-
News / News Motocycle2 Min Read
ไทยฮอนด้ายกทัพส่งท้ายปี! เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ ครบทุกสไตล์การขับขี่ ในงาน Motor Expo 2025 นำโดย New Honda Goldwing 50th Anniversary Edition สะท้อนเรื่องราวระดับตำนาน
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทย ขนทัพโมเดลใหม่ล่าสุดร่วมเปิดตัวในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” Thailand International Motor Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ภายในงาน ไทยฮอนด้า นำเสนอรถจักรยานยนต์ครบไลน์ ทั้ง Honda BigBike และ CUB House ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสรถคันจริงอย่างใกล้ชิด พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ทั้งหมด 4 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่บิ๊กไบค์ระดับตำนาน ทัวร์ริ่งคลาสพรีเมียม ไปจนถึงสายแอดเวนเจอร์ตัวจริง นำทัพโดย ‘New Honda GOLDWING 50th Anniversary Edition’ ทัวร์ริ่งไบค์ระดับโลกฉลองครบรอบ 50 ปี ที่โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์สีทอง 50th Anniversary และสีพิเศษที่สะท้อนประวัติศาสตร์ครึ่งศตวรรษของ Goldwing ตามด้วยรถจักรยานยนต์สายลุย นำโดย ‘New Honda CRF1100L Africa Twin’ และ ‘New Honda XL750 TRANSALP’ ที่ได้รับการอัปเกรดสมรรถนะและเทคโนโลยีใหม่เพื่อพร้อมลุยในทุกสภาพเส้นทาง ปิดท้ายด้วย ‘New Honda CB1300 Final Edition’ โฉมสุดท้ายที่เป็นตำนาน จิตวิญญาณแห่งยุค 90 จาก PROJECT BIG-1 โดยกลับมาพร้อมสีพิเศษ Graphite Black ถ่ายทอดเสน่ห์ความสปอร์ตคลาสสิก ซึ่งทั้งหมดเปิดตัวให้ผู้รักการขับขี่ได้สัมผัสใกล้ชิดภายในงาน Motor Expo 2025 พร้อมข้อเสนอพิเศษเฉพาะในงานเท่านั้น
เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ จึงได้นำเสนอรถจักรยานยนต์สายทัวร์ริ่งระดับท็อปคลาส New Honda GOLDWING 50th Anniversary Edition รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปีที่สะท้อนตำนานความหรูหราและความสะดวกสบายในแบบทัวร์ริ่งไบค์ชั้นนำของโลก ภายใต้คอนเซปต์ ‘GO FLY ให้ทุกตำนานทะยานออกไป’ โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ 50th Anniversary สีทองบริเวณคอนโซลหน้าและกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมสองสีพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น GL1000 ในตำนาน ได้แก่ Bordeaux Red Metallic และ Glamis Gold Metallic มาพร้อมระบบเกียร์ Dual Clutch Transmission (DCT) 7 สปีด และรองรับโหมด Walking และ Reverse เพื่อความสะดวกในการขยับรถ ยกระดับมาตรฐานทัวร์ริ่งไบค์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งนี้มาพร้อม Special Set Anniversary Book, Table Top Model และ Commemorative Box โดยวางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 1,395,000 บาท
ตามมาด้วยไลน์อัปรถจักรยานยนต์สายแอดเวนเจอร์ นำโดย New Honda CRF1100L Africa Twin ภายใต้คอนเซปต์ ‘True Adventure Never End การผจญภัยที่แท้จริง ลุยได้ไม่มีวันจบ’ และ New Honda XL750 TRANSALP ภายใต้คอนเซปต์ ‘Mountains Are Calling เมื่อจุดพีกเรียกหา…ได้เวลาสัญชาตญาณลุย’ สองโมเดลที่ผสานสมรรถนะและความคล่องตัวสำหรับผู้รักการผจญภัยอย่างแท้จริง โดย New Honda CRF1100L Africa Twin DCT โดดเด่นด้วยสีใหม่ PEARL GLARE WHITE ผสานลายกราฟิกไตรคัลเลอร์ใหม่ให้ความ Aggressive Rally มากขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ Parallel Twin พร้อมล้อหน้าใหม่ขนาด 19 นิ้ว และ New Honda CRF1100L Africa Twin MT สีใหม่ GRAND PRIX RED มาพร้อมยางแบบ Tubeless ใหม่ อวดความเป็นเอ็นดูโร่ตัวจริง ขณะที่ New Honda XL750 TRANSALP มาพร้อม New LED Headlight ดีไซน์ไฟหน้า LED ใหม่ที่รวมไฟสูงและไฟต่ำในชุดเดียว ช่วงล่างเซ็ตอัปใหม่ รับแรงกระแทกได้ดีขึ้น เครื่องยนต์ Parallel Twin 755 ซีซี 8 วาล์ว น้ำหนักรวมเพียง 210 กก. พร้อมล้อหน้า 21 นิ้ว ล้อหลัง 18 นิ้ว และระบบ ABS ที่เปิด–ปิดได้
- New Honda CRF1100L Africa Twin DCT และ MT วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 709,000 บาท และ 569,000 บาท
- New Honda XL750 TRANSALP สี Ross White และ Graphite Black วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 394,000 บาท
New Honda CB1300 Final Edition บิ๊กไบค์ 4 สูบเรียงระดับตำนานจาก PROJECT BIG-1 ที่กลับมาพร้อมรูปลักษณ์สปอร์ตคลาสสิกเหนือกาลเวลา โดยเป็นรุ่นสุดท้ายที่จะผลิต ภายใต้คอนเซปต์ The Final Legacy ตำนานเหนือกาลเวลาทุกเส้นทาง มาพร้อมสีพิเศษ Graphite Black แรงบันดาลใจจาก CB รุ่นแรกในปี ค.ศ.1992 รวมถึงหน้าปัดเรือนไมล์เข็มคู่ดีไซน์ทรงกลมสะท้อนความคลาสสิก ผสานจอดิจิทัลตรงกลางที่ใช้งานง่าย และระบบ Cruise Control และระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Cornering ABS และ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดและการยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นใจ New Honda CB1300 SUPER FOUR วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 575,000 บาท และ New Honda CB1300 SUPER BOL D’OR วางจำหน่ายด้วยราคาแนะนำ 600,000 บาท
นอกจากนี้ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ยังเผยโฉมไลน์อัป CBR Series นำโดย New Honda CB650R E-Clutch เน็กเก็ตไบค์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Honda E-Clutch มิติใหม่แห่งความเร้าใจ ถ่ายทอดอารมณ์จากสนามแข่งสู่การขับขี่บนท้องถนนได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเรโทรและตัวถังสีใหม่ Grand Prix Red สีแดงสดสะดุดตา วางจำหน่ายในราคาแนะนำ 332,100 บาท ต่อด้วย New Honda CBR650R สปอร์ตไบค์สายพันธุ์นักแข่ง ที่ติดตั้ง Honda E-Clutch เทคโนโลยีคลัตช์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ช่วยให้บิดมันส์ได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์ พร้อมโหมดเปิด–ปิดการทำงานตามสไตล์ผู้ขับขี่ ดีไซน์ภายนอกได้รับการรีเฟรชให้ดุดันยิ่งขึ้น มาพร้อมสีใหม่ Mat Gunpowder Black Metallic ถอดแบบดีเอ็นเอความเป็นสปอร์ตตัวจริง วางจำหน่ายในราคาแนะนำ 347,300 บาท
ปิดท้ายด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเอาใจชาว CUB House ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสรถคันจริง พร้อมข้อเสนอเร้าใจ โดยมีไฮไลต์คือชุดแต่งจาก Kitaco Set ในราคาพิเศษ รวมถึงดอกเบี้ยพิเศษ 0.69% ผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,800 บาทต่อเดือน และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมทั้งหมวกกันน็อก ทะเบียน และ พ.ร.บ. ที่มอบให้แบบครบชุด โดยทั้งหมดนี้เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะช่วงงาน Motor Expo 2025 เท่านั้น
ผู้สนใจสามารถพบกับรถจักรยานยนต์ใหม่ล่าสุดและรุ่นอื่น ๆ ของไทยฮอนด้า พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปรับแต่งรถ และโปรโมชันสุดพิเศษ ได้ที่บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า G01 ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” Thailand International Motor Expo 2025 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
#BangkokMotorExpo2025 #MotorExpo2025 #มอเตอร์เอกซ์โป2025 #มอเตอร์เอกซ์โป2025 ครั้งที่42
#HondaGOLDWING #GOLDWING #GoFly #50thAnniversary #NewCB1300FinalEdition #CB1300 #CB1300SuperFour #CB1300SuperBoldor #TheFinalLegacy #NewAfricaTwin #CRF1100L #DCT #HondaDCT #TrueAdventureNeverEnd #NewAfricaTwin #CRF1100L #MT #TrueAdventureNeverEnd #NewHondaXL750 #XL750 #TRANSALP #MountainsAreCalling #CB650R #CBR650R
#HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld #CUBHouse #CUBHousebyHonda #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ดูคาติ ประเทศไทย” คัมแบ็กสุดยิ่งใหญ่ เปิดตัวไลน์อัป 2 รุ่นใหม่ และดีลพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025
“ดูคาติ ประเทศไทย” (Ducati Thailand) ภายใต้การบริหารของบ้านหลังใหม่ บริษัท เอเอเอส โมโต โครเซ่ จำกัด เชิญแฟนความแรงและผู้หลงใหลสุนทรียะแห่งการขับเคลื่อนสไตล์อิตาเลียนร่วมสัมผัสโมเมนต์ประวัติศาสตร์ กับการกลับมาครั้งสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานของแบรนด์ดูคาติให้พรีเมียมสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม ทั้งด้านภาพลักษณ์ การดูแลหลังการขาย และประสบการณ์บริการระดับเวิลด์คลาส โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในงาน Thailand International Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 10 ธันวาคม 2568 ณ บูธ Ducati Thailand หมายเลข G08-2 อาคาร ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ในปีแห่งการกลับมาครั้งนี้ ดูคาติ ประเทศไทย ขนทัพไลน์อัปรุ่นใหม่มาเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยถึง 2 รุ่น ได้แก่ XDiavel และ Desmo 450MX พร้อมด้วยความพิเศษระดับนักสะสมจากรุ่นลิมิเต็ด Scrambler Thailand Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัด ซึ่งทั้ง 3 รุ่น ถูกนำมาเสนอเพื่อตอกย้ำดีเอ็นเอของดูคาติในด้านความหรูหรา สมรรถนะ และความงามแบบอิตาเลียนสปอร์ตที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีชั้นนำอย่างสมบูรณ์แบบ
คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ ผู้บริหาร ดูคาติ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “การกลับมาของ ดูคาติ ประเทศไทย ครั้งนี้ เราตั้งใจยกระดับมาตรฐานทุกด้านให้สมกับความไว้วางใจของแฟนดูคาติ ที่เฝ้ารอคอยมาอย่างยาวนาน ทั้งด้านบริการ การดูแลหลังการขาย และการมอบประสบการณ์ที่พรีเมียมกว่าเคย ไลน์อัปที่นำมาเปิดตัวครั้งนี้คือสัญลักษณ์ของยุคใหม่ของดูคาติในประเทศไทย ที่มุ่งนำเสนอความหรูหราและสมรรถนะระดับโลกในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ด้าน คุณมาโค่ บิออนดิ รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของดูคาติ ประจำตลาดเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดสำคัญของดูคาติ โดยมีชุมชนแฟนดูคาติที่แข็งแรงและมากด้วยพลังความหลงใหล ไลน์อัปใหม่ทั้ง 3 รุ่น รวมถึงรุ่นลิมิเต็ดที่นำมาเปิดตัวในงานนี้ สะท้อนทิศทางใหม่ของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญทั้งด้านดีไซน์คุณภาพระดับสูง และเครื่องยนต์ที่ถ่ายทอดบุคลิกของดูคาติอย่างชัดเจน เราต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ให้ผู้ที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์พรีเมียมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จระดับโลกของดูคาติ”
สำหรับไฮไลต์แรก XDiavel คือการตีความครุยเซอร์ในสไตล์ดูคาติที่ผสานดีไซน์เฉียบคมเข้ากับสมรรถนะเครื่องยนต์ Testastretta DVT 1,262 ซีซี ให้แรงบิดดุดัน และดีไซน์หรูเหมาะสำหรับผู้ขี่ที่ต้องการความพรีเมียมและความโดดเด่น
ทางด้าน Desmo 450MX คือการเปิดประตูครั้งแรกของดูคาติสู่โลกโมโตครอส ด้วยเครื่องยนต์สูบเดียว 449 ซีซี ระบบวาล์วแบบ Desmodromic น้ำหนักตัวเพียงราว 104 กิโลกรัม และกำลังที่ตอบสนองฉับไว ทำให้เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อผู้รักสายลุยที่ต้องการสัมผัสเอกลักษณ์ของดูคาติในโลกออฟโรด
ส่วน Scrambler Thailand Edition รุ่นลิมิเต็ด คือการผสานจิตวิญญาณของ Scrambler เข้ากับศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทย Arjan Neng ซึ่งสร้างสรรค์ลวดลายเฉพาะอย่างประณีตและทรงพลังบนรถรุ่นที่เป็นไอคอนของดูคาติ เป็นรถสะสมที่มีจำนวนจำกัดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษไม่เหมือนใคร
เพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาอย่างเป็นทางการ ดูคาติ ประเทศไทย มอบข้อเสนอสุดพิเศษภายใต้แคมเปญ Ducati Triple Crown Celebration ฉลองความสำเร็จแชมป์โลก MotoGP ถึง 3 สมัยติดต่อกัน มอบวารันตีสูงสุด 4 ปีเต็ม พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร สิทธิพิเศษนี้สงวนให้เฉพาะผู้ที่จองภายในงาน Motor Expo 2025 เท่านั้น ทำให้การเป็นเจ้าของดูคาติในปีนี้ คุ้มค่าและพิเศษยิ่งกว่าเคย
การกลับมาของ ดูคาติ ประเทศไทย ในปีนี้จึงไม่ใช่เพียงการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ แต่คือการประกาศมาตรฐานใหม่ของความพรีเมียม การบริการ และประสบการณ์ลูกค้าในแบบดูคาติ ผู้สนใจสามารถสัมผัสรถทุกรุ่น ทดลองนั่ง และรับข้อมูลแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้ที่บูธ Ducati Thailand หมายเลข G08-2 ในงาน Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568 และคว้าข้อเสนอพิเศษที่สุดแห่งปีได้ภายในงานเท่านั้น
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ก้อง-สมเกียรติ” รั้งท็อป 9 ที่สุดของ “ฮอนด้า” ประเดิมเทสต์ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์” ที่ เฮเรซ
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เข้าร่วมสังกัดทีมโรงงาน “ฮอนด้า เอชอาร์ซี” ผ่านการทดสอบครั้งแรกในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ กับรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 35 รั้งอันดับ 9 ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ ประเทศสเปน โดยทำเวลาเร็วที่สุดของกลุ่มนักบิดฮอนด้า
การทดสอบของศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2026 ตามโปรแกรมมีขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ ประเทศสเปน โดยนับเป็นครั้งแรกของ “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดไทยดีกรี โมโตจีพี ได้สัมผัสรถแข่ง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ครั้งแรก
หลังผ่าน 2 วันของการทดสอบที่เข้มข้น นักบิดไทยเน้นการทำงานด้านปรับตัวกับรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 35 รวมถึงทำงานด้านเซ็ตติ้งร่วมกับวิศกร ฮอนด้า เอชอาร์ซี อย่างหนัก โดยลงเทสต์ไปทั้งสิ้น 142 รอบ ที่ เฮเรซ
ผลการทดสอบปรากฏว่า “ก้อง-สมเกียรติ” ค่อยๆ ปรับปรุงเวลาได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จบการเทสต์ครั้งนี้ด้วยอันดับ 9 (ไม่รวมนักบิดทดสอบที่ไม่ระบุชื่อ) เวลาต่อรอบดีที่สุด 1 นาที 39.494 วินาที ตามหลังผู้นำอยู่ 1.669 วินาที ถือเป็นนักบิด ฮอนด้า ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ โดยเร็วกว่าทีมเมทชาวอังกฤษอย่าง “เจค ดิ๊กสัน” หมายเลข 96 อยู่ 0.314 วินาที
“ก้อง-สมเกียรติ” กล่าวว่า “ เป็นการทดสอบครั้งแรกที่ยอดเยี่ยม เหนือสิ่งอื่นใด ผมพยายามเรียนรู้ว่ารถแข่งคันนี้ และยาง (พิเรลลี) ทำงานอย่างไร เราเทสต์หลายรอบ หลายอย่าง ตลอดทั้งสองวันนี้เราพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค้นพบข้อดีใหม่ๆ ของรถ ผมต้องขี่ให้ได้จำนวนรอบมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจฟีลลิ่งกับยาง เพราะวันนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเบรก ผมต้องเพิ่มความมั่นใจให้กับรถแข่ง แต่ผมคิดว่าเมื่อเราเจอมันแล้ว เราจะสามารถเค้นมันได้หนักขึ้นในฤดูกาล 2026
“ผมสนุกนะ และทีมของเราก็น่าทึ่ง ผมสนุกทุกครั้งที่ลงไปขี่ในสนาม และผมก็พอใจมาก”
“สำหรับความคาดหวังใน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ผมบอกได้แค่ว่าจะทุ่มเทเต็มที่ทุกการแข่งขัน พยายามเก็บคะแนนกลับบ้านให้มากที่สุด”ทั้งนี้ ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2026 จะเปิดฉากดวลความเร็วสนามแรกที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2026
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #SC35 #Kong #WSBK #WorldSBK2026 #WSBK2026
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle2 Min Read
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ยกทัพรถจักรยานยนต์พรีเมียมบุก Motor Expo 2025 เปิดตัวโมเดลใหม่ 10 รุ่น ครอบคลุมโมเดิร์น คลาสสิก – โรดสเตอร์ – แอดเวนเจอร์ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจัดเต็มส่งท้ายปี
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ตอกย้ำผู้นำรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ เดินหน้ารุกตลาดส่งท้ายปีในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงใหม่ของไลน์อัปปี 2026 ทั้งหมด 10 รุ่น ครอบคลุมกลุ่มโมเดิร์น คลาสสิก โรดสเตอร์ และแอดเวนเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ในทุกสไตล์ นำโดยตระกูล Bonneville ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งด้านสเปกและเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ ประกอบด้วย Bonneville Bobber, Bonneville Speedmaster, Bonneville T100, Bonneville T120 และ Bonneville T120 Black รวมถึงการเปิดตัวสมาชิกใหม่ล่าสุดของกลุ่มโรดสเตอร์ ได้แก่ Street Triple 765 RX เอาใจสายชื่นชอบความเร็ว ปิดท้ายด้วยการเผยโฉมจริงของ Scrambler 1200 XE, Scrambler 400 XC, Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert Edition ที่ได้เปิดตัวและสร้างความตื่นตาตื่นใจไปในงาน Triumph Day 2025 ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปี ไม่เพียงเท่านั้น! ยังมีโปรโมชันของรุ่นอื่น ๆ ตลอดจนเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ลดสูงสุด 50% รวมถึงโปรโมชันเสื้อผ้าและอุปกรณ์สวมใส่ที่ลดราคาสูงสุด 50% เฉพาะภายในนี้งานเท่านั้น เรียกได้ว่าจัดเต็มให้ครบเซ็ต พบกันได้ที่ บูธไทรอัมพ์ G03 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2568
นายชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “จากเทรนด์ในปัจจุบันที่ผู้ขับขี่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและความปลอดภัย พร้อมด้วยความคุ้มค่า รวมถึงต้องการดีไซน์พรีเมียม – เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนสไตล์ของตนเอง ไทรอัมพ์จึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับเทรนด์เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ผ่านแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไลน์อัปปี 2026 ซึ่งถือเป็นปีที่ไทรอัมพ์เตรียมเปิดตัวรถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยภายในงาน Motor Expo 2025 ครั้งนี้ เป็นเวทีสำคัญที่ไทรอัมพ์จะได้นำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงใหม่ทั้งหมดรวม 10 รุ่น มาเปิดตัวและจัดแสดงพร้อมกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทยให้แฟน ๆ ได้ยลโฉมพร้อมจับจองเป็นเจ้าของ
โดยการเปิดตัวครั้งนี้นำโดยกลุ่มโมเดิร์น คลาสสิกอันเลื่องชื่อของแบรนด์ในตระกูล Bonneville ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านสเปกและเทคโนโลยี เริ่มต้นด้วย Bonneville Bobber ที่มาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ ขนาด 1,200 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 78 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร มีการอัปเกรดครั้งสำคัญกับถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น 14 ลิตร และดีไซน์ตัวถังใหม่ เพิ่มความดุดันและสง่างามให้กับโฉมใหม่ของ Bobber และเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วย Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง มีโหมดขับขี่ 2 แบบ ได้แก่ Road และ Rain เพื่อปรับการตอบสนองคันเร่งและการยึดเกาะถนนให้เหมาะสมตามสภาพการขับขี่ และระบบ Cruise Control ด้านรูปลักษณ์มาพร้อมเบาะนั่งแบบลอยดีไซน์ใหม่ที่กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มความสบายให้ผู้ขับขี่ รวมถึงไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟ DRL อันโดดเด่น และ ช่องชาร์จ USB-C เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเดินทาง เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ถูกผสานอย่างประณีตภายใต้ดีไซน์เรียบง่ายเฉพาะตัวของ Bobber คงไว้ซึ่งเสน่ห์ในสไตล์สุดเท่ แต่เพิ่มฟังก์ชันและความสะดวกสบายให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
โดย Bonneville Bobber ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 637,000 บาท พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยสีสันสุดพรีเมียมให้เลือกถึง 3 สไตล์ ได้แก่ สี Interstellar Blue / Sapphire Black ที่หรูหราโดดเด่น สี Satin Mineral Grey / Satin Sapphire Black ที่เรียบหรูทันสมัย รวมั้งสี Jet Black สุดคลาสสิก
Bonneville Speedmaster รถจักรยานยนต์ครุยเซอร์อังกฤษสุดคลาสสิกที่ได้รับการพัฒนาให้ล้ำยิ่งขึ้นกับเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ ขนาด 1,200 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 78 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 106 นิวตันเมตรในรอบต่ำ ตอบสนองทันใจทุกครั้งที่บิดคันเร่ง ด้านดีไซน์สมรรถนะการขับขี่แบบทัวร์ริ่งที่ดีขึ้น ด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่กว้างขึ้น เพิ่มความสบาย และแฮนด์บาร์ที่ตรงขึ้นช่วยให้ท่าทางการขับขี่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น อีกทั้งถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น 14 ลิตร ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่และสร้างบุคลิกที่โดดเด่นบนท้องถนน และล้อซี่ลวดขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมยางหน้ากว้าง 130 และ 150 ขอบล้ออะลูมิเนียมน้ำหนักเบาใหม่ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการควบคุมรถได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำ ด้านเทคโนโลยีใหม่อัดแน่นทั้งระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง ขับเคลื่อนด้วย IMU ขั้นสูง ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ ด้านไฟหน้า LED ทรงพลังใหม่พร้อมไฟ DRL อันเป็นเอกลักษณ์ และช่องชาร์จ USB-C ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและทัศนวิสัยที่ทันสมัย ตลอดจนโหมดการขับขี่ Road และ Rain ช่วยปรับการตอบสนองของคันเร่งและระบบยึดเกาะถนนให้เหมาะกับสถานการณ์ ขณะที่ระบบ Cruise Control เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล ระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรง Slip & Assist ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่น และคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire ให้การควบคุมที่แม่นยำ คาลิปเปอร์เบรกคู่หน้า Brembo แบบ 2 สูบพร้อมดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มม. มอบประสิทธิภาพการหยุดรถที่ทรงพลังและต่อเนื่อง ตอบโจทย์สไตล์การขี่ส่วนตัวหรือการเดินทางท่องเที่ยวได้ตามต้องการ
Bonneville Speedmaster ปี 2026 ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 637,000 บาท มี 2 เฉดสีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สี Carnival Red / Crystal White พร้อมเส้นโค้ชไลน์สีทองที่วาดด้วยมือ หรือสี Sapphire Black / Crystal White ตกแต่งด้วยเส้นโค้ชไลน์สีทองที่วาดด้วยมือเช่นกัน
โดยยังมีรถจักรยานยนต์รุ่นยอดนิยม Bonneville T100 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ขนาด 900 ซีซี ให้การตอบสนองฉับไว คล่องตัว และเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ ให้กำลังสูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบต่อนาที มอบการควบคุมที่ราบรื่น ตอบสนองฉับไว และขับขี่ได้อย่างมั่นใจ พร้อมผสมผสานสมรรถนะสมัยใหม่เข้ากับจิตวิญญาณของรถคลาสสิกต้นแบบผ่านรูปลักษณ์ที่สะท้อน DNA อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างถังน้ำมันโลหะที่รังสรรค์อย่างประณีต แผ่นรองเข่ายางสุดคลาสสิก และตราสัญลักษณ์ Triumph บนถังน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยโทนสีที่ตกแต่งด้วยมือและรายละเอียดบนเส้นโค้ชไลน์ ลวดลายกราฟิกวงกลมแบบใหม่ที่แผงด้านข้างเป็นกรอบโลโก้ Bonneville สีทอง ขณะที่เทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น ทั้งระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง มีโหมดการขับขี่ Road และ Rain เพื่อปรับการตอบสนองคันเร่ง และระบบ Traction Control ให้เหมาะกับสภาพถนน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น อีกทั้งไฟหน้า LED แบบใหม่ พร้อมไฟ DRL อันโดดเด่น ช่องชาร์จ USB-C เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงยังสามารถติดตั้งระบบ Cruise Control ในรูปแบบอุปกรณ์เสริมได้อีกด้วย
ทั้งนี้ Bonneville T100 ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 469,000 บาท มาพร้อม 2 สีพรีเมียมใหม่สำหรับปี 2026 ได้แก่ สี Snowdonia White / Sapphire Black และสี Jet Black / Diablo Red โดยทั้งสองสีมีรายละเอียดเส้นโค้ชไลน์สีทองที่วาดด้วยมือ ตลอดจนตัวเลือกสีมาตรฐานคือสี Stone Grey
ขณะที่รถจักรยานยนต์ตำนานไอคอน Bonneville T120 และ Bonneville T120 Black ทั้งสองรุ่นมากับเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่แรงบิดสูงขนาด 1,200 ซีซี ที่ปรับแต่งเพื่อการตอบสนองนุ่มนวลตลอดทุกช่วงรอบ ให้แรงบิดสูงสุด 105 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที และกำลังสูงสุด 80 แรงม้า ที่ 6,550 รอบต่อนาที ตอบสนองอย่างฉับไวในทุกจังหวะการบิดคันเร่ง มอบแรงบิดอันเร้าใจ อัตราเร่งอันทรงพลัง แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะถังน้ำมันโลหะที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต แผ่นรองเข่ายางสุดคลาสสิก และตราสัญลักษณ์ Triumph บนถังน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยโทนสีที่ตกแต่งด้วยมือและรายละเอียดบนเส้นโค้ชไลน์ ลวดลายกราฟิกวงกลมแบบใหม่ที่แผงด้านข้างเป็นกรอบโลโก้ Bonneville สีเงิน ด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้ขี่จัดเต็มทั้ง Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ขับเคลื่อนด้วย IMU ขั้นสูง เสริมความปลอดภัยโดยไม่รบกวนการขับขี่ รวมทั้งติดตั้งระบบ Cruise Control มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งใช้งานง่ายผ่านปุ่มสวิตช์ฝั่งซ้าย นอกจากนี้ยังมีช่องชาร์จ USB-C ติดตั้งอย่างแนบเนียนใต้หน้าปัดนาฬิกา ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้สะดวกแม้ในระหว่างการเดินทางไกล ด้านความปลอดภัยมาพร้อมโช้คหน้าคู่ Cartridge ปรับพรีโหลดได้ และโช้คหลังคาร์ทริดจ์ KYB คุณภาพสูง มอบการควบคุมที่มั่นใจและความสบาย รวมถึงเบรกคู่ Brembo เพื่อพลังการหยุดรถที่ต่อเนื่อง
สำหรับ Bonneville T120 มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Aegean Blue / New England White หรือสี Aluminium Silver / Cranberry Red ซึ่งทั้งสองสีมาพร้อมรายละเอียดเส้นโค้ชไลน์สีดำที่ลงสีด้วยมือ ส่วน Bonneville T120 Black โดดเด่นด้วยฝาครอบเครื่องยนต์และท่อไอเสียสีดำ รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ สีดำทั้งหมด พร้อมเบาะทรงยาวสีน้ำตา ที่ตัดกับสไตล์ดุดันได้อย่างลงตัว รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Jet Black สุดคลาสสิก รวมถึงสีใหม่สุดพรีเมียมและโทนเข้มดูลึกลับ ได้แก่ สี Matt Silver Ice / Matt Sapphire Black ทั้งสองรุ่นราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 596,000 บาท
ไทรอัมพ์ยังเสริมทัพความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของกลุ่มโรดสเตอร์ ได้แก่ Street Triple 765 RX ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านสมรรถนะ และความพิเศษเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบ 765 ซีซี ที่ปรับแต่งเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจและควบคุมได้ตลอดทุกช่วงรอบ ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 12,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 9,500 รอบต่อนาที ด้านโครงรถแกนหลักคือเฟรมน้ำหนักเบา จับคู่กับโช้คหน้าหัวกลับ Öhlins NIX30 ที่ปรับได้เต็มรูปแบบ และโช้คหลัง Öhlins STX40 พร้อมกระปุกน้ำมันแยกที่ปรับได้เต็มรูปแบบ มอบการตอบสนองและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมในทุกโค้ง ระบบช่วงล่างระดับพรีเมียมช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงเสถียรภาพและการตอบสนองที่เหนือชั้น แฮนด์แบบคลิปออนให้ท่าทางการเอนไปข้างหน้าที่ดุดันยิ่งขึ้นเพื่อสรีระศาสตร์ที่ดีที่สุด ด้านความปลอดภัยมาทั้งคาลิปเปอร์ Brembo Stylema สี่ลูกสูบคู่ จับคู่กับเบรก Brembo MCS ที่เข้าคู่กันพร้อมคันโยกที่ปรับได้ ช่วยให้เบรกและควบคุมได้อย่างแม่นยำ ด้านยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP V3 คุณภาพสูง ให้การยึดเกาะและแรงฉุดลากที่ยอดเยี่ยม เสริมด้วยตัวถังน้ำหนักเบากะทัดรัด ทำให้น้ำหนักรถเมื่อรวมน้ำมันหนักเพียง 188 กิโลกรัมเท่านั้น ด้านเทคโนโลยีขั้นสูงที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เพื่อความมั่นใจและการควบคุม ไม่ว่าจะเป็น โหมดเฉพาะ ABS Track, ระบบ Optimised Cornering ABS ระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง และระบบ Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ ตลอดจนหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้วที่คมชัด พร้อมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและสวิตช์เกียร์ระดับพรีเมียม
ส่วนรูปลักษณ์ Street Triple 765 RX ผสานสไตล์ดุดันเข้ากับรายละเอียดระดับพรีเมียม สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่ทั้งเร็วและเร้าใจ โดดเด่นด้วยผิวเคลือบอะลูมิเนียมสี Matt Aluminium Silver จับคู่กับซับเฟรมและล้อหลังสีแดง Diablo Red สุดโดดเด่น มอบความรู้สึกราวกับได้สัมผัสสนามแข่ง เบาะนั่งสมรรถนะสูงพร้อมโลโก้ RX ตอกย้ำเอกลักษณ์ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่ง มั่นใจได้ถึงรูปลักษณ์และฟังก์ชันการใช้งานที่ผสานกันอย่างลงตัว ตลอดจนคานหน้าขึ้นรูปด้วยเครื่องจักรขึ้นรูปชิ้นเดียว พร้อมโลโก้ RX สลักด้วยเลเซอร์บนท่อไอเสียและเบาะนั่งเติมเต็มดีไซน์อันโดดเด่นเฉพาะตัว ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 549,000 บาท
ภายในงานทุกคนยังได้ยลโฉมรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นที่ได้เปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟในงาน Triumph Day 2025 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด ที่เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันดุดันของ Scrambler ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.5 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสนุกและมั่นใจในทุกย่านความเร็ว ด้านรูปลักษณ์ สะท้อนอัตลักษณ์การออกแบบสไตล์ Scrambler ของไทรอัมพ์ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ถังน้ำมันที่ออกแบบอย่างสวยงามพร้อมรอยเว้าสำหรับหัวเข่า เครื่องยนต์คลาสสิกพร้อมตราโลโก้ไทรอัมพ์สามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ครีบระบายความร้อน และแคลมป์ยึดท่อร่วมไอเสีย ไปจนถึงปลายท่อเฉียงขึ้นด้านบน ล้อซี่ลวดพร้อมขอบล้ออะลูมิเนียมน้ำหนักเบาและยางแบบไม่มียางใน อีกทั้งมาพร้อมบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่เข้าชุดกัน ให้การปกป้องอย่างมีสไตล์ในสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย
โดย Scrambler 400 XC ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท มีให้เลือก 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สี Racing Yellow สี Storm Grey และ สี Vanilla White โดยแต่ละแบบมาพร้อมกราฟิกดีไซน์เฉพาะตัว พร้อมโลโก้ Triumph สีดำ ที่เข้าชุดกับแผงข้างถังน้ำมันสีดำ แผ่นรองเข่า และเบาะนั่งแบบสองตอนสีดำสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ตามด้วย Scrambler 1200 XE รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ ขนาด 1,200 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า และแรงบิดเต็มพิกัด 110 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ มอบทั้งความเร้าใจและการควบคุมที่ง่ายดายในทุกสภาพถนน ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นในทุกมุมมอง ตั้งแต่ท่วงท่าที่ทรงพลัง ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ออกแบบอย่างประณีต ไปจนถึงเบาะยาวลอนคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความพรีเมียมด้วยฝาถังสไตล์ Monza ทำจากอะลูมิเนียมแบบขัดเงา สวิงอาร์มชุบอะโนไดซ์ แผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้องกันอ่างน้ำมันเครื่องอะลูมิเนียม รวมถึงตราสัญลักษณ์ขัดเงาบ่งบอกถึงความประณีตในทุกส่วน ขณะที่โครงรถสไตล์ Scrambler แบบเฉพาะตัว ออกแบบให้ผู้ขี่มั่นใจได้ในทุกสภาพพื้นผิว
รถจักรยานยนต์ Scrambler 1200 XE ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท มีตัวเลือกสีพรีเมียมให้เลือก ได้แก่ สี Matt Khaki Green / Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย และสี Silver Ice / Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือก
ปิดท้ายด้วย Tiger 900 Alpine Edition ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น Tiger 900 GT Pro ที่เน้นการขี่บนถนน มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ขี่ ขณะที่ Tiger 900 Desert Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Tiger 900 Rally Pro ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ระดับแนวหน้าในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเลื่องชื่อ ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-plane ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สามสูบ 888 ซีซี ให้พละกำลัง 108 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 90 นิวตันเมตร ที่ 6,850 รอบต่อนาที การส่งกำลังที่ตอบสนองฉับไว ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม และเป็นไปตามมาตรฐาน Euro 5+ ออกแบบมาเพื่อความแข็งแกร่ง การควบคุม และความทนทาน ทั้งสองรุ่นมีสวิงอาร์มหล่ออะลูมิเนียมสองด้านเพื่อความเสถียรและความแม่นยำ พร้อมระบบเบรกประสิทธิภาพสูงจาก Brembo ให้แรงหยุดเหนือชั้น ขณะที่ชุดแฮนด์มีแดมเปอร์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขี่ระยะไกล โดยในรุ่น Desert Edition ยังมาพร้อมกับล้อซี่ลวดและยางแบบไม่มียางใน นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมี Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น และแผงหน้าปัดสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph เพื่อข้อมูลที่เข้าใจง่ายและชัดเจน พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โดยรุ่น Alpine มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมด และ รุ่น Desert 6 โหมด โดยเพิ่มโหมด Off-Road Pro เพื่อการบังคับควบคุมบนทุกสภาพถนนขั้นสูง นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมีตัวเลือกให้อัปเกรดเป็นเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิหรือเบาะนั่งแบบต่ำ รวมถึงสามารถติดตั้งท่อเก็บเสียงพรีเมียม Akrapovic เป็นอุปกรณ์เสริมได้อีกด้วย
ทั้งนี้ Tiger 900 Alpine Edition มาพร้อมโทนสี Snowdonia White / Sapphire Black อันคมชัด พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue อันโดดเด่น ในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท และ Tiger 900 Desert Edition มาพร้อมสี Urban Grey / Sapphire Black ที่สะดุดตา พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Baja Orange ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท
ทั้งนี้ภายในบูธไทรอัมพ์ยังพบกับกองทัพรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์อีกหลายรุ่น ที่มาพร้อมโปรโมชันมากมาย อาทิ ข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษสูงสุด 250,000 บาท รับ Beeline Moto II มูลค่า 10,550 บาท ระบบนำทางสำหรับรถจักรยานยนต์ที่ Triumph และ Beeline ร่วมมือกันพัฒนาขึ้น ใช้งานง่าย ทนทาน และสวยงาม รองรับการใช้งานที่หลากหลาย เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่นที่ร่วมรายการ ตลอดจนเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ลดสูงสุด 50% รวมถึงโปรโมชันเสื้อผ้าและอุปกรณ์สวมใส่ที่ลดราคาสูงสุด 50% เฉพาะภายในงานเท่านั้น ทั้งหมดนี้พร้อมให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับที่ไทรอัมพ์ได้รังสรรค์มาให้ตลอดการจัดงานทั้ง 12 วันเต็ม ส่งท้ายปีแบบยิ่งใหญ่” นายชินศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th รวมถึงติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เปิดโอกาสให้ทดสอบสมรรถนะรถจักรยานยนต์พร้อมสัมผัสเทคโนโลยี ‘Honda E-Clutch’ และ ‘Honda DCT‘ ในงาน Motor Expo 2025 วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2568
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เชิญชวนลูกค้ามาสัมผัสเทคโนโลยีจากฮอนด้า Honda E-Clutch และ Honda DCT ในกิจกรรม Honda BigBike Test Ride ที่ยกทัพรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่น มาให้ลูกค้าได้ทดลองขี่กันอย่างเร้าใจ รวมถึงรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ รวมถึงรุ่นไฮไลต์ในคลาส 750series ไม่ว่าจะเป็น New Honda X-ADV และ New Honda FORZA750 สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้เปิดให้ร่วมทดสอบ ฟรี! ตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 (Motor Expo 2025) ณ ลาน Aktiv Square อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี
กิจกรรม Honda BigBike Test Ride เปิดให้ทดลองขี่และสัมผัสรถจริงของฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่น ทั้ง ระบบ Honda E-Clutch และ Honda DCT รวมถึงรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ทุกรุ่น และรุ่นไฮไลต์อย่าง New Honda X-ADV และ New Honda FORZA750 ที่พร้อมเผยสมรรถนะอันโดดเด่นให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ที่ลาน Aktiv Square อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี โดยมีรอบทดลองขี่ดังนี้
- วันเสาร์ – อาทิตย์ เริ่มเวลา 11:00 น. ถึง 18:00 น. (14 รอบต่อวัน)
- วันจันทร์ – ศุกร์ เริ่มเวลา 12:00 น. ถึง 18:00 น. (12 รอบต่อวัน)
ผู้เข้าร่วมต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน และ ใบขับขี่มาเพื่อลงทะเบียนที่หน้างาน สวมชุดเสื้อคลุมแขนยาว รองเท้าผ้าใบหรือหุ้มข้อ และกางเกงขายาวเพื่อทดลองขับขี่อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังมีบริการรถรับ-ส่งด้วย Honda EV สะดวกสบายทั้งไป และกลับ สามารถเข้าทดลองขับขี่ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เข้าร่วมทดลองขี่จะยังได้รับกระเป๋า Special Gift จาก Honda พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษก่อนใครในงานนี้ ได้แก่
- ฟรี! Gift Voucher สูงสุดกว่า 50,000 บาท*
- ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 สูงสุด 2 ปี*
- ฟรี! HSP สูงสุด 3 ปี* พร้อมทะเบียน และ พ.ร.บ.*
สามารถลงทะเบียนและติดตามรายละเอียดการเข้าร่วม ผ่านการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My Honda Moto
- iOS คลิก: https://apple.co/3VPAfoj
- Android คลิก: https://bit.ly/3IfeLyg
หรือลงทะเบียนที่ : https://bit.ly/47YeTMA
จุดรับส่ง Honda EV : https://maps.app.goo.gl/9iQV5FDKP9otA3Qz7
สถานที่ลาน Aktive Square : https://https://maps.app.goo.gl/gMXKj9wnFVhZbCtm8สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/#HondaBigBikeRideAndRush #HondaTestRide #HondaEClutch #HondaDCT #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
“ชี้ชะตา! “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง” จัดใหญ่ที่ไทย สนามปิดท้ายฤดูกาล 2025 จัดเต็มความเดือด 4 รุ่น 2 เรซ 5-7 ธ.ค.นี้
ประเทศไทยเตรียมเปิดบ้าน ในฐานะเจ้าภาพศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดของทวีป รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามที่ 6 ชิงดำตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาลใน 4 รุ่น ขณะ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ควง “ตี” อนุภาพ ซามูล นำทัพนักบิดไทยลงชิงชัย ระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ด้านบอสใหญ่-ตนัยศิริ พร้อมต้อนรับดาวบิดดังเอเชีย-ทั่วโลก และถือเป็นงานใหญ่ทิ้งทวนก่อนรองรับศึกโมโตจีพีในฤดูกาล 2026 ต้นปีหน้า พร้อมนำทัพคนดังร่วมสร้างสีสัน นำโดย โอม-ภวัต, เจแปน ภาณุพรรณ, นาย เดอะ คอมเมเดี้ยน และ โดโรธี เพ็ทโซลด์ ฯลฯ
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 เตรียมเปิดฉากสนามสุดท้าย ซึ่งถือเป็นศึกตัดสินแชมป์ประจำปีอย่างเป็นทางการ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม 2568 พร้อมพิธีฉลองแชมป์สุดยิ่งใหญ่ โดยมีนักบิดจากทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย, เยอรมนี, สเปน, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, อินเดีย, ไทย, เวียดนาม, จีน, สิงคโปร์ ฯลฯ สถานการณ์คะแนนสะสมที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดตลอดฤดูกาล ส่งผลให้การตัดสินแชมป์ในสนามนี้ สนุกเร้าใจในทุกรุ่น ทุกรอบ และทุกโค้ง เพื่อครองบัลลังก์เจ้าความเร็วแห่งทวีป
ไฮไลต์ของสนามสุดท้ายคือการลุ้นแชมป์ของทัพนักบิดไทยให้คว้าชัยชนะในบ้านเกิด รวมถึงการคว้าแชมป์เอเชียในฤดูกาลนี้ด้วย โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดขวัญใจชาวไทย เป็นจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสม และกำลังไล่ล่าตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาลในบ้านเกิด โดยมีทั้งสิ้น 152 คะแนน ขณะที่ ฮาฟิซ ซยาห์ริน อดีตนักบิดโมโตจีพี ชาวมาเลเซียจาก เจดีที เรซซิ่ง ทีม มี 148 คะแนน ตามด้วย เคโตะ อาเบะ นักบิดดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นจาก เอสดีจี-ฮาร์ค โปร ฮอนด้า ฟิลิปปินส์ มี 141 คะแนน
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในสนามนี้จะไร้ชื่อของ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ดีกรีอดีตแชมป์เอเชีย ในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี และ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เนื่องจากทีมแข่งต้นสังกัด เอวัน เอนเนอร์จี บีเอ็มดับเบิลยู เรซซิ่ง ทีม ได้ประกาศถอนตัวอย่างเป็นทางการจากการแข่งขันสนามที่ 6 แล้ว ด้วยเหตุผลด้านการบริหารทีม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาล 2026
ส่วนในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) โมฮัมเหม็ด อะเดนันดา พูตร้า นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม เป็นผู้นำในตารางคะแนนมี 152 แต้ม อันดับ 2 คาสม่า ดาเนียล คาสมายูดิน ชาวมาเลเซีย จากฮง หลง ยามาฮ่า เรซซิ่ง มี 144 คะแนน อันดับ 3 “ตี” อนุภาพ ซามูล จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ มี 131 คะแนน
รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) ฟาดิลลาห์ อาร์บี อะดิทาม่า ดาวรุ่งชาวอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ทำผลงานยอดเยี่ยม ครองจ่าฝูงมี 177 คะแนน ตามด้วย อิซาม อิกมัล นักบิดมาเลเซีย มี 135 คะแนน และ มูร็อบบิล วิโตนี่ นักบิดอินโดนีเซีย จาก ยามาฮ่า แอลเอฟเอ็น เอชพี 969 อินโดนีเซีย เรซซิ่งทีม 122 คะแนน ส่วน “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ดาวรุ่งชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม คะแนนเป็นอันดับ 4 มี 118 คะแนน
ขณะเดียวกันสถานการณ์การแข่งขันรุ่นนี้ระอุขึ้น จากการมาของ ฮัมเบอร์โต ไมเออร์ นักบิดชาวบราซิล ดีกรีเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต ได้ตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันสนามนี้ ด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด ให้กับทีม ที.วาย. แอนทาเรส เรซซิ่ง ทีม ใน รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี (AP250) ถือเป็นการยกระดับความเข้มข้น ขึ้นไปอีกขั้น และสร้างความท้าทายให้กับนักบิดแถวหน้าของเอเชียอย่างแน่นอน
รุ่น อันเดอร์โบน 150 ซีซี จ่าฝูงเป็นนักบิดอินโดนีเซีย 2 คนได้แก่ ฮุสนี ไซนุล ฟูอัดซี จากซีเอียร์ แอลเอฟเอ็น เอชพี 969 เอ็มซีอาร์ อาร์บีที 34 มีคะแนนสูงถึง 202 คะแนน ตามด้วยนักบิดร่วมชาติ ฟาห์มี บาซาม จาก ยามาฮ่า แอลเอฟเอ็น เอชพี 969 อินโดนีเซีย เรซซิ่ง ทีม มี 140 คะแนน และ อาฟิฟ อัมรัน นักบิดมาเลเซีย จาก พิทส์ไบค์ ซูเปอร์ฟาสต์ เจอาร์ที ราปีโด เรซซิ่ง ทีม 125 คะแนน
ด้านนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวถึงความพร้อมว่า สนามช้างฯ พร้อมเต็มที่ 100% ที่จะต้อนรับดาวบิดดังจากทั่วโลก ซึ่งสนามสุดท้ายนี้ ไม่เพียงแต่เป็นศึกตัดสินแชมป์เอเชียเท่านั้น แต่ยังถือเป็น งานใหญ่ระดับนานาชาติครั้งสำคัญทิ้งทวนก่อนที่เราจะเข้าสู่ฤดูกาล 2026 เพื่อรองรับศึกโมโตจีพี ในช่วงต้นปีหน้า ที่จะมาเปิดฤดูกาลในประเทศไทย
“ปีนี้เป็นปีที่นักบิดไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ ‘ชิพ’ นครินทร์ ที่นำจ่าฝูงในรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี และ ‘ตี’ อนุภาพ ที่มีลุ้นโพเดียมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี การลุ้นแชมป์ที่บ้านเรานั้นมีความหมายอย่างยิ่งต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ขอเชิญชวนแฟน ๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของสุดสัปดาห์สำคัญ ที่จะตัดสินตำแหน่งแชมป์ทั้ง 4 รุ่น พร้อมทั้งเชียร์นักแข่งไทยของเราคว้าชัยบนบ้านเกิด”
นอกจากนี้ยังมีทัพคนดังร่วมสร้างสีสันนำโดย โอม-ภวัต จิต์สว่างดี พระเอกขวัญใจวัยรุ่นที่ฐานแฟนคลับหลายล้านคนทั่วโลก, เจแปน-ภาณุพรรณ จันทนะวงษ์ นักแสดงและยูทูบเบอร์หนุ่มอารมณ์ดีหรือที่รู้จักกันในชื่อเจแปนหกฉาก , นาย เดอะ คอมเมเดี้ยน และ โดโรธี เพ็ทโซลด์ นางแบบและอินฟลูเอ็นเซอร์ ฯลฯ
ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามที่ 6 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม ก่อนจะควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม ตามด้วยการแข่งขัน เรซที่ 1 ตั้งแต่เวลา 12.35 น. เป็นต้นไป ส่วนวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม จะเป็นการดวลในเรซที่ 2 ตัดสินแชมป์เอเชีย ตั้งแต่เวลา 12.35 น. เป็นต้นไป
ส่วนกิจกรรมพิตวอล์ค วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม จัดเต็มอื่มจุใจ 1 ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่เวลา 11.00-12.00 น. เปิดโอกาสให้แฟนความเร็วได้ร่วมกระทบไหล่นักบิดดาวดังจากทั่วโลกอย่างใกล้ชิด พร้อมพริตตี้แสนสวยประจำทีมแข่งต่างๆ รับของที่ระลึก ร่วมสนุกรับของพรีเมียมจากนักแข่งที่ชื่นชอบ อาทิ สติ๊กเกอร์, โปสเตอร์, พวงกุญแจ, พัด, ร่ม, ถุงผ้า, เสื้อ, หมวก ฯลฯ บัตรชมการแข่งขันทุกประเภทร่วมกิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
แฟนชาวไทยซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ allticket หรือซื้อบัตรหน้างาน สามารถซื้อบัตรได้ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้างาน 2 จุด ที่ทางขึ้น Grand Stand ฝั่งทิศตะวันตก (Paddock B) และบริเวณโดมแก้ว
บัตร VIP 1,000 บาท/1 วัน และ 1,500 บาท/2 วัน บัตร GRANDSTAND 200 บาท/1 วันและ 300 บาท/2 วัน มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ บัตรชมการแข่งขันโมโตจีพี 2026 ในกิจกรรม “Chang Int’s Friend Pass” ไม่ว่าจะเป็นบัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass + Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร PIT Lane Walk
รับชมถ่ายทอดสดได้ทาง PPTV HD 36 หรือรับชมทางออนไลน์ได้ที่เพจ และยูทูป PPTV Sports หรือเพจ Asia Road Racing Championship และ Chang Circuit Buriram
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 10 จังหวัดภาคใต้ จัดบริการตรวจเช็ก–ซ่อมรถจักรยานยนต์ ฟรี วันนี้-31 ธันวาคมนี้ ครอบคลุมเครือข่าย Wing Center, Honda BigWing และ CUB House
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ภายใต้โครงการ “ไทยฮอนด้าร่วมใจสู้ภัยน้ำท่วม” โดยจัดให้บริการตรวจเช็กและซ่อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ เครือข่ายร้านผู้จำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการ ครอบคลุมทั้ง Honda Wing Center, ศูนย์บริการ Honda BigWing และ ร้าน CUB House ใน 10 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน และช่วยให้ผู้ใช้รถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
การช่วยเหลือครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ใน 10 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี, กระบี่, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส โดยประชาชนสามารถนำรถที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเข้ารับบริการฟรี ประกอบด้วย
- ตรวจเช็กสภาพรถ 10 รายการ ได้แก่ เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, ระบบระบายความร้อน, ระบบเชื้อเพลิง, คลัตช์, ระบบรองรับน้ำหนัก, ระบบเบรก, ระบบไฟฟ้า, ขาตั้งข้าง/ขาตั้งกลาง และล้อ–ยาง (ตามมาตรฐานไทยฮอนด้า)
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้าย
สำหรับรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ ให้บริการตรวจเช็ก–ซ่อมฟรี ได้ที่ศูนย์บริการ Honda BigWing ร้านที่เข้าร่วม ได้แก่
• บริษัท บ้านดอนปิยะบิ๊กไบค์ จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
• บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด จังหวัดสงขลาสำหรับรถจักรยานยนต์ CUB House ให้บริการตรวจเช็ก–ซ่อมฟรี รองรับผู้ใช้รถที่ได้รับผลกระทบในกลุ่มคัสตอม–ลิฟสไตล์ ได้ที่ร้านผู้จำหน่าย CUB House ได้แก่
• บริษัท บ้านดอนปิยะกลการ จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
• บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด จังหวัดสงขลาเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2568 ณ เครือข่ายผู้จำหน่ายที่เข้าร่วมในแต่ละพื้นที่
ไทยฮอนด้า ยังคงมุ่งมั่นยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องชาวใต้ในทุกสถานการณ์ โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญจาก Wing Center, Honda BigWing และ CUB House พร้อมให้การดูแลอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจอีกครั้ง ไทยฮอนด้าขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้อย่างปลอดภัยโดยเร็ว
ติดตามรายละเอียดการให้บริการได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA#ไทยฮอนด้า #ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย #ไทยฮอนด้าร่วมใจสู้ภัยน้ำท่วม #ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaBigBike #CUBHouse #CUBHousebyHonda #HondaMotorcycleThailand #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ThaiHonda #ช่วยน้ำท่วม #น้ำท่วมภาคใต้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เปิดตัวคลาส 750Series 2 รุ่น ‘New Honda X-ADV’ และ ‘New Honda Forza750’ สีใหม่ พบกับความที่สุดในคลาสในงาน Motor Expo 2025
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ นำเสนอความเป็นที่สุดในคลาส 750 ซีซี เปิดตัว 2 รุ่น นำโดย ‘New Honda X-ADV’ สี Special ใหม่ ‘Matte Pearl Glare White’ บิ๊กสกู๊ตเตอร์สำหรับสายแอดเวนเจอร์ตัวจริง ภายใต้คอนเซปต์ ‘Live The Unexpected Life’ และ ‘New Honda Forza750’ ที่สุดของความสปอร์ตพรีเมียมจากคลาสบิ๊กสกู๊ตเตอร์ สะท้อนภาพลักษณ์ผ่านสีใหม่ ‘Pearl Glare White’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Beyond The Leader’ เตรียมสัมผัสคันจริงพร้อมจับจองเป็นเจ้าของได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 (Thailand International Motor Expo 2025) ณ บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (G01) ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568
New Honda X-ADV เพิ่มเฉดสีใหม่ให้แฟนบิ๊กสกู๊ตเตอร์ได้สัมผัสรถแข็งแกร่งสไตล์แอดเวนเจอร์สายพรีเมียม ‘Matte Pearl Glare White’ มาในโทนสีพิเศษ Tri-Color (ขาว–น้ำเงิน–แดง) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลายแข่งระดับตำนานของฮอนด้า นำเสนอความสปอร์ตและพรีเมียมในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 745 ซีซี ผสานดีไซน์ด้านหน้าแบบวัสดุรีไซเคิล Durabio เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และไฟหน้า LED พร้อม DRL ให้ภาพลักษณ์ดุดันล้ำสมัย ภายในติดตั้งเบาะออกแบบใหม่ นั่งสบายขึ้นและวางเท้าได้มั่นคง บังลมหน้าปรับได้สูงสุด 139 มม. พร้อมกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 22 ลิตร และพอร์ตชาร์จ USB Type-C รองรับการใช้งานดิจิทัล อัดแน่นเทคโนโลยีด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Honda RoadSync พร้อมโหมดการขับขี่ 5 แบบ รวมถึงระบบ Cruise Control และระบบส่งกำลัง Honda Dual Clutch Transmission (DCT) ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลกว่าเดิม
สำหรับ New Honda X-ADV มีให้เลือกสี Special ใหม่ ‘Matte Pearl Glare White’ ราคาแนะนำ 444,000 บาท และสี Standard 2 สี ‘Graphite Black และ ‘Matte Deep Mud Gray’ ราคาแนะนำ 439,000 บาท
ด้าน New Honda Forza750 เปิดตัวสีใหม่ ‘สีขาว Pearl Glare White’ ถ่ายทอดความพรีเมียมที่ดูเรียบง่ายและสปอร์ตในเวลาเดียวกันโดดเด่นกว่าเคย มาพร้อมเครื่องยนต์ 745 ซีซี 2 สูบเรียง มอบสมรรถนะตอบสนองรวดเร็วและขับขี่เหนือระดับด้วยระบบเกียร์อัจฉริยะ DCT 6 สปีด เลือกใช้งานได้ทั้งโหมด Auto และ Manual ผสานระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle By Wire (TBW) พร้อม Cruise Control ช่วยรักษาความเร็วอย่างสบายตลอดเส้นทาง ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจกบังลมไฟฟ้าปรับสูงได้ 120 มม. ไฟหน้า LED โคมคู่ผสาน DRL และไฟเลี้ยวแบบ Built-in ขณะที่โช้กหน้าหัวกลับ 41 มม. ปรับขนาดล้อหน้า 17 นิ้ว และล้อหลัง 15 นิ้ว มอบการทรงตัวที่มั่นคง รองรับโหมดขับขี่ 4 แบบ ได้แก่ Standard, Rain, Sport และ User ปรับตั้งค่าได้เองตามสไตล์การขับขี่
New Honda Forza750 พร้อมวางจำหน่ายมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาวใหม่ ‘Pearl Glare White’ สี ‘Mat Warm Ash Metallic’ และสี ‘Ballistic Black Metallic’ ราคาแนะนำ 425,000 บาท
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของ สามารถสัมผัสรถคันจริงได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 (Thailand International Motor Expo 2025) ณ บูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (G01) ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH
#NewHondaXDV #NewHondaForza750 #MotorExpo2025
#HondaBigBike #HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
“เฟอร์-ปัญจรุจน์” โชว์ฟอร์มเด่น! ส่งท้ายฤดูกาลคว้าดับเบิ้ลวินเนอร์ พร้อมครองแชมป์ ศึก Idemitsu Honda Thailand Talent Cup 2025 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
Idemitsu Honda Thailand Talent Cup โครงการบ่มเพาะนักแข่งดาวรุ่งของฮอนด้า ด้วยรถแข่ง Honda NSF250R เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยสู่เส้นทางนักบิดระดับเอเชียและระดับโลก ล่าสุดการแข่งขันได้เดินทางมาถึง สนามสุดท้าย สนามที่ 6 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 21–22 ที่ผ่านมา ซึ่งสนามสุดท้ายนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการตัดสินแชมป์และชี้วัดฝีมือนักบิดดาวรุ่งของปีนี้
ในการแข่งขัน เรซแรก “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตร์วิรุฬฉัตร หมายเลข 12 สตาร์ตกริดที่ 3 บิดขึ้นแถวผู้นำ แสดงทักษะควบคุม Honda NSF250R และสร้างจังหวะทิ้งห่างคู่แข่ง ก่อนคว้าวินเนอร์ด้วยเวลา 1:49.461 วินาที ตามมาด้วย “ไบร์ท” เตชินท์ อินทร์อภัย หมายเลข 11 ตามมาอันดับ 2 ห่างเพียง 0.438 วินาที และ “เหงียน” ฮู ตรี หมายเลข 23 จากเวียดนาม ในอันดับ 3
ในการแข่งขัน เรซสอง “เฟอร์-ปัญจรุจน์” สตาร์ตกริดที่ 6 รักษาตำแหน่งได้ดี ขับเกาะกลุ่มและรอโอกาสในโค้งสุดท้าย ซึ่งต้องเจอกับคู่แข่งที่ท้าทายอย่าง “บินตัง” ปรานาตะ สุขมา หมายเลข 13 จากอินโดนีเซียกับกลยุทธ์เจาะเข้าเส้นทางในโค้งสุดท้าย แต่ด้วยแผนการรับมือแท็กติกที่รัดกุม “เฟอร์-ปัญจรุจน์” สามารถบิดผ่านเส้นชัยคว้าวินเนอร์อีกครั้ง ทำผลงาน ดับเบิ้ลวินเนอร์ ครองตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาล และตำแหน่งที่ 3 เป็นของ “มะมาย” ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข 6 ตามหลังวินเนอร์เพียง 0.116 วินาที
การแข่งขันปิดฉากฤดูกาลนี้ไปอย่างงดงาม เหล่าเยาวชนนักบิดฮอนด้าต่างถ่ายทอดความมุ่งมั่นและความตั้งใจผ่านผลงานอันยอดเยี่ยม พร้อมขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา โดยโครงการ Idemitsu Honda Thailand Talent Cup ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาและผลักดันนักบิดรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่เส้นทางระดับเอเชียและระดับโลกในอนาคต
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #HondaThailandTalentCup #idemitsu
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ทัพ Honda CBR1000RR-R ประเดิมคว้าแชมป์–เหมาโพเดียม “ ศึกซูเปอร์สต็อก เอ็นดูรานซ์ ครั้งแรกที่สนามช้างฯ
ศึก บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 ประเดิมจัดการแข่งขัน “ซูเปอร์ไบค์ เอ็นดูรานซ์” เป็นครั้งแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
โดยบรรจุเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสนามสุดท้ายในฤดูกาล ภายใต้กติกา “ซูเปอร์สต็อก 1,000 เอ็นดูรานซ์” ด้วยระยะทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง และมีทีมแข่งแถวหน้าของไทยตอบรับเข้าร่วมจำนวนมาก เป็นรายการแข่งขันที่วัดทั้งความเร็วในสนาม การทำงานร่วมกันเป็นทีม และส่วนสำคัญคือรถแข่งที่ใช้ว่าจะมีความอึดความแรงในการแข่งขันได้มากเท่าไหร่ ซึ่งการดวลกันด้วยนักแข่ง/ทีมที่สามารถทำจำนวนรอบ (ระยะทางในการแข่งขัน) ได้มากที่สุด
โดยกองทัพรถแข่ง Honda CBR1000RR-R ลงสนามพิสูจน์สมรรถนะอย่างคับคั่ง นำโดย รถแข่งหมายเลข 11 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ขับโดย 3 นักบิดอย่าง ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล, ภัทรพงศ์ วัชรอยู่ และ ธนาธิป เลิศธนากร ซึ่งมี “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ตำนานนักบิดระดับโลกชาวไทยเป็นผู้บริหารทีม รวมถึงรถแข่งหมายเลข 12 ในทีมเดียวกัน ขับโดย พุฒินัฐ สินทรัพย์, พฤฒิพงศ์ ทรัพย์เจริญ และ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล
รวมถึง 3 นักบิดรัสเซียอย่าง โทมัส ลอทาร์ด, อเล็กซานเดอร์ คลีเยฟ และ เซอร์เก โปรโครอฟ ในรถแข่งหมายเลข 47 จาก ทีซี เรซซิ่ง และทีม บิ๊กวิง หัวหิน ในรถแข่งหมายเลข 77 ที่ลงบิดด้วย 3 นักแข่งไทยอย่าง มัฆวาล ทองขาว, สรสิทธิ์ ลภนะพันธุ์ และ ณัฐรินทร์ ศรีบุญเรือง
เกมเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 2 ชั่วโมงเต็ม ออกสตาร์ตในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 11 เจ้าของโพลจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส เริ่มต้นเรซได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยมือแรกอย่าง ตะวัน ซึ่งช่วยให้ทีมออกนำและเพิ่มระยะห่างออกไปได้ดี ก่อนจะส่งต่อให้ ภัทรพงศ์ และ ธนาธิป ออกไปรับช่วงต่อ ก่อนจะนำม้วนเดียวจบโดยมี ตะวัน วนกลับมารับหน้าที่ปิดจ็อบคว้าชัยชนะไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเวลารวม 2 ชั่วโมง 37.500 วินาที วิ่งไปทั้งสิ้น 64 รอบสนามคิดเป็นระยะทางรวม 291.456 กิโลเมตร
ส่วนอันดับ 2 เป็นของ รถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 12 ขับโดย พุฒินัฐ, พฤฒิพงศ์ และ จักรกฤษณ์ ตามหลัง 1 นาที 31.413 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ 3 นักบิดรัสเซียอย่าง โทมัส ลอทาร์ด, อเล็กซานเดอร์ คลีเยฟ และ เซอร์เก โปรโครอฟ ในรถแข่งหมายเลข 47 จาก ทีซี เรซซิ่ง ตามหลัง 1 นาที 48.692 วินาที
ขณะที่ ทีม บิ๊กวิง หัวหิน ในรถแข่งหมายเลข 77 ที่ลงบิดด้วย 3 นักแข่งไทยอย่าง มัฆวาล ทองขาว, สรสิทธิ์ ลภนะพันธุ์ และ ณัฐรินทร์ ศรีบุญเรือง แม้จะพลาดล้มในช่วงต้นเรซ แต่ยังสามารถนำรถเข้ามาซ่อมแซมและออกไปจบเรซได้ในอันดับ 5 โดยทำระยะทางตามหลังผู้ชนะ 5 รอบสนาม
จากผลงานอันร้อนแรงด้วยการเหมาโพเดียมของ พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยมของทีมแข่งจาก ฮอนด้า ทั้งความเร็ว และความคงที่ของรถแข่ง Honda CBR1000RR-R รวมถึงการทำงานเป็นทีม และการวางกลยุทธิ์ที่เหนือชั้น จนมาซึ่งความสำเร็จครั้งนี้
#HondaRacingThailand #ThaiHonda #HondaCBR #HondaCBR1000RRR
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine





































































































































































































