-
News Motocycle1 Min Read
“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” เก็บประสบการณ์ระดับโลกส่งท้ายฤดูกาล จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ บาเลนเซีย ประเทศสเปน
“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ หมายเลข 85 ยอดนักบิดดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงแข่งขันเก็บประสบการณ์สนามระดับโลกในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลกรายการเอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 สนาม 7 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมือง วาเลนเซีย ประเทศสเปน
การแข่งขันในเรซแรกมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ออกสตาร์ตอันดับ 24 ก่อนมุ่งมั่นเร่งแซงจนจบการแข่งขันในอันดับที่ 18 จากนั้นตามต่อด้วยการแข่งขันเรซ 2 ในช่วงบ่ายนักแข่งดาวรุ่งไทยยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่แต่ก็ต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย นับเป็นการเรียนรู้ทักษะและเก็บประสบการณ์อันมีค่าในการแข่งขันสนามระดับโลก
“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” เก็บคะแนนสะสมรายการเอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ประจำปี 2025 รวมทั้งหมด 8 คะแนน จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 23
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://www.facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #RoadToMotoGP #TheNextSuccessor #RookiesCup #Maikiw #Maikiw85 #KS85
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
สู่เวทีเอเชีย! NEXZTER BRIC Superbike ฉลองแชมป์ พร้อมมอบ 4 ไวลด์การ์ด Asia Road Racing 2026 ยกระดับนักบิดไทยก้าวสู่สากล
สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ปิดฉากฤดูกาลมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ ศึก เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025 ด้วยงานฉลองแชมป์ “CHAMPION DAY” เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 พร้อมมอบสิทธิ์ “ไวลด์การ์ด” (Wild Card) ให้แก่แชมป์ประจำปีมากถึง 4 รุ่น เพื่อก้าวไปแข่งขันในรายการชิงแชมป์เอเชีย เอเชีย โรด เรซซิ่ง 2026 โดยฤดูกาลนี้มีนักบิดคนดังมากมาย มาร่วมสร้างปรากฎการณ์ดึงแฟนเข้าชมทั้งในสนามและผ่านช่องทางถ่ายทอดสดล้นหลาม อย่าง “โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี” นักแสดงชื่อดัง ที่สามารถคว้าโพเดียมแรกในชีวิตในรายการแข่งขันรายการระดับชิงแชมป์ประเทศไทยได้สำเร็จ ด้วยฐานแฟนคลับมากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก ได้สร้างกระแสและปรากฎการณ์แฟนคลับกลุ่มใหม่ๆมาสู่มอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างมาก รวมทั้งการเพิ่มรุ่นการแข่งขันใหม่ทั้งเอ็นดูร้านซ์และซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและสร้างฮีโร่นักบิดสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยถึงความสำเร็จอย่างท่วมท้นของการแข่งขัน เน็กซเตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ฤดูกาล 2025 ว่า ในปีนี้มีการเพิ่มรุ่นการแข่งขันใหม่ คือ ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากนักแข่งเกินความคาดหมายอย่างมาก การจัดแข่งรุ่นดังกล่าวมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานการแข่งขันและกติกาให้สอดคล้องกับแพลตฟอร์มการแข่งขันระดับเอเชีย เพื่อให้นักแข่งไทยก้าวขึ้นสู่ Asia Road Racing ได้อย่างไร้รอยต่อ แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายต่าง ๆ ตลอดทั้งปี รายการก็สามารถปิดฉากลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการลุ้นแชมป์ที่เร้าใจจนถึงสนามสุดท้าย รวมถึงการจัดรุ่นพิเศษ การแข่งขัน รุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอ็นดูรานซ์ 120 นาที เป็นครั้งแรกได้รับการตอบรับอย่างดี
ความสำเร็จนี้ ตอกย้ำศักยภาพนักแข่งไทย ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถต่อกรและเอาชนะนักแข่งระดับโลกได้ โดยเฉพาะในรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี เอสบี 1 โปร ที่มีนักแข่งดีกรีแชมป์โลกเอ็นดูร้านซ์จากยุโรปมาร่วมลงแข่งขัน แต่นักแข่งไทย ยังสามารถเข้าที่ 1และ 2 คว้าชัยชนะมาครองได้ ส่วนแผนงานในปี 2026 รุ่นหลักจะยังคงมีการชิงชัยตามปกติ โดยจะมีการทบทวนกติกาและการยุบรวมรุ่นให้เหมาะสม พร้อมยืนยันว่าการแข่งขันเอ็นดูร้านซ์ ซึ่งได้รับการตอบรับ-ความนิยมอย่างสูง จะยังคงถูกบรรจุไว้ในปฏิทินการแข่งขันอย่างแน่นอน โดยจะมีการประเมินรูปแบบการจัดงานต่อไปว่าจะจัดเป็นรายการแยก หรือรวมกับอีเว้นต์ใดหรือไม่
ด้าน นายยศวีร์ โกวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส.ซี.เอช. อินดัสตรี้ จำกัด (ผ้าเบรกเน็กซ์เตอร์) ในฐานะ Title Sponsor ปีแรก ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนรายการ BRIC Superbike ต่อเนื่องไป “ไม่ต่ำกว่า 2 ปี” นับจากนี้ เพื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่และผลักดันให้มอเตอร์สปอร์ตไทยเติบโตอย่างยั่งยืน โดยพร้อมสนับสนุนให้ทุกคนที่มีความฝันได้ก้าวสู่เวทีสำคัญในอาชีพนักแข่ง ตามแนวคิด “Anyone can be a Hero” นอกจากนี้ เน็กซ์เตอร์ ยังมุ่งมั่นพัฒนาระบบการทำงานและผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักแข่งและทีมงานในการสร้างผลงานให้ดีขึ้นในปีถัดไปอีกด้วย
ปรากฏการณ์ใหม่ “โอม ภวัต” ขยายฐานแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก
ฤดูกาล 2025 ถือเป็นปีที่เกิดปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เมื่อ “โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี” นักแสดงชื่อดัง ได้เข้าร่วมชิงชัยและสามารถคว้าโพเดียมแรกในชีวิต มาครองได้สำเร็จ ในการแข่งขันระดับชิงแชมป์ประเทศไทย โดยการมีส่วนร่วมของเขาได้นำพาฐานแฟนคลับจำนวนมหาศาลเข้าสู่สนามแข่ง โอม ภวัต ซึ่งมีแฟนคลับจากผลงานซีรีส์ทั่วโลก โดยมีผู้ติดตามในอินสตราแกรมมากกว่า 5 ล้านคน ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการติดตามการแข่งขันอย่างใกล้ชิด ทั้งเดินทางมาชมด้วยตัวเอง รอให้กำลังใจอย่างหนาแน่นบริเวณพิตของนักแข่งในช่วง Pit Walk และชมถ่ายทอดสดทุกช่องทางอย่างล้นหลาม ขณะที่โซเชียลมีเดียของแฟนคลับทั่วโลกต่างพร้อมใจกันลงผลแข่งและภาพบรรยากาศการแข่งขันไปพร้อมกัน ทำให้รายการนี้ได้รับความสนใจในระดับสากลและขยายฐานผู้ชมไปยังกลุ่มใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การแข่งขันในปีนี้ยังคึกคักเป็นพิเศษด้วยการเข้าร่วมของเหล่าคนดังจากหลากหลายวงการ ทั้ง เบนซ์ เรซซิ่ง นักบิดคนดัง ที่ร่วมลงชิงชัยแบบเต็มฤดูกาลในรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี เอสบี2 และทำผลงานยอดเยี่ยมผงาดคว้าแชมป์ในสนาม 3 ไปครองได้สำเร็จ, สีสันของการลงแข่งของนักบิดดีกรีแชมป์เอ็นดูร้านซ์โลก “มาร์วิน ฟริตซ์” รวมถึง “โดโรธี เพ็ทโซลด์” นางแบบและอินฟลูเอนเซอร์ แฟนสาวของ เอเลียส ดอเลาะ แห่งทีมฟุตบอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ร่วมสร้างสีสัน เป็นผู้โบกธงตราหมากรุกในเรซตัดสินแชมป์ประจำปี ซึ่งการมีส่วนร่วมของบุคคลเหล่านี้ สร้างกระแสนิยมให้มอเตอร์สปอร์ตไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักบิดที่สามารถคว้าแชมป์ประจำปีรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เอสบี 1 โปร และรับสิทธิ์ไวลด์การ์ดไปแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง 2026 ได้แก่ อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดจอมเก๋าจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม
ส่วนซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เอสบี 1 ได้แก่ ออ ปิตะบุตร จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์, เอสบี 2 ได้แก่ ภัทรพงศ์ วัชรอยู่ จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส , เอสบี 3 ได้แก่ พงศ์พณิช เกตุบรรจง จาก ยามาฮ่า บลูครู ไรเดอร์สคลับ ยามาลูป ทีทีเอส เรซซิ่ง
ส่วนแชมป์ประจำปีในรุ่น ซูเปอร์ สต็อก 1,000 ซีซี เอสที 1 และได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันเอเชีย โรด เรซซิ่ง 2026 ได้แก่ นทีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส, รุ่นเอสที 2 ได้แก่ ปวรปรัชญ์ กิ่งจำปา จาก เน็กซเตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง, เอสที3 ได้แก่ ประวุฒิ สุขสากล จากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วไป ไม่ได้สังกัดทีมแข่ง ไม่มีผู้สนับสนุน ลงแข่งขันระดับอาชีพครั้งแรก และสามารถคว้าแชมป์ประจำปีไปครองได้สำเร็จ
แชมป์ประจำปี ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เอสเอส1 โปร และได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันเอเชีย โรด เรซซิ่ง 2026 ได้แก่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส คว้าแชมป์ 3 ปีติดต่อกัน
รุ่น เอสเอส 1 ได้แก่ โกยุ นากาคาว่า จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม, เอสเอส2 ได้แก่ เอเดน ทาว นักแข่งม้ง สัญชาติอมเริกัน จากสาวิตา ทีม เอเชีย
แชมป์ประจำปี ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี เอสเอส1 โปร และได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันเอเชีย โรด เรซซิ่ง 2026 ได้แก่ ธุรกิจ บัวผา จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม
รุ่น เอสเอส1 ได้แก่ ศักดิ์ชัย คงดวงดี จาก ไออาร์ซี ดีไอดี สมาร์ทสปอร์ต สนองไซเคิลเรซ, เอสเอส 2 ได้แก่ ธีรไนย ทับทิม จาก ยามาฮา สมาร์ทสปอร์ต ไออาร์ซ๊ ดี.ไอ.ดี. โมริน วิทย์ชลบุรี
แชมป์ประจำปี สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี เอสพี ได้แก่ ทัสมาย คาเรียปป้า นักบิดอินเดียจาก เน็กซเตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง, แชมป์ประจำปี สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี เอสพี จูเนียร์ ได้แก่ ณฐนนท์ ประสงค์กิจ จาก ลิควิ โมลี่ ไดน่าโวลท์ จอมไทย พิทโซน ทีม
ทั้งนี้ หนึ่งในแรงขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จของ ศึก เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ คือผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท เอส.ซี.เอช. อินดัสตรี้ จำกัด (ผ้าเบรกเน็กซ์เตอร์) ในฐานะ Title Sponsor รวมถึงพาร์ตเนอร์สำคัญอย่าง น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง , บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท กีล่า สปอร์ต จำกัด, บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “ผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี”, หมวกกันน็อคเรียล, บริดจสโตน โมโต ไทยแลนด์, บริษัท ไดโดสิทธิผล จำกัด (ดี.ไอ.ดี), กล่องอีซียู เอเรเซอร์ : เดอะ ฮาร์ท ออฟ อะ เรซเซอร์, บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็มวีทีวี ไทยแลนด์ จำกัด และ สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย (FMSCT)
-
News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า คว้า 2 รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์ และสวัสดิการแรงงาน พร้อมรางวัลความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ระดับประเทศ จากกระทรวงแรงงานประจำปี 2568
บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด คว้าสองรางวัลเกียรติยศระดับประเทศ โดยได้รับ “รางวัลเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ระดับประเทศ (Thailand Safety Award) ประจำปี 2568” อันเป็นผลจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องด้านมาตรฐานความปลอดภัยในสถานประกอบการ อีกทั้งยังได้รับ “รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2568” ตอกย้ำมาตรฐานความปลอดภัยและแรงงานสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
การได้รับสองรางวัลในปีเดียวกัน สะท้อนถึงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของไทยฮอนด้า ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย มั่นคง และใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน รางวัล Thailand Safety Award ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของไทยฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพ ผ่านเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มงวด ทั้งในด้านสถิติอุบัติเหตุที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปี โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงที่นำไปสู่การเสียชีวิต พิการ หรือทุพพลภาพ รวมถึงไม่พบความผิดปกติในกระบวนการทำงานที่ต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม
ส่วนรางวัล สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน มอบให้แก่สถานประกอบการที่มีระบบบริหารจัดการแรงงานที่ดีตามหลักแรงงานสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับพนักงานอย่างสร้างสรรค์ ส่งผลให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้ไทยฮอนด้าสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคง
ไทยฮอนด้า ขอขอบคุณพนักงานทุกท่านที่ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และทำให้ไทยฮอนด้าเป็นองค์กรที่น่าอยู่ ไทยฮอนด้ายืนยันจะรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและแรงงานสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ พร้อมดำเนินนโยบายส่งเสริมความปลอดภัยต่อสังคมและชุมชนโดยรอบ สะท้อน
พันธกิจขององค์กรในการเติบโตไปพร้อมกับสังคมไทยอย่างมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืนติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
-
News Motocycle1 Min Read
“ก้อง-สมเกียรติ” ฮีโร่นักบิดไทยโมเดลต้นแบบ วงการสองล้อไทยในเวทีโลก เตรียมพร้อมความท้าทายใหม่จาก “โมโตจีพี” สู่ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์”
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เติบโตภายใต้โครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ของ “ไทยฮอนด้า” ที่ประกาศชัดเจนแน่วแน่ในปี 2018 ว่าจะพานักบิดไทยก้าวสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของโลกสำหรับการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบในปี 2025
นักบิดหนุ่มจากชลบุรีสร้างผลงานอย่างโดดเด่นในเวที “โร้ด ทู โมโตจีพี” ของ “ดอร์น่าสปอร์ต” ที่เฟ้นหาเพชรเม็ดงามจากเอเชียเพื่อก้าวเข้าสู่การแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อย่าง “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” และสามารถคว้าแชมป์ประจำปีได้ในปี 2016
ก่อนจะได้รับการโปรโมตขึ้นสู่การแข่งขันดาวรุ่งชิงแชมป์โลกอย่าง ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2017-2018 ซึ่งเป็น 2 ปีล้ำค่าให้เจ้าตัวได้บ่มเพาะฝีมืออย่างเต็มที่
ปีนั้นเอง “ก้อง-สมเกียรติ” ได้รับโอกาสทองให้ได้พิสูจน์ฝีมือใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ครั้งแรกของชีวิต ซึ่งมีขึ้นในเมืองไทย และเป็นการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรกในผืนแผ่นดินไทย ในปี 2018 ด้วยสิทธิไวด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมผลงานคว้าอันดับ 9 ใน โมโตทรี ครั้งนั้นต่อหน้าแฟนความเร็วในบ้านเกิด
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาในเส้นทางอาชีพ “นักบิดเวิลด์กรังด์ปรีซ์” อย่างแท้จริง
ปี 2019 “ก้อง-สมเกียรติ” ได้รับการยืนยันจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ก้าวกระโดดขึ้นสู่การแข่งขันในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ
นับจากนั้น… นักบิดขวัญใจชาวไทยมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก และยกระดับผลงานของตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถปลดล็อคคว้าชัยชนะครั้งแรกของชีวิตได้สำเร็จ ในศึก อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022 สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งรถชาวไทยคนแรกที่คว้าชัยชนะใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์”
ในปีนั้น นักบิดชาวไทยระเบิดฟอร์มสุดยอดจนได้รับการจับตามองจากทั่วโลก เขาคว้าโพเดียมมาได้ถึง 4 ครั้ง จากการคว้าชัยชนะที่ อินโดนีเซีย, อันดับ 2 ที่ เทอร์มา เดอ ริโอ ฮอนโด้ ประเทศ อาร์เจนติน่า, อันดับ 3 ที่ เลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส และอันดับ 2 ที่ เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 10 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ เก็บไปทั้งสิ้น 128 คะแนน
“ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับขึ้นในปี 2023 ด้วยการรั้งอันดับ 6 ของโลกเมื่อจบฤดูกาล เก็บมาได้ทั้งสิ้น 173.5 คะแนน ผลงานโดดเด่นที่สุดคือการคว้าชัยชนะแบบ “เพอร์เฟ็คต์ วีคเอนด์” ในศึก เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ ด้วยการรั้งอันดับ 1 ทุกช่วงที่ลงสนาม, คว้าโพลโพซิชั่น, นำทุกรอบของการแข่งขัน, เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก และสร้างสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดตลอดกาลในรุ่น โมโตทู จากรอบควอลิฟาย รวมถึงครองสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในการแข่งขันที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
ผลงานดังกล่าวสร้างแรงบันดาลใจมากมายให้กับนักแข่งระดับเยาวชน ผู้ปกครองหลายคนวางเส้นทางให้บุตรหลานมุ่งมั่นสู่การแข่งขันระดับอาชีพ และที่สำคัญทุกครั้งที่มีการแข่งขัน โมโตจีพี ในเมืองไทย ก็สร้างปรากฏการณ์สนามแตก จากความนิยมที่มีต่อตัวเขาเช่นกัน
ซึ่งในปี 2023 “ก้อง-สมเกียรติ” บันทึกประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรก ที่ขึ้นโพเดียมระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ในบ้านเกิด
ในปี 2024 “ก้อง-สมเกียรติ” ได้รับการจับตาอย่างมากในฐานะดาวรุ่งที่โดดเด่น เขาปรับสไตล์การบิดให้มีความคงที่มากขึ้น และการทำงานร่วมกับทีมอย่างเข้มข้นในแง่การเว็ตอัพรถแข่ง
“ก้อง-สมเกียรติ” จารึกประวัติศาสตร์ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอีกครั้ง ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกที่ขยับขึ้นสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ฤดูกาล 2025 ร่วมกับสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ในรุ่น “พรีเมียร์คลาส” ซึ่งเป็นคลาสสูงสุดของโลก
เส้นทางสุดท้าทายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะนี่คือ “โมโตจีพี” เวทีที่หินที่สุดของโลก การแข่งขันที่รวมนักบิดที่เก่งที่สุดของโลกเอาไว้ 22 คน
“ก้อง-สมเกียรติ” ต้องลงแข่งในสนามเดียวกันกับสุดยอดแชมป์โลกอย่าง มาร์ค มาร์เกซ, ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า, ฮอร์เก มาร์ติน, โจอัน เมียร์ และอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของโลกทั้งนั้น ซึ่งตลอด 5 สนามแรกใน โมโตจีพี “ก้อง-สมเกียรติ” โดนอาการบาดเจ็บประจำตัวนักบิดอย่าง “อาร์มปั๊มป์” รบกวน ก่อนจะต้องเข้ารับผ่าตัดเพื่อรักษาให้หายขาด
ในที่สุดแต้มแรกที่รอคอยก็มาถึง “ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับผลงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะบิดเข้าป้ายอันดับ 15 ในศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ คว้าแต้มแรกในประวัติศาสตร์ให้กับชาวไทยได้สำเร็จ
ทว่านักบิดไทยกลับโชคร้ายอีกครั้ง ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่เอ็นเข่าขวา จากการทุ่มเทซ้อมหนัก พลาดล้มขณะฝึกซ้อมรถแข่งโมโตครอส ส่งผลให้ไม่สามารถลงแข่งได้ถึง 4 สนามติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับหายกลับสู่สนามได้อีกครั้งช่วง 8 สนามสุดท้าย “ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับผลงานของตัวเองได้ทีละขั้น ทำเวลาต่อรอบขยับเข้าหากลุ่มได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ก่อนจะกลับคว้าแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าอันดับ 15 ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี, ต่อด้วยอันดับ 15 ในประเทศญี่ปุ่น และ อันดับ 13 ที่ อินโดนีเซีย จากนั้นก็มาคว้าอันดับ 15 ให้ตัวเองที่ มาเลเซีย
จบฤดูกาลแรกในฐานะรุกกี้ “ก้อง-สมเกียรติ” ฝากผลงานด้วยการคว้า 7 แต้มมาฝากชาวไทย นี่คือแต้มแห่งความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ แม้จะได้รับโอกาสเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
ทว่าเส้นทางของ “ก้อง-สมเกียรติ” ในการแข่งขันระดับโลกยังไม่จบลง เขายังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
โดยในฤดูกาล 2026 “ก้อง-สมเกียรติ” ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก ฮอนด้า ด้วยการดึงเข้าร่วมทีมโรงงานเพื่อลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ กับสังกัด ฮอนด้า เอชอาร์ซี
โครงการนี้ของ ฮอนด้า มีความสำคัญอย่างมาก เพราะนี่คือการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของรถแข่ง Honda CBR1000 RR-R ในเวทีสูงสุดของโลก
ที่ผ่านมา ฮอนด้า ทุ่มเทอย่างหนักกับโปรเจ็กต์นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวสู่ชัยชนะได้ ฉะนั้น “ก้อง-สมเกียรติ” และว่าที่ทีมเมทอย่าง เจค ดิ๊กสัน จึงกลายเป็นความหวังใหม่ของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในทีม เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยการเปลี่ยนทีมบริหารชุดใหญ่ รวมถึงทีมทดสอบที่ดึงตัวแชมป์โลก 6 สมัยอย่าง โจนาธาน เรีย เข้ามาเป็นนักบิดทดสอบของทีม
นี่คือการส่งสัญญาณว่า ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะทวงความสำเร็จใน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ให้ได้ และ “ก้อง-สมเกียรติ” ก็คือหนึ่งใน “คีย์แมน” ของพวกเขา
แม้เส้นทางของ “ก้อง-สมเกียรติ” กับ โมโตจีพี จะสิ้นสุดลงในปี 2025 แต่การเดินทางของเขาในเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลกยังไม่สิ้นสุด
เราจะได้เห็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ลงแข่งขันในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาล และที่สำคัญคือการได้ร่วมสังกัดทีมโรงงานของ “ฮอนด้า เอชอาร์ซี” ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทีมใด
ฉะนั้น นี่คือความหวังใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ที่มี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เป็นผู้ขีดเขียนบนหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง
โดยในวันที่ 26-27 พฤศจิกายนนี้ คู่หูไลน์อัพนักบิดคู่ใหม่ของทีม ฮอนด้า เอชอาร์ซี (Honda HRC) อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทย และ เจค ดิ๊กสัน ทีมเมทชาวอังกฤษ จะเข้าร่วมการทดสอบกับทีมเป็นครั้งแรกในฐานะ ทีมโรงงาน ในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ ประเทศสเปน
“ก้อง-สมเกียรติ” และ ดิ๊กสัน จะร่วมงานในฐานะทีมเมทเป็นครั้งแรก หลังจากที่ดวลกันใน โมโตทู กว่า 6 ปี ซึ่งทั้งคู่ถือว่ามีความคุ้นเคยกันดีในฐานะเพื่อนร่วมสนาม
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #SC35 #Kong
#WSBK #WorldSBK2026 #WSBK2026
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
Nexzter BRIC Superbike 2025 ปิดฉากเรซสุดท้ายยิ่งใหญ่ “ธนัช” เข้าวินส่งท้าย “อภิวัฒน์-นธีธาร-ต่อศักดิ์” คว้าแชมป์ประจำปี
ศึกซูเปอร์ไบค์มาตรฐานโลก “เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025” รูดม่านปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเกมการลุ้นแชมป์สุดมันส์ทุกรุ่นในเรซสุดท้าย โดย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว นักบิดดาวรุ่งจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส เข้าวินส่งท้ายปี ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ผงาดแชมป์ประจำปีรุ่นใหญ่ ด้าน นธีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ทีม คว้าชัย ซูเปอร์สต็อกพร้อมครองแชมป์ประจำปี ส่วน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นที พีทีที ลูบริแคนท์ส ครองบัลลังก์ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซสุดท้ายของปี วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การติดตามของแฟนมอเตอร์สปอร์ตกับการลุ้นแชมป์ประจำปีของทุกรุ่น
รุ่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม แม้ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดจอมเก๋าจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม จะคว้าแชมป์ประเทศไทยไปครองได้สำเร็จ หลังซิวชัยชนะในเรซที่ 1 ไปครองแล้วก็ตาม
ในเรซที่ 2 นักบิดดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ทะยานออกนำตั้งแต่ต้นเรซ ก่อนจะบิดคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 19 นาที 25.887 วินาที เหนือ อภิวัฒน์ อันดับ 2 อยู่ 2.239 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ มาร์วิน ฟริตซ์ นักบิดเอ็นดูรานซ์แชมป์โลกชาวเยอรมันจาก บัตเลอร์ การาจ เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 13.430 วินาที ขณะที่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช จาก เรปโซล อาร์-ซีรีส์ ทีม พลาดล้มต้องออกจากการแข่งขันในช่วงต้นเรซ
ส่วนในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เป็นการดวลกันอย่างสนุกของแคนดิเดตลุ้นแชมป์ประจำปีทั้ง 2 คน อย่าง นธีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส และ ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ สิทธิผล ดิเรก ทีม โดยทั้งคู่ต่อสู้กันตั้งแต่ต้นเรซจนครบ 12 รอบสนาม
ผลปรากฏว่า นธีธาร แซงขึ้นนำและคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 20 นาที 11.597 วินาที เฉือน ตะวัน อันดับ 2 เพียง 0.401 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของ ณัฐวุฒิ คำหอม จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส ยามาฮ่า เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.784 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ตกเป็นของ นธีธาร ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาล เก็บไปได้มากถึง 116 คะแนน
ด้าน “โอม” ภวัต จิตต์สว่างดี พระเอกวัยรุ่นชื่อดัง ที่ลงแข่งขัน ภายใต้สังกัด ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่เพิ่งคว้าโพเดียมแรกในชีวิตจากเรซแรกในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 (ST3) มีลุ้นคว้าชัยชนะเต็มตัว หลังเริ่มเกมได้ดี เกิดพลาดล้มในช่วงต้นเรซ แต่ยังใจสู้ลุกขึ้นมาบิดจนจบเรซ ส่วนผู้ชนะในรุ่นนี้ได้แก่ ประวุฒิ สุขสากล
ขณะที่เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เรซสุดท้ายเป็นการไล่บดกันอย่างสุดมันส์ของ 3 นักบิดในกลุ่มหน้า ก่อนที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส จะปลดล็อคคว้าชัยชนะให้ตัวเองได้สำเร็จด้วยเวลา 20 นาที 23.628 วินาที เฉือน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นที พีทีที ลูบริแคนท์ส อันดับ 2 เพียง 0.512 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ ดาวรุ่งจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.412 วินาที โดยแชมป์ประจำปีตกเป็นของ ต่อศักดิ์ มีทั้งสิ้น 106 คะแนน
เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี ชิงชัยกัน 10 รอบสนาม ชัยชนะเรซสุดท้ายตกเป็นของ “เอิร์ธ” ธุรกิจ บัวผา นักบิดดาวรุ่งจาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ที่ออกตัวได้ดีก่อนบิดนำม้วนเดียวจบด้วยเวลา 19 นาที 2.994 วินาที โดยมี ชนะชัย บุญงาม จาก กิกะไบค์ เรซซิ่ง สเปเชียล พาร์ทส์ ซีวาย มอเตอร์สปอร์ต ไฮ-สปีด สุรินทร์ ทีม เป็นอันดับ 2 ตามหลัง 0.765 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “เชลล์” ศักดิ์ชัย คงดวงดี จาก ไออาร์ซี ดีไอดี สมาร์ทสปอร์ต สนองไซเคิลเรซ ตามหลัง 2.200 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้้เป็นของ ธุรกิจ บัวผา ซึ่งเก็บ 90 แต้มเท่ากันกับ “เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง จาก สปีด800 แต่มีผลงาน “เฮดทูเฮด” ที่เหนือกว่า
สำหรับรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ชัยชนะเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดย หนี่ เถียน นักบิดชาวจีนจาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม บุรีรัมย์ เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 13 นาที 15.357 วินาที เฉือน จื่อ จ้าว ทีมเมทชาวจีนเพียง 0.048 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ทัสมาย คาเรียปป้า นักบิดอินเดียจาก เน็กซเตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง ตามหลัง 0.354 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ได้แก่ ทัสมาย ซึ่งเก็บไปทั้งสิ้น 77 คะแนน
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ที่บรรจุการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ 2 ชั่วโมงรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอ็นดูรานซ์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสุดสัปดาห์ โดยมีนักแข่ง-ทีมแข่งทั้งไทยและต่างชาติ ตอบรับเข้าร่วมมากมาย
ผลปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ รถแข่ง หมายเลข 11 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส จากผลงานของ 3 นักบิดอย่าง ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล, ภัทรพงศ์ วัชรอยู่ และ ธนาธิป เลิศธนากร เข้าป้ายเป็นคันแรกหลังผ่าน 2 ชั่วโมงเต็ม โดยมีรถแข่งหมายเลข 12 ซึ่งขับโดย พุฒินัฐ สินทรัพย์, พฤฒิพงศ์ ทรัพย์เจริญ และ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล จากทีมเดียวกัน ตามเข้าป้ายเป็นอันดับ 2 ตามหลัง 1 นาที 31.413 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ นักบิดรัสเซียอย่าง โทมัส ลอทาร์ด, อเล็กซานเดอร์ คลีเยฟ และ เซอร์เก โปรโครอฟ ในรถแข่งหมายเลข 47 จาก ทีซี เรซซิ่ง ตามหลัง 1 นาที 48.692 วินาที
ทั้งนี้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฝ่ายจัดการแข่งขัน เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ประกาศอย่างเป็นทางการ เดินหน้าสร้างสรรค์ความมันส์ต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนานักแข่งไทย และทีมแข่งไทยเพื่อก้าวสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง
-
News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าปิดฤดูกาลสุดเดือด! กวาดวินเนอร์ 2 รุ่นท็อป สะเทือนศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025
ดาวรุ่งนักบิดไทยพร้อมด้วย Honda CBR Series จากแซทเทิลไลท์ทีมฮอนด้า กวาดวินเนอร์จากการแข่งขัน 2 รุ่นท็อปสุดของรายการ จากผลงานอันดับที่ 1 ในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ของ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” และชัยชนะที่สุดสำคัญในการยืนยันพัฒนาการของ “มิกซ์-ธนัช” ในรุ่นใหญ่สุดแรงสุดของรายการอย่างรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) ระเบิดผลงานในการแข่งขัน ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 สนามสุดท้ายของฤดูกาล เรซที่ 2 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568
รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro”มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส บิด Honda CBR1000RR-R เริ่มต้นการแข่งขันจากกริดที่ 2 ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มร้อย เปิดคันเร่งขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนำทันที พร้อมกับควงคู่แข่งยืดระยะออกมาดวลความเร็วกันเดี่ยว ๆ ที่หัวแถว ซึ่งเจ้ามิกซ์ยกระดับพัฒนาการในการแข่งขันอีกขั้น ปักหลักต่อสู้กับคู่แข่งที่มีประสบการณ์มากกว่าได้อย่างยอดเยี่ยม แลกความเร็วและเสียบแซงกันจังหวะต่อจังหวะโค้งต่อโค้งก่อนที่ 3 รอบสุดท้าย “มิกซ์-ธนัช” จะเริ่มยืดระยะออกมา และซิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 คว้าวินเนอร์รุ่นใหญ่สุดไปครองได้อย่างเหนือชั้น
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) นำโดย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ออกจากกริดที่ 3 “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 ควบ Honda CBR600RR จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ฮอนด้า ทีม ที่สตาร์ทจากกริดที่ 2 ขึ้นมาช่วงชิงอันดับผู้นำทันที โดยมีคู่แข่งที่เกาะตามมาเพื่อหาจังหวะในการต่อสู้ไม่ห่าง
การแข่งขันเรซที่ 2 ซึ่งมีอุณหภูมิที่ร้อนมากกว่าเรซแรก เป็นอีกท้าทายของสองดาวรุ่งฮอนด้า ที่ต้องบริหารจัดการการแข่งขันได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะถูกคู่แข่งขึ้นมากดดันช่วงชิงอันดับ แต่ก็สามารถรีดความเร็ว Honda CBR600RR แซงกลับมาได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งเป็น “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ที่เริ่มยืดระยะออกมาในช่วงท้ายเรซ บิดเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 คว้าชัยชนะไปครอง และเป็นการปลดล็อกเก็บวินเนอร์แรกของเจ้าตัวในซีซั่นนี้ด้วย ทางด้านของ “ไฮเปค-กฤษฎา” พยายามอย่างมากที่จะดวลกับคู่แข่งเพื่อขึ้นมาลุ้นชัยชนะเช่นกัน เสียจังหวะในช่วงท้ายเรซพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนลุยต่อคว้าโพเดียมอันดับที่ 3
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1) 2 ดาวรุ่ง จาก โปร ฮอนด้า สิทธิพล ไออาร์ซี ดีไอดี ซีบี อาชิ กิตติ เรซซิ่ง บิด Honda CBR250RR “เฟรม” ภูริทัต จันจาด หมายเลข 98 เริ่มต้นการแข่งขันจากกริดที่ 16 ฝ่าบททดสอบเกมยาก เข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 18 และ “ต้นกล้า” ภคภัคร พึ่งเจริญ หมายเลข 78 จากกริดที่ 17 บิดเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 21
ฮอนด้ามุ่งมั่นในการพัฒนานักแข่งไทยและวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยรายการ NEXZTER BRIC Superbike 2025 ได้มอบโอกาสให้กับแซทเทิลไลท์ทีมฮอนด้า เรียนรู้ประสบการณ์จากสนามแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพไปพร้อม ๆ กับยอดนักบิดในตำนานของประเทศไทยจากการทำงานและแข่งขันร่วมกัน และเพิ่มประสบการณ์ให้กับทีมแม็คคานิกซ์ไทยและยกระดับศักยภาพการทำงานของทีมแข่งไทย สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดการแข่งขันทั้ง 4 สนาม คว้าโพเดียมและชัยชนะ พร้อมทั้งโชว์ศักยภาพและยกระดับพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #BRICSuperBike2025 #NexzterBRICSuperBike2025 #HondaCBR #Mix31 #Kaowkong20 #HiPeck18 #ChangInternationalCircuit
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle2 Min Read
คาวาซากิจัดกิจกรรมใหญ่ Kawasaki Expo 2025 ส่งท้ายปลายปี เอาใจสาวกค่ายเขียว พร้อมเซอร์ไพรส์ในงานเปิดตัวรถใหม่ ปิดท้ายด้วยปาร์ตี้สุด
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน Kawasaki Expo 2025 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ สนาม Impact Speed Park ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.! โดยภายในงานนี้ คาวาซากินำรถจักรยานยนต์ครบทุกสายพันธุ์ พร้อมรถ ATV มาจัดแสดง และทดสอบขับขี่กันอย่างอย่างครบขบวนทัพจัดเต็ม โดยไม่พลาดกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถภายในงานเท่านั้น
พร้อมด้วยเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Z900 และการกลับมาของ Z900 RS กับราคาใหม่และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับช่วงเปิดตัว แถมด้วยการประกาศราคาใหม่ยกแผงในตระกูลคลาสสิคอย่าง W และ Meguro เพื่อตอบรับกระแสรถคลาสสิคที่กำลังมาแรงในขณะนี้
นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจเช็ครถเบื้องต้นฟรีโดยทีมช่างมืออาชีพจากคาวาซากิ การจับรางวัล ของที่ระลึกสุดพิเศษ การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากคาวาซากิและพันธมิตรแบรนด์ดังอย่างมากมายตลอดทั้งวัน
ปิดท้ายความพิเศษด้วยปาร์ตี้ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคาวาซากิ ท่ามกลางบรรยากาศชิลริมทะเลสาบเมืองทองธานี พร้อมดนตรีสุดไพเราะจากวง SCRUBB ที่ขนเพลงดังมากมายมาเอาใจแฟนเพลงชาวคาวาซากิให้ได้ร้องตามกันตลอดการแสดง
Z900 ใหม่ – ซูเปอร์เน็คสไตล์ SUGOMI ที่คมชัดยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและทรงพลังให้กับทุกประสาทสัมผัสยิ่งกว่าเดิม
Z900 เป็นรถ supernaked พิกัด ~900 ซีซี ที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ และออกแบบเพื่อการขี่สนุกทั้งในเมืองและทาง โค้ง ซึ่งผสมผสานพลังความสปอร์ตของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง กับการออกแบบแบบ Sugomi และการควบคุมที่คล่องตัว พร้อมอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์และคุณลักษณะที่ทันสมัย ทรงประสิทธิภาพ
จุดเด่นใน Z900 ใหม่
– เครื่องยนต์ 948 cc
การตอบสนองที่เฉียบคมและนุ่มนวลของเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของ Z900 สอดคล้องกับการควบคุมที่เบาและคล่องตัว ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ การเปลี่ยนเกียร์จากเปิดเป็นปิดที่นุ่มนวลในขณะเดียวกันก็ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและเข้าถึงง่าย ทำให้การควบคุมรถเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เครื่องยนต์สี่สูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาด 948 ซีซี ให้อัตราเร่งที่รวดเร็วและช่วงกลางที่หนักแน่น มอบแรงม้าสูงสุดจนถึงขีดสุด มอบความตื่นเต้นเร้าใจที่คำนวณมาอย่างดี
การส่งกำลังค่อนข้างเป็นเส้นตรง แต่แรงบิดรอบต่ำที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นนั้น ผสานกับความสามารถในการหมุนเร็วตั้งแต่ประมาณ 6,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป การตอบสนองที่นุ่มนวลตั้งแต่รอบกลางถึงสูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
124 PS@ 9,500 rpm
98.6 N.m@ 7,700 rpm
– โครงสร้างเฟรมรถใหม่
ที่มีน้ำหนักเพียง 13.5 ก.ก. เท่านั้น ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมรถได้คล่องแคล่ว เฟรมถักเหล็กกล้าไฮเทนไซล์ทนแรงดึงสูงรูปทรงท่อดูสมส่วนลงตัว
– อัตราทดเกียร์ที่ปรับปรุงใหม่ใหม่
อัตราทดเกียร์ที่ปรับให้เหมาะสมได้รับการจัดเตรียมให้สอดคล้องกับระบบ KQS ใหม่ ควบคู่ไปกับการตั้งค่า FI ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างยิ่งเมื่อใช้ควิกชิฟเตอร์
– คาลิปเปอร์ใหม่ Radial mount
คาลิปเปอร์เบรกแบบเรเดียล 4 ลูกสูบคู่ สั่งการได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มขับขี่หรือผู้ขับขี่มีมีประสบการณ์สูง
– ไฟหน้า-ไฟท้าย LED แบบใหม่ ให้ความดุดันที่มากขึ้น
ด้านหน้าเป็นไฟหน้าแบบ LED สามดวง โดยไฟหน้าด้านบนสองดวงเป็นไฟต่ำ และไฟหน้าด้านล่างดวงเดียวเป็นไฟสูง ด้วยขนาดกะทัดรัด ไฟหน้าใหม่จึงให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่ยอดเยี่ยม
ฝาครอบท้ายได้รับการออกแบบให้สั้นลงและทำให้ไฟท้ายดูเหมือนลอยอยู่ ทำให้อากาศที่เข้าจากด้านหน้าและระบายออกทางด้านหลัง ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่กะทัดรัดและคล่องตัว
– จอ TFT ใหม่ขนาด 5 นิ้ว ใหญ่กว่าเดิม
พร้อมฟังก์ชั่นใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอปรับแสงอัตโนมัติ, เลือกรูปแบบจอแสดงผลที่ชื่นชอบ, แสดงผลค่าการทำงานของระบบต่างๆอย่างครบครัน
– Cruise control
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของคาวาซากิ ช่วยให้สามารถรักษาความเร็วที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดแรงกดที่มือขวาเมื่อเดินทางไกล ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายและมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับสูง
– Power Mode Selection
ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดกำลังเต็มกำลัง (Full Power) หรือกำลังต่ำ (Low Power) เพื่อตั้งค่ากำลังส่งให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพการขับขี่ โหมดกำลังต่ำจะจำกัดกำลังส่งไว้ที่ประมาณ 75% ของกำลังเต็มกำลัง (กำลังที่ลดลงจะแตกต่างกันไปตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) และตำแหน่งคันเร่ง ช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น)
– Integrated Riding Modes: Sport, Road, Rain, Rider (manual)
โหมดอเนกประสงค์ที่เชื่อมโยง KTRC และ Power Mode ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระบบควบคุมการยึดเกาะถนนและการส่งกำลังได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่* ผู้ขับขี่สามารถเลือกการตั้งค่าได้ 3 แบบ (Sport, Road, Rain) หรือการตั้งค่าแบบแมนนวล (Rider) ในโหมดแมนนวล (Rider) แต่ละระบบสามารถตั้งค่าได้อย่างอิสระ
Sport: ช่วยให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินกับการขับขี่แบบสปอร์ต
Road: ครอบคลุมสถานการณ์หลากหลาย ตั้งแต่การขับขี่ในเมือง การขับขี่บนทางหลวง และถนนชนบท
Rain: มอบความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่เมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนเปียก
– IMU 6 axis
หรือ Inertial Measurement Unit ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตามแนวแกน 6 DOF (Degree of Freedom) ได้วัดความเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุน อัตราการหันเห และอัตราการเหวี่ยง (Pitch, Roll และ Yaw)
– KTRC ช่วยการยึดเกาะถนน
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูงของคาวาซากิ มอบทั้งสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น และความมั่นใจในการบังคับรถบนพื้นผิวถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำได้อย่างมั่นใจ โหมดการขับขี่ที่ผู้ขับขี่เลือกได้ 3 โหมด มอบระดับการยึดเกาะถนนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่และความต้องการของผู้ขับขี่
– KQS ควิกชิพเตอร์ช่วยให้เข้าเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์
ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเร็วช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ เพื่อการเร่งความเร็วที่ราบรื่นและลดความเร็วได้อย่างง่ายดาย
– Kawasaki Cornering Management Function
หรือ KCMF ตรวจสอบพารามิเตอร์ของเครื่องยนต์และแชสซีตลอดโค้ง ตั้งแต่เข้าโค้ง ผ่านจุดสูงสุด ไปจนถึงทางออกโค้ง โดยควบคุมแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเปลี่ยนจากการเร่งความเร็วเป็นการเบรกและกลับมาเป็นปกติเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามเส้นทางที่ตั้งใจไว้ผ่านโค้งได้
– Rideology The App
ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์แบบไร้สาย ซึ่งสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดียิ่งขึ้น
Z900 พร้อมจำหน่ายในประเทศ่ไทย ในสี ดำ-เทา-แดง (Metallic Carbon Gray / Metallic Phantom Silver / Candy Persimmon Red) ด้วยราคาขายปลีกแนะนำ 349,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 15,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน, พรบ.
โปรโมชั่นพิเศษนี้เฉพาะช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2568
Z900RS – TIMELESS Z ความคลาสสิกที่ผสานเทคโนโลยีทันสมัย
Z900RS คือการผสมผสานความคลาสสิกเหนือกาลเวลาจากตำนาน Kawasaki Z1 (900 Super4) เข้ากับเทคโนโลยีและสมรรถนะยุคใหม่ พร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป ทำให้ขี่สนุกแต่ให้ความรู้สึกคลาสสิก
จุดเด่นใน Z900 ใหม่
- เครื่องยนต์ 948 cc
เช่นเดียวกับ Z1 Z900RS มาพร้อมเครื่องยนต์สี่สูบเรียง ขนาด 948 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีความสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับปี 2026 เครื่องยนต์นี้ใช้วาล์วปีกผีเสื้ออิเล็กทรอนิกส์ และมีการปรับปรุงช่องไอดี โปรไฟล์แคม และการตั้งค่า ECU ข้อเหวี่ยงเบาลง 10% กำลังอัดเพิ่มขึ้น 10.8 à 11.8 การติดตั้งใหม่นี้ให้สมรรถนะที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นที่รอบต่ำ และให้ความแข็งแกร่งและสปอร์ตยิ่งขึ้นในช่วงรอบสูง
117 PS@ 9,300 rpm
99.5 N.m@ 7,700 rpm
ระบบไอเสียได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงเครื่องยนต์สี่สูบเรียง (In-Line Four) ท่อเฮดเดอร์แบบผนังคู่ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบไอเสียดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป การไม่มีท่อเชื่อมต่อหรืออุปกรณ์ไอเสียช่วยให้เส้นสายดูสะอาดตาและต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ท่อเก็บเสียงแบบเมกะโฟนใหม่นี้ให้ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์สปอร์ตย้อนยุคของ Z900RS ท่อเฮดเดอร์, ห้องเครื่อง และท่อเก็บเสียงล้วน
เสียงท่อไอเสียที่ปรับแต่งเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของคาวาซากิเป็นที่เลื่องลือมานานในเรื่องเสียงท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ การปรับแต่งมุ่งเน้นไปที่โซนเสียงที่ผู้ขับขี่สัมผัสได้มากที่สุด เช่น เสียงคำรามขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงจังหวะขณะเดินเบา และเสียงก้องกังวานทุ้มลึกขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งชวนให้นึกถึงระบบ 4-in-1 แบบวินเทจ โดยเน้นความถี่ต่ำให้หนักแน่นกว่ารุ่นก่อนหน้า
Assist & Slipper Clutch
คลัตช์ Assist & Slipper Clutch ใช้ลูกเบี้ยวสองประเภท (ลูกเบี้ยว Assist และลูกเบี้ยว Slipper) ซึ่งมีสองฟังก์ชันที่ไม่มีในคลัตช์มาตรฐาน
* เมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่รอบเครื่องยนต์ปกติ ลูกเบี้ยว Assist จะทำหน้าที่เป็นกลไก Self-Servo โดยจะดึงดุมคลัตช์และแผ่นควบคุมเข้าด้วยกันเพื่อกดแผ่นคลัตช์ วิธีนี้ช่วยลดภาระสปริงคลัตช์ทั้งหมด ส่งผลให้แรงดึงคันคลัตช์เบาลงเมื่อใช้งานคลัตช์
* เมื่อเกิดการเบรกด้วยเครื่องยนต์มากเกินไป อันเนื่องมาจากการลดเกียร์อย่างรวดเร็ว (หรือการลดเกียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ) ลูกเบี้ยว Slipper จะเข้ามาทำหน้าที่บีบดุมคลัตช์และแผ่นควบคุมให้แยกออกจากกัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดบนแผ่นคลัตช์ เพื่อลดแรงบิดย้อนกลับ และช่วยป้องกันยางหลังไม่ให้กระดอนและลื่นไถล
Timeless styling
ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Z1 คงเอกลักษณ์ความคลาสสิกไว้ด้วยไฟหน้ากลม เข้ากับงานฝีมือสมัยใหม่อย่างลงตัว ตั้งแต่ถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ไปจนถึงไฟท้าย LED ทรงรีสุดล้ำ และท่อไอเสียทรง Megaphone Z900RS มอบรูปลักษณ์งดงามเหนือกาลเวลา พร้อมความใส่ใจในรายละเอียดอันประณีตและการประกอบและตกแต่งอย่างประณีต ส่งผลให้ Z900RS โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คุณภาพสูง ความสวยงามที่เน้นการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ประณีต Z900RS แตกต่างจากดีไซน์ที่เฉียบคมและล้ำสมัยของรุ่น Z Supernaked ตรงที่ใช้องค์ประกอบทรงกลมเพื่อเลียนแบบดีไซน์สไตล์เรโทรของมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ตั้งแต่สีถังน้ำมันคุณภาพสูง ไปจนถึงการเคลือบคุณภาพสูงสำหรับสลักเกลียว ความใส่ใจในรายละเอียดที่เล็กที่สุด การเดินสายไฟที่พิถีพิถัน และการประกอบและตกแต่งอย่างประณีต ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมให้ Z900RS โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คุณภาพสูง
จออนาล็อกคู่ จับคู่กับจอ LCD
หน้าปัดมาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบแบบอนาล็อก เสริมด้วยหน้าจอ LCD อเนกประสงค์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์ย้อนยุคเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย
* นอกจากไฟแสดงตำแหน่งเกียร์แล้ว ฟังก์ชันการแสดงผลยังประกอบด้วย: มาตรวัดระยะทาง, มาตรวัดระยะทางแบบคู่, มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันและเฉลี่ย, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, อุณหภูมิภายนอก, นาฬิกา, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ไฟแสดงการเชื่อมต่อแอป และไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด
* ไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัดจะปรากฏบนหน้าจอ LCD เพื่อระบุอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมและช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุด
Inverted Front Fork & Horizontal Back-link Rear Suspension
โช้คอัพหน้าหัวกลับขนาด ø41 มม.มอบความสบายในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและศักยภาพการขับขี่แบบสปอร์ต ตอบสนองได้รวดเร็วและควบคุมรถได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงถนนคดเคี้ยว สามารถปรับความหนืดของโช้คอัพได้ทั้งแบบยุบตัว (12 ทิศทาง) และแบบคืนตัว (10 ทิศทาง) รวมถึงปรับพรีโหลดแบบไม่มีสเต็ป ช่วยให้ตั้งค่าได้อย่างแม่นยำตามความต้องการและสไตล์การขับขี่ของผู้ขับขี่
โช้คอัพหลังระบบกันสะเทือนหลังวางตำแหน่งชุดโช้คอัพและชุดเชื่อมต่อไว้เหนือสวิงอาร์ม การจัดวางแบบนี้ช่วยกระจายมวลให้อยู่กึ่งกลาง ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ระบบกันสะเทือนอยู่ห่างจากท่อไอเสียมากพอที่ความร้อนจะไม่ส่งผลต่อการทำงาน โช้คอัพหลังมีระบบหน่วงการคืนตัวแบบไม่มีขั้นและสามารถปรับพรีโหลดแบบไม่มีขั้นได้
รุ่น SE มาพร้อมกับ โช้คหลัง Öhlins S46 โดดเด่นด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมแบบท่อเดี่ยว ลูกสูบขนาดใหญ่ ø46 มม. และห้องน้ำมันและก๊าซภายในที่แยกจากกันด้วยลูกสูบแบบลอยตัว ส่งผลให้สัมผัสการยึดเกาะและการควบคุมที่เหนือกว่า การทำงานที่ดีขึ้นของโช้คหลัง Öhlins ยังช่วยให้รู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่อีกด้วย และเซ็ตติ้งที่เข้ากันทั้งโช๊คหน้าและโช๊คหลัง
Brakes/Wheels/Tyres
เบรกหน้า จานเบรกขนาด ø300 มม. ยึดด้วยคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเม้าท์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ/ ปั๊มเบรกคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเม้าท์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ ของ Brembo ในรุ่น SE
เบรกหลัง มีคาลิปเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยวพร้อมสลักสไลด์จับยึด จานเบรกขนาด ø250 มม.
ยางหน้า Dunlop SPORTMAX GPR-300 120/70ZR17 M/C (58W)
ยางหลัง Dunlop SPORTMAX GPR-300 180/55ZR17 M/C (73W)
ล้อที่ออกแบบมาอย่างประณีตช่วยเสริมภาพลักษณ์ Z900RS น้ำหนักใต้สปริงที่เบา (ด้วยชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สวิงอาร์มและล้อ)ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
ท่านั่งขับขี่ที่ผ่อนคลาย
ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนในเมืองหรือบนเนินเขา ตำแหน่งการขับขี่ที่ผ่อนคลาย พร้อมเบาะนั่งต่ำเพียง 810 มม. (และ 820 มม.ในรุ่น SE) ของ Z900RS มอบทั้งความสะดวกสบายและการควบคุม รองรับทั้งการขับขี่แบบสบายๆ และการวิ่งด้วยความเร็วที่เร้าใจยิ่งขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างที่พักเท้า เบาะนั่ง และแฮนด์ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มการสื่อสารระหว่างผู้ขี่และรถ ช่วยให้ผู้ขี่รู้สึกมั่นใจในการควบคุมรถ ซึ่งเสริมกับการควบคุมที่เบาและเป็นธรรมชาติ
แฮนด์บาร์แบบแบนและกว้างช่วยเสริมสไตล์สปอร์ตแบบเรโทร พร้อมมอบการยึดเกาะที่กว้างเพื่อการควบคุมที่สะดวกมุมเลี้ยวที่กว้าง 35ºช่วยให้ควบคุมรถได้สะดวกด้วยความเร็วต่ำ
Electronic Cruise Control
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของคาวาซากิ ช่วยให้สามารถรักษาความเร็วที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดแรงกดที่มือขวาเมื่อเดินทางไกล ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายและมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับสูง
- IMU 6 axis
หรือ Inertial Measurement Unit ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตามแนวแกน 6 DOF (Degree of Freedom) ได้วัดความเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุน อัตราการหันเห และอัตราการเหวี่ยง (Pitch, Roll และ Yaw) Feedback จาก IMU ช่วยให้เห็นภาพทิศทางของตัวรถแบบเรียลไทม์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้การจัดการแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก IMU ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ นั่นคือ การจัดการเบรกขณะเข้าโค้ง นอกจากเซ็นเซอร์ความเร็วล้อหน้าและล้อหลัง (ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับระบบ ABS ทุกระบบ) แล้ว ระบบ ABS ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ยังใช้ข้อมูลจาก IMU เพื่อคำนวณมุมเอียงของรถจักรยานยนต์ หากผู้ขับขี่ใช้เบรกเลยจุดเข้าโค้ง เพิ่มแรงเบรกกลางโค้ง หรือพบการเปลี่ยนแปลงแรงยึดเกาะพื้นผิวอย่างแรงเบรกจะถูกปรับเพื่อยับยั้งพฤติกรรมการลื่นไถลของรถ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาเส้นทางที่ตั้งใจไว้ขณะเข้าโค้งได้ แทนที่จะออกนอกโค้ง หรือหยุดรถได้อย่างมีสติ
- KTRC ช่วยการยึดเกาะถนน (Kawasaki TRaction Control)
Z900RS มาพร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนน มีสองโหมดครอบคลุมสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย มอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่เหนือชั้น หรือมอบความอุ่นใจในการลุยพื้นผิวลื่นได้อย่างมั่นใจ
Mode 1 ซึ่งทำงานน้อยที่สุด ช่วยควบคุมการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง
ออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ต ช่วยให้การเร่งความเร็วออกจากโค้งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มแรงขับเคลื่อนจากล้อหลังไปข้างหน้าให้สูงสุด
Mode 2 ซึ่งทำงานมากกว่าไมากกว่า เมื่อตรวจพบการหมุนของล้อมากเกินไป กำลังเครื่องยนต์จะลดลงเพื่อให้ยึดเกาะถนนได้อีกครั้ง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ทั้งบนเส้นทางสั้นๆ ที่ท้าทาย (เช่น รางรถไฟหรือฝาปิดท่อระบายน้ำ) และบนเส้นทางที่มีแรงยึดเกาะต่ำ (เช่น ถนนเปียก ถนนกรวด หรือถนนกรวด)
- KQS ควิกชิพเตอร์ช่วยให้เข้าเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์
ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะเครื่องยนต์อันทรงพลังของ Z900RS ได้มากยิ่งขึ้น ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเร็วช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ เพื่อการเร่งความเร็วที่ราบรื่นและลดความเร็วได้อย่างง่ายดาย
- Kawasaki Cornering Management Function
หรือ KCMF ตรวจสอบพารามิเตอร์ของเครื่องยนต์และแชสซีตลอดโค้ง ตั้งแต่เข้าโค้ง ผ่านจุดสูงสุด ไปจนถึงทางออกโค้ง โดยควบคุมแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเปลี่ยนจากการเร่งความเร็วเป็นการเบรกและกลับมาเป็นปกติเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามเส้นทางที่ตั้งใจไว้ผ่านโค้งได้
- Rideology The App
ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์แบบไร้สาย ซึ่งสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดียิ่งขึ้น
– Vehicle Info: แสดงข้อมูลรถผ่านแอพในโทรศัพท์
– Riding Log: แสดงเส้นทางการขับขี่ของผู้ขับขี่
– Telephone Notice: เตือนผู้ขับขี่ว่ามีสายหรืออีเมลล์เข้า
– Tuning-General Setting: ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น
รุ่น SE มาพร้อมกับช่อง USB Type-C บนแฮนด์ด้านขวามือ เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสี “Fireball” อันเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่รุ่น Z1 โดยมีการปรับลวดลายให้เข้ากับการอัพเกรดของ Z900RS ในครั้งนี้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับล้อสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ในตัว SE
Z900RS พร้อมจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีรุ่นย่อย 2 รุ่น คือรุ่นธรรมดา สีแดง (Candy Tone Red) ราคาขายปลีกแนะนำ 409,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) และรุ่น SE สีดำ (Metallic Spark Black) ราคาขายปลีกแนะนำ 449,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน, พรบ.
โปรโมชั่นพิเศษนี้เฉพาะช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2568
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับกระแสรถคลาสสิคที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คาวาซากิได้ปรับราคารถจักรยานยนต์ในตระกูล W และ Meguro ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นในคลาส 230 ซีซี หรือ 800 ซีซี พร้อมเสนอโปรโมชั่นพิเศษในช่วงงาน Kawasaki Expo ถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อแฟนๆสายคลาสสิคทุกคน
ราคาขายปลีกแนะนำใหม่
W230 ราคา 129,900 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย และทะเบียน, พรบ.
Meguro S1 ราคา 147,900 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย และทะเบียน, พรบ.
W800 ราคา 349,000 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่าสูงสุด 12,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี และทะเบียน, พรบ.
Meguro K3 ราคา 379,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี และทะเบียน, พรบ.
และแม้งานจะจบลงไปแล้ว แต่ทุกท่านยังสามารถพบกับกิจกรรม ข้อเสนอดีๆ และของรางวัลมากมายเช่นเดียวกับในงาน Kawasaki Expo 2025 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคมนี้ เท่านั้น
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คว้ารางวัล Outstanding Safety Campaign 2025 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืน
รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้รับรางวัล Outstanding Safety Campaign 2025 แคมเปญยอดเยี่ยมด้านความปลอดภัย ประจำปี 2568 จากงานประกาศผลรางวัล “Thailand Car, EV & Motorcycle of The Year 2025” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยมี นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลในพิธีดังกล่าว
รางวัลนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของแคมเปญระดับประเทศ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ซึ่งไทยฮอนด้าได้เดินหน้ารณรงค์ความปลอดภัยครั้งใหญ่ผ่านกิจกรรม คาราวานมอบหมวกกันน็อก 60 ปี ไทยฮอนด้า ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ส่งมอบหมวกกันน็อกจำนวน 112,440 ใบ มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท กระจายสู่ประชาชนและเยาวชนใน 77 จังหวัดทั่วไทย ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา และเดินหน้าส่งต่อความปลอดภัยต่อเนื่องตลอด 4 เดือนเต็ม โดยในเร็ว ๆ นี้จะเดินทางถึง หมุดหมายสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบหมวกกันน็อกให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการปิดฉากแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าอีกสองรุ่น ได้แก่ New Honda PCX และ All New Honda Wave125 ที่มีความโดดเด่นและได้รับคัดเลือกเข้ารอบรางวัล Motorcycle of the Year 2025 ในงานเดียวกัน ตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านคุณภาพ สมรรถนะ และความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทย
ไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นในการเดินหน้าสร้างสังคมแห่งการขับขี่ปลอดภัย พร้อมส่งต่อความห่วงใยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ด้วยเป้าหมายการพัฒนาความปลอดภัยของประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
3 ดาวรุ่งฮอนด้าเดือดสนั่นบุรีรัมย์! บิด Honda CBR พาเหรดขึ้นโพเดียม NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 เรซแรก
ทีมแซทเทิลไลท์จากฮอนด้า รุ่นท็อปสุดของรายการ รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) นำโดย “มิกซ์-ธนัช” แบกประสบการณ์ดวลความเร็วคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 ทำผลงานให้ฮอนด้า ควงรุ่นน้อง “ไฮเปค-กฤษฎา” และ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ในศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 เรซ 1 ทำผลงานพาเหรดขึ้นโพเดียมก่อนดวลความเร็วลุ้นแชมป์ในเรซสุดท้าย วันอาทิตย์นี้
รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) ไฮไลท์ของรายการที่ดวลกันด้วยรถแข่งที่เร็วและแรงที่สุด ดาวรุ่งไทยฮอนด้า “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส บิด Honda CBR1000RR-R ทำเวลาในการควอลิฟายมาในกริดที่ 2 เริ่มต้นเกมได้อย่างแข็งแกร่งชาร์จความเร็วขึ้นมาเป็นผู้นำได้ทันที โดยปักหลักดวลความเร็วกับคู่แข่งที่มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อลุ้นชัยชนะ “มิกซ์-ธนัช” ขึ้นนำและรักษาอันดับที่ 1 มาจนถึงรอบสุดท้าย โดยรับมือกับความกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยโค้งสุดท้ายซึ่งเป็นโค้งตัดสินในเรซนี้ เข้ามาด้วยไลน์ที่ค่อนข้างเสียเปรียบ ก่อนคว้าชัยชนะเก็บอันดับที่ 2 มาครอง
การแข่งขันรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ยอดนักบิดดาวรุ่งไทยพัฒนาผลงานและรักษามาตรฐานความเร็วในแถวหน้าได้อย่างต่อเนื่อง “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 ควบ Honda CBR600RR จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ฮอนด้า ทีม ออกสตาร์ตการแข่งขันจากกริดที่ 2 ขึ้นมารั้งในกลุ่มพร้อมกับสลับและแซงคู่แข่งขึ้นมาครองอันดับที่ 1 ได้ทันทีตั้งแต่ต้นเรซ แต่โค้งสุดท้ายเป็นช่วงจังหวะที่ติดรถน็อครอบ ทำให้การเดินคันเร่งออกจากโค้งเสียเปรียบคู่แข่งเล็กน้อย พลาดชัยชนะไปเพียงเสี้ยววินาที เข้าเส้นชัยขึ้นโพเดียมอันดับที่ 2 ตามมาติด ๆ ด้วย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ที่เริ่มต้นจากกริดที่ 3 ดวลความเร็วกันที่กลุ่มหน้าอย่างดุเดือด ตามมาบนโพเดียมเป็นอันดับที่ 3 ยังรักษาโอกาสในการลุ้นแชมป์ประจำปี
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1) 2 ดาวรุ่ง จาก โปร ฮอนด้า สิทธิพล ไออาร์ซี ดีไอดี ซีบี อาชิ กิตติ เรซซิ่ง บิด Honda CBR250RR ลงแข่งขันในเกมสุดท้าทายดวลความเร็วกันสุดเข้มข้น ด้วยประสบการณ์ที่เป็นรองแต่ดาวรุ่งฮอนด้าใช้เป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันในอนาคต “ต้นกล้า” ภคภัคร พึ่งเจริญ หมายเลข 78 เริ่มต้นจากกริดที่ 17 ก่อนเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 18 โดยที่ “เฟรม” ภูริทัต จันจาด หมายเลข 98 ควอลิฟายมาเป็นอันดับที่ 16 จบการแข่งขันในอันดับที่ 20
ทั้งนี้ ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 เรซที่ 2 จะดวลความเร็วกันต่อและตัดสินแชมป์ประจำซีซั่นนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี. เวลา 09.30 น. ต่อด้วย รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี SS1 Pro เวลา 13.25 น. และ รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) เวลา 14.25 น. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #BRICSuperBike2025 #NexzterBRICSuperBike2025 #HondaCBR #Mix31 #Kaowkong20 #HiPeck18 #ChangInternationalCircuit
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า ร่วมลงนามข้อตกลง “มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารอบ 2 (EV 3.5)” เดินหน้าพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้า สู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ปี 2593
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทยเข้าร่วมพิธีลงนามบันทึก “พิธีลงนามข้อตกลงการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถจักรยานยนต์ระยะที่ 2” ระหว่างกรมสรรพสามิตและผู้ประกอบอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมทั้งผลักดันการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอน และขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว ตามวิสัยทัศน์ของฮอนด้าที่มุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593
พิธีการลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ นำโดย มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้ลงนามร่วมกับ ดร.พรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมด้วย นายบัญชร ส่งสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี 2 และนางสุภาพร วัฒนเจริญ ผู้อำนวยการส่วนมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี 3
มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตผู้บริโภคชาวไทยและสภาพแวดล้อมของประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ทำงานร่วมกับภาครัฐมาโดยตลอด ทั้งในด้านการวิจัย พัฒนา และการส่งเสริมให้เกิดการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง รวมถึงการเข้าร่วมในมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ระหว่างปี พ.ศ. 2566–2568 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยก้าวสู่มาตรฐานสากล การลงนามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารอบ 2 (EV 3.5) ครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการสานต่อพันธกิจดังกล่าว
ฮอนด้ายืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรทุกฝ่าย เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประชาชนทั่วโลก”
สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารอบ 2 (EV 3.5) จะมีผลใช้บังคับในช่วงปี พ.ศ. 2567 – 2570 โดยครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยสิทธิประโยชน์ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เงินอุดหนุน การลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูป และการลดอัตราภาษีสรรพสามิต โดยเงินอุดหนุนจะเป็นไปตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ สำหรับกรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า EV ราคาไม่เกิน 150,000 บาท ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 5,000 – 10,000 บาท/คัน โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อมุ่งลดต้นทุนการเป็นเจ้าของยานยนต์ไฟฟ้าให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ควบคู่กับการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#EV #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine



































































































































































