• Post Image

    ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ สัมผัสสมรรถนะเร้าใจทุกโค้ง บนเส้นทางสุดท้าทายกลางธรรมชาติที่เชียงใหม่

    1 Min Read

    T-Hybrid ใหม่: ขุมพลังไฮบริดน้ำหนักเบา ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ สัมผัสสมรรถนะเร้าใจทุกโค้ง บนเส้นทางสุดท้าทายกลางธรรมชาติที่เชียงใหม่

    ปอร์เช่ (Porsche) พลิกโฉมรถสปอร์ตระดับตำนาน 911 ครั้งใหญ่ ด้วยขุมพลังไฮบริดสมรรถนะสูง น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดผสานเทอร์โบไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอนรุ่นใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและทรงพลังยิ่งขึ้น

    ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ เชิญสื่อมวลชนและ KOL จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่บนเส้นทางภูเขาสุดท้าทายในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อถ่ายทอดความโดดเด่นของขุมพลังและการควบคุมที่เหนือชั้น

    นายไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า

    “เส้นทางบนภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทดสอบสมรรถนะของ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera โดยเราพัฒนาระบบไฮบริดที่เหมาะสมอย่างแท้จริงกับ 911 พร้อมนำเสนอแนวคิดการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยยกระดับสมรรถนะโดยรวมได้อย่างชัดเจน และในฐานะก้าวสำคัญของวิวัฒนาการ 911 รุ่นใหม่นี้ยังคงมอบทั้งสมรรถนะที่เหนือกว่า ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และถ่ายทอดจิตวิญญาณความเร้าใจในแบบฉบับปอร์เช่ไว้อย่างครบถ้วน สำหรับลูกค้าในประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน และความพิเศษ 911 GTS T-Hybrid คือคำตอบที่ลงตัว”

     

    แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง ปอร์เช่เผยโฉมระบบไฮบริดสมรรถนะสูงสุดล้ำ

    สำหรับ 911 Carrera GTS รุ่นใหม่ วิศวกรของปอร์เช่ได้นำองค์ความรู้จากสนามแข่งมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบ T-Hybrid รุ่นล่าสุด ซึ่งโดดเด่นด้วยน้ำหนักเบาและสมรรถนะอันทรงพลัง โดยติดตั้งเทอร์โบชาร์จไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ระหว่างใบพัดอัดอากาศ (compressor) และกังหันไอเสีย (turbine wheel) ช่วยเร่งการทำงานของเทอร์โบทันทีและสร้างแรงดันอากาศ (boost pressure) ได้แบบฉับไว นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าในเทอร์โบชาร์จยังทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) จากพลังงานความร้อนของไอเสีย ระบบเทอร์โบชาร์จแบบไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้เวสต์เกต (wastegate-free) นี้ ยังช่วยให้สามารถใช้เทอร์โบเพียงตัวเดียว แทนที่การใช้สองตัวในรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและเร้าใจยิ่งขึ้น

    ระบบขับเคลื่อนยังประกอบด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร ซึ่งติดตั้งรวมไว้ภายในเกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ (PDK) รุ่นใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้านี้สามารถให้แรงบิดเสริมสูงสุดถึง 150 นิวตันเมตร แม้ในขณะรอบเดินเบา และเพิ่มกำลังได้สูงสุดถึง 40 กิโลวัตต์ ปอร์เช่ (Porsche) เชื่อมต่อมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัวเข้ากับแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด โดยแบตเตอรี่นี้มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับแบตเตอรี่สตาร์ท 12 โวลต์แบบทั่วไป แต่สามารถกักเก็บพลังงานได้สูงสุดถึง 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ค่ารวม) และทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพน้ำหนักโดยรวมที่ดีที่สุด ปอร์เช่ (Porsche) จึงเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนน้ำหนักเบาสำหรับระบบไฟฟ้า 12 โวลต์ภายในรถอีกด้วย

    หัวใจของระบบขับเคลื่อน T-Hybrid คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.6 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ระบบไฟฟ้าแรงสูงช่วยให้คอมเพรสเซอร์แอร์สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สายพาน ส่งผลให้มีพื้นที่ในห้องเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจากชุดสายพานที่หายไป ทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งตัวแปลงกระแส (pulse inverter) และตัวแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC-DC converter)

    แม้ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้า เครื่องยนต์นี้ก็ให้กำลังสูงถึง 357 กิโลวัตต์ (485 แรงม้า) และแรงบิด 570 นิวตันเมตร เมื่อรวมกับระบบไฮบริด กำลังรวมของระบบจะเพิ่มเป็น 398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 45 กิโลวัตต์ (61 แรงม้า)

    ระบบไฮบริดสมรรถนะสูงนี้ให้การขับขี่ที่เร้าใจและคล่องตัว พร้อมช่วยลดการปล่อย CO2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถปลั๊กอินไฮบริดทั่วไป น้ำหนักเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น

    911 Carrera ยังคงใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบคู่ โดยเครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุม หนึ่งในจุดเด่นคือการนำอินเตอร์คูลเลอร์จากรุ่น Turbo มาใช้ ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรงท้ายเหนือเครื่องยนต์ ขณะที่เทอร์โบชาร์จใน 911 Carrera รุ่นใหม่นี้ เคยเป็นอุปกรณ์เฉพาะในรุ่น GTS ของเจเนอเรชันก่อนหน้า

    การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยให้ปอร์เช่ (Porsche) สามารถลดการปล่อยไอเสียลงพร้อมเพิ่มสมรรถนะ โดยให้กำลังสูงสุด 290 กิโลวัตต์ (394 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร 911 Carrera Coupé ใหม่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.1 วินาที (3.9 วินาทีเมื่อมาพร้อมชุด Sport Chrono) และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 294 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่าเดิม 0.1 วินาที และเพิ่มความเร็วสูงสุดอีก 1 กม./ชม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ช่วงล่างและแอโรไดนามิกส์แบบแอคทีฟที่ได้รับการปรับแต่ง

    ระบบช่วงล่างของ 911 Carrera GTS ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุม โดยในรุ่นนี้เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง (rear-axle steering) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง และลดรัศมีวงเลี้ยวให้แคบลง ปอร์เช่ (Porsche) ยังได้รวมระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูงของระบบไฮบริดสมรรถนะสูง ทำให้สามารถใช้ระบบควบคุมแบบอิเล็กโทร-ไฮดรอลิก ซึ่งช่วยให้การตอบสนองมีความยืดหยุ่นและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วงล่างแบบสปอร์ตที่มาพร้อมระบบควบคุมโช้คอัพแบบปรับระดับได้ (PASM) และความสูงจากพื้นลดลง 10 มิลลิเมตร ช่วยมอบฟีลลิ่งการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น GTS อย่างแท้จริง

    สำหรับ 911 รุ่นใหม่ มีดีไซน์ล้อให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ โดยมีขนาดให้เลือกเป็นแบบ 19/20 นิ้ว หรือ 20/21 นิ้ว ในรุ่น 911 Carrera GTS จะมาพร้อมล้อหลังขนาด 21 นิ้ว ความกว้าง 11.5 นิ้ว สวมยางขนาด 315/30 ZR 21 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนล้อหน้าใช้ขนาด 20 นิ้ว ความกว้าง 8.5 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/35 ZR 20 ร่องยางด้านหลังที่กว้างขึ้นนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านไดนามิกการขับขี่และการยึดเกาะถนนของ 911 Carrera GTS ใหม่ ได้อย่างยอดเยี่ยม

     

    ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น

    ปอร์เช่ (Porsche) ปรับดีไซน์ภายนอกของ 911 ใหม่ให้โฉบเฉี่ยวและลู่ลมยิ่งขึ้น ด้วยการอัปเกรดเส้นสายอย่างตรงจุด มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์และสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่เฉพาะแต่ละรุ่น ซึ่งไม่เพียงเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตและความทันสมัย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมทิศทางลมและช่วยระบายความร้อนของระบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เป็นครั้งแรกที่ ปอร์เช่ (Porsche) ที่ได้ รวมฟังก์ชันไฟทั้งหมดไว้ในไฟหน้า Matrix LED ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 911 รุ่นใหม่ โดยออกแบบให้มีกราฟิกสี่จุดอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้สามารถตัดไฟ Daylight แบบดั้งเดิมออกไป และเปิดพื้นที่บริเวณกันชนหน้าเพื่อรองรับช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ในรุ่น 911 Carrera GTS ใหม่ ปอร์เช่ติดตั้งช่องระบายอากาศด้านหน้าแบบแอคทีฟจำนวนห้าชิ้นในแนวตั้ง ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากภายนอก เสริมด้วยช่องระบายอากาศซ่อนสำหรับควบคุมการปิดเปิดของช่องบายพาสทั้งสองด้าน นับเป็นครั้งแรกในรถยนต์ 911 ที่มีการติดตั้งดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าแบบแอคทีฟใต้ท้องรถ ซึ่งทำงานร่วมกับระบบระบายอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ได้อย่างเหนือชั้น

    ระบบระบายอากาศดังกล่าวจะควบคุมทิศทางการไหลของอากาศให้เหมาะสมตามสถานการณ์การขับขี่ โดยในช่วงที่ไม่ต้องการใช้กำลังมาก ช่องระบายอากาศจะปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ ขณะที่ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังสูง เช่น การขับบนสนามแข่ง ระบบจะเปิดช่องระบายอากาศเพื่อส่งลมจำนวนมากเข้าสู่หม้อน้ำเพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ไว้อย่างกลมกลืนใต้แผ่นป้ายทะเบียนหน้า

    นอกจากนี้ ปอร์เช่ (Porsche) ยังมีตัวเลือกไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ที่มีความละเอียดมากกว่า 32,000 Pixel ไฟสูงประสิทธิภาพสูงนี้สามารถส่องสว่างถนนได้ไกลกว่า 600 เมตร และมาพร้อมฟังก์ชันเสริมล้ำสมัย เช่น ไฟเลี้ยวแบบไดนามิกตามโหมดการขับขี่ ไฟส่องสว่างช่องทางเดินรถ ไฟสำหรับพื้นที่ก่อสร้างและจุดแคบ รวมถึงไฟสูงที่ไม่ทำให้รถคันอื่นตาพร่า ที่มีความแม่นยำระดับพิกเซล

    ด้านท้ายของ 911 ใหม่โดดเด่นด้วยแถบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ทรงโค้ง (arc) พร้อมโลโก้ ‘PORSCHE’ ที่ช่วยเสริมมิติความกว้างและความลึกให้ตัวรถอย่างชัดเจน กระจังหลังออกแบบใหม่ด้วยครีบแนวตั้งห้าชิ้นต่อด้าน เชื่อมต่อกับกระจกหลังอย่างกลมกลืน ไล่สายตาลงสู่สปอยเลอร์แบบพับเก็บได้ด้านล่าง โดยตำแหน่งป้ายทะเบียนถูกยกให้สูงขึ้นเพื่อเน้นความชัดเจนของกันชนหลังซึ่งมาในดีไซน์ใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ท่อไอเสียแบบเฉพาะรุ่นได้รับการออกแบบให้ผสานเข้ากับครีบดิฟฟิวเซอร์อย่างลงตัว โดยรุ่น 911 Carrera จะมีระบบท่อไอเสียสปอร์ตให้เลือกเป็นออปชัน ขณะที่รุ่น 911 Carrera GTS ติดตั้งระบบท่อไอเสียสปอร์ตเฉพาะรุ่น GTS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

     

    ห้องโดยสารดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมการเชื่อมต่อที่ทันสมัย

    ในรุ่นตัวถังคูเป้ (Coupé) ปอร์เช่ (Porsche) ได้ออกแบบห้องโดยสารของ 911 ใหม่ให้เป็นแบบสองที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยสามารถเลือกแบบที่นั่ง 2+2 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    ภายในห้องโดยสารปอร์เช่ (Porsche)  ผสานเอกลักษณ์การออกแบบอันเป็นดีเอ็นเอของ 911 เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยใช้แนวคิด Porsche Driver Experience ซึ่งจะเน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง และสามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ องค์ประกอบควบคุมที่สำคัญต่างๆ ถูกจัดวางไว้บนหรือรอบๆ พวงมาลัยโดยตรง ซึ่งรวมถึงสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ (Driving Mode Switch) ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คันควบคุมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และที่เป็นครั้งแรกใน 911 ที่ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ที่อยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัย

    ในช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางของ 911 รุ่นใหม่ มีช่องเก็บสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบระบายความร้อน และฟังก์ชันชาร์จแบบไร้สาย (Inductive Charging)

    และเป็นครั้งแรกของ 911 ที่มีการติดตั้งชุดหน้าปัดแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยจอแสดงผลแบบโค้งขนาด 12.6 นิ้วนี้ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับการแสดงผลรูปแบบใหม่อย่างลงตัว และสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้หลากหลายตามต้องการ โดยมีให้เลือกมากถึง 7 รูปแบบ รวมถึงโหมด Classic สุดพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากหน้าปัดทรงห้าหลอดอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่  (Porsche)

    ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ยังคงควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.9 นิ้วที่บริเวณกึ่งกลางคอนโซล อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ยังได้รับการปรับปรุงให้ผู้ขับสามารถปรับตั้งโหมดการขับขี่ และใช้งานระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างง่ายดายและยืดหยุ่นมากขึ้น

    นอกจากนี้ Apple CarPlay® ยังผสานเข้ากับตัวรถได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยสามารถแสดงข้อมูลผ่านหน้าปัดดิจิทัล และควบคุมฟังก์ชันบางอย่างของรถได้โดยตรงภายในระบบ Apple® เช่น การสั่งงานผ่านผู้ช่วยเสียง Siri®

    สื่อมวลชนทั่วอาเซียน ร่วมการทดสอบขับปอร์เช่ 911 GTS และ 911 Carrera โฉมใหม่ ที่จังหวัดเชียงใหม่

    กิจกรรมทดสอบสมรรถนะ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ โดยมีสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม พร้อมงานแถลงข่าวเปิดตัวในบรรยากาศสบาย ๆ ท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมภาคเหนือ ทั้งสองรุ่นถูกนำเสนอในฐานะรถสปอร์ตที่รวมสมรรถนะอันทรงพลังเข้ากับความแม่นยำในการควบคุมได้อย่างลงตัว ก่อนจะเข้าสู่ช่วงทดลองขับบนเส้นทางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทดสอบขีดความสามารถของรถอย่างแท้จริง

    ทันทีที่ขบวนรถออกจากตัวเมือง เครื่องยนต์ก็ดังขึ้นพร้อมกัน มุ่งหน้าสู่เส้นทางชนบทและเส้นทางขึ้นภูเขาไปยังสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เส้นทางทดสอบผสมผสานทั้งทางตรง วิวธรรมชาติ และโค้งท้าทาย เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้สัมผัสสมรรถนะด้านการควบคุมและการยึดเกาะถนนของรถสปอร์ตทั้งสองรุ่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    จากนั้น ขบวนรถมุ่งหน้าสู่จันตราคีรี รีสอร์ทหรูบนยอดเขาเหนือระดับเมฆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของธรรมชาติ โดยผู้ร่วมกิจกรรมได้สัมผัสช่วงเวลาผ่อนคลายพร้อมมื้อกลางวันสุดพิเศษ ก่อนออกเดินทางต่อสู่จังหวัดลำพูน ปลายทางสุดคลาสสิกที่อบอวลด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรม แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบวัดเก่าแก่สีอิฐที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสวนเมืองลำพูน เป็นบทสรุปของเส้นทางการขับขี่ที่ผสานความเร้าใจเข้ากับความงดงามได้อย่างกลมกลืน

    ปอร์เช่ 911 ทั้งสองรุ่นที่ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญนี้ ไม่เพียงสะท้อนความเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะเยี่ยม แต่ยังพิสูจน์บทบาทของยนตรกรรมคู่ใจสำหรับการเดินทางบนเส้นทางที่ทั้งงดงามและท้าทายที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

    พร้อมเปิดจองแล้วในประเทศไทย

    911 Carrera รุ่นใหม่สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ในตัวถังแบบคูเป้ และคาบริโอเลต สำหรับ 911 Carrera GTS มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และตัวถังแบบทาร์กา (Targa) ซึ่งมีให้เฉพาะในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ Porsche Doppelkupplung (PDK) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

    ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่าย 911 Carrera รุ่นใหม่ ตัวถังคูเป้ เริ่มต้นที่ราคา 12.69 ล้านบาท ส่วนรุ่น 911 Carrera GTS คูเป้ เริ่มต้นที่ราคา 17.79 ล้านบาท


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “blueplus+ App” แอปพลิเคชันโฉมใหม่ เชื่อมทุกแบรนด์ในเครือ OR สู่ประสบการณ์ดิจิทัลที่ “ใช้ง่าย ตรงใจ ใช้ได้ทุกวัน”

    1 Min Read

    blueplus+ App” แอปพลิเคชันโฉมใหม่ เชื่อมทุกแบรนด์ในเครือ OR สู่ประสบการณ์ดิจิทัลที่ “ใช้ง่าย ตรงใจ ใช้ได้ทุกวัน”

    เมื่อการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลเปลี่ยนไปทุกวัน OR พร้อมขยับตามอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชัน blueplus+ โฉมใหม่ล่าสุด ใช้ง่าย ตรงใจ และใช้ได้ทุกวัน พร้อมยกระดับประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าสะดวก ง่าย และคุ้มค่ากว่าเคย เปลี่ยนภาพแอปสะสมแต้มทั่วไป ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่รวมไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ทุกกลุ่มไว้ในแอปเดียว พร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อ OR’s Ecosystem อย่างแท้จริง

    blueplus+ “ศูนย์กลางดิจิทัล” ของทุกแบรนด์ในเครือ OR ไม่ว่าจะเป็น PTT Station, Café Amazon, FIT Auto และบริการอื่น ๆ ที่เชื่อมเข้าหากันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งการสะสมแต้ม การใช้สิทธิพิเศษ การจองบริการ และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่รวมไว้ภายใต้แอปเดียว ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ใช้งานง่ายกว่าเดิม อินเทอร์เฟซทันสมัย สีสันสดใส และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความคุ้ม ผู้ใช้งานสามารถสนุกกับการสะสมและเช็กคะแนนจากทุกการใช้จ่าย พร้อมแลกคะแนนเป็นส่วนลดได้แบบเรียลไทม์ และซื้อคูปองส่วนลดร้านค้าแบรนด์ดัง อาทิ McDonald’s, Major Cineplex, Pacamara รวมถึงแลกรับของรางวัลและสิทธิพิเศษมากมายตามระดับสมาชิกก็จัดไว้ให้ครบ อีกทั้งการชำระเงินผ่าน blueplus+ wallet ที่สะสมแต้มได้ทันที

    ไม่เพียงเท่านั้น blueplus+ ยังเพิ่มลูกเล่นที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วมมากขึ้น ด้วยระบบอัปเกรดระดับสมาชิก, ภารกิจ, Milestone Rewards รวมถึงเมนูใหม่แยกตามแบรนด์ ที่ออกแบบมาให้ตรงใจลูกค้าของแต่ละแบรนด์โดยเฉพาะ และเพื่อให้แบรนด์ในเครือ OR เชื่อมโยงกันอย่างมีเอกลักษณ์ ได้นำ Mascot ขวัญใจอย่าง Godji, Baby Zon Zon และ “น้อนพลัส” มาช่วยเสริมความสดใสให้กับแพลตฟอร์ม และพิเศษสุด ฟีเจอร์ใหม่! Café Amazon Rewards รับคะแนนระดับสมาชิกจากทุกการซื้อ Café Amazon เริ่มสะสมเพื่อเลื่อนระดับ Green/Gold/Platinum และรับรางวัลพิเศษเมื่อเลื่อนระดับ พร้อมฟีเจอร์ PTT Station ที่สามารถตรวจสอบราคาน้ำมันล่าสุด และค้นหา พีทีที สเตชั่น ใกล้คุณ ทั้งยังเลือกซื้อคูปองส่วนลดน้ำมันได้จากในแอปโดยตรงอีกด้วย

    แม้จะเป็นแอปใหม่ แต่ผู้ใช้งานเดิมของแอปพลิเคชัน xplORe ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถอัปเดตเป็น แอปพลิเคชัน blueplus+ ได้ทันทีโดยไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ สำหรับใครที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีแล้ววันนี้ ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมรับสิทธิประโยชน์พิเศษต้อนรับการเปิดตัวภายใต้แคมเปญ “สมัครง่าย ได้ 3 ต่อ” ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 รับความคุ้ม 3 ต่อ สูงสุด 200 คะแนน + เงินคืน 50 บาท

    • ต่อที่ 1: สมัคร blueplus+ รับทันที 100 คะแนน
    • ต่อที่ 2: ดาวน์โหลดและล็อกอินแอป blueplus+ ครั้งแรก รับเพิ่มอีก 100 คะแนน
    • ต่อที่ 3: จ่ายผ่าน blueplus+ wallet รับเงินคืน 50 บาท เมื่อใช้จ่าย 100 บาทขึ้นไปที่ร้านค้าในเครือ OR

    แอปพลิเคชัน blueplus+ ใช้ง่าย ตรงใจ ใช้ได้ทุกวัน พร้อมเปลี่ยนวันธรรมดาให้คุ้มค่ากว่าเดิม โหลดเลยตอนนี้ ที่ App Store และ Google Play (https://blueplusapp.onelink.me/Zvvl/download)

    #blueplus+ #PlusTogether #พลัสความสุขไปด้วยกัน #แอปบลูพลัส #ใช้ง่ายตรงใจใช้ได้ทุกวัน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวที่มาพร้อมเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ใหม่ มอบความแตกต่างอย่างมีสไตล์

    2 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวที่มาพร้อมเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ใหม่ มอบความแตกต่างอย่างมีสไตล์

    บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พร้อมนำนักขับทั่วเมืองออกเดินทางสู่ประสบการณ์ใหม่ กับการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2 รุ่นที่พร้อมตอบสนองจังหวะชีวิตที่หลากหลาย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport
    ครั้งแรกในประเทศไทยของ SAV ไฟฟ้ารุ่นฐานล้อยาว ที่ครบครันทั้งสไตล์และประโยชน์ใช้สอยในรูปลักษณ์สดใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro รุ่นล่าสุดของตระกูลซีรีส์ 2 ที่เปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์เฉพาะตัวในสไตล์สปอร์ต พร้อมยกระดับทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีแบบรอบคัน

    มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า “ประสบการณ์การขับขี่ในเมืองยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตามทั้งจังหวะชีวิตของผู้คน การพัฒนาและเติบโตของตัวเมือง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น แน่นอนว่าบีเอ็มดับเบิลยูยังคงพัฒนายานยนต์ของเราให้ก้าวล้ำนำหน้าความคาดหวังของลูกค้าในทุกโอกาส ในวันนี้ เราพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ในประเทศไทย ด้วยรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่เหนือกว่า ทั้งประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวจะสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยความนุ่มสบายที่เหนือกว่าและพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่มากกว่า ควบคู่ไปกับการขับขี่ในระบบไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกใหม่ในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากว่า 13 รุ่น ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด”

    บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่
    ราคา:
    2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

    บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ยกระดับการขับขี่สู่ระบบไฟฟ้าล้วน ด้วยดีไซน์ที่ได้รับการปรับแต่งต่างจากบีเอ็มดับเบิลยู X1 ในรุ่นมาตรฐาน และยังเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยตัวรถที่ยาวขึ้นเป็น 4,616 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 2,800 มิลลิเมตร หรือเท่ากับตัวรถยาวกว่า X1 รุ่นมาตรฐาน 116 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 110 มิลลิเมตร ขนาดตัวรถที่เพิ่มขึ้นนี้ ผสมผสานกับบุคลิกที่บึกบึนและแข็งแกร่งในแบบของ SAV ได้อย่างลงตัว ทั้งยังโดดเด่นเตะตากว่าที่เคยด้วยกระจังหน้าแบบปิดโฉมใหม่ในทรงสามมิติ เข้าชุดกับไฟหน้า Adaptive LED ที่ทอดยาวไปยังด้านข้างของตัวรถ ส่วนเส้นสายด้านข้างตัวถัง ให้อารมณ์ความสปอร์ตและดุดันตลอดคัน ก่อนเติมความหรูด้วยชุดแต่ง M Sport ที่รวมถึงส่วนกรอบหน้าต่าง high-gloss Shadowline ที่เงาวับจับสายตาได้ไม่แพ้ราวหลังคาอลูมิเนียมผิวด้านที่ทอดยาวอยู่ด้านบน และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในดีไซน์ Double-spoke Bicolour

    ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ จึงมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ทั้งจากพื้นที่ที่กว้างขึ้น 81 มิลลิเมตรสำหรับการวางขา และ 107 มิลลิเมตรที่ระดับเข่า สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง รวมถึงตัวเบาะหลังที่บุโฟมนุ่มขึ้น พร้อมขยายความกว้างของตัวเบาะขึ้น 15 มิลลิเมตร ยกระดับความสบายในการนั่งได้ยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบช่วงล่างก็ผ่านการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายบนทุกเส้นทาง เบาะหลังของ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ ยังคงแบ่งสัดส่วนเป็น 3 ตอนแบบ 40:20:40 เช่นเดิม และสามารถพับลงได้เพื่อขยายพื้นที่เก็บสัมภาระจาก 490 ลิตรเป็น 1,600 ลิตร ระบบ Comfort Access 2.0 ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยการปลดล็อกรถเมื่อเจ้าของรถเดินเข้ามาใกล้ และล็อกรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างตัวรถ เช่นเดียวกับระบบ BMW Digital Key Plus ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ และปลดล็อกรถอัตโนมัติได้เพียงนำสมาร์ทโฟนเข้ามาใกล้ ส่วนหลังคากระจก Panorama Glass Roof ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์นี้ ก็เติมบรรยากาศให้ห้องโดยสารยิ่งรู้สึกโปร่งและโอ่อ่าขึ้นไปอีก

    ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ เอาใจผู้ขับขี่ไม่แพ้ผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครันจากแพ็คเกจ Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus (รวมระบบกล้องมองรอบคัน Surround View) พร้อมรองรับการอัปเกรดสู่ Parking Assistant Professional ที่เพิ่มความสามารถในการควบคุมการจอดรถได้ผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และสามารถจดจำรูปแบบการจอดรถอัตโนมัติได้ถึง 10 แบบ รวมระยะทาง 600 เมตร พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเลือกซื่อเพิ่มเติมได้ผ่าน BMW Connected Drive Store นอกจากนี้ iX1 eDrive20L M Sport ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานควบคุมได้ผ่านหน้าจอ Control Display ขนาด 10.7 นิ้ว พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วและ BMW Head-Up Display พร้อมป้อนข้อมูลสำคัญให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบโดยไม่ต้องละสายตาจากเส้นทางข้างหน้า ส่วนชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์จาก Harman Kardon พร้อมเติมความรื่นรมย์ให้กับทุกขณะของการเดินทาง

    ระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าล้วน เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 เป็นหัวใจที่ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ให้โลดแล่นบนท้องถนนด้วยการตอบสนองที่ฉับไวในทุกจังหวะ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลัง 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ช่วยให้ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาทีในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยขณะขับขี่ ฟังก์ชัน BMW IconicSounds Electric สร้างเสียงเครื่องยนต์แบบจำลองที่ตอบสนองกับทุกการควบคุม ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 66.5 kWh มอบพลังงานไฟฟ้าเพียงพอสำหรับการขับขี่เป็นระยะทางสูงสุด 402-433 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ทั้งยังรองรับการชาร์จระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟสูงสุด 130 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 32 นาที และเมื่อชาร์จไฟในระบบกระแสสลับ (AC) iX1 รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี AC Charging Plus ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 กิโลวัตต์ ให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 45 นาที ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 ใหม่ ยังสามารถเลือกชาร์จรถจากเครือข่ายสถานีชาร์จ BMW Charging Station ทั้งยังได้รับส่วนลด 20% เมื่อเติมเงินค่าชาร์จในแอป EVolt

    บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ในสีดำ Carbon Black Metallic, ขาว Mineral White Metallic และเทา Skyscraper Grey Metallic โดยทั้งสามสีมาพร้อมกับห้องโดยสารที่หุ้มเบาะด้วยวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศในสีน้ำตาล Mocha

    บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่
    ราคา: 2,199,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)

    บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé กลับมาอีกครั้งพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุดในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่ยกระดับทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีแบบรอบด้าน เตรียมเติมสีสันให้คุณได้เพลินไปกับ
    การเดินทางในทุกวัน

    บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงเปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลซีรีส์ 2 สวยสะดุดตาตั้งแต่หัวจรดท้าย เริ่มจากกระจังหน้าที่กว้างขึ้น และยังติดตั้งระบบไฟ BMW Iconic Glow มาเป็นครั้งแรกในซีรีส์ 2 เพื่อขับเน้นรูปทรงของกระจังหน้าให้สวยเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้าแบบ Adaptive LED มาในทรงทอดยาวออกด้านข้าง ช่วยดึงดูดสายตาไปยังทรวดทรงสไตล์สปอร์ตเต็มขั้นของตัวรถ ซึ่งผสมหลังคาทรงโค้งแบบรถคูเป้เข้ากับห้องโดยสารแบบ 4 ประตูในแบบรถซีดาน ชุดแต่ง M Sport Pro ยิ่งขับเน้นความโฉบเฉี่ยวของบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ด้วยชุดโคมไฟหน้า M Lights Shadowline และกรอบหน้าต่างแบบเรียบหรู M high-gloss Shadowline สอดรับกับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ Y-spoke Bicolour พร้อมคาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงาแบบ 4 ลูกสูบ

    ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงมาพร้อมกับหลังคากระจก Panorama Glass Roof เช่นเดียวกับซีรีส์ 2 Gran Coupé รุ่นก่อนหน้า แต่ได้รับการปรับโฉมแบบรอบด้านในส่วนอื่น นับตั้งแต่เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยวัสดุ Veganza ชุดแต่งภายในแบบ Illuminated ในโทนสีเทา-ดำ Aluminium Graphite ที่มาพร้อมไฟแต่งห้องโดยสารในตัว และตะเข็บบนพื้นผิวต่างๆ ในห้องโดยสารที่ใช้ด้ายสีแดง น้ำเงิน ขาว อันเป็นสีประจำตัวของบีเอ็มดับเบิลยู M ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของตัวรถได้ครบครัน ผ่านชุดอุปกรณ์ BMW Live Cockpit Professional ที่รวมถึงการแสดงข้อมูลสำคัญบนหน้าจอ BMW Head-Up Display ให้ไม่ต้องละสายตาจากถนนด้านหน้า บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังมีระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน จึงสามารถควบคุมและตั้งค่าตัวรถได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมให้เรียกใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอย่าง Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus ในพริบตา ขณะที่ฟังก์ชัน BMW Digital Key Plus อำนวยความสะดวกด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้เป็นกุญแจรถ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผ่านโทรศัพท์มือถือ Samsung นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้ออัปเกรดเพิ่มเติมผ่านทางระบบ BMW ConnectedDrive ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน Remote Engine Start สำหรับสตาร์ทเครื่องล่วงหน้าก่อนเดินถึงตัวรถด้วยสมาร์ทโฟน และชุดฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมายในแพ็คเกจเสริม BMW Digital Premium

    บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีขุมพลังที่ยกระดับสมรรถนะเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ที่มอบพละกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่รอบเครื่อง 1,450-4,500 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์ Steptronic คลัตช์คู่แบบ 7 สปีดอย่างลงตัว จึงทำให้ซีรีส์ 2 รุ่นใหม่เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที หากต้องการเพิ่มความแรงขึ้นไปอีกขั้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน M Sport Boost ได้จากแป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย เพื่อเพิ่มแรงบิดสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกสำหรับการออกตัวที่ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น ส่วนช่วงล่างแบบ Adaptive M ก็สามารถปรับตัวรับแรงกระแทกที่แตกต่างกันตามความถี่การสั่นสะเทือนของตัวรถ จึงช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู 220 M Sport Pro ใหม่ ตอบโจทย์ทั้งในด้านความคล่องตัวและความนุ่มสบายขณะขับขี่

    บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีให้เลือกจับจองได้ใน 4 สี ได้แก่ ดำ Black Sapphire Metallic, ขาว Alpine White Solid, เทา Brooklyn Grey Metallic (จับคู่กับเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีแดง Coral Red ตัดดำ) และน้ำเงิน Portimao Blue Metallic (พร้อมเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีดำล้วน)

    การปรับราคาใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิบางรุ่น

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศปรับราคารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรุ่นต่างๆ ในกลุ่มคอมแพ็คคลาส โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

    รุ่นรถยนต์ ราคาใหม่พร้อมแพ็คเกจ
    BSI/MSI Standard (บาท)
    สิทธิประโยชน์จากแพ็คเกจ BSI/MSI Standard
    MINI Countryman S ALL4 – Hightrim 2,499,000 ·          บริการดูแลบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.·          การรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

    ·          การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่เป็นระยะเวลาสูงสุด 5 ปี

    บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport 2,399,000

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มาสด้าแนะนำ NEW MAZDA CX-3 ESSENTIAL เอสยูวีคันแรกที่ใช่ ใส่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน ราคาสุดคุ้มไม่ถึง 7 แสน

    2 Min Read

    มาสด้าแนะนำ NEW MAZDA CX-3 ESSENTIAL เอสยูวีคันแรกที่ใช่ ใส่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน ราคาสุดคุ้มไม่ถึง 7 แสน

    มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง เปิดตัวแนะนำ New Mazda CX-3 Essential พร้อมคอนเซ็ปต์ “The First SUV that Feels Right เอสยูวีคันแรกที่ใช่” รถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มีความคุ้มค่าเหนือราคาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตลาด ยังคงรักษาคุณภาพระดับพรีเมี่ยมไว้เต็มคัน ให้อุปกรณ์ครบทุกอย่างที่คุณต้องการ มาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ สะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะตัวด้วยเส้นสายที่เรียบหรูสง่างามทุกมุมมอง แฝงด้วยความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ตามแนวคิด Kodo: Soul of Motion โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน ครบครันด้วยฟังก์ชั่นความปลอดภัยเต็มคัน และความสะดวกสบายที่ลูกค้ามองหาในรถเอสยูวีรุ่นเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ก.ค. 68 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

    นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของมาสด้าในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ รถในกลุ่มครอสโอเวอร์เอสยูวีมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม CX-Series ของมาสด้าที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น อาทิ มาสด้า CX-8 มียอดขาย 102 คัน มาสด้า CX-30 มียอดขาย 429 คัน มาสด้า CX-5 มียอดขาย 329 คัน เติบโตสูงถึง 200% และมาสด้า CX-3 เมื่อปีที่ผ่านมาตลอดทั้งปีมียอดขาย 883 คัน แต่ในปีนี้ผ่านมาเพียง 6 เดือน มาสด้า CX-3 มียอดขายสูงถึง 821 คัน มีอัตราการเติบโตสูงถึง 70% และยังคงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบความอเนกประสงค์ของรถเอสยูวี และสไตล์การขับขี่ที่สนุกสนานตามปรัชญาของแบรนด์มาสด้า ดังนั้น การเปิดตัวมาสด้า CX-3 รุ่นใหม่ ในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญทางด้านผลิตภัณฑ์ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้า และช่วยผลักดันยอดจำหน่ายให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้

    การปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้ เพื่อให้ New Mazda CX-3 Essential มีความสดใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมแนวคิด “The First SUV that Feels Right เอสยูวีคันแรกที่ใช่” เพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์มาสด้าในกลุ่ม ESSENTIAL ที่มีความคุ้มค่าเหนือราคา คุณภาพระดับพรีเมี่ยม อัดแน่นด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น วางภาพลักษณ์กลุ่มเป้าหมายหลักที่มีอายุ 25-39 ปี เป็นกลุ่มที่เริ่มต้นทำงานจนไปถึงผู้บริหารระดับกลาง และกำลังมองหารถเอสยูวีคันแรกหรือซื้อเพิ่มเป็นคันที่สองของครอบครัว ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายไร้ขีดจำกัด มีแนวคิดที่สะท้อนพฤติกรรมการใช้จ่ายที่คุ้มค่า คือ “เลือกลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” ดังนั้น รถรุ่นนี้จึงได้รับการปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งด้านดีไซน์ที่หรูหราพรีเมี่ยม สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัยเต็มคัน ในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุดในตลาด รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    New Mazda CX-3 Essential โดดเด่นที่สุดในด้านสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลัง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ผนวกกับเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด พร้อมระบบแมนนวลโหมด Activematic ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่แต่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมที่ 16.4 กม./ลิตร นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้า ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำ สมดุล เพิ่มความสบายและความปลอดภัยของห้องโดยสารทุกตำแหน่ง มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้ทั้งความสะดวกสบายในการใช้งานที่คุ้มค่าสำหรับรถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรก

    อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วย SKYACTIV Technology ประกอบด้วย

    SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS อีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟใน New Mazda CX-3 Essential ที่ผสานและควบคุมการทํางานของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ไปจนถึงช่วงล่าง ให้ทํางานประสานกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกในการขับขี่ ตามปรัชญา จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ของมาสด้า ที่ไม่ใช่เพียงให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงความรู้สึกสบายเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

    SKYACTIV-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ระบบจ่ายเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น เครื่องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์ ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้อัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 14.0:1 ให้กำลังแรงม้าสูงถึง 156 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 204 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 16.4 กม./ลิตร* รองรับน้ำมันเบนซินได้สูงสุดถึง E85

    SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ พร้อมแมนนวลโหมด Activematic จุดเด่นสำคัญคือการรวมเอาทุกข้อดีของเกียร์อัตโนมัติจากทุกระบบเข้ามาไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว

    SKYACTIV-BODY โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง ปลอดภัย และให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน รวมทั้งกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง

    SKYACTIV-CHASSIS ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟอันเลื่องชื่อของมาสด้า เป็นระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง แน่นหนึบทุกการเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยํา ทั้งปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

    DRIVE SELECTION สวิตช์ Drive Selection สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ได้ เมื่อต้องการเร่งแซง หรือต้องการอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ให้ความสนุกเร้าใจเสมือนขับเกียร์ธรรมดา

    New Mazda CX-3 Essential เป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่จะมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างไม่รู้จบ โดยมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาอย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA รวมไปถึงกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง (Back Monitor) เป็นต้น โดยมาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในแบบเอสยูวีของลูกค้า โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต ฟังก์ชั่นครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ประกอบด้วย

    • รุ่น PRIME คุ้มสุด กับทางเลือกที่ใช่ คุ้มค่าเหนือราคากับรุ่นเริ่มต้น ราคาจำหน่าย 699,000 บาท

    ขับสนุกเร้าใจกับความแรงเหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้อัตราเร่ง และการตอบสนองดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบฮาโลเจน กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ กระจังหน้าสีเงิน วัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำ ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ GVC (G-Vectoring Control) ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา เบาะนั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง มาพร้อมหน้าจอ Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android AutoTM ลำโพง 6 ตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

    • รุ่น ULTRA สบายสุด มั่นใจไปกับอีกขั้นกับทางเลือกที่ใช่ ราคาจำหน่าย 759,000 บาท

    อีกทางเลือกของความสะดวกสบาย ที่มอบความเพลิดเพลินให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทางด้วยระบบ Infotainment ครบครัน มอบความสะดวกด้วยระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) ตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสีเทาเข้ม และเบาะนั่งหุ้มหนังและผ้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ ตกแต่งด้วยสีเงินซาติน เพิ่มความสบายให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งด้วยพนักวางแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มากขึ้นกับระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มอบความอุ่นใจไปตลอดการเดินทาง

    • รุ่น ULTRA PLUS สบายสุด พร้อมฟังก์ชั่นที่สะดวกไปอีกขั้น ราคาจำหน่าย 829,000 บาท

    มอบความสบายด้วยฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับทุกมิติของชีวิต มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED Signature ซุ้มล้อสีดำเงา คิ้วตกแต่งกันชนหน้าและแผงกันกระแทกด้านข้างสีเงิน ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านนิรภัย ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (DRL) แบบ LED Signature ภายในสบายไปอีกขั้นด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เพิ่มเติมด้วยฟังก์ชั่นเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) เป็นต้น ทั้งยังมอบความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดผ่านระบบ Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM แสดงผลผ่านหน้าจอสีแบบทัชสกรีน Center Display ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander

    • รุ่น SIGNATURE พร้อมสุด ทุกฟังก์ชั่นและสไตล์ที่ใช่ ราคาจำหน่าย 899,000 บาท

    ครบครันทุกฟังก์ชั่นและการดีไซน์สไตล์สปอร์ต ด้วยกระจังหน้า กระจกมองข้าง และหลังคาสีดำ พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift) ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาและฟังก์ชั่นตรวจจับน้ำฝนอัตโนมัติ ภายในสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังสีฟ้าเทา ตกแต่งด้วยด้ายสีคอปเปอร์ เบาะหนังสีดำและผ้า Grand Luxe Suede® กรอบช่องแอร์สีคอปเปอร์ นอกจากนิ้ ยังครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่สะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และระบบบันทึกตำแหน่งคนขับ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) และระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ (HBC) เป็นต้น

    นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี i-Activsense มากถึง 9 ระบบ ได้แก่

    • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
    • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
    • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
    • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
    • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support)
    • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ แบบ Stop & Go (MRCC with Stop & Go)
    • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support Reverse)

    สำหรับสีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย

    • สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
    • สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
    • สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
    • สีแดง โซลเรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
    • สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
    • สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
    • สีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)

    *สำหรับรุ่น SIGNATURE มาพร้อมกับหลังคาดำ ซึ่งมีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) สีแดง โซลเรด คริสตัล (Soul Red Crystal) สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) และสีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)

    สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3 Essential สามารถชมรถคันจริงพร้อมจับจองเป็นเจ้าของได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ด้วยราคาเริ่มต้นที่เป็นเจ้าของใด้ง่าย 699,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 และมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ก.ค. 68 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • โคเวสโตร จับมือ คาทูน นาที ร่วมลดการปล่อยคาร์บอนด้วยรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า

    1 Min Read

    โคเวสโตร จับมือ คาทูน นาที ร่วมลดการปล่อยคาร์บอนด้วยรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า

    โคเวสโตร (Covestro) ร่วมกับ คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (Katoen Natie Services) ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านโครงการความร่วมมือในการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในระบบโลจิสติกส์ในประเทศไทย

    โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือในโครงการริเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในกระบวนการขนส่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของบริษัท โดยในระยะแรกของโครงการนี้ จะมีการเปลี่ยนจากรถบรรทุกดีเซลเป็นรถบรรทุกไฟฟ้าจำนวน 5 คัน สำหรับการขนส่งระหว่างศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด และคลังสินค้าของคาทูนนาที ในจังหวัดระยอง ส่งผลให้ศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด กลายเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโคเวสโตรที่นำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งเม็ดพลาสติกแบบไม่บรรจุหีบห่อ (bulk truck) โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 รถ EV เหล่านี้จะวิ่งรับ-ส่งสินค้าครอบคลุมระยะทางมากกว่า 200,000 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 400 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการปลูกต้นไม้ 20,000 ต้น

    โครงการนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระยะยาวและวิสัยทัศน์ร่วมด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสองบริษัท โดยการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการดำเนินงานประจำวัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

    “การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเรา” นายเคนนี แวน เดอร์ บีเคน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “รถบรรทุก EV เหล่านี้ เมื่อผนวกกับโครงการอื่น ๆ เช่น การขยายการใช้แผงโซลาร์เซลล์ และการใช้รถยกไฟฟ้า จะช่วยให้เราลดการปล่อยก๊าซ CO₂ ลงได้ถึง 33% ในการดำเนินงานของเรา”

    เพื่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 3) เป็นศูนย์ภายในปี 2593

    โคเวสโตรได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทาน การลดการปล่อยก๊าซทางอ้อมทั้งจากต้นน้ำและปลายน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคิดเป็นประมาณ 80% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของบริษัท

    “ความร่วมมือระหว่างโคเวสโตรและคาทูนนาทีในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่เป็นรูปธรรมของเราต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วนของห่วงโซ่อุปทาน โครงการนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย และสามารถต่อยอดไปใช้ในสถานที่ปฏิบัติงานอื่น ๆ ของโคเวสโตรทั่วโลกได้” นายชัยยุทธ แจ้งเจนรบ ผู้จัดการศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริม

     

    ในก้าวถัดไปของการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์สีเขียว โคเวสโตรกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำระบบลำเลียงเม็ดพลาสติกแบบใช้ไฟฟ้ามาใช้แทนระบบที่ขับเคลื่อนด้วยดีเซลในปัจจุบันที่ศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด โดยโครงการนี้ได้มีการพัฒนาร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ คาทูนนาที และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ฮอนด้า จัดหนักความคุ้มกลางปี! เสิร์ฟแคมเปญ รับหน้าฝน ‘สบายดี Season บริการหลังการขายผ่อนสบาย 0%’พร้อมให้ลูกค้าเช็กสภาพรถฟรี!

    1 Min Read

    ฮอนด้า จัดหนักความคุ้มกลางปี! ‘Honda Pro OH! MY GOOOOD’ และเสิร์ฟแคมเปญ รับหน้าฝน ‘สบายดี Season บริการหลังการขายผ่อนสบาย 0%’ พร้อมให้ลูกค้าเช็กสภาพรถฟรี! ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 31 ส.ค. 68

    บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดใหญ่! กลางปี พร้อมส่งมอบ
    โปรโมชันพิเศษ
    ‘Honda Pro OH! MY GOOOOD ยกขบวนคุ้ม รับเลยไม่ต้องลุ้น’ เมื่อจองรถตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 กับข้อเสนอสุดคุ้ม

    • คุ้มที่ 1 ทางเลือกดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมฟรีประกันภัยเกือบทุกรุ่น หรือจะเลือกดอกเบี้ย
      เพียง 99% และฟรี Honda Exclusive Care ที่ครอบคลุมตั้งแต่วันออกรถใหม่สบายใจใช้รถได้ยาว ๆ รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 200,000 บาท*
    • คุ้มที่ 2 Friend Get Friend ลูกค้าฮอนด้าชวนเพื่อนมาซื้อรถ ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จะได้รับบัตรน้ำมันมูลค่า
      3,000 บาท ลูกค้าฮอนด้าที่เป็นผู้แนะนำจะได้รับ E-Coupon มูลค่า 3,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าและใช้บริการที่ศูนย์ฮอนด้า
    • คุ้มที่ 3 Happy Trade-in รับสิทธิพิเศษมูลค่าตั้งแต่ 15,000 – 100,000 บาท** เมื่อนำรถยนต์คันเดิมมาขาย
      และออกรถยนต์ฮอนด้าคันใหม่ในรุ่นที่ร่วมรายการ
    • คุ้มที่ 4 สำหรับลูกค้าครอบครัวฮอนด้ารับโปร “สบายดี Season บริการหลังการขาย ผ่อนสบาย 0%” พร้อมด้วยบริการตรวจเช็กรถฟรี ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายยางรถยนต์ 0% นาน 10 เดือน และผ่อนงานบริการแบบสบายกระเป๋า ดอกเบี้ย 0% นาน 8 เดือน

     

    ฮอนด้าไม่เพียงแค่เชิญชวนให้คุณเป็นเจ้าของรถใหม่ แต่ยังดูแลครอบครัวฮอนด้าทุกคันอย่างใส่ใจ ไม่ว่าจะรถใหม่หรือรถเก่า พิเศษ ! ตลอดหน้าฝนนี้ ฮอนด้ามอบ แคมเปญ สบายดี Season บริการหลังการขาย
    ผ่อนสบาย 0%
     ให้ลูกค้าตรวจเช็กสภาพรถฟรีโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญจากฮอนด้าพร้อมดูแลรถของคุณแบบครบวงจร ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่ ส่วนลด 10% สำหรับโปรแกรมฮอนด้า อัลติเมท แคร์ และ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ไปจนถึง ส่วนลด 15% สำหรับยางปัดน้ำฝน พิเศษสุด! สำหรับสายประหยัด ห้ามพลาดกับยางรถยนต์โปรโมชั่นสุดคุ้ม ซื้อ 3 แถม 1 และ ส่วนลดสูงสุดถึง 3,200 บาท เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีทางเลือกผ่อนสบายกระเป๋าด้วย ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 10 เดือน*** สำหรับยางรถยนต์ขั้นต่ำ 3,000 บาท และสูงสุด 8 เดือน*** สำหรับงานบริการทุกประเภทขั้นต่ำ 5,000 บาท  และเพียงนัดหมายและนำรถยนต์เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ แคมเปญดีๆ แบบนี้ จัดเต็ม ตั้งแต่วันที่
    1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568

    สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าครอบครัวฮอนด้า

    รายการที่ 1 บริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี

    รายการที่ 2 ส่วนลด 10% สำหรับโปรแกรมฮอนด้า อัลติเมท แคร์

    รายการที่ 3 ส่วนลดเพิ่ม 200 บาท เมื่อซื้อ PaySave อุ่นใจ”* (แพ็กเกจเช็ก 4 ระยะ ภายใน 30 เดือน ได้รับส่วนลดค่าแรงและค่าอะไหล่ 10% พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงฟรี 2 ปี) 

    รายการที่ 4 ส่วนลด 200 บาท สำหรับแบตเตอรี่ทางเลือกใหม่ ยี่ห้อพูม่า (PUMA) แบตเตอรี่คุณภาพสูง
    แบบพร้อมใช้ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่น และยี่ห้อจีเอส (GS) แบบพร้อมใช้กึ่งแห้ง

    รายการที่ 5 ส่วนลด 15% สำหรับยางปัดน้ำฝน

    รายการที่ 6 ส่วนลด 10% สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดระบบฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง

    รายการที่ 7 ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการทุกประเภท ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 8 เดือน***

    รายการที่ 8 ผ่อนชำระค่าใช้จ่ายยางรถยนต์ ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 10 เดือน***

     

    สิทธิประโยชน์สำหรับครอบครัวฮอนด้ารถอายุ 10 ปีขึ้นไป

    รายการที่ 9 ส่วนลด 20% สำหรับกรองน้ำมันเครื่อง

    รายการที่ 10 ส่วนลด 20% สำหรับกรองอากาศ

    รายการที่ 11 ส่วนลด 10% สำหรับอะไหล่ช่วงล่าง (กลุ่มปีกนก)

     

    สิทธิประโยชน์สำหรับเจ้าของใหม่รถฮอนด้ามือสอง เพียงนำรถเข้ามาอัปเดตข้อมูลเจ้าของคนใหม่ รับทันที

    รายการที่ 12 เปลี่ยนน้ำมันเครื่องฮอนด้าสังเคราะห์แท้ รวมค่าแรง เริ่มต้นเพียง 899 บาท*

    รายการที่ 13 ส่วนลด 20% สำหรับน้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก และน้ำยาหม้อน้ำ

     

    โปรโมชันพิเศษสำหรับยางรถยนต์รุ่นที่กำหนดตามเงื่อนไขของบริษัทฯ

    รายการที่ 14 โปรโมชันซื้อยาง 3 เส้น ฟรี 1 เส้น

    • ยางกู๊ดเยียร์ (Goodyear) สำหรับรถรุ่น City, Jazz, HR-V
    • ยางดันลอป (Dunlop) สำหรับรถรุ่น City, Jazz, HR-V

     

    รายการที่ 15 ส่วนลดสูงสุด 3,200 บาท เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น

    • ยางโยโกฮาม่า (Yokohama) รับส่วนลด 1,280 – 3,200 บาท สำหรับรถรุ่น City, Jazz, HR-V, Accord
    • ยางดันลอป (Dunlop) รับส่วนลด 600 – 2,800 บาท สำหรับรถรุ่น Mobilio, BR-V, Civic, CR-V
    • ยางฮันกุก (Hankook) รับส่วนลดเส้นละ 300 บาท สำหรับรถรุ่น Civic

     

    รายการที่ 16 รับของแถมสุดคุ้ม เมื่อซื้อยางครบ 4 เส้น

    • ยางกู๊ดเยียร์ (Goodyear) รับบัตรของขวัญโลตัสจำนวน 200 บาท หรือบัตรเติมน้ำมัน 500 บาท สำหรับรถรุ่น City, Jazz, BR-V, HR-V, Civic, Accord, CR-V
    • ยางบริดจสโตน (Bridgestone) รับบัตรเติมน้ำมัน 1,000 บาท สำหรับรถรุ่น City, Jazz, BR-V, HR-V, Accord

     

    ถึงเวลาเตรียมรถฮอนด้าของคุณให้พร้อมรับหน้าฝน! เพื่อความมั่นใจทุกการเดินทาง โดยนัดหมาย
    เข้ารับบริการล่วงหน้าผ่านทาง https://servicebooking.honda.co.th หรือ Line: @honda-thailand และสามารถเลือกใช้บริการพิเศษต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย อาทิ

    • Honda Drop & Go เพียงนัดหมายเช็กระยะล่วงหน้า นำรถมาฝากกุญแจไว้ แล้วไปทำธุระต่อได้เลย
    • Honda Quick Service การนัดหมายเช็กระยะเร่งด่วน แบบรอรับรถได้ภายในเวลาที่กำหนด (ตรวจสอบโชว์รูมฮอนด้าที่ให้บริการพิเศษได้จากหน้าเว็บไซต์ honda.co.th)

     

    พบกับข้อเสนอดีๆ จากฮอนด้า ทั้ง Honda Pro OH! MY GOOOOD ยกขบวนคุ้ม รับเลยไม่ต้องลุ้น’ ในการออกรถใหม่ และสิทธิพิเศษจากแคมเปญ สบายดี Season บริการหลังการขาย ผ่อนสบาย 0% ที่พร้อมดูแลและให้บริการลูกค้าครอบครัวฮอนด้าในการตรวจเช็กสภาพรถและบริการอื่นๆ ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดที่ https://www.honda.co.th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ชวนชาว A.T. มามีตติ้งครั้งใหญ่กันในงาน “A.T. ติดมันส์เฟส” วันที่ 19 ก.ค. 68 ณ ตลาดนัดเลียบด่วนแดนเนรมิต กรุงเทพฯ

    1 Min Read

    รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ชวนชาว A.T. มามีตติ้งครั้งใหญ่กันในงาน “A.T. ติดมันส์เฟส” วันที่ 19 ก.ค. 68 ณ ตลาดนัดเลียบด่วนแดนเนรมิต กรุงเทพฯ

    รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เตรียมจัดงานมีตติ้งครั้งยิ่งใหญ่สำหรับคนพันธุ์ เอ.ที. กับงาน “A.T. ติดมันส์เฟส” ที่เปิดพื้นที่ให้ชาว เอ.ที. ทุกรุ่น ทุกค่ายทั่วกรุงเทพฯ ได้มารวมตัวพบปะกัน สัมผัสประสบการณ์ความมันส์แบบจัดเต็มกับกิจกรรมภายในงานที่จัดเตรียมให้ชาวเอ.ที. โดยเฉพาะ งานนี้เข้าร่วมงานได้ฟรี! ในวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ ตลาดนัดเลียบด่วนแดนเนรมิต กรุงเทพฯ

    ไฮไลต์กิจกรรมภายในงาน สัมผัสความมันส์ทุกรูปแบบที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น

    • กิจกรรมประกวดรถจักรยานยนต์แต่ง Customize Contest มาประชันฝีมือ อวดรถแต่ง และชิงรางวัล (พบรายละเอียดการสมัครได้เร็วๆ นี้ทางหน้าเพจ)
    • เอาใจสายแต่งพบกับร้านค้าสำนักแต่ง Custom Shops ระดับแนวหน้า
    • โชว์การแสดง Stunt Show สุดมันส์แบบผาดโผน จากสุดยอดทีมสตั๊นท์แมนมอเตอร์ไซค์วิบาก
    • เกม Fun Gymkhana Game กิจกรรมชิงรางวัลที่ให้ผู้ร่วมสนุกขี่รถจักรยานยนต์แบบจิมคาน่า และวัดดวง ใครดวงดีรับรางวัลใหญ่ได้เลย
    • นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลอื่นๆ ภายในงานอีกมากมาย

    ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรม Customize Contest และการแข่งขันเกม Fun Gymkhana Game สามารถติดตามรายละเอียดการสมัครได้เพิ่มเติมที่ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Honda Motorcycle Thailand ได้เร็วๆ นี้

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th

    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

    #รวมพลคนพันธุ์เอที #Meetingใหญ่ฮอนด้า #เอทีติดมันส์เฟส
    #Forza350 #ADV350 #PCX160 #ADV160 #LEAD125 #Giorno+
    #เครื่องยนต์eSP+ #ผู้นำออโตเมติกคือฮอนด้า #ออโตเมติก4วาล์วคือฮอนด้า
    #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • Honda CRF450R ตะลุยพา เจ็ตต์-ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์ ดับเบิ้ลวินเนอร์ศึก AMA Pro Motocross 2025 สนาม 5 ที่เซาท์วิค

    1 Min Read

    Honda CRF450R ตะลุยพา เจ็ตต์-ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์ ดับเบิ้ลวินเนอร์ศึก AMA Pro Motocross 2025 สนาม 5 ที่เซาท์วิค

    ฮอนด้าตอกย้ำความเหนือชั้นตะลุยด้วยยอดรถแข่งทางฝุ่น Honda CRF450R สังกัดทีม Honda HRC Progressive “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” เหมาคว้าดับเบิ้ลวินเนอร์ทั้ง 2 เรซอย่างขาดลอย รั้งอันดับผู้นำต่อเนื่องในตารางคะแนน ขณะที่ “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” ยกระดับเก็บอันดับที่ 2 ทั้ง 2 เรซ ในศึก AMA Pro Motocross (AMA MX 2025) สนามที่ 5 เดอะวิค 338 ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    การแข่งขันเรซที่ 1 ดวลกันในคาแล็กเตอร์ที่พิเศษกับทรายและความเร็วสูง คู่พี่น้อง เจ็ตต์ และฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์ ควงคู่กันออกมารั้งในกลุ่มนำได้ทันที โดยเฉพาะรถแข่ง Honda CRF450Rหมายเลข 18 ของ “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” คว้าโฮลช็อตได้ก่อนและคว้าชัยชนะในเรซแรกไปครอง ตามมาด้วย “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” หมายเลข 96 ซึ่งทั้งคู่ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับที่ 3 ถึง 18.922 วินาที

    การแข่งขันเรซที่ 2 “เจ็ตต์ ลอว์เรนซ์” ออกมาคว้าโฮลช็อตได้อีกครั้ง และไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้เข้ามาสร้างความกดดัน และคว้าชัยชนะดับเบิ้ลวินเนอร์ ในตารางแชมเปี้ยนชิพ นำเป็นผู้นำอันดับที่ 1 บวกช่องว่างจากคู่แข่งออกไป เก็บไปแล้ว 240 คะแนน ขณะที่ “ฮันเตอร์ ลอว์เรนซ์” หมายเลข 96 ต้องดวลความเร็วอย่างดุเดือดกับคู่แข่งที่มีดีกรีถึงแชมป์ MXGP โดยคว้าอันดับที่ 2 ในเรซนี้เก็บคะแนนสะสมเพิ่มเป็น 197 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ

    ทั้งนี้โปรแกรมการแข่งขัน ศึก AMA Pro Motocross (AMA MX 2025) สนามที่ 6 จะไปแข่งขันกันที่ เรดบัดเอ็มเอ็กซ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (RedBud MX, United States of America) ในวันที่ 5 กรกฎาคม นี้

    #AMAMX #Honda #HondaMotorcycle #HRC #TeamHondaHRC #CRF450R


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “อีซูซุ” ชูคอนเซ็ปต์บูธ “Trusted Buddy” ตอกย้ำรถคุณภาพ “ดีแมคซ์ ดีจริง” พร้อมจัดแคมเพนจ์จุใจ ในงาน “FAST AUTO SHOW THAILAND 2025”

    2 Min Read

    “อีซูซุ” ชูคอนเซ็ปต์บูธ “Trusted Buddy” ตอกย้ำรถคุณภาพ “ดีแมคซ์ ดีจริง” พร้อมจัดแคมเพนจ์จุใจ ในงาน “FAST AUTO SHOW THAILAND 2025”

    อีซูซุจัดทัพรถโชว์ในคอนเซ็ปต์ “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” โดยรถปิกอัพคุณภาพ “ดีแมคซ์ ดีจริง” และบริการหลังการขายสู่ Digital Experience เต็มรูปแบบ พร้อมแจกจริงกับแคมเพจ์นใหญ่แห่งปี ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

                  กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” อีซูซุได้นำรถหลากรุ่นหลากสไตล์ รวม 8 คัน นำโดย      รถอเนกประสงค์สุดหรู NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” 4 คัน แบ่งเป็นรถมาตรฐานโรงงาน 2 คัน และรถตกแต่งพิเศษ 2 คัน โดยแต่งแนวแคมป์ปิ้งตอบรับสายท่องเที่ยว และแต่งหล่อรอบคันสำหรับสายเท่สปอร์ต ส่วนอีก 4 คันเป็นรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX ที่มาในคอนเซ็ปต์ “ดีแมคซ์ ดีจริง” ปิกอัพที่รวมทุกความต้องการไว้ครบ ทั้งในเรื่องความแรง ความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน การเกาะถนน และความคุ้มค่า พร้อมกันนี้ยังได้ตอกย้ำแนวคิด “ISUZU Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” สะท้อนความจริงใจในการดำเนินธุรกิจของอีซูซุในประเทศไทยตลอด 68 ปี โดยไม่เพียงพร้อมบริการดูแลและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้รถตลอดอายุการใช้งานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการพัฒนาไปข้างหน้าของสังคมไทยควบคู่กันไปด้วย ทั้งในฐานะผู้ผลิตที่มั่นใจในการวางรากฐานการผลิตรถปิกอัพในไทยเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกโดยใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศมากกว่า 90% และร่วมกับคู่ค้าธุรกิจชิ้นส่วนในประเทศสร้างห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ที่แข็งแกร่งของไทยในระดับโลก ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศไทยทั้งในด้านการผลิตและบริการอย่างครบวงจร และในปี 2568 นี้ ประสบการณ์เข้าศูนย์บริการอีซูซุจะเปลี่ยนแปลงไป ด้วยการยกระดับสู่ Digital Experience เต็มรูปแบบ เพื่อให้ทุกการเข้าศูนย์ฯ ของลูกค้า ง่าย ชัดเจน และสะดวกยิ่งกว่าที่เคย ตั้งแต่การนัดหมาย ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัน-เวลาที่สะดวกได้ด้วยตนเอง การเสนองานซ่อมด้วยภาพถ่ายจริงเพื่อให้ง่ายในการตัดสินใจ พร้อมแอปพลิเคชัน my-ISUZU ที่แสดงผลการตรวจสภาพรถ และประวัติการซ่อมย้อนหลัง เพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นในทุกครั้งที่เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการอีซูซุ ตามสโลแกน “ศูนย์บริการอีซูซุ วางใจได้ ตลอดการใช้งาน”

     

                  สำหรับยนตรกรรมอีซูซุที่มาพร้อมพละกำลังอันยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต  2.2 และ 3.0 Ddi MAXFORCE… The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ตอบสนองความเร้าใจสไตล์ High Performance Diesel ตอบโจทย์ความเร็ว ความแรง แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้นำมาจัดแสดงจำนวน 8 คัน ได้แก่

    • NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×4 สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ ตกแต่งสำหรับสายท่องเที่ยวแคมป์ปิ้ง สไตล์ Overland เริ่มจากบันไดข้างจาก TJM พร้อมชุดกันกระแทกด้านข้างตัวถัง เต๊นท์บนหลังคาจาก TJM รุ่น ALLORA ALUMINIUM ROOF TOP TENT เพิ่มความสว่างในยามค่ำคืนด้วยชุดไฟ TJM รุ่น SEEKER LIGHT BAR และชุดไฟ SEEKER SIDE SHOOTER บริเวณฝากระโปรงหน้า ลุยได้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดช่วงล่างจาก TJM โช้คอัพรุ่น XGS ROAMER จับคู่กับคอยล์สปริงรุ่น XGS พร้อมปีกนกปรับองศา ล้อ Lenso รุ่น MX รุ่น Cezar พร้อมยาง BRIDGESTONE DUELER AT002 ขนาด 285/60R18

    • NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ACTIVE 4×2 สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แต่งด้วยคอนเซ็ปต์ SPORT SUV ด้วยชุดแต่งบอดี้พาร์ทรอบคันสไตล์สปอร์ตจาก AKC เสริมสมรรถนะด้วยชุดโหลดช่วงล่าง 3.5 นิ้วจาก Profender รุ่น Tune Series พร้อมปีกนกปรับองศา เสริมลุคให้สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้อ LENSO รุ่นใหม่ล่าสุด JAGER AJAX พร้อมยาง YOKOHAMA ADVAN SPORT ขนาด 265/50R20 เสริมสมรรถนะระบบเบรกด้วยเบรกหน้า CALIPER แบบ 6 POT รุ่น R8 พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. CALIPER เบรกหลังแบบ 4 POT รุ่น R3 พร้อมจานเบรกขนาด 355 มม. จาก Run Stop ตกแต่งด้วยลวดลายกราฟฟิกพิเศษ ให้ดูโดดเด่น สะกดทุกสายตา

    • NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS 4×2 สีเทาไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) ไลน์อัพใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ REV TRONIC โดดเด่นและสปอร์ตเหนือระดับด้วยชุดแต่ง RS Design ที่มาพร้อมสัญลักษณ์ RS เน้นความสปอร์ต หรูหรา พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) กล้อง 360 องศา (360° Surround View Camera) มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ พร้อมอัปเกรดระบบความปลอดภัยให้เหนือไปอีกขั้นกับ ADAS Generation ล่าสุด!

    • NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ELEGANT 4×2 สีดำบาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica) เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ กระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade เพิ่มความสปอร์ตของชุดไฟท้าย ยกระดับความหรูภายในห้องโดยสารให้ Modern Luxe กว่าเดิม ด้วยโทนสี Truffle Brown – Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class และใหม่! Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay

    • ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด M 4 ประตู สีเทาไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) เครื่องยนต์ 3.0 Ddi เกียร์อัตโนมัติ ปิกอัพสุดแกร่งแบบฉบับสปอร์ตออฟโรด ด้วย ISUZU V-CROSS Package ชุดแต่งสีเทาดำรอบคัน ไม่เพียงให้อารมณ์สปอร์ตแต่สะท้อนความเป็นผู้นําที่กล้าท้าทายทุกอุปสรรค พร้อมสมรรถนะที่พร้อมลุยในทุกเส้นทางด้วยพลังเต็มแมคซ์ ทลายทุกข้อจํากัด ภายในหรูสะดวกสบายสไตล์พรีเมียมภายใต้แนวคิด High-Class & Sophisticated เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในทุกการเดินทาง พิเศษ! ให้คุณโดดเด่นไม่เหมือนใคร เสริมความเท่แบบพิเศษด้วยชุดแต่ง Bold Body Set พร้อมด้วยล้อแต่งแท้ จาก LENSO

    • ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู เกรด M สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) 3.0 Ddi เกียร์อัตโนมัติ ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพยกสูงที่มาพร้อมกับความแรง แต่ประหยัดแบบฉบับอีซูซุ ให้คุณโดดเด่นไม่เหมือนใคร เสริมความพรีเมี่ยมแบบพิเศษด้วยชุดแต่ง Bold Body Set พร้อมด้วยล้อแต่งแท้ จาก LENSO

    • NEW! ISUZU D-MAX HI-LANDER 4 ประตู เกรด M สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) 2.2 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปลดล็อกนิยามใหม่แห่งปิกอัพยกสูงระดับ TOP CLASS ที่ผสมผสานความหรูหราอย่างลงตัว ด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวก้าวล้ำไป สู่เทคโนโลยีอนาคตแฝงด้วยศาสตร์แห่งวิศวกรรมการขับเคลื่อน

    • NEW! ISUZU D-MAX CAB4 เกรด Z สีใหม่ เทาเอลบรุส โอเพค (Elbrus Grey Opaque) 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราทดใหม่ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารพรีเมียมด้วยแนวคิด High-Class & Sophisticated ประณีตทุกสัมผัส โดดเด่นด้วย Miura Design พร้อมการออกแบบตามหลัก Usability Design สะดวกสบายเต็มรูปแบบไปกับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่แบบฉบับปิกอัพอีซูซุ

    นอกจากนี้ อีซูซุยังได้จัดแคมเพจ์น “ดีแมคซ์ ดีจริง ลุ้นทองทุกสัปดาห์” สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถอีซูซุดีแมคซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568  ลุ้นรับรางวัลจี้ทองคำน้ำหนัก 2 สลึง มูลค่า 26,051.39 บาท จับรางวัลทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 22 รางวัล จำนวน 9 สัปดาห์ รวม 198 รางวัล คิดเป็นมูลค่ารวม 5,158,175.17 บาท (การลุ้นรางวัลจะถูกแบ่งตามรอบการจับรางวัล โดยผู้โชคดีมีสิทธิ์ได้รับรางวัลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น)

    มาร่วม “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” กับ “อีซูซุ” ยนตรกรรมคุณภาพเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย สัมผัสความพีคในด้านอรรถประโยชน์ที่เหนือกว่าของรถอเนกประสงค์สุดหรู NEW! MU-X “THE NEXT PEAK” และรถปิกอัพตัวจริง NEW! ISUZU D-MAX ที่พร้อมเติมเต็มความคุ้มค่าดีจริงครบด้านทั้งแรงจัด ประหยัดจัด ทนจัด เกาะถนนจัด และคุ้มจัด   พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่รถอีซูซุด้วยตัวท่านเอง ได้ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ฮอลล์ 102-103 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • เปิดฉาก “ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025” จุดพลุเติมพลังกระตุ้นตลาดรถยนต์กลางปี หนุนยอดขาย-สร้างความคึกคัก ทั้งตลาดรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว 2-6 ก.ค. ณ ไบเทค

    1 Min Read

    เปิดฉาก “ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025” จุดพลุเติมพลังกระตุ้นตลาดรถยนต์กลางปี หนุนยอดขาย-สร้างความคึกคัก ทั้งตลาดรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว 2-6 ก.ค. ณ ไบเทค

    “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025 (Fast Auto Show Thailand 2025) เปิดฉากตอกย้ำบทบาทสำคัญในฐานะเวทีขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงกลางปี ด้วยจุดแข็งในการรวมค่ายรถยนต์ชั้นนำและรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีไว้ในที่เดียว พร้อมข้อเสนอพิเศษที่กระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในคอนเซ็ปต์  “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” เปิดพื้นที่คุณภาพช่วยผลักดันยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง  ด้วยโปรโมชั่นแรงจาก 10 แบรนด์รถใหม่ และ 5 ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 10 โมงเช้า – 3 ทุ่ม วันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จองรถยนต์ใหม่หรือรถยนต์ใช้แล้วทุก 100,000 บาท รับคูปองชิงรางวัลใหญ่ ในกิจกรรม “ซื้อรถ ลุ้นรับ” และร่วมลุ้นรับโชคประจำวันอื่น ๆ ตลอดงาน 5 วันเต็ม มูลค่ารวมกว่าสี่แสนบาท โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน

    นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน “ฟาสต์ ออโตโชว์ ไทยแลนด์ 2025” เผยว่า  “ฟาสต์ ออโต โชว์” เป็นมหกรรมจำหน่ายรถยนต์งานเดียวในประเทศไทยที่มีทั้งรถยนต์ใหม่ป้ายแดง และรถยนต์ใช้แล้วในงานเดียวกันแบบครบครัน ซึ่งเป็นดีเอ็นเอ (DNA) ของงานตั้งแต่การจัดงาน. ครั้งแรก จนปีนี้เป็นครั้งที่ 13 แม้ว่าจะเป็นงานที่มีระยะเวลาจัดงานเพียง 5 วัน แต่ก็มุ่งมั่นทำหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์เมืองไทยให้เกิดการตื่นตัวในช่วงกลางปีอย่างเต็มกำลัง โดยมั่นใจว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคครัวเรือนจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้พร้อมก้าวสู่เศรษฐกิจยานยนต์ยุคใหม่ และเป็นหนึ่งในพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบายไทยสู่ศูนย์กลางยานยนต์ระดับโลก

    “ผมขอขอบคุณพันธมิตรทั้งค่ายรถยนต์ใหม่ ผู้ประกอบการรถใช้แล้ว และสปอนเซอร์ที่ร่วมสนับสนุนตอบรับเข้าร่วมงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025และให้ความไว้วางใจว่างานของเราจะช่วยผลักดันยอดขาย สร้างความคึกคัก และสร้างโอกาสให้ตลาดรถยนต์ไทยได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแรงตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป โดยปีนี้เราจัดงานภายใต้แนวคิด “รถใหม่โปรโดนใจ รถมือสองไมล์แท้รับประกันซื้อคืน” ด้วยสโลแกน “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” และในครั้งนี้มีบริษัทร่วมจัดแสดงรถยนต์ในงาน ประกอบด้วย

    1. กลุ่มรถยนต์ใหม่ จำนวน 10 แบรนด์ ได้แก่ อีซูซุ (Isuzu) โตโยต้า (Toyota) ฮอนด้า (Honda) มิตซูบิชิ (Mitsubishi) วอลโว่ (Volvo) และแบรนด์ในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป ซึ่งมี เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เอ็มจี (MG) ซีกเกอร์ (Zeekr) ดีพอล (Deepal) และ ไอออน (Aion) ครบทุกเซ็กเมนต์ ครอบคลุมทุกทางเลือกด้านพลังงาน โดยมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่โดนใจ
    2. 2. กลุ่มรถยนต์ใช้แล้ว มีผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ จำนวน 5 ราย คือ DDS คาร์เซ็นเตอร์ ดา ศรีนครินทร์ โย รัชดา Mercedes Benz Certified by Benz Keng Hong Thong (เบนซ์ เค้งหงษ์ทอง) และ Volvo Selekt Approved Used Cars ที่นำรถยนต์สภาพนางฟ้า รุ่นใหม่ เลขไมล์น้อย ครบทุกเซ็กเมนท์มานำเสนอ พร้อมราคาพิเศษที่เป็นเจ้าของได้ง่ายและยังมีการรับประกันให้ด้วย เรียกว่า คุ้มค่าเกินราคา

    หนึ่งในภาพจำและความสำเร็จของงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” คือการเป็นงานแรกและงานเดียวในประเทศที่รับประกันรถยนต์ใช้แล้วที่ซื้อจากงาน ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะดูรถไม่เป็นเลยก็ตาม นับเป็นความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานของตลาดรถยนต์ใช้แล้ว และทำให้ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์มือสองต้องตั้งมาตรฐานตาม โดยในปีนี้ได้เพิ่มเงื่อนไขการรับประกันจาก 5 ข้อเดิม คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยเพิ่มข้อที่ 6 คือ การันตีไมล์แท้ หากผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง รับประกันซื้อคืน 100% นายพัฒนเดช กล่าว 

    พบกับไฮไลท์ต่าง ๆ ของงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ประกอบด้วย

    • บูธรถยนต์ใหม่ป้ายแดงมากคุณภาพจาก 10 แบรนด์ชั้นนำที่ขนทัพรถยนต์รุ่นยอดนิยม และรุ่นพิเศษมานำเสนอ มาพร้อมกับดีลโปรโมชั่นสุดเร้าใจ ครอบคลุมทุกทางเลือกด้านพลังงาน ทั้งเครื่องยนต์สันดาป ไฟฟ้า และไฮบริด
    • พบกับ “The New Volvo EX30 Cross Country” เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ยนตรกรรมไฟฟ้าเต็มรูปแบบ SUV ขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยพลังและสีสัน ก้าวข้ามกรอบเดิม ๆ อย่างมีสไตล์ พร้อมให้จับจองได้แล้ววันนี้
    • โซนรถยนต์ใช้แล้วสภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย คุ้มจัดประหยัดจริงเกินราคา แถมพ่วงการรับประกันจาก 5 ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ โดยมาครบทุกเซ็กเมนต์ พร้อมยกระดับมาตรฐานการรับประกันรถยนต์ใช้แล้วทุกคันในงานจากผู้จัดงาน เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดแก่ผู้บริโภค ด้วยเงื่อนไขการรับประกัน 6 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก สามารถจดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นงานแรกที่รับประกัน “ไมล์แท้” หากผิดเงื่อนไขใน 6 ข้อ รับซื้อคืน 100% พร้อมการออกหนังสือรับประกันคุณภาพรถยนต์ใช้แล้ว (Used Car Warranty) ซึ่งจะระบุคุณภาพเกรดของรถยนต์ใช้แล้วทุกคันภายในงาน
    • เพลิดเพลินกับบรรยากาศชิคแอนด์คูล มีโซนรถตกแต่งพิเศษ สวย เท่ห์ ใช้งานได้จริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้รถที่ต้องการแต่งรถที่เป็นสไตล์ของตัวเอง เปิดโซนใหม่! พื้นที่จัดแสดงรถดัดแปลงเพื่อประกอบธุรกิจอิสระหลากหลายรูปแบบ นำเสนอเป็นไอเดียให้กับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสเริ่มต้นธุรกิจใหม่หรือต่อยอดธุรกิจเดิม และเพื่อความสุขของผู้รักสัตว์เลี้ยง ปีนี้ งานฟาสต์ ออโต โชว์    ไทยแลนด์ 2025 เปิดเป็นพื้นที่ PET Friendly ให้ผู้เข้าชมงานสามารถนำสัตว์เลี้ยงที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนดเข้ามาชมงานได้ โดยอยู่ในความดูแลของเจ้าของตลอดเวลาที่อยู่ในงาน
    • ใหม่! กิจกรรมสำหรับเด็กเล็กและครอบครัว การแข่งขันจักรยานทรงตัว หรือ Balance Bike Racing สำหรับนักซิ่งรุ่นจิ๋ววัย 2- 4 ปี โดยร่วมกับพันธมิตร Strider Thailand จัดการแข่งขัน “Strider Racing @Fast Auto Show Thailand 2025” ด้วยการยกสนามแข่งขันมาตรฐานมาไว้ในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025จัดแข่งขันให้ลุ้นและเชียร์กันให้สนั่นในวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม แบ่งการแข่งขันเป็น 2 รุ่น คือ รุ่น Enjoy และรุ่น Racing รวม 14 รุ่นเพื่อชิงถ้วยและเหรียญรางวัล
    • ปรึกษาด้านการประกันภัยกับกรุงเทพประกันภัย พร้อมรับข้อเสนอประกันภัยดี ๆ ที่คุ้มค่า เหมาะสมกับการใช้งานของรถยนต์ทุกประเภท
    • พิเศษสุด! งานเดียวที่ให้ดอกเบี้ยรถมือสองและเงื่อนไขที่ดีที่สุด ต่ำสุดถึง 1.99%
    • ลุ้นเป็นผู้โชคดีเมื่อซื้อรถในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025กับกิจกรรม “ซื้อรถ ลุ้นรับ” โดยผู้จองรถและซื้อรถในงาน ทุก 100,000 บาท รับคูปอง 1 ใบ ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ “เก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น ROBO 8989 Massage Chairจาก เอแม็กซ์ (Amaxs) มูลค่า 279,000 บาท จำนวน 1 รางวัลหลังจบงาน สำหรับผู้จองรถในงานได้สิทธิ์ร่วมกิจกรรม “จองรถ ลุ้นรับ” เพื่อลุ้นรับรางวัลประจำวัน “สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway รุ่น Ninebot KickScooter D18Wมูลค่า 16,900 บาท      จาก MONOWHEEL วันละ 1 รางวัล รวม 5 รางวัล และร่วมลุ้นรับบัตรของขวัญจาก Lotus’sวันละ 4 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รวม 20 รางวัล หรือแค่แวะมาชมงานและร่วมสนุกกับกิจกรรม “แชร์มา รับไป” เพื่อรับของที่ระลึกจากผู้จัดงาน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่าสี่แสนบาท

    แวะมา “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” แบบไม่ต้องรอ ทั้งรถยนต์ใหม่ป้ายแดงและรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพเยี่ยมในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” หนึ่งในกลไกที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและมีพลังในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งแต่วันนี้ – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-103 ตั้งแต่ 10.00 – 21.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/FASTAUTOSHOW หรือ www.fastautoshow.com  


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment