• “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เติมแรงขับตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ปลายปี ส่ง 4 โมเดลใหม่ “Scrambler 400 XC , Scrambler 1200 XE ,Tiger 900 Alpine Edition, Tiger 900 Desert Edition” เสริมแกร่งไลน์โมเดิร์นคลาสสิก – แอดเวนเจอร์ ครบทุกสไตล์

    2 Min Read

    “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เติมแรงขับตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ปลายปี ส่ง 4 โมเดลใหม่ “Scrambler 400 XC , Scrambler 1200 XE ,Tiger 900 Alpine Edition, Tiger 900 Desert Edition” เสริมแกร่งไลน์โมเดิร์นคลาสสิก – แอดเวนเจอร์ ครบทุกสไตล์

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เดินหน้าตอกย้ำผู้นำรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ ส่งท้ายปียิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่  Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุดในไลน์อัปเครื่องยนต์ 400 ซีซี อันเลื่องชื่อ ได้รับการออกแบบและปรับแต่งเพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์การขับขี่ของไทรอัมพ์ที่สนุก เร้าอารมณ์ และตอบสนองได้ฉับไว ตามด้วย Scrambler 1200 XE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อยกระดับสมรรถนะและความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด รวมถึง Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert Edition 2 รถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ที่สะดุดตา ได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศในเทือกเขาแอลป์และแสงตะวันในทะเลทราย มีคุณสมบัติพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง โดดเด่นด้วยสีสันและกราฟิกพิเศษ ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

    นายชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “เพื่อตอบรับดีมานด์ตลาดพรีเมียมบิ๊กไบค์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จึงเดินหน้าขยายไลน์อัปเพื่อเติมเต็มทางเลือกให้ครอบคลุมทุกสไตล์การขับขี่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Modern Classics และ Adventure ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ ซึ่งการเปิดตัวทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยสมรรถนะ และงานออกแบบที่พัฒนาขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่มาพร้อมความคุ้มค่า

    สำหรับไทรอัมพ์ Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด ที่เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันดุดันของ Scrambler  ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.5 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสนุกและมั่นใจในทุกย่านความเร็ว ด้านรูปลักษณ์ สะท้อนอัตลักษณ์ดีไซน์ของ Scrambler ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ถังน้ำมันที่ออกแบบอย่างสวยงามพร้อมรอยเว้าสำหรับหัวเข่า เครื่องยนต์คลาสสิกพร้อมตราโลโก้ไทรอัมพ์สามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ครีบระบายความร้อน และแคลมป์ยึดท่อร่วมไอเสีย ไปจนถึงปลายท่อเฉียงขึ้นด้านบน อีกทั้งมาพร้อมบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่เข้าชุดกัน ให้การปกป้องอย่างมีสไตล์ในสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย

    ด้านสเปกที่โดดเด่นเหนือระดับ ออกแบบมาเพื่อรองรับการผจญภัยในชีวิตอย่างแท้จริง  โดย Scrambler 400 XC ใหม่นี้ได้เพิ่มศักยภาพในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์ที่ดุดันของ Scrambler ด้วยล้อซี่ลวดแบบใหม่ที่แข็งแกร่งและสวยงามลงตัว ล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลังขนาด 17 นิ้ว ที่เน้นการใช้งานแบบผจญภัย มาพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมจาก Excel และยาง Metzeler Karoo Street แบบไม่มียางใน ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับสมรรถนะบนทุกเส้นทางได้อย่างหลากหลายและมั่นใจ ขณะที่ระบบกันสะเทือนคุณภาพสูงช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ด้วยโช้คหน้าหัวกลับลูกสูบใหญ่ ขนาด 43 มม. และโช้คหลังแบบ Monoshock พร้อมกระปุกน้ำมันแยก โดยมีระยะยุบตัวล้อหน้าและหลัง 150 มม. รวมถึงระบบ Traction Control ที่เปิด-ปิดได้ และระบบ ABS สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยและความคล่องตัวในการใช้งาน

    ส่วนเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มุ่งเน้นเพื่อผู้ขับขี่อัดแน่นทั้งมาตรวัดแบบสองรูปแบบ ผสมผสานดีไซน์เรียบหรูทันสมัย ด้วยมาตรวัดความเร็วแบบเข็มขนาดใหญ่ และหน้าจอ LCD ซึ่งแสดงผลรอบเครื่องยนต์แบบดิจิทัล ระยะทางที่ขับขี่ได้จากน้ำมันที่เหลือ และตัวบอกตำแหน่งเกียร์ที่มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการแสดงผลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกผ่านปุ่มควบคุมที่ติดตั้งบนแฮนด์ นอกจากนี้ยังมีช่องชาร์จไฟแบบ USB-C รองรับการชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือระบบนำทาง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมแท้จาก Triumph ให้เลือกติดตั้งมากกว่า 20 รายการ ครอบคลุมทั้งด้านสไตล์ ความสบาย การบรรทุกสัมภาระ และระบบความปลอดภัย

    ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Scrambler 400 XC ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท มาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยระยะเวลาในการเข้ารับการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 2 ปีไม่จำกัดระยะทางเป็นมาตรฐาน มีให้เลือก 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สี Racing Yellow, สี Storm Grey และ สี Vanilla White โดยแต่ละแบบมาพร้อมกราฟิกดีไซน์เฉพาะตัว พร้อมโลโก้ Triumph สีดำ ที่เข้าชุดกับแผงข้างถังน้ำมันสีดำ แผ่นรองเข่า และเบาะนั่งแบบสองตอนสีดำสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

    ต่อกันด้วย Scrambler 1200 XE รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สองสูบ พละกำลังสูงขนาด 1200 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า และแรงบิดเต็มพิกัด 110 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ มอบทั้งความเร้าใจและการควบคุมที่ง่ายดายในทุกสภาพถนน ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นในทุกมุมมอง ตั้งแต่ท่วงท่าที่ทรงพลัง ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ออกแบบอย่างประณีต ไปจนถึงเบาะยาวลอนคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความพรีเมียมด้วย ฝาถังสไตล์ Monza ทำจากอะลูมิเนียมแบบขัดเงา สวิงอาร์มชุบอะโนไดซ์ แผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้องกันอ่างน้ำมันเครื่องอะลูมิเนียม รวมถึงตราสัญลักษณ์ขัดเงาบ่งบอกถึงความประณีตในทุกส่วน

    ขณะที่โครงรถสไตล์ Scrambler แบบเฉพาะตัว ออกแบบให้ผู้ขี่มั่นใจได้ในทุกสภาพพื้นผิว สวิงอาร์มอะลูมิเนียมหล่อพร้อมระยะยุบตัวยาว และระบบกันสะเทือนปรับได้เต็มรูปแบบ มอบระยะยุบล้อสูงถึง 250 มม. โช้คหน้าหัวกลับ Showa ขนาด 47 มม. ปรับแต่งได้เต็มระบบ ส่วนโช้คหลังคู่ Öhlins พร้อมกระปุกน้ำมันที่ติดตั้งสปริงคู่ให้การควบคุมและความสบายที่เหนือชั้น ไม่ว่าขับขี่คนเดียวหรือบรรทุกเต็มพิกัด สมรรถนะการเบรกก็เหนือชั้นไม่แพ้กัน คาลิปเปอร์เบรก Brembo Stylema M4.30 โมโนบล็อกเรเดียล จับคู่กับจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. ให้พลังเบรกระดับชั้นนำ เสริมด้วยคาลิปเปอร์หลัง Nissin และจานเบรกขนาด 255 มม. ระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ของไทรอัมพ์ มอบความมั่นใจสูงสุดในทุกโค้ง พร้อมตัวเลือกปิดระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดสำหรับการขับขี่ออฟโรดขั้นสูง

    ด้านเทคโนโลยีที่ยกระดับทุกการขับขี่มาพร้อม คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ของไทรอัมพ์ที่ให้โหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-Configurable, Off-Road และโหมดพิเศษเฉพาะรุ่น Off-Road Pro โดยแต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองของคันเร่ง ระบบ ABS และระบบ Traction control ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวและความต้องการของผู้ขับขี่ ด้านโหมด Off-Road Pro จะปิดการใช้งานระบบ ABS และระบบ Traction Control ทั้งหมด เพื่อปลดปล่อยสมรรถนะออฟโรดของ XE อย่างเต็มศักยภาพ ระบบ Cruise Control แบบปุ่มเดียว เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล ขณะที่จอแสดงผล TFT สีเต็มรูปแบบ มาพร้อมธีมให้เลือก 2 แบบและตัวเลือกเค้าโครง 3 สไตล์ พร้อมฟังก์ชันปรับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแสง นอกจากนี้ผู้ขี่ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอเริ่มต้นด้วยชื่อของตนเอง เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการขับขี่ได้อีกด้วย นอกจากนี้สวิตช์ควบคุมแบบมีไฟเรืองแสง และจอยสติ๊กแบบ 5 ทิศทาง ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างสะดวกง่ายดาย รวมถึงยังรองรับการติดตั้งระบบเชื่อมต่อ My Triumph ช่วยให้เข้าถึงการโทรศัพท์ ฟังเพลง และระบบนำทางแบบ Turn-by-turn ผ่านหน้าจอ TFT ได้โดยตรง มีช่องชาร์จ USB ใต้เบาะที่นั่ง เพื่อให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ตลอดการเดินทาง ตลอดจนมีอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ให้เลือกมากกว่า 70 รายการ ตั้งแต่ ชิลด์หน้าทัวร์ริ่งทรงสูง และกระเป๋าข้างแบบหนัง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับการขับขี่ออฟโรด อุปกรณ์เสริมทุกชิ้นได้รับการออกแบบควบคู่กับตัวรถ เพื่อความลงตัวทั้งด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน และคุณภาพ

    ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Scrambler 1200 XE ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท มาพร้อมความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยระยะเวลาในการเข้ารับการบำรุงรักษาที่ยาวนานถึง 16,000 กิโลเมตร พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 2 ปีไม่จำกัดระยะทางเป็นมาตรฐาน มีตัวเลือกสีพรีเมียมให้เลือก ได้แก่ สี Matt Khaki Green & Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย และสี Silver Ice & Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือกเช่นเดิม

    ปิดท้ายด้วย Tiger 900 Alpine Edition ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น Tiger 900 GT Pro ที่เน้นการขี่บนถนน มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ขี่  ขณะที่ Tiger 900 Desert Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Tiger 900 Rally Pro ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ระดับแนวหน้าในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเลื่องชื่อ ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-plane ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สามสูบ 888 ซีซี ให้พละกำลัง 108 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 90 นิวตันเมตร ที่ 6,850 รอบต่อนาที การส่งกำลังที่ตอบสนองฉับไว ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม และเป็นไปตามมาตรฐาน Euro 5+ ออกแบบมาเพื่อความแข็งแกร่ง การควบคุม และความทนทาน ทั้งสองรุ่นมีสวิงอาร์มหล่ออะลูมิเนียมสองด้านเพื่อความเสถียรและความแม่นยำ พร้อมระบบเบรกประสิทธิภาพสูงจาก Brembo ให้แรงหยุดเหนือชั้น ขณะที่ชุดแฮนด์มีแดมเปอร์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขี่ระยะไกล โดยในรุ่น Desert Edition ยังมาพร้อมกับล้อซี่ลวดและยางแบบไม่มียางใน

    ขณะที่ระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละรุ่น โดย Tiger 900 Alpine Edition ใช้โช้คหัวกลับ Marzocchi ขนาด 45 มม. พร้อมระบบปรับการยุบตัวและการคืนตัวแบบแมนนวล มีระยะยุบตัว 180 มม. ในขณะที่ Tiger 900 Desert Edition ติดตั้งโช้คหัวกลับ Showa ขนาด 45 มม. พร้อมระยะยุบตัว 240 มม. เพื่อการขับขี่ออฟโรดที่ท้าทาย ระบบกันสะเทือนหลังก็สะท้อนถึงแนวทางนี้ โดย Alpine ใช้โช้ค Marzocchi และ Desert ใช้โช้ค Showa ให้ระยะยุบตัว 170 มม. และ 240 มม. ตามลำดับ ด้านระบบเบรกได้รับการควบคุมโดยจานเบรกคู่หน้าขนาด 320 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ Brembo Stylema และจานเบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 255 มม. เสริมด้วยยาง Metzeler Tourance™ Next สำหรับรุ่น Alpine และยาง Bridgestone Battlax Adventure สำหรับรุ่น Desert มอบการยึดเกาะที่มั่นใจบนทุกพื้นผิว

    นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อม Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น และแผงหน้าปัดสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph เพื่อข้อมูลที่เข้าใจง่ายและชัดเจน พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โดยรุ่น Alpine และ Desert มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 และ 6 โหมดตามลำดับ โดยรุ่น Desert จะเพิ่มโหมด Off-Road Pro เพื่อการบังคับควบคุมบนทุกสภาพถนนขั้นสูง นอกจากนี้รุ่นพิเศษทั้งสองรุ่นมีตัวเลือกให้อัปเกรดเป็นเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิหรือเบาะนั่งแบบต่ำ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวและความทนทานในทุกสภาพถนน รวมถึงยังมีอุปกรณ์เสริมครบครันกว่า 50 ชิ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการท่องเที่ยวและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกชุดกระเป๋าเดินทางพรีเมียมได้ 2 แบบ คือชุด Trekker หรือชุด Expedition ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานและสะดวกสบายในการเดินทางไกล นอกจากนี้สำหรับประเทศไทยท่อเก็บเสียงพรีเมียม Akrapovic สามารถติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้เช่นกัน

    ทั้งนี้ Tiger 900 Alpine Edition Edition มาพร้อมโทนสี Snowdonia White และ Sapphire Black อันคมชัด พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue อันโดดเด่น ในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท และ Tiger 900 Desert Edition มาพร้อมสี Urban Grey และ Sapphire Black ที่สะดุดตา พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Baja Orange อันโดดเด่นในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นมีระยะเวลาการบริการ 10,000 กิโลเมตร และรับประกันระยะทางไม่จำกัดเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นระดับชั้นนำในระดับเดียวกัน นายชินศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มาสด้ามอบโชคใหญ่ New Mazda2 Essential ให้ลูกค้าผู้โชคดี แคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ

    1 Min Read

    มาสด้ามอบโชคใหญ่ New Mazda2 Essential ให้ลูกค้าผู้โชคดี แคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ

    บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ  พร้อมด้วย นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล และ นายพิเชษฐ์  ปุณณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย มอบรางวัลใหญ่รถยนต์ New Mazda2 Essential รุ่น 1.3 Prime มูลค่า 541,000 บาท ให้กับ คุณศุภนัฏชัย พรหมชัย ลูกค้าผู้โชคดีจากแคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวจัดขึ้นเป็นพิเศษให้กับลูกค้า Mazda Family ที่ออกรถยนต์มาสด้าคันใหม่ระหว่างวันที่ 1 ส.ค. 68 – 30 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา เพื่อแทนคำขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นจากมาสด้าเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกมิติ ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลใหญ่รถยนต์มาสด้าในครั้งนี้ จัดขึ้น ณ โชว์รูมมาสด้า พระราม 7 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. 58 ผ่านมา

    สำหรับแคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ เป็นแคมเปญที่มาสด้าจัดขึ้นเพื่อลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มาสด้าคันใหม่ในระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน 2568 ได้มีโอกาสลุ้นรับโชคถึง 2 ต่อ รวมมูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ทั้งรางวัลประจำเดือน 260 รางวัล ประกอบด้วย  Apple iPhone 16e 128GB มูลค่า 20,000 บาท* จำนวน 20 รางวัล, Apple iPad A16 11-inch Wi-Fi 128GB มูลค่า 11,100 บาท* จำนวน 40 รางวัล, เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,247 บาท* จำนวน 200 รางวัล และรางวัลใหญ่ รถยนต์ New Mazda2 Essential รุ่น 1.3 Prime มูลค่า 541,000 บาท อีก 1 รางวัล ทั้งนี้ มาสด้าได้ประกาศรายชื่อผู้โชคดีและมอบรางวัลให้กับลูกค้าทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    สำหรับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่จากมาสด้าครั้งนี้ ได้แก่ คุณศุภนัฏชัย พรหมชัย ซึ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ New Mazda2 Essential รุ่น Ultra และได้รับรางวัลใหญ่รถยนต์ New Mazda2 Essential รุ่น Prime สีแดง โซล เรด คริสตัล มูลค่า 541,000 บาท ซึ่งมาสด้าขอแสดงความยินดีกับผู้โชคดีมา ณ โอกาสนี้

    มาสด้าขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์มาสด้า และให้มาสด้าได้ดูแล ด้วยการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า ขอให้ลูกค้าทุกท่านติดตามกิจกรรมข่าวสารและแคมเปญพิเศษดี ๆ เช่นนี้ ที่มาสด้าจะมอบให้กับลูกค้า Mazda Family ต่อไปในอนาคต เพื่อสะท้อนปรัชญาของแบรนด์ Joy Drives Live ความสุขขับเคลื่อนชีวิต ที่มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง

    สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลทั้งหมด ภายใต้แคมเปญ MAZDA MID-YEAR SURPRISE ข้อเสนอมาสด้าแห่งปี ซื้อรถลุ้นรถ ได้ทางเว็บไซต์มาสด้า

    https://www.mazda.co.th/th/events-activities/detail/mazda-midyear-surprise-activity-2025

    *ราคารวม VAT 7%


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • แชมป์ Honda City Hatchback One Make Race 2025 “กอล์ฟ-ประพจน์ ชื่นวิจิตร” คว้าประสบการณ์ระดับโลก ในรายการ Super Taikyu ณ สนาม Fuji Speed Way

    1 Min Read

    แชมป์ Honda City Hatchback One Make Race 2025 “กอล์ฟ-ประพจน์ ชื่นวิจิตร” คว้าประสบการณ์ระดับโลก ในรายการ Super Taikyu ณ สนาม Fuji Speed Way

    ศึก “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2025” โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน ) ตอกย้ำความมุ่งมั่น ด้วยการส่งแชมป์ประจำปี 2025 อย่าง “กอล์ฟ-ประพจน์ ชื่นวิจิตร” ไปสัมผัสประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ในศึก “Eneos Super Endurance Series 2025 Empowered by BRIDGESTONE” หรือคุ้นหูกันในชื่อ Super Taikyu  เป็นการเดินทางไปแข่งเรซที่ 7 ณ สนาม Fuji Speed Way ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

    นี่คือจุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า Honda One Make Race ไม่ได้มองแค่ “ชัยชนะ” ในประเทศ แต่เป็นเวทีเพื่อสนับสนุนและผลักดันให้นักแข่งไทยได้เก็บเกี่ยว “ประสบการณ์แข่งจริง” ในสนามระดับสากล เพื่อนำพาทักษะของพวกเขาข้ามผ่านขีดจำกัดไปอีกขั้น โดย กอล์ฟ-ประพจน์ ชื่นวิจิตร แชมป์ Honda City Hatchback One Make Race 2025 ได้เดินทางไปร่วมทีม M&K Racing ลงสนามด้วยการใช้รถแข่ง Civic FL5 TCR หมายเลข 96 ในรุ่น ST-TCR นี่คือการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จากรถแข่ง One Make Race สู่รถแข่ง TCR ระดับโลก ที่ต้องการการปรับตัวและทักษะที่สูงขึ้นมาก

     การเตรียมความพร้อมการเดินทางไปถึงญี่ปุ่น เริ่มต้นด้วยกระบวนการที่เข้มข้น นักแข่งต้องเข้ารับการอบรมอย่างละเอียด ทั้งจากสนาม Fuji Speedway และผู้จัดรายการ Super Taikyu เพื่อทำความเข้าใจกฎข้อบังคับและกติกาการแข่งขันระดับสากล แม้จะมีเวลาจำกัดในการปรับตัวเข้ากับรถแข่ง Endurance และรูปแบบการแข่งขัน 4 ชั่วโมง เขาเริ่มต้นทำความคุ้นเคยกับสนามด้วยรถแข่ง Honda N1 ก่อนจะก้าวขึ้นสู่รถแข่ง Civic TCR เป็นครั้งแรก โดยปรับตัวและเรียนรู้ และทำความคุ้นเคยกับรถแข่งได้อย่างรวดเร็ว

    พิสูจน์ความสามารถและผลลัพธ์อันน่าประทับใจ ในช่วงของการควอลิฟาย แบ่งกลุ่มนักแข่งเป็น 4 กลุ่ม  โดย “กอล์ฟ” อยู่ในกลุ่ม D ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้ลงไปควอลิฟาย เขาได้สร้างความประทับใจให้กับทีมและผู้เข้าร่วมแข่งขัน โดยสามารถทำเวลาเป็นอันดับ 2 ของรุ่น ในกลุ่ม D ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสามารถของนักแข่งไทยบนเวทีระดับโลก

    ในวันแข่งขันจริง ซึ่งเป็นการแข่งขัน 4 ชั่วโมง ท่ามกลางรถแข่งกว่า 60 คัน จาก 9 รุ่น แผนที่วางไว้ คือ กอล์ฟได้รับมอบหมายให้ลงขับเป็นคนที่ 3 จากนักแข่งทั้งหมด 4 คน โดยใช้เวลาขับทั้งหมด 50 นาที และด้วยการทำงานเป็นทีมอย่างมีมาตรฐาน  ทำให้รถแข่ง Civic TCR หมายเลข 96 สามารถเข้าเส้นชัยในอันดับ 6 Overall ของการแข่งขันนี้ได้สำเร็จ  นับเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะ ถึงแม้จะไม่ได้ก้าวขึ้นไปยืนบนโพเดียม แต่การได้ร่วมทีมแข่งระดับมาตรฐาน ได้ขับรถแข่งระดับโลก และได้พิสูจน์ตัวเองในสนามระดับสากลอย่าง Super Taikyu คือ “ประสบการณ์” ที่หาได้ยากและมีมูลค่ามหาศาล การเข้าร่วมการแข่งขันนี้ คือหลักฐานสำคัญที่ยืนยันเจตนารมณ์ของ Honda One Make Race ที่จะมอบโอกาสเช่นนี้ให้กับแชมป์ของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พวกเขาได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และนำพาประสบการณ์อันล้ำค่านี้กลับมาพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากลต่อไปในอนาคต

    สำหรับ ศึก ฮอนด้า วันเมคเรซ เตรียมเดินหน้าจัดการแข่งขันต่อในฤดูกาล 2026 โดย กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  ผู้จัดการแข่งขันประกาศอย่างชัดเจนว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงในส่วนของ “รุ่นการแข่งขัน” เพื่อยกระดับความมันส์ให้สูงขึ้น  แฟนๆรอติดตามอัพเดทข้อมูลก่อนใครได้ที่เพจ Honda One Make Race, GP Motorsport และ XO Autosport


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • กลุ่มทำงานต่างประเทศภายใต้ “Tateshina Meeting” เปิดตัวแคมเปญ“KUB-DEE-DAI-DEE (ขับดีได้ดี)”

    1 Min Read

    กลุ่มทำงานต่างประเทศภายใต้ “Tateshina Meeting” เปิดตัวแคมเปญKUB-DEE-DAI-DEE (ขับดีได้ดี)โดยมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี (Toyota Mobility Foundation) และฮอนด้า (Honda) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (Bangkok Metropolitan Administration) เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทย ส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัยตามแนวคิดความเชื่อของไทย ทำดีได้ดี” —

    มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (Toyota Mobility Foundation – TMF) และ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด (Honda Motor Co., Ltd. – Honda) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร (Bangkok Metropolitan Administration – BMA) ได้ประกาศเปิดตัวแคมเปญ “KUB-DEE-DAI-DEE (ขับดีได้ดี)” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสององค์กรในการร่วมกันแก้ไขปัญหาและส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนในประเทศ

     

    ทั้งนี้ TMF และ Honda ได้ร่วมมือกันภายใต้คณะอนุกรรมการด้านต่างประเทศของกรอบความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม “Tateshina Meeting” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “การสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นศูนย์” ทั้งสององค์กรได้แบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์จากโครงการด้านความปลอดภัยทางถนนที่ดำเนินการในประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาประยุกต์และขยายผลสู่ระดับสากล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการจราจรที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งสององค์กรเตรียมดำเนินแคมเปญในประเทศไทย ภายใต้แนวคิดที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมความเชื่อของไทย “ทำดีได้ดี (TAM-DEE-DAI-DEE / Good Deeds Bring Good Returns)” เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีและลดอุบัติเหตุทั้งจากรถยนต์และรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งมีการติดตามและประเมินผลลัพธ์ของแคมเปญ เพื่อพัฒนาแนวทางด้านความปลอดภัยทางถนนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

     

    🔗 เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแคมเปญ: https://kubdeedaidee.com

     

    1. ความเป็นมาของโครงการ

    ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผลลัพธ์ที่ตามมาของการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ คือ อัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งพบได้บ่อยในกลุ่มคนรุ่นใหม่

     

    แม้ว่าที่ผ่านมาได้มีการดำเนินกิจกรรมรณรงค์และโครงการให้ความรู้ด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการ พัฒนามาตรการและแนวทางใหม่ๆ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

     

    ภายใต้แคมเปญนี้ TMF และ Honda ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ (รถยนต์และรถจักรยานยนต์) จะร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้และรณรงค์ด้านความปลอดภัยทางถนน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Networking Services – SNS) เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ในวงกว้าง

    โดยได้รับการสนับสนุนจาก กรุงเทพมหานคร (BMA) ผ่านการดำเนินกิจกรรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแคมเปญ รวมถึงการเผยแพร่เนื้อหาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อของกรุงเทพมหานคร โครงการนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนากิจกรรมที่เชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่อย่างปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

    1. แนวทางและวัตถุประสงค์ของโครงการ

    แคมเปญนี้จัดทำขึ้นเพื่อเชื่อมโยง “ทำดีได้ดี” ซึ่งเป็นสุภาษิตไทยที่สืบทอดกันมายาวนานในวิถีชีวิตของคนไทย เข้ากับพฤติกรรมด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยมีแนวคิดในการ “ตีความใหม่” ว่าความรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนไม่ใช่เพียง “หน้าที่” ที่ต้องปฏิบัติเท่านั้น แต่เป็น “การกระทำที่ดี” ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งตนเองและผู้อื่น พร้อมสร้างแรงจูงใจให้เกิดพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

    TMF และ Honda มุ่งหวังที่จะสร้างสังคมการขับขี่ที่ปลอดภัย ซึ่งผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ต่างมีความเอื้อเฟื้อและใส่ใจต่อกัน ภายใต้แนวคิด “ขับดี (KUB-DEE)” แคมเปญได้หยิบยกพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การสังเกตและระมัดระวังรถจักรยานยนต์ในขณะขับขี่ การตรวจสอบจุดอับสายตา และการเว้นระยะห่างที่ปลอดภัย — มานำเสนอเป็นตัวอย่างของ “พฤติกรรมการขับขี่ที่ดี”

     

    แนวทางเหล่านี้ถูกออกแบบบนพื้นฐานข้อมูลเชิงลึกจากรูปแบบอุบัติเหตุและพฤติกรรมการขับขี่ที่พบบ่อยในประเทศไทย เพื่อเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่ตระหนักและจดจำว่าพฤติกรรมเหล่านี้คือ “การทำดี” ที่สร้างความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่นบนท้องถนน

     

    1. แผนดำเนินการของโครงการ

    ในการสร้างสรรค์ภาพหลักของแคมเปญบนเว็บไซต์ TMF และ Honda ได้ร่วมมือกับศิลปินไทยรุ่นใหม่ นายสราวุธ พานนู เพื่อนำเสนอผลงานที่ผสานเอกลักษณ์ของศิลปะไทยแบบดั้งเดิมเข้ากับสไตล์ร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสื่อสารแนวคิด “ทำดีได้ดี” ในมิติใหม่ ที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น และสะท้อนแนวคิดของแคมเปญในรูปแบบที่ทั้งทันสมัยและคงไว้ซึ่งรากฐานของวัฒนธรรมไทย

     

    นอกจากนี้ ภายในเว็บไซต์แคมเปญยังได้เพิ่มฟีเจอร์เชิงอินเทอร์แอ็กทีฟ “KUB-DEE-DAI-DEE Generator” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างเป็นรูปธรรม

    ผู้ใช้งานสามารถเลือกพฤติกรรมการขับขี่ที่ต้องการตระหนักรู้มากขึ้น จากหมวด “KUB-DEE (ขับดี)” ที่แนะนำไว้ในเว็บไซต์ และสามารถสร้างวอลล์เปเปอร์หรือวิดีโอสั้นในสไตล์ของตนเอง เพื่อแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดียได้โดยตรง

     

    กลไกนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้ได้รับความรู้ด้านความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ “ประกาศเจตนารมณ์แห่งการขับดี” ต่อสังคมรอบข้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง

     

    1. ทิศทางต่อไปของโครงการ (Future Developments)

    ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2025 เป็นต้นไป แคมเปญ “ทำดีได้ดี ขับดีได้ดี” จะเริ่มเผยแพร่ทั้งในรูปแบบ ออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณากลางแจ้ง เว็บไซต์แคมเปญพิเศษ รวมถึง สื่อในเครือของกรุงเทพมหานคร (BMA) เพื่อให้เข้าถึงประชาชนในวงกว้าง และส่งต่อแนวคิด “ขับดีได้ดี” เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีในสังคมไทย

    จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการดำเนินแคมเปญ “ทำดีได้ดี ขับดีได้ดี” ในระยะแรก ทำให้มีแผนที่จะขยายผลต่อเนื่องในปี 2026 โดยร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) และ มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย เพื่อส่งต่อแนวคิดและสารรณรงค์ด้านความปลอดภัยทางถนนไปสู่ประชาชนในวงกว้างยิ่งขึ้น

     

    พร้อมกันนี้ ได้รับเกียรติจากผู้แทนของแต่ละองค์กรร่วมแสดงความคิดเห็น ดังนี้

     

     

    นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (Chadchart Sittipunt), ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

    “กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนนมาโดยตลอด

    การเปิดตัวแคมเปญ ‘ขับดีได้ดี (KUB-DEE-DAI-DEE)’ โดย TMF และ Honda ถือเป็นก้าวสำคัญในการปลูกฝังวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีน้ำใจและปลอดภัย ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์อย่างแท้จริง

    กรุงเทพมหานครพร้อมสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ และจะเดินหน้าพัฒนาระบบถนนให้ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อทุกคนต่อไป”

     

    มร. ซูซูมุ มัตสึดะ (Susumu Matsuda), รองประธานกรรมการ มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (Toyota Mobility Foundation)

    “ในที่ประชุม Tateshina Meeting เราให้ความสำคัญกับแนวคิดที่ว่า ‘ความปลอดภัยทางถนนเป็นสิ่งที่ทุกคนร่วมกันสร้างได้’ เราเชื่อว่าการที่แต่ละคนได้คิดว่า ‘ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง’ และลงมือปฏิบัติจริง คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแนวคิด ‘ขับดีได้ดี (KUB-DEE-DAI-DEE)’ จะได้รับการยอมรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนชาวไทย และช่วยส่งต่อจิตสำนึกแห่งความเอื้อเฟื้อและความปลอดภัยให้แผ่ขยายระหว่างผู้ใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์”

     

    มร. ฮิเดอากิ ทาคาอิชิ (Hideaki Takaishi), ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด

    “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ TMF ในการเปิดตัวแคมเปญ ‘ขับดีได้ดี (KUB-DEE-DAI-DEE)’ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนนที่เป็นความท้าทายสำคัญของประเทศไทย

    การส่งเสริมให้เกิดการขับขี่อย่างมีน้ำใจ ทั้งในมุมมองของผู้ใช้รถยนต์และผู้ใช้รถจักรยานยนต์ จะช่วยมอบทั้ง ‘ความปลอดภัยและความสุข’ ให้กับทุกคน และร่วมกันก้าวไปสู่สังคมที่ปลอดอุบัติเหตุอย่างแท้จริง”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ไทยฮอนด้า ร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ มอบเงินบริจาค 1,962,414 บาท จากโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า ร่วมส่งต่อพลังแห่งการให้ มอบเงินบริจาค 1,962,414 บาท จากโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” แก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย

     

    ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มอบเงินบริจาคจำนวน 1,962,414 บาท ให้แก่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจในการจัดหาและบริหารโลหิตให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ ซึ่งการมอบเงินในครั้งนี้จัดขึ้น เนื่องในวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้ชื่อโครงการ “60 ปี ไทยฮอนด้า 60 บาท เติมเต็มถัง เติมเต็มใจ” ในโอกาสนี้ ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้มอบเงินบริจาค โดยมี รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และ คุณปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ณ สภากาชาดไทย

    โครงการฯ ดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยไทยฮอนด้าร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เชิญชวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ากว่า 18 ล้านคัน ร่วมกิจกรรมเติมน้ำมันเต็มถังในราคาเพียง 60 บาท ณ ร้านผู้จำหน่ายฮอนด้า (Honda Wing Center) ที่เข้าร่วมกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ เป็นรายได้จากกิจกรรมรวม 981,207 บาท และไทยฮอนด้าได้ร่วมสมทบเพิ่มอีกหนึ่งเท่า รวมเป็นยอดบริจาคทั้งหมด 1,962,414 บาท เพื่อสนับสนุนการจัดหาโลหิตให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ

    ดร.อารักษ์ พระประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าได้เติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย ไม่เพียงแค่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ แต่ยังคงยึดมั่นในการส่งต่อความสุขและความปลอดภัยให้กับผู้คนรอบข้างในทุกเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ในนามของบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ขอขอบพระคุณ สภากาชาดไทย ที่เปิดโอกาสให้ฮอนด้าได้เป็นส่วนหนึ่งของการ “ให้ชีวิต” ผ่านการบริจาคโลหิตและการสนับสนุนภารกิจอันทรงคุณค่าต่อประเทศ ไทยฮอนด้าขอให้คำมั่นว่า จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งดีให้กับสังคมไทยต่อไป เพื่อให้ทุกก้าวของการเดินทางเป็นไปตามปณิธานอันมั่นคงของเรา”

    การมอบเงินบริจาคในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทขององค์กรที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม แต่ยังขับเคลื่อนด้วยจิตสำนึกแห่งการให้ เพื่อร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยอย่างแท้จริง

    สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า” ได้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

    #ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสังคมไทย
    #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ZEEKR มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

    1 Min Read

    ZEEKR มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย

    จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทยในขณะนี้ บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยนายอเล็กซ์ เป่า กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เดินทางเข้ามอบเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 100,000 บาท ผ่านมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมีคุณสายสม วงศาสุลักษณ์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิฯ เป็นผู้รับมอบ

    ZEEKR แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชูรี ขอส่งกำลังใจให้ทุกพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย รวมถึงอาสาสมัครจากทุกหน่วยงานที่ร่วมภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย และรู้สึกขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ซึ่งพร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าเคียงข้างคนไทยสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • NEX POINT เปิดประสบการณ์ทดสอบ “รถหัวลากไฟฟ้า” และ “รถโดยสารไฟฟ้า”

    1 Min Read

    NEX POINT เปิดประสบการณ์ทดสอบ “รถหัวลากไฟฟ้า” และ “รถโดยสารไฟฟ้า”

    บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX POINT ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “NEX EV Driving Experience” ทดสอบการขับขี่ยานยนต์เชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้จัดให้มีการทดสอบรถหัวลากไฟฟ้า และรถโดยสารไฟฟ้า ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของ NEXPOINT ในการเป็นผู้นำตลาดด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย ด้วยยอดจดทะเบียนรถบรรทุกไฟฟ้าและรถโดยสารไฟฟ้ามากกว่า 2,800 คัน ทั่วประเทศ และสนับสนุนนโยบายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Net Zero Emission) รวมถึงนโยบายการลดหย่อนภาษี จากสิทธิประโยชน์ หักค่าเสื่อมสูงสุด 2 เท่า เป็นเวลา 5 ปี สำหรับผู้ซื้อรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ประกอบภายในประเทศ อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่งของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มโลจิสติกส์และขนส่งมวลชน

    โดยรถที่ใช้ในการทดสอบนั้น มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น

    1. NEX EV Tractor 423 kWh

    เป็นรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% ออกแบบมาเพื่องานขนส่งขนาดใหญ่และหนักโดยเฉพาะ ความจุแบตเตอรี่ 423 kWh 550 แรงม้า กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 410 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 2,800 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 6 สปีด มีหัวชาร์จแบบ DC สามารถชาร์จได้พร้อมกัน 2 หัว ระยะทางวิ่งประมาณ 300 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับรถ)

    1. NEX EV City Bus 8 m

    รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ขนาด 8 เมตร จำนวน 22 ที่นั่ง และ มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสูงสุด 165 kW แรงบิดสูงสุด 2,000 นิวตันเมตร โดยระยะทางวิ่งประมาณ 120-140 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับรถ) พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฮดรอลิค มือจับสำหรับผู้โดยสารยืน 16 จุด ทั้งนี้ยังไม่รวมเสาสำหรับจับยึดในตัวรถ อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน อาทิ อุปกรณ์ดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ทางออกหนีไฟฉุกเฉิน

    โดยจุดเด่นของรถทั้ง 2 รุ่นนี้คือ  รถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่สร้างโดยฝีมือคนไทยโดยโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล โดยขีดความสามารถของ Nex Point สามารถประกอบสร้างรถโดยใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้นถือได้ว่าเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐาน

    ในการทดสอบครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนด้านสถานที่ทดสอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากโรงเรียนสอนขับรถ 3K Solution Management ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนขับรถโดยสารไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย และเตรียมสอนขับรถหัวลากในอนาคต เหตุผลสำคัญสำหรับสถานที่ในการทดสอบจำเป็นต้องเป็นสถานที่แบบปิดเพราะการที่จะทดสอบรถหัวลากหรือรถบัสนั้นจำเป็นต้องมีใบขับขี่เฉพาะที่เรียกว่า ใบขับขี่ ท.1-4 ซึ่งจะแยกประเภทของรถที่ใช้ในการขับขี่ ดังนั้นถ้ายังไม่มีก็ไม่สามารถขับบนถนนสาธารณะได้

    โดยโรงเรียนสอนขับรถ 3K Solution Management เป็นโรงเรียนที่ได้มาตราฐานการรับรองจากกรมขนส่งทางบก จึงทำให้มีสถานที่ที่เหมาะสมในการขับขี่รถบรรทุกได้หลากหลายรูปแบบ ในการทดสอบแบ่งออกเป็นสองสถานี แยกระหว่าง EV Tractor 423 kWh และ EV City Bus 8 m

    EV Tractor 423 kWh รถหัวลากไฟฟ้า วิ่งทดสอบในส่วนหัวลาก เพื่อให้ง่ายต่อการทดสอบและได้เห็นถึงประสิทธิภาพเบื้องต้นจุดเด่นสำหรับรถไฟฟ้าคือกำลังแรงบิดที่มีมากทำให้การออกตัวนั้นไม่ต้องรอรอบเรียกได้ว่าการขับขี่นั้นเป็นไปอย่างง่ายดาย แม้ว่ารถที่ไม่มีประสบการณ์ในการขับขี่ก็สามารถขับขี่ได้อย่างสบาย ๆ จุดหลักสำคัญหรับการขับขี่รถหัวลากนั้นคือวงเลี้ยว ที่ต้องกะระยะในการเลี้ยว ในส่วนประสิทธิภาพของตัวรถนั้นถ้าเทียบกับรถที่มีเครื่องยนต์จะรู้สึกได้เลยว่ารถไฟฟ้าขับขี่ได้ง่ายกว่า

    EV City Bus 8 m รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่หลายคนเคยเห็นตามท้องถนนกันมาบ้างแล้ว ในการทดสอบกับสถานที่ ที่จำลองสภาพพื้นที่แบบในเมือง ทำให้เห็นว่าจุดเด่นคืออัตราเร่งที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจในการเร่งออกตัวทุกครั้ง วงเลี้ยวแคบทำให้มีความคล่องตัว ในสภาพพื้นที่ต่างจากในเมือง ด้วยแรงบิดที่มีมหาศาลทำให้การขึ้นเนิน หยุดเบรก และออกตัวทำได้แบบสบาย ๆ

    ในการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของรถไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นนี้ ให้การขับขี่ที่ดีเยี่ยม ขับขี่ง่าย และการที่ผลิตด้วยคนไทยทำให้ในเรื่องการบำรุงรักษานั้นง่ายดาย มั่นใจในเรื่องของการดูแลรักษาและบริการหลังการขายได้ จุดเด่นที่สำคัญ คือช่วยลดต้นทุนในการขนส่งได้อย่างแน่นอน แม้ว่าระยะในการวิ่งอาจจะดูน้อยแต่ถ้าวิ่งในเส้นทางประจำก็สามารถวางแผนการเดินทางได้

    มากกว่ายานยนต์รถไฟฟ้าที่ดี บริการที่ดี คือ หัวใจหลักสำคัญ  โดยทาง NEX POINT  การันตีทีมช่างที่เก่งความรู้ เก่งความชำนาญ และเก่งประสบการณ์ฝีมือขั้นเทพ ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปกับศูนย์บริการ และเคียงข้างไปพร้อมผู้จัดจำหน่ายทั่วภูมิภาค โดยจะทำหน้าที่ดูแลให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าเสมือนเป็นมิตรแท้ ทางธุรกิจ และให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุด เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าอย่างรวดเร็วและฉับไว อาทิ การติดตั้งไปจนถึงการบำรุงรักษายานยนต์ การดูแลระบบแบตเตอรี่ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบควบคุมการชาร์จ ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมยานยนต์ และระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของยานยนต์ไฟฟ้า สร้างความไว้วางใจสร้างมาตรฐานแก่ลูกค้าในการดูแลระดับ Professional โดยลูกค้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานอย่างแน่นอน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • GWM เตรียมเปิดตัวและประกาศราคา WEY G9 Hi4 และ NEW POER SAHAR DIESEL อย่างเป็นทางการ พร้อมส่ง “Secret Model” สร้างเซอร์ไพรส์สุดเร้าใจในงาน Motor Expo 2025

    1 Min Read

    GWM เตรียมเปิดตัวและประกาศราคา WEY G9 Hi4 และ NEW POER SAHAR DIESEL อย่างเป็นทางการ พร้อมส่ง “Secret Model” สร้างเซอร์ไพรส์สุดเร้าใจในงาน Motor Expo 2025

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” สำหรับ Motor Expo 2025 ครั้งนี้ GWM (Thailand) สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ชาวไทยอีกครั้งกับไฮไลต์ด้วยการเปิดตัวของแบรนด์ใหม่และการเผยโฉมพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการของยนตรกรรมล้ำหน้าทั้ง 3 รุ่น 3 เซกเมนต์ ตั้งแต่ GWM WEY แบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ระดับไฮเอนด์ ที่นำโดย WEY G9 Hi4 (เวย์ จีไนน์ ไฮโฟร์) ยนตรกรรม MPV ลักชัวรี่รุ่นใหม่ล่าสุด (New-Generation Luxury MPV) ที่ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เพื่อการเดินทางที่เหนือระดับและสะดวกสบายขั้นสุด พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยแนวคิดการออกแบบที่หรูหรา สร้างการจดจำและตอบทุกเป้าหมายของการเดินทาง ตามมาด้วยการเผยโฉมพร้อมประกาศราคาของ NEW POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงระดับพรีเมียมกับสมรรถนะพร้อมลุยด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T รุ่นใหม่ล่าสุดของ GWM และปิดท้ายด้วยเซอร์ไพรส์แบบคาดไม่ถึงที่พร้อมจะหยุดทุกสายตากับยนตรกรรม Top Secret ที่จะเข้ามาสร้างสีสันบนท้องถนนในไทยเพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง

    3 ไฮไลต์สำคัญภายในบูธ GWM งาน Motor Expo 2025

     

    ไฮไลต์ที่ 1: การเปิดตัวแบรนด์ GWM WEY และประกาศราคา WEY G9 Hi4  (เวย์ จีไนน์ ไฮโฟร์) เตรียมพบกับ GWM WEY แบรนด์ระดับ Luxury ของ GWM พร้อมกันครั้งแรกในประเทศไทย GWM WEY เป็นแบรนด์ระดับลักชัวรี่ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของ แจ็ค เวย์ ประธานและผู้ก่อตั้ง GWM สะท้อนถึง “เกียรติยศ ความรับผิดชอบ และความเชื่อมั่น” ของ แจ็ค เวย์ ที่มีต่อแบรนด์นี้ พร้อมกันนี้ในงาน Motor Expo 2025 GWM จะประเดิมนำรถยนต์ MPV หรูระดับไฮเอนด์ WEY G9 Hi4 เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นรุ่นแรก ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ MPV ในประเทศไทย ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งยนตรกรรมลักชัวรี่อัจฉริยะได้ครบถ้วน ทั้งความปลอดภัย เทคโนโลยี และความสะดวกสบายเหนือระดับ ขับเคลื่อนด้วย Hi4 Technology ระบบขับเคลื่อนไฮบริดสี่ล้ออัจฉริยะที่ล้ำสมัยที่สุดของ GWM ผสานพลังเครื่องยนต์และ 2 มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างลงตัว เพื่อการขับขี่ที่มั่นคง นุ่มนวล และทรงพลังในทุกสภาพถนน มอบความสะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะแถวสองแบบสภาวะไร้น้ำหนัก (Zero-Gravity Seat) ที่ทำให้ผู้โดยสารแถวสองรู้สึกสบายเหมือนนั่งอยู่ในอวกาศที่ปราศจากแรงโน้มถ่วง โดยร่างกายของผู้โดยสารไม่ได้สัมผัสกับชิ้นส่วนหรือพื้นของรถ ลดแรงกดทับ พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า 6 รูปแบบ และระบบเบาะระบายอากาศที่พนักพิงและที่นั่ง มอบความผ่อนคลายขั้นสุดตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ WEY G9 Hi4 มาพร้อมระบบ Coffee OS 3.3 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะรุ่นล่าสุดที่ทำงานร่วมกับ AI เชื่อมต่อทุกฟังก์ชันในรถให้ใช้งานง่าย ปลอดภัย และล้ำสมัย รวมถึงระบบความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) ที่ทันสมัย เพื่อให้ทุกข้อมูลทางธุรกิจและข้อมูลส่วนตัวได้รับการปกป้องขั้นสุด WEY G9 Hi4 จึงเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของรถ MPV ที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่หรูหรา ปลอดภัย และสะดวกสบาย พร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต

    ไฮไลต์ที่ 2: การเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ NEW POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม ที่จะมาเป็นเพื่อนรู้ใจที่จะช่วยยกระดับทุกไลฟ์สไตล์ไปอีกขั้น หรือเรียกว่า “The Next Level of Lifestyle Partner” พร้อมรองรับการตกแต่งได้อย่างหลากหลาย ฉีกกฎรถกระบะเดิม ๆ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ถ่ายทอดพลังต่อเนื่อง ตอบสนองฉับไว สมรรถนะสูง ประหยัดน้ำมัน พร้อมลุยทุกไลฟ์สไตล์ มาพร้อมมิติตัวรถใหญ่ที่สุดในรถเซกเมนต์เดียวกัน พร้อมดีไซน์ภายนอกที่ดุดัน เร้าใจกว่าที่เคย มอบความมั่นใจในการขับขี่ด้วยกล้อง 360° พร้อมฟังก์ชัน Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ มอบความพรีเมียมเหนือชั้นด้วยห้องโดยสารกว้าง เบาะหลังปรับเอนได้ หน้าจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จไร้สาย มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยล้ำสมัยรวมถึงระบบช่วยขับขี่มากกว่า 26 รายการ พร้อมความสะดวกสบายแบบเต็มพิกัด แฟน ๆ สายผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้ง และสายออฟโรดต้องจับตามอง

    ไฮไลต์ที่ 3: พบกับ “Secret Model” รถยนต์รุ่นลับที่ GWM ตั้งใจรังสรรค์มาเพื่องาน Motor Expo โดยเฉพาะ และจะมาเป็นเซอร์ไพร์สที่เหนือความคาดหมาย ที่สำคัญยังมี “เอกลักษณ์ที่โดดเด่นจนทำให้ทุกสายตาต้องหยุดมอง” รับรองว่าจะกลายเป็นจุดสนใจและสร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟน ๆ ขาวไทย เผยโฉมพร้อมกันภายในงาน อีกไม่นานเกินรอ รับรองว่าถูกใจใช่เลย!

    พบกับงานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์ GWM WEY และการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ WEY G9 Hi4 ได้ในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.25–13.35 น. และงานเปิดตัวและประกาศราคาของ NEW POER SAHAR DIESEL และ Secret Model ในวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00–14.20 น. ห้ามพลาด! กับ 3 ไฮไลต์สำคัญภายในงาน Motor Expo 2025 และทัพยานยนต์อีกหลากหลายรุ่นที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดในงาน Motor Expo 2025 ณ บูธ GWM หมายเลข A05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

    #GWM #GWMThailand #MotorExpo2025 #GWMWEY #WEYG9 #POERSAHARDIESEL


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ แบงค็อก เคลียร์สต็อกสุดท้าย Bentayga Hybrid เริ่มต้น 13.XX ล้านบาท ราคาดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนปรับราคาปีหน้า

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก เคลียร์สต็อกสุดท้าย Bentayga Hybrid เริ่มต้น 13.XX ล้านบาท ราคาดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก่อนปรับราคาปีหน้า

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ลุยเคลียร์รถยนต์เบนท์ลีย์พร้อมส่งมอบ Bentayga Hybrid สต็อกสุดท้าย เริ่มต้น 13.XX ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคารถยนต์เบนท์ลีย์จากผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยราคา Bentayga Hybrid จะมีการปรับขึ้น 8-10% ในปีหน้าตามโครงสร้างภาษีใหม่ปี 2569

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก เผยว่านโยบายจากภาครัฐในเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ปี 2569 ในรถยนต์กลุ่มที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ขนาดความจุกระบอกสูบ 3,000 ซีซี ขึ้นไป จะส่งผลต่อราคาขายปลีกของรถยนต์เบนท์ลีย์ โดยอัตราโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป และจะมีผลทำให้ราคารถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga แบบเครื่องยนต์ไฮบริด (PHEV) มีการปรับราคาขายสูงขึ้นเฉลี่ย 8-10% ในปีหน้า ดังนั้น ในปี 2568 นี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีเดิมกับราคาที่ดีที่สุดพร้อมทั้งรับข้อเสนอพิเศษ โดยลูกค้าที่ทำการจองและออกรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะยังคงได้รับราคาเดิมจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด พร้อมส่งมอบรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid ทันทีกับสต็อกเฉดสีและออปชันที่ครบครันและครอบคลุมทุกความต้องการกับราคาที่ดีที่สุด เริ่มต้นที่ 13.XX ล้านบาท สำหรับ Demo Car และ เริ่มต้นที่ 15.XX ล้านบาท สำหรับ New Stock Car พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเพื่อให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์เป็นเรื่องง่าย และเหนือกว่าด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต สูงสุด 4 ปี เอกสิทธิ์เฉพาะเมื่อเลือกครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น

    สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองเวลาทดลองขับได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยิ่งใหญ่! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Triumph Day 2025 พร้อมรวมพลังคอมมูนิตี้คนรักไทรอัมพ์ สะท้อนพลังแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่ครองใจคนทั่วโลก

    1 Min Read

    ยิ่งใหญ่! ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในงาน Triumph Day 2025 พร้อมรวมพลังคอมมูนิตี้คนรักไทรอัมพ์ สะท้อนพลังแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่ครองใจคนทั่วโลก

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์พรีเมียมสัญชาติอังกฤษ จัดงาน “ไทรอัมพ์ เดย์ 2025” (Triumph Day 2025: Brit Night Spirit) คอมมูนิตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแฟนพันธุ์แท้ไทรอัมพ์ ที่ให้ทุกคนได้มาพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์รวมถึงความประทับใจกับผู้ขับขี่ไทรอัมพ์จากทั่วประเทศ พร้อมเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจไปด้วยกัน ผ่านการชมนิทรรศการรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์หลากหลายรุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มาพร้อมเรื่องราวและแรงบันดาลใจ รวมถึงรับชมการแสดงจากวงดนตรีชื่อดังและดีเจที่มาสร้างสีสันตลอดทั้งงาน โดยภายในงานมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ Scrambler 400 XC, Scrambler 1200 XE, Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert  Edition อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในค่ำคืนสุดพิเศษแก่ผู้ร่วมงานทุกคน ณ Issara Estates Winery อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

    มาร์เซโล ซิลวา ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จำกัด กล่าวว่า “งาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit เป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าไทรอัมพ์ ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์ และความประทับใจให้กับแฟน ๆ ไทรอัมพ์ รวมถึงผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ทั่วประเทศ ตามหัวใจหลักของแบรนด์ “ฟอร์ เดอะ ไรด์” (For The Ride) ที่สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยดีไซน์เฉพาะตัวผสานความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและจิตวิญญาณของการขับขี่อย่างแท้จริง นอกจากนี้ไทรอัมพ์ยังเล็งเห็นว่าการสร้างสังคมของการขับขี่ที่แข็งแกร่งเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ของการการขับขี่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสพิเศษที่ไทรอัมพ์ได้ส่งมอบประสบการณ์ทั้งความสนุกสนานที่มาพร้อมมิตรภาพดี ๆ ให้เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่น่าจดจำแก่ลูกค้ารวมถึงพันธมิตรของไทรอัมพ์ที่มาร่วมงานทุกคน”

    มาร์เซโล กล่าวเสริมว่า “ภายในงาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit ครั้งนี้ได้รวบรวมกิจกรรมสุดพิเศษตลอดค่ำคืนเพื่อแฟนไทรอัมพ์ ไม่ว่าจะเป็น Triumph Vintage นิทรรศการย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่รวบรวมรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่นไอคอนิกในตำนาน และรุ่นหายากมาให้ชมอย่างใกล้ชิด การถ่ายทอดเรื่องราวแรงบันดาลใจจากตำนาน 123 ปี แห่งความยิ่งใหญ่ผ่านดีไซน์ และพัฒนาการของรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ ในแต่ละช่วงเวลาอย่างมีเอกลักษณ์ ช้อปปิ้งเสื้อผ้า สินค้าสุดพิเศษจากไทรอัมพ์และพันธมิตร พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศและการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง  Dax Rock Rider, Flure และ DJ Foamie  นอกจากนี้ในโซน Street Food & Beverage Experience ยังได้รวบรวมเมนูเด็ดจากร้านอาหารชื่อดังหลากหลายสไตล์มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลองกันอย่างจุใจ ตลอดจนโซนกิจกรรมให้ร่วมสนุกและลุ้นรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากไทรอัมพ์ที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

    นอกจากนี้ ยังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์กับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดให้สาวกไทรอัมพ์ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่จะมาเสริมทัพกลุ่ม Modern Classics และกลุ่ม Adventure ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ประกอบด้วย Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ 400 ซีซี ที่อัดแน่น DNA การออกแบบสไตล์ Scrambler อันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นล้อซี่ลวดพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาและยางแบบไม่มียางใน เพื่อการผจญภัยบนท้องถนนทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้กับสไตล์อันแข็งแกร่ง ทั้งบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่ออกแบบให้เข้าชุดกับตัวรถ เพิ่มความมีสไตล์พร้อมมอบการปกป้องให้ผู้ขับขี่ในทุกสภาพถนนสุดท้าท้าย โดยมาพร้อม 3 เฉดสีสดใสร่วมสมัย ได้แก่ สี Racing Yellow สี Storm Grey และสี Vanilla White ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท

    ด้านรุ่น Scrambler 1200 XE ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ ขนาด 1200 ซีซี ยกระดับสมรรถนะและความสามารถในการผจญภัยแบบออฟโรด พร้อมการอัปเกรดระบบกันสะเทือนช่วงล่างระดับพรีเมียมยิ่งขึ้น ทั้งโช้คหน้า Showa ขนาด 47 มม. ปรับได้เต็มรูปแบบ และโช้คหลัง Öhlins RSU คู่พร้อมสปริงคู่ ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นด้วยกราฟิก XE และรายละเอียดสีทองบนถังน้ำมัน มาพร้อมตัวเลือกสีพรีเมียม ได้แก่ สี Matt Khaki Green & Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย สี Silver Ice & Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือกเช่นเดิม ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท

    ปิดท้ายด้วยสองเสือสายลุยขนาดกลางรุ่นพิเศษ ออกแบบมาเพื่อพิชิตสองสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและหลากหลายที่สุดในโลก ได้แก่ Tiger 900 Alpine Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น GT Pro ที่เน้นการขับขี่บนท้องถนน ผสานเทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ ด้านการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากอากาศบนเทือกเขาอัลไพน์ มาพร้อมโทนสีพรีเมียมให้เลือกคือ สีSnowdonia White และ สี Sapphire Black พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท

    ขณะที่ Tiger 900 Desert  Edition ออกแบบมาเพื่อลุยเนินทรายอันร้อนระอุ พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Rally Pro เน้นย้ำสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดอันเลื่องชื่อของ Tiger มีให้เลือกด้วยโทนสี Urban Grey และ สี Sapphire Black เสริมด้วยไฮไลท์สีส้ม Baja Orange สุดโดดเด่น ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท

    ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2445 (ค.ศ.1902) นับเป็นระยะเวลากว่า 123 ปี มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน เบเนลักซ์ บราซิล จีน รวมถึงประเทศไทย มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 950 ราย ใน 68 ประเทศทั่วโลก มีฐานการผลิตรถจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่ง ได้แก่ เมืองฮิงค์ลีย์ ประเทศอังกฤษ และจังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ปัจจุบันในไทยไทรอัมพ์มีผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ที่ครอบคลุมกับผู้ขับขี่ทุกประเภท ได้แก่ กลุ่ม Modern Classics ที่ประกอบไปด้วยตระกูล TR-Series เครื่องยนต์ 400 ซีซี ตระกูล Bonneville ตระกูล Scrambler และตระกูล Speed ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 900 ซีซี และ 1200 ซีซี กลุ่ม Adventure ตระกูล Tiger ที่มีทั้งเครื่องยนต์ 660 ซีซี 900 ซีซี และ 1200 ซีซี กลุ่ม Roadsters & Sport ได้แก่ Trident, Daytona, Street Triple 765 และ Speed Triple 1200 ปิดท้ายด้วยกลุ่ม Rocket 3 ที่มาพร้อมขนาดเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในสายพานการผลิตรถจักรยานยนต์ของโลก มาร์เซโล กล่าวทิ้งท้าย

    ผู้สนใจสามารถติดตามบรรยากาศงาน Triumph Day 2025: Brit Night Spirit  รวมถึงติดตามข้อมูล ข่าวสาร และกิจกรรมอื่น ๆ จากไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

    #ForTheRide #Triumph #TriumphThailand #TriumphMotorcycles #TriumphDay2025 #BritNightSpirit


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment