตลอดจนโซนกิจกรรมให้ร่วมสนุกและลุ้นรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากไทรอัมพ์ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

    นอกจากนี้ ยังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์กับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดให้สาวกไทรอัมพ์ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่จะมาเสริมทัพกลุ่ม Modern Classics และกลุ่ม Adventure ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ประกอบด้วย Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ 400 ซีซี ที่อัดแน่น DNA การออกแบบสไตล์ Scrambler อันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นล้อซี่ลวดพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาและยางแบบไม่มียางใน เพื่อการผจญภัยบนท้องถนนทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันแข็งแกร่ง ทั้งบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่ออกแบบให้เข้าชุดกับตัวรถ เพิ่มความมีสไตล์พร้อมมอบการปกป้องให้ผู้ขับขี่ในทุกสภาพถนนสุดท้าท้าย โดยมาพร้อม 3 เฉดสีสดใสร่วมสมัย ได้แก่ สี Racing Yellow สี Storm Grey และสี Vanilla White ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท

    ด้านรุ่น Scrambler 1200 XE ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ ขนาด 1200 ซีซี ยกระดับสมรรถนะและความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด พร้อมการอัปเกรดระบบกันสะเทือนช่วงล่างระดับพรีเมียมยิ่งขึ้น ทั้งโช้คหน้า Showa ขนาด 47 มม. ปรับได้เต็มรูปแบบ และโช้คหลัง Öhlins RSU คู่พร้อมสปริงคู่ ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นด้วยกราฟิก XE และรายละเอียดสีทองบนถังน้ำมัน มาพร้อมตัวเลือกสีพรีเมียม ได้แก่ สี Matt Khaki Green & Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย สี Silver Ice & Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือกเช่นเดิม ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท

    ปิดท้ายด้วยสองเสือสายลุยขนาดกลางรุ่นพิเศษ ออกแบบมาเพื่อพิชิตสองสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและหลากหลายที่สุดในโลก ได้แก่ Tiger 900 Alpine Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น GT Pro ที่เน้นการขับขี่บนท้องถนน ผสานเทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศบนเทือกเขาอัลไพน์ มาพร้อมโทนสีพรีเมียมให้เลือกคือ สีSnowdonia White และ สี Sapphire Black พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท

    ขณะที่ Tiger 900 Desert  Edition ออกแบบมาเพื่อลุยเนินทรายอันร้อนระอุ พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Rally Pro เน้นย้ำสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดอันเลื่องชื่อของ Tiger มีให้เลือกด้วยโทนสี Urban Grey และ สี Sapphire Black เสริมด้วยไฮไลท์สีส้ม Baja Orange สุดโดดเด่น ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท

    ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2445 (ค.ศ.1902) นับเป็นระยะเวลากว่า 123 ปี มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน เบเนลักซ์ บราซิล จีน รวมถึงประเทศไทย มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 950 ราย ใน 68 ประเทศทั่วโลก มีฐานการผลิตรถจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่ง ได้แก่ เมืองฮิงค์ลีย์ ประเทศอังกฤษ และจังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ปัจจุบันในไทยไทรอัมพ์มีผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ที่ครอบคลุมกับผู้ขับขี่ทุกประเภท ได้แก่ กลุ่ม Modern Classics ที่ประกอบไปด้วยตระกูล TR-Series เครื่องยนต์ 400 ซีซี ตระกูล Bonneville ตระกูล Scrambler และตระกูล Speed ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 900 ซีซี และ 1200 ซีซี กลุ่ม Adventure ตระกูล Tiger ที่มีทั้งเครื่องยนต์ 660 ซีซี 900 ซีซี และ 1200 ซีซี กลุ่ม Roadsters & Sport ได้แก่ Trident, Daytona, Street Triple 765 และ Speed Triple 1200 ปิดท้ายด้วยกลุ่ม Rocket 3 ที่มาพร้อมขนาดเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในสายพานการผลิตรถจักรยานยนต์ของโลก มาร์เซโล กล่าวทิ้งท้าย

    ผู้สนใจสามารถติดตามบรรยากาศงาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit  รวมถึงติดตามข้อมูล ข่าวสาร และกิจกรรมอื่น ๆ จากไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

    #ForTheRide #Triumph #TriumphThailand #TriumphMotorcycles #TriumphDay2025 #BritNightSpirit


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างมาตรฐานใหม่ในทุกการเดินทาง เปิดตัวที่สุดแห่งมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT

    1 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างมาตรฐานใหม่ในทุกการเดินทาง เปิดตัวที่สุดแห่งมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT

    บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ทางไกลบนสองล้อ ด้วยการเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ตัวท็อปรุ่นใหม่ของตระกูล RT ที่สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยนวัตกรรมรอบด้าน ทั้งระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นใหม่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อันชาญฉลาด และรูปลักษณ์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกปราดเปรียว แต่ยังคงปกป้องผู้ขับขี่จากสภาพแวดล้อมได้ยอดเยี่ยม ทั้งหมดนี้ผสมผสานกันเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นในทุกมิติ ให้ความสะดวกสบายกับทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับความแม่นยำในการควบคุมตลอดทุกห้วงเวลาบนท้องถนน

     

    “การขับขี่ทางไกลเป็นโจทย์ที่ทดสอบความสามารถของมอเตอร์ไซค์ทุกคันได้ดีที่สุด และเราเชื่อว่าบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณสำหรับทุกบททดสอบบนเส้นทางที่คุณเลือก รุ่นล่าสุดในตระกูล RT ของเรา พร้อมให้นักบิดทุกคนได้สัมผัสกับที่สุดของคุณภาพและความล้ำสมัยจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในแทบทุกด้าน นับตั้งแต่ความสบายขณะเดินทาง การปกป้องผู้ขับขี่จากสภาพแวดล้อมภายนอก สมรรถนะเพื่อการขับขี่ที่ราบรื่น ไปจนถึงงานออกแบบที่สง่างาม” มร. สเวน เยิร์ก ริทเทอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าว

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ (Impulse)
    ราคา: 1,439,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

     

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ (Option 719 Camargue)
    ราคา: 1,569,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ พัฒนาขึ้นเพื่อมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่ทางไกลในสไตล์ทัวริ่งพันธุ์แท้ พร้อมโลดแล่นไปกับคุณด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่เพรียวลมกว่า RT รุ่นใหญ่คันอื่นๆ เพื่อให้คล่องตัวและง่ายต่อการควบคุมมากยิ่งขึ้น

    แชสซีของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมีหัวใจสำคัญเป็นเฟรมหลักของตัวถังที่ทำจากเหล็กกล้า ทั้งมีขนาดกะทัดรัดกว่าและแข็งแกร่งกว่า RT รุ่นก่อน เมื่อนำตัวถังนี้ไปจับคู่กับเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนทั้งหมดที่พัฒนาขึ้นให้มีขนาดเล็กลงเช่นกัน จึงทำให้ R 1300 RT ใหม่ มีจุดศูนย์ถ่วงที่พอดีกับรูปทรงของ ตัวรถมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ควบคุมรถได้แม่นยำและมั่นคงกว่าเดิม ส่วนแผงบังลมด้านข้างตัวรถสามารถปรับองศาการทำมุมได้ เพื่อเลือกระหว่างความเย็นสบายจากกระแสลมที่ไหลผ่านตัว หรือกางออกเพื่อเบนกระแสลมและหยดฝนให้ออกห่างผู้ขับขี่ ขณะที่แผงบังเครื่องยนต์ด้านข้างช่วยปกป้องส่วนรองเท้าและข้อเท้าให้ไม่โดนน้ำ แม้จะต้องออกเดินทางกลางฝน

    ทั้งแฮนด์รถ ที่วางเท้า และเบาะนั่งของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ผ่านการปรับแต่งและวางตำแหน่งให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่ โดยขยับตัวผู้ขับมาทางส่วนหน้ารถมากขึ้นกว่าใน RT รุ่นก่อนๆ เพื่อให้ส่วนหน้ารถตอบสนองต่อทุกการควบคุมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสริมให้ตัวรถคล่องแคล่วกว่าในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยที่ยังคงความแม่นยำและนุ่มนวลไว้เช่นเคยสำหรับวันสบายๆ ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระในรุ่นนี้ มีเคสเก็บของขนาด 27 ลิตรสองชิ้นติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยแต่ละเคสสามารถปรับขยายพื้นที่ภายในให้มีความจุได้สูงสุด 33 นิ้ว ซึ่งจะทำให้ตัวรถกว้างขึ้นเล็กน้อย ส่วนท็อปเคสด้านบน มีมาให้สองใบเช่นกันที่ความจุ 39 และ 54 ลิตร ขณะที่รุ่นพิเศษ Option 719 Camargue มีท็อปเคสขนาดใหญ่พร้อมพนักพิงติดระบบทำความร้อนเพิ่มมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

    ตัวถังที่ออกแบบใหม่ พร้อมด้วยคุณสมบัติครบครันทั้งหมดนี้ ติดตั้งอยู่บนระบบช่วงล่างที่ใช้เทคโนโลยี Dynamic Chassis Adaption (DCA) ซึ่งใช้ระบบไฟฟ้าปรับความแข็งของสปริงและระบบกันกระเทือน ทั้งยังปรับตั้งค่าตัวรถให้ทำมุมเอียงกับพื้นได้สองโหมด โดยโหมดมาตรฐานจะตั้งค่ามาให้แผงคอของตัวรถขนานไปกับพื้นถนน เพื่อเสริมความนุ่มนวลและมั่นคงในการขับขี่ ส่วนโหมดที่สองจะตั้งค่าให้ตัวรถยกสูงขึ้น โดยช่วงท้ายรถจะยกขึ้นสูงกว่าส่วนหน้า พร้อมด้วยสปริงและระบบกันกระเทือนที่ปรับให้แข็งกว่าโหมดแรก ซึ่งทำให้ตัวรถตอบสนองกับการควบคุมได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น

    ด้านหน้าของบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ มีชุดไฟหน้า LED ที่ส่องสว่างเพื่อเสริมความปลอดภัยในทุกเส้นทาง พร้อมด้วยแพ็คเกจ Headlight Pro ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับตลาดไทย เพิ่มความสามารถในการปรับองศาของไฟหน้าให้ก้มหรือเงยตามมุมกดของตัวถังรถ จึงช่วยให้ไฟหน้ารักษาระยะทางการส่องสว่างให้สูงสุดในทุกสถานการณ์การขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นขณะเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว หรือการปรับองศาตัวรถผ่านระบบช่วงล่าง DCA

    นอกจากตัวถังที่ออกแบบใหม่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ยังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เช่นกัน โดยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 1,300cc รุ่นนี้นับเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดจากสายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู ให้พละกำลังสูงสุดที่ 107 กิโลวัตต์ / 145 แรงม้า ที่แรงบิด 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตัวนี้ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ 6 สปีดและคลัทช์แบบเปียกที่มีฟังก์ชันป้องกันล้อหลังล็อกมาในตัว แต่ยังขับง่ายด้วยระบบ Shift Assistant Pro ที่ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้งานคลัทช์ ส่วนในรุ่นพิเศษ Option 719 Camargue เสริมความสะดวกไปอีกขั้นด้วยระบบ Automatic Shift Assistant (ASA) ที่ควบคุมทั้งคลัทช์และเกียร์แบบอัตโนมัติในทุกขั้นตอน

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ติดตั้งแพ็คเกจ Riding Modes Pro มาให้เป็นมาตรฐาน จึงมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 โหมด เริ่มจากโหมด “Rain” และ “Road” ที่ปรับการทำงานของตัวรถให้เข้ากับสภาพถนนและอากาศในขณะนั้น โหมด “Eco” ที่นำเทคโนโลยี BMW ShiftCam มาช่วยเค้นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้เดินทางต่อไปได้ไกลที่สุดด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว และโหมด “Dynamic” และ “Dynamic Pro” ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานคู่กับช่วงล่างเทคโนโลยี Dynamic Chassis Adaption (DCA) สามารถปรับความสูงของตัวรถ ความแข็งของสปริง และระบบกันสะเทือน เพื่อความคล่องตัวสูงสุดขณะขับขี่

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ รับรองความนุ่มนวลและปลอดภัยบนท้องถนนด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Cruise Control (DCC) พร้อมฟังก์ชันช่วยเบรก ระบบ Active Cruise Control (ACC) ที่สามารถกำหนดระยะห่างจากรถคันหน้าได้ ระบบเตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning (FCW) และระบบช่วยการมองด้านข้าง Side View Assist (SVA) ที่ใช้เรดาร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ ฟังก์ชันทั้งหมดนี้ พร้อมด้วยระบบนำทางและการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ สามารถเรียกใช้งานได้ผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ ติดตั้งชุดเครื่องเสียง Audio System ที่ให้ความเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยชุดลำโพงทิ่ติดตั้งมาในตัว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารของผู้ขับขี่ด้วยเช่นกัน ส่วนรุ่นพิเศษ Option 719 Camargue ยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงไปอีกขั้นด้วยชุดเครื่องเสียงจากแพ็คเกจ Audio Pro ด้วยชุดลำโพงคุณภาพสูงที่สามารถควบคุมเสียงเบสและเทรเบิลแยกจากกันได้ สามารถเซฟการตั้งค่าเสียงเป็นโปรไฟล์ได้ และมีฟังก์ชัน Dynamic Volume Control ที่ปรับระดับเสียงเพลงแบบอัตโนมัติตามความจำเป็นในแต่ละสถานการณ์

    บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ พร้อมให้นักบิดทั่วไทยเป็นเจ้าของได้ในสองรุ่นย่อย ได้แก่รุ่น Impulse กับลุคโฉบเฉี่ยวสะดุดตาในสีน้ำเงิน Racing Blue metallic และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว และรุ่นพิเศษ Option 719 Camargue ที่สง่างามไปอีกระดับในสีน้ำเงินอมเขียว Blue Ridge Mountain metallic ชุดแต่ง Option 719 Shadow Milled Parts ล้อแบบสปอร์ตในขนาดเดียวกัน ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Automated Shift Assistant (ASA) ชุดเครื่องเสียงแบบอัปเกรด Audio Pro ไฟหน้า LED พิเศษเพิ่มอีกหนึ่งดวง และท็อปเคสขนาดใหญ่อีกหนึ่งใบ

    ผู้สนใจสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1300 RT ใหม่ และมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้ที่ www.bmw-motorrad.co.th เฟซบุ๊กแฟนเพจ BMW Motorrad Thailand หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วประเทศ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • “ซาร์โก” คว้าท็อปเท็น “ก้อง-สมเกียรติ” ขยับอันดับ โมโตจีพี สปรินต์ บาเลนเซีย

    1 Min Read

    “ซาร์โก” คว้าท็อปเท็น “ก้อง-สมเกียรติ” ขยับอันดับ โมโตจีพี สปรินต์ บาเลนเซีย

    “โยฮันน์ ซาร์โก” นักแข่งจอมเก๋าชาวฝรั่งเศสจาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ ไล่บดคู่แข่งสุดมันส์ก่อนพารถแข่ง Honda RC213V เข้าป้ายอันดับ 10 ในรอบ สปรินต์เรซ ของศึก โมโตจีพี 2025 สนามสุดท้าย รายการ บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ ขณะ “ก้อง”​ สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทย ออกตัวกริด 24 ขยับเข้าป้ายเป็นคันที่ 21 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน

    ศึก บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบ “สปรินต์เรซ” ทั้งสิ้น 13 รอบสนาม โดยถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เมื่อ “โจอัน เมียร์” นักบิดสแปนิช หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี และทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง “ลูก้า มารินี” หมายเลข 10 พลาดล้มออกจากการแข่งขัน

    ด้าน “โยฮันน์ ซาร์โก” นักบิดมากประสบการณ์ชาวฝรั่งเศสหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์   ออกสตาร์ตจากกริดที่ 11 ไล่บี้กับคู่แข่งตลอดทั้งการแข่งขัน ก่อนจะจบเรซในอันดับ 10 ตามหลังผู้ชนะ 9.346 วินาที

    ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ออกสตาร์ตจากกริดที่ 24 บิดเข้าป้ายในอันดับ 21 ด้วยเวลารวม 20 นาที 0.518 วินาที

    ส่วน “อเลช เอสปาร์กาโร” นักบิดทดสอบชาวสเปน ลงบิดรถแข่ง Honda RC213V ต้นแบบปี 2026 หมายเลข 41 ด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด เข้าเส้นชัยในอันดับ 19 ตามหลังผู้ชนะ 16.885 วินาที

    ทั้งนี้ ศึก บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ จะแข่งขันรอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV

    แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #ValenciaGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ลุ้นต่อส่งท้ายฤดูกาล!”ก้อง-สมเกียรติ” พร้อมบู๊ โมโตจีพี สนามสุดท้าย มุ่งมั่นล่าแต้มที่ บาเลนเซีย

    1 Min Read

    ลุ้นต่อส่งท้ายฤดูกาล!”ก้อง-สมเกียรติ” พร้อมบู๊ โมโตจีพี สนามสุดท้าย มุ่งมั่นล่าแต้มที่ บาเลนเซีย

    “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พร้อมเต็มร้อยเพื่อลุยศึก โมโตจีพี 2025 สนามสุดท้าย รายการ บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ มุ่งมั่นเต็มเปี่ยมเพื่อล่าแต้มส่งท้ายฤดูกาล ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายนนี้ ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน

    ศึก บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ คัมแบ็กสู่ปฏิทินการแข่งขัน โมโตจีพี และถูกบรรจุเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาลอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเว้นวรรค 1 ปี จากภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ในปีที่ผ่านมา โดยนับเป็นหนึ่งในสนามที่ท้าทายความสามารถด้วยคาแร็กเตอร์แบบ “ความเร็วสูง” บวกกับสภาพอากาศเย็นของยุโรปในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการยึดเกาะของรถแข่ง

    ล่าสุด “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยเจ้าของรถแข่ง Honda RC213V หมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ พร้อมด้วยทีมงานได้เดินทางเข้าสู่สนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อลงซ้อมวันแรกตามโปรแกรมซึ่งจะมีขึ้นในบ่ายวันศุกร์นี้

    “ก้อง-สมเกียรติ” นับเป็นนักแข่งรถชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ก้าวขึ้นสู่การแข่งขันโมโตจีพี รุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง “พรีเมียร์คลาส” โดยเจ้าตัวพยายามอย่างหนักในการต่อสู้บนสนามแข่งร่วมกับสุดยอดนักบิดแถวหน้าของโลก และสามารถเก็บมาได้ 7 แต้มจาก 21 สนามที่ผ่านมา ซึ่งนักบิดไทยวัย 26 ปี มุ่งมั่นอย่างมากที่จะคว้าแต้มในสนามสุดท้ายของฤดูกาลให้ได้

    ทั้งนี้ ศึก บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการ ในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจะควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายนนี้ และดวลความเร็วรอบ “สปรินต์เรซ” ในเวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ของวันเดียวกัน ส่วนการแข่งขันรอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #ValenciaGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment