-
GWM บุกตลาดพรีเมียม PPV 7 ที่นั่ง เปิดตัว “NEW GWM TANK 500 DIESEL” อย่างเป็นทางการ เคาะราคาแนะนำเริ่มต้น 1.399 – 1.599 ล้านบาท

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ได้ฤกษ์เปิดม่านเผย NEW GWM TANK 500 DIESEL อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมขับเคลื่อนส่วนผสมที่ลงตัวทั้ง “ความพรีเมียมและความสมาร์ต” แบบเต็มขั้นในยนตรกรรมพรีเมียม PPV 7 ที่นั่ง ตอบไลฟ์สไตล์ทุกด้านของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพื่อรับประสบการณ์การขับขี่ที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2.) ความสบายเหนือระดับด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย 3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย และ 4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง โดยมีราคาแนะนำช่วงเปิดตัวเริ่มต้นที่ 1.399 – 1.599 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ออกรถ 500 ท่านแรก พร้อมข้อเสนอพิเศษสู่การเดินทางที่เหนือระดับ และยังสร้างความต่างอย่างมีสไตล์ สะท้อนความต้องการบาลานซ์ระหว่าง “งาน ชีวิต ไลฟ์สไตล์” ของผู้ใช้งานชาวไทย ผ่าน “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ มุ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว และทริปผจญภัย สู่การนิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV 7 ที่นั่ง ระดับโลกอย่างแท้จริง

NEW GWM TANK 500 DIESEL พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีขาว สีเทา และรุ่นตกแต่งพิเศษ Black Warrior (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD) ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำสุดพรีเมียม ในราคาแนะนำในช่วงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดังนี้
- NEW GWM TANK 500 DIESEL 4T PRO ราคา 1,399,000 บาท
- NEW GWM TANK 500 DIESEL 4T ULTRA* ราคา 1,499,000 บาท
- NEW GWM TANK 500 DIESEL 4T ULTRA 4WD* ราคา 1,599,000 บาท
(*ทั้ง ULTRA และ ULTRA 4WD มาพร้อมสีพิเศษ Black Warrior ซึ่งจะมีราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 30,000 บาท)
โดยราคาแนะนำในช่วงเปิดตัวสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถ NEW GWM TANK 500 DIESEL 500 คันแรกเท่านั้น พิเศษยิ่งขึ้น รับฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี ฟรี ค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทางภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1,000,000 กิโลเมตร หรือ 8 ปี (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

ปาร์คเกอร์ ฉี ประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ GWM ในการสานต่อกลยุทธ์ระดับโลก All scenario, All powertrain, All users ด้วยการเปิดตัว NEW GWM TANK 500 DIESEL อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เรามั่นใจว่า NEW GWM TANK 500 DIESEL จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริโภคชาวไทย และจะเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างสำคัญที่ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่เวทีโลกไปพร้อมกับเรา”
“ในปีนี้ GWM เฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และในช่วงต้นปีนี้ GWM ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านคน สำหรับปีที่ผ่านมา ยอดขายในตลาดต่างประเทศทะลุ 450,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 44.61% นี่เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีต่อแบรนด์ GWM ความสำเร็จนี้เกิดจากยุทธศาสตร์ 4 เสาหลักของโลกาภิวัตน์ คือ ผลิตในพื้นที่ ดำเนินการในพื้นที่ เติบโตในระดับโลก และบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแนวคิด ‘In Local, For Local’ ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคในแต่ละประเทศเป็นศูนย์กลางของทุกการพัฒนา ไม่เพียงเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ที่สุด แต่ยังส่งเสริมการจ้างงาน และยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนท้องถิ่น ภายในปี 2030 เราตั้งเป้ายอดขายในต่างประเทศกว่า 1 ล้านคันต่อปี โดยมากกว่า 30% จะเป็นรถยนต์พรีเมียม และประเทศไทยคือหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์สำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาเพื่อรองรับตลาดระดับภูมิภาค และระดับโลก” ปาร์คเกอร์ ฉี กล่าวเสริม
NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4T แบบ VGT ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิด 480 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) เหนือกว่าด้วย 4 จุดเด่นหลักที่ยกระดับมาตรฐานวงการ PPV ได้แก่ 1.) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน ถ่ายทอดผ่านดีไซน์ทรงพลัง ลำโพง 12 ตัว และระบบ surround sound system กระจก 2 ชั้น แบบ Double layer laminated glass 2.) ความสบายเหนือระดับจากห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะหนัง Nappa ปรับไฟฟ้า พร้อมระบบจดจำตำแหน่ง นวด และระบายอากาศ และพาโนรามาซันรูฟ ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 3.) เทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัย เช่น กล้องมองรอบคัน 540 องศา (กล้อง 360 องศาพร้อมระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ), Head-up Display, ระบบสั่งงานด้วยเสียง และหน้าจอ Smart Dual Screen ระบบจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ระบบการควบคุมรถจากทางไกลผ่าน GWM application สุดท้าย 4.) ความปลอดภัยที่อัดแน่นด้วยชุดระบบ GWM Intelligent Driving Assistance (L2+) และระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับมากมาย (ผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นมีข้อมูลอุปกรณ์และฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน โปรดศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม)
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
เปิดโหวตหาผู้ชนะ! TRIUMPH ORIGINALS 2025 พร้อมประกาศ 5 ผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย

ได้เวลาที่เหล่าไรเดอร์และแฟนพันธุ์แท้รถจักรยานยนต์ Modern Classics จากทั่วโลก จะได้ร่วมแสดงความเห็น เมื่อการแข่งขันคัสตอมรถจักรยานยนต์ระดับโลก Triumph Originals 2025 เปิดให้สาธารณชนร่วมโหวตหาผู้ชนะอย่างเป็นทางการ พร้อมเชิญชวนทุกคนมาชื่นชมและเลือกผลงานสร้างสรรค์ที่ชื่นชอบที่สุด

5 ทีมจากทั่วโลกได้รับการคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันคัสตอมรถจักรยานยนต์ Modern Classics ระดับโลกอันท้าทายนี้ โดยแต่ละทีมได้สร้างสรรค์รถคัสตอมจากโมเดลในตระกูล Triumph Bonneville รุ่นปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด ‘Icons of British Originality’ ซึ่งทุกประเทศได้ร่วมมือกับสำนักแต่งคัสตอมที่มากไปด้วยฝีมือ ถ่ายทอดผลงานด้วยดีไซน์แฮนด์เมดที่ซับซ้อน ละเมียดละไม และเปี่ยมด้วยความประณีต
ทั้งนี้คณะกรรมการได้คัดเลือกผลงานคัสตอมที่โดดเด่นเหลือเพียง 5 ผลงานสุดท้าย ประกอบด้วย ประเทศบราซิล ฝรั่งเศส อิตาลี ไทย และสหราชอาณาจักร ซึ่งแต่ละคันได้ร่วมถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมอังกฤษผ่านมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างงดงาม
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบรถจักรยานยนต์และงานคัสตอมที่ได้รับเชิญมาเป็นกรรมการ ได้ร่วมกันประเมินผลงานตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ สไตล์อันเป็นไอคอนิก ความเป็นต้นฉบับแบบอังกฤษ ความประณีตของงานฝีมือ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
คณะกรรมการตัดสินผลงานในปีนี้ประกอบด้วย Quique Berna ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Tamarit Motorcycles ประเทศสเปน Ricardo Pessoa ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Coolnvintage ประเทศโปรตุเกส Kengo Kimura ผู้ก่อตั้ง Heiwa Motorcycle ประเทศญี่ปุ่น และ Steve Sargent ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Triumph Motorcycles
และขอเชิญแฟนไทรอัมพ์ทั่วโลกร่วมโหวตรถคัสตอมคันโปรดของคุณได้แล้วที่ https://bit.ly/Triumph-Originals-2025-Vote-Thailand ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 สิงหาคม 2025
เปิดผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย

บราซิล ส่งผลงาน “Gaijin” คาเฟ่เรเซอร์สุดเท่ในโทนเข้มลึกลับที่พัฒนาจากรุ่น Speed Twin 1200 โดยฝีมือของทีม Shibuya จากเมืองเซาเปาโล ความโดดเด่นอยู่ที่รายละเอียดแฮนด์เมดสุดประณีต ไม่ว่าจะเป็นลวดลายอันเรียบหรูที่เพ้นต์บนตัวถัง รอยพับที่ออกแบบมาเฉพาะบนถังน้ำมัน และช่วงท้ายรถที่ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ถ่ายทอดอารมณ์แห่งความเร็วและการเคลื่อนไหว แม้ในขณะที่รถจอดนิ่ง

การออกแบบจาก ฝรั่งเศส ส่งผลงานโดยสำนักคัสตอม FCR Original เพื่อเฉลิมฉลองเครื่องยนต์สูบคู่อันเป็นตำนานของไทรอัมพ์ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านการผลิตที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Speed Twin รุ่นปี 1937 อันโด่งดัง โดยเริ่มต้นจาก Speed Twin 1200 RS ทีมงานได้ปรับดีไซน์ช่วงท้ายใหม่ทั้งหมด เพื่อเน้นความโดดเด่นของเครื่องยนต์ให้เป็นจุดศูนย์กลางของงาน พร้อมสร้างล้อหน้าแบบคัสตอมพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในโลก เพื่อให้ได้เส้นสายของตัวรถที่สะอาดตาและดุดัน ดีไซน์สีสันภายนอกโดดเด่นด้วยการชุบทองแดงและแผ่นทองคำเปลวด้วยมือ เพื่อขับเน้นความงามและพลังของเครื่องยนต์ พร้อมสลักชื่อรถสุดเท่ว่า Hail to the Twin ไว้ด้วย

ด้าน อิตาลี ส่งผลงานโดย Giuseppe Carucci ผู้ก่อตั้ง South Garage Motor Co แห่งเมืองมิลาน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความงามเหนือกาลเวลา ความหรูหราแบบเรียบง่าย และเสน่ห์ที่ชวนหลงใหลของ Speed Twin ยุค 1930s และ 1940s โดยอิงจากความแข็งแกร่งของ Bonneville Bobber ซึ่ง Carucci ได้ปรับดีไซน์เฟรมใหม่ทั้งหมด พร้อมใช้เทคนิควิศวกรรมความแม่นยำในการสร้างสรรค์ชิ้นส่วนคัสตอมอันสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นโช้คหน้าแบบสั่งทำพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อผลงานชิ้นนี้โดยเฉพาะ

ขณะที่ ประเทศไทย โดย หมูหยอง จาก The Zeus Custom สำนักคัสตอมชั้นนำ ได้รังสรรค์ผลงาน Art of Motorcycle รถจักรยานยนต์คัสตอมไทรอัมพ์รุ่น Bonneville T100 ในสไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Zeus Custom ที่เป็นตำนาน ผลงานเด่นคือท่อไอเสียคู่ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมลวดลาย Zeus Custom ที่สลักด้วยเลเซอร์อย่างประณีต ส่วนงานหนังแฮนด์เมดยังมาพร้อมกับกระเป๋าสตางค์ในตัว ตกแต่งด้วยโลโก้ Zeus Custom ปักอย่างพิถีพิถัน ผสมผสานความสวยงามกับฟังก์ชันการใช้งานจริงได้อย่างลงตัว

ปิดท้ายด้วย สหราชอาณาจักร ส่งผลงานโดย Stockwell Design จาก Triumph London ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Bonneville Sunraiser วัฒนธรรมร็อกแอนด์โรลยุค 60 ของอังกฤษ บนพื้นฐานของรุ่น Bonneville T100 โดดเด่นด้วยวัสดุอลูมิเนียมขัดเงาและสเตนเลสสตีล ผสานกับโทนสีสว่างสดใส ตกแต่งด้วยโลโก้ Triumph แบบลายมือที่ออกแบบเฉพาะ เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดสายตาอย่างลงตัว
เปิดให้โหวตแล้ว!
ไทรอัมพ์ได้จัดทำพื้นที่พิเศษรวบรวมรายละเอียดและภาพถ่ายของรถคัสตอมแต่ละคัน เพื่อให้แฟน ๆ Bonneville และงานคัสตอมได้ร่วมโหวตรถจักรยานยนต์ที่ชื่นชอบได้จนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ได้ผ่าน https://bit.ly/Triumph-Originals-2025-Vote-Thailand ระหว่างที่รอผลคะแนนจากการโหวตของแฟน ๆ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของไทรอัมพ์จะมีโอกาสโหวตเลือกผลงานที่ชื่นชอบอีกครั้ง คะแนนจากทั้งสองส่วนจะถูกรวมเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะประกาศผลผู้ชนะโดยรวมอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 สิงหาคม 2568
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เมโทร กรุ๊ป” เปิด ZEEKR Metro Flagship บางนา กม.5 ชูประสบการณ์กว่า 70 ปี เติมเต็มความเชื่อมั่นตลาดรถอีวีไทย

“บดินทร์ บุญวิสุทธิ์” ผู้บริหาร “เมโทร กรุ๊ป” ต่อยอดธุรกิจรุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม เป็นตัวแทนจำหน่าย ZEEKR เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ สาขาบางนา ปักหมุดเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ลูกค้า ตั้งเป้ายอดขาย 60 คันต่อเดือน

นายบดินทร์ บุญวิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมโทร กรุ๊ป จำกัด เผยว่า “ภายใต้หลักการ Win Win Win ความซื่อสัตย์และจริงใจกับคู่ค้าทางธุรกิจและลูกค้าที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ส่งผลให้เมโทร กรุ๊ป ประสบความสำเร็จ สร้างความมั่นคงทางธุรกิจยานยนต์มากว่า 70 ปี สามารถสร้างเป็นเครือข่ายยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ด้วยฐานลูกค้ามากกว่า 200,000 ราย”
“นวัตกรรมพลังงานสะอาดของรถยนต์ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมของเราและเป็นแรงบันดาลใจให้เลือก ZEEKR รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยเหตุผลที่ว่า ZEEKR เป็นบริษัทในเครือ Geely Automobile ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่จากประเทศจีนที่มีความมั่นคง มีความหลากหลายของยานยนต์ที่อยู่ในความดูแล และ ZEEKR มีความโดดเด่นเรื่องการออกแบบและเทคโนโลยีต่างๆ ในลักษณะของการผสานกันระหว่างยานยนต์ตะวันออกและตะวันตก (East Meet West) และการจับมือกับ ZEEKR ในครั้งนี้ส่งให้ เมโทร กรุ๊ป ก้าวสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจยานยนต์ครบวงจร ประเดิมเปิด ZEEKR Metro Flagship โชว์รูมและศูนย์บริการ ที่บางนา กม. 5 โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 60 คันต่อเดือน”

“ZEEKR Metro Flagship” มีเป้าหมายสำคัญคือการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกกระบวนการของการซื้อ และบริการหลังการขาย ภายใต้แนวคิด “Customer-first Experience” เชื่อมต่อนวัตกรรมล้ำสมัย ความพรีเมียม และไลฟ์สไตล์ ไว้ในที่เดียวกัน ผ่าน 3 หลักการคือ Hardware มีโชว์รูม ที่กว้างขวาง สวยงาม สะดวกสบาย ด้วยพื้นที่จัดแสดงรถขนาดหน้ากว้าง 92 เมตร พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ คาเฟ่เต็มรูปแบบ และ Share Working Space ที่สามารถรองรับกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย
หลักการที่สอง Software ระบบการทำงานและการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ที่จะเป็นผู้ช่วยที่ดีให้กับลูกค้าในการมารับบริการ และหลักการสุดท้าย Peopleware เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ ในทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบการบริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด อาทิ โปรแกรม “Metro Lux” ที่ให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกสามารถสะสมคะแนน และรับสิทธิพิเศษมากมาย”

นอกจากนี้ เรามีบริการ “ใกล้ไกล เรา ใกล้คุณ” เป็นการบริการส่งรถทดลองขับถึงบ้านลูกค้า โดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริการรับ-ส่งรถเมื่อถึงกำหนดเข้ารับบริการ โดยการนัดหมายล่วงหน้า บริการรถสำรองให้ลูกค้า บริการรถสไลด์ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นต้น
ซึ่งเมื่อผนวกแนวคิดการทำงานแบบ “มาด้วยกัน ไปได้ไกล – Together We Can” ของเมโทร กรุ๊ป
เข้ากับวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของ ZEEKR แล้ว เรามั่นใจว่าลูกค้าจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอน”
โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร ZEEKR Metro Flagship บางนา ก.ม.5 พร้อมให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. ติดตามข่าวสารของ ZEEKR Metro เพิ่มเติมได้ที่ https://zeekrmetro.com หรือ Facebook : ZEEKR Metro หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-0123-999
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
FIT Auto มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ยกระดับมาตรฐานบุคลากรช่างเทคนิค สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในทุกการบริการ

คุณสุรเชฏฐ์ พรพิพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจบริการยานยนต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองสมรรถนะโดยมี คุณนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานในพิธีมอบใบรับรองให้แก่บุคลากรช่างเทคนิค FIT Auto จำนวน 85 คน ที่ผ่านการฝึกอบรมและประเมินตามมาตรฐานอาชีพช่างซ่อมบำรุงรักษาทั่วไปคุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ภายใต้หลักสูตรฝึกอบรมของ FIT Auto Academy ณ สถาบันพัฒนาศักยภาพผู้นำและธุรกิจ (OR Academy) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

FIT Auto มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานบุคลากรช่างเทคนิคควบคู่ไปกับมาตรฐานการบริการ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการยานยนต์ไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล ด้วยการพัฒนาทักษะช่างเทคนิคผ่านหลักสูตรที่เข้มข้น ครอบคลุมกระบวนการตรวจเช็กมาตรฐาน 35 รายการ ตั้งแต่การตรวจสอบ วิเคราะห์ จนถึงควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจว่ารถยนต์ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แม่นยำ และปลอดภัยในทุกครั้งที่มาใช้บริการ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเชี่ยวชาญและการให้บริการจากใจในทุกขั้นตอน พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ว่าทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับทั้งคุณภาพ ความสบายใจ และประสบการณ์ที่ดีที่สุด ด้วยแนวคิด “เชี่ยวชาญบริการจากใจ” ที่ FIT Auto ยึดมั่นมาโดยตลอด

ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เบนท์ลีย์ แบงค็อก จัดงาน Extraordinary Chauffeur Training กิจกรรมอบรมการขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์กับอีกระดับของการดูแลทั้งรถและคุณ

เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงาน ‘Bentley Bangkok Extraordinary Chauffeur Training’ กิจกรรมอบรมเรื่องการขับขี่และการดูแลรักษารถยนต์เบนท์ลีย์ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์ โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เพื่อต่อยอดการบริการมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตและการดูแลหลังการขายอันเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทฯ ด้วยการถ่ายทอดความรู้และเทคนิคในการขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด โดยได้รับเกียรติจาก คุณ อภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เบนท์ลีย์ แบงค็อก ขึ้นกล่าวเปิดงานฯ และต้อนรับผู้เข้าร่วมอบรม ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับหัวข้อในการอบรมได้ครอบคลุมถึงความรู้และเทคนิคต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์โดยทีมวิทยากรมากประสบการณ์อย่าง คุณ กันตธีร์ กุศิริ หนึ่งในนักแข่งรถมืออาชีพจาก AAS Motorsports ทีมแข่งรถระดับแถวหน้าของเมืองไทย ผู้เคยฝากผลงานคว้าชัยมาแล้วกับ Bentley Continental GT3 ที่ได้มาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของตัวรถและเทคนิคต่างๆ ในการขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์ ต่อด้วยข้อควรรู้และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลีย์ โดย คุณ นราธิป ทองแท้ ผู้จัดการศูนย์บริการงานซ่อมที่ได้มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้รถยนต์เบนท์ลีย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมด้วยเทคนิคต่างๆ และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์เบนท์ลีย์ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมอบรมในการถาม-ตอบเรื่องการใช้งานรถยนต์เบนท์ลีย์ ในช่วงบ่าย ผู้เข้าเข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาภายนอกและภายในรถยนต์จากผู้เชี่ยวชาญของ AAS Auto Detailing Centre ศูนย์บำรุงรักษารถยนต์แบบครบวงจรระดับพรีเมียม โดย คุณ รัฐกรณ์ เตชะอนันต์ตระกูล ผู้จัดการแผนกขายและการตลาด และ คุณ ธานินท์ ชำนาญกลาง หัวหน้าแผนกขายที่ได้มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการทำความสะอาด ปกป้อง และป้องกันริ้วรอยต่างๆ ของตัวรถยนต์ พร้อมพาผู้เข้าร่วมอบรมสาธิตการใช้น้ำยาทำความสะอาดรถยนต์จาก Autoglym ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ระดับพรีเมียมสัญชาติอังกฤษ และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลรักษารถยนต์ ปิดท้ายด้วย คุณ ธนาธิป สุขพูล ผู้จัดการฝ่ายขาย เบนท์ลีย์ แบงค็อก ที่ได้มาร่วมพูดคุยถึงความเป็นมาของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 106 ปี และรุ่นของรถยนต์เบนท์ลีย์ในปัจจุบันเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแบรนด์และความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์หรูสัญญาติอังกฤษ
หลังจบการอบรม คุณ อภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป พร้อมด้วย คุณ ดิษวัฒน์ รัตนไมตรีเกียรติ ผู้จัดการส่วนงานบริการหลังการขายได้ขึ้นกล่าวแสดงความยินดีและมอบประกาศนียบัตรและของที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ โดย เบนท์ลีย์ แบงค็อก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์หลังการขายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความประทับใจ อีกทั้ง ความรู้และเทคนิคต่างๆ ในการขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์ที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อให้ขับขี่รถยนต์เบนท์ลีย์ได้อย่างเต็มสมรรถนะด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และปลอดภัย ตามสโลแกนที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ”
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า ฉลอง 60 ปี ส่งมอบความห่วงใยผ่านวิดีโอสุดซึ้ง “มีคนที่เรารักรออยู่” ปลุกจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัย พร้อมแจกหมวกกันน็อก 60,000 ใบทั่วประเทศ

ไทยฮอนด้า เปิดตัวคลิปวิดีโอรณรงค์เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ภายใต้แนวคิด “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” เพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย ผ่านเรื่องราวที่สื่อถึงความห่วงใยและความรักที่มีให้คนที่เรารัก โดยใช้หมวกกันน็อกเป็นตัวแทนความห่วงใย รวมถึงเน้นย้ำถึงคุณค่าของชีวิตในทุกเส้นทาง
ไทยฮอนด้า เชื่อว่าหัวใจของการขับขี่ปลอดภัยเริ่มต้นจากจิตสำนึกเล็ก ๆ ที่ว่า “มีใครบางคนที่เรารัก รอเราอยู่ที่ปลายทางเสมอ” คลิปวิดีโอชุดนี้จึงสื่อสารผ่านความรู้สึกจริงของผู้ขับขี่ทุกวัยที่อยากกลับไปเจอคนที่รักอย่างปลอดภัยทุกวัน โดยใช้ “หมวกกันน็อก” เป็นตัวแทนความห่วงใยจากไทยฮอนด้า และเป็นเครื่องเตือนใจให้เห็นถึงคุณค่าของชีวิตในทุกการเดินทาง ด้วยเหตุนี้เอง ไทยฮอนด้าจึงไม่เคยหยุดพัฒนาทั้งคุณภาพของรถจักรยานยนต์ และยกระดับองค์ความรู้ด้านทักษะการขับขี่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อแทนคำขอบคุณคนไทยที่ไว้วางใจรถจักรยานยนต์ฮอนด้าตลอด 60 ปีที่ผ่านมา
คลิปวิดีโอนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญรณรงค์ระดับประเทศ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ซึ่งจะมีการจัดคาราวานส่งมอบหมวกกันน็อกไปทั่ว 77 จังหวัด ตั้งแต่สิงหาคมถึงธันวาคม 2568 โดยมุ่งเน้นกลุ่มเยาวชนและชุมชนที่มีอัตราการใช้หมวกกันน็อกต่ำ ไทยฮอนด้า พร้อมเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัยด้วยการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่ เพื่อให้ทุกการเดินทางจบลงด้วยรอยยิ้มจากคนที่เรารักเสมอ
สามารถรับชมวิดีโอรณรงค์ รวมถึงส่งต่อให้คนที่คุณรักเพื่อเตือนใจและร่วมสร้างสังคมที่ขับขี่อย่างปลอดภัยไปด้วยกัน ได้ที่ https://bit.ly/4nPSpTM
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยังยืน” ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสัมคมไทย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
GWM ร่วมกิจกรรมกับเหล่า TANKER พา GWM TANK 300 บุกตะลุยทริปสุดท้าทายและแสนอบอุ่น ณ จังหวัดกาญจนบุรี

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM (Thailand) ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมของชุมชนผู้ใช้จริงของ GWM TANK 300 ที่ TANK MASTER และ TANK Captain ได้ร่วมกันจัดขึ้น โดยมี GWM TANK 300 ทั้งรุ่นไฮบริดและดีเซลกว่า 43 คัน เหล่า TANKER ผู้ที่รักการผจญภัย มีสไตล์เฉพาะตัว และพร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ มากกว่า 87 ท่านเข้าร่วมทริป 3 วัน 2 คืนนี้กันอย่างอบอุ่น เพื่อเปิดประสบการณ์ชาร์จพลังท่ามกลางธรรมชาติ ท้าทายสมรรถนะการขับขี่ทั้งในเชิงท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเชิงวัฒนธรรม ที่ถูกใจทั้งสายลุย และสายชิล ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ณ เมืองสายหมอกแห่งทองผาภูมิจังหวัดกาญจนบุรี ในระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของ TANKER CLUB ในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าการส่งเสริมให้ผู้ใช้งานได้มีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ได้จริง รวมถึงเป็นรากฐานที่สำคัญของการเติบโตของแบรนด์ในระยะยาว นับตั้งแต่การเปิดตัว NEW GWM TANK 300 DIESEL ในประเทศไทย เรามีจำนวนผู้ใช้งานจริงหรือชาว TANKER เพิ่มขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เรามุ่งมั่นให้การสนับสนุนกิจกรรมทุก ๆ กิจกรรมที่เราจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด เป็นสื่อกลางที่ช่วยสนับสนุนให้ TANKER CLUB Thailand เป็นคอมมูนิตี้ที่สร้างสรรค์กิจกรรมเชิงบวก ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการใช้งาน ด้านท่องเที่ยวสันทนาการ ด้านการช่วยเหลือสังคมและอื่น ๆ และพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่งมอบประสบการณ์ และความประทับใจในการขับขี่ GWM TANK 300 ร่วมกัน นอกจากนี้ GWM จะยังเป็นสื่อกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น GWM TANK, GWM ORA, GWM HAVAL หรือ GWM POER ซึ่งผู้ใช้แต่ละท่านต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน เราหวังจะสร้างครอบครัว GWM Family ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและแบ่งปันซึ่งกันและกัน ให้มีความแข็งแกร่ง และเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย”
คาราวานชาว TANKER เริ่มออกเดินทางจาก GWM เพรสทีจ ปทุมธานี ที่คอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกแก่เหล่า TANKER อย่างอบอุ่น ก่อนมุ่งหน้าผ่านเส้นทางออนโรดสู่จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างทางได้แวะชมเขื่อนวชิราลงกรณ์ ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ก่อนเข้าที่พัก และเดินทางต่อไปยังบ้านอีต่อง หมู่บ้านที่ต้องเดินทางผ่าน 399 โค้ง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร ปกคลุมไปด้วยสายหมอก อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ สัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตชุมชน และวันถัดมาจึงออกเดินทางได้เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ช่องเขาขาด ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการรวบรวมเรื่องราว และร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ (ไทย-พม่า) สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนเข้าสู่อุโมงค์เหมืองแร่เก่า “ดร.ผล กลีบบัว” ซึ่งเหล่า TANKER ได้ขับขี่ GWM TANK 300 ผ่านเส้นทางที่น่าตื่นเต้น และได้ทดสอบสมรรถนะของรถในด้านต่างๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยความท้าทายในแบบฉบับออฟโรด
นอกเหนือจากประสบการณ์ความสนุกและท้าทายระหว่างการขับขี่แล้ว บรรดา TANKER ยังได้แลกเปลี่ยนเรื่องราว ประสบการณ์ และความคิดเห็นจากการใช้งาน GWM TANK 300 อย่างเป็นกันเอง โดยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้สะท้อนให้เห็นถึงพื้นที่สร้างสรรค์ของชุมชนชาว TANKER ภายใต้ GWM TANKER CLUB THAILAND คอมมูนิตี้ของผู้ใช้งาน TANK ที่ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเป็นชุมชนสำหรับผู้ใช้ ดำเนินงานโดยผู้ใช้ และเพื่อผู้ใช้ โดยการเดินทางในครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงพาผู้ใช้งานไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ยังเชื่อมโยง TANKER เข้าหากันในฐานะ “เจ้าของคอมมูนิตี้” ที่แท้จริง และเป็นพลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ TANKER CLUB เติบโตอย่างแข็งแรงจากรากฐานของความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมที่แท้จริง
ตลอดเส้นทางที่เต็มไปด้วยฝน หมอก และความชันของทองผาภูมิ ชาว TANKER ต่างพิสูจน์ให้เห็นว่า เส้นทางที่ยากที่สุดมักพาผู้คนไปสู่ความผูกพันที่เหนียวแน่นที่สุด และสำหรับ GWM นี่ไม่ใช่เพียงกิจกรรม แต่คือการ “เดินทางร่วมกัน” เพื่อสร้างรากฐานที่ยั่งยืนกว่ายอดขาย และทรงพลังยิ่งกว่าตัวเลข ซึ่งคือความสัมพันธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจของผู้ใช้จริง
GWM (Thailand) ขอขอบคุณ GWM เพรสทีจ ปทุมธานี GWM พระนคร อุดมสุข และ GWM วัน เทพารักษ์ ที่ช่วยสนับสนุนการจัดกิจกรรมของชาว TANKER CLUB THAILAND ในครั้งนี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มาสด้าสานฝันเยาวชนไทยสู่เส้นทางกอล์ฟอาชีพและการศึกษาระดับโลก

มาสด้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสานต่อโครงการกอล์ฟสำหรับเยาวชน ครั้งที่ 4 เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ามาสด้าและเยาวชนที่รักในกีฬากอล์ฟ กับโครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2025 ประกาศเชิญชวนเยาวชนทั้งชายและหญิง อายุระหว่าง 12-19 ปี สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อคว้าโอกาสรับทุนการศึกษาและก้าวสู่การแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงคว้าสิทธิพิเศษอีกมากมาย อาทิ ตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกา พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ต้องผ่านรอบคัดเลือก รวมถึงส่วนลดค่าสมัคร 30% มูลค่า 125 USD (หรือประมาณ 4,000 บาท) เป็นต้น ซึ่งการแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ สนามกอล์ฟ Siam Country Club Rolling Hills พัทยา สำหรับเยาวชนที่สนใจสามารถตรวจสอบสิทธิ์ และลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางเว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์ หรือกดสมัครตามลิงค์ที่แนบมานี้ https://m.mazda.co.th/3TRHyLp
นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP เกิดขึ้นจากการนำปรัชญา Joy Drives Lives…ความสุขขับเคลื่อนชีวิต มาต่อยอดให้เป็นรูปธรรม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้า โดยเปิดโอกาสให้กับเยาวชนไทยและทั่วโลกได้รับการศึกษาระดับนานาชาติพร้อมโอกาสก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ด้วยความเชื่อมั่นว่าความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นได้เมื่อลงมือทำในสิ่งที่รักและได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิดของมาสด้าที่เชื่อเสมอว่า “ความสุข” คือพลังที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตได้อย่างแท้จริง การได้เห็นเยาวชนได้เรียนรู้ เติบโต และประสบความสำเร็จในสิ่งที่รัก คือหนึ่งในรูปแบบของความสุขที่มีความหมายมากที่สุด ดังนั้น โครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันกอล์ฟเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีในการค้นหา และผลักดันนักกอล์ฟรุ่นใหม่ที่มีฝีมือได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอนาคตที่สดใสทั้งบนเส้นทางการเป็นนักกีฬาควบคู่กับด้านวิชาการ
โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP ริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2567 โดยความร่วมมือระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กับ The Agency Recruit ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาสำหรับเยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนที่รักในกีฬากอล์ฟได้มีโอกาสคว้าทุนการศึกษา และเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับนักกอล์ฟเยาวชนจากนานาชาติ ตลอดจนก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพ โดยครั้งนี้ มาสด้าจะทำการรับสมัครและคัดเลือกเยาวชน จำนวน 24 คน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันร่วมกับเยาวชนอีก 120 คน รวมเยาวชนกอล์ฟที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 144 คน ซึ่งเตรียมจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2568 ณ สนามกอล์ฟ Siam Country Club Rolling Hills Pattaya จังหวัดชลบุรี โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
เกณฑ์การรับสมัคร
- เยาวชนชายและเยาวชนหญิง อายุระหว่าง 12-19 ปี
- ผู้ปกครองของผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันต้องเป็นลูกค้ามาสด้าเท่านั้น
- ผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันหรือผู้ปกครอง ต้องสมัครผ่านเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์
- ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จำนวน 24 คน ในวันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2568 เวลา 15:00 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์ และรายชื่อสำรอง จำนวน 10 คน ผู้ที่มีรายชื่อสำรองจะต้องทำการยืนยันสิทธิ์ ภายในวันพุธที่ 23 กันยายน 2568
- สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 08:00 น. จนถึงวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 23:59 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th ในหัวข้อกิจกรรมและอิเวนต์
- กิจกรรมเปิดงานและงานเลี้ยงต้อนรับเยาวชนกอล์ฟ จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2568
- เยาวชนที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ต้องสามารถร่วมการแข่งขันได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568
หมายเหตุ: เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบสิทธิ์เจ้าของรถ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่านระบบไลน์ MAZDA SKY JOURNEY
รางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขัน
- เยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 24 คน จะได้รับของสมนาคุณพิเศษจากมาสด้า
- ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 50% อันดับแรกของแต่ละประเภทการแข่งขัน จะได้รับรางวัลและสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับสูง รวมถึงตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกา
- ผู้ชนะการแข่งขัน จำนวน 12 คน จะได้รับตั๋วเครื่องบินไป – กลับ ระหว่างเอเชียและสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน Junior World Cup Invitational Kingsmill ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2569 ที่รัฐเวอร์จิเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
“มาสด้าขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้เยาวชนและคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมโอกาสด้านการศึกษา การกีฬา และการพัฒนาศักยภาพในทุกมิติ ผ่านกิจกรรมในรูปแบบที่หลากหลาย เพราะมาสด้าเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า เมื่อผู้คนได้ลงมือทำในสิ่งที่ตนรัก ได้รับแรงบันดาลใจ และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความสุขจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นั่นคือพลังที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า ตามปรัชญา Joy Drives Lives…ความสุขขับเคลื่อนชีวิต ที่มาสด้ายึดมั่นมาโดยตลอด เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจและเติบโตไปพร้อมกับความสุขอย่างยั่งยืน” นายภพนิพิฐ กล่าว
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle1 Min Read
CYCLONE รุกต่อ! ลุยตลาดมอเตอร์ไซค์ไทย เปิดตัว MINI PANDA เครื่องยนต์ 150 ซีซี ผนึกกำลังผลิตแบตเตอรี่ในประเทศ ดันยอดขายทุกแบรนด์แตะ 6,000 คันในปี 2568

ซอนเซ็น มองตลาดรถจักรยานยนต์ไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ผู้บริโภคต้องการสินค้าคุณภาพเยี่ยม เน้นดีไซน์โดดเด่น เดินหน้าขยายตลาดเครื่องยนต์ 150 ซีซี. ส่ง MINI PANDA ภายใต้แบรนด์ CYCLONEเปิดตัวในไทย พร้อมจับมือผู้ผลิตแบตเตอรี่ในประเทศ ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้กับแบรนด์ RYUKA ที่จำหน่ายในประเทศ มั่นใจยอดขายเติบโตรวมทุกแบรนด์ 6,000 คันในปีนี้

นายเกา จาน (Mr.Gao Zhan) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซอนเซ็น แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ CYCLONE, RYUKA และ CINECO ในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตลาดรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คาดว่าปี 2568 จะยังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับบริษัท ในการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศ

ทั้งในเรื่องของการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะมีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี การพัฒนาด้านการให้บริการหลังการขาย ที่รวมถึงการขยายเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตร เพื่อที่จะสามารถให้บริการกับลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ ทั้งในส่วนของรถจักรยานยนต์น้ำมันและไฟฟ้าที่ทำตลาดอยู่
“เราคาดว่าปี 2568 จะยังคงเป็นปีแห่งความท้าทาย อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวทางการวางรากฐานและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าที่ได้รับการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและได้มาตรฐาน พร้อมยกระดับศักยภาพในการให้บริการ เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดไทย”

ขยายไลน์อัพสินค้าเครื่องยนต์ 150 ซีซี.
สำหรับแผนงานหลักในปีนี้ ก็คือการเดินหน้าขยายตลาดรถจักรยานยนต์น้ำมัน เครื่องยนต์ 150 ซีซี. ภายใต้แบรนด์ CYCLONE รุ่น MINI PANDA เนื่องจากมองว่ารถจักรยานยนต์ขนาดกลางและขนาดเล็กยังเป็นตลาดหลักของประเทศไทย ซึ่งผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ ราคาสมเหตุสมผล และดีไซน์ที่โดนใจ ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทใช้ในการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ MINI PANDA ถูกออกแบบมาให้เป็นรถสไตล์มินิที่มีความคล่องตัวสูง เลือกใช้เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี. เพื่อตอบสนองด้านพละกำลังและการใช้งานจริง โดดเด่นด้วยถังน้ำมันขนาดใหญ่ 11.5 ลิตร รองรับการ


เดินทางไกลได้อย่างมั่นใจ มาพร้อมระบบควบคุมการลื่นไถล (TCS) และระบบเบรก ABS ซึ่งมีไม่มากในรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก เสริมด้วยไฟหน้าและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ด้วยขนาดที่กะทัดรัดแต่ลงตัว MINI PANDA จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น คนทำงาน หรือผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบเรียบง่ายแต่มีสไตล์ อีกทั้งยังรองรับผู้ขับขี่หลากหลายรูปร่างและสรีระ สะท้อนความเป็นมินิไบค์ที่ผสานทั้งความสนุก ความปลอดภัย และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ เหมาะสมสำหรับลูกค้าในประเทศไทย

“รถจักรยานยนต์ CYCLONE ไม่ว่าจะเป็นรุ่น RE3, RT1, RT2 และ RA401(Standard) ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะจากข้อมูลด้านคุณภาพสินค้าและอัตราการสั่งอะไหล่เคลม ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานคุณภาพที่น่าพึงพอใจ เราเชื่อมั่นว่าผู้ใช้งานจะยังคงได้รับประสบการณ์ที่ดีจากผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่อง และเรามีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นอื่น ๆ อีกในอนาคต”
จับมือพันธมิตรเดินหน้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ในปีนี้จะเดินหน้าการทำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ RYUKA โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีไฮไลท์ที่การจับมือกับพันธมิตรด้านแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีฐานการผลิตในประเทศ เพื่อใช้สำหรับรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยทั้งหมด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของที่ยอดเยี่ยม
บริษัท ซอนเซ็นฯ ได้จับมือกับ Farasis Energy ซึ่งเป็นผู้นำด้านเซลล์แบตเตอรี่แบบ Pouch Cell สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับแนวหน้าของจีน ร่วมกับ Dynavolt Power ซึ่งเป็นผู้ประกอบชุดแบตเตอรี่และ มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยจะมีการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาดในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ RYUKA
“การผลิตแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ จะช่วยให้เราสามารถควบคุมคุณภาพสินค้าได้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นคงด้านการจัดส่ง และตอบสนองงานบริการหลังการขายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้ จะถูกนำไปใช้ในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เปิดตัว 2 รุ่นแรก และจะขยายไปที่รุ่นอื่น ๆ ตามมาในอนาคต”
ที่ผ่านมา RYUKA ได้จำหน่ายรถจักรยานยนต์น้ำมันหลากหลายรุ่นและซีรีย์ เช่น CLASSIC, INFINITY, SAVE และรถสามล้อรุ่น BULL, NUITON ซึ่งล้วนผ่านการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความชื่นชอบด้านดีไซน์ ความต้องการด้านคุณภาพ และมาตรฐานการให้บริการที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่าง
ดีจากทั้งผู้ใช้ปลายทางและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และยังคงมียอดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา
สร้างเครือข่ายการให้บริการ รับยอดขายเติบโตปีนี้
ในส่วนของการให้บริการลูกค้านั้น ได้มีการผสานเครือข่ายการให้บริการของทุกแบรนด์เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ไม่ว่าเป็นสิทธิ์ในการรับประกันทั่วประเทศ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอย่างครอบคลุม เพื่อยกระดับการบริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
ในปัจจุบัน มีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ 115 ราย ครอบคลุม 650 จุดขายทั่วประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากการเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ที่โดนใจผู้บริโภค ด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว บริษัทก็พร้อมที่จะเดินหน้ายกระดับศักยภาพในการให้บริการ เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดไทยที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งรถจักรยานยนต์น้ำมันและไฟฟ้าอย่างครบวงจร
“สำหรับเป้าหมายการจำหน่ายในประเทศไทยในปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 6,000 คัน สำหรับทุกแบรนด์ ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทาย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง CYCLONE , RYUKA และCINECO จะมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าคุณภาพเยี่ยม ดีไซน์ที่โดดเด่นและการให้บริการที่ดีกับลูกค้า เพื่อเติบโตไปพร้อมกับลูกค้าในประเทศไทยในอนาคต”
าง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
พีทีจี จับมือ เตรียมอุดมศึกษา จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ TU Co-Learning Space by PTG เปิดพื้นที่การศึกษานอกตำราสู่โลกแห่งการทำงานจริง

จากแนวคิดและจุดร่วมเดียวกัน คือความเชื่อในพลังของการเรียนรู้ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จึงได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ TU Co-Learning Space by PTG ต้นแบบแห่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและร้านอาหารที่ได้มาตรฐานในเครือพีทีจี โดยร่วมกันออกแบบหลักสูตรการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) นอกห้องเรียน ที่เชื่อมโยงประสบการณ์จริง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และพัฒนาทักษะสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต

ดร.บุณยพงศ์ โพธิวัฒน์ธนัต ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เปิดเผยว่า “ศูนย์การเรียนรู้ ‘TU Co-Learning Space by PTG’ เป็นพื้นที่เรียนรู้รูปแบบใหม่ ที่ผสมผสานระหว่างการเรียนในโรงเรียนกับโลกการทำงานจริง นักเรียนจะได้ฝึกคิด ฝึกทำ ได้พบกับผู้เชี่ยวชาญ และสถานการณ์จริง เพื่อพัฒนาทักษะที่จำเป็นในอนาคต เช่น การแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม พร้อมทั้งได้รับความรู้และแรงบันดาลใจจากบรรยากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย สะอาด สวยงาม และปลอดภัย เอื้อต่อการทำกิจกรรมและช่วยให้การเรียนรู้น่าสนใจยิ่งขึ้น โครงการนี้จะช่วยให้นักเรียนคิดเป็น กล้าทดลอง กล้าผิดพลาด และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง คุณครูมีเครื่องมือใหม่ในการสอน ผู้ปกครองเห็นพัฒนาการของลูก และนักเรียนจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้ ขอขอบคุณ พีทีจี ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของเด็ก ๆ เตรียมอุดมศึกษา ครูทุกท่านที่พร้อมจะเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับนักเรียน ผู้ปกครองที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้ และนักเรียนทุกคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดโครงการนี้ วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เรากำลังร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้กับการศึกษาไทยต่อไป”

คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การสร้างโอกาสและการพัฒนาคนคุณภาพเพื่อส่งผลเชิงบวกต่อสังคม คือหัวใจสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาในครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของพีทีจี ที่มุ่งมั่นให้ทุกคนในสังคมได้เข้าถึงชีวิตที่ ‘อยู่ดี มีสุข’ ผ่านโครงการหลากหลาย อาทิ ‘พีที ค่ายอาสา ทำจริงไม่ทิ้งกัน’ ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการศึกษาในหลายพื้นที่ ตลอดจนความร่วมมือกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสนับสนุนพื้นที่ CBS Lounge ศูนย์การเรียนรู้ธุรกิจแบบบูรณาการเพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการดำเนินธุรกิจ ผ่านการฝึกปฏิบัติงานจริงและพัฒนาทักษะการบริหารจัดการ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่โลกการทำงานจริง
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ขยายโลกทัศน์ของนักเรียนไทย เปิดโอกาสให้เรียนรู้แบบผสมผสานระหว่างความรู้ทางวิชาการและทักษะชีวิต ด้วยพื้นที่ที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะอย่างครบถ้วน ทั้งด้านวิชาการและทักษะชีวิตในโลกยุคใหม่ ส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นหาความชอบ ค้นพบความถนัด พร้อมเสริมศักยภาพสำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างมั่นใจในการก้าวสู่บทบาทผู้บริหารหรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในอนาคต”

ภายในงานยังมีกิจกรรม Mini Talk ในหัวข้อ “Beyond Classroom – เมื่อการเรียนไม่ใช่แค่เพื่อสอบ” จาก คุณปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และบริหารการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่น 63 มาร่วมเปิดมุมมองการเรียนรู้และแชร์ประสบการณ์ ว่า “การได้เรียนรู้และทดลองประสบการณ์ที่หลากหลาย จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร การลงมือปฏิบัติในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง มีส่วนช่วยให้เราค้นพบเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเอง เหมือนอยู่ใน Small Village ที่ทุกคนในโลกเชื่อมโยงกัน เช่นเดียวกับ Co-Learning Space แห่งนี้ ที่มีจุดเริ่มต้นจากโมเดลการเรียนรู้ 70:20:10 โดย 10% เกิดจากทฤษฎีหรือห้องเรียน 20% มาจากการแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น และ 70% มาจากประสบการณ์จริง ดังนั้นเราจึงร่วมกันออกแบบสภาพแวดล้อมให้สวยงาม ปลอดภัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการทำกิจกรรมนอกห้องเรียน รวมถึงพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning โดยมีนักเรียนเป็นศูนย์กลางสามารถแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 ทิศทางหลักๆ คือ ทาง พีทีจี เป็นผู้ดูแล เช่น การจัด Restaurant Tour มี Open House เปิดบ้านให้น้อง ๆ ได้ทดลองบริหารจัดการธุรกิจในแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟพันธุ์ไทย คอฟฟี่เวิลด์ ซับเวย์ และพลีส โยเกิร์ต หรือหากคุณครูต้องการจัด Workshop ให้นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะใดเพิ่มเติม พีทีจี ก็ยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่ หรือในส่วนของน้อง ๆ เอง ต้องการติวเตอร์ช่วงสอบ หรือสนใจผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาการใด ๆ พีทีจีก็พร้อมสนับสนุนให้ได้เช่นกัน
เพราะเราอยากให้พื้นที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแรงบันดาลใจ เป็นพื้นที่แห่งโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จริง ได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ เรียนรู้การแก้ปัญหา พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด อยากให้น้องค่อย ๆ สร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงประสบการณ์ เมื่อถึงเวลาต้องเผชิญสถานการณ์จริง จะสามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และสิ่งสำคัญคือต้องมีทักษะการเป็นนักเรียนไปตลอดชีวิต ตั้งคำถามให้เยอะ หาคำตอบให้ได้ มองระบบให้ออก มองโลกให้ลึก เพราะคนที่ไม่หยุดเรียนรู้จะเติบโตและประสบความสำเร็จในโลกแห่งการทำงานจริงได้อย่างแข็งแรง”

น้องโอม – นายภารินทร์ ศรีประทีปกุล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ร่วมแชร์ประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียนว่า “ผมมีโอกาสได้รับมอบหมายให้นำสินค้าไปขายในโรงอาหาร เพื่อหารายได้ไปจัดกิจกรรมงานวันเกิดของโรงเรียน กิจกรรมนี้ไม่ได้เป็นแค่การขายของ แต่เป็นห้องเรียนชีวิตที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ทักษะหลายอย่าง ทั้งด้านการตลาด ได้ลองโปรโมทสินค้าผ่านโปสเตอร์ในโรงเรียนและโพสต์ลง Social Media เพื่อให้คนรู้จักและเพิ่มยอดขาย มีการคำนวณต้นทุน ลองตั้งราคาที่มีมาร์จิ้นพอจะได้กำไรไปจัดกิจกรรม แต่ก็ต้องไม่สูงเกินกว่าที่เพื่อน ๆ จะซื้อได้ มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกค้า มีการทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่ชัดเจน แต่ก็พร้อมช่วยเหลือกัน จึงได้เรียนรู้ว่าการสื่อสารนั้นสำคัญมาก นอกจากนี้ยังได้ฝึกทักษะการบริหาร การวางแผน การตั้งเป้ายอดขายแต่ละวัน การรวบรวมเงินมาคำนวณรายรับรายจ่าย ทำให้ได้เรียนรู้การจัดการมากขึ้น ในอนาคตผมมีความตั้งใจจะเปิดร้านอาหารของตัวเอง เพราะรู้สึกว่าอาหารบางร้านอร่อย ราคาก็คุ้มค่า แต่กลับไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะอาจยังขาดเรื่องการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ดี และที่สำคัญผมมีเพื่อนที่บ้านทำร้านอาหารอยู่หลายคน ทำให้ผมคิดว่าน่าจะใช้ Connection ตรงนี้ไปขอคำปรึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้”

น้องนุ๊กนิ๊ก – นางสาวระวิพัชร์ แสงวันดี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ร่วมแชร์หลักสูตรวิชาในฝันและความตั้งใจในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมว่า “หนูมองว่า การเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ในปัจจุบันยังแทบไม่มีวิชาลักษณะนี้สอนในโรงเรียนมากเท่าที่ควร หลายคนต้องเจอกับปัญหาการเงินโดยไร้เข็มทิศ ไม่มีผู้แนะนำหรือวางแผนอนาคต ได้แต่ลองผิดลองถูก เพราะแบบนี้เองหนูจึงอยากให้มีวิชา การเงินในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยให้พวกเราเรียนรู้การวางแผนการใช้จ่าย การออม รวมถึงการบริหารจัดการในชีวิตจริง อีกวิชาที่หนูอยากให้มีคือ วิชาธุรกิจปฏิบัติจริง วิชานี้เหมาะกับคนที่มีฝันอยากสร้างธุรกิจของตัวเอง เปิดโอกาสให้เราคิดวางแผน ลงมือทำธุรกิจจริง เห็นทั้งความสำเร็จ และบทเรียนจากความผิดพลาด ได้ฝึกตัดสินใจ ได้สื่อสารจริงจัง และที่สำคัญยังได้ไปปรึกษาครูผู้สอน เพื่อนำประสบการณ์ทั้งหมดไปพัฒนาต่อเมื่อเราโตขึ้น และความฝันที่ยิ่งใหญ่ของหนูคือการเปิด มูลนิธิการศึกษา เพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังขาดโอกาสตรงนี้ ถ้ามีโอกาสหนูอยากนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ ไปช่วยคนที่ขาดแคลน หนูเชื่อว่าการศึกษาสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้คน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และช่วยขยายโอกาสในการเลือกทางเดินและกำหนดอนาคตของตัวเองได้”
าง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine










































































































































































































