-
เปิดตัว “Porsche Centre Pattaya” จุดหมายใหม่แห่งความเหนือระดับ สำหรับลูกค้าและผู้หลงใหลยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ในภาคตะวันออก
บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด ประกาศเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา (Porsche Centre Pattaya) โชว์รูมและศูนย์บริการระดับโลกแห่งใหม่บนถนนสุขุมวิท บางละมุง พัทยา บนพื้นที่กว่า 5,300 ตารางเมตร ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่ ภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในภาคตะวันออก
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดยในงานนี้ทางไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต ได้เผยโฉมรถยนต์ที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 พร้อมด้วย ปอร์เช่ 911 GT3 พร้อมชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Manthey Performance Kit และ ปอร์เช่ 718 GT4 RS สร้างความตื่นตาตื่นใจและให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
นายแอนดรูว์ บาแชม กรรมการผู้จัดการ ไซม์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “ความร่วมมืออันยาวนานระหว่างเรากับปอร์เช่ดำเนินมายาวนานกว่าทศวรรษ และครอบคลุมหลายประเทศ รวมถึงมาเลเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และปัจจุบันคือประเทศไทย เส้นทางความร่วมมือของเราเต็มไปด้วยความสำเร็จที่น่าจดจำ ตั้งแต่การก่อตั้งโรงงานประกอบรถปอร์เช่แห่งแรกนอกยุโรปที่เมือง
อิโนโคม ไปจนถึงการผลิตรถปอร์เช่ คาเยนน์เพื่อส่งออกมายังประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานระดับโลกพร้อมเดินหน้าพัฒนาขับเคลื่อนวงการยานยนต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค”นายฮานเนส รูออฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก เผยว่า “ปอร์เช่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในประเทศไทย โดยปี 2567 ถือเป็นปีแห่งความสำเร็จที่โดดเด่น ตั้งแต่การนำเข้า Cayenne S E-Hybrid Coupé รุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาค ไปจนถึงการเปิด ปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก และป๊อปอัพคอนเซ็ปต์ Curvistan Bangkok (เคอร์วิสตาน แบงคอก) และในวันนี้ เราก้าวไปอีกขั้นในการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายด้วยการเปิด Porsche Centre Pattaya แห่งใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษและความประทับใจที่ให้กับเจ้าของปอร์เช่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าไปกับพันธมิตรทางธุรกิจของเราเพื่อสร้างความเป็นเลิศในการให้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วภูมิภาค”
นายไมเคิล เวตเตอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ปอร์เช่ ประเทศไทย ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ แห่งที่ 4 เข้าสู่เครือข่ายของเรา ซึ่งบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต จำกัด ถือว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีประสบการณ์อันยาวนานในวงการปอร์เช่ โดยลูกค้าและแฟนของปอร์เช่มั่นใจได้ว่า รถสปอร์ตในฝันของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ภายใต้บริการที่มีมาตรฐานระดับโลก”
นายอาร์นท์ เบเยอร์ กรรมการผู้จัดการ ไซม์ ดาร์บี้ ออโต้ สปอร์ต กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา ซึ่งเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย พนักงานทุกคนผ่านการฝึกอบรมระดับสูงและใส่ใจในทุกรายละเอียด พวกเราพร้อมให้บริการระดับพรีเมียมและรอต้อนรับลูกค้าทั่วภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย ทั้งในชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และพัทยา เข้าสู่ครอบครัวปอร์เช่”สัมผัสประสบการณ์ “Destination Porsche”
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เป็นหนึ่งในศูนย์แห่งใหม่แห่งแรกของปอร์เช่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ผสมผสานแนวคิดสถาปัตยกรรมล่าสุดภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” ส่วนหน้าของโชว์รูมภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบในโทนสีแดงตัดกับสีเงินคลาสสิก ซึ่งสะท้อนถึงความหลงใหลและมรดกอันล้ำค่าของปอร์เช่ พร้อมสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมอันไม่หยุดนิ่ง
ซึ่งเป็นคุณค่าที่ฝังแน่นอยู่ในรถสปอร์ตทุกคันของปอร์เช่โชว์รูมแห่งนี้โดดเด่นด้วยการออกแบบในเรื่องการประหยัดพลังงาน อาทิ หลังคา ผนัง และกระจกที่เป็นฉนวนกันความร้อนสูงเพื่อลดการได้รับความร้อนและทำให้ใช้พลังงานต่ำลง มีการนำระบบกักเก็บน้ำฝนมาใช้ร่วมกับ อุปกรณ์ประหยัดน้ำเพื่อลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ ทำให้สามารถลดการใช้น้ำได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า 255,000 ลิตรต่อปี
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา ที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 261 กิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยให้ผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 50% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ภายในโชว์รูมกว้างขวางทันสมัย มี ‘Racing Line’ พื้นที่จัดแสดงยนตรกรรมชั้นเลิศได้ถึง 8 คัน มีแสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาช่วยทำให้รถโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดิจิทัลมากมาย รวมถึง Porsche Car Configurator พื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานได้หลากหลาย เช่น Co-working Space และ การจัดกิจกรรมในโชว์รูม นอกจากนี้ ยังมีมุมสำหรับคอลเลคชั่นสินค้าไลฟ์สไตล์ของปอร์เช่ที่นำเข้าจากเยอรมนี ทั้งรถจำลอง เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้เติมเต็มจิตวิญญาณปอร์เช่ในทุกช่วงเวลา
Porsche Service Pattaya การฝึกอบรมและการให้บริการระดับพรีเมียม
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมส่งมอบประสบการณ์ด้านบริการที่ครอบคลุมครบวงจรตอบโจทย์ผู้ใช้รถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น รองรับด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมขั้นสูง มั่นใจได้ว่ารถยนต์ของท่านจะได้รับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอย่างดีที่สุด ภายในศูนย์บริการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือเฉพาะทาง อาทิ ห้องซ่อมแบตเตอรี่ สำหรับปอร์เช่ EV แบตเตอรี่แบบโมดูลาร์ ห้องซ่อมเครื่องยนต์–ระบบส่งกำลัง ระบบทดสอบไฟหน้าพร้อมระบบกล้อง เครื่องถ่วงล้ออัตโนมัติที่จำลองแรงเสียดทานจริง รวมถึงการตั้งศูนย์ล้อ 3D แบบออนไลน์ และเครื่องเปลี่ยนยางแบบไร้คานงัด โดยเครื่องมือทั้งหมดได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดเหมือนกับศูนย์บริการปอร์เช่ทุกแห่ง นอกจากนี้มีการติดตั้งรอกยกแบบฝังใต้ดิน ทำให้สภาพแวดล้อมดูสะอาดตา และใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า สามารถเข้าถึงช่วงล่างของรถและห้องโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย โดยรอกแบบฝังใต้ดินนี้ยังปลอดภัยและมีความทนทานมากกว่าเมื่อเทียบกับรอกที่อยู่เหนือพื้นดิน
บนชั้นสองของศูนย์บริการเป็นห้องทำสีและซ่อมตัวถังมาตรฐานโลกรับรองโดย VAS พร้อมห้องเชื่อมควบคุมอุณหภูมิ เพื่อการประมวลผลการซ่อมแซมตัวถังเหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ยังมีห้องเตรียมสีแบบปิด 2 ห้อง พื้นที่ทำงาน และห้องพ่นสีทันสมัย 2 ห้องที่พร้อมดูแลซ่อมแซมปอร์เช่ทุกคัน อีกทั้งยังมีบริการเสริมหลากหลาย อาทิ การเคลือบสี ติดตั้งฟิล์มกันรอย (PPF) ฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟและมูนรูฟ งานตกแต่งภายใน และการดูแลเบาะหนัง
ทีมงานปอร์เช่ เซอร์วิส พัทยา รวบรวมทีมงานที่มีประสบการณ์สูงทั้งช่างเทคนิคที่มีทักษะและผู้เชี่ยวชาญด้านตัวถังและสีที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการดูแลรักษารถยนต์ปอร์เช่โดยเฉพาะ ซึ่งพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าปอร์เช่ทุกคนในภาคตะวันออกของประเทศไทย
การเปิดตัวรถสุดพิเศษในงานเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดยหนึ่งในไฮไลท์ของงานนี้คือการเผยโฉม 911 GTS T-Hybrid ซึ่งเป็น 911 รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดสมรรถนะสูงน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และยังสร้างกระแสในงานเปิดตัว ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา อีกด้วย 911 GTS ถือเป็นก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญของรุ่น 911 ที่ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ T-Hybrid นวัตกรรมใหม่ซึ่งช่วยปรับปรุงอัตราเร่งและการตอบสนองได้ดีขึ้น ระบบช่วงล่างยังได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพื่อการควบคุมที่รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยี T-Hybrid ส่งผลให้ 911 GTS มีพละกำลังและสมรรถนะที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ปอร์เช่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมรถสปอร์ตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง 718 GT4 RS รุ่นที่มีความสมบูรณ์แบบและทรงพลังที่สุดในสาย ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์สันดาปภายในรอบสูง ผสานโครงสร้างน้ำหนักเบา การตั้งค่าแชสซีปรับจูนให้คล่องแคล่ว อากาศพลศาสตร์ขั้นสูง และเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำมารวมกันแล้วทำให้สร้างประสบการณ์การขับขี่ปอร์เช่ที่เหนือระดับ รถยนต์คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตรที่นำมาจากรุ่น 911 GT3 Cup โดยตรง และพละกำลัง 500 PS (493 แรงม้า) พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมที่ครบครัน รวมถึงแพ็คเกจ Weissach และระบบเบรกคอมโพสิตเซรามิกของปอร์เช่ ตอบสนองทุกความต้องการของนักแข่งมอเตอร์สปอร์ต และ 718 GT4 RS ยังโดดเด่นด้วยสี Shark Blue ซึ่งเป็นสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศไทย
สำหรับ 911 GT3 สี Arctic Gray โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีรถแข่งที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรุ่นการผลิต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบนอนขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลัง 510 แรงม้า มาพร้อมกับชุดแต่งของ Manthey ประกอบด้วยสปอยเลอร์หลังที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น และระบบกันสะเทือนแบบคอยล์โอเวอร์ที่ปรับได้ 4 ทิศทาง สมรรถนะที่
โดดเด่นได้รับการพิสูจน์ด้วยเวลาต่อรอบที่ดีขึ้นถึง 4.19 วินาทีที่ สนามแข่ง Nürburgring Nordschleifeปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมเปิดให้บริการเพื่อสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ
ปอร์เช่ เซ็นเตอร์ พัทยา พร้อมต้อนรับลูกค้าและแฟนปอร์เช่ทุกท่านที่มีใจรักในนวัตกรรมและสมรรถนะของรถปอร์เช่ มาร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นของปอร์เช่ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เพลิดเพลินไปกับการต้อนรับสุดพิเศษ จาก Back to School Café ที่นำเสนอกาแฟระดับพรีเมียมอย่าง “911 roast” เมนูสูตรพิเศษที่ได้รับการรังสรรค์เพื่อลูกค้าที่มีรสนิยมเช่นคุณ พร้อมเมนูเครื่องดื่มเอ็กซ์คลูซีฟอื่น ๆ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่โชว์รูมแห่งนี้เท่านั้น
สำหรับลูกค้าที่เข้ารับบริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ปรึกษาทีมงานมืออาชีพ หรือเข้าร่วมงานอีเว้นท์พิเศษของเรา ทุกท่านจะได้รับการต้อนรับระดับพรีเมียมในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรตามแบบฉบับของปอร์เช่สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมหรือนัดเข้ารับบริการและปรึกษาส่วนตัวได้ที่
โทร: 038 239 911
หรือ Line OA: @porschepattaya
หรือ Email: contact@porsche-pattaya.com
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
GWM สยายปีกสู่เวทีระดับโลก เปิด 3 กลยุทธ์สำคัญ ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ทุ่ม 500 ล้านหยวน ตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
GWM ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” โดยในงาน Auto Shanghai 2025 ครั้งที่ 21 นอกจากจะได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมงานทั่วโลกด้วยทัพยนตรกรรมกว่า 40 รุ่น จาก 6 แบรนด์หลัก GWM ยังได้ประกาศ 3 กลยุทธ์สำคัญเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในระดับโลกอีกด้วย ได้แก่ 1.) ยกระดับมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ พร้อมตอบความต้องการในทุกตลาดด้วยนวัตกรรมที่หลากหลายและครอบคลุม 2.) พัฒนานวัตกรรมระบบขับเคลื่อนที่ล้ำหน้าและหลากหลายของตนเองเพื่อผู้ใช้ทั่วโลก 3.) สร้างระบบนิเวศร่วมกับชุมชนทั่วโลก พร้อมทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านหยวน (2,300 ล้านบาทโดยประมาณ) เพื่อจัดตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ทั้งหมดนี้ คือการมุ่งสร้างการเติบโตในระดับสากลของ GWM เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง มอบประสบการณ์อัจฉริยะในการเดินทางเพื่ออนาคตที่ครอบคลุมกว่าและเหนือกว่าในทุกมิติอย่างแท้จริง
มู่ เฟิง ประธาน GWM กล่าวว่า “ภารกิจของ GWM คือการก้าวข้ามขีดจำกัดในทุกมิติ เพื่อมอบยนตรกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยในครั้งนี้บริษัทฯ มาพร้อมกับ 3 กลยุทธ์สำคัญที่กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัย การพัฒนาและผลิตเครื่องยนต์อย่างครบวงจร รวมทั้งการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ที่ยั่งยืนในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุก ๆ ด้าน GWM จะยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้บุกเบิกทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมสร้างไลฟ์สไตล์ยานยนต์ที่สอดคล้องกับแนวคิด ‘เทคโนโลยีที่เต็มไปด้วยความรัก และโลกที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต” (Tech With More Love. World With More Life) เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก”
3 กลยุทธ์สำคัญในการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในระดับโลกของ GWM ประกอบด้วย
Consistency & Diversity: ยกระดับมาตรฐานสากล “อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ” พร้อมย้ำ “ความปลอดภัย” คือหัวใจหลักของแบรนด์
GWM ตอกย้ำความเป็นผู้นำในระดับโลกผ่านกลยุทธ์ “มาตรฐานระดับโลกควบคู่กับการปรับให้เหมาะสมในแต่ละท้องถิ่น” (Global Standards + Local Customization Strategy) โดยมุ่งยกระดับทั้งคุณภาพและความปลอดภัยของรถยนต์ตามมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง ยืนยันความสำเร็จด้วยคะแนน 5 ดาวจากการทดสอบชั้นนำในหลากหลายเวทีทั่วโลก สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกได้อย่างแท้จริง มอบความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับกลยุทธ์ดังกล่าว ในปี 2568 นี้ GWM ได้มีการลงทุนกว่า 500 ล้านหยวน หรือกว่า 2,300 ล้านบาท ในการก่อตั้งศูนย์ทดสอบความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ในเมืองเป่าติ้ง ประเทศจีน อีกทั้งยังได้มีการจัดแสดงแบบจำลองของศูนย์ทดสอบความปลอดภัยและห้องปฏิบัติการอุโมงค์ลม ภายในงาน Auto Shanghai 2025 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นและความทุ่มเทด้านความปลอดภัยของยานยนต์พลังงานใหม่ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นอกจากด้านมาตรฐานระดับโลกแล้ว GWM ยังเสริมสร้างรากฐานของแบรนด์ให้แข็งแกร่งในทั้ง 3 มิติผ่าน “ตัวตน คุณภาพ และการบริการ” (Character, Quality, and Service) ร่วมกับการยกระดับเอกลักษณ์แบรนด์ในทั้ง 3 ด้าน “ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม” (Product, Technology, and Culture) ด้วยการพัฒนาและปรับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด เช่น GWM TANK 300 รุ่น Middle East Edition ที่มาพร้อมเพดานดวงดาวระยิบระยับเสมือนบรรยากาศท้องฟ้าในยามราตรี และ GWM ORA รุ่น Nordic Edition ที่แต่งแต้มบรรยากาศด้วยไฟหลากสีสันราวกับแสงเหนืออันตระการตา รวมถึงการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริงผนวกกับการสร้างการรับรู้และขยายชื่อเสียงของแบรนด์และการยอมรับในระดับนานาชาติได้อย่างแข็งแกร่ง
Powerful Powertrains for Globalization: พัฒนานวัตกรรมระบบขับเคลื่อนที่ล้ำหน้าของตนเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะ
ก่อนที่ GWM จะประสบความสำเร็จจนสามารถสร้างชื่อเสียงอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศจีนและระดับโลกในปัจจุบันนั้น GWM ก้าวสู่ความสำเร็จจากการเปิดตัวรถกระบะรุ่น “Deer” ในปี 2538 และเริ่มขยายไปยังตลาดต่างประเทศในปี 2540 หลังจากที่ แจ็ค เว่ย ผู้ก่อตั้ง GWM ได้รับแรงบันดาลใจจากการเติบโตของตลาดรถกระบะหลังจากที่ได้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย จนนำไปสู่การริเริ่มและพัฒนาธุรกิจ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าสำหรับรถกระบะเพื่อจัดจำหน่ายในประเทศจีน และขึ้นครองตำแหน่งแบรนด์ที่มียอดขายรถกระบะสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 26 ปีซ้อนในที่สุด ในปี 2545 GWM รุกตลาดรถยนต์เอสยูวีผ่านรุ่น GWM Safe และ GWM HAVAL H6 จนพัฒนาจาก “ผู้นำในตลาดรถยนต์เอสยูวีของจีน” สู่การเป็น “เพื่อนร่วมทางสำหรับบรรดาครอบครัวทั่วทุกมุมโลก” GWM ยังได้มีการขยายแบรนด์ให้ครอบคลุมในหลากหลายทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา เช่น GWM WEY ที่ได้เปิดประตู GWM ให้ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียม GWM ORA กับการเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ GWM TANK ที่ผงาดขึ้นเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดออฟโรดระดับโลกที่เต็มไปด้วยคาแรกเตอร์ที่แตกต่าง แข็งแกร่ง และพรีเมียม
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับโลก GWM มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจภายใต้
กลยุทธ์ “การพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี” (Technological Self-Reliance) กับการวิจัยและพัฒนา ผลิต ตลอดจนซ่อมบำรุง และการดูแลอย่างครบวงจรด้วยตนเอง เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น GWM ยังมาพร้อมกับกลยุทธ์ “การพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างครอบคลุม” (Broad Internal Combustion) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง นำไปสู่การสร้างระบบขับเคลื่อนไฮบริดสี่ล้ออัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ อาทิ Hi4, Hi4 Performance Edition, Hi4-Z, Hi4-T และ Hi4-G ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปจนถึงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ตอบโจทย์การเดินทางและการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างเป็นรูปธรรมAn Ecological Community: สร้างระบบนิเวศร่วมกับชุมชนทั่วทุกมุมโลก เพื่อบูรณาการในชุมชนทั่วโลกอย่างยั่งยืน
การพัฒนาและการปรับผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้บริโภคอาจยังไม่เพียงพอ การร่วมมือกับท้องถิ่นจึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะทำให้ GWM สามารถดำเนินและขยายธุรกิจไปสู่ระดับโลกได้อย่างยั่งยืน นำไปสู่แนวคิด “อยู่ในท้องถิ่น เพื่อตลาดท้องถิ่น และบูรณาการกับชุมชนท้องถิ่น” (Being in the Local Market, For the Local Market, and Integrating into the Local Community) ด้วยการดำเนินธุรกิจในกว่า 170 ประเทศ ครอบคลุมทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา เอเชียแปซิฟิก และแอฟริกา โดย GWM มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของตลาดแต่ละแห่งด้วยความเข้าใจในอุตสาหกรรมยานยนต์ในตลาดนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังได้มีการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกับซัพพลายเออร์ระดับนานาชาติและพันธมิตรในอุตสาหกรรมไฮเทคชั้นนำกว่า 300 รายทั่วโลก เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ GWM นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกลยุทธ์ “การขยายระบบนิเวศในต่างประเทศ” (Ecosystem Expansion Abroad) ที่ครอบคลุมตั้งแต่ด้านการวิจัยและการพัฒนา การผลิต
ห่วงโซ่อุปทาน การขาย และการบริการหลังการขายในตลาดต่างประเทศอย่างไร้ขีดจำกัด ล่าสุด GWM ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่
“GWM Beacon” ที่สื่อถึงพันธสัญญาอันแน่วแน่ในการขยายตัวสู่ระดับโลก สอดคล้องกับแนวคิด “One GWM” ที่สะท้อนให้เห็นว่า GWM เป็นแบรนด์ที่มีความเชื่อมโยงทั่วโลก อีกทั้งจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งผ่าน
“การขยายระบบนิเวศควบคู่การเจาะลึกในตลาดท้องถิ่น” (Ecosystem Expansion + Deep Localization) สู่การส่งมอบยนตรกรรมคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกจากจุดเริ่มต้นในประเทศจีน GWM พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าขยายตัวสู่ตลาดโลกอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการขับเคลื่อนสุดอัจฉริยะและนวัตกรรมยานยนต์อันล้ำสมัยโดยมีประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อผลิตและส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
-
“คอนเสิร์ท 62 ปี The Youngsters”
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน MOTOR EXPO หนึ่งในสมาชิกวง The Youngsters จัดงาน “คอนเสิร์ท 62 ปี • Young Heart Never Dies” บรรยากาศคอนเสิร์ทผ่านพ้นไปอย่างน่าประทับใจ มีวง ”From Here to the Moon” มาเพิ่มความสนุก และมีตัวแทนบริษัทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอดจนเพื่อนๆ มาร่วมให้กำลังใจอย่างคับคั่ง ที่พิพิธภัณฑ์คนรักรถ “Auto Rendezvous Museum-Bangkok” ชั้น 1 สำนักงาน บริษัท สื่อสากล จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
JAECOO 7 SHS ตอกย้ำความเป็น No.1 Longest Driving Range* ในประเทศไทย ทำสถิติวิ่งได้ไกลถึง 1,433 กิโลเมตรด้วย 1 ถัง 1 ชาร์จ ในการแข่งขัน
OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จในการทำสถิติอันน่าประทับใจในประเทศไทย กับ JAECOO 7 SHS ตอกย้ำความเป็น No.1 Longest Driving Range* in Thailand ด้วยการทำสถิติวิ่งไกลถึง 1,433 กิโลเมตรด้วยน้ำมันเพียงหนึ่งถังและการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว ได้รับอันดับที่ 4 ของโลก จากการแข่งขันทดสอบการทำสถิติการวิ่งระยะไกล JACOO 7 SHS Global Super Hybrid Marathon
ในการทดสอบ “One Tank One Charge, Beyond 1,300 KM” ในประเทศไทย JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่โดดเด่น ขณะเดินทางผ่านหลายจังหวัด ได้แก่ อยุธยา นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ นครปฐม และกาญจนบุรี โดยการเดินทางครั้งนี้ได้รับการพิสูจน์โดยคุณเขต ธาราเขต และคุณเพลง ชนารดี ซึ่งยืนยันประสิทธิภาพที่น่าทึ่งของรถยนต์คันนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- โหมด EV ล้วนวิ่งได้ไกลถึง 130 กิโลเมตร (โดยสามารถรีเจนกลับมาได้เรื่อยๆ)
- ระยะทางรวมที่วิ่งได้: 1,297.2 กิโลเมตร
- น้ำมันที่เหลือยังสามารถวิ่งได้อีก: 115 กิโลเมตร
- แบตเตอรี่ที่เหลือยังสามารถวิ่งได้อีก: 21 กิโลเมตร
- รวมระยะทางทั้งหมดที่สามารถทำได้: 1,433.2 กิโลเมตร
JAECOO 7 SHS สามารถชาร์จจาก 30% เป็น 80% ได้ในเวลาเพียง 20 นาที ด้วยการชาร์จเร็วแบบ DC
ความสำเร็จนี้ตอกย้ำตำแหน่ง No.1 Longest Driving Range in Thailand ของ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) ในกลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยรถยนต์คันนี้ทำอัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดในทริปนี้ที่ 32.3 กิโลเมตรต่อลิตร พิสูจน์ถึงความประหยัดและสมรรถนะที่มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง ตอบโจทย์ทุกความสนุกในการขับขี่ ตอกย้ำความเป็น No.1 Longest Driving Range* in Thailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) มอบทองคำมูลค่ารวมกว่า 7 แสนบาท ให้กับลูกค้าผู้โชคดี จากแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Select และบริการสินเชื่อ Top-Up Refinance
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (‘บริษัทฯ’) ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรสำหรับผู้ใช้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ตอบแทนลูกค้าคนสำคัญด้วยการจัดงานมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีจาก 2 แคมเปญพิเศษ ได้แก่ แคมเปญลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 5 แสนบาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ “Mercedes-Benz Select” ผ่านแพลตฟอร์ม Mercedez-Benz Certified Thailand พร้อมทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ และแคมเปญลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาท สำหรับลูกค้า “Top-Up Refinance” ซึ่งเป็นข้อเสนอพิเศษ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ครบวงจรให้กับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกท่าน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการจับรางวัลไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมวิลล่า บารอน ปากเกร็ด และมีพิธีมอบรางวัลให้กับผู้โชคดีทั้งหมดในวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ณ เดอะ เฮาส์ ออน สาทร (The House on Sathorn) โดยมี คุณศุภวุฒิ จีรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ และคณะผู้บริหารบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดีในครั้งนี้
นายศุภวุฒิ จีรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) มีความยินดีที่จะมอบรางวัลให้กับ ผู้โชคดีทุกท่านในครั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะดูแลลูกค้าตลอดการใช้งานรถยนต์ของท่าน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการ นอกเหนือจากบริการทางการเงินสำหรับรถใหม่ ซึ่งเป็นบริการที่ครอบคลุมทุกช่วงระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถยนต์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่าง Mercedes-Benz Select ที่เราจะมอบประสบการณ์ที่มีมาตรฐานสำหรับการขายรถยนต์ของท่าน ตั้งแต่การตรวจสภาพรถยนต์ การแนะนำเรื่องการตั้งราคาที่มาจากไกด์ไลน์ของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการขายรถยนต์เองตามผู้ขายรถมือสองอิสระต่างๆ และเรายังสามารถทราบได้อีกว่ารถยนต์ที่เรารักจะไปอยู่กับลูกค้าท่านไหนต่อไปผ่านบริการสินเชื่อสำหรับรถยนต์ใช้แล้ว นอกเหนือจากนั้นบริษัทฯ ยังให้บริการ Top-Up Refinance วงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องจากรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ของท่าน ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ เท่านั้น ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจและไว้วางใจได้เมื่อใช้บริการทางการเงินกับเรา จะได้รับบริการด้วยความเป็นมืออาชีพแบบ เมอร์เซเดส-เบนซ์ สุดท้ายนี้ผมขอแสดงความยินดีกับทุกท่านอีกครั้ง หวังว่าเราจะได้ดูแลท่านต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถคันใหม่ วงเงินรีไฟแนนซ์ รวมถึงประกันภัย ไปจนถึงการซื้อขายรถผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทฯ”
รางวัลในแคมเปญ “ลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 5 แสนบาท สำหรับลูกค้า Mercedes-Benz Select และทองคำมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาท สำหรับลูกค้า Top-Up Refinance” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท และมีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้
- รางวัลสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสอง ผ่านแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Select และทำสัญญาทางการเงินกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ทั้งหมด 6 รางวัล มูลค่ารวม 527,500 บาท ดังนี้
- รางวัลทองคำแท่งหนัก 5 บาท มูลค่า 263,750 บาท จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ คุณ นักรบ สกุลทหาร
- รางวัลทองคำแท่งหนัก 1 บาท รางวัลละ 52,750 บาท จำนวน 5 รางวัล มูลค่ารวม 263,750 บาท ได้แก่ คุณอนิรุทธิ์ กิมเยื้อน, บริษัท อนัญญา โซลูชั่น จำกัด, คุณกรรณ์ ชวกรกุล, บริษัท เจตาแบค จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ภชิสา จำกัด
- รางวัลสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อ Top-Up Refinance รับทองคำแท่งหนัก 1 บาท มูลค่ารางวัลละ 52,750 บาท ทั้งหมด 5 รางวัล มูลค่ารวม 263,750 บาท ได้แก่ คุณชมภูรัช เถาว์เป็น, คุณกฤษขจร บุญญาวุฒิกุล, คุณสุทธินี ไชยวุฒิ, คุณวสันต์ ธนลภัสวาณิชย์ และ คุณปุณณดา อภิดำรงธรากุล
คุณนักรบ สกุลทหาร ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่ทองคำหนัก 5 บาท มูลค่า 263,750 บาท ในแคมเปญ Mercedes-Benz Select กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้ว่า “ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากๆ ครับที่ได้รับรางวัลนี้ ก่อนหน้านี้ผมรู้จักแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Select ผ่านทางโฆษณาออนไลน์บนเฟสบุ๊ค และในช่วงนั้นผมกำลังมองหารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้แล้วอยู่พอดี ซึ่งบนเว็บไซต์มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ผมเลือกเยอะมากๆ หลายร้อยคัน ซึ่งผมก็ได้เจอรถที่ผมถูกใจที่นี่ โดยผมตัดสินใจซื้อรถผ่านทางแพลตฟอร์มนี้เพราะมีความน่าเชื่อถือ เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือสองที่ให้บริการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ โดยตรงและมีการันตีให้ว่ารถยนต์ทุกคันผ่านการตรวจเช็กสภาพมาแล้วมากกว่า 200 รายการ ทำให้ผมมั่นใจเป็นอย่างมากครับ นอกเหนือจากนี้รถที่ขึ้นขายยังมีราคาที่ดี เจ้าหน้าที่ให้บริการและให้คำแนะนำอย่างดี รวดเร็ว และมีบริการทางการเงินที่พร้อมบริการเรา ทำให้เราสะดวกสบาย ไม่ต้องไปหาไฟแนนซ์ที่อื่นเอง สุดท้ายผมอยากแนะนำ Mercedes-Benz Select ให้กับทุกคนที่กำลังมองหารถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้แล้ว ที่นี่มีตัวเลือกให้เราเยอะที่สุด อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพรถ เรื่องการยื่นขอสินเชื่อ เพราะเค้ามีพร้อมให้ครบ จบ เรียกได้ว่า Mercedes-Benz Select เป็น One Stop Services Platform ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มือสองอย่างแท้จริงเลยครับ”
คุณวสันต์ ธนลภัสวาณิชย์ ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 52,750 บาท
ในแคมเปญ Top-Up Refinance กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้ว่า “ผมรู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลมากครับ โดยผมเลือกใช้บริการ Top-Up Refinance กับทางบริษัทฯ เพราะว่าสะดวก เจ้าหน้าที่บริการดี ที่สำคัญดอกเบี้ยต่ำ และไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งบริษัทฯ ให้วงเงินกับลูกค้าค่อนข้างดีครับ โดยข้อดีที่เราทำสินเชื่อกับทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ คือทางบริษัทฯ อนุมัติสินเชื่อให้เราได้อย่างรวดเร็ว เพราะรู้ประวัติของเราอยู่แล้ว และเราก็มั่นใจที่นี่เพราะเป็นผู้ให้บริการทางการเงินของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยตรง ซึ่งผมอยากแนะนำเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ให้กับทุกท่านนะครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือการบริการหลังการขายต่างๆ บริษัทฯ จะมีความเป็นมืออาชีพตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ และที่นี่เปรียบเสมือนครอบครัวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อซื้อรถเบนซ์ก็ต้องเลือกใช้ไฟแนนซ์ของที่นี่ครับ”หมายเหตุ: อ้างอิงราคาทองคำ ณ วันมอบรางวัล วันที่ 25 เมษายน 2568
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th/mobility หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัปเดทผ่านทาง
Facebook: Mercedes-Benz Thailand
IG: @MercedesBenzThailand
LINE: @mercedesbenzth
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ แบงค็อก จัดทัพอัครยนตรกรรมเผยโฉมความหรูหราในงาน The Prestige Southern Thailand – SOCIETY
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดทัพอัครยนตรกรรมอย่าง รุ่น New Continental GT Speed และ รุ่น New Flying Spur Speed สุดยอดแกรนด์ทัวร์โฉมใหม่ที่มาพร้อมกับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ และ รุ่น Bentayga Hybrid อัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์กับประสิทธิภาพในการขับขี่และอรรถประโยชน์อันล้นเหลือเผยโฉมความหรูหราในงาน The Prestige Southern Thailand – SOCIETY กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะเชื่อมโยงเครือข่ายผู้นำทางธุรกิจในภาคใต้เข้าไว้ด้วยกัน จัดโดยนิตยสาร Prestige Thailand ณ The Society (เดอะ โซไซตี้) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ใจกลางเมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา
เบนท์ลีย์ แบงค็อก นำโดย คุณอภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เบนท์ลีย์ แบงค็อก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ได้เข้าร่วมงาน The Prestige Southern Thailand – SOCIETY พร้อมถ่ายรูปร่วมกับผู้บริหารจากแบรนด์พันธมิตรชั้นนำภายในงานฯ โดยทางเบนท์ลีย์ แบงค็อกได้มีการจัดแสดง New Continental GT Speed และ New Flying Spur Speed แกรนด์ทัวเรอร์โฉมใหม่กับสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์จากขุมพลังแบบ Ultra Performance Hybrid ที่ทรงพลังที่สุดในเฉดสีดำ Onyx สะท้อนสุดยอดสมรรถนะอันเหนือชั้น พร้อมกับการตกแต่งสไตล์สปอร์ตที่โฉบเฉี่ยวและร่วมสมัยผสานเข้ากับความหรูหราและความประณีตของงานฝีมืออันเป็นเสน่ห์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ได้อย่างลงตัว นอกจากการจัดแสดง 2 สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ยังได้นำ Bentayga Hybrid อัครยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ในเฉดสีน้ำเงิน Sequin Blue สะท้อนความสดใสของไข่มุกแห่งอันดามันและสไตล์ของผู้นำยุคใหม่มาจัดแสดงเป็นไฮไลท์ให้ได้ยลโฉมกันอย่างใกล้ชิด โดยตัวรถออกแบบอย่างหรูหราและร่วมสมัย พร้อมภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างประณีตและงดงาม ซึ่งการจัดแสดงทัพอัครยนตรกรรมในครั้งนี้ได้กลายเป็นจุดเด่น ดึงดูดความสนใจของแขกภายในงานให้ได้มาเก็บภาพความประทับใจกับความหรูหราของรถยนต์เบนท์ลีย์ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ มากไปกว่านั้น แขกภายในงานยังได้ลิ้มรสเมนูอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มสไตล์ฟิวชันแบบฉบับเมืองภูเก็ต พร้อมดื่มดำไปกับดนตรีอันแสนไพเราะจากวงดนตรีที่ได้มาขับกล่อมบทเพลงคลาสสิก และตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงสุดพิเศษที่สะท้อนศิลปะวัฒนธรรมของเมืองภูเก็ต ณ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้สุดชิลใจกลางแดนสวรรค์เมืองใต้แห่งนี้
สำหรับ The Prestige Southern Thailand – SOCIETY จัดขึ้นโดยนิตยสาร Prestige Thailand คือ งานที่เชื่อมสัมพันธ์เครือข่ายของแบรนด์ชั้นนำเข้ากับกลุ่มผู้นำทางความคิด นักธุรกิจ นักลงทุน และกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ในภาคใต้และจังหวัดใกล้เคียง โดยมุ่งเน้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ถือเป็นหัวเมืองสำคัญ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และศูนย์กลางของนักลงทุนในภาคใต้ของประเทศไทย
สำหรับการเปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package (สำหรับเครื่องยนต์รุ่น V8 Hybrid เท่านั้น) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
รู้ใจชวนทำความรู้จักเทเลเมติกส์ เทคโนโลยีลดอุบัติเหตุ ขับเคลื่อนท้องถนนปลอดภัย
ประเทศไทยครองสถิติอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและความสูญเสียชีวิตสูงที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัยจึงมีความเร่งด่วนและสำคัญอย่างยิ่ง รู้ใจ ผู้นำด้านอินชัวร์เทคและผู้ให้บริการประกันภัยดิจิทัลแบบครบวงจรของประเทศไทย ตั้งเป้านำเทคโนโลยี “เทเลเมติกส์ (Telematics)” มาเป็นโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ต่อยอดภารกิจของ รู้ใจ ในการเสริมศักยภาพให้ผู้ขับขี่ พร้อมปูทางสู่ประสบการณ์ประกันภัยอัจฉริยะ เพื่อความมีวินัยและลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
เทเลเมติกส์ คืออะไร?
เทเลเมติกส์ คือการผสานกันระหว่างการสื่อสารโทรคมนาคมและการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อติดตาม วัดผล และรายงานพฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ ให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของตน เช่น ความเร็ว การเบรก การเร่ง การเข้าโค้ง และระยะทางที่ขับขี่ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาวิเคราะห์และส่งกลับเป็นข้อเสนอแนะเฉพาะบุคคล ช่วยให้ผู้ขับขี่มีความตระหนักในพฤติกรรมการขับขี่ของตน ว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงในการขับขี่มากน้อยแค่ไหน เช่น ขับรถเร็วกว่าที่กำหนด เป็นต้น ส่งเสริมการใช้รถใช้ถนนอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น
การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมีแพร่หลายในต่างประเทศ โดยได้มีการนำเทเลเมติกส์เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมประกันภัยอย่างในสหราชอาณาจักร อิตาลี และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะมีกรมธรรม์ประกันรถยนต์แบบเทเลเมติกส์ มากกว่า 84 ล้านฉบับภายในปี 2568 เป็นกรมธรรม์ที่เริ่มต้นจาก “จ่ายตามระยะทางที่ขับ (Pay-As-You-Drive หรือ PAYD)” ได้พัฒนาไปสู่ “จ่ายตามพฤติกรรมการขับขี่ (Pay-How-You-Drive หรือ PHYD)” ซึ่งให้รางวัลกับผู้ขับที่มีพฤติกรรมดี โดยในต่างประเทศผลลัพธ์ที่ได้คือ อุบัติเหตุลดลง การคิดเบี้ยประกันอย่างเป็นธรรมมากขึ้น การยื่นเคลมง่ายขึ้น และสร้างความไว้วางใจระหว่างลูกค้าและบริษัทประกัน
เพราะเหตุใด เทเลเมติกส์ถึงสำคัญกับประเทศไทย?
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นบนท้องถนนในประเทศไทยคือสัญญาณเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงที่เร่งด่วน แผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565–2570 ตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศอย่างมีนัยสำคัญ หากแต่ตัวเลขยังคงอยู่ในในระดับที่สูง โดย 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อยู่ในช่วงอายุ 20–39 ปี นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ยังส่งผลถึงประเด็นด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจของชาติ เทเลเมติกส์ จึงเป็นโซลูชั่นสำคัญในการวิเคราะห์รูปแบบความเสี่ยง แบ่งกลุ่มผู้ขับขี่ตามพฤติกรรม และยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับขี่ให้ดีขึ้นก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นจริง
พันธกิจของรู้ใจ
ในขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่อนาคตแห่งเมืองอัจฉริยะ ความปลอดภัยบนท้องถนน คือมิติที่ รู้ใจ นำการขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีมาส่งเสริม ผ่านการยกระดับประสบการณ์การประกันภัยและการขับขี่ ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสประการณ์จริงและรับผลประโยชน์มากมายจากเทคโนโลยีดังกล่าว
“เทเลเมติกส์ มีพลังในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัย จากที่ต้องตอบสนองเมื่อเกิดเหตุ มาเป็นการป้องกันก่อนเหตุเกิด ดังนั้นการช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจและปรับปรุงพฤติกรรมของตนเองไม่เพียงแต่ช่วยลดอุบัติเหตุ แต่ยังปูทางการสร้างประสบการณ์ประกันภัยที่โปร่งใสและชาญฉลาดยิ่งขึ้นในอนาคต” คุณนิโคลาส ฟาเกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทรู้ใจกล่าว
ในไม่กี่เดือนข้างหน้า รู้ใจ เตรียมพร้อมเปิดตัวผู้ช่วยขับขี่ดิจิทัล ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ในประเทศไทยสามารถติดตามพฤติกรรมการขับขี่ของตนเอง พร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ขับขี่ปลอดภัย ร่วมกันสร้างท้องถนนที่ปลอดภัย ลดการบาดเจ็บ และการสูญเสียชีวิตบนท้องถนน ตามความมุ่งมั่นของรู้ใจที่สนับสนุนการขับขี่ปลอดภัยเสมอมา
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรู้ใจไปที่ https://www.roojai.com/
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ส่งมอบรถยนต์กว่า 60 คัน ให้กับท่าอากาศยานไทย เปิดประสบการณ์ Luxury Limousine ในสนามบินสุวรรณภูมิ ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ส่งมอบรถยนต์จำนวน 60 คัน เพื่อใช้ในการให้บริการรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ AOT Limousine เดินหน้ายกระดับประสบการณ์การเดินทางสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มาพร้อมความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสุด ครอบคลุมทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ระดับ Top-End Luxury อย่าง EQS 450+ AMG Dynamic จำนวน 20 คัน รถยนต์ Business Saloon เจเนอเรชันล่าสุด E 350 e Exclusive จำนวน 20 คัน และรถแวนระดับพรีเมียม Vito 119 CDI Tourer Pro จำนวน 20 คัน โดยมี มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) มร. คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายศุภวุฒิ จีรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นผู้ส่งมอบให้กับ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ นายสุวิทัต วงศ์วิเชียร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายการพาณิชย์)
โดยรถยนต์ทั้ง 60 คัน ที่ส่งมอบโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินอย่างเป็นทางการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อส่งมอบบริการแบบครบวงจรให้กับพันธมิตรอย่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และต่อยอดบริการ AOT Limousine ให้ก้าวไปสู่อีกขั้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
บริการ AOT Limousine ที่ใช้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะครอบคลุมทั้งในหมวดหมู่ของ Premium Sedan, Premium Van และ Luxury Sedan โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Premium Sedan: E 350 e Exclusive ราคาเริ่มต้น 1,000 บาทต่อเที่ยว
รองรับผู้โดยสารสูงสุด 3 ท่าน กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 1 ใบ ขนาดเล็ก 1 ใบ
- Premium Van: Vito 119 CDI Tourer Pro ราคาเริ่มต้น 1,150 บาทต่อเที่ยว
รองรับผู้โดยสารสูงสุด 6 ท่าน กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 6 ใบ ขนาดเล็ก 3 ใบ
- Luxury Sedan: EQS 450+ AMG Dynamic ราคาเริ่มต้น 1,300 บาทต่อเที่ยว
รองรับผู้โดยสารสูงสุด 3 ท่าน กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ ขนาดเล็ก 1 ใบ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถจองบริการล่วงหน้าได้ผ่านทางแพลตฟอร์ม AOT Limousine
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ
ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
- Premium Sedan: E 350 e Exclusive ราคาเริ่มต้น 1,000 บาทต่อเที่ยว
-
News Car1 Min Read
Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 พร้อมระเบิดความมันส์ทั้ง 5 สนาม มุ่งสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า มุ่งขยายฐานคนรักรถ และเพิ่มกลุ่มคนรักมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทย
มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายพฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายกราชยานยนต์สมาคม แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ณ TOYOTA ALIVE ถ.บางนา-ตราด กม. 3
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มบุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเจตนารมณ์ที่จะยกระดับและเพิ่มความนิยมในกีฬาประเภทนี้ให้แพร่หลายในหลากหลายรูปแบบ และครอบคลุมทุกระดับ ไม่ว่าจะด้วยการจัดการแข่งขัน การส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน และให้การสนับสนุนให้แก่ผู้ที่มีความฝันตั้งแต่ระดับเยาวชน ไปจนถึงนักแข่งระดับอาชีพ ให้ได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ โดยจากความทุ่มเทในการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่อง โตโยต้าได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการนี้อย่างแท้จริง
มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ทุกท่านมีให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา ทำให้ยอดจองของโตโยต้าทั่วประเทศทั้งหมดในช่วงมอเตอร์โชว์ มีมากกว่า 21,000 คัน ซึ่งเป็นยอดจองภายในงานมอเตอร์โชว์ มากกว่า 9,600 คัน และจากยอดจอง 9,600 คัน อยู่ในระหว่างขออนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยโตโยต้าคาดว่าจะสามารถส่งมอบรถ สู่ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลกว่า 7,600 คัน ภายในเดือนเมษายน
สำหรับโตโยต้า กีฬามอเตอร์สปอร์ตคือรากฐานในการสร้างยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า เราได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ผ่านการแข่งขันอีกหลายรายการทั่วโลก เพราะเราเชื่อว่า “ถนนสร้างคน และคนสร้างรถ” โดยการเข้าร่วมการแข่งรถในสนามต่างๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น สะท้อนกลับมาสู่ไลน์อัพของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ยังเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้กลยุทธ์ความหลากหลายด้านทางเลือก (Toyota multiple pathway) ปัจจุบัน เราได้ขยายความร่วมมือกับ โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย (TMA) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อพัฒนายนตรกรรมและชิ้นส่วนรถยนต์ให้ดียิ่งกว่าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและ สามารถตอบสนองสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ตอันหฤโหดได้อย่างแท้จริง”
ในปีที่ผ่านมา รถกระบะ Hilux Revo GR Sport 4X4 ได้รับการพัฒนาช่วงล่างให้ดียิ่งขึ้น โดยฝีมือวิศวกรชาวไทย ยังสามารถคว้าชัยชนะ แชมป์อันดับ 1 ในรายการ Asia Cross Country Rally 2024 และในปีนี้เรายังได้ส่งรถยนต์ไฮบริดรุ่น Yaris Cross HEV ในการแข่งขันแรลลี่ ที่จัดโดย ราชยานยนต์สมาคม แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (RAAT Rally) ซึ่งรุ่นนี้จะมีการปรับช่วงล่าง และเครื่องยนต์ไฮบริดเพื่อการแข่งขัน
ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แรงบันดาลใจสู่การพัฒนา “ยนตรกรรมและชิ้นส่วนรถยนต์ที่ดียิ่งกว่า” แต่ยังนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่เห็นได้จากการพัฒนารถที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน 2 รุ่น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันบนสนามแข่ง ซึ่งได้แก่ Yaris Carbon Neutral Fuel และ Ativ Carbon Neutral Fuel นอกจากนี้ โตโยต้ามีการสนับสนุนทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing Thailand ในการแข่งขันทั้งในรูปแบบแรลลี่ และแบบเซอร์กิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยและพัฒนารถยนต์โตโยต้าในอนาคต ในประเทศไทย โตโยต้าเป็นผู้นำของวงการมอเตอร์สปอร์ต ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน กว่า 39 ปี โดยกิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand จะสร้างความสนุกสนานความเร้าใจของกีฬามอเตอร์สปอร์ตแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการส่งเสริมแนวทางการพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงของโตโยต้าที่น่าเชื่อถือที่สุด”
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงไฮไลต์ของ Toyota Gazoo Racing Thailand 2025 ในปีนี้ว่า “ปีนี้ Toyota Gazoo Racing Thailand จัดขึ้นในรูปแบบเฟสติวัล เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสความสนุกสนาน ทั้งการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ One Make Race โดยเราจะมีรถเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 60 คัน เริ่มจาก One Make Race ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ Yaris ATIV Lady One Make Race/ YARIS One Make Race / Hilux REVO One Make Race และ Corolla ALTIS GR Sport One Make Race ที่ยังเปิดรับสมัครอยู่ และยังมอบข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้า ที่เคยผ่านโครงการ Toyota Gazoo Racing Academy จะได้รับส่วนลด 10% ของค่าสมัครการแข่งขันอีกด้วย หากผู้ที่ชื่นชอบรักในกีฬามอเตอร์สปอร์ต สามารถสมัครแข่งขันได้ภายใน 31 พฤษภาคม นี้ ผ่านทาง Facebook : ToyotaGazooRacingThailand ซึ่งในปีนี้ น้องมิย่า น้องป๊ายปาย และคุณปังปอนด์ ก็ยังอยู่แข่งขัน One Make Race พร้อมสร้างความสนุกและความตื่นเต้น เหมือนเช่นเคย
และสำหรับผู้ที่รักการตกแต่งรถ ให้ดูโดดเด่นและเท่ห์ยิ่งขึ้น เราได้ร่วมมือกับพันธมิตรชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ ชื่อดังระดับประเทศกับ ชุดอุปกรณ์ตกแต่งทางเลือก Associated Accessories Product หรือ AAP อาทิ ชุดตกแต่งรอบคัน GR Part จาก บริษัท ทีซีดี เอเชีย จำกัด และล้ออัลลอยจากแบรนด์ Lenso ซึ่งผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อผ่านผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ หรือ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.toyota.co.th/accessories/ และยังมีชุดแต่งและผลิตภัณฑ์จากพันธมิตรของ Toyota Gazoo Racing Thailand อีกด้วย”
นายศุภกร กล่าวถึงกิจกรรมความบันเทิงในปีนี้ว่า “นอกจากความเข้มข้นในสนามแข่งแล้ว แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตจะได้พบกับกิจกรรมจัดเต็มทั้งไลฟ์สไตล์ ความบันเทิงต่างๆ อาทิ คอนเสิร์ตร็อคสุดมันส์ จากวงไทรทศมิตร, คู่ดูโอ้ ป๊อบ ปองกูลและโอ๊ต ปราโมทย์, สาวน้อยเสียงหวาน น้องแอลลี่ ที่จังหวัดภูเก็ต และเชียงใหม่ พิเศษปีนี้เรามีกิจกรรมใหม่ GR COMMUNITY ที่จะเชิญลูกค้า GR Supra , GR 86 , GR Corolla และ GR Yaris เข้าร่วมชมการแข่งขัน พร้อมพบกับ CAR GURU อย่าง คุณเบียร์ ใบหยก และยังมี กิจกรรม MEET AND GREET กับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง พร้อมชมโชว์สมรรถนะรถโตโยต้าสุดมันส์ได้ ในกิจกรรม CAR PERFORMANCE SHOW ทั้งรถดริฟท์ รถสมรรถนะสูงตระกูล GR และ GR Sport
“สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ การกีฬาแห่งประเทศไทย ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ / YOKOHAMA / PTT Station / Modellista โดย TCD Asia / LENSO / ARTO / Singha Corporation และสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand มาโดยตลอด”
สัมผัสความสนุกสนาน เร้าใจของ “Toyota Gazoo Racing Thailand 2025” ทั้ง 4 จังหวัด 5 สนาม ทั่วประเทศ
- สนามที่ 1 วันที่ 5-6 กรกฎาคม ชลบุรี
- สนามที่ 2 วันที่ 16-17 สิงหาคม ภูเก็ต
- สนามที่ 3 และ 4 วันที่ 13-14 กันยายน บุรีรัมย์
- สนามที่ 5 (สนามสุดท้าย) วันที่ 15-16 พฤศจิกายน เชียงใหม่
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car1 Min Read
อีซูซุเริ่มผลิตรถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” รุ่นใหม่ในไทย สำหรับประเทศหลักในยุโรป
มร. ชินสุเกะ มินามิ (Mr. Shinsuke Minami) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น (สำนักงานใหญ่เมืองโยโกฮามะ จังหวัดคานางาวะ) ประกาศเริ่มผลิต รถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” ขนาด 1 ตัน รุ่นแรกของอีซูซุในประเทศไทย
รถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” คันแรกของอีซูซุ ได้จัดโชว์ต่อสาธารณชนในฐานะรถต้นแบบ ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 45 ในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว อีซูซุได้เริ่มการผลิตรถรุ่นพวงมาลัยซ้ายและส่งไปยังประเทศหลัก ๆ ในยุโรป เพื่อจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568
การผลิตรถรุ่นพวงมาลัยขวาของ รถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” กำหนดจะมีขึ้นช่วงปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในสหราชอาณาจักร ในปี 2569 และจะขยายไปยังประเทศและเขตอื่น ๆ ตามความต้องการของตลาด
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time ซึ่งมี e-Axles ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้มั่นใจในสมรรถนะอันยอดเยี่ยมบนพื้นที่ทุรกันดาร ระบบนี้ยังให้พลังเร่งแซงสูงแบบคงที่ตามแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันก็ลดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน นอกจากนี้ ความสามารถในการลากจูงและน้ำหนักบรรทุกที่สูง จากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังรวมถึงโครงสร้างและตัวถังที่แข็งแรง ทำให้รถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” สามารถเทียบเคียงกับสมรรถนะของรุ่นดีเซลที่มีอยู่ปัจจุบันได้
กลุ่มอีซูซุมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการพัฒนายานยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหลากหลายประเภท ด้วยตระหนักดีว่าลูกค้าผู้ใช้รถปิกอัพมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย รถปิกอัพไฟฟ้า “อีซูซุ ดีแมคซ์ EV” จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถทั้งเพื่อการพาณิชย์และส่วนตัว โดยยังคงประสิทธิภาพที่ทนทานตามความคาดหวังของการใช้งานรถปิกอัพ
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
รุ่นรถ: รุ่น 4 ประตู สำหรับตลาดยุโรป
น้ำหนัก น้ำหนักตัวรถ (กก.) 2,350 น้ำหนักบรรทุกสูงสุด (กก.) 1,010 ความสามารถในการลากจูงสูงสุด (กก.) 3,500 มิติ ความยาวรวมกันชนหลัง (มม.) 5,280 ความกว้างรวม (มม.) 1,870 ความสูงรวมราวหลังคา (มม.) 1,810 ฐานล้อ (มม.) 3,125 ระยะห่างช่วงล้อ (หน้า/หลัง) (มม.) 1,570 รัศมีวงเลี้ยวต่ำสุด (ม.) 6.1 สมรรถนะ ระบบขับเคลื่อน 4×4 แบบ Full Time กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์) 140 แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร) 325 ความเร็วสูงสุด (กม./ ชม.) มากกว่า 130ระยะทางวิ่งต่อชาร์จ (กม.)263 (WLTP)
361 (WLTP City mode)อัตราการสิ้นเปลืองไฟฟ้า
(วัตต์ชั่วโมง/ กม.)255 (WLTP)ประเภทแบตเตอรี่ลิเธียมไออนความจุแบตเตอรี่ (กิโลวัตต์-ชม.)66.9ระยะเวลาในการชาร์จกระแสสลับ ACรองรับสูงสุด 11 กิโลวัตต์
ใช้เวลา 10 ชม. (0-100%)กระแสตรง DCรองรับสูงสุด 50 กิโลวัตต์
ใช้เวลา 1 ชม. (20-80%)
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine