-
โตโยต้า ครองใจ Gen Z คว้ารางวัล GEN Z TOP BRAND AWARD 2025
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คว้ารางวัล GEN Z TOP BRAND 2025 “แบรนด์ที่สามารถครองใจ Gen Z” ในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการประกาศรางวัล GEN Z TOP Brand Award 2025 โดยในโอกาสนี้ มีนายสมุทร ตังคชวนะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดรถยนต์นั่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยตัวแทนจากสายงานการตลาด เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัล เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ณ SCBX NEXT TECH ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
รางวัล GEN Z TOP Brand Award 2025 เป็นรางวัลที่มอบให้กับ 10 แบรนด์จาก 10 อุตสาหกรรมที่สามารถครองใจผู้บริโภค Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2540 – 2555) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดในปัจจุบันและจะกลายเป็นกำลังซื้อหลักของทั้งตลาดในอนาคตอันใกล้ โดยโตโยต้า เป็นแบรนด์ที่ได้รับเลือกในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์ อ้างอิงจากผลการสำรวจในงานวิจัยชุด “The Z Impact : Decode Insight & Celebrating Brands Gen Z Loves” จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ด้านการตลาด BrandBuffet.in.th ร่วมกับบริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ INTAGE (Thailand) ในการวิเคราะห์เชิงลึก ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ในผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ (ผู้ที่สนใจ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.brandbuffet.in.th/2025/04/brand-buffet-ana-intage-announced-gen-z-top-brand-award-2025/)
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นจากลูกค้าทุกท่าน โดยเฉพาะ GenZ ที่ได้โหวตให้กับแบรนด์ จนได้รับรางวัลนี้
ทั้งนี้ เรามีความมุ่งมั่น พัฒนา และนำเสนอผลิตภัณฑ์และ บริการที่ครบวงจร พร้อมตอบโจทย์ ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทุกเจเนอเรชันต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มาสด้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย ร่วมมือผู้จำหน่ายทั่วประเทศยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกบริบท
มาสด้าหลอมรวมดีลเลอร์ทั่วประเทศเป็นหนึ่งเดียว ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนในประเทศไทย จัดประชุมผู้จำหน่ายประจำปีงบประมาณ 2568 “Mazda Mirai 2025” ภายใต้ธีม Joyful Driving into a New Era เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์และนโยบายการบริหารธุรกิจให้เกิดผลกำไร รวมทั้งเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนเพื่อก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ ทั้งเทคโนโลยีแห่งอนาคตและรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวลงสู่ตลาดในปีนี้ เน้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งภายใต้กลยุทธ์ Brand Value Management และแนวคิด Stakeholder Centric Approach โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับพนักงาน ผู้จำหน่าย และลูกค้า พร้อมวางรากฐานที่สำคัญ ๆ เพื่อก้าวสู่การเป็น Top Retention Brand ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย โดยประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้งหมด 80 แห่ง พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกบริบท ตามปรัชญาใหม่ “Joy Drives Lives” ความสุขขับเคลื่อนชีวิต โดยมีผู้จำหน่ายมาสด้าจากทั่วประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และคณะผู้บริหารจาก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ณ โรงแรมแอทธินี กรุงเทพฯ
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การประชุมผู้จำหน่ายประจำปีนี้ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทย รวมถึงเป็นการถ่ายทอดนโยบายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของปีประจำปีงบประมาณ 2568 ให้กับผู้จำหน่ายเพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติในการผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยงานประชุม “Mazda Mirai 2025” จัดขึ้นภายใต้ธีม Joyful Driving into a New Era แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม นำเสนอวิสัยทัศน์เพื่อก้าวสู่อนาคตที่สดใสและมั่นคง ตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว ทั้งด้านการตลาด การขาย การบริการหลังการขาย การขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยเฉพาะแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในปีนี้ ที่จะมาพร้อมกับพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตามกลยุทธ์ Multi-solution เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าชาวไทย ด้วยการส่งมอบความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน
วันนี้ มาสด้าพร้อมเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดในทุกประสบการณ์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และมุ่งมั่นเดินหน้าเต็มกำลัง ภายใต้กลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้ามองหา พร้อมสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรด้วยการถ่ายทอดปรัชญาใหม่ Joy Drives Lives หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพราะมาสด้าเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความสุขที่เกิดจากการขับขี่รถยนต์จะนำมาซึ่งความสุขในการใช้ชีวิต รวมถึงปรับเปลี่ยนประสบการณ์ลูกค้าและสร้าง Customer Journey รูปแบบใหม่ เพื่อนำมาพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาสด้า จะนำมาซึ่งคุณค่าและประสบการณ์ความสุขจากการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า พร้อมกันนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงกลยุทธ์ที่เป็นมาตรฐานของการทำงาน ซึ่งคือ Stakeholder Centric Approach โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ พนักงาน ผู้จำหน่าย และลูกค้า พร้อมความสำคัญของการทำงานโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท
สำหรับการปรับเปลี่ยนของมาสด้าในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรด้วย “ผู้คน” โดยมีเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่คล่องตัว และขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลเชิงลึก พร้อมสนับสนุนเพื่อปรับวัฒนธรรมองค์กรของผู้จำหน่ายด้วยโปรแกรมพัฒนาทักษะของพนักงาน กลยุทธ์ที่สอง คือ การให้ความสำคัญกับการวางรากฐานด้านเทคโนโลยีและการใช้ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการฟังเสียงของลูกค้าเพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพและการสื่อสาร หรือ Voice of Fan และกลยุทธ์ที่สาม คือ การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบไร้รอยต่อทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ คือการปรับโครงสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีอยู่ทั้งหมด 80 แห่ง ให้พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการ ด้วย PMA ใหม่ การกำหนดขอบเขตให้ผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูงขยายพื้นที่ในการดูแลลูกค้าเพิ่มขึ้น ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้มาสด้าสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ มาสด้ายังคงมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ 2030 ด้วยการเป็นบริษัทที่รักรถยนต์ และขับเคลื่อนความสุขผ่านประสบการณ์ในการขับขี่ให้กับลูกค้า เพราะมาสด้าเชื่อเสมอว่า ความสุขคือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนชีวิต นั่นคือเหตุผลที่มาสด้ามุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่มีความหมาย และส่งมอบความสุขให้กับผู้คน หัวใจหลักสำคัญล้วนเกิดจาก Customer Centric Mindset ปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งที่เราทำ ส่งผลให้มาสด้าสามารถส่งมอบคุณค่าอย่างต่อเนื่อง สร้างความไว้วางใจ และยืนยันได้ว่าลูกค้าจะเกิดความภาคภูมิใจที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้า ทั้งวันนี้และต่อไปในอนาคต เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่เติบโตเคียงข้างคนไทยและสังคมไทยอย่างยั่งยืน
นางสาวจันทรา โพธิ์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี, มร. โชอิจิ ฮิโรตะ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ และพัฒนาธุรกิจ, นายพิเชษฐ์ ปุณณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย, มร. ทาเคชิ ซาโตะ รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน, มร. ฮิโรชิ ชิบะ ผู้จัดการทั่วไปสำนักงานธุรกิจภูมิภาคอาเซียน มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น, นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ, นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล, นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า, มร. ทาคายูกิ อิชิฮาร่า ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพอาเซียน และนางสาวชลทิชา ทาระบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
EV Station PluZ ฉลองครบ 1,000 แห่งทั่วไทย เปิดตัว Ultra Fast Charge ชาร์จเร็ว แรง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
EV Station PluZ ฉลองเปิดบริการครบ 1,000 แห่ง พร้อมเปิดตัว Ultra Fast Charge นวัตกรรมการชาร์จเร็ว ด้วยกำลังไฟแรงสูงสุด 480 kW และรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้พร้อมกันถึง 6 คัน โดยมี คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และพันธมิตร ร่วมเปิดให้บริการสถานีชาร์จ ณ พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี (สวัสดิการ ร.1 รอ. ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย)
คุณพิมาน เปิดเผยว่า EV Station PluZ มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จให้ตอบสนองความต้องการผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตอกย้ำความมั่นใจด้วยการขยายสถานีชาร์จครบ 1,000 แห่ง เพื่อให้ผู้ใช้งาน EV เดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัวสถานี Ultra Fast Charge เทคโนโลยีชาร์จที่เร็วและแรงที่สุดของ EV Station PluZ ในปัจจุบัน สามารถรองรับการชาร์จได้พร้อมกันสูงสุดถึง 6 คัน ให้ผู้ใช้รถ EV ชาร์จไฟได้เต็มประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันภายใน พีทีที สเตชั่น ให้ทุกการชาร์จเป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
สำหรับนวัตกรรม Ultra Fast Charge ช่วยให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเร็วขึ้นกว่าที่เคย ด้วยเทคโนโลยี Liquid-Cooled ที่บริหารจัดการการจ่ายไฟอย่างมีประสิทธิภาพและระบายความร้อนในการชาร์จได้ดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเรียกกำลังไฟได้สูงในพื้นที่มีความต้องการหนาแน่น พร้อมให้บริการที่ พีทีที สเตชั่น สาขาวิภาวดี (สวัสดิการ ร.1 รอ.) เป็นสาขาแรก มีทั้งหมด 4 แท่นชาร์จ รวม 6 หัวชาร์จ โดยแบ่งเป็น Ultra Fast Charge จำนวน 2 แท่นชาร์จ (2 หัวชาร์จ DC CCS2) ที่สามารถจ่ายกำลังไฟแรงสุด 480 kW ต่อหัวชาร์จ ให้กระแสไฟ 425-500 A รองรับการชาร์จต่อเนื่องได้นาน 30 นาที และ Fast Charge อีก 2 แท่นชาร์จ (4 หัวชาร์จ DC CCS2) ที่มีกำลังไฟสูงสุด 480 kW ต่อหัวชาร์จ ให้กระแสไฟ 375-500 A รองรับการชาร์จต่อเนื่อง 10 นาที เพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งาน EV เดินทางต่อได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 15 นาที สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 80% ตามความสามารถในการเรียกกำลังไฟของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่น นอกจากนี้ สถานีแห่งนี้ยังรองรับการชาร์จได้ 2 รูปแบบ โดยเปิดให้เข้าชาร์จรูปแบบ Walk-in สำหรับ 2 แท่นชาร์จ และ อีก 2 แท่นชาร์จ สามารถจองคิวล่วงหน้าได้ผ่านแอป EV Station PluZ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของการชาร์จ
EV Station PluZ ชาร์จความมั่นใจไปได้ทุกที่ ผู้ที่สนใจสามารถค้นหาสถานีชาร์จใกล้คุณได้ผ่านแอป EV Station PluZ ดาวน์โหลดได้ทั้งบน Play Store และ Apple Store หรือเข้าไปที่ https://bit.ly/3V3xu2U
#EVStationPluZ #Ultrafastcharge
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
แอกซ่า แนะนำเคล็ดลับขับขี่อย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ใกล้เข้ามาถึงอีกครั้งในปีนี้ และสิ่งที่ต้องใส่ใจอย่างมากเพื่อการฉลองเทศกาลปีใหม่ไทยได้อย่างเต็มสุขไร้กังวลก็คือเรื่องของความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเดินทางซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงเทศกาลนี้ ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีสถิติอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่นำไปสู่ความพิการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7 และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564*
ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ในช่วงที่มีการเดินทางสูง** ได้แก่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความประมาท การขาดความใส่ใจในด้านมาตรการความปลอดภัย และสิ่งต่าง ๆ ที่รบกวนสมาธิขณะขับขี่ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ ผู้ขับขี่จึงควรใส่ใจในทุกรายละเอียดก่อนเดินทาง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ มีสมาธิในขณะขับรถ และและหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรือส่งข้อความต่าง ๆ และที่สำคัญ ผู้ขับขี่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถยนต์ของตนอยู่ในสภาพดีพร้อมขับขี่อย่างปลอดภัย
ก่อนออกเดินทาง แอกซ่า แนะนำให้ตรวจสอบระบบรถยนต์ที่สำคัญทั้ง 4 ระบบเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและเพื่อให้การเดินทางปลอดภัยมากยิ่งขึ้น:
- เบรก – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเบรกตอบสนองได้ดีและอยู่ในสภาพที่ดี สังเกตหากมีเสียงผิดปกติเมื่อเหยียบเบรก หรือรู้สึกนิ่มเกินไป หรือมีไฟขึ้นเตือน ควรเข้ารับการตรวจเช็คทันที
- ยาง – ตรวจสอบความดันลมยางด้วยเครื่องวัดเพื่อให้ตรงตามระดับที่ผู้ผลิตแนะนำ และตรวจสอบความลึกของดอกยางเพื่อให้มีการยึดเกาะที่เพียงพอ รวมทั้งดูสัญญาณความเสียหาย เช่น รอยขีดข่วนหรือปูด และอย่าลืมตรวจสอบยางสำรองด้วย
- แบตเตอรี่ – ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ชาร์จเต็มและใช้งานได้ดีอยู่ ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่เพื่อเช็คดูว่าเชื่อมต่อแน่นและมีการกัดกร่อนหรือไม่ หากแบตเตอรี่ของคุณมีอายุมากกว่า 3 ปี ควรนำไปอู่บริการเพื่อตรวจสอบ
- น้ำมันเครื่องและของเหลวต่าง ๆ ในรถ – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระดับน้ำมันเครื่องว่ายังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม และอยู่ในสภาพสะอาด หากน้ำมันเครื่องสกปรก อาจทำความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบน้ำหล่อเย็น น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ และน้ำยาล้างกระจก ควรเติมหากอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตแนะนำ หากพบการรั่วไหลควรนำรถเข้าอู่บริการเพื่อซ่อมให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง
เพียงแค่ปฏิบัติตามขั้นตอนเบื้องต้นง่าย ๆ ผู้ขับขี่ก็สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย และลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมากยิ่งขึ้น
แอกซ่า พร้อมเสริมความมั่นใจในการเดินทางให้ผู้ขับขี่ในทุกโอกาสสำคัญ เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยและหายห่วง ผ่านประกันรถยนต์ที่มอบความคุ้มครอง ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า และคุ้มค่า โดยมาพร้อมกับ “AXA Preferred Garage” หรือ อู่คัดสรร ที่มีอู่รถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการมากมายพร้อมสิทธิประโยชน์แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น บริการซ่อมทันทีโดยไม่ต้องรอคิว, บริการรับ-ส่งรถภายในรัศมี 10 กิโลเมตร, รับประกันคุณภาพการซ่อม ภายในระยะเวลา 1 ปีหลังซ่อม, รับประกันงานซ่อมตัวถังด้วยสีคุณภาพสูง และบริการล้างทำความสะอาด ก่อนส่งมอบรถ
นอกจากนี้ แอกซ่ายังมีบริการ AXA Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และสิทธิพิเศษ AXA 4 U ไม่หักค่าเสื่อมราคา 4 รายการหลัก ในกรณีอุบัติเหตุที่เกิดความเสียหายต่อยาง แบตเตอรี่ (ยกเว้นระบบไฟฟ้า/ไฮบริด) น้ำมันเครื่อง สารหล่อลื่น สารหล่อเย็นของระบบแอร์ วิทยุ และเครื่องเสียงที่ติดตั้งมาจากโรงงานผลิตรถยนต์ อีกด้วย
แอกซ่า มุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่นของลูกค้าและให้ความคุ้มครองกับสิ่งที่สำคัญในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ ทุกสถานการณ์บนท้องถนนที่คุณอาจต้องเผชิญ ซึ่งพร้อมที่จะส่งมอบความมั่นใจในการขับขี่ และความคุ้มครองเพื่อเส้นทางการขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นของคุณ สำหรับข้อมูลด้านประกันรถยนต์ หรือบริการอื่น ๆ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของเรา https://u.axa.co.th/mtpkeytips
เงื่อนไขการรับประกันภัยเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครองก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
สำหรับอัพเดทเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ของแอกซ่าด้านล่าง
เว็บไซต์: https://www.axa.co.th
ศูนย์บริการลูกค้า: 02-118-8111
Facebook : AXA Thailand
Official LINE: @AXAThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
ปอร์เช่เปิดตัวโปรเจกต์สุดล้ำ “Speed of Light” ณ Dubai Solar Park โชว์สุดเร้าใจแห่งความเร็วและเสียงโดย David Guetta: “Electrifying Spectacle of Speed and Sound”
เดวิด เก็ตต้า (David Guetta) ร่วมแสดงในแคมเปญสุดเร้าใจล่าสุดจาก Porsche Middle East and Africa ดีเจและโปรดิวเซอร์ชื่อดังระดับโลกชาวฝรั่งเศส David Guetta รับบทนำในแคมเปญใหม่สุดล้ำจาก Porsche Middle East and Africa ซึ่งจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศแห่งอนาคต ณ สวนพลังงานแสงอาทิตย์ Mohammed bin Rashid Al Maktoum Solar Park ใกล้ดูไบ Guetta เปิดแสดงพร้อมกับ Future Rave Remix ของเพลงฮิตระดับตำนาน ‘Titanium’ โดยมีเอฟเฟกต์แสงเลเซอร์สุดตระการตา ในวีดีโอนี้ยังมี มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) และ ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ร่วมแสดงในวิดีโอแคมเปญนี้ด้วย โดยจะขับเคลื่อนผ่านสวนพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์กว่า 2 ล้านแผง และพื้นที่กว่า 127 ตารางกิโลเมตร ไฮไลต์สุดตื่นตาคือ หอผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์สูง 263 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในโลก และถูกแปลงโฉมเป็น บูธดีเจสำหรับ Guetta ในค่ำคืนนั้น
เมื่อผู้บุกเบิกดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ พบกับ ผู้บุกเบิกยนตรกรรมไฟฟ้า Guetta กล่าวว่า “การร่วมงานครั้งนี้คือสิ่งที่ผมฝันตั้งแต่เด็ก ปอร์เช่ เป็นสัญลักษณ์ของอารมณ์ สมรรถนะ และความท้าทายขีดจำกัด เหมือนกับเพลงของผม การได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้มันสร้างแรงบันดาลใจให้ผมจริงๆ” Guetta เขาคือผู้เป็นต้นแบบในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และหนึ่งในดีเจที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดทั่วโลก ได้รับการรู้จักจากการขยายขอบเขตของดนตรี ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยทิ้งรากฐานดั้งเดิมของตัวเอง
ยิ่งกว่านั้นภาพยนตร์แคมเปญนี้มุ่งเน้นไปที่ มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) และ ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ซึ่งเป็น 2 โมเดลไฟฟ้าใหม่ล่าสุดของปอร์เช่ ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดตะวันออกกลาง
นอกจากภาพยนตร์โฆษณาหลักแล้ว ยังมีเบื้องหลังอีก 3 ตอนที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่อันล้ำยุคนี้และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ใช้ การร่วมมือกับ David Guetta และเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นจริง ภาพยนตร์ทั้งหมดจะถูกนำเสนอใน Porsche Newsroom และช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท
ดร. มานเฟรด บรอยน์ล (Dr. Manfred Bräunl) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ปอร์เช่ตะวันออกกลางและแอฟริกา FZE กล่าวว่า “ดูไบเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ สวนพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่น่าทึ่ง และไม่ค่อยมีคนรู้จัก นั่นทำให้เราคิดว่ามันเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับปอร์เช่ เพราะมันสอดคล้องกับแนวทางที่ชัดเจนของเราด้านความยั่งยืน”
การถ่ายทำได้รับการสนับสนุนจากสองพันธมิตรในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้แก่ กระทรวงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว (DET) และ การไฟฟ้าและน้ำแห่งดูไบ (DEWA) โดย DEWA เป็นผู้ดูแลการดำเนินงานของ สวนพลังงานแสงอาทิตย์ Mohammed bin Rashid Al Maktoum Solar Park ภายในปี 2030 DEWA ตั้งเป้าที่จะผลิตพลังงานให้กับบ้านในดูไบเกือบ 2 ล้านหลัง พร้อมช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 8 ล้านตันต่อปี ทั้ง DET และ DEWA มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน
แนวคิดนี้ยังสะท้อนอยู่ในปอร์เช่ เช่นกัน ด้วย มาคันน์ (Macan) และ ไทคานน์ (Taycan) รุ่นใหม่ ปอร์เช่กำลังผลักดันการใช้พลังงานไฟฟ้าให้ก้าวหน้าขึ้นในทุกรุ่นของตัวเองอย่างเป็นระบบ ในปี 2024 มาคันน์ ได้เข้า
สู่เจเนอเรชั่นที่สองของรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ด้วยการออกแบบที่ก้าวหน้าและเหนือกาลเวลา สมรรถนะที่เป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ ระยะทางการขับขี่ที่ยาวนานขึ้น และความสามารถในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน มาคันน์ ใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าปอร์เช่ที่ต้องการขับ เอสยูวี ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รุ่นท็อปของ มาคันน์ คือ มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ซึ่งมีพละกำลังสูงสุดถึง 470 กิโลวัตต์ (639 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 1,130 นิวตันเมตร โดยมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มาคันน์ เทอร์โบ เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่ปอร์เช่ รุ่นที่มีพละกำลังสูงสุดในประวัติศาสตร์การผลิตคือ ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ซึ่งมีพลังสูงสุดมากกว่า 1,100 แรงม้า รุ่นที่มาพร้อมกับ แพ็กเกจไวซัค (Weissach package) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสนามแข่งโดยเฉพาะ ได้ทำลายสถิติเป็นครั้งที่ 4 และใน 4 ทวีป หลังจากทำลายสถิติบน นูร์บูร์กริง นอร์ดชไลเฟอ (Nürburgring Nordschleife), WeatherTech Raceway Laguna Seca ในแคลิฟอร์เนีย และ Shanghai International Circuit แล้ว รถรุ่นนี้ยังทำลายสถิติใหม่สำหรับรถไฟฟ้าในสนาม Interlagos Circuit ที่เมือง เซาเปาโล ประเทศบราซิล อีกด้วย
สามารถรับชมวิดีโอนี้ได้ที่นี่: https://youtu.be/gFUJgV6tQZI
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“ยิ่งเร็ว ยิ่งสูญเสียเร็ว” โตโยต้าถนนสีขาว รณรงค์เดินทางปลอดภัยช่วงสงกรานต์ ตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้นฟรี พร้อมบริการจุดพักรถตามภูมิภาค
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เดินหน้ารณรงค์ขับขี่ปลอดภัยช่วงสงกรานต์ ภายใต้โครงการ โตโยต้าถนนสีขาว เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางช่วงเทศกาล โดยเฉพาะในด้าน “ความเร็ว” ผ่านการส่งมอบความมั่นใจในการเดินทางให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ด้วยการให้บริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้นฟรี พร้อมทั้งให้บริการจุดพักรถเพื่อส่งมอบความสุข และความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
บริษัทฯ พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ได้จัดให้มี *บริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้นฟรี เพื่อเตรียมความพร้อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยผู้ที่สนใจสามารถนำรถยนต์ไปตรวจที่ศูนย์บริการผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2568 โดยมีรายการตรวจเช็ก 7 ระบบสำคัญ รวม 33 รายการ ดังนี้
หมวดหมู่ รายการ 1. ระบบช่วงล่าง 1 สภาพยางกันฝุ่นเพลาขับ 2 การทำงานของโช้คอัพหน้า-หลัง 3 สภาพลูกหมากปีกนก 4 ตรวจเช็กลูกปืนล้อ 5 ระยะฟรีแป้นคลัตช์ 2. ระบบเบรก 6 ระยะฟรีแป้นเบรก 7 ระยะฟรีเบรกมือ 3. ระบบแอร์ 8 ระบบเครื่องปรับอากาศ / พัดลม 9 สภาพไส้กรองแอร์ 4. ระบบไฟฟ้า 10 การทำงานของกระจก 4 บาน 11 สภาพแบตเตอรี่ 12 V. / ระดับน้ำกลั่น 12 ตรวจไฟส่องสว่าง 13 ตรวจสอบการทำงานของแตร 5. ระบบของเหลว 14 สภาพ / ระดับน้ำมันเครื่อง 15 สภาพ / ระดับน้ำในถังสำรองและระดับน้ำหล่อเย็น 16 สภาพ / ระดับน้ำมันเบรก 17 สภาพ / ระดับน้ำมันเกียร์ (ยกเว้นรุ่นปลั๊กล้น) 18 ตรวจเช็กรอยรั่วและความผิดปกติของ หม้อน้ำ 19 ตรวจเช็กรอยรั่วและความผิดปกติของ ท่อทางน้ำ 20 ตรวจเช็กรอยรั่วและความผิดปกติของพวงมาลัยพาวเวอร์ 6. ระบบเครื่องยนต์ 21 สภาพกรองอากาศเครื่องยนต์ 22 การทำงานของเครื่องยนต์ขณะสตาร์ท และขณะเดินเบา 23 สภาพ / ความตึงของสายพานต่างๆ 24 ตรวจเช็กรอยรั่วและความผิดปกติของเครื่องยนต์ 25 ตรวจเช็กรอยรั่วและความผิดปกติของเกียร์ 7. ระบบความปลอดภัยอื่นๆ 26 ตรวจสอบมาตรวัด / ไฟเตือน 27 สภาพ / ระดับน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ 28 สภาพใบปัดน้ำฝน / การปัด / น้ำยาล้างกระจก 29 สภาพรอยรอบคัน / รอยบุ๋ม / กระแทก 30 สภาพยางรถยนต์ 4 ล้อ ยางอะไหล่ (ถ้ามี) 31 ชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินและเครื่องมือ 32 ตรวจเช็กเข็มขัดนิรภัย 33 ตรวจสอบการล็อกประตู/การป้องกันการเปิดประตูจากภายใน/นอก *สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการโตโยต้าทั่วประเทศ หรือ aftersales.toyota.co.th/promotion/25sumercheckfree
นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้ร่วมมือกับภาครัฐ โดย กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในการนำทีมจิตอาสาลงพื้นที่ รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ตลอดจนร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า
ในการจัดจุดพักรถ เพื่อให้บริการ น้ำดื่ม ผ้าเช็ดรถ แก่ประชาชนที่จะเดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 8 – 17 เมษายน 2568 ใน 6 จังหวัด ได้แก่- นครราชสีมา
- นครสวรรค์
- เพชรบุรี
- ชลบุรี
- พระนครศรีอยุธยา
- ราชบุรี
โตโยต้า มุ่งมั่นรณรงค์ขับเคลื่อนสังคมแห่งความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง “สังคมคนขับรถดี” ด้วยการขับขี่ตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจร มีวินัย
และน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง เพื่อผลักดันสังคมไทยมุ่งสู่ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Sustainable Development Goals) ต่อไป
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิดรับจอง New Continental GT – New Flying Spur ขุมพลัง High Performance Hybrid ใหม่ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะรุ่น
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดรับคำสั่งจอง รุ่น New Continental GT ราคาเริ่มต้น 18,400,000 บาท รุ่น New Continental GT Convertible ราคาเริ่มต้น 20,200,000 บาท และรุ่น Flying Spur ราคาเริ่มต้น 16,900,000 บาท โดยแกรนด์ทัวเรอร์โฉมใหม่มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ High Performance Hybrid V8 แบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่จะมอบพละกำลังกว่า 680 แรงม้า ซึ่งในปัจจุบัน รุ่น New Continental GT และ New Flying Spur จะผลิตขึ้นสำหรับเครื่องยนต์ V8 แบบไฮบริดเท่านั้น
เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิดรับคำสั่งจอง New Continental GT และ New Flying Spur จำนวน 6 รุ่น ราคาเริ่มต้นดังต่อไปนี้
- รุ่น New Continental GT
- New Continental GT ราคาเริ่มต้น 18,400,000 บาท
- New Continental GT Azure ราคาเริ่มต้น 20,200,000 บาท
- รุ่น New Continental GT Convertible
- New Continental GTC ราคาเริ่มต้น 20,200,000 บาท
- New Continental GTC Azure ราคาเริ่มต้น 22,100,000 บาท
- รุ่น New Flying Spur
- New Flying Spur ราคาเริ่มต้น 16,900,000 บาท
- New Flying Spur Azure ราคาเริ่มต้น 18,700,000 บาท
สำหรับการเปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น New Continental GT และ New Flying Spur เบนท์ลีย์ แบงค็อก มอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ V8 Hybrid ด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4
รุ่น Continental GT และในรุ่นย่อย Azure ใหม่เปิดตัวพร้อมกับระบบส่งกำลังไฮบริดสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ของเบนท์ลีย์ที่ผสานเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลังเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพละกำลังสูงสุด 680 แรง แรงบิดสูงสุด 930 นิวตันเมตร แม้ว่าระบบส่งกำลังแบบ Ultra Performance Hybrid ในรุ่น Speed จะยังคงเป็นระบบส่งกำลังที่ทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์ แต่สิ่งที่สำคัญคือระบบ High Performance Hybrid รุ่นใหม่ที่เหนือกว่าระบบส่งกำลังรุ่น W12 เดิมในรุ่น Speed ก่อนหน้าในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง แรงบิด และประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ยังมอบพิสัยการเดินทางได้สูงสุดถึง 80 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าล้วน (EV)
การเปิดตัวแกรนด์ทัวเรอร์โฉมใหม่นี้จึงได้นิยามความเป็น Everyday Supercar ที่เน้นเรื่องสมรรถนะ พร้อมนำเสนอการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างพละกำลังอันมหาศาล เสถียรภาพและความคล่องตัว การออกแบบที่ประณีต และงานฝีมืออันงดงาม
New Continental GT and GT Convertible
New Continental GT และ New GT Convertible เจเนอเรชันที่ 4 มาพร้อมกับดีไซน์คลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2546 ที่รวมถึงกระจังหน้าแบบเมทริกซ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ตกแต่งด้วยเฉดสีดำเงาพร้อมขอบและแถบโครเมียมตรงกลาง กระจังหน้าด้านล่างตกแต่งด้วยเฉดสีดำด้าน พร้อมกับสปลิตเตอร์ที่มาในเฉดสีดำเงา การออกแบบไฟหน้าแบบ ‘Harmony’ อันโดดเด่นมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากรุ่น Speed ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคริสตัลเจียระไนและมีแอนิเมชันที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ วัสดุภายนอกมาในแบบโครเมียมพร้อมด้วยท่อไอเสียแบบโครเมียมเงา 2 ท่อด้านหลังที่โดดเด่นออกมาจากดิฟฟิวเซอร์เฉดสีดำเงา และไฟท้ายสีแดงที่มีแอนิเมชันแบบ ‘Harmony’
เบาะโดยสารแบบใหม่ผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือ ณ โรงงานเมืองครูว์ โดยออกแบบเป็นลายร่องตรง นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้แบบโครเมียมเงาหรือโครเมียมเข้มสำหรับการตกแต่งสวิตช์เกียร์ ช่องระบายอากาศ ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ และมือจับประตู พร้อมด้วยกาบบันไดที่สลักข้อความ “Handcrafted in Crewe, England”
เครื่องยนต์รุ่น V8 แบบ High Performance Hybrid มอบพละกำลังรวมกว่า 680 แรงม้า แรงบิดรวม 930 นิวตันเมตร New Continental GT จึงมีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ใน 3.7 วินาที สำหรับ Continental GT ใหม่ และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ใน 3.9 วินาทีในรุ่น Continental GT Convertible พร้อมพิสัยการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้ากว่า 85 กิโลเมตร สำหรับ New Continental GT และ 82 กิโลเมตร สำหรับ รุ่น New Continental GTC โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในโหมดไฮบริดที่ต่ำกว่าเพียง 29 กรัม ต่อ กิโลเมตร และ 31 กรัม ต่อ กิโลเมตรตามลำดับ
New Continental GT ยังมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี Bentley Active Chassis ที่ประกอบไปด้วย Dynamic Ride, Rear Wheel Steering และ eLSD พร้อมโหมด Comfort, Bentley และ Sport ที่ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกกับระบบส่งกำลังและแชสซีส์ที่จะมอบประสิทธิภาพในการขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกสภาพพื้นถนน
New Continental GT Azure and GT Convertible Azure
New Continental GT/C Azure มาพร้อมกับการออกแบบที่งดงาม หรูหรา และการเน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารอันเป็นคุณสมบัติเด่นของรุ่น Azure ใหม่ที่สะท้อนผ่านกระจังหน้าแบบเมทริกซ์เฉดสีดำเงาใหม่พร้อมกับขอบและกระจังหน้าแนวตั้งแบบโครเมียม ด้านล่างของกระจังหน้าสีดำเงาตัดกับกระจังหน้าแบบเงาบนกันชนหน้าและช่องรับอากาศด้านล่าง มากไปกว่านั้น ล้ออัลลอยด์แบบ Azure ขนาด 22 นิ้วสีเงินใหม่ และโลโก้ Azure บนบังโคลนหน้า ทำให้การตกแต่งภายนอกสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พร้อมกับภายในห้องโดยสาร เบาะและประตูห้องโดยสารที่มีการเย็บด้วยลวดลายเพชรแบบ Harmony 3 มิติใหม่พร้อมปักลาย Azure บริเวณที่รองศีรษะ
คุณสมบัติเฉพาะของรุ่นยังมากับเบาะโดยสารแบบ Wellness ขอบไม้วีเนียร์วอลนัทแบบเปลือย กาบบันได Azure แบบเรืองแสง และการเย็บแบบคอนทราสต์บนเบาะโดยสาร พร้อมด้วยคุณสมบัติ Touring, Comfort และ Lighting Specification ที่มาเป็นมาตรฐานของรุ่น Continental GT Azure มาพร้อมซันรูฟแบบพาโนรามิก และ Continental GT Convertible Azure กับอุปกรณ์ที่อุ่นคอเพื่อให้ขับขี่ได้อย่างสบายเมื่อเปิดหลังคาในสภาพอากาศที่เย็น
New Flying Spur
New Flying Spur มาพร้อมกับขุมพลัง High Performance Hybrid และ Bentley Active Chassis ทำให้รุ่นนี้เป็นรองเพียงแค่ Flying Spur Speed เท่านั้นในแง่ของระยะทางการขับขี่ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารสูงสุด 5 คน โดยตัวรถสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ใน 3.9 วินาที ซึ่งถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสมรรถนะอันเหนือชั้นที่ยังมาพร้อมกับการขับขี่ที่นุ่มนวล พื้นที่ภายในที่สะดวกสบาย และความประณีตที่จะทำให้ทุกการเดินทางเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ
Flying Spur รุ่นใหม่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเมทริกซ์สีดำเงา กระจังหน้าด้านล่างเฉดสีดำด้าน พร้อมด้วยวัสดุโครเมียม และท่อไอเสียทรงรีโครเมียมแบบเงา ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะโดยสารแบบร่องตรงพร้อมโลโก้ Bentley ที่ปักบริเวณพนักพิงศีรษะ พร้อมการตกแต่งด้วยโครเมียมสำหรับสวิตช์เกียร์ กรอบช่องปรับอากาศ และมือจับประตู นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารแบบโครเมียมเข้มให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริม
New Flying Spur Azure
รุ่น Flying Spur Azure ตกแต่งเช่นเดียวกับ Continental GT Azure ที่มาพร้อมกระจังหน้าแบบเมทริกซ์สีดำเงาใหม่พร้อมขอบและกระจังหน้าแนวตั้งแบบโครเมียม คุณสมบัติที่โดดเด่นอื่นๆ อาทิ โลโก้ Azure บนบังโคลน กระจังหน้าด้านล่างแบบโครเมียม การตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม และล้ออัลลอยด์แบบ Azure ขนาด 22 นิ้วใหม่ ซึ่งตกแต่งด้วยเฉดสีเงินและโลหะเงา สำหรับการตกแต่งในรุ่น Azure มีให้เลือกทั้งแบบโครเมียมและแบบ Blackline Specification
รุ่น Azure คือ อัครยนตรกรรมที่เน้นความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น ดังนั้น ทั้งเบาะโดยสารด้านหน้า 2 ที่นั่งและเบาะโดยสารด้านหลังอีก 2 ที่นั่งของ Flying Spur Azure จึงมาพร้อมเบาะโดยสารแบบ Wellness ที่ติดตั้งระบบปรับอุณหภูมิเบาะโดยสารและระบบระบายอากาศเพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมของร่างกายผู้โดยสารเพื่อความสบายและตื่นตัวตลอดการเดินทาง ฟังก์ชันเบาะนวดมีการตั้งค่าโปรแกรมถึง 6 แบบที่จะช่วยส่งเสริมการปรับท่านั่งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหวและช่วยลดความเมื่อยล้าในขณะเดินทาง
คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ได้รวมไปถึงระบบไฟหลากสีเพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร การเย็บแบบ Harmony บนประตูและเบาะโดยสาร ที่รองศีรษะแบบปักโลโก้ Azure ขอบไม้วีเนียร์แบบเปลือย และคุณสมบัติ Touring และ Comfort Specification และกาบบันได Azure แบบเรืองแสง
อัครยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์สามารถเลือกครอบครองรุ่น Continental GT, Continental GT Convertible หรือ Flying Spur ที่จะสะท้อนถึงคุณค่าด้านสุนทรียศาสตร์และประสิทธิภาพในการขับขี่ นอกเหนือไปจากนี้ เบนท์ลีย์ยังมอบทางเลือกในการรังสรรค์อัครยนตรกรรมในฝันด้วยเฉดสี วีเนียร์ การตกแต่งภายในห้องโดยสาร และตัวเลือกจาก Mulliner ที่ช่วยให้ลูกค้าแต่ละรายสามารถรังสรรค์อัครยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างแท้จริง
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“BRIDGESTONE TURANZA 6 ยางพรีเมียมมาตรฐานใหม่แห่งความนุ่มสบายเหนือระดับ พร้อมเทคโนโลยี ENLITEN®” ได้รับเลือกเป็นยางมาตรฐานติดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ “NEW MG S5 EV” จากเอ็มจี
บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด เผยว่า ผลิตภัณฑ์ “BRIDGESTONE TURANZA 6” ยางรถยนต์พรีเมียมมาตรฐานใหม่แห่งความนุ่มสบายเหนือระดับ พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี “ENLITEN” นวัตกรรมของการออกแบบยางรถยนต์จากบริดจสโตนซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ให้สมรรถนะการขับขี่อย่างเหนือชั้น และยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับเลือกให้เป็นยางมาตรฐานติดรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ “NEW MG S5 EV” จากเอ็มจี ซึ่งเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
BRIDGESTONE TURANZA 6 ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี ENLITEN ซึ่งช่วยให้ยางมีน้ำหนักเบา และมีแรงต้านทานการหมุนต่ำ อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับและปลอดภัย จึงเหมาะกับการใช้งานสำหรับรถยนต์ทุกประเภทรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า
BRIDGESTONE TURANZA 6 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN ขนาด 215/55R18 ได้รับการรับรองมาตรฐาน UN R117-04 ดีไซน์ใหม่ล่าสุด พร้อมการออกแบบมาโดยเฉพาะให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ NEW MG S5 EV ด้วยการลดการใช้พลังงานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมยังสามารถทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างแบบ 5-Link Suspension เพิ่มสมรรถนะการยึดเกาะถนนบนสภาพพื้นผิวที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะบนพื้นถนนเปียก อีกทั้งยังช่วยลดเสียงรบกวน และเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบ One Pedal ของเอ็มจี ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยมีคุณสมบัติเด่น ได้แก่
- แรงต้านทานการหมุนที่ลดลง เพิ่มพลังแห่งการขับขี่ที่เหนือชั้น: เพื่อช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งให้กับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ NEW MG S5 EV
- การยึดเกาะที่มั่นใจทุกสภาพถนน: ออกแบบลายดอกยางและร่องยางใหม่
เพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการยึดเกาะทั้งบนพื้นถนนเปียกและถนนแห้ง - ความเงียบและนุ่มนวลในการขับขี่: ทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ NEW MG S5 EV ช่วยลดระดับเสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือนระหว่างการขับขี่ เพื่อมอบความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
- อายุการใช้งานที่ยาวนาน: โครงสร้างยางพัฒนาให้ทนทานต่อการสึกหรอเพื่อการใช้งานได้อย่างยาวนาน
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งในกระบวนการผลิตและระหว่างการขับขี่
- เสถียรภาพและความมั่นคงที่เหนือชั้น: เสริมประสิทธิภาพการควบคุมและความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูง
ภาพรวมของผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE TURANZA 6 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง NEW MG S5 EV จากเอ็มจี
รุ่นรถของเอ็มจี รุ่นยางของบริดจสโตน ขนาดยางของบริดจสโตน NEW MG S5 EV BRIDGESTONE TURANZA 6
ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN215/55R18 คุณสมบัติเด่นของรถยนต์ NEW MG S5 EV
NEW MG S5 EV บุกตลาดและสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่ม B-SUV ไฟฟ้า กับจุดเด่น “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” ตอกย้ำการเป็น e-SUV ที่คุ้มค่าและครบครัน
ด้วยยนตรกรรมไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือชั้นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ให้การควบคุมที่แม่นยำด้วยระบบพวงมาลัย Dual Pinionผสานการทำงานของระบบช่วงล่างอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า และ 5-Link Suspension ด้านหลังที่ปรับจูนมาเป็นพิเศษ ทำให้เกาะถนนดียิ่งขึ้น ลดแรงสั่นสะเทือนระหว่างการขับขี่ พร้อมเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมแม้ในความเร็วสูง และยังมาพร้อมความมั่นใจในการใช้งานในระยะยาวด้วยการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง NEW MG S5 EV ด้วยราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 719,900 บาท มาพร้อมตัวเลือก Standard Range และ Long Rangeคุณซาโตชิ อุเมโอะ ผู้อำนวยการส่วนงานธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด
กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างบริดจสโตนและเอ็มจีในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าภายใต้การพัฒนาและออกแบบยางรถยนต์ด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ของบริดจสโตน
ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ยาง BRIDGESTONE TURANZA 6 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN
จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ยุคใหม่ ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ตลอดจนความยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต สอดคล้องกับ Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน) ในด้าน Energy (พลังงาน) เพื่อสร้างสังคมแห่งการเดินทางที่เป็นกลางทางคาร์บอน”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
DMT จับมือ PTG ส่งความห่วงใย แจกกระเป๋ากันง่วง-กาแฟพันธุ์ไทย และของที่ระลึก สุดพิเศษจากออโต้แบคส์ ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ครบวงจร ช่วงสงกรานต์ 2568
บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ร่วมกับกาแฟพันธุ์ไทย และออโต้แบคส์ (Autobacs) ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ครบวงจร ในกลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ส่งความห่วงใยแก่ผู้ใช้ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ภายใต้โครงการ “สงกรานต์ปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง ปีที่ 15” โดยจัดกิจกรรมแจกกระเป๋ากันง่วง กาแฟพันธุ์ไทย และของที่ระลึกสุดพิเศษสำหรับเทศกาลสงกรานต์จากออโต้แบคส์ (Autobacs) และสำหรับใครที่ต้องการความมั่นใจก่อนเดินทาง ยังมีจุดบริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้น (Light Check) ภายใน 20 นาที โดยทีมงานมืออาชีพจากออโต้แบคส์
กิจกรรมแจกกระเป๋ากันง่วง กาแฟพันธุ์ไทย และของที่ระลึกสุดพิเศษจากออโต้แบคส์ (Autobacs) จะจัดขึ้นที่ ด่านดินแดง 1 ทางยกระดับดอนเมือง ในวันที่ 11 เมษายน 2568 แบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่ รอบเช้า เวลา 7.00 – 9.00 น. และรอบบ่าย เวลา15.00 – 17.00 น. ขณะเดียวกันยังมีจุดบริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้น (Light Check) ภายใน 20 นาที โดยทีมงานมืออาชีพจากออโต้แบคส์ (Autobacs) ที่ศูนย์อำนวยความสะดวกผู้ใช้ทางด่านดินแดง 2 ตั้งแต่เวลา 7.00 – 19.00 น เพื่อให้มั่นใจว่ารถที่ใช้ในการเดินทางอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และช่วยเติมความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้ผู้ขับขี่ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง กล่าวว่า “DMT ในฐานะผู้ให้บริการทางหลวงพิเศษที่มุ่งเน้นให้ผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกจากสิ่งอำนวยความสะดวก ได้รับรวดเร็วประหยัดเวลาเดินทาง และได้รับปลอดภัยตลอดการขับขี่บนสายทาง จึงให้ความสำคัญกับช่วงเทศกาลที่มีการสัญจรหนาแน่น โดยเฉพาะดอนเมืองโทล์ลเวย์เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อศูนย์กลางของกรุงเทพไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความร่วมมือกับ PTG ในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนความตั้งใจของเราที่จะดูแลผู้ใช้ทางอย่างรอบด้าน”
คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า “ในฐานะองค์กรที่เป็นแบรนด์คนไทย เพื่อคนไทย บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเรามุ่งมั่นในการเชื่อมโยงบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ “อยู่ดี มีสุข” ในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางเพื่อท่องเที่ยว PTG จึงได้ร่วมกับ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ดำเนินโครงการ “สงกรานต์ปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความห่วงใยบนท้องถนน ผ่านการให้บริการ และกิจกรรมต่าง ๆ จากกลุ่มธุรกิจในเครือ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ครบวงจรออโต้แบคส์ (Autobacs) ที่มาให้บริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้น (Light Check) ฟรี ภายใน 20 นาที โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญซึ่งผ่านการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพ ด้วยมาตรฐาน No.1 จากประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมการตรวจสอบจุดสำคัญต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการเดินทาง นอกจากนี้เราได้นำกาแฟพันธุ์ไทยแบบบรรจุขวดมาบริการให้กับผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทาง หวังว่าเครื่องดื่มของเราจะช่วยเติมความสดชื่น และลดความเสี่ยงจากความง่วงในระหว่างการเดินทางให้กับทุกคนบนท้องถนน และช่วยสร้างความมั่นใจแบบไร้กังวลระหว่างการเดินทาง เพื่อให้ทุกคนได้มีความสุขกับช่วงเวลาพิเศษในเทศกาลสงกรานต์”
DMT และ PTG ขอเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนช่วง “7 วันอันตราย” ให้เป็น “7 วันแห่งความสุข” ในเทศกาลสงกรานต์ โดยมุ่งหวังให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความปลอดภัย อุ่นใจ และมีรอยยิ้มตลอดเส้นทาง ขอให้ทุกท่านขับขี่อย่างมีสติ มีน้ำใจให้เพื่อนร่วมทาง และเดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย พร้อมเก็บเกี่ยวความสุขในทุกก้าวของเทศกาลสงกรานต์ 2568 นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
เช็กให้ฉ่ำกับออโต้แบคส์ จัดเต็มสงกรานต์ด้วยบริการเช็กรถฟรีมากกว่า 25 รายการ
ออโต้แบคส์ ประเทศไทย (Autobacs Thailand) ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ครบวงจร ในกลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จัดโปรโมชั่นตลอดเทศกาลสงกรานต์ด้วยแคมเปญ “เช็กฉ่ำ พิชสต็อป” บริการตรวจเช็กรถฟรี มากกว่า 25 รายการ พร้อมรับของที่ระลึกสุดพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ – 16 เมษายน 2568
ออโต้แบคส์ (Autobacs) ร่วมส่งมอบความห่วงใยในทุกการเดินทางจัดโปรโมชั่นรับสงกรานต์ ให้รถทุกคันมั่นใจแบบไร้กังวลก่อนออกเดินทาง ตอกย้ำ “ครบ-เคลียร์-จบ ทุกเรื่องรถ” ที่ออโต้แบคส์ ด้วยการให้บริการที่มีคุณภาพจากพนักงานผู้เชี่ยวชาญซึ่งผ่านการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพ ด้วยมาตรฐาน No.1 จากประเทศญี่ปุ่นสำหรับลูกค้าคนพิเศษด้วยแคมเปญ “เช็กฉ่ำ พิชสต็อป” รวมมูลค่า 1,299 บาท ให้การเดินทางตลอดเทศกาลสงกรานต์นี้ปลอดภัยแบบไร้กังวล ดังนี้
- ฟรี! เช็กให้ฉ่ำกับบริการตรวจเช็กรถ 25 รายการ
- รับบริการเพิ่ม ฟรี! เคลือบกระจก อบโอโซนฆ่าเชื้อในรถ เปลี่ยนลมไนโตรเจน
- รับฟรี! “ซองกันน้ำแคล้วคลาดปลอดภัย”
สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ของโปรโมชั่น หรือข่าวประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่ Autobacs Call Center โทร. 065-504-8000, www.facebook.com/autobacsthai และ Line Official @autobacsthailand
*รายการส่งเสริมการขาย และการบริการเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine