-
New Continental GT คว้า 3 รางวัลในยุโรป ตอกย้ำความเป็นสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์แห่งปี

New Continental GT เจเนอเรชันที่ 4 คว้า 3 รางวัลอันทรงเกียรติจากสื่อชั้นนำในประเทศเยอรมนี และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตอกย้ำความเป็นสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์ที่โดดเด่นที่สุดด้วยการผสมผสานสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ ความหรูหราจากงานฝืมือชั้นสูง และคุณสมบัติความเป็น ‘Everyday Supercar’ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

Bentley, GTC, Munich Auto Motor und Sport นิตยสารชื่อดังในประเทศเยอรมนีได้เริ่มจัดทำการสำรวจรถยนต์ยอดเยี่ยมมากว่าครึ่งศตวรรษ และในปีนี้ ผู้อ่านกว่า 94,000 คนได้ทำการโหวตรถยนต์ยอดเยี่ยมจำนวนกว่า 462 รุ่นใน 13 ประเภท และได้โหวตให้ New Continental GT ได้รับรางวัล ‘รถยนต์ยอดเยี่ยม’ ในประเภทรถยนต์นำเข้าระดับหรู ซึ่งถือเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่ Continental GT คว้าใจผู้อ่านและได้รับรางวัลนี้มาครอง
New Continental GT ยังได้รับการเสนอชื่อจากผู้อ่านนิตยสาร Auto Bild ของประเทศเยอรมนีให้เป็นผู้ชนะในรางวัล ‘รถยนต์ประจำตำแหน่งยอดเยี่ยม’ ในประเภทรถยนต์นำเข้าระดับหรู

มากไปกว่านั้น Continental GT ได้คว้ารางวัล ‘รถยนต์ยอดเยี่ยม’ ในประเภทรถยนต์นำเข้าระดับหรู ซึ่งถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์ครองใจผู้อ่านนิตยสาร Auto Illustrierte สื่อสายยานยนต์ชั้นนำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Dr. Frank-Steffen Walliser ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “ความสำเร็จนี้ตอกย้ำตำนานของ Continental GT ในฐานะสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์ และแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่ไม่มีวันเสื่อมคลายของรถยนต์รุ่นนี้ ซึ่งยังคงอยู่ในใจใครหลายคนจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ตอนเปิดตัวครั้งแรกเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว เราภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกจากผู้อ่านให้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้ง 3 รางวัลนี้ Continental GT รุ่นที่ 4 จึงเป็นเครื่องพิสูจน์คุณภาพของทีมงานในเมืองครูว์ และเสน่ห์ของสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นนี้ได้อย่างแท้จริง”

New Continental GT รุ่นล่าสุดนำเสนอ DNA การออกแบบใหม่ที่ได้ปฏิวัติการออกแบบของรถยนต์เบนท์ลีย์โดยสิ้นเชิง รายละเอียดที่เรียบง่ายและทันสมัยได้รวมไปถึงการออกแบบไฟหน้าแบบเดี่ยว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 แกรนด์ทัวเรอร์รุ่นที่สี่เปิดตัวด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริดเป็นครั้งแรก โดยขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid รุ่นใหม่ที่มีพละกำลังกว่า 782 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้กว่า 81 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำกว่าเพียง 29 กรัม ต่อ กิโลเมตร

Bentley, GTC, Munich สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นใหม่ล่าสุดยังมาพร้อมกับสมรรถนะในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น New Continental GT จึงถือเป็นรถยนต์เบนท์ลีย์สำหรับการใช้งานบนท้องถนนที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 335 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
สำหรับการเปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น New Continental GT Speed และ New Continental GTC Speed เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
ยลโฉม New Continental GT Speed อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่จะนิยาม ‘Start Something Powerful’ ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นระดับซูเปอร์คาร์และการตกแต่งด้วยงานฝีมือชั้นสูง ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์คาร์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์ เผยโฉมให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ AAS House บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ตั้งแต่ เวลา 10:00 – 20:00 น. ทุกวัน วันนี้ ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich Bentley, GTC, Munich -
ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัว 911 GTS ใหม่ พร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปอร์เช่ ประเทศไทย เตรียมยกระดับมาตรฐานใหม่แห่งประสบการณ์งานแสดงยนตรกรรม ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ด้วยบูธจัดแสดงสุดล้ำสมัย ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมเปิดตัว Porsche 911 GTS รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อยกระดับสมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น
ปอร์เช่ ประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์เหนือระดับภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ด้วยการนำ Curvistan Bangkok พื้นที่ไลฟ์สไตล์มัลติฟังก์ชันชื่อดังจากย่านทองหล่อ มาจัดแสดงภายในบูธอย่างเต็มรูปแบบ ถ่ายทอดบรรยากาศของปอร์เช่ คอมมูนิตี้ที่เปี่ยมด้วยความหรูหราและรสนิยม พร้อมสร้างสรรค์พื้นที่เสมือนห้องนั่งเล่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่อบอวลด้วยเสน่ห์ของยนตรกรรมระดับตำนาน เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสสมรรถนะ ความประณีต และมรดกแห่งแบรนด์ปอร์เช่อย่างใกล้ชิดในบรรยากาศอันเป็นกันเอง
นอกจาก 911 GTS แล้ว บูธปอร์เช่ยังนำเสนอไลน์อัปรถยนต์รุ่นเด่นอีกหลากหลายรุ่น ภายใต้บรรยากาศไลฟ์สไตล์สุดพิเศษ อาทิ ปอร์เช่ ไทคานน์ 4 ครอส ทัวริสโม่ (Taycan 4 Cross Turismo) ที่ติดตั้งแร็คจักรยาน (Bicycle Rack) สะท้อนภาพลักษณ์ของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าที่ผสานประโยชน์ใช้สอยเข้ากับสมรรถนะอันเร้าใจอย่างลงตัว
ขณะที่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นประกอบในภูมิภาค ก็มาพร้อมชุดเต็นท์หลังคา (Porsche Roof Tent) ที่สะท้อนถึงความอเนกประสงค์สำหรับไลฟ์สไตล์สายผจญภัยอย่างเต็มรูปแบบ
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ 718 เคย์แมน สไตล์ อิดิชั่น (718 Cayman Style Edition) ที่มาพร้อมดีไซน์สะดุดตา, พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ที่ผสานความหรูหราเข้ากับพลังขับเคลื่อนไฮบริด และ มาคันน์ (Macan) ยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่โดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะและความสะดวกสบายในการใช้งานจริง
ทุกรุ่นล้วนสะท้อนปรัชญาการออกแบบของปอร์เช่ ที่ผสานมรดกแห่งยนตรกรรม ความล้ำสมัยด้านเทคโนโลยี และความหรูหราสไตล์สปอร์ตไว้อย่างลงตัว
นายไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “เป้าหมายของเราคือการยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าชมงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ผ่านความร่วมมือกับ Curvistan Bangkok พื้นที่ไลฟ์สไตล์มัลติฟังก์ชันชื่อดังจากย่านทองหล่อ ที่เข้ามาเติมเต็มบรรยากาศของ Porsche Community ภายในบูธให้มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง เราต้องการเชิญชวนแขกผู้เข้าชมให้ได้สัมผัสกับแบรนด์ปอร์เช่ในมุมมองที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เสมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่สามารถแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความประทับใจกับเพื่อน ๆ ได้อย่างสบายใจ ในขณะเดียวกัน 911 GTS ใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid ก็ได้กลับขึ้นสู่จุดสูงสุดของกลุ่มรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอีกครั้ง ด้วยการยกระดับสมรรถนะผ่านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่เป็นหัวใจของ 911 ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การควบคุมที่เฉียบคม และอารมณ์ความรู้สึกที่ได้รับจากการขับขี่อย่างแท้จริง เรารอคอยที่จะได้ต้อนรับแฟน ๆ ปอร์เช่ทุกคนในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้”
911 GTS ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid เพื่อสมรรถนะที่เหนือชั้น
ปอร์เช่ เผยโฉม 911 GTS ใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid เป็นครั้งแรก เพื่อยกระดับสมรรถนะสู่มาตรฐานใหม่ โดยนับเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญของตระกูล 911 อันเป็นเอกลักษณ์ กับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริดสำหรับการใช้งานบนท้องถนนเป็นครั้งแรกในรุ่น 911 Carrera GTS ระบบไฮบริดสมรรถนะสูงใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ต ช่วยเพิ่มทั้งพละกำลังและประสิทธิภาพการขับขี่อย่างมีนัยสำคัญ โดยยังสามารถควบคุมน้ำหนักตัวรถให้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ยังคงไว้ซึ่งบาลานซ์และความคล่องตัวตามแบบฉบับของ 911 ได้อย่างลงตัว
911 GTS ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ขนาด 3.6 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาใหม่อย่างเต็มรูปแบบ โดยผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว เทอร์โบชาร์จเจอร์ และแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาดกะทัดรัด เพื่อมอบสมรรถนะระดับสูงควบคู่กับการควบคุมน้ำหนักที่แม่นยำ มอเตอร์ไฟฟ้าตัวแรกถูกติดตั้งภายในเทอร์โบชาร์จเจอร์ ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า) และยังช่วยให้เทอร์โบตอบสนองได้อย่างฉับไว ลดอาการรอรอบ (turbo lag) เพื่อการเร่งที่ลื่นไหลในทุกช่วงความเร็ว
มอเตอร์ไฟฟ้าอีกตัวถูกติดตั้งอยู่ในระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) 8 จังหวะ ทำหน้าที่ช่วยเสริมแรงบิดของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ได้สูงสุดถึง 300 นิวตันเมตร และเพิ่มกำลังขับเคลื่อนอีก 40 กิโลวัตต์ ส่งผลให้การตอบสนองของรถแม่นยำและเร้าใจยิ่งขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัวทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักรวมของตัวรถให้คงไว้ซึ่งความสมดุลอันเป็นเอกลักษณ์ของ 911
นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังได้ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กสำหรับระบบไฟฟ้าขนาด 12 โวลต์ แทนที่แบตเตอรี่ทั่วไป เพื่อลดน้ำหนักโดยรวมและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายกำลังไฟฟ้าภายในระบบของรถอย่างเหมาะสมที่สุด ถือเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับยนตรกรรมสำหรับการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว
แม้ในขณะที่ไม่มีการช่วยเสริมจากระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ขนาด 3.6 ลิตรของ 911 GTS ใหม่ ยังคงให้พละกำลังสูงถึง 357 กิโลวัตต์ (485 แรงม้า) และแรงบิด 570 นิวตันเมตร อย่างไรก็ตาม เมื่อทำงานร่วมกับระบบ T-Hybrid สมรรถนะโดยรวมของรถจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยพละกำลังรวมสูงสุด 398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร ส่งผลให้รถสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 3.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 312 กม./ชม.
นอกเหนือจากการยกระดับด้านขุมพลัง ปอร์เช่ยังได้ปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์และระบบช่วงล่างของ 911 GTS ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม โดยมาพร้อมระบบกันสะเทือน Porsche Active Suspension Management (PASM) ที่ปรับระดับความสูงของตัวรถให้ต่ำลง 10 มิลลิเมตร เสริมด้วยระบบเลี้ยวล้อหลัง (Rear-Axle Steering) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น GTS ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในความเร็วสูงและความคล่องตัวในความเร็วต่ำ ขณะเดียวกัน ระบบควบคุมช่วงล่าง Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ยังได้รับการผสานเข้ากับระบบไฮบริดโดยตรง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้งและการทรงตัวในทุกสภาพถนน
ด้านดีไซน์และสมรรถนะทางอากาศ 911 GTS ใหม่ติดตั้งช่องระบายอากาศแบบแอคทีฟ พร้อมดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าที่สามารถปรับการไหลเวียนของอากาศโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มแรงกดและลดแรงต้าน ช่วยเสริมประสิทธิภาพและการยึดเกาะถนนในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ปิดท้ายด้วยชุดแอโรไดนามิกเสริม และล้อดีไซน์ใหม่ ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ แต่ยังยกระดับการตอบสนองและเสถียรภาพของรถในทุกสภาวะการขับขี่อย่างแท้จริง
ภายนอกของปอร์เช่ 911 GTS ใหม่ ได้รับการปรับดีไซน์ให้ทันสมัยและทรงพลังยิ่งขึ้น ด้วยชุดไฟหน้าแบบ Matrix LED ดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าที่ได้รับการออกแบบให้มีมิติและความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น พร้อมส่วนท้ายที่เสริมเส้นสายให้ดูแข็งแกร่ง แถบไฟท้ายดีไซน์ใหม่พร้อมโลโก้ ‘PORSCHE’ แบบฝังในตัว สะท้อนความประณีตในทุกรายละเอียด และช่วยเพิ่มความรู้สึกของความกว้างและความดุดันให้กับตัวรถ สำหรับรุ่น คาเรร่า จีทีเอส (Carrera GTS) ยังมาพร้อมระบบไอเสียสปอร์ตแบบเฉพาะตัวที่ออกแบบมาเพื่อมอบเสียงเครื่องยนต์ที่เร้าใจยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสาร ปอร์เช่ได้พลิกโฉมการออกแบบภายในของ 911 GTS ใหม่สู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยเปลี่ยนจากการใช้กุญแจแบบหมุนสตาร์ทมาเป็นปุ่มกด พร้อมติดตั้งแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.6 นิ้ว ซึ่งสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ได้รับการอัปเกรดให้รองรับการใช้งาน Apple CarPlay® อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเข้าถึงและควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของรถผ่านอุปกรณ์ Apple ได้โดยตรง นอกจากนี้ ยังเสริมความสะดวกสบายด้วยช่องชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ระบบช่วยขับขี่ที่พัฒนาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และฟีเจอร์การสตรีมวิดีโอเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางในทุกมิติ”
911 GTS T-Hybrid ใหม่ เปิดให้สั่งจองอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย โดยมีให้เลือกครบทั้งตัวถังแบบคูเป้ (Coupé), คาบริโอเลต (Cabriolet) และทาร์กา (Targa) พร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งแบบล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ ทุกรุ่นมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ Porsche Doppelkupplung (PDK) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับรุ่น 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (911 Carrera GTS) ราคาเริ่มต้นที่ 17.4 ล้านบาท
ปอร์เช่ ประเทศไทย ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับภายในบูธปอร์เช่ หมายเลข A15 ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 โดยภายในบูธได้รวบรวมยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริดประสิทธิภาพสูง และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พร้อมมอบประสบการณ์ที่ทั้งเร้าใจและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่หลงใหลในการขับขี่อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ผู้เข้าชมยังจะได้พบกับข้อเสนอและแคมเปญสุดพิเศษสำหรับรถยนต์ปอร์เช่หลากหลายรุ่นภายในงาน ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ใกล้ชิดกับยนตรกรรมระดับตำนาน พร้อมสัมผัสจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ที่ปอร์เช่นำเสนอได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่าพลาดโอกาสพิเศษนี้! งานจัดแสดงตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
Honda CRF450R ผงาดจ่าฝูง เหมาชัย MXGP 2025 ฝรั่งเศส 2 เรซรวด

“ทิม ไกเซอร์” ยอดนักบิดชาวสโลวเนีย จาก Team HRC ควบรถแข่งสมรรถนะสูง Honda CRF450R ครองเหมาแชมป์ทั้ง 2 เรซในศึก MXGP 2025 สนามที่ 3 รายการ MXGP of Europe ที่เซนต์ ฌอง ดานเจลี ประเทศฝรั่งเศส (St Jean d’Angely, France) เมื่อวันที่ 22 – 23 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมยึดตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น เก็บคะแนนสะสมทิ้งห่างคู่แข่ง

ศึก MXGP 2025 สนามที่ 3 ดวลคันเร่งกันที่ เซนต์ ฌอง ดานเจลี ประเทศฝรั่งเศส (St Jean d’Angely, France) สนามที่ท้าทายด้วยเนินเขาขึ้นลงอย่างต่อเนื่องพร้อมร่องลึก ท่ามกลางฝนสลับกับแสงแดด การแข่งขันเรซที่ 1 “ทิม ไกเซอร์” สังกัด Team HRC หมายเลข 243 บิดยอดรถแข่ง Honda CRF450R ทำเวลารอบคัดเลือกในอันดับที่ 2 บิดออกตัวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนำได้ทันที และใช้เวลาเพียงไม่กี่โค้งก็สามารถขยับขึ้นครองจ่าฝูง จบการแข่งขันคว้าชัยชนะได้อย่างเด็ดคาด ขณะที่ทีมเมท “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 ทำเวลารอบคัดเลือกในอันดับที่ 3 ตามเข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 5

การแข่งขันเรซที่ 2 “ทิม ไกเซอร์” และรถแข่ง Honda CRF450R หมายเลข 243 โชว์พิสูจน์ศักยภาพกับความท้าทายเมื่อถูกคู่แข่งบุกเข้าหาพร้อมกันหลายคันท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเป็นระยะที่เพิ่มความท้าทายต่อการขับขี่ แต่ยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์บิดทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 โดยนับเป็นชัยชนะติดต่อกัน 4 เรซ จากการเหมาชัยในสนามที่ 3 นี้ที่ประเทศฝรั่งเศส และสนามที่ 2 ที่ประเทศสเปน ขณะที่ทีมเมท “รูเบน เฟอร์นานเดซ” โชคร้ายต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่ต้นเรซ โดยกลับมาบิดเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 30
จบการแข่งขัน “ทิม ไกเซอร์” ครองตำแหน่งจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสมอย่างแข็งแกร่ง มีทั้งสิ้น 167 คะแนน ทิ้งระยะห่างจากคู่แข่งถึง 29 คะแนน ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” รั้งอันดับที่ 9 มีทั้งสิ้น 77 คะแนน
ทั้งนี้ ศึก MXGP 2025 จะลงแข่งขันสนามที่ 4 กันในรายการ MXGP of Sardegna ที่ ริโอลา ซาร์โด ประเทศอิตาลี (Riola Sardo, Italy) ในระหว่างวันที่ 5 – 6 เมษายน นี้
#ThaiHonda #MotorSport #MXGP #HRC #Honda #HondaMotorcycle #CRF450R #HondaCRF
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
‘มิชลิน’ รับประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ของผลิตภัณฑ์ 11 รายการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการสัญจรอย่างยั่งยืน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด ได้รับประกาศนียบัตรการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products: CFP) ประจำปี 2568 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยมีนางสาวพรวิภา แพร่สิริ หัวหน้าฝ่ายการสัญจรอย่างยั่งยืน กลุ่มธุรกิจB2B บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เข้ารับมอบประกาศนียบัตรจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)
เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ คือฉลากที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ เป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมิชลินได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint of Products: CFP) สำหรับผลิตภัณฑ์ 11 รายการในกลุ่มยางใหญ่ โดยมาตรฐานการคำณวนมาจาก ISO 14067:2018 ที่ได้รับการรับรองแบบ Cradle-to-Gate (Business-to-Business: B2B) ซึ่งเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ขั้นตอนการได้มาซึ่ง วัตถุดิบ การขนส่ง การผลิต จนถึง ณ หน้าโรงงานพร้อมส่งออก หรือจนถึงที่เป็นสินค้าขาเข้าสำหรับตัวแทนจำหน่าย และผู้ใช้งาน หรือตามข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละผลิตภัณฑ์ (PCRs)
ประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ทั้ง 11 รายการนี้ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านการสัญจรอย่างยั่งยืนของมิชลิน และแสดงถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ มิชลินมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนมาตรฐานความปลอดภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สัญจรทุกคน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล ขยับชั้นขึ้นสู่ European Formula Three เอ็นโซ่ เยือนไทยฉลองความสำเร็จไปอีกขั้น พร้อมเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชั่น ROYAL IVY REGATTA x ENZO T.

เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล แชมป์โลกโกคาร์ทและนักแข่งฟอร์มูล่าไทยคนแรกในสังกัด Red Bull Junior เยือนไทยฉลอง ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ การขยับชั้นขึ้นสู่การแข่งขัน European Formula Three (Eurocup-3) พร้อมเปิดตัวคอลเลกชั่นเสื้อผ้า ที่ได้ร่วมกับ แบรนด์ ROYAL IVY REGATTA (รอยัล ไอวี รีกัตตา) ถือเป็นครั้งแรกของนักแข่งฟอร์มูล่าไทยร่วมกับ วงการ แฟชั่นไทย ตอกย้ำความภาคภูมิใจและศักยภาพของไทยบนเวทีโลก โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬา แห่งประเทศไทย (กกท.) นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายส่งเสริมกีฬา และ ดร.นิตยา เกิดจันทึก ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ ร่วมแสดงความยินดี

เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้ก้าวขึ้นมาแข่งขันใน European Formula Three นี่คือก้าวสำคัญในเส้นทางการเป็นนักแข่งของผม แผนการแข่งขันในปีนี้ คือการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับรถแข่งและสไตล์ การแข่งขันใน European Formula Three ให้ได้มากที่สุด การขยับชั้นแข่งจากรุ่นโกคาร์ทแม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตัวรถ และเครื่องยนต์ แต่เอ็นโซ่จะพยายามคงสไตล์การขับของตัวเอง เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเป็นตัวเองอย่างทุกวันนี้ ปี 2025 เป็นปีที่ผมเพิ่มชั้นการแข่งขันค่อนข้างเร็ว เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและท้าทายมากๆ ตอนนี้โฟกัสในการพัฒนาตัวเองมากๆ เข้ายิมฟิตซ้อมร่างกาย ฝึกฝนการขับผ่านเครื่อง Stimulator เพื่อให้สามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์แบบและเก็บแต้ม ให้ได้ดีที่สุดในทุกสนามแข่ง“

ในการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ เอ็นโซ่ได้มาร่วมเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษ ROYAL IVY REGATTA x ENZO T. กล่าวว่า “เป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจมากครับ ผมเองก็ชอบแฟชั่นในสไตล์ สมาร์ท แคชชวล ที่ตรงกับ แบรนด์ ROYAL IVY REGATTA ซึ่งเป็นแนว American Elegance เรามีความต้องการเหมือนกันคือสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยในระดับโลก จึงได้พูดคุย เพื่อถ่ายทอดตัวตนและความรักในมอเตอร์สปอร์ตให้กับดีไซน์เนอร์ ออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ “Elegance in Motion” โดยใช้
เบอร์ 8 ที่ผมใช้แข่ง ลายเซ็นต์ ลายเส้นของชุดแข่งรถ หรือลายธงตารางหมากรุก โทนสีหลักของคอลเลกชั่นนี้เป็นสีโปรดของผม คือสีกรมท่า ส่วนสีขาว แดง ดำ สะท้อนถึง ความเร็วและพลัง เป็นคอลเลกชั่นที่ลงตัวมากๆ ทั้งเสื้อ กางเกง เเจ็กเก็ต และรองเท้า มีหลายลุค สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ ได้ในหลาย ๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันสบายๆ วันซ้อม หรือวันที่ต้องการความเป็น formal ผมหวังว่าทุกคนจะชอบครับ”
จับจองคอลเลกชั่นพิเศษ ROYAL IVY REGATTA x ENZO T. ได้แล้ววันนี้ ที่ร้าน ROYAL IVY REGATTA สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และที่ร้าน ROYAL IVY REGATTA ทุกสาขาในวันที่ 29 มีนาคม 2568 หรือช้อปออนไลน์ www.royalivyregatta.com

เกี่ยวกับ เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล
เอ็นโซ่ เป็นหนึ่งนักแข่งรถยนต์ฟอร์มูล่าที่น่าจับตามองมากที่สุดจากความสำเร็จที่โดดเด่น ในฐานะแชมป์โลกรถโกคาร์ท 2022 รุ่นเยาวชน คนแรกของประเทศไทย ในขณะอายุ 13 ปี มีฟอร์มการแข่งที่โดดเด่นจนได้เข้าร่วมทีมระดับโลกอย่าง Redbull ลงแข่งในสังกัดทีมแคมโปส เรซซิ่ง (Campos Racing) ของสเปน จากนั้นได้ขยับมาแข่งรถโกคาร์ทระดับซีเนียร์ในปี 2023 ในปี 2024 สามารถขยับชั้นการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง คือ การแข่งรถฟอร์มูล่าในระดับเนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ (National championships) รายการฟอร์มูล่าโฟร์ สแปนิช แชมเปี้ยนชิพ 2024 (F4 Spanish Championship 2024) และ European Formula Three ฤดูกาล 2025 (Eurocup-3) เส้นทางการแข่งขัน อันน่าทึ่งของนักขับอา ยุ 16 ปีคนนี้ สะท้อนถึงศักยภาพ ความสามารถ และอนาคตที่สดใส เขาคือความหวังใหม่ของวงการ มอเตอร์สปอร์ตไทย ที่อาจก้าวไปสู่ ฟอร์มูล่าวัน (Formula One) เช่นเดียวกับ “พระองค์เจ้าพีระ” ‘พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช’ และ “อัลบอน” อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มาสด้าปรับโฉม NEW MAZDA2 ESSENTIAL ราคาสุดคุ้มเริ่มต้น 5 แสนเครื่องยนต์คลีนดีเซล 1.5 แรงสุด ประหยัดสุด เทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน

มาสด้าเปิดตัว New Mazda2 Essential รถยนต์นั่งสปอร์ตซิตี้คาร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากลูกค้าชาวไทย พร้อมแนวคิด Nothing Else เลือกแล้วว่าใช่ ก็ไม่ต้องการอะไรอีก ด้วยดีไซน์ใหม่ล่าสุดบ่งความเป็นตัวตนที่ชัดเจน พร้อมฟังก์ชั่นที่เติมเต็มกับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ เจาะกลุ่มเจนเนอเรชั่น Z ที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกสำหรับการใช้งานที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุด และตอบโจทย์ความเป็นตัวของตัวเอง มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินและสกายแอคทีฟคลีนดีเซล ใน 4 ทางเลือกใหม่ กับรุ่น PRIME, ULTRA และ SIGNATURE ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตช์แบค 5 ประตู เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน เปิดราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษออกรถเริ่มต้นเพียง 26,450 บาท1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 พิเศษสุดสำหรับลูกค้าครอบครัวมาสด้า รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท* เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ามุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นในทุกบริบท ตามแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อถ่ายทอดปรัชญาของแบรนด์ Joy Drives Lives ความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพื่อเป็นแบรนด์ที่อยู่ในทุกช่วงเวลาการใช้ชีวิตของลูกค้า และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการส่งมอบการบริการที่ดีที่สุด รวมถึงการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัย ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ คุณภาพระดับพรีเมี่ยม ครบครันในเรื่องความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกยุคสมัย ด้วยเหตุนี้ มาสด้าจึงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ ด้วยการปรับโฉมและเปิดตัวสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของมาสด้าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด
การปรับโฉมและกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์ของมาสด้า2 ครั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยมของมาสด้า และเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ภายใต้ชื่อใหม่ที่เรียกว่า New Mazda2 Essential มาพร้อมแนวคิด Nothing Else เลือกแล้วว่าใช่ ก็ไม่ต้องการอะไรอีก ถ่ายทอดดีไซน์ที่บ่งความเป็นตัวตนที่ชัดเจน และฟังก์ชั่นที่เติมเต็มกับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ คงความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่สง่างามทั้งภายนอกและภายใน ภายใต้ปรัชญา Kodo- Soul of Motion ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเจเนอเรชั่น Z ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของมาสด้า และยังคงให้ความคุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุดในเซ็กเม้นต์นี้ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกในการใช้ชีวิต
เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ New Mazda2 Essential จึงได้มีการวางกลยุทธ์ทางผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยการปรับชื่อรุ่นย่อยใหม่และปรับโฉมให้โดดเด่นเข้าถึงกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งมีราคาจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นรถยนต์มาสด้าในหลาย ๆ ด้านไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งการออกแบบที่สง่างาม ความประณีตของภายในห้องโดยสาร รวมถึงการออกแบบโดยเน้นหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อมอบความสนุกสนานในการขับขี่ ตามปรัชญา จินบะ-อิไต มาพร้อมกับทางเลือกของ 4 รุ่นใหม่ มีให้เลือกทั้งในรูปแบบตัวถังแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบ็ค 5 ประตู ประกอบด้วย
- รุ่น PRIME มอบความ ”คุ้มสุด” เป็นรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 3 ลิตร ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้ใช้ชีวิตได้แบบคุ้มค่าตั้งแต่เริ่มต้น มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน โดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจกเตอร์แบบ LED พร้อมการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าสีดำ วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพียง 529,000 บาท


- รุ่น ULTRA มอบความ “สบายสุด” มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 3 ลิตร ครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชั่นที่รู้ใจและตอบโจทย์กับทุกมิติของการใช้ชีวิต ทั้งระบบ Entertainment และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร อาทิ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM พร้อมหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมผ่าน Center Commander ตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยแผงคอนโซลหน้าไบโอพลาสติกแบบสี ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance พร้อมกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง ราคาจำหน่าย 589,000 บาท


- รุ่น SIGNATURE มอบความ “พร้อมสุด” โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Sport Design พร้อมฟังก์ชั่นทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน ควบคู่กับสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก มาพร้อมสองทางเลือกที่ดีที่สุด กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 ลิตร ในรุ่น 1.3 Signature ภายนอกตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบ Sport Design กระจกมองข้างสีดำ ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ และผ้า Grand Luxe Suede® พร้อมกรอบช่องแอร์สีแดง วางราคาจำหน่าย 659,000 บาท และทางเลือกที่สองกับเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ในรุ่น XDL Signature มาพร้อมหลังคาสีดำ ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว สี Black Machining และดิสก์เบรกหลัง ประหยัดน้ำมันสูงสุด 26.3 กม./ลิตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense หลายระบบ วางราคาจำหน่าย 749,000 บาท
New Mazda2 Essential ยังคงโดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟอันเลื่องชื่อ โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ที่ให้สมรรถนะการขับขี่และการประหยัดน้ำมันสูงสุด 22.3 กม./ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมและประหยัดน้ำมันสูงสุด 26.3 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระแบบแมนนวลโหมด Activematic นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบคววบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้า ที่ช่วยควบคุมสมรรนะการขับขี่ให้แม่นยำ สมดุล และมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้ทั้งความสะดวกสบายในการใช้งานที่คุ้มค่าตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว
New Mazda2 Essential มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อค 4W-ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ i-Activesense มากมายหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
New Mazda2 Essential มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ประกอบด้วย
- สีแดง โซลเรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีฟ้า แอร์ สตรีม บลู (Air Stream Blue)
- สีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)
สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ New Mazda2 Essential สามารถชมรถคันจริงได้ภายในงานมอเตอร์ โชว์ 2025 ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. – 6 เม.ย. 68 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษในช่วงเปิดตัว ออกรถเริ่มต้นเพียง 26,450 บาท1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 และพิเศษสำหรับลูกค้าครอบครัวมาสด้า รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท*
หมายเหตุ:
1 ออกรถเริ่มต้น 26,450 บาท คำนวณจากเงินดาวน์ 5% รุ่น 1.3 PRIME/1.3 PRIME SPORTS ราคา 529,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
2 ฟรี ประกันภัยชั้น 1 โดยผู้จำหน่าย และบริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ. แอกซ่าประกันภัย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ยามาฮ่าเปิดอาณาจักรแห่งโลกยานยนต์ “FEEL The Unique Experience” เปิด 2 โมเดลใหม่สุดซูเปอร์สปอร์ต และ 3 รุ่นสีสันใหม่สุด ลิมิเต็ด ในงานมอเตอร์โชว์

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิดบูธ YAMAHA “FEEL The Unique Experience” ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 อย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้ ยามาฮ่าเปิด 2 โมเดลสายพันธุ์ R-Series รุ่นใหม่กับ New YAMAHA R9 รถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ CP3 890 ซีซี และ New YAMAHA R3 สปอร์ตไบค์มิดเดิลคลาสกับขุมพลังเครื่องยนต์ 321 ซีซี พร้อมกันนี้ ยามาฮ่าเปิด New YAMAHA SR 400 กับตำนานของรถสปอร์ตเฮอริเทจ ที่คงความคลาสสิกตลอดกาล กับรุ่น Final Edition และ New YAMAHA R15 และ New YAMAHA EXCITER 2 รุ่นที่มาพร้อมกับสีสันใหม่ พร้อมโปรโมชันแบบจัดเต็มครบทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่รถสแตนดาร์ดไบค์ถึงรถบิ๊กไบค์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยามาลู้ป เครื่องแต่งกายแท้ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งแท้จากยามาฮ่า ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46

สนใจเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าพร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษ พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษต่างๆ ที่ บูธ YAMAHA “FEEL The Unique Experience” มาค้นหาความเป็นตัวคุณไปพร้อมกับยามาฮ่า ระหว่าง วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน 2568 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี สามารถติดตาม และชมรายละเอียดของบูธยามาฮ่าได้ที่ www.yamaha-motor.co.th หรือที่ Facebook: Yamaha Society Thailand

#Yamaha #ยามาฮ่า #RevsyourHeart #FeelTheUniqueExperience #MotorShow2025 #มอเตอร์โชว์2025
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ริเวิร์ธ เรซซิ่ง เปิดตัว AERO X-25 ชุดอัพเกรดแอโรพาร์ทสำหรับ Ranger Raptor & MS-RT

ริเวิร์ธ เรซซิ่ง บริษัทที่เกิดจากการรวมตัวกันของ 2 ผู้บริหาร ที่เปี่ยมด้วย Passion ด้วยประสบการณ์กว่า 28 ปี จากนักแข่งในเวทีระดับสากล ทั้งในรูปแบบทางเรียบ (Racing) และทางฝุ่น (Rally) ของ คุณ นราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ ผนึกไอเดียในการออกแบบกับ คุณ ธนพล หาญพัฒนพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชิ้นส่วนยานยนต์ สู่ธุรกิจแอโร่ดีไซน์เต็มรูปแบบในชื่อ Reworth Racing Aero หรือ RWR
ด้วยการรวมตัวของบุคคลที่เปี่ยมด้วย Motorsport DNA กลายมาเป็นที่มาของแอโร่พาร์ทคุณภาพระดับแข่งขัน ประเดิมด้วย AERO X-25 ชุดแต่งที่จะมาช่วยยกระดับของปิคอัพสมรรถนะสูงอย่าง Ford Ranger Raptor รวมถึง Ranger MS-RT ให้มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น โดยชุดแต่ง AERO X-25 นับเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัพเกรดเสถียรภาพการขับขี่ ภายใต้ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตาตั้งแต่หัวจรดท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ของผู้ครอบครอง รวมถึงยกระดับสมรรถนะ ทั้งกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการขับขี่ในสนามแข่งได้อย่างลงตัว

Reworth Racing Aero รุ่น AERO X-25 สำหรับ Ford Ranger Raptor และ Ranger MS-RT ผ่านสรรค์สร้างภายใต้จิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน โดยมาในรูปแบบ Limited Edition เพียง 168 ชุด พร้อมตัวเลขระบุลำดับการผลิต โดยชุดแต่ง AERO X-25 เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ทำจาก เพียวคาร์บอน (Pure Carbon) ซึ่งมีน้ำหนักเบาเพียงไม่เกิน 9 กก. เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน และมีความแข็งแรงสูงกว่าชิ้นงานคาร์บอนทั่วๆ ไป สามารถสร้าง Downforce ให้กับตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถเพิ่มแรงกดได้ถึง 61 กก. เมื่อวิ่งด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. (ตามมาตรฐานการทดสอบในระดับนานาชาติ) นอกจากนี้ AERO X-25 ยังสามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องดัดแปลงชิ้นส่วนของตัวรถ
นอกจากจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์และประสิทธิภาพด้านแอโร่ไดนามิคส์ของตัวรถแล้ว แนวความคิด และ ประสบการณ์ที่มอบให้ลูกค้า Reworth Racing Aero รุ่น AERO X-25 ยังนับว่าเป็นกุญแจสู่ Motorsport Lifestyle ที่ผู้ครอบครอง จะได้ทลายข้อจกัดของตัวรถที่มีตั้งแต่หัวจรดท้าย พร้อมสัมผัสถึงกลิ่นอายความเป็นมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก จากผลของความตั้งใจในการออกแบบชิ้นงาน ที่ใช้เวลารวมกว่า 2 ปี ในการสรรสร้าง นอกจากนี้แล้ว…ผู้ครอบครองพาร์ท AERO X-25 จะได้สิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม Motorsport ของ Reworth Racing เช่น Pro Rally Experience, Circuit Racing Experience จาก คุณ เอส นราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเวิร์ธ เรซซิ่ง จำกัด ผู้มีประสบการด้านมอเตอร์สปอร์ตทุกรูปแบบกว่า 28 ปี

เร็วๆ นี้ บริษัทยังมีแผนจะสร้าง Academy Speed Rally หรือคอร์สการเรียนรู้ทักษะการขับขี่ในรูปแบบแรลลี่ โดยเริ่มจากกลุ่มผู้ครองชุดแต่ง RWR เพื่อสร้างประสบการณ์และการตอบแทนที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยหลักสูตรดังกล่าว เป็นการถ่ายทอดสุดยอดประสบการณ์จากโรงเรียนที่สร้างนักแข่งในรายการ World Rally Championship จากประเทศสเปนสู่ลูกค้าชาวไทย เพื่อสร้างทักษะขั้นสูงในการขับขี่รูปแบบแรลลี่ นอกจากนี้ RWR ยังมีแผนที่จะเปิดโครงการ 1 Day Racing เปิดประสบการณ์การใช้ชีวิตเสมือนนักแข่ง เรียนรู้เทคนิคการขับขี่ในสนามด้วยรถที่ใช้ในการแข่งขันจริงแบบตัวต่อตัว เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมได้เห็นว่า ใน 1 วันของนักแข่ง จะต้องทำอะไร มีมุมมองอย่างในต่อการแข่งขัน และยกระดับขีดจำกัดของตัวเอง เพื่อให้รู้ว่า “การแข่งขัน” เป็นความชอบหรือเป็นกิจกรรมที่ต้องการจะเดินไปทางนี้อย่างจริงจังหรือไม่ ?


คุณสมบัติที่เด่นของ RWR AERO X-25 (Full Carbon)
วัสดุ : คาร์บอนไฟบอร์คุณภาพสูง โดย P1 Composites Co., Ltd. ผู้ผลิตคาร์บอนคอมโพสิตส์มาตรฐานโลก, ผู้เชี่ยวชาญด้าน Motorsport และยานยนต์ โดยมีวัสดุคาร์บอนให้เลือกถึง 3 ประเภท
- Gloss/Wet carbon
- Satin/Dry carbon
- Forge Carbon


สมรรถนะหลังจากอัพเกรดชุด RWR AERO X-25
- สร้างแรงกดจากลม (Downforce) สูงถึง 61.12 กก. ที่ความเร็ว 160 กม./ชม.
- ไม่สร้างแรงต้าน (Drag) เพิ่มใดๆ ที่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองสำหรับการขับขี่ในความเร็วปกติ อันเป็นผลจากการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยการลดพื้นที่หน้าตัด และระเบียบการไหลของทิศทางลม
- RWR AERO X-25 มีน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 8.15 กก. เท่านั้น

ดีไซน์อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ RWR
- 1.ดีไซน์ให้กลมกลืนไปกับเส้นสายของตัวรถ
- 2.ได้แรงบัลดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตระดับสูง ทั้ง Dakar Rally, WRC Rally Car และ Formula 1
- 3.ผ่านการคำนวณและจำลองการออกแบบด้วย CFD Software ทางวิศวกรรม การันตีทั้งสมรรถนะ รวมถึงความแข็งแรงในทุกย่านความเร็ว
- 4.ติดตั้งกับจุดยึดเดิมจากโรงงาน โดยไม่มีการเจาะหรือต้องติดตั้งชิ้นส่วนเพิ่มเติม

กลุ่มเป้าหมาย และแผนการตลาด
Stage I : ประเทศไทย, มาเลเซีย
Stage II : ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์
Stage III : อเมริกาเหนือ, ยุโรป
กระบวนการผลิตปัจจุบัน : 1เดือน
สถานะสิทธิบัตร : ยื่นจดภายใต้บริษัท Reworth Racing Co., Ltd.
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“Repsol Honda HRC” ผงาดแชมป์โลก X-Trial 2025 “โทนี่ โบ” คะแนนสะสมขาดลอย ฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 19 ครอง 37 ไทรอัล เวิลด์ แชมป์เปี้ยน

“โทนี่ โบ” ยอดนักขับไต่เขาชาวสเปนจาก Repsol Honda HRC ปิดเกมคว้าแชมป์โลกในศึก X-Trial 2025 โดยไม่ต้องลุ้นผลแข่งขันในสนามสุดท้าย หลังบิดคว้าโพเดียม ในการแข่งขันสนามที่ 7 ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา สร้างผลงานคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 19 ในประเภทอินดอร์ รวมถึงแชมป์โลก 37 สมัยในการแข่งขันไทรอัล

X-Trial 2025 สนามที่ 7 รายการ X-Trial France ไปดวลกันที่คาฮอร์ส ในประเทศฝรั่งเศส (Cahors, France) “โทนี่ โบ” เจ้าของหมายเลข 1 จาก Repsol Honda HRC ยังคงทำผลงานยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก ทำคะแนนหล่นไปเพียง 7 คะแนนเท่านั้น จาก 6 โซน ลอยลำเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ตามคาด ขณะที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง “กาเบียล มาเซลลี่” หมายเลข 38 ก็สามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เช่นกัน

การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ “โทนี่ โบ” ถึงแม้จะขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 เก็บคะแนนสะสมรวมเพิ่มเป็น 130 คะแนน ซึ่งก็เพียงพอต่อการเป็นแชมป์โลก X-Trial 2025 ด้วยคะแนนสะสมที่ขาดลอย ได้ฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 19 ในรายการนี้ และรวมเป็นแชมป์โลก 37 สมัยในการแข่งขันไทรอัล ทางด้าน “กาเบียล มาเซลลี่” รั้งอันดับที่ 3 บนโพเดียม บวกแต้มเพิ่มรวมเป็น 75 คะแนน รั้งท็อป 3 ในตารางแชมเปี้ยนชิพ
ทั้งนี้ การแข่งขันศึก X-Trial 2025 สนามที่ 8 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล ในรายการ X-Trial Estonia ที่ทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย (Tallinn, Estonia) จะมีขึ้นในวันที่ 26 เมษายน นี้
#ThaiHonda #HRC #RaceToTheDream #HondaRacingThailand #MotorSport #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaRacingCorporation #FIMTrailGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัว วอลโว่ XC90 ปลั๊กอินไฮบริด โฉมใหม่ พร้อมจัดแสดงรถไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุด วอลโว่ EX90 ขนาด 6 ที่นั่ง ที่งาน Motor Show 2025

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มอบทางเลือกที่ครอบคลุมให้ผู้สนใจในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ด้วยการ เปิดตัว วอลโว่ XC90 รถปลั๊กอินไฮบริด โฉมใหม่ล่าสุด สไตล์เอสยูวีขนาด 7 ที่นั่ง ภายใต้ดีไซน์การออกแบบใหม่ล่าสุดทั้งภายนอกและภายใน พร้อมเผยโฉม วอลโว่ EX90 รถไฟฟ้า 100% ขนาด 6 ที่นั่ง และพิเศษภายในงานกับสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนออีกมากมาย สำหรับผู้สนใจจองและซื้อรถภายในงาน ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน พ.ศ.2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี ที่วอลโว่ คาร์ บูธ A13

ทำสิ่งที่ดีที่สุด ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย วอลโว่ XC90 รถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นปรับโฉมใหม่ ที่มาพร้อมการออกแบบใหม่ล่าสุดทั้งภายนอกและภายใน
ใน งาน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นยอดนิยมตลอดกาล วอลโว่ XC90 ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ แต่ยังมาพร้อมความพรีเมียม ความสบายในการขับขี่และโดยสาร รวมถึงความปลอดภัยที่ยกระดับให้ดียิ่งกว่าเดิม วอลโว่ XC90 โฉมใหม่มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เปลี่ยนโฉมทั้งภายนอกและภายใน ตั้งแต่กระจังหน้าที่ใหญ่ขึ้นและลายดีไซน์ใหม่ด้วยเส้นโครเมียมแบบเฉียงซ้าย-ขวา พร้อมตราวอลโว่ Iron mark ทรง 3 มิติใหม่, ไฟหน้าดีไซน์ Thor’s hammer อันเป็นเอกลักษณ์ ถูกออกแบบให้มีความเรียว และกว้างมากขึ้น เสริมด้วยเทคโนโลยีไฟเมทริกซ์ LED ใหม่ จึงให้แสงไฟที่ส่องสว่างครอบคลุม และไกลขึ้นกว่าเดิม, กันชนหน้ามาพร้อมการออกช่องดักลมด้านข้างแบบแนวตั้ง และแนวนอนดีไซน์เรียวยาวบริเวณส่วนล่างของกันชน, ฝากระโปรงหน้าถูกปรับให้รับกับโฉมหน้าใหม่ของรถเพื่อเพิ่มความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น, ท้ายรถมาพร้อมกับไฟท้ายที่มีการออกแบบให้เข้มขึ้น โดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนโครเมียมภายในทั้งหมดเป็นสีดำ ทำให้เส้นแนวตั้งของการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นและให้รูปลักษณ์ที่ทันสมัย

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบควบคุมอินโฟเทนเม็นต์ที่ถูกปรับให้อัจฉริยะยิ่งขึ้นผ่านอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายเหมือนการใช้งานในรถไฟฟ้า 100% อย่างในรุ่น EX30 และ EX90 บนหน้าจอแบบสัมผัสแนวตั้ง ความละเอียดสูง ไร้กรอบ ขนาดใหญ่ถึง 11.2 นิ้ว นอกจากนี้ยังออกแบบที่วางแก้วใหม่แบบ 2 +1 นอกจากนี้ยังได้มีการย้ายตำแหน่งแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายไปอยู่ระหว่างช่องคอนโซลด้านหน้าเพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น ภายในรถยังมาพร้อมชุดเครื่องเสียงจากแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Bowers & Wilkins กับลำโพงคุณภาพเสียง Hi-Fi 19 ตำแหน่ง ให้กำลังขับ 1,410 วัตต์
วอลโว่ XC90 ปลั๊กอินไฮบริดใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Drive E เบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จและมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดที่ 709 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.3 วินาที1 ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ตัวรถมาพร้อมพลังการขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถใช้งานทั้งในแบบการขับขี่ด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 18.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางขับสูงสุดถึง 76.7 กิโลเมตร1 ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมระยะที่เพิ่มขึ้นเมื่อขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ให้การขับขี่และโดยสารที่สบายด้วยระบบช่วงล่างแบบถุงลม สามารถปรับความหนืด ปรับการตอบสนองได้ตามสภาพถนน โดยทำงานร่วมกับแชสซีด้วยความถี่ระดับ 500 ครั้งต่อวินาที เพิ่มคุณภาพการขับขี่ให้นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ทั้งช่วยในการทรงตัวและการเข้าโค้ง เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับ และเพิ่มความสบายให้ผู้โดยสารในทุกที่นั่ง

สัมผัสสไตล์แห่งการออกแบบ และความสบายในการโดยสารกับ วอลโว่ EX90 แบบ 6 ที่นั่ง
พร้อมกันนี้ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ยังได้นำ วอลโว่ EX90 รถไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถวอลโว่ที่ปลอดภัยที่สุด ในแบบ 6 ที่นั่งมาจัดแสดง เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ในใจในรถไฟฟ้า 100% สไตล์เอสยูวีขนาดใหญ่ ที่มองหาความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นในแง่ของการโดยสารเนื่องจากมีพื้นที่ในการเข้าออกที่นั่งแถวหลังได้สะดวกขึ้น และการใช้งานซึ่งตอบโจทย์ในทุกโอกาสด้วยดีไซน์อันเรียบหรูในแบบสแกนดิเนเวียน และความพรีเมียมในการออกแบบและวัสดุตกแต่งที่นำมาใช้ในรถ
วอลโว่ EX90 รุ่น Ultra Twin Performance แบบ 6 ที่นั่ง มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังสูงสุด 517 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 910 นิวตันเมตร ทำให้มีสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ให้ระยะทางสูงสุดถึง 7451 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง และรองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 250 กิโลวัตต์ โดยสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที ภายในมีห้องโดยสารที่กว้างขวางและทันสมัย พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 14.5 นิ้ว, Google built-in และระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Nvidia Drive AI นอกจากนี้ EX90 ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มอบการเดินทางที่พรีเมียม เช่น เบาะนวดด้านหน้า และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมเพื่อการขับขี่ที่สบาย
คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “วอลโว่ XC90 คือหนึ่งในรถรุ่นยอดนิยมตลอดกาลของวอลโว่ตั้งแต่เปิดตัว ด้วยคุณสมบัติที่ครบครันทั้งในด้านความสบายในการขับขี่และโดยสาร ขนาดของรถในสไตล์เอสยูวีไซส์ใหญ่ ความเรียบหรูในดีไซน์การออกแบบ ความเอนกประสงค์ในการใช้งาน หรือจะเป็นพลังการขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเมื่อนำมาทำตลาดควบคู่กับ วอลโว่ EX90 ซึ่งเป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% ก็ยิ่งเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าทั้งในกลุ่มผู้ที่มีความพร้อมในการใช้งานรถไฟฟ้าแบบ 100% และกลุ่มที่สนใจทดลองใช้งานแต่ยังต้องการการขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเผื่อเป็นแผนสำรอง โดยเราเชื่อว่าการนำเสนอรถทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าในปัจจุบันจะช่วยให้เราก้าวสู่เป้าหมายการเปลี่ยนสู่การเป็นบริษัทรถไฟฟ้าได้ในอนาคต”
สิทธิประโยชน์และข้อเสนอ2สำหรับงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 46 ทั้งในรุ่นรถไฟฟ้า 100% และรุ่นปลั๊กอินไฮบริด
ภายในงาน วอลโว่ คาร์ ได้เตรียมสิทธิประโยชน์รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 1,000,000 บาท พร้อมข้อเสนออีกมากมาย อาทิ
รับสิทธิประโยชน์สูงสุดถึง 1,000,000 บาท เมื่อจองและซื้อรถ XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright หรือรับสิทธิประโยชน์สูงสุดถึง 700,000 บาท สำหรับรุ่น XC90 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark พร้อมรับ
- ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นเวลา 3 ปี
- บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
- รับฟรี เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนัง รับประกันอายุการใช้งาน 18 เดือน พร้อมบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าภายในบ้านพร้อมติดตั้ง
รับข้อเสนอพิเศษเมื่อจองและซื้อรถไฟฟ้า 100% อาทิ รุ่น EX90, EC40, EX40 EX30 หรือรถปลั๊กอินไฮบริด S90, S60, XC60 หรือ V60 โดยตัวอย่างข้อเสนอพิเศษ อาทิ
- ฟรี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สูงสุดเป็นเวลา 3 ปี
- ฟรี Volvo Premium Service Package – Pro (VPSP Pro) ซึ่งประกอบด้วย บริการรับประกันคุณภาพ, บริการบำรุงรักษา และบริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง หรือ ฟรีบริการหลังการขาย ซึ่งประกอบด้วย บริการรับประกันคุณภาพ และบริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
- บริการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง
- ฟรี เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบติดผนังและการรับประกัน และฟรีบริการตรวจสภาพระบบไฟฟ้าและติดตั้ง
ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: จุดสมดุลของนวัตกรรมและความรับผิดชอบ
สานต่อจุดยืนในการออกแบบบูธที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน ลดขยะ เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวมต่อจากปีที่ผ่านมาด้วยดีไซน์ของบูธที่ยังคงเน้นใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยในปีนี้บูธของ วอลโว่ คาร์ ได้คงทำเจตนารมย์เดิม ผ่านคอนเซ็ปต์การออกแบบที่แม้ดีไซน์จะเปลี่ยนไปเพื่อสร้างความน่าสนใจสำหรับผู้มาเยือน แต่รากฐานทางแนวคิดของการออกแบบยังคงเน้นย้ำถึงการนำเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยในปีนี้ 90% ของวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างบูธ วอลโว่ คาร์ คือวัสดุที่มาจากงานในครั้งก่อนหน้า อาทิ พื้นเดิมซึ่งทำขึ้นจากวัสดุวีว่าบอร์ด ตัวโครงเหล็กในบูธเป็นการถอดและนำมาประกอบกลับเพื่อใช้ซ้ำในงาน ผ้าและเฟอร์นิเจอร์เดิมที่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อตกแต่งบูธ ทุกองค์ประกอบของตัวบูธได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความสวยงาม การใช้งาน และการมีส่วนสร้างความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอกย้ำจุดยืนที่ไม่ใช่เพียงแค่คำโฆษณา แต่คือการมุ่งปฎิบัติจริงเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายผ่านการใช้นวัตกรรมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
ราคา
XC90 Ultra – T8 Plug-in Hybrid Bright 4,690,000 บาท
EX90 Ultra Twin Motor Performance 6 ที่นั่ง 4,890,000 บาทร่วมสัมผัสนวัตกรรมจาก วอลโว่ คาร์ ที่ผสานความปลอดภัย ความยั่งยืน และดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียน ได้ที่บูธ วอลโว่ คาร์ หมายเลข A13 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 เมษายน พ.ศ. 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine






































































































































