• NEW HONDA CITY 2017 เหนือกว่าที่สุด คือที่สุดในทุกด้าน

    1 Min Read

    ที่สุด…แห่งดีไซน์ที่เหนือระดับ

    ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดหลักคือ “Advanced Energetic Smart Star” ซึ่งเป็นการยกระดับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ให้เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและภายในที่โฉบเฉี่ยวในสไตล์สปอร์ตยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ทั้งยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม
    ให้ความสะดวกสบายขณะขับขี่ และความปลอดภัยตลอดทุกการเดินทาง

    Untitled-1

    • สปอร์ต ในทุกมุมมอง ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Man Maximum, Machine Minimum” ที่เน้นความสปอร์ตด้วยรูปทรงที่ดูโฉบเฉี่ยวคล้ายกับรถสปอร์ตคูเป้ แต่ยังคง
      ให้ความกว้างขวางและสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
    • อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้นำเอาเทคโนโลยีการลดน้ำหนักของตัวรถ
      มาใช้ในหลายจุด อาทิ เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ตัวถังและแชสซีส์ รวมถึงการพัฒนาเครื่องยนต์ภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม  และการออกแบบตัวรถให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งช่วย
      เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน
    • ความสะดวกสบายที่ครบครัน ภายในห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีความกว้างขวางและสะดวกสบาย นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังสนุกสนานและเพลิดเพลินกับความบันเทิงในระหว่างการเดินทางอีกด้วย

     การออกแบบภายนอก

    ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิดการออกแบบภายนอก “Advanced Energetic Design”
    เพื่อสื่อถึงการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาผสมผสานกับการออกแบบตัวถังที่กว้างและต่ำในสไตล์สปอร์ต รวมถึงความโดดเด่นตามแบบฉบับยนตรกรรมซีดาน โดยได้รับการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกให้ดูหรูหรา และเพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น อาทิ

    • ระบบไฟหน้าแบบ LED นับเป็นครั้งแรกของยนตรกรรมซับคอมแพคท์ที่มีการติดตั้งไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในทุกรุ่น นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟหน้าแบบ LED (เฉพาะรุ่น SV และ SV+) และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)โดยระบบไฟแบบ LED ประกอบไปด้วยแถวหลอด LED ที่เรียงตัวเป็นแนวยาว การสะท้อนแสงจากไฟ LED ด้วย Reflector ภายในโคมไฟ ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจนทั้งขณะขับขี่ในเวลากลางคืน หรือขณะ
      ฝนตกหนักจนทำให้ทัศนวิสัยด้านหน้าไม่ชัดเจน ซึ่งจะทำงานโดยใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มาพร้อมล้อลายใหม่ดีไซน์สปอร์ต ได้แก่ ล้ออัลลอยขนาด
      15 นิ้ว (เฉพาะรุ่น V และ V+) และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)
    • กระจังหน้าแบบโครเมียม พร้อมกันชนหน้า-หลัง ดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต

    New City_Safety_ESS

     New City_Safety_Multi-angle Rearview Camera (1)

    การออกแบบภายในห้องโดยสาร

    ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้รับการออกแบบภายในห้องโดยสารใหม่ ภายใต้แนวคิด “Rich & Sophisticated” เพื่อให้สัมผัสที่หรูหรา และความสปอร์ตที่มากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น อาทิ

    • ไฟส่องสว่างแบบ LED ได้แก่ ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า (เฉพาะรุ่น SV+) และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED (เฉพาะรุ่น SV+)

    New City_Safety_HSA

    • คอนโซลด้านหน้า ออกแบบโดยการผสมผสานวัสดุที่มีพื้นผิวต่างกันได้อย่างลงตัวระหว่างแผงหน้าปัดพื้นผิวสีดำ และแผงคอนโซลตรงกลางรูปตัว T ในโทนสีเมทัลลิกเข้ม ทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น ขณะที่การตกแต่งตามจุดต่างๆ ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกที่หรูหราในสไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยโทนสีกันเมทัลลิก (Gun Metallic) สำหรับพื้นที่ส่วนบนของแผงหน้าปัดถูกออกแบบให้ดูแบนเรียบ ช่วยเพิ่ม
      ทัศนวิสัยในการขับขี่ยิ่งขึ้น

     New City_Interior_V+

    นอกจากนี้ ยังเพิ่มรายละเอียดในการตกแต่งบริเวณช่องแอร์ รอบบริเวณคันเกียร์ และรอบมาตรวัด ด้วยวงแหวนสีเงิน ทำให้ภายในห้องโดยสารมีความสวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น  สำหรับมาตรวัดเรืองแสงแบบ 3 วง ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูมีมิติยิ่งขึ้น พร้อมไฟเรืองแสงสีขาวขณะสตาร์ทรถ ให้ความรู้สึกที่หรูหราและทันสมัย

    New City_Interior_LED Map Light

    • เบาะนั่งสไตล์สปอร์ต ด้วยการเลือกใช้วัสดุผ้าที่มีคุณภาพ ให้สัมผัสที่สบาย และออกแบบในสไตล์สปอร์ตด้วยการเดินด้ายเย็บแบบ 2 แถว

     New City_Sporty Designed Seat

    นอกจากนี้ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+) เบาะที่นั่งด้านหลังปรับพับได้ 60:40 (เฉพาะรุ่น SV+) ลำโพง 8 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น SV และ SV+) ติดตั้งตามจุดต่างๆ ในห้องโดยสาร อาทิ บริเวณแผงประตูด้านหน้าของเบาะหน้า และด้านหลังของเบาะหลัง ช่องจ่ายไฟสำรองบริเวณด้านหน้า 1 ตำแหน่ง (ทุกรุ่น) และเพิ่มช่องจ่ายไฟสำรองสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น SV และ SV+)

    New City_Function_Foldable Rear Seat

    พร้อมกันนี้ ยังมี HONDA CITY ที่มาพร้อชุดแต่ง Modulo มาให้ชมด้วยนะครับ มาดูกันว่าสวยขนาดไหนนะครับ บอกได้คำเดียว คุณต้องชอบแน่นอน

    New City_Modulo_Alloy Wheel 15 inch

    New City_Modulo_Door Visor

    New City_ Modulo_Rear Under Spoiler

    New City_Modulo_Fog Light LED

    New City_Modulo_Door Visor


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 พาไปจิบกาแฟพร้อมบรรยากาศสุดชิลที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    1 Min Read

    Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 พาไปจิบกาแฟพร้อมบรรยากาศสุดชิลที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมมีตติ้งสำหรับชาวคาวาซากิ กับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งที่ 1 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ จ.นนทบุรี ครั้งนี้คาวาซากิจึงขนขบวนยกทัพมาเอาใจแฟนสายเขียวแถบภาคเหนือ พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดภายในงาน

    จบไปแล้วกับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งล่าสุด ที่พาไปจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ณ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ภายในงานมีกิจกรรมบนเวทีมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความสนุกสนาน แถมของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน พร้อมดนตรีฟังสบายท่ามกลางธรรมชาติสุดฟิน

    นอกจากนี้ในงานคาวาซากิยังได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KLX230 Sherpa รถจักรยานยนต์ทะยานสู่เส้นทางแห่งความสนุกสนานจากถนนในเมืองสู่เส้นทางแห่งการผจญภัยในธรรมชาติ รถทื่สืบทอดมาจาก SUPER SHERPA ซึ่งเป็นรุ่นที่ Kawasaki ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2007 คำว่า Sherpa คือ คำที่ใช้เรียกคนในท้องถิ่นที่เป็นไกด์และขนสัมภาระระหว่างการปีนเขาหิมาลัย และชื่อ SHERPA นี้ยังสื่อถึง ความหมายว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่จะเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ และด้วยสโลแกน “จากเมืองสู่ธรรมชาติ” ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่หลายคนในฐานะรุ่นอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะขี่ในเมืองหรือในป่า KLX230 SHERPA สืบทอดชื่อ “SHERPA” ในฐานะรุ่นอเนกประสงค์อันทรงเกียรติของ Kawasaki ที่สืบทอดแนวคิดของ SUPER SHERPA

    พลังเครื่องยนต์ของ KLX230 SHERPA ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนทางดินโดยเฉพาะ ประกอบกับแรงบิดที่นุ่มนวลขับขี่ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กทำให้รถมีน้ำหนักเบาเพียง 134 กก. และมีความคล่องตัว ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขี่ในรูปแบบเทรลเป็นอย่างมาก รวมถึงความสูงเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 845 มม, จึงทำให้เข้าถึงผู้ขับขี่ที่หลากหลาย และเป็นมิตรแม้กับผู้ขับขี่มือใหม่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Rideology the App ให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆของตัวรถ รวมถึงแชร์ข้อมูล ตำแหน่ง และบันทึกการขับขี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆนักเดินทางคอเดียวกันได้อีกด้วย

    และเพื่อความพร้อมในการออกเดินทาง KLX230 Sherpa จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดใต้ท้องเครื่อง (Skidplate) อลูมิเนียมอันทนทาน ช่วยลดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ขณะขับขี่รูปแบบเทรล, การ์ดแฮนด์เสริมโลหะช่วยเพิ่มความสมบุกสมบันและความมั่นใจเมื่อขับขี่แบบออฟโรด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์การใช้งานได้อีกด้วย
    สำหรับสีที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยคือ Medium Smoky Green สีเขียวเอิร์ธโทน สุดเท่

    KLX230 Sherpa มาพร้อมกับราคาขายปลีกแนะนำที่159,000 บาท และพิเศษโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวกับคูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และฟรีประกันรถหาย 1 ปี


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • หมวกกันน็อค iD ภูมิใจที่ได้ร่วมผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า

    1 Min Read

    หมวกกันน็อค iD ภูมิใจที่ได้ร่วมผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัท เอส วาย เค ออโต้พาร์ต อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์ INDEX, ID, RANDOM, PROTO, LINK สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยการจัดงานเซ็นสัญญานักแข่งจากโรงงานผู้ผลิตหมวกกันน็อคแบรนด์ไทยถึง 34 คน จาก 5 ทีม ภายใต้ชื่อ 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 พร้อมเผยเบื้องหลังการถ่ายทำสุดพิเศษที่สะท้อนภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของนักแข่ง ภายใต้คอนเซ็ป “หมวกไทยมาตรฐานโลก”

    การถ่ายทำในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงคุณภาพของหมวกกันน็อคแบรนด์ iD ซึ่งออกแบบและผลิตโดยโรงงานคนไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างอุปกรณ์ความปลอดภัยที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลก ทีมโปรดักชั่นจัดเต็ม และมุมกล้องที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักแข่งมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ

      

    34 นักแข่งที่ได้รับเลือกในปีนี้ มาจากหลากหลายรายการแข่งขัน โดยแต่ละคนมีความสามารถโดดเด่น อาทิ นพพร สุทธิการปลูก แชมป์ประจำปี Superbike 1000cc. Rookies รายการ SuperBikemag Trophy 2024, กฤษฎา พรมนิกร แชมป์ประจำปี CBR650 Class A รายการ Honda CBR Trophy 2024 และทัพนักแข่ง 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 ที่พร้อมลุยการแข่งขันเพื่อคว้าโพเดี้ยมตลอดทั้งปี

    “นี่คืออีกก้าวสำคัญของหมวกกันน็อคแบรนด์ iD ในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงงานผู้ผลิตหมวกกันน็อคไทย ที่สามารถก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักแข่งไทยและเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตไปข้างหน้า” คุณองอาจ ฉัตรวรชัย(ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด)กล่าวถึงการสนับสนุนในครั้งนี้

    ติดตามโมเมนต์สำคัญของนักแข่ง 𝙏𝙚𝙖𝙢𝙞𝘿 ได้เร็วๆ นี้ทาง Random helmet & ID helmet* แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปด้วยกัน!

    #TeamiD #iDHELMETS #iDmadeinthailand
    #iDหมวกไทยมาตรฐานโลก #หมวกกันน็อคไอดี #หมวกกันน็อคสัญชาติไทย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แถลงวิสัยทัศน์ปี 2568 เดินหน้าธุรกิจลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ พร้อมประเดิมเปิดตัว Mercedes-AMG กว่า 3 รุ่นในงาน Motor Show 2025

    2 Min Read

    เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แถลงวิสัยทัศน์ปี 2568 เดินหน้าธุรกิจลักชัวรีรีเทลเต็มรูปแบบ
    พร้อมประเดิมเปิดตัว Mercedes-AMG กว่า 3 รุ่นในงาน Motor Show 2025

    • เมอร์เซเดส-เบนซ์ กวาดยอดขายทั่วโลก 2,389,000 คัน ในปี 2567 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 1,983,400 คัน และรถแวน 405,600 คัน
    • เปิดตัวรถยนต์รวมกว่า 25 รุ่น ในปี 2567 ชูความสำเร็จของ The new E-Class
    ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง 65% พร้อมเสริมไลน์อัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไทย
    • เฉลิมฉลองการประกอบรถยนต์ในประเทศไทยครบ 200,000 คัน ในเดือนมกราคม 2567
    ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยยอดการผลิตสะสมสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ลักชัวรี
    • เดินหน้าวิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ในโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งความสำเร็จของรถยนต์นั่งจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์
    แบรนด์ระดับโลกที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต
    • ผลักดันตลาดอีวีด้วย “EV Worry-Free Package” ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ด้วยข้อเสนอพิเศษกับค่างวดเริ่มต้น 45,000 บาทต่อเดือน ในรุ่น EQE 350 4MATIC SUV Electric Art โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนแรกและก้อนสุดท้าย
    • ต่อยอดโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” และเสริมศักยภาพในการแข่งขันในตลาดด้วยการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา (Pricing Strategy) ที่สะท้อนให้เห็นถึงการคงมูลค่า
    ในระยะยาวของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น
    • ครองตำแหน่งแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีที่มีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนตัวแทนจำหน่ายกว่า 33 แห่ง และศูนย์บริการรวม 41 แห่ง
    • ผสานแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) เพื่อยกระดับขีดความสามารถของตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ

    มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขัน
    ที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี แต่เรายังคงสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง และเดินหน้าพัฒนา
    แบรนด์อย่างต่อเนื่อง เราพร้อมก้าวเข้าสู่ปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ที่จะยกระดับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ การขับเคลื่อนผลประกอบการทางธุรกิจ และการขยายไลน์อัพรถยนต์ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ควบคู่ไปกับสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์
    และยกระดับมอบประสบการณ์ของผู้บริโภคในทุกมิติ”

    ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวยนตรกรรมใหม่กว่า 25 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่เซกเมนต์ Entry Luxury ไปจนถึงรถยนต์ระดับ Top-End Luxury โดยโมเดลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ The new E-Class ที่มีการเติบโตของยอดขายกว่า 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    และสามารถคว้ารางวัล “Best Performer” ประจำปี 2567 จากสถาบัน Euro NCAP แสดงให้เห็นถึงความเป็นที่สุดของยนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากนี้
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในตลาดลักชัวรี ด้วยการนำเสนอโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง นำโดยรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นประกอบในประเทศอย่าง
    EQS 450 4MATIC SUV ที่เปิดตัวพร้อมกับ EQE 300 Sedan ต่อด้วย Mercedes-Maybach EQS 680 SUV และ G 580 with EQ Technology ในขณะที่รถสปอร์ต 2 ประตู รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่มีกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมด้วยการครองสัดส่วนยอดขายกว่า 30% จากยอดขายทั้งหมดของแบรนด์ Mercedes-AMG

    โดยในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มกำลัง เริ่มต้นด้วยการต่อยอดความสำเร็จของโมเดลล่าสุดอย่าง The new E-Class, CLE Coupé, EQE 300 Sedan, EQS 450 4MATIC SUV และอีกหลากหลายรุ่นจากทุกเซกเมนต์ของแบรนด์ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จาก Mercedes-AMG พร้อมกันถึง 3 รุ่น ในงาน Motor Show 2025 เพื่อสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี

    สำหรับโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงสะท้อนความโดดเด่นในเรื่องของราคาจำหน่ายที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ ความโปร่งใสในขั้นตอนการซื้อรถ และการยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติสำหรับลูกค้าทุกคน รวมถึงการนำแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาและออกแบบศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์
    มาปรับใช้ในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งในด้านการยกระดับช่องทางการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Touchpoints) การพัฒนาบุคลากรและกระบวนการ (People & Process)
    การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) และการออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture)
    โดยในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กว่า 50% ที่เริ่มดำเนินงานภายใต้แนวคิด MAR20X และในปีนี้จะขยายสู่ 60% จนไปถึงในปี 2570 ที่บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของจำนวนตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั้งหมด
    ในประเทศไทย

    นอกจากนี้ ในด้านของกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะมีการจัดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มด้วยกิจกรรมที่จัดร่วมกับคอมมูนิตี้อย่างเป็นทางการอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ คลับ
    (ประเทศไทย) ในการรวมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ คลาสสิก ในตำนานไว้มากกว่า 10 คัน มาขับขี่กันใน Road Trip สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ประจำปีอย่าง Mercedes-Benz Driving Events และ SUV Driving Events รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง โดยมีทั้งการขับขี่ในบนถนนและบนสนามแข่ง (On Road/On Track) รวมถึงการกลับมาในรอบ 5 ปี ของ “MercedesTrophy” รายการการแข่งขันกอล์ฟ ที่มีนักกอล์ฟผู้ร่วมแข่งขันมากกว่า 1,000 คน จาก 7 รอบการแข่งขัน โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์และลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน

    นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความสำเร็จในด้านการบริการลูกค้าในปี 2567 ที่ผ่านมา เรามีเครือข่ายศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งหมด 41 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (Certified Body & Paint Service Center) ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคกว่า 26 แห่ง
    ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยแพ็กเกจ MBSP
    มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12% พร้อมกับการเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86% นอกจากนี้ เรายังจัดแคมเปญต่าง ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน ในแคมเปญ Mercedes-Benz & Michelin Sustainability in Motion เพื่อช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

    ทางด้านฝ่ายบริการลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมพัฒนาและนำเสนอบริการหลังการขายแก่ลูกค้
    าในทุกมิติ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่าของ
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรถยนต์ทั้งในด้านการบำรุงรักษาและข้อเสนอพิเศษสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ StarParts รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ด้านดิจทัลด้วยบริการ Digital Extras ที่จะมีแพ็คเกจเสริมอย่าง Entertainment Package Plus ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์วิดีโอสตรีมมิงและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน อีกทั้งกิจกรรม Nationwide Service Clinics ที่จะจัดร่วมกับทีม Flying Doctor จากประเทศเยอรมนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อมอบการบริการและการดูแลรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก

    “ทุกการลงทุนและความมุ่งมั่นของเรา ล้วนสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์
    ในประเทศไทย เรามองเห็นถึงโอกาสการเติบโตที่มั่นคง และศักยภาพอันแข็งแกร่งของตลาด
    เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่และไลฟ์สไตล์ของ
    ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี ผ่านการบริการและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับธุรกิจรีเทลและภาพรวมอุตสาหกรรม
    ให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวสรุป


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • RIDDARA จัดงาน “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” รับฟังประสบการณ์จากลูกค้าผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย ประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานครอบคลุมทุกมิติ ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คัน ภายในปีนี้

    2 Min Read

    RIDDARA จัดงาน “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING”
    รับฟังประสบการณ์จากลูกค้าผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย
    ประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานครอบคลุมทุกมิติ ตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คัน ภายในปีนี้

    RIDDARA (ริดดารา) จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” เพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใน RIDDARA และสร้างสังคมผู้ใช้งานรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานจริงได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้าแผนการดำเนินงานในประเทศไทยครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การลงทุน และการดูแลลูกค้าด้วยการบริการหลังการขายที่เข้มแข็ง และการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายด้วยโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน 50 แห่งทั่วประเทศ รองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 10,000 คัน

    กิจกรรม “RIDDARA OWNERS CLUB FIRST MEETING” เป็นการเชิญชวนกลุ่มลูกค้าเจ้าของ RIDDARA RD6 มาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากบริษัทฯ ได้ประกาศจัดตั้งกลุ่ม RIDDARA OWNERS CLUB และเริ่มส่งมอบรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA RD6 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ SILVERSKIN BISTRO & CAFÉ ร้านกาแฟสุดพรีเมียมย่านลำลูกกาคลอง 11 จังหวัดปทุมธานี ซึ่งนอกจากลูกค้า RIDDARA ได้สนุกกับกิจกรรมสุดพิเศษที่บริษัทฯ ตั้งใจจัดขึ้นแล้วยังได้ร่วมพูดคุยกับกลุ่มผู้ใช้ RIDDARA อย่างเป็นอันเอง รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานจริงกับผู้บริหารของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

    “RIDDARA ขอขอบคุณลูกค้าคนไทยทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจใน RIDDARA เราพร้อมจะเป็นพันธมิตรที่ยี่งยืนและแบ่งปันประสบการณ์อันดีร่วมกันกับลูกค้าคนไทยทุกคนในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ สำหรับการจัดตั้ง RIDDARA OWNERS CLUB สังคมของผู้ใช้งานรถกระบะไฟฟ้า RIDDARA ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างเจ้าของ RIDDARA โดยเราพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้าทุกท่านซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยและนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของชาวไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” มร. หลิว ไห่โจว (Liu Haizhou) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
    ในขณะที่ลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ต่างประทับใจ RIDDARA RD6 ทั้ง ในด้านอัตราเร่งที่ทันใจและช่วงล่างที่นุ่มนวลซึ่งแตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังชื่นชมในเรื่องของความประหยัดพลังงานอีกด้วย

    RIDDARA เร่งการขยายตลาดในไทยเพิ่มทางเลือกด้านผลิตภัณฑ์ เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมอบการบริการลูกค้าที่เหนือกว่า โดยตั้งเป้ายอดขาย 10,000 คันภายในปีนี้
    มร. หลิว ไห่โจว กล่าวเสริมถึงภาพรวมการดำเนินงานของ RIDDARA ในประเทศไทยว่า หลังจาก RIDDARA ได้เปิดตัวรถกระบะพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่น RIDDARA RD6 ในประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10,000 คัน โดยมีแผนจะแนะนำรถกระบะพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุม และขยายทางเลือกด้านพลังงานใหม่ให้มีความหลากหลาย นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเป็นฐานการผลิตรถกระบะไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่สำคัญของ RIDDARA

    “เรากำลังพิจารณาการลงทุนสร้างโรงงาน KD ในประเทศไทยเพื่อผลิต PHEV และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น” มร. หลิว ไห่โจว กล่าวย้ำ
    ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของฐานลูกค้า RIDDARA เปิดรับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจร่วมขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานจาก 15 แห่งในปัจจุบัน ให้เป็น 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยจะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในทุกภูมิภาค เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ RIDDARA ได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการให้บริการรถทดลองขับถึงหน้าบ้าน
    ยิ่งไปกว่านั้น RIDDARA ยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริการหลังการขายภายใต้ชื่อ RIDDARA CARE ที่พร้อมดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ด้วยทีมงานมืออาชีพ พร้อมจัดเตรียมอะไหล่สำรองให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และมีบริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉินผ่าน RIDDARA Call Center ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความอุ่นใจและมั่นใจในการใช้งาน RIDDARA ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

     

    RIDDARA ผู้นำด้านรถกระบะพลังงานไฟฟ้า
    RIDDARA เป็นแบรนด์รถกระบะพลังงานไฟฟ้าในเครือ GEELY AUTO GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกที่มุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ โดย RIDDARA ได้นำความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยี การผลิต รวมไปถึงการควบคุมคุณภาพของกลุ่ม GEELY มาเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์กระบะพลังงานไฟฟ้าที่จะมาสร้างไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ด้วยการผสานศักยภาพของรถกระบะที่สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบในสภาพถนนที่มีความแตกต่างไปพร้อมกับการขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายแบบรถยนต์ SUV เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่และมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าตามแบบฉบับของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมอันทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน โดยปัจจุบัน RIDDARA สามารครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ของตลาดรถกระบะไฟฟ้าในประเทศจีน

    RIDDARA RD6
    RIDDARA RD6 โดดเด่นด้วยนวัตกรรม M.A.P (Multiplex Attached Platform) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแพลตฟอร์มรถยนต์ที่พัฒนาเอาจุดเด่นของรถกระบะและรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาผสมผสานกัน ทำให้ RIDDARA RD6 มีความโดดเด่นทั้งในด้านของการออกแบบ สมรรถนะและความอัจฉริยะในแบบฉบับของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยโครงสร้างตัวถังขนาดใหญ่และมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย และติดตั้งระบบความปลอดภัยและระบบช่วยในการขับขี่ที่ครบครัน พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับทั้งการเดินทาง และการทำกิจกรรมแบบเอาท์ดอร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีค่าบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่น้อยกว่ารถกระบะสันดาปทั่วไป

    RIDDARA RD6 ให้สมรรถนะที่โดดเด่นด้วยอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และแรงบิดสูงสุด 595 นิวตันเมตร มาพร้อมช่องจ่ายกระแสไฟตามมาตรฐานยุโรปขนาด 6KW ที่กระบะท้าย รวมไปถึงการเชื่อมต่อและควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทำให้สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถจากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน

    RIDDARA RD6 มอบความความสะดวกสบายระดับ SUV ด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่เงียบสงบด้วยเทคโนโลยี Pure Electric NVH Silent พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายขนาด 50W ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ที่มาพร้อมระบบกรองอากาศ CN95 filter PM 2.5และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะหนังคุณภาพสูงดีไซน์เอกลักษณ์สามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะโดยสาร เบาะหน้าเอนได้แบบ 180 องศา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกครบครัน

    RIDDARA RD6 ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 แบบอัตโนมัติ โดยมีโหมดการขับขี่ 7 โหมด สำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกัน (Sand / Mud / Off-road / Wading / Economy / Comfort / Sport) อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการลุยน้ำลึกได้สูงสุด 815 มิลลิเมตร มีพื้นที่บรรทุกกระบะท้ายขนาด 1,200 ลิตร ช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าขนาด 70 ลิตร และพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังอีก 48 ลิตร อีกทั้งยังมีความสามารถในการลากจูงได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัม

    RIDDARA RD6 มีระบบความปลอดภัยรอบคัน ซึ่งรวมถึงระบบช่วยในการขับขี่ ADAS (Advanced Driving Assistance Systems) สูงสุด 14 ระบบ และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 540 องศา รวมไปถึงถุงลมนิรภัย 6 จุดช่วยปกป้องทั่วทั้งห้องโดยสาร ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของโครงสร้างรถ

    สำหรับ RIDDARA RD6 มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมี 4 รุ่นย่อย ด้วยราคาจำหน่ายดังนี้

    ● RIDDARA RD6 2WD 63kWh ราคา 899,000 บาท
    ● RIDDARA RD6 2WD 73kWh ราคา 999,000 บาท
    ● RIDDARA RD6 4WD 73kWh ราคา 1,149,000 บาท
    ● RIDDARA RD6 4WD 86kWh ราคา 1,299,000 บาท

    สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของ RIDDARA RD6 ได้ที่โชว์รูมทุกสาขาทั่วไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า RIDDARA Call Center ที่หมายเลข 02-039-5777
    ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ RIDDARA ได้ที่ Website : http://th.riddara.com/ Facebook : Riddara Thailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • เรนาสโซ มอเตอร์ ยกทัพ LAMBORGHINI THE LAST NA (Naturally Aspirated) ในงาน LAMBORGHINI SELEZIONE SHOWCASE 2025 ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โชว์รูมลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ

    1 Min Read

    เรนาสโซ มอเตอร์ ยกทัพ LAMBORGHINI THE LAST NA (Naturally Aspirated)
    ในงาน LAMBORGHINI SELEZIONE SHOWCASE 2025
    ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โชว์รูมลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ

    บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ, ศักดิ์ นานา และ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการ ยกทัพ Lamborghini Selezione Certified Pre-owned กว่า 30 คัน เผยโฉมลัมโบร์กินี Pre-owned ที่ผ่านการตรวจเช็คประวัติรถและ 153 รายการ ตามมาตรฐานโรงงาน Lamborghini และพร้อมส่งมอบทันที ซึ่งเป็นโอกาสทองที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะได้พบกันโดยตรง มาพร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะในงาน ที่เรียกได้ว่าเป็นดีลที่คุ้มที่สุดและดีที่สุดแห่งปี

    สำหรับแฟนพันธุ์แท้ค่ายวัวกระทิงดุเตรียมพบกับรถลัมโบร์กินีหลากหลายรุ่น อาทิ ตระกูล Aventador ,Huracan และ Urus พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษของงาน Lamborghini Diablo วัวกระทิงดุสุดคลาสสิก ปี 1993 ที่หาชมได้ยาก รวมถึง Lamborghini Revuelto รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูงรุ่นแรก ของแบรนด์ ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โชว์รูมเรนาสโซ มอเตอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต

    ข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะในงาน
    > รถลัมโบร์กินี ราคาเริ่มต้นที่ 16.xx ล้านบาท
    > รับทันที! สิทธิพิเศษจาก Renazzo Detailing Lab และ Lamborghini Bangkok
    > โปรแกรมทางการเงินจาก TTB ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ต่อปี (48 เดือน) อนุมัติภายใน 1 วัน *
    > โอกาสสุดท้ายที่จะเป็นเจ้าของรถ Lamborghini เครื่องยนต์ N/A ที่พร้อมส่งมอบทันที

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

    ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์ได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ประกาศเซ็นสัญญา แซม ซันเดอร์แลนด์ ผู้ชนะการแข่งขัน Dakar Rally 2 สมัย

    1 Min Read

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ประกาศเซ็นสัญญา แซม ซันเดอร์แลนด์
    ผู้ชนะการแข่งขัน Dakar Rally 2 สมัย

    • ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เซ็นสัญญากับ แซม ซันเดอร์แลนด์ นักบิดชาวอังกฤษแชมป์การแข่งขันระดับโลก เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ
    • แซม ซันเดอร์แลนด์ จะร่วมงานกับไทรอัมพ์ในโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ครอบคลุมในส่วนตลาดรถจักรยานยนต์แอดแวนเจอร์และรถจักรยานยนต์ออฟโรด

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้เซ็นสัญญากับแซม ซันเดอร์แลนด์ (Sam Sunderland) นักบิดแชมป์การแข่งขัน Dakar Rally 2 สมัยและแชมป์การแข่งขัน FIM World Rally Raid เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยพัฒนาและสนับสนุนในส่วนโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ของรถจักรยานยนต์แอดแวนเจอร์และออฟโรด
    ภายหลังจาก แซม ซันเดอร์แลนด์ อำลาวงการแข่งขันในเดือนกรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา นักแข่งชาวอังกฤษจากทีม Red Bull ก็ได้เริ่มทำงานกับทั้งทีม Red Bull และ Triumph เพื่อร่วมกันหาโอกาสต่าง ๆ สำหรับการผจญภัยครั้งต่อไปของเขา ซึ่งจะต่อยอดจากประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาในรายการแข่งขัน Dakar Rally ซึ่งเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ขั้นสูงสุด
    แซม ซันเดอร์แลนด์ กล่าวว่า “การร่วมมือกับไทรอัมพ์ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวต่อไปอันน่าตื่นเต้นในอาชีพการงานของผม และผมตั้งตารอที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมอังกฤษ ที่จะมาเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ ร่วมกับผม และทีม Red Bull แน่นอนว่าผมแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มต้นแล้ว”

    มร.พอล สเตราท์ ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เผยว่า “เราได้เห็นการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มรถ Adventure ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาด้วยความสำเร็จทั่วโลกของรถจักรยานยนต์ Tiger และ Scrambler ของเรา รวมถึงการตัดสินใจเปิดตัวสู่ตลาด Motocross และ Enduro เป็นครั้งแรก ดังนั้นการได้ร่วมงานกับ แซม ซันเดอร์แลนด์ ผู้ชนะการแข่งขัน Dakar Rally ในการผจญภัยครั้งใหม่ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และเรารู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับแซมเข้าสู่ครอบครัวไทรอัมพ์”

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ลงทุนในตลาดรถจักรยานยนต์ออฟโรด โดยประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์โมโตครอสขนาด 250 ซีซี ที่มีการแข่งขันสูงด้วยรุ่น TF 250-X และ TF 450-RC Edition ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง

    ด้วยอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักระดับชั้นนำ ทำให้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์โมโตครอส TF 250-X ได้พิสูจน์ศักยภาพในการคว้าตำแหน่งโพเดียมด้วยชัยชนะครั้งสำคัญโดย ทีม Triumph Factory Racing ในการแข่งขัน AMA Supercross นอกจากนี้ไทรอัมพ์ยังเตรียมลงแข่งขันในปี 2025 ด้วยโมเดล Enduro ใหม่ ภายใต้การนำทีมของ Paul Edmondson ผู้จัดการทีมและอดีตแชมป์โลก
    ทั้งนี้รถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์รุ่น Tiger 900 และ Tiger 1200 ที่ได้รับรางวัลทั้งสองรุ่นได้รับการอัปเดตในปี 2024 โดยมีเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และปรับแต่งเครื่องยนต์ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ของไทรอัมพ์ดูได้ที่ www.triumphmotorcycles.co.th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เร่งเครื่องรับปี 2568 เผยโฉมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่พร้อมแผนขยายธุรกิจ ต่อยอดความเป็นผู้นำในตลาดพรีเมียม

    1 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เร่งเครื่องรับปี 2568 เผยโฉมทัพรถยนต์-มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่พร้อมแผนขยายธุรกิจ ต่อยอดความเป็นผู้นำในตลาดพรีเมียม

    • หลังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดพรีเมียมได้ 5 ปีซ้อน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมกระตุ้นตลาดต่อเนื่องด้วยยานยนต์สมรรถนะสูง
    • เผยโฉม 9 รุ่นใหม่จากทั้งสามแบรนด์ จุดพลังขับเคลื่อนให้ตลาดด้วยนวัตกรรมที่ส่งตรงจากสนามแข่งสู่ท้องถนน
    • อีกหนึ่งก้าวประวัติศาสตร์ของโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กับการกลับมาประกอบ มินิ คันทรีแมน ในประเทศอีกครั้ง
    • บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย พร้อมต่อยอดความพึงพอใจของลูกค้าและประสิทธิภาพทางธุรกิจ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จในการครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน พร้อมเปิดตัวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่รวม 9 รุ่น จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานแถลงข่าวประจำปี 2568 ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้
    (ในภาพจากซ้าย) มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
    คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดฉากปี 2568 อย่างแข็งแกร่งด้วยการประกาศกลยุทธ์สำคัญระลอกแรก หลังจากที่รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทยไว้ได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยจากเสียงตอบรับที่ดีของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยตลอดรอบปีที่ผ่านมา บริษัทจึงพร้อมที่จะสานต่อกระแสตลาดด้วยการเปิดตัวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่รวม 9 รุ่นในช่วงต้นปีนี้ เพื่อนำสมรรถนะและนวัตกรรมสุดตื่นตาจากสนามแข่งมาให้สัมผัสกันบนท้องถนนในไทย ก่อนจะเดินหน้าเปิดตัวรุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกตลอดปี 2568

    สำหรับปีที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดรถยนต์เซกเมนต์พรีเมียมในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน บีเอ็มดับเบิลยูและมินิทำยอดส่งมอบรถยนต์รวมกันอยู่ที่ 13,659 คันในปี 2567 ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 45% ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ 12,208 คันของบีเอ็มดับเบิลยูในปีที่แล้ว ทำให้แบรนด์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำยอดจดทะเบียนรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่การเปิดตัวรุ่นใหม่ในตระกูล New MINI Family ส่งผลให้มินิมียอดส่งมอบรถเพิ่มสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 7.6%

    นอกเหนือจากยอดส่งมอบรถยนต์ที่มั่นคงในภาพรวมแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังทำผลงานในตลาดรถยนต์สำหรับลูกค้าองค์กรได้อย่างยอดเยี่ยมในปีที่แล้ว หลังจากที่ส่วนแบ่งตลาดฟลีทในกลุ่มรถยนต์หรูของบีเอ็มดับเบิลยูขยายตัวขึ้นมาเป็น 70% ในปี 2567 หรือโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 27% ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่กลุ่มธุรกิจการโรงแรมมีให้ต่อบีเอ็มดับเบิลยู

    มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เราได้ก้าวเข้าสู่ปี 2568 อย่างเต็มตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้ายิ่งขึ้นในการยกระดับทั้งนวัตกรรมการขับขี่และความพึงพอใจของลูกค้า ในปีที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรุ่นสมรรถนะสูงของเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในตลาด เราจึงพร้อมสนองความต้องการของลูกค้าทันทีด้วยทัพรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 4 ใหม่ พร้อมด้วยมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และซูเปอร์ไบค์ บีเอ็มดับเบิลยู

    S 1000 RR ที่ผ่านการปรับโฉมอีกครั้ง นอกจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ทั้งหมดนี้แล้ว เรายังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายที่จะนำแนวคิด ‘Retail Next’ เข้าไปเป็นหัวใจของโชว์รูมบีเอ็มดับเบิลยูทุกแห่งทั่วประเทศภายในสองปีข้างหน้า สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับ
    ความพึงพอใจของลูกค้าทั้งในด้านการขายและบริการ ผ่านความร่วมมือกับผู้จำหน่ายตลอดทั้งปี 2568″
    รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น เสริมรากฐานที่แข็งแกร่งให้อนาคตวงการยานยนต์ไทย

    ในปี 2567 ภารกิจการขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูดำเนินอย่างต่อเนื่องด้วยไลน์รถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 6 รุ่นในประเทศไทย หลังจากที่ได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู i5 และ iX2 เข้ามาเสริมทัพรุ่น iX3, i4, i7 และ iX ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่แล้ว โดยพุ่งขึ้นจาก 13.5% ในปี 2566 มาเป็น 22.6% ในปี 2567 และมีส่วนช่วยผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39.9% ส่วนการเปิดตัวมินิในเจเนอเรชันใหม่ New MINI Family ในปีที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของมินิไฟฟ้าโฉมใหม่ได้ ทั้งในรุ่นคูเปอร์ คันทรีแมน และ น้องใหม่ล่าสุดอย่างเอซแมน จึงทำให้ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของมินิเติบโตขึ้นกว่า 44% จากปีก่อนหน้า

    สำหรับตลาดไทย แฟน ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยู M ยังคงให้การต้อนรับรุ่นใหม่อย่างบีเอ็มดับเบิลยู M5 และ M4 CS อย่างอบอุ่น หลังจากที่เปิดตัวไปในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา และปี 2568 ก็จะตื่นเต้นเร้าใจ
    ยิ่งกว่าเดิม ด้วยรถยนต์ใหม่จากตระกูล M และ M Performance ที่จ่อคิวรอเปิดตัวเพิ่มเติมอีกตลอดปี

    สถิติและผลการดำเนินงานในตลาดไทยทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและตลาดที่มอบให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตลอดปี 2567 บริษัทได้พิสูจน์ถึงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการยอมรับสูงสุดโดยผู้บริโภคไทย ด้วยรางวัลจากเวที “Thailand’s Most Admired Company” สาขาอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยนิตยสาร BrandAge และรางวัลสาขาตลาดรถยนต์พรีเมียมจากเวที “No.1 Brand Thailand” โดยนิตยสาร Marketeer ส่วนในวงการยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS ก็ได้รับเลือกให้เป็นรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 และ i5 ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีและรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปีด้วยเช่นกัน เครือข่ายผู้จำหน่ายพร้อมต่อยอดประสบการณ์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และสานต่อการขยายแนวคิด ‘Retail Next’ ทั่วประเทศ ผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในปี 2567 เผยให้เห็นว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทำผลงานได้ดีขึ้นทั้งในด้านการขายและการบริการ ด้วยคะแนน Net Promoter Score (NPS) ด้านการขายที่ 95 คะแนน (เพิ่มขึ้น 1 คะแนนจากปี 2566) และด้านการบริการที่ 93 คะแนน (เพิ่มขึ้น 2 คะแนนจากปี 2566) โดยนับเป็นสถิติสูงสุดสำหรับทั้งสองด้าน

    ในปี 2568 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นในทุกจุดสัมผัส แนวคิด “Retail Next” ที่มุ่งเน้นการผสานนวัตกรรมดิจิทัลและงานออกแบบที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จะขยายตัวครอบคลุมโชว์รูมและศูนย์บริการกว้างขวางขึ้นในปีนี้ ภายใต้เป้าหมายที่จะเพิ่มอัตราส่วนของโชว์รูมแบบ Retail Next จาก 60% เป็น 100% ทั่วประเทศภายในสองปีข้างหน้า ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวโชว์รูม เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส อยุธยา ในช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วยพื้นที่โชว์รูมและศูนย์บริการรวม 8,800 ตารางเมตรที่ครบครันด้วยประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ และงานออกแบบที่สะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมของอยุธยา เพื่อตอบสนองต่อกระแสความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายด้วยการรับรองโชว์รูม “M Certified” เพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่

    ยุโรปา มอเตอร์ (สาขาสำนักงานใหญ่), อมร เพรสทีจ รังสิต และบาร์เซโลนา มอเตอร์ บางแค ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยูมีโชว์รูม M Certified พร้อมมอบประสบการณ์สุดตื่นตาตื่นใจในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู M ให้กับลูกค้าในกว่า 8 สาขาทั่วกรุงเทพฯ

    ทางด้านมินิ ก็เตรียมเดินเกมรุกต่อยอดความคึกคักจากปีที่ผ่านมา ด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายมินิอย่างเป็นทางการ ทั้งที่บาร์เซโลนา มอเตอร์ บางแค, เพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ราชพฤกษ์ และยุโรปา มอเตอร์ สำนักงานใหญ่ ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรแล้วเช่นกันด้วยการเปิดตัวโชว์รูมใหม่ของ
    โมโตกรุ๊ปในย่านพระราม 5 มินิเตรียมกลับสู่สายการผลิตในไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โรงงานและสายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง นับเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายสายการผลิตทั่วโลก ในปีนี้ โรงงานแห่งนี้จะได้ต้อนรับมินิ ในโอกาสที่มินิ คันทรีแมน รุ่นล่าสุด จะหวนคืนสู่สายการผลิตในประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้แฟน ๆ ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของมินิรุ่นใหญ่ตัวนี้กันได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การกลับมาของมินิยังทำให้โรงงานแห่งนี้เป็นสายการผลิตแห่งเดียวในโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่สามารถประกอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากทั้งแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมยกระดับบริการทางการเงินด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ต่อยอดความไว้วางใจของลูกค้า ท่ามกลาง ความท้าทายตลอดปี 2567

    บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ทำผลงานได้อย่างมั่นคงในปี 2567 ด้วยยอดลูกค้าใหม่ที่ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยท่ามกลางการหดตัวของตลาดรวมในประเทศไทย อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาเสริมประสบการณ์ให้กับลูกค้า สามารถสร้างเสียงตอบรับได้ดีไม่น้อย และส่งผลให้ครึ่งหนึ่งของลูกค้าใหม่ที่เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จากทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด วางใจในบริการทางการเงินของบริษัท ขณะที่ 1 ใน 3 รายก็เลือกจัดการข้อตกลงทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ myBMW / MINI Finance
    นอกจากนี้ ธุรกิจในกลุ่มประกันภัยรถยนต์และกลุ่มลูกค้าองค์กรล้วนทำผลงานได้ดีในปี 2567 ด้วยอัตราการเข้าถึงตลาดที่เพิ่มขึ้นเป็น 64% และ 68% ตามลำดับ

    คุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เรามีเป้าหมายที่จะยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า สอดคล้องกับทิศทางในภาพรวมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งเป็นผลให้ในปีที่แล้ว เราทำคะแนน Net Promoter Score ได้สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 78 คะแนน เรายังคงยกให้ลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการทำงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบีเอ็ม
    ดับเบิลยู มินิ หรือบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด คันใหม่อย่างง่ายดายและสบายใจที่สุดด้วยข้อเสนอทางการเงิน ของเรา หรือประสบการณ์พิเศษมากมายสำหรับลูกค้า เช่น การแข่งขัน BMW Golf Cup หรือกิจกรรม BMW Driving Experience ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2568 เราก็จะสานต่อภารกิจเหล่านี้ด้วยนวัตกรรมที่มี AI เป็นแรงขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และเข้าถึงบริการทางการเงินของเราได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก”

    ในปี 2567 บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้นำระบบอัตโนมัติแบบ Robotic Process Automation (RPA) เข้ามาใช้งานรวม 12 ระบบ ซึ่งส่งผลให้การอนุมัติสินเชื่อของลูกค้าราว 13% สามารถทำได้แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ขณะที่การแนะนำเทคโนโลยีลายเซ็นแบบดิจิทัลที่ปลอดภัยก็
    ทำให้ 36% ของสัญญาใหม่ในปีที่แล้วผ่านการเซ็นรับรองแบบดิจิทัล


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เบนท์ลีย์ แบงค็อก ร่วมกับ หอการค้าอังกฤษ – ไทย จัดแสดง Bentayga Hybrid กับเสน่ห์และความหรูหราแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษในงาน BCCT Life & Style Garden Party 2025

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก ร่วมกับ หอการค้าอังกฤษ – ไทย จัดแสดง Bentayga Hybrid กับเสน่ห์และความหรูหราแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษในงาน BCCT Life & Style Garden Party 2025

    (กรุงเทพฯ 17 กุมภาพันธ์ 2568) เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมกับ สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย (BCCT) จัดแสดง Bentley Bentayga Hybrid อัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V6 Hybrid สะท้อนเสน่ห์และความหรูหราในแบบฉบับยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษในงาน BCCT Life & Style Garden Party 2025 ณ สมาคมสโมสรอังกฤษ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    ในส่วนของการจัดแสดงยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษภายในงาน เบนท์ลีย์ แบงค็อก ได้นำเสนอ เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด (Bentley Bentayga Hybrid) อัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ ขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V6 Hybrid ในเฉดสีเทา “เอ็กซ์ตรีม ซิลเวอร์” (Extreme Silver) ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันเต็มเปี่ยมจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถเดินทางได้สูงสุดถึง 40 กิโลเมตรในโหมด EV พร้อมสัมผัสแห่งการขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบสงบ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเร้าใจในการขับขี่แบบออฟโรดจากขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินอันทรงสมรรถนะที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้นด้วยพละกำลังกว่า 443 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุด 247 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.9 วินาที พร้อมด้วยการออกแบบภายนอกและภายในห้องโดยสารที่เผยให้ถึงความประณีตและความละเอียดลออของงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์งานแบรนด์หรูจากเมืองผู้ดี จัดแสดงให้แขกผู้มีเกียรติในงานได้สัมผัสเสน่ห์และความหรูหราของอัครยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพิ่มสีสันและเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของงาน ดึงดูดความสนใจจากแขกผู้ร่วมงานได้จำนวนไม่น้อย โดยมี มร. เกร็ก วัตคินส์ (Greg Watkins) ผู้อำนวยการบริหาร หอการค้าอังกฤษ – ไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารให้เกียรติมาเยี่ยมชม และกล่าวขอบคุณสำหรับการร่วมงานในครั้งนี้

    สำหรับกิจกรรมภายในงานฯ แขกทุกท่านยังได้เพลิดเพลินกับเมนูอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติจากภัตตาคารและโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ สมาชิกสภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย (BCCT) ที่มาจัดบูทและรังสรรค์เมนูสุดพรีเมียมให้กับแขกผู้มีเกียรติได้ลิ้มลองท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่นเสมือนการพบปะสังสรรค์ภายในสวนที่ขับกล่อมด้วยดนตรีแจ๊สจากไลฟ์มิวสิคแบรนด์ในค่ำคืนสุดพิเศษ

    สำหรับการเปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น Bentayga Hybrid เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดกับราคาเริ่มต้นที่ 14.6 ล้านบาท พร้อมรับเอกสิทธิ์พิเศษที่เหนือกว่าด้วยการรับประกันมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี

    ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าชมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • โรยัล เอ็นฟีลด์ย้ำความเชื่อมั่น เผยโครงการส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อแก่ผู้ขับขี่ด้วยบริการหลังการขาย

    1 Min Read

    โรยัล เอ็นฟีลด์ย้ำความเชื่อมั่น เผยโครงการส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อแก่ผู้ขับขี่ด้วยบริการหลังการขาย

    โรยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250cc-750cc) เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านการบริการหลังการขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมทั้งริเริ่มโครงการใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ราบรื่นและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

    ล่าสุด Royal Enfield ได้เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ศูนย์ฝึกอบรม “POWERTRAIN” นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกอบรมเชิงเทคนิคในห้องเรียน โดยเน้นไปที่ทีมช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ รวมถึงที่ปรึกษาการบริการ ผู้จัดการฝ่ายบริการ ผู้จัดการรับประกันและอะไหล่ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด อีกทั้งยังมีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่ครบครันด้วยรถจักรยานยนต์รุ่นปัจจุบันและเครื่องยนต์เฉพาะรุ่นสำหรับการฝึกใช้งานจริง

    นอกจากการฝึกอบรมเชิงเทคนิคแล้ว ศูนย์ฝึกอบรม POWERTRAIN ยังมีระบบการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยในการฝึกอบรมออนไลน์และการสนับสนุนการประเมินรถตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันทั้งปี มากไปกว่านั้นศูนย์แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการฝึกอบรมด้านการขายและการตลาดให้กับดีลเลอร์และพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย

    ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติงานที่เป็นเลิศของโรยัล เอ็นฟีลด์ และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ โดยโรยัล เอ็นฟีลด์ได้จัดโครงการ Supersquad สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นการแข่งขันทักษะประจำปีในหมู่ช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ทั่วภูมิภาค เพื่อทดสอบความสามารถด้านเทคนิค การแก้ไขปัญหา และการประเมินสภาพรถ โดยมีช่างเทคนิคจำนวน 314 คนจาก 11 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน และผู้ชนะในแต่ละประเทศจะเข้าร่วมแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ศูนย์ฝึกอบรม POWERTRAIN ณ ประเทศไทย

    โครงการ Supersquad ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการยกระดับความสามารถทางเทคนิคและมาตรฐานการดำเนินงาน โดยการให้โอกาสแก่เหล่าช่างเทคนิคในการแสดงความเชี่ยวชาญของตน งานนี้ได้เสริมสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น และความภักดีในกลุ่มลูกค้าทั่วโลกของโรยัล เอ็นฟีลด์ นอกจากนี้ ผู้ชนะและรองชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลและของที่ระลึก เพื่อเฉลิมฉลองการมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์

    การแข่งขัน Supersquad 2025 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของโรยัล เอ็นฟีลด์ที่มุ่งมั่นในการเสริมพลังให้กับทีมงานบริการ และการกำหนดมาตรฐานใหม่ในความเป็นเลิศทางเทคนิค โดยการรวมผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภูมิภาคและส่งเสริมการเติบโตในวิชาชีพ กิจกรรมนี้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการมอบมาตรฐานการบริการที่ไม่มีใครเทียบได้

    โรยัล เอ็นฟีลด์ขอแสดงความยินดีแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน รวมถึงผู้ชนะและรองชนะเลิศสำหรับความสำเร็จอันยอดเยี่ยมใน Supersquad 2025 ความมุ่งมั่นและทักษะของพวกเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจและยกระดับตำนานความเป็นเลิศของโรยัล เอ็นฟีลด์

    Supersquad 2025 เป็นเวทีกำหนดมาตรฐานการบริการที่เป็นเลิศและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของโรยัล เอ็นฟีลด์ โดยส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด ช่วยเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้กับดีลเลอร์และผู้จัดจำหน่าย ส่งต่อความไว้วางใจและความพึงพอใจของลูกค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้เข้าร่วมยังได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการบริการขั้นสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างศักยภาพการบริการที่มีประสิทธิภาพ ยืนยันความเป็นผู้นำของโรยัล เอ็นฟีลด์ในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม

    โดยล่าสุด ช่างเทคนิคจากเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในระดับเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ช่างเทคนิคจากประเทศไทยได้รับรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ทั้งสองท่านจะเป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการแข่งขัน Supersquad 2025 ระดับโลกที่ประเทศอินเดียในอนาคต โครงการนี้มุ่งเน้นในการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ “First Time Right” และ “Reasonable Service Time” ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของโรยัล เอ็นฟีลด์ในการมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment