-
News Motocycle1 Min Read
Repsol Honda HRC ร้อนแรงต่อเนื่อง “โทนี่ โบ” นำทีมคว้าชัย X-Trial 2026 สนาม 2
Repsol Honda HRC ทำผลงานสุดเหนือชั้นต่อเนื่อง ในการแข่งขันศึก X-Trial World Championship 2026 สนามที่ 2 มาดริด ประเทศสเปน ด้วยชัยชนะของ “โทนี่ โบ” ยอดนักบิดไต่เขาชาวสเปนซึ่งเป็นวินเนอร์ครั้งที่ 93 ของเจ้าตัว ตามมาติด ๆ ในอันดับที่ 2 กับผลงานของทีมเมท “กาเบียล มาเซลลี่” เป็นการคว้าชัยชนะพร้อมกับกวาดอันดับที่ 1 และ 2 สองสนามติดต่อกัน ในศึก X-Trial World Championship 2026 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศ การแข่งขัน X-Trial เป็นศึกที่ต้องอาศัยทั้งทักษะ ความแม่นยำ และประสบการณ์ของนักบิดในการควบคุมรถ เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุดและลดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด ซึ่งยอดนักขับสเปนของฮอนด้าอย่าง “โทบี่ โบ” สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่าจะพึ่งเป็นต้นซีซั่น ผ่านทุกอุปสรรคในการแข่งขันไม่ก่อความผิดพลาดและเปิดช่องให้คู่แข่งท้าทายได้เลย คว้าชัยชนะไปครองได้สำเร็จ ขณะที่ “กาเบียล มาเซลลี่” ที่เปิดฤดูกาลด้วยฟอร์มที่ร้อนแรง คว้าโพเดียมอันดับที่ 2 ได้สำเร็จอีกครั้ง
จบการแข่งขันสนามที่ 2 “โทนี่ โบ” คว้าชัยชนะ 2 สนามติดต่อกันและเก็บไปแล้ว 40 คะแนนเต็ม โดยมี “กาเบียล มาเซลลี่” คว้าอันดับที่ 2 ทั้ง 2 สนามซึ่งมีคะแนนอยู่ 30 คะแนน นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นซีซั่นได้อย่างแข็งแกร่งของฮอนด้าด้วยการส่งผลให้รั้งตำแหน่งหัวแถวของตารางแชมเปี้ยนชิพทันที
ทั้งนี้ การแข่งขันศึก ศึก X-Trial World Championship 2026 จะกลับมาดวลกันอีกครั้งในโปรแกรมสนามที่ 3 ที่ แซงต์เดอนี ประเทศฝรั่งเศส (Saint Denis, France) ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 นี้
#ThaiHonda #HRC #RaceToTheDream #HondaRacingThailand #MotorSport #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaRacingCorporation #FIMXTrailGP #XTrailGP2026
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
กกท. ยืนยัน ไทยพร้อมเป็น ‘ประตูบานแรก‘ สู่ MotoGP ฤดูกาล 2026! ประกาศเปิดขายบัตร ‘3-in-1’ พร้อมกันทั่วโลก 11 พ.ย. นี้
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เตรียมจัดงานแถลงข่าวใหญ่การจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ ‘พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026’ หรือ MotoGP สนามประเทศไทย ในวันที่ 11 พ.ย. 2568 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 25 การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) กรุงเทพ โดยมี Dorna Sports เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันร่วมงานด้วย พร้อมเปิดขายบัตรชมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยว่า ไทยได้ใช้ความพิเศษในการเป็นเจ้าภาพสนามเปิดฤดูกาล 2 ปีซ้อน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ ‘ศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ตเอเชีย’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘More Than A Race’ สานต่อความสำเร็จ ThaiGP ที่เป็นมากกว่าแค่การแข่งขัน
ฝ่ายจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” โดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และหน่วยงานเกี่ยวข้องน้อมถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ด้านความเคลื่อนไหวของการจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” สนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2026” (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์) ล่าสุด รัฐบาลไทย นำโดย “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ร่วมกับ “การกีฬาแห่งประเทศไทย” หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน เตรียมจัดงานแถลงข่าว พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 11 พ.ย. 2568 โดยการแข่งขันรายการนี้จะระเบิดศึกในประเทศไทย เป็นสนามที่ 1 เปิดฤดูกาล ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-1 มี.ค.2569 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
ThaiGP: มากกว่าแค่การแข่งขัน แต่คือ ‘ความครบเครื่อง-ยิ่งใหญ่-เสน่ห์วิถีไทย’ ที่ครองใจทั่วโลก
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เผยถึงนัยสำคัญของการที่ไทยถูกเลือกให้เป็น ‘ประตูบานแรก’ ของฤดูกาล MotoGP 2026 ว่า “ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ประเทศไทยมีและทำให้เราแตกต่างจากสนามอื่นๆ นั่นก็คือ เอกลักษณ์ความเป็นเจ้าบ้านที่อบอุ่น และการสร้างบรรยากาศที่แฟนๆ ไม่มีวันลืม
สำหรับ ThaiGP 2026 เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้สนามประเทศไทยไม่ใช่เพียงแค่สถานที่จัดการแข่งขันเท่านั้น แต่เป็นเวทีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ครองใจผู้คน เราจะใช้ Soft Power ของไทยในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การแสดงออกทางศิลปะ วัฒนธรรม อาหารไทย ไปจนถึงกิจกรรมเสริมอย่างมวยไทย คอนเสิร์ต และกิจกรรมท้องถิ่น รวมทั้งชัตเติ้ลแต๋นที่เป็นภาพจำ ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสเสน่ห์แบบไทยอย่างแท้จริง เพราะเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่นำเสนอภาพจำที่ดีของประเทศไทยไปสู่แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก และยังเป็นสิ่งที่สร้างเอกลักษณ์ให้ ThaiGP แตกต่างจากสนามอื่นๆ ในโลก ตามคอนเซ็ปต์ของงานปีนี้ที่ว่า More Than A Race คือเป็นมากกว่าเพียงแค่การแข่งขัน แต่มีความหลากหลายในทุกมิติ
นอกจากความยิ่งใหญ่ของ Main Race แล้ว การจัด Pre-Season Test ที่ประเทศไทย ก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและแฟนโมโตจีพีทั่วโลกเช่นกัน เนื่องจากทีมแข่งระดับโลกจะยกทัพวิศวกร นักวิเคราะห์ และรถแข่งรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อใช้ในฤดูกาล 2026 มาเปิดตัว และทดสอบอย่างเป็นทางการ ณ สนามช้างฯ เป็นที่แรกๆ ถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนเกม’ และเป็นชัยชนะเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดจากทั้งหมด 22 สนามทั่วโลก
ตอกย้ำ ‘Global Exclusive’: เปิดขายบัตร ‘3-in-1’ ที่เดียวในโลก 11 พ.ย. นี้
ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยถึงแผนงานการเปิดจำหน่ายบัตรว่า จะมีการจัดงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พ.ย. 2568 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 25 การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) กรุงเทพ มีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมตัวแทนจาก Dorna Sports ร่วมงาน พร้อมเปิดขายบัตรอย่างเป็นทางการ โดยมีนโยบายที่สร้างความฮือฮาในตลาดโลก
“กล่าวได้ว่า เราเป็นที่เดียวของโลก ที่มีจำหน่ายบัตรแบบ Physical Pass หรือบัตรแข็งที่ดีไซน์โฉมใหม่ตามคอนเซ็ปต์ในแต่ละปี ให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตได้มีโอกาสสะสมเป็นคอลเลกชั่น และได้เก็บเป็นของที่ระลึก เพื่อความประทับใจ”
พร้อมกับมอบประสบการณ์ ‘Global Exclusive’ ที่ ‘ไม่มีสนามไหนในโลกทำได้’ เพราะจะเป็นสนามเดียวของโลกของฤดูกาล 2026 ที่จะเป็นบัตร ‘3-in-1’ ที่มอบสิทธิ์ให้เข้าชมได้ครบทั้ง การทดสอบรถ (Pre-Season Test) ในวันที่ 21-22 ก.พ. 2569, การแข่งขันจริง (Main Race) 27 ก.พ. -1 มี.ค. 2569 และใช้เป็นบัตรแอดมิชชั่นเข้ากิจกรรมบันเทิงภายนอกสนาม ทั้งคอนเสิร์ต มวย ร่วมสนุกฟรีในลานกิจกรรม บูธสินค้ามอเตอร์สปอร์ตชั้นนำ อาหารของดีของดัง ฯลฯ ตลอด 3 วันเต็ม
นี่คือการมอบ ‘มูลค่าที่เพิ่มขึ้น’ อย่างมหาศาลให้กับผู้ถือบัตร อีกทั้ง เรายังเชื่อว่าบัตรเข้าชมไทยจีพีนั้นมีราคาที่ถูกมากหากเปรียบเทียบกับโมโตจีพีสนามอื่นๆ ทั่วโลก และยังมีการพ่วงส่วนลดของผู้สนับสนุนอีกด้วย นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการดึงดูดแฟนๆ จากตลาดหลักทั่วโลกให้เลือกเดินทางมาประเทศไทยก่อนใคร
การกีฬาแห่งประเทศไทยยืนยันว่า เราจะใช้ทุกจุดแข็งที่กล่าวมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเสริมความแข็งแรงของด้วย เสน่ห์แบบไทย สานต่อและพัฒนา โมโตจีพีวิถีไทยให้เป็น อาวุธทางการตลาดที่สร้างสรรค์และเข้มแข็ง ผลักดันประเทศไทยให้เป็น Destination สำคัญในโลกของมอเตอร์สปอร์ต และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และพัฒนาวงการกีฬาอย่างยั่งยืน
“เชื่อว่าเราอาจจะได้เห็นภาพการจองบัตรแบบทุบทุกสถิติ ความนิยมถล่มทลาย โดยคาดว่าที่นั่งจะเต็มในทุกสแตนด์ ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นเคย เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า สนามช้างฯ นั้นมีการออกแบบให้เชียร์สนุกในทุกมุมมอง รวมถึงความเต็มอิ่มกับ 3 วันคุณภาพที่แฟนความเร็วได้รับ จากทั้งในและนอกสนาม สิทธิประโยชน์จัดเต็ม สนุกกับกิจกรรมความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ครบครัน คอนเสิร์ต มวย ช้อป ชิม เป็นประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุด และชนะใจแฟนจากทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ “โมโตจีพี” ยังมีแผนที่จะจัดงานเปิดตัว MotoGP ฤดูกาล2026 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 6-7 ก.พ. จากนั้นต่อด้วย Pre-Season Test หรือการทดสอบก่อนเปิดสนาม ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย ในวันที่ 21-22 ก.พ. และวันที่ 27 ก.พ. – 1 มี.ค. 2569 เป็นวันแข่งขัน สนามประเทศไทย
สำหรับช่องทางการเปิดจำหน่ายบัตรโมโตจีพี 2026 ได้แก่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ วันอังคารที่ 11 พ.ย. 2568 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle3 Min Read
ยามาฮ่า ฉลองครบรอบ 70 ปี ความยิ่งใหญ่ ประกาศเข้าร่วม Japan Mobility Show อวดโฉม 16 โมเดลสุดล้ำ ภายใต้คอนเซปต์ Feel the Future of Human-Machine Mobility
บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ฉลองครบรอบ 70 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการยกทัพยานยนต์สุดล้ำเข้าร่วมโชว์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในงาน Japan Mobility Show 2025 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Manufacturers Association, Inc.) ณ Tokyo Big Sight ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้ธีม “Feel. Move.” สัมผัส ทุกการเคลื่อนไหว นำพาหัวใจให้ตอบสนอง ช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น ประกายแห่งแรงบันดาลใจเหล่านี้ — นำพาความสุขมาสู่ชีวิต และส่องแสงสว่างให้กับวันที่จมอยู่กับกิจวัตรประจำวัน
โดยบูธ “Feel. Move.” ของ ยามาฮ่า มอเตอร์ ตั้งอยู่ใน East Hall 5 และถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “สัมผัสอนาคตของการเดินทางระหว่างมนุษย์ และเครื่องจักร (Feel the Future of Human-Machine Mobility) โดยมีการจัดแสดงโมเดล 16 สุดล้ำของนวัตกรรมยานยนต์ พร้อมทั้งอวดโฉม 6 โมเดลครั้งแรกของโลก ด้วยรถยานยนต์ต้นแบบสุดล้ำ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและระบบไฮบริด, จักรยานไฟฟ้า (eBikes), และโมเดลแนวคิดสำหรับรถเข็นไฟฟ้าได้แก่ MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) รถจักรยานยนต์ที่เรียนรู้และพัฒนาตนเองแบบอัตโนมัติ, TRICERA proto ยานยนต์ 3 ล้อต้นแบบ ที่ใช้ระบบเลี้ยวได้ทั้ง 3 ล้อ, PROTO BEV มอเตอร์ไซค์ EV SuperSport, H2 Buddy Porter Concept เครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่ร่วมกันพัฒนากับโตโยต้าเพื่อพลังงานที่สะอาด, Y-00B จักรยานไฟฟ้าที่เรียบหรูและทันสมัย และ e-Axle for Automotive Drive Unit ชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าที่ใช้โครงสร้างแบบผสานรวมกับมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และชุดเกียร์เข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ บริษัท ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ยังให้ความร่วมมือโดยมี ฮัตสึเนะ มิกุ ผู้มีชื่อเสียงจาก VOCALOID มาเป็นผู้ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์บูธ พร้อมทั้งจัดแสดงเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และทำการแสดงด้วยเครื่องดนตรีเหล่านั้น รวมถึงนำเสนอการแสดงบนเวทีที่เต็มไปด้วยพลังโดยใช้เทคโนโลยีอะคูสติก 3 มิติของยามาฮ่าอีกด้วย
WORLD PREMIERE MODELS ทั้ง 6 รุ่น ที่ทำการเปิดตัวในครั้งนี้ได้เแก่
MOTOROiD:Λ (แลมบ์ดา)
MOTOROiD เป็นโครงการที่ยามาฮ่าได้พัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิด “ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร” โดยได้เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2017 ที่ยามาฮ่าได้เผยโฉม MOTOROiD รุ่นต้นแบบ (Proof of Concept) ที่สามารถยืนทรงตัว และโต้ตอบกับผู้ขี่ได้อย่างอิสระ จากนั้นในปี 2023 MOTOROiD2 ได้พัฒนาไปอีกขั้น ด้วยความสามารถในการสื่อสาร และตอบสนองซึ่งกันและกันระหว่างผู้ขี่กับตัวรถ เสมือนกับเป็น “คู่หู” ที่เข้าใจกัน และในปี 2025 ยามาฮ่าได้พัฒนา MOTOROiD ขึ้นไปอีกขั้นโดยมีชื่อว่า MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) มาพร้อมกับระบบที่สามารถ “เรียนรู้และพัฒนาด้วยตัวเอง” ผ่านเทคโนโลยี Reinforcement Learning ที่รถจะทำการฝึกฝนในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (Virtual Environment) และนำทักษะที่ได้มาใช้จริงด้วยเทคนิค Sim2Real เพื่อให้สามารถตัดสินใจ และตอบสนองได้ด้วยตนเอง
MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของวิวัฒนาการ ที่เปิดโอกาสให้ “ยานยนต์สามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้ขี่ใช้งาน” ด้วยจุดเด่นของรุ่นนี้คือการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ และคล่องตัว ซึ่งได้จากการเรียนรู้ของระบบ AI รวมถึงโครงสร้างภายนอก (Exoskeleton) ที่เบา และมีความแข็งแรง รองรับการทดลอง และการพัฒนาซ้ำอย่างต่อเนื่องในกระบวนการเรียนรู้ด้วยการผสานโลกของ “การขับเคลื่อน” เข้ากับ “การเรียนรู้ของเครื่องจักร” MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา) มีเป้าหมายที่จะสร้างนิยามใหม่ให้กับโลกของยานยนต์สองล้อ และปูทางสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนรูปแบบใหม่อย่างแท้จริง
TRICERA proto (ไทรเซร่า โปรโต)
TRICERA proto คือรถยานยนต์ไฟฟ้าสามล้อแบบเปิดประทุนที่สะท้อนแนวคิด “ความสนุกในการขับขี่” ที่สามารถใช้งานได้จริง มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวสามล้อ (3WS – Three-Wheel Steering System) ที่มอบทั้งสมรรถนะการเข้าโค้งอันเร้าใจ และ “ประสบการณ์การควบคุมแบบใหม่” ที่ทำให้การเรียนรู้วิธีขับขี่กลายเป็นความสนุกในตัวมันเอง ด้วยแรงบันดาลใจจากความรู้สึกตอบสนองที่รวดเร็วและการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับกับตัวรถในขณะเข้าโค้ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ (All-Wheel Steering), TRICERA proto ได้รับการปรับจูนระบบควบคุมการเลี้ยวให้ตอบโจทย์มุมมองด้าน “Human Research” เพื่อมอบความเพลิดเพลินสูงสุดและสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับเครื่องยนต์ในระดับใหม่ รถต้นแบบคันนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมเสียง αlive AD sound control ที่ปรับแต่งเสียงของมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีมิติและเร้าอารมณ์ยิ่งขึ้น เพิ่มความตื่นเต้นและดึงให้ผู้ขับ “มีส่วนร่วมกับประสบการณ์ขับขี่” อย่างเต็มที่ ในด้านการออกแบบดีไซน์ เน้นที่เส้นโค้งของเฟรมกลาง (Center Frame) ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างสามล้อที่โดดเด่น ขณะที่การตัดกันระหว่าง “พื้นที่ของผู้ขับ” และ “พื้นที่ฟังก์ชันการทำงาน” จะทำให้ความรู้สึกแตกต่างกันช่วยสร้างภาพลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นและล้ำยุคอย่างแท้จริง
PROTO BEV (โปรโต บีอีวี)
PROTO BEV รถต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงคันนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “ความสนุกที่มีได้เฉพาะในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ความจุสูง” เพื่อยกระดับความสนุกในการขับขี่ให้ถึงขีดสุด และได้ประสบการณ์ขับขี่ที่สนุกสูงสุด ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบรถซูเปอร์สปอร์ต ยามาฮ่าจึงให้ความสำคัญในการดีไซน์ “ความเบา และขนาดที่กะทัดรัด” ส่งผลให้เกิดเป็นรถ EV Supersport ที่ขี่ง่าย คล่องตัว และควบคุมได้อย่างง่ายดายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า จากรถเครื่องยนต์สันดาปรุ่นต่างๆ เข้ากับ “ความเรียบลื่น และความแรงเร่งอันทรงพลัง” ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ตอบสนองคันเร่งได้อย่างเป็นเส้นตรงและแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบ Human–Machine Interface (HMI) ยังถูกออกแบบให้ช่วยให้ผู้ขับ “โฟกัสกับการขี่ในสนามได้อย่างเต็มที่” ด้วยปุ่มควบคุมที่จัดวางให้อยู่ในตำแหน่งใช้งานสะดวกที่ปลายนิ้ว พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Visualizer และระบบเสียงที่สื่อสารสถานะของรถทั้งในรูปแบบภาพและเสียง
PROTO BEV จึงเป็นการผสานเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ากับจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจของยามาฮ่า เพื่อสร้างนิยามใหม่ของ “ความสนุกในการขับขี่” ในยุคแห่ง EV อย่างแท้จริง
H2 Buddy Porter Concept (เอชทู บัดดี้พอร์ตเตอร์)
เครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Yamaha Motor และ Toyota Motor Corporation ได้ร่วมกันสร้าง “ถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูงแบบใหม่” ที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ และสกู๊ตเตอร์ และได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการมุ่งสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจนสามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้ในอนาคต โดยยามาฮ่ารับหน้าที่หลักในการพัฒนาเครื่องยนต์ไฮโดรเจน โครงสร้างตัวถัง และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ ซึ่งทำให้เมื่อเติมเชื้อเพลิงเต็มถังแล้ว H2 Buddy Porter Concept จะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงเต็มถังหนึ่งครั้ง ต้นแบบคันนี้ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึง “ข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับการใช้งานบนถนนจริง” ตามมาตรฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษ Euro 5 รวมถึงข้อกำหนดด้าน NOx อย่างครบถ้วน
Y-00B:Base / Y-00B:Bricolage
Y-00B:Base (วายศูนย์ศูนย์บี เบส) คือคอนเซ็ปต์ eBike รูปแบบใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของสามารถ “แสดงตัวตนได้อย่างอิสระ” ดีไซน์เฟรมแบบ Dual Twin ที่บางเบา และมินิมอล ผสานแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนขนาดกะทัดรัดไว้อย่างกลมกลืน ให้ภาพลักษณ์ที่เรียบหรูและทันสมัย
ด้วยโครงสร้างที่ “ยืดหยุ่นต่อการปรับแต่ง” และ “ขยายศักยภาพได้ในอนาคต” ทำให้ Y-00B:Base เติบโตไปพร้อมกับเจ้าของ สามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรสนิยมของแต่ละคนได้อย่างอิสระ กลายเป็น “คู่หู” ที่เชื่อถือได้ในทุกเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมาพร้อม USB-PD Converter สำหรับชาร์จอุปกรณ์ได้ทุกที่ระหว่างการเดินทาง และแบตเตอรี่ทรงเพรียวที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น
Y-00B:Bricolage (วายศูนย์ศูนย์บี บริโคลาจ) คือเวอร์ชันคัสตอมสุดพิเศษของ Y-00B:Base ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีของ Yamaha Motor โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์รุ่นแรกของยามาฮ่าอย่าง YA-1 (ปี 1955) ผสานสุนทรียศาสตร์การออกแบบ ให้เข้ากับ เทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างลงตัว สร้างสรรค์รูปลักษณ์ และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง
e-Axle for Automotive Drive Unit (อีแอคเซิล ออโตโมทีฟไดร์ฟ)
ชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า (Electric Drive Unit) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการส่งมอบให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในอนาคต ด้วยโครงสร้างแบบพิเศษ 3-in-1 ที่ผสานมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และระบบเกียร์เข้าไว้ในชุดเดียวกัน ทำให้สามารถให้กำลังขับที่สูง ในขณะที่ตัวของเครื่องยนต์มีน้ำหนักเบา และมีขนาดที่กะทัดรัด โดยระบบ e-Axle นี้ออกแบบให้รองรับการใช้งานได้กับรถยนต์หลายประเภท โดยสามารถทำงานกับแรงดันไฟตั้งแต่ 350V ถึง 800V และให้กำลังขับได้สูงสุดถึง 450 kW
เทคโนโลยีนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยามาฮ่าในการพัฒนานวัตกรรมด้านการขับเคลื่อน เพื่อรองรับโลกยานยนต์ยุคไฟฟ้าในอนาคตอย่างแท้จริง
PROTO HEV (โปรโต เอชอีวี)
รถต้นแบบไฮบริด Series–Parallel Hybrid (SPHEV) ที่มอบประสบการณ์ “ความสนุกในการขับขี่” ที่แตกต่าง ด้วยความสามารถในการสลับระหว่างโหมดการขับขี่เป็นสองรูปแบบอย่างอิสระได้แก่ “Serene” และ “Spirited” ด้วยการใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผสานโหมดการขับขี่ที่หลายกหลายได้อย่างลงตัว ให้ความเงียบ และนุ่มนวลในการขับขี่ในเมือง พร้อมมอบสมรรถนะที่ทรงพลังและมั่นใจในขณะขับขี่นอกเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระบบ power and energy management technology ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า 35%* เมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ในระดับเดียวกัน อ้างอิงจากการทดสอบภายในองค์กร ภายใต้โหมด WMTC2-2
PROTO PHEV (โปรโต พีเอชอีวี)
รถต้นแบบเพื่อการวิจัย และพัฒนา (R&D) ที่ผสานรวมกับเสน่ห์ของเครื่องยนต์สันดาปภายในให้เข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้า (EV) เพื่อขยายขอบเขตแห่งความสนุกในการขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยความสามารถในการสลับการทำงานระหว่าง เครื่องยนต์ (Engine Mode) และระบบไฟฟ้า (Electric Drive Mode) ผู้ขี่สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งแบบ EV เต็มรูปแบบ หรือ Hybrid Mode ได้ตามสถานการณ์ PROTO PHEV ยังคงรักษาด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีเยี่ยม ควบคู่ไปกับ “ความสนุกในการขับขี่สไตล์สปอร์ต” ที่เป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า เชื่อมโยงศักยภาพของเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างกลมกลืน
NACTUS VS TRE-X
NACTUS VS TRE-X คือต้นแบบรถวีลแชร์สามล้อที่ ร่วมมือกับ Nissin Medical Industries มาพร้อมกับชุดขับเคลื่อนแบบเสริมกำลังด้วยไฟฟ้ารุ่น JWX-2 Electric Power-Assist Unit ที่ออกแบบมาเพื่อมอบ “อิสระในการเคลื่อนไหว” รูปแบบใหม่ ด้วยยางขนาดใหญ่ 26 นิ้วแบบ Mountain Bike Off-Road ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ให้ความเสถียรอันเป็นเอกลักษณ์ของรถวีลแชร์สามล้อ ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายแม้บนเส้นทางขรุขระและเส้นทางที่ไม่ได้ลาดยางที่รถวีลแชรทั่วไปมักจะประสบปัญหา นอกจากโครงสร้างที่จัดวางคานกลางที่ผสมผสานความแข็งแกร่งเข้ากับความสง่างามแล้ว NACTUS VS TRE-X ยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ใช้งานได้จริงมากมาย เช่น แร็คสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ใส่สัมภาระด้านหน้า กล่องใส่แบตเตอรี่กันน้ำ และที่วางเท้าที่กว้างขวาง
ONE-MAX Urban / Historical
รถเข็นไฟฟ้าทั้งสองรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสมบูรณ์แบบในการเดินทาง และมีเอกลักษณ์” โดยติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า JWG-1 Wheelchair Electric Power Unit ที่ให้ทั้งความคล่องตัวและความมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยระบบยึดติด (Attachment System) ที่ยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปลักษณ์และฟังก์ชันของรถเข็นให้เหมาะกับจุดหมายปลายทางหรือสไตล์การใช้งานของตนเองได้อย่างอิสระ
ONE-MAX Urban เหมาะสำหรับการเดินทางระยะใกล้ ด้วยโครงสร้างขนาดกะทัดรัด และเบาะนั่งแบบตาข่ายที่ช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีกล่องเก็บของขนาดเล็กและอุปกรณ์เสริมสำหรับติดตั้งสมาร์ทโฟน ส่วนรุ่น ONE-MAX Historical เป็นรุ่นทางเลือกที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือน “กระเป๋าเดินทางที่สรรสร้างขึ้นอย่างประณีต” ตัวถังช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างมั่นคงและราบรื่น การข้ามทางม้าลาย รวมถึงการเดินทางบนถนนฟุตบาทที่ปูด้วยหินหรือคอนกรีตตัวหนอน ในขณะที่เบาะนั่งหุ้มหนังและรายละเอียดอื่นๆ แสดงให้เห็นความประณีตในทุกมิติ
ตัวถังถูกออกแบบให้มั่นคงบนพื้นผิวไม่เรียบ เช่น พื้นศาลเจ้า วัด หรือถนนหินโบราณ ขณะที่เบาะหนังเทียมและรายละเอียดงานออกแบบเผยให้เห็นความประณีตในทุกมิติ
โดย ONE-MAX Urban และ ONE-MAX Historical เป็นความร่วมมือระหว่างยามาฮ่าและ Matsunaga Manufactory Co., Ltd.
พร้อมกันนี้ภายในบูธ “Feel. Move.” ยังมีพื้นที่ที่ ยามาฮ่ามอเตอร์ ได้ร่วมมือกับทาง ยามาฮ่า คอปเปอร์เรชั่น ร่วมกันจัดแสดงด้วย Sound xR เป็นโซลูชั่นที่จะให้ความดื่มด่ำไปกับการสร้างสภาพแวดล้อมทางเสียงที่สมจริง และดึงดูดใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งในพื้นที่จริงและพื้นที่เสมือนจริง เพื่อปรับแต่งเสียงก้อง (reverberation) ของพื้นที่ และใช้ AFC Image เพื่อควบคุมการกำหนดตำแหน่งภาพเสียง (sound image localization) ได้อย่างอิสระ ระบบทั้งสองนี้ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของการผลิตเสียงที่ซับซ้อนในการใช้งานที่หลากหลาย เช่น ละครเวที, โอเปร่า และคอนเสิร์ต รวมถึงมอบประสบการณ์การฟังที่สมจริง และนำอุปกรณ์ทางดนตรีมาร่วมจัดแสดงได้แก่
FGDP-30 / FGDP-50 drum pads ที่สามารถเล่นด้วยนิ้วมือ ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับการตีกลองที่ให้ความรู้สึกเสมือนจริงได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เพียงแค่นิ้วสร้างจังหวะ เพื่อประสบการณ์การตีกลองด้วยนิ้วที่ง่าย และสนุก
N3X AvantGrand เปียโนไฮบริด เรือธงของยามาฮ่า ที่ให้ความรู้สึกในการเล่นเหมือนกับการเล่นแกรนด์เปียโน แต่มาพร้อมความสะดวกสบายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมกับกลไกคีย์นำเสนอเสียงแกรนด์เปียโนระดับโลกถึงสองรุ่นไว้ในเครื่องเดียวให้ผู้ที่เล่นได้เพลิดเพลินกับเสียงของแกรนด์เปียนโน ระดับโลกของ YAMAHA คือรุ่น CFX และ Bösendorfer Imperial ที่มีชื่อเสียงด้านโทนเสียงที่ทุ้มลึก และอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์จากกรุงเวียนนา
DTX10K-X BLACK FOREST กลองชุดไฟฟ้าที่ผสานฟังก์ชันการทำงานของกลองชุดอะคูสติก (กลองจริง) เข้ากับความสวยงาม อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับมือกลอง กลองชุด DTX ไม่เพียงแต่ทำให้การฝึกซ้อมที่บ้านเป็นเรื่องสนุกเ แต่ยังเหมาะสำหรับการใช้งานในสตูดิโอบันทึกเสียงหรือบนเวทีอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงรถที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อย่าง YAMAHA
TRACER9 GT+ Y-AMT รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตทัวร์ริ่งระดับท็อปที่ล้ำสมัยที่สุดของยามาฮ่าในตระกูล Tracer ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีของเกียร์ที่มีกลไกการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว และตอบสนองได้อย่างฉับไว มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล สบาย และสปอร์ตในหลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่การขับขี่ในชีวิตประจำวัน การเดินทางไกล ไปจนถึงการขับขี่แบบสปอร์ตเร้าใจ
YAMAHA FAZZIO HYBRID รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 125 ซีซี ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน โดยยามาฮ่า ฟาซซิโอ้ ไฮบริด จะเป็นโมเดลที่เตรียมวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในเวลาอันใกล้นี้อีกด้วย
YAMAHA YZF-R1 รถแข่งในศึกการแข่งขัน Coca-Cola Suzuka 8 Hours Endurance 2025 ที่มีนักแข่งระดับโลกนำโดย แจ็ค มิลเลอร์ นักแข่งชาวออสเตเรีย จากพรีม่าพรามัค โมโตจีพี อันเดรีย โลคาเตลลี่ นักแข่งจากการแข่งขันเวิร์ด ซูเปอร์ไบค์ และนักแข่งจอมเก๋าชาวญี่ปุ่น คัสซึยูกิ นากาซึกะ ร่วมลงทำการแข่งขันในรายการที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น
YAMAHA TY-E 3.0 รถจักรยานยนต์ Trial พลังงานไฟฟ้าที่ยามาฮ่าได้พัฒนา และลงทำการแข่งขันในระดับโลก ในรายการ “FIM Trial-E Cup” ที่ประเทศฝรั่งเศส และรายการ “Comblain au Pont” ประเทศเบลเยี่ยม และยังสามารถคว้าแชมป์ได้ที่ประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็คือ กองทัพเทคโนโลยียานยนต์สุดล้ำเข้าของยามาฮ่าที่เข้าร่วมโชว์ตัวในงาน Japan Mobility Show 2025 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของยามาฮ่าในงาน Japan Mobility Show 2025 ได้ที่ Facebook : YAMAHA Society Thailand
#YAMAHAjapanmobility2025 #MOTOROiD #ยามาฮ่าเทคโนโลยีแห่งอณาคต #FazzioHybird
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ เปิดประสบการณ์ “Riding Passion” ตะลุยยุโรป 3 ประเทศ อิตาลี–สวิตเซอร์แลนด์–ออสเตรีย รวมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร
ฮอนด้าบิ๊กไบค์ พาลูกค้าร่วมทริปสุดเอ็กคลูซีฟกับกิจกรรม “Riding Passion 2025” เปิดประสบการณ์การขับขี่ข้าม 3 ประเทศบนเส้นทางธรรมชาติของยุโรป ได้แก่ อิตาลี – สวิตเซอร์แลนด์ – ออสเตรีย ตลอดระยะเวลา 9 วัน 7 คืน รวมระยะทางการขับขี่กว่า 1,352 กิโลเมตร การเดินทางสุดพิเศษครั้งนี้มีผู้ร่วมทริปทั้งหมด 20 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ คุณ Pariwat Kaato Sukcharoen ผู้ชนะการคัดเลือกเพียงหนึ่งเดียวจากกิจกรรมสุดพิเศษของฮอนด้าบิ๊กไบค์ ที่ได้ร่วมออกเดินทางไปสัมผัสเส้นทางในฝัน ระหว่างวันที่ 14 – 22 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา
ไฮไลต์เส้นทางของกิจกรรม Riding Passion 2025 ครั้งนี้ พาผู้ร่วมทริปสัมผัสความงดงามและความท้าทายของเส้นทางระดับตำนาน เริ่มจากความงดงามวิวทะเลสาบของ Lake Sils และเส้นทางที่ท้าทายบนเทือกเขา Bernina Pass ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อด้วยโค้งหักศอกกว่า 48 โค้งบน Stelvio Pass ประเทศอิตาลี และถนนสูงเสียดฟ้า Grossglockner ประเทศออสเตรีย
อีกทั้งเส้นทางในอิตาลียังพาผู้ร่วมทริปขับขี่ผ่านเทือกเขา Dolomites ที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ระดับโลก ทั้งวิวภูเขาอันยิ่งใหญ่ของ Tre Cime di Lavaredo, ความงดงามของทะเลสาบ Lago di Misurina, หมู่บ้าน Santa Magdalena สุดแสนอบอุ่น และยอดเขา Seceda ปิดท้ายด้วยเส้นทางโค้งระดับโลกอย่าง Passo Gardena, Passo Pordoi และ Passo Sella ที่นักบิดทั่วโลกต่างใฝ่ฝันจะพิชิตให้ได้สักครั้งในชีวิต
การเดินทางครั้งนี้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ขนาด 300–1,000 ซีซี รุ่นไฮไลต์ อาทิ Honda X-ADV750, Honda Forza750, Honda Transalp750 และ Honda NT1100 เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ครบทุกมิติ ทั้งบนเส้นทางท่องเที่ยวและภูมิประเทศสุดท้าทายของยุโรปทริป “Riding Passion” ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษที่ฮอนด้าบิ๊กไบค์ตั้งใจมอบให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมเปิดมุมมองใหม่แห่งการขับขี่ในฝัน สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟครั้งต่อไป สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางของฮอนด้าบิ๊กไบค์
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์: www.facebook.com/HondaBigBikeTH
เว็บไซต์: https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand#RidingPassion2025 #HondaBigBikeAllinXperience #AllinXperience #Italy #Switzerland #Austria #HondaBigBike #HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Car / News Motocycle2 Min Read
ภาพรวมเนื้อหาคำกล่าวของประธาน ในงาน Japan Mobility Show 2025
นายโทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้จัดงานแถลงข่าว ณ งาน Japan Mobility Show 2025
1.เกี่ยวกับงาน Japan Mobility Show 2025
ฮอนด้าเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นในการทำความฝันให้กลายเป็นจริง ในปีนี้ ฮอนด้าได้นำผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนที่หลากหลายมาจัดแสดง ทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ รวมถึงอวกาศ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ทดลองขับขี่และร่วมสัมผัสถึงภาพอนาคตที่ฮอนด้าได้วาดไว้
2.ยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้า
ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน สำหรับทั้งผลิตภัณฑ์และกิจกรรมองค์กรทั้งหมด ภายในปี ค.ศ. 2050 แม้ว่าสภาพแวดล้อมของตลาดที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้ายังคงผันผวน
แต่ฮอนด้ายังคงเชื่อว่าในระยะยาวแล้วการเปลี่ยนผ่านสู่รถ EV จะยังคงดำเนินต่อไป ด้วยเหตุนี้ ฮอนด้าจึงเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบรถ EV รุ่นที่น่าดึงดูดใจในยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ■ Honda 0 Series รถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า
Honda 0 Series คือ รถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้าที่นำเสนอด้วยแนวคิด สู่จุดกำเนิดของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ของฮอนด้า และจะสร้างสรรค์รถ EV รุ่นใหม่จาก “ศูนย์” ด้วยแนวคิดการพัฒนาอันเป็นเอกลักษณ์ “บาง เบา และชาญฉลาด” (“Thin, Light, and Wise”) Honda 0 Series จะท้าทายกรอบความคิดเดิมที่มองว่ารถ EV จะต้อง “หนาและหนัก” และพร้อมจะสร้างคุณค่าใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ยนตรกรรมต้นแบบ Honda 0 Saloon ซึ่งเป็น Flagship Model ของ Honda 0 Series มาพร้อมแพลตฟอร์มพื้นที่ต่ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรถ EV โดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สปอร์ตและตัวรถที่มีความสูงที่ต่ำ พร้อมพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางเกินคาด เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอก
โดยยนตรกรรมต้นแบบ Honda 0 SUV ซึ่งเป็นรถต้นแบบ SUV ไฟฟ้าขนาดกลาง นับเป็นรุ่นแรกภายใต้ Honda 0 Seriesซึ่งเตรียมเปิดตัวสู่ตลาด มาพร้อมความโดดเด่นของห้องโดยสารที่กว้างขวาง มุมมองและทัศนวิสัยที่โปร่งโล่ง และความยืดหยุ่นของพื้นที่ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน โดยพัฒนาภายใต้แนวคิด “บาง เบา และชาญฉลาด” (“Thin, Light, and Wise”) เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารในสไตล์รถ SUV
โมเดลดังกล่าวมาพร้อมระบบปฏิบัติการ ASIMO OS ซึ่งเป็นระบบ Vehicle OS ที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นเองโดยเฉพาะ ซึ่งภายหลังจากการซื้อรถไปยิ่งลูกค้าใช้งานรถมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้รถยนต์สามารถเรียนรู้พัฒนา เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางเฉพาะบุคคลได้อย่างเหนือระดับ
■ Honda 0 α รถยนต์ SUV รุ่นใหม่ใน Honda 0 Series
ฮอนด้าเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้าต้นแบบรุ่นใหม่ Honda 0 α (ฮอนด้า ซีโร่ อัลฟ่า) เป็นครั้งแรกในโลกซึ่งเป็นรถ SUV รุ่นใหม่ใน Honda 0 Series มาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและล้ำสมัยซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Honda 0 Series และสัดส่วนที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความปราดเปรียวในสไตล์รถ SUV ทำให้ Honda 0 α (ฮอนด้า ซีโร่ อัลฟ่า) สามารถผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมในเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัว พร้อมตอบโจทย์และรองรับการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกสถานการณ์
การออกแบบแพ็กเกจตัวรถภายใต้แนวคิด “Thin” (บาง) ทำให้ความสูงของตัวรถต่ำ แต่ไม่กระทบต่อความสูงจากพื้นถนน และมีห้องโดยสารที่เพรียวบาง แต่ยังคงมอบพื้นที่กว้างขวาง และสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทาง
ฮอนด้ามีแผนจำหน่ายรุ่นผลิตจริงของ Honda 0 α (ฮอนด้า ซีโร่ อัลฟ่า) ทั่วโลกโดยเน้นที่ตลาดญี่ปุ่นและอินเดียก่อนในปี ค.ศ. 2027 โดยเป็นส่วนหนึ่งของไลน์อัป Honda 0 Series ในฐานะ “Gateway Model” โมเดลที่เป็นประตูสู่โลกของ Honda 0 Series ซึ่งพร้อมมอบคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้าทั่วโลก
ในประเทศญี่ปุ่น จะมีการวางจำหน่ายรถยนต์ Honda 0 Series ครบทั้งสามรุ่น ได้แก่ Honda 0 Saloon, Honda 0 SUV และ Honda 0 α (ฮอนด้า ซีโร่ อัลฟ่า) ก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณวันที่ 31 มีนาคม 2028
■ ยนตรกรรมต้นแบบ Acura RSX รถ EX เจเนอเรชันใหม่ของแบรนด์ Acura
ฮอนด้า จัดแสดงยนตรกรรมต้นแบบ Acura RSX เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถ EV เจเนอเรชันใหม่ของแบรนด์ Acura
ยนตรกรรมต้นแบบ Acura RSX เป็นโมเดลรุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์ม EV เจเนอเรชันใหม่ที่พัฒนาโดยฮอนด้า พร้อมระบบปฏิบัติการ ASIMO OS ซึ่งเป็นระบบ Vehicle OS ที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นเองโดยเฉพาะ ที่ช่วยให้รถยนต์สามารถเรียนรู้ พัฒนาจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางเฉพาะบุคคลได้อย่างเหนือระดับ
■ EV Outlier Concept นิยามใหม่ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมเปิดวิสัยทัศน์สู่อนาคตรถจักรยานยนต์หลังปี 2030
ฮอนด้าจัดแสดง EV OUTLIER Concept เป็นครั้งแรกของโลก แนวคิดที่ไม่ได้เป็นเพียงการต่อยอดจากรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่ แต่เป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่สำหรับรถจักรยานยนต์หลังปี 2030
แนวคิดนี้ใช้ประโยชน์จากดีไซน์ที่อิสระและยืดหยุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยมาพร้อมเทคโนโลยีมอเตอร์ในล้อ (In-wheel Motor) ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เพื่อยกระดับความคล่องตัว โฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่เหนือชั้น อีกทั้ง ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ด้วยเช่นกัน
3.ความสนุกในการขับขี่ นิยามที่ฮอนด้าตั้งใจส่งมอบ
ในขณะที่ฮอนด้ากำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “ความสนุกในการขับขี่” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์เสมอ ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวระหว่างผู้ขับและตัวรถจะไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะผ่านกาลเวลาหรือเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนรูปแบบใดก็ตาม ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้สัมผัส “ความสุขในการขับขี่”
อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฮบริด■ Super-ONE รถยนต์ Compact EV ต้นแบบ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ และเติมเต็มความรู้สึกของผู้คนในทุกวัน
ฮอนด้าจัดแสดง Super-ONE รถยนต์ Compact EV ต้นแบบเป็นครั้งแรกของโลก รถไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความสนุกของฮอนด้า ออกแบบมาเพื่อสร้างความตื่นเต้นและเติมเต็มความสุขในทุกการเดินทาง
รถยนต์ต้นแบบ Super-ONE มาพร้อมแพลตฟอร์มน้ำหนักเบาที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรถในกลุ่ม
N Series มอบการขับขี่ที่คล่องตัวและสปอร์ตอย่างแท้จริง อีกทั้งช่วงล่างที่กว้างและระยะฐานล้อที่ขยายออกไป มาพร้อมซุ้มล้อโป่งนูน ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ ช่วยให้รถมีเสถียรภาพและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทรงพลัง เร้าใจในทุกเส้นทางนอกจากนี้ รถยนต์ต้นแบบ Super-ONE ยังมาพร้อมกับ Boost Mode ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนให้เครื่องยนต์สามารถมอบสมรรถนะได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่เฉียบคม เสมือนกำลังขับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ด้วยการผสมผสานระหว่างอัตราเร่งเหนือชั้นของรถยนต์ไฟฟ้าและความสนุกในการขับขี่แบบรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ รถยนต์ต้นแบบ Super-ONE จึงมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ตื่นเต้น เร้าใจในรูปแบบใหม่
ฮอนด้ามีแผนเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ Super-ONE อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2026 จะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก ก่อนจะขยายไปยังตลาดที่มีความต้องการรถไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดสูง เช่น ประเทศในเอเชียและสหราชอาณาจักร
■ Prelude รถสปอร์ตพิเศษที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตของฮอนด้าอย่างไม่หยุดยั้ง

PLE250915 ฮอนด้าเผยโฉม Prelude รุ่นใหม่ รถสปอร์ตพิเศษที่พัฒนาโดยผสานขุมพลังเครื่องยนต์และเทคโนโลยีที่ฮอนด้าสั่งสมมาอย่างยาวนาน ถ่ายทอด “ความสนุกในการขับขี่” สู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ การพัฒนา Prelude รุ่นใหม่นี้เริ่มต้นจากความตั้งใจ ในการสร้างรถสปอร์ตที่สะท้อนตัวตนของฮอนด้าในยุคปัจจุบัน และได้รับการออกแบบจนกลายเป็นรถรุ่นที่ฮอนด้าพร้อมนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ
4.การสร้างคุณค่าใหม่พร้อมยกระดับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ
ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะมอบคุณค่าใหม่อย่างต่อเนื่อง ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการด้านยานยนต์ โดยหัวใจสำคัญคือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หนึ่งในเทคโนโลยีอัจฉริยะหลักที่ฮอนด้าให้ความสำคัญ คือ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance Systems – ADAS) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาและยกระดับอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผู้ขับขี่ตั้งค่าจุดหมายปลายทางผ่านระบบนำทาง ระบบ ADAS จะเข้ามาช่วยควบคุมการขับขี่ ทั้งการเร่งความเร็วและการบังคับพวงมาลัย เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกอุ่นใจ ราวกับมีผู้ขับที่มีประสบการณ์ช่วยควบคุมการขับขี่อยู่ ช่วยเพิ่มความมั่นใจแม้บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย และลดภาระในการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน ฮอนด้ากำลังดำเนินการทดสอบระบบ ADAS รุ่นใหม่บนถนนสาธารณะในประเทศสหรัฐอเมริกา และการพัฒนาก็กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป ทั้งในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริด เพื่อส่งมอบคุณค่าใหม่ให้กับลูกค้าจำนวนมากขึ้น ผ่านประสบการณ์การขับขี่ที่มอบอิสระแห่งการเดินทางอย่างแท้จริง
5.ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการเดินทางที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งพื้นดิน ทะเล ท้องฟ้า และห้วงอวกาศ
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีสำหรับรถจักรยานยนต์และรถยนต์แล้ว ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์แบบครบวงจร ฮอนด้าได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ยนตรกรรมที่หลากหลายสำหรับ ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์อเนกประสงค์ เช่น เครื่องพรวนดิน และเครื่องยนต์เรือ ตลอดจน HondaJet ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ตธุรกิจขนาดเล็ก ฮอนด้ากำลังนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์หลากหลายประเภทเพื่อสนับสนุนให้ผู้คนปลดล็อกศักยภาพการใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัด
รวมไปถึงผลิตภัณฑ์การเคลื่อนที่แห่งยุคใหม่ เช่น ยานพาหนะขนาดเล็ก (micromobility vehicles) ที่จะทำให้การเดินทางเพื่อไปสู่จุดหมายสะดวกสบายยิ่งขึ้น และอากาศยานไฟฟ้าแบบไร้คนขับ eVTOLs ที่จะทำให้การเดินทางทางอากาศเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ฮอนด้าจะยังคงมุ่งมั่นรับมือกับความท้าทายเพื่อขยาย “ความสุขและอิสระแห่งการเดินทาง” สู่ผู้คนให้ได้มากยิ่งขึ้น
และในวันนี้ ฮอนด้าได้ขยายความท้าทายไปยังอวกาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
■ ห้วงอวกาศ – เข้าสู่พรมแดนใหม่ด้วย Sustainable Rockets
ฮอนด้ายังได้นำจรวดจริงที่ใช้ในการทดสอบปล่อยและลงจอดที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2025 มาจัดแสดงภายในบูทด้วยเช่นกัน ฮอนด้ากำลังมุ่งมั่นพัฒนา “sustainable rockets” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียน และสามารถนำตัวจรวดกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างยั่งยืน
ในการทดสอบเมื่อเดือนมิถุนายน ฮอนด้าได้ใช้ระบบควบคุมที่มีความแม่นยำสูงเพื่อควบคุมให้การทำงานของจรวดทั้งพิกัดรวมถึงความเร็วตั้งแต่การทะยานสู่ท้องฟ้าจนไปถึงการลงจอด เป็นไปตามลักษณะของจรวดทั่วไปได้ตรงตามแผนที่กำหนดไว้
ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จากองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของฮอนด้า ซึ่งรวมไปถึงเทคโนโลยีการควบคุมจากการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและการพัฒนาอากาศยาน ตลอดจนความมุ่งมั่นของพนักงานฮอนด้าทุกคนที่ปฏิบัติงาน “ในพื้นที่จริง” ซึ่งยังคงมุ่งมั่นรับมือกับความท้าทายด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่
การวิจัยและพัฒนาจรวดของฮอนด้าเพิ่งจะเริ่มต้นเป็นก้าวแรกเท่านั้น ไม่ว่าความยากลำบากใดจะรออยู่ข้างหน้า ฮอนด้าจะก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ ด้วยการเดินหน้าท้าทายสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่มีวันยอมแพ้
6.สรุป
เพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกนของฮอนด้าทั่วโลกที่ว่า The Power of Dreams — How we move you พนักงานฮอนด้าทุกคนที่เปี่ยมด้วยความฝันและความมุ่งมั่น จะยังคงเดินหน้าท้าทายสิ่งใหม่ ๆ ต่อไป เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของฮอนด้า และสร้างสรรค์คุณค่าที่มีเพียงฮอนด้าเท่านั้นที่ทำได้
บูทของฮอนด้าจัดแสดงอนาคตที่ฮอนด้ามุ่งมั่นจะสร้างให้เป็นจริง ผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี แห่งการขับเคลื่อนที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกตื่นเต้นไปกับอนาคตข้างหน้าร่วมกัน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
PLE250915 -
News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า” สร้างผลงานกระหึ่มมาเลย์! “เมียร์” คว้าโพเดียม “ก้อง-สมเกียรติ” เข้าป้ายที่ 15 คว้าแต้มได้อีกครั้ง โมโตจีพี “ฟูรุซาโตะ” ซิวชัย โมโตทรี
“ทัพนักบิดฮอนด้า” โชว์ผลงานกระหึ่ม โมโตจีพี 2025 สนาม 20 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ โดย “โจอัน เมียร์” ควบรถแข่ง Honda RC213V ผงาดโพเดียมอันดับ 3 “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักแข่งชาวไทย สตาร์ตกริด 20 ทะยานเข้าป้ายอันดับ 15 คว้าแต้มได้สำเร็จ ขณะ “ไทโยะ ฟูรุซาโตะ” ดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นจาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย บิดคว้าชัยในรุ่น โมโตทรี จากเรซสุดมันส์ที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา
เกมเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 20 รอบสนาม โดย “โจอัน เมียร์” หมายเลข 36 นักบิดสแปนิช จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 7 และต่อสู้ในกลุ่มหน้าอย่างยอดเยี่ยม ไต่ขึ้นมาเข้าป้ายในอันดับ 3 ตามหลังผู้ชนะ 8.048 วินาที คัมแบ็กขึ้นโพเดียมได้อีกครั้ง โดยมี “ลูก้า มารินี” หมายเลข 10 ทีมเมทชาวอิตาเลียน ตามเข้าป้ายอันดับ 8 ตามหลัง 18.738 วินาที
ขณะที่ “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดขวัญใจชาวไทยซึ่งออกตัวจากกริดที่ 20 ควบรถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 ไล่บี้ในกลุ่มอย่างเข้นข้น ทะยานขึ้นมาจบเรซอันดับ 15 ตามหลังผู้ชนะ 34.110 วินาที คว้า 1 แต้มจากสนามนี้ได้สำเร็จ รวมเป็น 7 แต้มในฤดูกาลนี้ ส่วน “โยฮันน์ ซาร์โก” หมายเลข 5 ทีมเมทชาวฝรั่งเศส เข้าป้ายอันดับ 12 ตามหลัง 22.234 วินาที
ด้านผลในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์ของนักบิดดาวรุ่งชาวญี่ปุ่นอย่าง “ไทโยะ ฟูรุซาโตะ” หมายเลข 72 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่บิดคว้าชัยชนะไปครองอย่างสุดมันส์ ด้วยเวลา 22 นาที 3.888 วินาที ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดไทยหมายเลข 5 เข้าป้ายอันดับ 21 ตามหลัง 20.048 วินาที
ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายนนี้ ที่ อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมืองปอร์ติเมา ประเทศโปรตุเกส ในรายการ โปรตุกีส กรังด์ปรีซ์
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #MalaysianGP
-
News / News Motocycle2 Min Read
ไทยฮอนด้า รวมพลคนรักความคลาสสิก เปิดตัว All New Honda Super Cub และ FUJISAN Limited Edition เติมเสน่ห์เรโทรเหนือกาลเวลาในงาน “Super Cub THE ORIGINAL CLUB MEETING” ย่านทรงวาด
ไทยฮอนด้า จัดงานสุดพิเศษ “Super Cub THE ORIGINAL CLUB MEETING” รวมพลคนรักความคลาสสิกเฉลิมฉลองตำนานออริจินัลที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 60 ปี พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด All New Honda Super Cub ที่มาพร้อม 2 สีทูโทนใหม่ สีฟ้า-ขาว และ สีเหลือง-ขาว สไตล์เรโทรสุดคลาสสิกสะท้อนความเป็นตัวตนได้เต็มที่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Find Your Original ถึงเวลาออริจินัล’ และรุ่นพิเศษ All New Honda Super Cub FUJISAN Limited Edition ดีไซน์เรโทรมินิมอลสะท้อนความเป็นญี่ปุ่น ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่นที่รวบรวมเหล่าสาวก Super Cub จากทั่วประเทศที่ยกพลมาร่วมเฉลิมฉลองความคลาสสิกกว่า 200 คัน ณ Mahapho Riverview อีเวนต์สเปซริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านทรงวาด
All New Honda Super Cub มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Find Your Original ถึงเวลาออริจินัล’ ยังคงเอกลักษณ์ความเรโทรสุดคลาสสิกที่สะท้อนตัวตนผู้ขับขี่ไว้ครบถ้วน พร้อมเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ระบบ Combined Brake System (CBS) ที่ช่วยกระจายแรงเบรกหน้าและหลังอย่างสมดุล พร้อม ดิสก์เบรกหน้า ช่วยให้เบรกได้แม่นยำขึ้น มอบความมั่นใจในทุกจังหวะการขับขี่ ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ Honda Smart Engine 110 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ให้ทั้งความประหยัด สมรรถนะ และความทนทานเหนือชั้น อีกทั้งโดดเด่นด้วย ไฟหน้า LED และกระจกทรงกลมดีไซน์คลาสสิก สำหรับ All New Honda Super Cub มาพร้อม 2 สีทูโทนใหม่ สะท้อนเสน่ห์เรโทรอย่างลงตัว เลือกเผยความเป็นตัวตนได้ตามต้องการ โดยพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้ ทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีฟ้า-ขาว (SBW), สีเหลือง-ขาว (Y-W), สีเขียว (GRN) และ สีเทา-ขาว (G-W) ในราคาแนะนำ 50,600 บาท
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการนำเสนอความโดดเด่นไม่ซ้ำใครไปกับ All New Super Cub FUJISAN Limited Edition ที่ออกแบบมาเพื่อคนรักอิสระและหลงใหลการเดินทาง ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากบรรยากาศเส้นทางท่องเที่ยวของภูเขาไฟฟูจิในฤดูหนาว ผ่านดีไซน์เรโทรมินิมอลสะท้อนความเป็นญี่ปุ่น ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันทั่วประเทศ
รุ่นพิเศษนี้มาพร้อมชุดแต่งเฉพาะที่สร้างเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งบังลมหน้าสีฟ้าใส Blue Wind Shield ดีไซน์มินิมอลเข้ากับตัวรถ เพิ่มมิติความเท่สไตล์ญี่ปุ่นและช่วยลดแรงลมปะทะ รวมถึงสติกเกอร์ลายกราฟิกภูเขาไฟฟูจิและพระอาทิตย์ Fuji San Body Sticker โทนสีฟ้า-ขาวตัดแดง สะท้อนความเป็น Japanese Retro มาพร้อมกันลายและตะแกรงเหล็กหน้า Blue Body Protector & Front Carrier สีน้ำเงินเข้าชุด เพิ่มความสะดวกและเสริมลุคคลาสสิก อีกทั้งของพิเศษที่ออกแบบมาเข้าธีมเดียวกันคือ เสื้อแจ็กเกต Fuji San Jacket และ หมวกกันน็อกทรงคลาสสิก Fuji San Classic Helmet ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิวภูเขาไฟฟูจิในฤดูหนาว มอบความโดดเด่นในทุกเส้นทาง ในราคาแนะนำ 54,000 บาท
ภายในงาน Super Cub THE ORIGINAL CLUB MEETING เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเรโทรสุดคลาสสิกในแบบฉบับ Super Cub โดยมีรถ Super Cub กว่า 200 คัน จากทั่วประเทศมาร่วมอวดโฉมในลานรวมรถสุดยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สะท้อนพลังแห่งคอมมูนิตี้คนรักความออริจินัลที่มาร่วมเฉลิมฉลองความคลาสสิกไปด้วยกัน ผู้เข้าร่วมได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่จัดเต็มในสไตล์ Super Cub ไม่ว่าจะเป็นโซนอาหารและเครื่องดื่มสุดชิคให้ชิลกันฟรี กิจกรรม DIY สุดคูล การประกวดรถแต่งสวยจำกัดผู้เข้าประกวด 30 คัน การประกวดแต่งตัวออริจินัลสไตล์ รวมถึงการแสดงดนตรีสดและดีเจที่เพิ่มสีสันแห่งความสนุก พร้อมพบปะเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายคลาสสิกที่มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟน Super Cub ได้อบอุ่นและประทับใจตลอดงาน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่สะท้อนจิตวิญญาณของ Super Cub ผ่านโซนคอมมูนิตี้ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้ขับขี่ได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความประทับใจ พร้อมร่วมสนุกกับการแจกของรางวัลและเซอร์ไพรส์มากมาย โดยไทยฮอนด้ายังมอบของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Super Cub Original Club Bandana Limited Edition” ให้กับลูกค้า Super Cub ทุกรุ่นที่ลงทะเบียนและขี่รถมาร่วมงาน 100 ท่านแรก เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวของคอมมูนิตี้คนรักความออริจินัล งานนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของไทยฮอนด้าในการตอกย้ำความสำเร็จของ Super Cub รถจักรยานยนต์ออริจินัลที่อยู่ในใจคนไทยมายาวนาน พร้อมส่งต่อดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา ควบคู่กับเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การขับขี่ในทุกยุค
สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ All New Honda Super Cub และ All New Super Cub FUJISAN Limited Edition สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th/cubhouse/
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊ก CUB House: https://www.facebook.com/cubhousebyhonda
IG: https://www.instagram.com/cubhousebyhonda/
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA#AllNewHondaSuperCub #SuperCub #HondaSuperCub #FindYourOriginal #ถึงเวลาออริจินัล #TheOriginalClubMeeting #คนรักความออริจินัล #CUBHouse #CUBHousebyHonda
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
เทคโนโลยีจากเลอโนโวเสริมความแข็งแกร่งให้ทีม ดูคาติ คอร์เซ่ คว้าแชมป์ ทริปเปิลคราวน์ ประเภทนักแข่ง, ทีม และผู้ผลิต ในการแข่งขัน โมโตจีพี 2025
เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมดูคาติ เลอโนโว ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วยการคว้าแชมป์โลกประเภททีมจากการแข่งขันโมโตจีพี ประจำปี 2025 ซึ่งการคว้าแชมป์ดังกล่าวนี้ถือเป็นการได้แชมป์แบบ “ทริปเปิลคราวน์” ต่อเนื่องจากที่ทีมดูคาติ คอร์เซ่ (Ducati Corse) ได้ตำแหน่งแชมป์ผู้ผลิตยอดเยี่ยมจากสนามที่กรุงบาร์เซโลนา และจากที่นักแข่ง มาร์ก มาร์เกซ (Marc Márquez) คว้าแชมป์นักแข่งจากสนามโมเตกิ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ดูคาติ และ เลอโนโว ที่นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนทีมจนเกิดเป็นความสำเร็จ และเป็นการสร้างประวัติศาสต์แชมป์ทริปเปิลคราวน์อีกครั้ง หลังจากเคยคว้าแชมป์เมื่อปี 2022 ที่ ฟรานเชสโก บาญายา
ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยของเลอโนโว และความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมของดูคาติทำให้การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตในฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความเร็วที่เหนือชั้น และความแม่นยำที่ไร้ที่ติ ด้วยอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย, โซลูชันที่ครอบคลุม และบริการที่เป็นเลิศของเลอโนโวต่างมีส่วนช่วยให้ทีมสามารถวางกลยุทธ์ และนำข้อมูลเชิงลึกที่ทำงานด้วยประสิทธิภาพของ AI ในแบบเรียลไทม์มาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบที่ในเสี้ยววินาทีเป็นผลให้ทั้งสองนักแข่งจากทีมสามารถเปลี่ยนสมรรถนะอันยอดเยี่ยมให้กลายเป็นผลงานระดับแชมป์ได้สำเร็จ
ชัยชนะของทีมดูคาติ เลอโนโว ในปีนี้ไม่ใช่แค่เครื่องพิสูจน์มาตรฐานแห่งความสำเร็จบนสนามแข่ง โมโตจีพี ที่เหล่านักแข่งสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสนาม แต่ยังสะท้อนถึงการทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีและโซลูชันอันล้ำสมัยของเลอโนโว และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในการแข่งรถของดูคาติ ที่ผสานกันได้อย่างลงตัว และสร้างให้เกิดเป็นผลงานระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ เลอโนโว ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะพันธมิตรหลักด้านเทคโนโลยี และผู้สนับสนุนหลักของ ดูคาติ คอร์เซ่ ผ่านเทคโนโลยีในการประมวลผลที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จำลองรูปแบบการแข่งได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ทีมสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และชาญฉลาด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมกระบวนการออกแบบ ทดสอบ และพัฒนารถที่นำมาใช้แข่งอย่างแท้จริง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชัน และเซิร์ฟเวอร์ของเลอโนโวยังช่วยให้แผนก R&D ของทีมดูคาติ ที่เมืองโบโลญญา สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ AI จึงช่วยให้ทุกการตัดสินใจในวันแข่งขันสามารถทำได้แม่นยำ เทคโนโลยีของเลอโนโวจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกชัยชนะในฤดูกาลอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้
ลูก้า รอสซี่, ประธานกลุ่มธุรกิจ Intelligent Devices Group กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับแชมป์โลก มาร์ก มาร์เกซ และทีมงานทุกคนกับชัยชนะอันยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นการปิดฉากฤดูกาลที่น่าจดจำอย่างแท้จริง เป็นอีกครั้งที่ ทีมดูคาติ เลอโนโว ได้คว้าแชมป์ทริปเปิลคราวน์ซึ่งเป็นการคว้าชัยชนะครบทั้งสามประเภท ผลงานอันยอดเยี่ยมของนักแข่งทั้งสอง ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับชาวเลอโนโว และแฟน ๆ ทั่วโลก ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์ของทั้งเลอโนโว และทีมดูคาติ คอร์เซ่ ความุ่งมั่นอันเต็มเปียมของทีม, นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และสมรรถนะของตัวรถช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนนับล้านทั่วโลกได้อย่างแท้จริง เพราะที่เลอโนโว เราเชื่อว่าเทคโนโลยีจะแสดงศักยภาพสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อสามารถช่วยให้ผู้คน และทีมงานบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างสำเร็จ และฤดูกาลโมโตจีพีในปีนี้ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมแชมป์โลกอย่าง ดูคาติ เลอโนโว และยิ่งตื่นเต้นกับสิ่งที่เราจะร่วมกันสร้างต่อไปในอนาคต”
คลาวดิโอ โดเมนิกาลี, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ดูคาติ กล่าวว่า “การคว้าแชมป์ทริปเปิลคราวน์ของ ดูคาติในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโลกของมอเตอร์สปอร์ต ทั้งยังตอกย้ำความเป็นเลิศในการแข่งขันกีฬาที่เป็นดั่งความภาคภูมิใจของเราทุกคน รวมถึงแฟน ๆ ของดูคาติทั่วโลกซึ่งนักแข่งของเราอย่าง มาร์ก มาร์เกซ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ ส่วนฟรานเชสโก บาญายา ก็สามารถคว้าแชมป์ประเภททีมและผู้ผลิตมาได้ ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดจากความทุ่มเทของทีมงานทุกคน และการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรา ผมขอขอบคุณ เลอโนโว ที่นำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย และช่วยยกระดับการแข่งขันให้รวดเร็ว ปลอดภัย และเร้าใจยิ่งขึ้น…เราได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์อันน่าจดจำของดูคาติในศึกโมโตจีพีอีกครั้ง”
หลังจากคว้าแชมป์ทริปเปิลคราวน์ในการแข่งขันโมโตจีพี 2025 ได้สำเร็จ ดูคาติ คอร์เซ่ และ เลอโนโว จะยังคงมุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป เพื่อผลักดันสมรรถนะ และความก้าวหน้าให้แก่การแข่งขันโมโตจีพี ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ต่อยอดสู่เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้คน และธุรกิจทั่วโลก
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
“ก้อง-ก๊องส์” ลุยศึก ลุ้นล่าแต้ม โมโตจีพี สนาม 20 ที่ มาเลเซีย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เดินหน้าล่าผลงาน ลุ้นเก็บแต้มเพิ่มในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 20 รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคมนี้ ขณะ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทย เตรียมบิด โมโตทรี ต่อเนื่องหลังคัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บ โดยจะดวลกันที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ เดินทางถึงสนาม เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ร่วมกับทีม โดย เซปังฯ นับเป็นอีกหนึ่งในสนามที่ดาวบิดชาวไทยคุ้นเคย และมีโอกาสลุ้นแต้มอีกครั้งในแทร็กที่เปรียบเหมือน “โฮมเรซ” แห่งที่สองของเจ้าตัว

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย เพิ่งคัมแบ็กสู่สนาม โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พร้อมแล้วสำหรับการแข่งขัน มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ โดยตั้งเป้าขยับเข้าหากลุ่มกลางให้ได้เพื่อลุ้นเก็บแต้ม

ทั้งนี้ ศึก มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมในวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยจะจับเวลารอบควอลิฟายและสปรินต์เรซในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ส่วนการแข่งขันรอบเมนเรซจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 11.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 12.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #MotoGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า ผนึกกำลังร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ขอบคุณลูกค้าทั่วไทย พร้อมส่งต่อพลังแห่งการให้สู่สภากาชาดไทย ในวาระครบรอบ 60 ปี

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรมพิเศษ “เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” เติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่มอบความไว้วางใจในแบรนด์มาอย่างยาวนานกว่า 6 ทศวรรษเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ภายใต้แนวคิด “60 ปีไทยฮอนด้า เคียงข้างกันตลอดไป” เพื่อส่งต่อพลังแห่งความไว้วางใจจากผู้ใช้รถสู่สังคมไทย

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ณ ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Wing Center) ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 420 แห่งทั่วประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 18 ล้านคัน ร่วมเติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท โดยรายได้จากกิจกรรมทั้งหมดจะบริจาคให้กับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านการแพทย์และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป

ตลอดกิจกรรมมีลูกค้าเข้าร่วมกว่า 25,200 คน รวมยอดเงินบริจาคทั้งสิ้นกว่า 1.5 ล้านบาท สะท้อนถึงความร่วมมือของเครือข่ายจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ทั้ง ผู้ใช้รถ (User) และ ผู้จำหน่าย (Dealer) ที่ร่วมกันขับเคลื่อนพลังแห่งการให้ เพื่อสังคมไทยที่เข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ เครือข่ายร้านผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศยังให้การสนับสนุนกิจกรรมอย่างเต็มที่ โดยแต่ละร้านที่เข้าร่วมได้เตรียมน้ำมันไว้ร้านละ 300 ลิตร รวมทั้งสิ้น 126,000 ลิตร

กิจกรรม “เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญในโอกาสครบรอบ 60 ปีไทยฮอนด้า ที่สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างคนไทยด้วยความห่วงใย พร้อมร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน และส่งต่อความสุขให้ทุกการเดินทางของคนไทยอย่างแท้จริง
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า” ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA#ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสัมคมไทย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine































































































































































































































































