-
CHERY ปักหมุดไทยเป็นตลาดสำคัญ เดินเกมรุก ปั้นแบรนด์ เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น และเปิดศูนย์บริการ 30 แห่งปีนี้
CHERY แบรนด์อันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีน เป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน ประกาศวิสัยทัศน์ในงาน Next Era Mobility: TECH DAY by CHERY and OMODA & JAECOO เตรียมเปิดแบรนด์และรุกตลาดเต็มตัวในปีนี้ ภายใต้กลยุทธ์ “To Be the Top Choice for Global Family-Oriented Consumers” เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวทั่วโลกอย่างชัดเจน ล่าสุดเผยแผนสร้างแบรนด์ที่จะใช้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญในอาเซียน พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ จ.ระยอง เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 และเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย 30 แห่งภายในปีนี้
จิม ลี ผู้อำนวยการ แบรนด์ เชอรี (ประเทศไทย) เผยว่า “CHERY ตั้งเป้าวางตำแหน่งแบรนด์ผ่านคำสำคัญ คือ “Conquer & Guard” ซึ่งสื่อถึงปรัชญาการออกแบบรถยนต์ที่มอบทั้งสมรรถนะในการพิชิตทุกเส้นทางการเดินทาง พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม เพื่อความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และครอบครัว โดยแนวคิดนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ CHERY ในการพัฒนารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพการขับขี่และการปกป้องผู้โดยสารในทุกการเดินทาง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ในตลาดรถยนต์ที่มุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ”
ชูเทคโนโลยีไฮบริดล้ำยุค No.1 Hybrid Technology: CSH (Chery Super Hybrid)
CHERY เดินหน้าขับเคลื่อนรถยนต์พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เผยโฉมแพลตฟอร์มไฮบริดภายใต้ชื่อ CSH (Chery Super Hybrid) ที่จะเป็นไฮไลต์ของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าในไทย ด้วย 3 จุดขายหลัก ได้แก่
- Endless Horizons – ขับได้ไกลเกินกว่า 1,400 กม. ต่อน้ำมัน 1 ถัง
- Pushing Battery Limits – แบตเตอรี่ที่ให้ความปลอดภัยแม้ถูกชน
- Light Up the Beautiful Moments – รถที่ใช้ได้ทั้งเพื่อการเดินทางและการใช้ชีวิต
CHERY เตรียมพร้อมเปิดตัวรถใหม่ โดยมี Tiggo นำทัพ เน้น “ห้องโดยสารอเนกประสงค์”, “ความปลอดภัยระดับสูง” และ CHERY V23 ที่เน้นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์
CHERY จะเริ่มเจาะตลาดด้วยไลน์อัพรถรุ่น Tiggo ซึ่งเน้น Comfortable Space และ Safe and Reliable เป็นหัวใจหลัก ด้วยการดึงจุดเด่นของ “ห้องโดยสารอเนกประสงค์” สามารถรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบรวมไปถึงให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัยแบบเหนือมาตรฐาน” ด้วยอุปกรณ์และระบบช่วยขับขี่ระดับสูง โดยวางแผนเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 ทาง CHERY ยังเดินหน้าขยายเครือข่าย ผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ในตลาดและมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้
ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ CHERY Tiggo 8 และ Tiggo 7 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH) ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด156 แรงม้าและ แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึงระยะทาง 90 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)
CHERY Tiggo Cross มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด 96 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและ แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
สำหรับ CHERY V23 นอกจากจะมีดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ยังมาพร้อมการขับขี่ที่คล่องตัว ด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนให้กำลังสุงสุด 211 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร
CHERY เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ รองรับการให้บริการอย่างครอบคลุมและสะดวกสบาย โดยกระจายตัวในทุกภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ 3 แห่ง ภาคกลาง 4 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 แห่ง และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกถึง 15 แห่ง สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ ในการดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางการใช้งานอย่างมืออาชีพและทั่วถึง พบกับ CHERY และความตื่นเต้นครั้งใหม่ในไทยได้เร็วๆ นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
CHERY และ OMODA & JAECOO เปิดตัวสุดยอดเทคโนโลยี Super Hybrid System ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์โลกสู่ยุคใหม่ พร้อมเดินสายผลิตในโรงงานและเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ CHERY จับมือ KGEN เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย จากการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ
OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) และ CHERY (เชอรี) ภายใต้บริษัท CHERY Automobile ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ประกาศวิสัยทัศน์ทรงพลังในการนำประเทศไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการทำตลาดปีนี้ พร้อมประกาศความเคลื่อนไหวเชิงรุกของ CHERY และ OMODA & JAECOO ในไทย และเตรียมเปิดสายการผลิต ในโรงงานไทยไตรมาส 3 พร้อมประกาศเปิดตัวรถใหม่ปีนี้ นอกจากนี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด และนวัตกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน โดยมีท่านศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมเป็นเกียรติในงาน
เฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของ CHERY และ OMODA & JAECOO ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประกาศความพร้อมและแผนการลงทุนในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่เรามีต่อตลาดไทย และเป็นก้าวสำคัญในวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อสร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งในภูมิภาค เรามีความพร้อมเต็มที่ในทุกมิติ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า การพัฒนาด้านการขายและการบริการหลังการขายโดยร่วมมือ กับพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาฐานการผลิตในไทยที่ทันสมัยระดับโลก เรามั่นใจอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ธุรกิจของ CHERY และ OMODA & JAECOO จะตอบความต้องการของผู้บริโภคไทยและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
ก้าวสู่อนาคตยานยนต์เทคโนโลยีไฮบริด CHS/SHS ล้ำสมัย
CHERY และ OMODA & JAECOO ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพพลังงานระดับสูงสุด เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งพลังงานสะอาด ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริด CHS (CHERY Hybrid System) / SHS (Super Hybrid System) ล้ำสมัย ที่โดดเด่นใน 4 ด้านหลัก
- ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุด: เครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 5T GDI ให้ประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5% สูงที่สุด
ในอุตสาหกรรม - พลังขับเคลื่อนระดับโลก: ระบบส่งกำลัง DHT 230/280 สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 280 กิโลวัตต์ และรอบเครื่องสูงสุด
ถึง 24,000 รอบ/นาที - ความปลอดภัยเหนือมาตรฐาน: ระบบตัดพลังงานฉุกเฉินภายใน 2 มิลลิวินาที และการปกป้องในทุกสภาพอากาศ รวมถึงการ
ลุยน้ำลึกถึง 700 มม. - ความสามารถรอบด้าน (All Scenario): ระบบบริหารพลังงานล่วงหน้า (Predictive Energy Management) ลดการใช้พลังงานลง 15% และสามารถกู้คืนพลังงานจากเบรกได้ถึง 80%
OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถอีกหลากหลายรุ่นภายใต้เทคโนโลยี SHS, BEV, HEV และ REEV ภายในปีนี้ และเตรียมพบกับ Mr.J เร็วๆ นี้
OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System), เครื่องยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle), HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมีกำหนดการเปิดตัว JAECOO 5 EV และ JAECOO 6T EV ภายในไตรมาส 3 ตามมาด้วย OMODA C7 SHS และ OMODA C9 SHS ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น OMODA & JAECOO เตรียมเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ JAECOO หรือ Mr.J ภายในเร็วๆ นี้
ในขณะเดียวกัน ยังได้มีการปรับราคา OMODA C5 EV Long Range รุ่นใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะและฟังก์ชันเดิมอย่างครบถ้วน ได้แก่ OMODA C5 EV Long Range Dynamic ราคา 649,000 บาท และราคา OMODA C5 EV Long Range Max ราคา 699,000 บาท และยังมีโปรโมชันดาวน์เริ่มต้น 8,888 บาท ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน*
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี*
- โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง (เฉพาะ OMODA C5 EV Long Range Max)*
- การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร*
สำหรับ JAECOO 6 EV 4WD มีโปรโมชันพิเศษภายในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนนี้เท่านั้น โดยมอบส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 150,000 บาท สำหรับสี Forest Green และ Lunar Silver*
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 5 ปี*
- โฮมชาร์ทเจอร์พร้อมติดตั้ง*
- การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือ ระยะทาง 200,000 กิโลเมตร*
ขณะเดียวกัน JAECOO 7 SHS ที่พิสูจน์ความสามารถด้วยสถิติการขับขี่ระยะทางไกลถึง 1,433 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังและการชาร์จแบตเตอรี่เพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งถือเป็นระยะทางขับขี่ที่ไกลที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับ 5 ของโลกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ JAECOO 7 SHS Global Super Hybrid Marathon นอกจากนั้น JAECOO ได้จัดแคมเปญ ECO Bonus มอบส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท สำหรับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป (ICE) หรือ ไฮบริด (HEV) พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษารถ (ค่าแรง และ ค่าอะไหล่) เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 2 ปี ฟรี Home Charger และ สายชาร์จ V-2-L สำหรับผู้จองและรับรถภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น*
รถแบรนด์ CHERY เดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มกำลัง
CHERY ประกาศความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแผนการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจระยะยาว พร้อมกลยุทธ์การวางตำแหน่งแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในตลาดรถยนต์ไทยที่เน้นย้ำจุดเด่นด้านเทคโนโลยี คุณภาพ และความคุ้มค่า ในปีนี้ CHERY เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 ทาง CHERY ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย ให้ครบ 30 แห่ง ในประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดและมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในปีนี้
เริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงาน จ.ระยอง ไตรมาส 3 ปี 2568 ประเดิมด้วยรุ่น JAECOO 6 EV
CHERY และ OMODA & JAECOO ประกาศความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานในประเทศไทย ที่อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท พร้อมเริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานใน ไตรมาส 3 ปี 2568 ด้วยเป้าหมายกำลังการผลิตเป็น 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571 โดยเริ่มการผลิต JAECOO 6 EV เป็นรุ่นแรกเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชีย โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตแบบ Completely Knocked Down (CKD) พร้อมติดตั้งหุ่นยนต์เชื่อมสำหรับ การเชื่อมอลูมิเนียมที่แม่นยำ นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนการลงทุนในการผลิตยานยนต์เพิ่มเติม ทั้งขยายกำลังการผลิตและโมเดลไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ CHERY Group และการจัดตั้งโรงพ่นสีภายในปี 2570 รวมถึงการให้ความสำคัญในการจัดจ้างงานสำหรับการทำงานในโรงงานนี้โดยเริ่มต้นจะเป็นแรงงานไทย 150 คน สำหรับการทำงานกะเดียว และจะขยายโรงงานและอัตราการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเดินสายการผลิตที่โรงงานระยองนับเป็นก้าวสำคัญของเรา ไม่เพียงแสดงถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย แต่ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค การเริ่มต้นด้วย JAECOO 6 EV คือการนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกสู่ตลาดไทย
และเราตั้งใจที่จะผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยของเรากับความเชี่ยวชาญของบุคลากรไทย เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและภูมิภาค นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวไกล และเรามุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างยั่งยืน”และเร็วๆ นี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์ EV แห่งชาติของไทย ส่งเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี EV ภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายในประเทศไทย โดยชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีในฐานะ “รถยนต์สัญชาติไทย” เพื่อสร้างระบบราคาที่เหมาะสม พร้อมกระตุ้นห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่การจัดหาชิ้นส่วน การจ้างงาน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายบริการหลังการขายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในทุกภูมิภาค
งาน Next Era Mobility: TECH DAY by CHERY and OMODA & JAECOO จัดขึ้นที่ Movenpick BDMS Wellness Resort กรุงเทพฯ นับเป็นก้าวสำคัญของทั้ง CHERY และ OMODA & JAECOO ในการแสดงศักยภาพและความพร้อมของเทคโนโลยียานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์แห่งอนาคต
*เงื่อนไขแต่ละข้อเสนอพิเศษมีเนื้อหาและช่วงเวลาที่มีความแตกต่าง แต่ทั้งนี้เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และ บางข้อเสนอพิเศษนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการโปรโมชันอื่นๆ ได้
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.OMODAJAECOO.CO.TH หรือสอบถามรายละเอียดได้ โทร. 02-020-8888 หรือที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
- ประสิทธิภาพพลังงานสูงสุด: เครื่องยนต์ไฮบริดเฉพาะทาง 5T GDI ให้ประสิทธิภาพทางความร้อนสูงถึง 44.5% สูงที่สุด
-
พีทีจี เอ็นเนอยี ประกาศความพร้อม เดินหน้าเปิดฤดูกาลมอเตอร์สปอร์ตแห่งปี “PT MAXNITRON RACING SERIES 2025” เริ่มสนามแรก 6-8 มิถุนายนนี้
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมกับ บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด และกลุ่มพันธมิตร เดินหน้าสร้างชื่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยต่อเนื่อง จัดงานแถลงข่าวเปิดฤดูกาลแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “พีที แมกซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรี่ย์” (PT MAXNITRON RACING SERIES 2025) เฟ้นหาสุดยอดนักขับรถยนต์ทางเรียบสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท
นายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เผยว่า “การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “พีที แมกซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรี่ย์” (PT MAXNITRON RACING SERIES 2025) ได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตอย่างท่วมท้นเสมอมา ด้วยยอดผู้เข้าชมในสนาม และรับชมผ่านระบบสตรีมมิ่งที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องจนกลายเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่มีฐานผู้ชมสูงที่สุดในประเทศ เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศ และส่วนภูมิภาค สร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่น ส่งผลถึงการพัฒนาบุคลากรและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยให้มีการทันสมัยเทียบชั้นนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่นักแข่งระดับแนวหน้าและทีมแข่งต่างรอคอย
PTG ในฐานนะแบรนด์ธุรกิจของคนไทย เพื่อคนไทย พร้อมสานต่อเจตนารมณ์ในการสร้างสังคมไทยให้ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจทั้งในกลุ่มธุรกิจ Oil และ Non-Oil อย่างยั่งยืน มีความภูมิเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผลักดันการสร้างชื่อเสียงครั้งสำคัญของประเทศไทยในวงการมอเตอร์สปอร์ต ต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2018 ที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าพันธกิจนี้จะยังคงดำเนินด้วยดีตลอดไป พร้อมกันนี้อยากเชิญชวนแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต ร่วมติดตามการการแข่งขัน ทั้ง 3 สนาม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน – ตุลาคม นี้ สนุกและเร้าใจทุกสนามแน่นอนครับ”
ด้านประธานจัดการแข่งขัน นายศิลป์ ธีรนิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่แล้วเราประสบความเร็จเป็นอย่างมากทั้งในด้านทีมแข่งระดับแนวหน้าที่เข้าร่วม และจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สนาม จ. สงขลา ในปีนี้ยังคงมีโซนกิจกรรมต่าง ๆ มาสร้างความคึกคักเช่นเคย อาทิ การโชว์รถดริฟต์และแดร็กจากรายการแข่งขันชั้นนำของเมืองไทย พร้อมกระทบไหล่นักขับคนดังอย่างใกล้ชิด พิเศษด้วยโซนจัดแสดงรถ Student Formula ฝีมือเยาวชนไทยจากมหาลัยชั้นนำของประเทศ นอกจากนี้ยังมีโซนแสดงสินค้าจากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำ และโซนพิเศษสำหรับครอบครัว ที่มีกิจกรรม Balance Bike และฟู้ดทรัคริมทะเล พร้อมกิจกรรมความบันเทิงมากมาย และในปีนี้เรายังได้รับการสนันสนุนจาก ฟอร์ด ประเทศไทย และ ยางกู๊ดเยียร์ (Goodyear) โดยส่งมอบรถฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมชุดแต่ง MS-RT สุดยออดรถกระบะทางเรียบสไตล์เรซซิ่ง ที่จะรับภารกิจสำคัญในฐานะรถ Safety Car อย่างเป็นทางการประจำฤดูการแข่งขัน 2025 นี้อีกด้วย
นอกจากนี้เรายังมีส่วนผลักดันการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อใช้กับการแข่งขันรายการนี้ อย่างกล่อง Data Logger ซึ่งเราคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกำลังต่อยอดสู่ Personal use device ที่นักแข่งสามารถนําไปใช้ในการฝึกซ้อมส่วนตัวมีกล้อง มีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์การขับขี่ มีซอฟต์แวร์หลังบ้านให้นักแข่งได้นําข้อมูลการขับขี่มาพัฒนาทักษะได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณ สความร่วมมือจากผู้ให้การสนับสนุนหลายฝ่ายด้วยดีเสมอมา ที่มองเห็นเป้าหมายของการสร้างสรรค์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ตลอดจนบุคลากรรอบด้านให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาประเทศ และร่วมแรงสร้างให้เป้าหมายเหล่านั้นเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างสวยงาม”
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “PT MAXNITRON RACING SERIES 2025” ได้รับการรับรองจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.) และยังมีความโดดเด่นเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติด้วยการออกแบบกฎระเบียบการแข่งขันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับวงการแข่งขันรถยนต์ในประเทศไทย มีแผนดำเนินการจัดการแข่งขันทั้งหมด 3 สนาม รวม 7 เรซ ทำการแข่งขันแบบเก็บคะแนนสะสม (Series Championship) เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักขับรถยนต์ทางเรียบ ร่วมชิงแชมป์ประจำปี 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ประเภทการแข่งขัน แบ่งรุ่นการแข่งขันออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- SIAM GT Series 2025
- SIAM TRUCK Series 2025
- SIAM 1500 GROUP A Series 2025
- SIAM 1500 GROUP N Series 2025
- SIAM EC Series 2025
สนามและกำหนดการแข่งขัน แบ่งเป็น 3 สนาม รวม 7 เรซ ได้แก่
- สนามแข่งขันที่ 1: PT MAXNITRON RACING SERIES (RACE 1–2)
วันที่ 6-8 มิถุนายน 2568
ณ สนามช้าง อินเตอรAเนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
- สนามแข่งขันที่ 2: PT MAXNITRON RACING SERIES (RACE 3-5)
วันที่ 29-31 สิงหาคม 2568
ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
- สนามแข่งขันที่ 3: PT SONGKHLA GRAND PRIX (RACE 6-7)
วันที่ 16-19 ตุลาคม 2568
สนามเฉพาะกิจ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ จังหวัดสงขลา
นักแข่งรถที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “PT MAXNITRON RACING SERIES 2025” ได้ตั้งแต่วันนี้ – 26 พฤษภาคม 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ptgrace.com และ LINE OA: @ptracing พิเศษสำหรับแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต PTG ร่วมกับ MONO Group พร้อมเสิร์ฟความสนุกสุดมันประชิดหน้าจอผ่านทางแอปพลิเคชัน MONOMAX และช่อง 3BB Sport One ตลอดการแข่งขันอีกด้วย
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
บริดจสโตนร่วมกับ ม.กรุงเทพ พิชิตใจคน Gen Z จัดเต็มกับงานอีเว้นท์สุดมันส์ของน้องๆ นักศึกษา ในโครงการ “Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025”
บริดจสโตน ประเทศไทย ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดโครงการ “Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากรับฟังไอเดียสุดครีเอทีฟจากน้องๆ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาการผลิตอีเว้นท์ และการจัดการนิทรรศการและการประชุม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทั้ง 6 ทีมจากสายอีเว้นท์และออนไลน์ ซึ่งนำเสนอผลงานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การเดินทางที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ พร้อมเชื่อมโยงแบรนด์ยางพรีเมียมอย่าง “บริดจสโตน” และได้ทีมผู้ชนะ ทั้ง 2 ทีม ที่โดนใจกรรมการ น้องๆ ได้สร้างสรรค์ผลงานโดยพาบริดจสโตนบุกใจกลางมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต และศูนย์การค้า Zpell @ Future Park รังสิต แบบสุดมันส์!
โดยเมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา น้องๆ จากทีม “EVENT BU WAY TO Z” จัดเต็มกับผลงานอีเว้นท์สุดครีเอทีฟ ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ไฮไลต์ภายในงานคือคุณเบียร์ ใบหยก ยูทูบเบอร์สายรถยนต์ตัวท็อป มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ พร้อมนำรถ Top Secret คู่ใจมาโชว์ให้ผู้ร่วมงานได้เก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษตลอดทั้งงาน และไฮไลต์กิจกรรมที่สร้างสีสันคือการประกวดแฟชั่นธีมยางรถยนต์บริดจสโตน ใน TOTD Contest ซึ่งมอบรางวัลให้ผู้ชนะเป็นส่วนลดยางรถยนต์บริดจสโตนมูลค่า 10,000 บาท!
และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา น้องๆ จากทีม “BU JOY YOUR JOURNEY WITH BRIDGESTONE” ได้ส่งต่อความสนุกและบรรยากาศดีๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคนรุ่นใหม่
ที่ทันสมัยและหลากหลาย ณ ศูนย์การค้า Zpell @ Future Park รังสิต งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณโก้ Street Doc อินฟลูเอนเซอร์สายรถยนต์ชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันภายในบูธ ไม่ว่าจะเป็น Daruma สาย Drive, DIY Tire on shirt และ Bridgestone Lucky Spin พร้อมแจกของที่ระลึกสุด Limited ให้กับผู้โชคดีภายในงานโครงการ Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริดจสโตนในการสนับสนุนภาคการศึกษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่เส้นทางอาชีพในอนาคตอย่างมั่นใจ พร้อมทำให้แบรนด์บริดจสโตนเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบรับ ไลฟ์สไตล์การเดินทางของคนรุ่นใหม่และสนุกกับการชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ
ร่วมติดตามกิจกรรมในโครงการ Bridgestone x Bangkok University Young Influencers: Young Event Organizers 2025 ที่สร้างสรรค์แบรนด์บริดจสโตนผ่านพลังคนรุ่นใหม่ได้ตลอดทั้งปีนี้ได้ทาง
- Facebook Bridgestone Thailand: https://www.facebook.com/BridgestoneTH
- TikTok Bridgestone Thailand: https://www.tiktok.com/@bridgestonethailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
กระทรวง อ.ว. เดินหน้าเปิดตัว “โครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” (EV Ready+) บนแพลตฟอร์ม MHESI Skill เรียนฟรี! พร้อมประกาศนียบัตรรับรองจากกระทรวง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดตัว “โครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” หรือ EV Ready+ อย่างเป็นทางการ มุ่งยกระดับศักยภาพแรงงานไทยให้พร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรม EV ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถ เรียนฟรี บนแพลตฟอร์ม MHESI Skill (www.mhesi-skill.org) พร้อมรับ ประกาศนียบัตรรับรอง (e-Certificate) จากกระทรวง อว. เพื่อนำไปใช้ประกอบการสมัครงานหรือยกระดับอาชีพได้อย่างมั่นใจ
ประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ การลงทุนจากผู้ผลิตระดับโลก และความต้องการ EV ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายสำคัญจึงอยู่ที่การเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน กระทรวง อว. ในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนการพัฒนาทุนมนุษย์ จึงริเริ่มโครงการ EV Ready+ เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโลก
“ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน เราจึงต้องเร่งพัฒนากำลังคนที่มีทักษะสูงให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทยสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโลก โครงการ EV Ready+ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้และฝึกอบรมได้ง่าย สะดวก และไม่มีค่าใช้จ่าย*”
— นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโครงการ EV Ready+ นำเสนอหลักสูตรที่ตอบโจทย์ทั้งสายเทคนิค วิศวกรรม และการบริหารจัดการธุรกิจ EV โดยในระยะแรกเปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่ “หลักสูตรพื้นฐานเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า” และ “หลักสูตรการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า” พร้อมเตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 หลักสูตรในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาระบบยานยนต์ไฟฟ้า, หลักสูตรโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และหลักสูตรการจัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้เรียนสามารถต่อยอดไปสู่หลากหลายสายอาชีพในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้
หลักสูตรทั้งหมดถูกออกแบบในรูปแบบไฮบริด ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ทฤษฎีออนไลน์และการฝึกปฏิบัติจริง โดยเรียนภาคทฤษฎีผ่านเว็บไซต์ mhesi-skill.org และฝึกภาคปฏิบัติ ณ มหาวิทยาลัยที่เป็นพันธมิตรของโครงการ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง พร้อมแผนขยายศูนย์ฝึกอบรมไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
การเข้าร่วมโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มทักษะและความสามารถให้แก่ผู้เรียน แต่ยังเปิดประตูไปสู่อาชีพในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูง พร้อมรองรับความต้องการแรงงานในอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป สิทธิ์เรียนฟรีมีจำนวนจำกัด
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.mhesi-skill.org
หรือติดตามข่าวสารผ่านช่องทาง
LINE Official Account : @edalearning.ai
Facebook / TikTok: edalearning.aiโอกาสของอนาคต เริ่มต้นได้ที่นี่ – กับโครงการ EV Ready+ โดยกระทรวง อว.
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
แถลงใหญ่! ศึกซูเปอร์คาร์ระดับพรีเมียม “GT World Challenge Asia 2025”สนามประเทศไทย ตื่นตากับรถแข่งในฝัน-ทีมแข่งระดับโลก
ประเทศไทยผงาดเจ้าภาพอีกครั้ง กับศึกซูเปอร์คาร์สุดหรู “GT World Challenge Asia 2025” หนึ่งในซีรีส์การแข่งขันรายการยักษ์ของโลกที่จัดขึ้นใน 4 ทวีป ได้แก่ ทวีปอเมริกา,เอเชีย, ออสเตรเลีย และยุโรป ฝ่ายจัดเผยความสำคัญที่ “สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์“ ได้รับเลือกบนปฏิทินการแข่งขัน กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม ทั้งยังสนับสนุนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตและยานยนต์ พร้อมกระหึ่มแข่งขันซัพพอร์ตเรซ รายการ Honda One Make Race 2025 โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตเต็มระบบให้กับคอความเร็วอย่างแท้จริง
วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่ ราชพฤกษ์คลับ กรุงเทพฯ : บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด ผู้บริหารสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โปรโมเตอร์มอเตอร์สปอร์ตเบอร์หนึ่งของไทย แถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ “GT World Challenge Asia 2025” (จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย ) สนามที่ 3 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายในงานยังได้มีการแถลงข่าวจัดการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ รายการ Honda One Make Race 2025 โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมระเบิดศึกอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์เดียวกัน
นายเบนจามิน ฟรานาสโซวิซิ ผู้จัดการทั่วไป จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย พาวเวอร์ บาย เอ ดับเบิ้ลยู เอส เปิดเผยว่า GT World เป็นซีรีส์ซูเปอร์คาร์ทางเรียบระดับโลกที่มีชื่อเสียงและเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดรายการหนึ่ง ซึ่งฤดูกาล 2025 จะเป็นฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ GT World Challenge ที่ขับเคลื่อนโดย AWS โดยมีรถ GT3 มากกว่า 130 คันที่พร้อมลงแข่งขันในอเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย และยุโรป
“ส่วน GT World Challenge Asia ฤดูกาล 2025 นี้ ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุด ด้วยรถแข่งซูเปอร์คาร์ GT3 มากถึง 33 คัน จาก 8 ผู้ผลิตชั้นนำ แฟนความเร็วจะได้พบกับรถซูเปอร์คาร์ชั้นนำ อาทิ Mercedes-AMG, Ferrari 296, Porsche 911, Porsche 992, Lamborghini Huracan, Audi R8 LMS, BMW M4, Chevrolet Corvette Z06, Nissan GT-R NISMO ฯลฯ และยังเป็นการรวมตัวของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ทีมแข่งชั้นนำ นักแข่งฝีมือดีจากทั่วโลกหลากหลายทวีปมากกว่า 60 คน สนามแข่งขันครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และไทยก็เป็นหนึ่งในสนามไฮไลต์ของฤดูกาล ด้วยมาตรฐานของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล”
นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า ขณะนี้สนามมีความพร้อม 100% ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุดจาก FIA ที่สามารถจัดการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ Formula 1 ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย,เจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ, ระบบควบคุมการแข่งขัน, อุปกรณ์สนับสนุน ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักแข่ง-ทีมงาน, สื่อมวลชน และแฟนๆ ที่จะเดินทางมาชมที่สนาม ไม่ต่างจากการเป็นเจ้าภาพ MotoGP หรือการแข่งขันระดับโลกอื่นๆ เพื่อให้แฟนๆได้สัมผัสกับความเร็ว เสียงเครื่องยนต์ของรถ GT3 และสมรรถนะของรถแข่งเหล่านี้อย่างใกล้ชิดบนแทร็กระดับเวิลด์คลาส รวมถึงกิจกรรม PIT Walk พันล้านที่จะได้สัมผัสรถซูเปอร์คาร์ในฝันแบบใกล้ชิด เหล่านี้ถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษ และหาได้ยากในประเทศไทย
นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า นอกจากศึกสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง MotoGP แล้ว GT World ก็ถือเป็น International series ที่ยิ่งใหญ่ในฝั่งสี่ล้อเช่นกัน น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เล็งเห็นว่ามอเตอร์สปอร์ตคือแพลตฟอร์มที่ทรงพลัง และการที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพรายการนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพของประเทศ แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระดับโลก สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม ทั้งยังสนับสนุนการเติบโตให้กับอุตสาหกรรม มอเตอร์สปอร์ตและยานยนต์ อีกด้วย
“น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ได้เตรียมกิจกรรมพิเศษไว้ให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตได้ลุ้นรางวัลใหญ่ในแคมเปญ “Chang’s Friend Pass” แจกใหญ่และจัดหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยการแจกบัตร VIP โค้ง 12 สำหรับชม MotoGP 2026 พร้อม Paddock Pass + Official Guide Tour และบัตร Pit Lane Walk 15 รางวัล รางวัลละ 2 ใบ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขัน “GT World Challenge Asia 2025” ถ่ายรูปคู่กับน้ำแร่ธรรมชาติตราช้างและบัตรเข้าชมการแข่งขัน โพสต์ลงเฟซบุ๊คของตัวเอง เขียนบรรยายความรู้สึก พร้อมติด #Chang’sFriendPass และ Tag ไปยังเพจ Chang Circuit Buriram โดยเปิดเป็นสาธารณะ พร้อมทั้ง Capture ภาพที่โพสต์ลง เฟสบุ๊คส่วนตัวส่งมาที่ Inbox เพจ Chang Circuit Buriram
ภายในงานยังได้มีการแถลงการจัดการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ รายการ “Honda One Make Race 2025” โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมระเบิดศึกอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์เดียวกัน โดยมีนักแข่งมากฝีมือร่วมพูดคุยบนเวที นำโดย “วี” ธนาศิวณัฐ พงสินณัช-อาชัญ แชมป์ประจำปี “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ 2024″, “เต้ย” อัฐพล แก้วอาษา และ“กอล์ฟ” ประพจน์ ชื่นวิจิตร
นางศิริพร ศรีสุข ผู้จัดการส่วนงานการตลาดและสื่อสารแบรนด์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าได้ร่วมเป็น Circuit Partner มาอย่างยาวนาน และพิเศษปีนี้ ฮอนด้าในฐานะผู้จัดการแข่งขัน “Honda One Make Race” ได้ร่วมเป็นซัพพอร์ตเรซ (Support Race) ในการแข่งขัน “GT World Challenge Asia” เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ในสนามแรกของปี ฮอนด้ายังได้เชิญชวนลูกค้าเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าผู้โชคดีมาร่วมทริป “Honda One Make Race 2025 Exclusive Trip” ซึ่งมีกิจกรรมพิเศษมากมาย ทั้งการเรียนรู้การขับขี่จากมืออาชีพ Driving Clinic และพิเศษสุด ๆ กับ Track experience ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำรถยนต์ฮอนด้าคู่ใจลงสนามจริงขับขี่บนสนามแข่งระดับโลกแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย
ทั้งนี้ GT World Challenge Asia 2025 ทำการแข่งขันทั้งสิ้น 6 สนาม ได้แก่ สนาม 1 วันที่ 10-13 เม.ย. ที่ สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย, สนาม 2 วันที่ 9-11 พ.ค. สนามมันดาลิกา ประเทศอินโดนีเซีย, สนามที่ 3 วันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ จากนั้นอีก 2 สนามดวลกันในประเทศญี่ปุ่น โดยสนาม 4 วันที่ 11-13 ก.ค. ที่ฟูจิ อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์, สนาม 5 วันที่ 29-31 ส.ค. ที่โอคายาม่า, สนาม 6 วันที่ 17-19 ต.ค.ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com บัตร VIP 1 วัน ราคา 2,000 บาท 2 วัน ราคา 3,000 บาท และบัตร GRANDSTAND 1 วัน ราคา 200 บาท 2 วัน ราคา 300 บาท
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจ Chang Circuit Buriram / GT World Challenge Asia
-
ฮอนด้า ผนึกกำลังดีลเลอร์ทั่วประเทศ ยกระดับความเป็นเลิศสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งไลน์อัป xEV พร้อมลุยปั้นแบรนด์
– ชูแนวคิดส่งมอบประสบการณ์ดีเยี่ยมในทุกทัชพอยต์ (Touchpoint) ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง –บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้แนวคิด “Redefining Excellence with Reliability and Trust – ยกระดับความเป็นเลิศ สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน” แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญ ร่วมกับผู้จำหน่าย ครอบคลุม 3 ทิศทางหลัก ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ภายใต้แนวคิดสำคัญในการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-centric approach) ด้วยการผนึกความร่วมมือกับผู้จำหน่าย เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย พร้อมยกระดับสู่ความเป็นเลิศแห่งยนตรกรรมอย่างยั่งยืน
นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณผู้จำหน่ายทุกท่านสำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ฮอนด้า สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกทัชพอยต์ โดยมีผู้จำหน่ายและบุคลากรของผู้จำหน่ายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของ
แบรนด์ที่จะส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมไปสู่ลูกค้า เพื่อมอบคุณค่าที่เข้าถึงและผูกพันกับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนต่อไป”ภายในงาน ฮอนด้า ได้ถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญกับเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า โดยผสานการต่อยอดพื้นฐานจุดแข็งปัจจุบันของฮอนด้า ทั้งด้านความเชื่อมั่นในแบรนด์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ไลน์อัป e:HEV ที่โดดเด่น และด้านความ
พึงพอใจของลูกค้า สู่ทิศทางการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ดังนี้1.ด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย
- เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกเส้นทาง นำโดยไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV ซึ่งได้รับการยอมรับและพิสูจน์อย่างกว้างขวางถึงความโดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะทรงพลัง อัตราเร่งทันใจ การขับขี่ที่นุ่มนวล และอัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม
- โดยฮอนด้ามีแผนขยายไลน์อัป e:HEV ให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ให้ได้สัมผัสกับรถยนต์ไฮบริดจากฮอนด้าอย่างเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น
- ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของฮอนด้า ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล โดยปัจจุบัน ฮอนด้า มีความพร้อมในการให้บริการและดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ทั้งด้านศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน อะไหล่ และช่างผู้เชี่ยวชาญ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ สะท้อนรากฐานความพร้อมที่มั่นคงในการก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
2.ด้านการบริการ
- ตั้งเป้าส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศเน้นลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญแห่งการบริการ โดยมุ่งดูแลลูกค้าปัจจุบันเพื่อความพึงพอใจสูงสุด พร้อมสร้างความรู้สึกภูมิใจในการเลือกใช้รถยนต์ฮอนด้า ด้วยการส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าตลอดการเป็นเจ้าของในทุกทัชพอยต์ อาทิ การบริการหลังการขายที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านประสบการณ์ในรูปแบบดิจิทัล การนำเสนอกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟให้เข้าร่วมตลอดปี รวมทั้งข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ
- มุ่งสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านเครือข่ายผู้จำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 222 แห่ง ที่พร้อมส่งมอบความประทับใจกับบริการหลังการขายภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้รับการบริการอย่างทั่วถึงและดีเยี่ยม และรู้สึกอุ่นใจที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวรถยนต์ฮอนด้า (Honda family)
3.ด้านการสร้างแบรนด์
- ในปีนี้ ฮอนด้า ได้เริ่มสื่อสารแบรนด์ภายใต้แนวคิด “Where The Drive Means More ขับเคลื่อนชีวิตไปให้สุดในแบบที่เป็นคุณ” ที่ผสานการสะท้อนความมีรสนิยมและมีชีวิตชีวา เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่ารถยนต์ฮอนด้า เป็นมากกว่ายานพาหนะ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่วางใจได้ พร้อมเคียงข้างและขับเคลื่อนแรง
บันดาลใจ เพื่อส่งมอบความสุขในทุกการเดินทางและทุกช่วงเวลาของชีวิต - โดยจะโฟกัสการเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ซึ่งการสื่อสารแบรนด์ดังกล่าว จะได้รับการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยผู้จำหน่ายจะร่วมเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงและส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจไปยังลูกค้า ผ่านกิจกรรมสุด
เอกซ์คลูซีฟตลอดปี
นอกจากการถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมาย ภายในงานยังได้มีพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่
ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาที่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของฮอนด้า และมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ครอบคลุมทั้งรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี รวมถึงรางวัลด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านยอดขาย ด้านส่วนแบ่งการตลาด ด้านการบริการหลังการขาย และอื่น ๆ รวม 82 รางวัลการจัดประชุมผู้จำหน่ายในครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไม่หยุดนิ่ง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าไปอีกขั้น และสร้างความประทับใจตลอดการเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า พร้อมเติบโตเคียงข้างคนไทยและสานต่อพันธกิจ
ในการเป็นองค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไปอย่างยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
Primus Group นำลูกค้าร่วมทริปรักษ์โลก ในงาน Eco–Exploration Trip เชียงใหม่–แพร่
เมื่อเร็วๆ นี้ “จิระพล รุจิวิพัฒน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป ร่วมกับ 2 พันธมิตร นำโดย “อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านการตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ “สุโรจน์ แสงสนิท” นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) จัดโครงการ “Eco–Exploration Trip” ครั้งที่ 3 เส้นทาง จ.เชียงใหม่ – จ.แพร่ เพื่อเปิดประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนา ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างการตระหนักรู้ด้านประโยชน์ของเทคโนโลยียานยนต์สะอาด ที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งในงานนี้ มีลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้าให้ความสนใจและเข้าร่วมกว่า 30 คัน
วันแรก เริ่มพิธีปล่อยขบวนคาราวานรถยนต์ไฟฟ้า ที่ “ช้างทอง เฮอริเทจ ปาร์ค” พิพิธภัณฑ์ต้นไม้โบราณแห่งแรกในเชียงใหม่ ที่รวมรวมพรรณไม้ดึกดำบรรพ์อายุกว่าร้อยปี ด้วยการกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการของผู้บริหาร ไพรม์มัส กรุ๊ป, ททท. และ EVAT พร้อมการชี้แจงรายละเอียดเส้นทางและกิจกรรมโดยรวมของทีมงาน ก่อนตีธงปล่อยคาราวานมุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปาง แวะทานอาหารกลางวันที่ “ร้านแกงหอม” ร้านอาหารไทย-เหนือต้นตำรับสไตล์ฟิวชั่นในสวน ใจกลางเมืองลำปาง
ต่อด้วยการเดินทางสู่วัดพระธาตุช่อแฮ วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ สักการะ “พระธาตุช่อแฮ” ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระเกศาธาตุ และพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า ที่ชาวล้านนาเชื่อว่า เป็นพระธาตุของผู้ที่เกิดปีขาล จะต้องมากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคล ภายในวัด ยังมี หลวงพ่อช่อแฮ, พระพุทธโลกนารถบพิตร, ธรรมาสน์โบราณ, กู่อัฐิครูบาศรีวิชัย แผ่นศิลาจารึกและภาพจิตรกรรมฝาหนังที่สวยงาม
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง “บ้านมัดใจ” บ้านเรือนไม้โอบล้อมด้วยพันธุ์ต้นไม้น้อยใหญ่ ที่ใช้สอนย้อมฮ่อมและเป็นคาเฟ่สไตล์โฮมเมด โดยที่นี่เราได้ทำกิจกรรม Workshop ผ้ามัดย้อมฮ่อม หรือผ้ามัดย้อมคราว สไตล์เมืองแพร่ โดยรับฟังการอธิบายวิธีสร้างลายบนผ้าเบื้องต้น ด้วยการมัด หนีบ ด้วยหนังยาง และนำไปจุ่มในม่อฮ่อนสีน้ำเงิน โดยเลือกสีอ่อน เข้มได้ ตามระยะเวลาในการจุ่มผ้า แม้เป็นกิจกรรมช่วงสั้นๆ แต่สร้างความสนุกสนานและตื่นเต้นกับการเห็นลวดลายบนผ้าในสไตล์ตัวเองที่มีผืนเดียวในโลก
ต่อด้วยการเดินทางสู่ที่พัก รร.คินโนเทล โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นใจกลางเมืองแพร่ เพื่อเช็คอินน์และพักผ่อนตามอัธยาศัย จากนั้นเข้าสู่โหมดงานเลี้ยงสรรค์ เริ่มด้วยการรับฟังการพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จากผู้บริหารของภาครัฐและเอกชน พร้อมเพลินเพลินกับอาหาร และเสียงเพลงจากมินิคอนเสิร์ตของ “บิว” เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์
วันรุ่งขึ้น หลังทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย นัดรวมพลอีกครั้ง เพื่อเดินทางสู่ “บ้านวงศ์บุรี” หรือ “คุ้มวงศ์บุรี”
เรือนไม้สักทอง ขนาดใหญ่ 2 ชั้น ทรงยุโรปประยุกต์ สีชมพูอ่อน อายุกว่า 100 ปี สร้างขึ้นโดยดำริของเจ้าแม่บัวถา ชายาองค์แรกของเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่ เพื่อเป็นเรือนหอของหลวงพงษ์พิบูลย์ ผู้สืบเชื้อสายอดีตเจ้าหลวงนครแพร่ กับเจ้าสุนันตา วงศ์บุรี ธิดาพระยาบุรีรัตน์ โดยช่างชาวจีนกวางตุ้ง ที่ใช้เทคนิคการสร้างฐานอาคาร ด้วยวิธีเรียงท่อนไม้ซุงขนาดใหญ่ก่อนก่ออิฐเทปูนทับ และการเข้าลิ้นสลักไม้ ไม่ตอกตะปู เอกลักษณ์การสร้างเรือนแบบช่างไทยโบราณ มุงหลังคาด้วยไม้แป้นเกล็ด ภายในประดับตกแต่ง ด้วยลวดลายฉลุไม้ ที่เรียกว่า “ขนมปังขิง” เป็นลายพรรณพฤกษาและเครือเถาว์ จากสภาพที่สมบูรณ์ “คุ้มวงศ์บุรี” ทำให้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่น ปี 2536 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
พร้อมกันนี้ ได้ร่วมทานอาหารในแบบ “ขันโตก” ของชาวเหนือ ที่จัดเต็มกับเมนูอาหารที่หลากหลาย ควบคู่กับการรับฟังเสียงเพลงขับกล่อมในสไตล์ล้านนาอย่างแท้จริง จากนั้น ผู้บริหาร ไพรม์มัส กรุ๊ป, , ททท. และ EVAT ขึ้นกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมกิจกรรม และถ่ายภาพหมู่กันอีกครั้ง ก่อนจบทริป Eco-Exploration Trip ครั้งที่ 3 อย่างเป็นทางการ ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและสนุกกับการท่องเที่ยวในแบบรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยยานยนต์
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
เลนโซ่เปิดตัวล้อแม็กรุ่นใหม่ “JAGER ASTRA” ชูจุดเด่น Duo Look Design cap เปลี่ยนลุคได้ในล้อเดียว พร้อม 3 อินฟลูเอนเซอร์ร่วมทดสอบจริง
บริษัท เลนโซ่ วีล จำกัด ผู้ผลิตล้อแม็กชั้นนำของประเทศไทยและระดับโลก จัดงานเปิดตัวล้อแม็กรุ่นใหม่ล่าสุด LENSO JAGER ASTRA ณ โรงงานผลิตหลักในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกร จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเน้นย้ำจุดยืนของแบรนด์ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมล้อแม็กที่ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่
พิชชา วีรพร Senior Marketing Manager บริษัท เลนโซ่ วีล จำกัด กล่าวว่า ล้อรุ่นใหม่ JAGER ASTRA ได้รับแรงบันดาลใจจากดวงดาว ถ่ายทอดผ่านเส้นสายดีไซน์เฉียบคม และโครงสร้างที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีล่าสุด LiteTECH+ จากเลนโซ่ เริ่มด้วยการออกแบบและปรับแต่งล้ออย่างละเอียด (design & weight optimization) จนลงตัวผ่าน โปรแกรม ไฟไนท์ อิลิเมนท์ จากนั้นจึงนำมาผลิตด้วยเทคนิคโฟลว์ฟอร์มิ่ง โดยใช้กระบวนการรีดที่อุณหภูมิต่ำ (Cold Form) ช่วยให้โครงสร้างของอนุภาคโลหะมีทิศทางการเรียงตัวที่เป็นระเบียบ ส่งผลให้ล้อมีความเบา แข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานเป็นพิเศษ
ล้อ JAGER ASTRA ได้รับการรับรองการผลิตมาตรฐานระดับโลก JWL+ จึงมีความมั่นใจในคุณภาพ โดยการรับประกันโครงสร้างล้อ 10 ปี และสีล้อ 2 ปี
จุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้คือฟังก์ชัน “Duo Look Design cap” ซึ่งเป็นระบบฝาแค็ปที่สามารถเปลี่ยนได้เองง่าย ๆ เพียงเปิดหรือปิด เพื่อสลับสไตล์ของล้อระหว่างแนวหรูหรา (Luxury) และแนวสปอร์ต (Sport) ได้ตามต้องการ ถือเป็นนวัตกรรมที่เพิ่มความยืดหยุ่นในการแต่งรถให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ทางเลนโซ่ยังเชิญอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในวงการยานยนต์ 3 ราย ได้แก่ “โน๊ต” จาก JS Racing ผู้เชี่ยวชาญด้านรถสปอร์ตหรูสมรรถนะสูง “ดรีม” จาก RaceSpec Wheel ที่ปรึกษาด้านล้อแม็กและฟิตเมนต์ และ“ส้ม” จาก AC Power ยูทูบเบอร์สายแต่งรถผู้มีประสบการณ์สูง เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนแนวโน้มการแต่งรถในปี 2025 พร้อมทดลองเปลี่ยน Duo Look Design cap ด้วยตนเอง และให้ความเห็นในเชิงเทคนิคเกี่ยวกับสมรรถนะและดีไซน์ของล้อ JAGER ASTRA ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในแง่บวก โดยเฉพาะเรื่องความง่ายในการปรับเปลี่ยนและน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ
รายละเอียดล้อ JAGER ASTRA
- ขนาด: 18”x9.0” | PCD: 6×139.7 | Offset: ET+15
- ขนาด: 20”x9.0” | PCD: 6×139.7 | Offset: ET+15
- รับประกันโครงสร้าง: 10 ปี
- รับประกันสี: 2 ปี
มาพร้อมกับ 6 สีให้เลือกตามสไตล์การแต่งรถ สีดำเงา, ดำด้าน, น้ำตาลไหม้, Hyper Black, Hyper Dark และ Bright Gold
งานเปิดตัวครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเลนโซ่ในการพัฒนานวัตกรรมล้อแม็กที่ตอบโจทย์ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
หากสนใจสั่งซื้อ JAGER ASTRA สามารถติดต่อได้ที่ร้านตัวแทนทั่วประเทศไทย หรือ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ หาตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านได้ ทาง Facebook Page : JAGER Wheels
#JAGERASTRA #LITETECHPLUS #DuoLookDesignCap
-
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปล่อยแคมเปญล่าสุดจาก MB Tires กับข้อเสนอ “เปลี่ยนยางฯ 4 เส้น จ่ายเพียง 3 เส้น” พร้อมจองสิทธิ์ได้แล้ววันนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกหลายรายการ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เอาใจลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขับขี่ในทุกเส้นทางตลอดช่วงหน้าฝนนี้ นำเสนอแคมเปญบริการหลังการขายของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม MB Tires กับข้อเสนอสุดพิเศษ “เปลี่ยนยางฯ 4 เส้น จ่ายเพียง 3 เส้น*” สำหรับเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น ทุกช่วงอายุรถยนต์ เมื่อเข้ารับบริการเปลี่ยนยางรถยนต์พร้อมกัน 4 เส้น
ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ที่เข้าร่วมรายการสำหรับแคมเปญดังกล่าว จำนวน 38 แห่ง โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม MB Tires เป็นยางรถยนต์คุณภาพสูงที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ร่วมพัฒนากับผู้ผลิตยางระดับโลกหลากหลายแบรนด์ เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานในทุกรูปแบบการขับขี่สำหรับรถยนต์
ทุกเซกเมนต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่ต้องการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นพร้อมกับ ความปลอดภัยขั้นสูงสุดลูกค้าที่สนใจข้อเสนอพิเศษจากแคมเปญ MB Tires สามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2568
ถึง 30 พฤษภาคม 2568 และเข้ารับบริการเปลี่ยนยางฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ถึง 31 สิงหาคม 2568 พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้- ฟรี! ค่าแรงเปลี่ยนยาง 4 เส้น*
- ฟรี! ชุดของขวัญพิเศษ MB Tires Gift set* (มูลค่า 3,146 บาท)
- ฟรี! ของขวัญจากผู้ผลิตฯ ยาง* (ยี่ห้อ Pirelli, Continental, Yokohama) สินค้ามีจำนวนจำกัด
- ฟรี! บัตรกำนัล มูลค่า 1,000 บาท* (สำหรับลูกค้าจองบริการเปลี่ยนยางล่วงหน้า)
- ฟรี! บริการสลับยาง 1 ครั้ง*
- การรับประกันยาง บาด บวม แตก ตำ 1 ปี* มีเฉพาะยี่ห้อที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้เท่านั้นและเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของผู้ผลิตฯ ยางรถยนต์แต่ละราย
- แบ่งชำระ 0% 10 เดือน* เมื่อมียอดค่าใช้จ่าย 30,000 บาทขึ้นไป ผ่านบัตรเครดิตยูโอบีเมอร์เซเดส
นัดหมายล่วงหน้าเพื่อจองสิทธิ์และเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เข้าร่วมรายการ คลิก https://mb4.me/OAB_2025 หรือ ติดต่อศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เข้าร่วมรายการใกล้บ้านคุณ
*เงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติม
- สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์เปลี่ยนยางรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำนวน 4 เส้น เฉพาะยี่ห้อ Michelin, Pirelli, Continental, Goodyear, Bridgestone, Yokohama ที่ศูนย์
บริการฯ ที่เข้าร่วมโปรแกรม MB Tires ตั้งแต่ 20 พฤษภาคม 2568 – 30 พฤษภาคม 2568 และชำระค่าใช้จ่ายภายในระยะเวลาตั้งแต่ 20 พฤษภาคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568 - ลูกค้าสามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 30 พฤษภาคม 2568 (ศูนย์บริการยางฯ 38 แห่งทั่วประเทศ)
- สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์บริการยางฯ ที่จองสิทธิ์ไว้เท่านั้น
- ยางที่แถมจะเป็นยางรุ่นและขนาดเดียวกันกับยางที่ลูกค้าชำระค่าใช้จ่าย และ/หรือยางที่ราคาขายแนะนำถูกที่สุด
- การสนับสนุน 1 สิทธิ์ สามารถใช้ได้เพียง 1 ครั้งต่อหมายเลขตัวถังเท่านั้น
- สิทธิพิเศษนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด กรณีมีข้อโต้แย้ง การตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด
- โปรดตรวจสอบรายละเอียดแคมเปญได้ ณ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ
สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://mb4.me/TH_CSSpecialOffers หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าฯ โทร. 1250 ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด
#MercedesBenz #MercedesBenzThailand #MBThCS
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine