• มาสด้าคว้า 6 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 ตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เพื่อลูกค้าทุกคน

    1 Min Read

    มาสด้าคว้า 6 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 ตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เพื่อลูกค้าทุกคน

    บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เข้ารับรอบรางวัล Car of the Year 2025 หรือรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2568 ที่จัดขึ้นโดย บริษัท กรังซ์ปรีด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และผู้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ซึ่งยนตรกรรมมาสด้าสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติมาครองได้ถึง 6 รุ่น รวมถึงยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดทั้งสองรุ่น ทั้งรถครอสโอเวอร์เอสยูวีมาสด้า CX-5 และรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 ที่เปิดตัวสู่ตลาดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่กำลังเรียกกระแสตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทย สำหรับรางวัลที่มาสด้าได้รับในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยียานยนต์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและการออกแบบอันสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ โดยมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าและผู้ขับขี่อย่างแท้จริง ภายในงานฯ ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล พร้อมด้วย นายอโทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน Car & Bike of the Year 2025 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

    นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric)  คือแนวทางที่มาสด้ายึดถือเป็นหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยยานยนต์อันล้ำสมัยเสมอมา ตลอดจนการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในด้านการบริการ เพื่อยกระดับประสบการณ์และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน เพราะเราเชื่อว่า ความสุขในการขับขี่รถยนต์จะนำมาซึ่งความสุขในการใช้ชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า ดังนั้น การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของมาสด้าต่อพันธกิจดังกล่าว เพราะไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่ารถยนต์มาสด้ามีคุณภาพมาตรฐานสูงจนได้รับการยอมรับจากผู้ทรงคุณวฺฒิทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ และยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อการนำมาซึ่งประสบการณ์ที่ดีจากการใช้รถยนต์ที่มาสด้าตั้งใจส่งมอบให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

    รถยนต์มาสด้าที่ได้รับรางวัล Car of The Year 2025 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    1. รถยนต์นั่งสปอร์ต Mazda2 รุ่น XDL เครื่องยนต์ดีเซล         Best Sedan Diesel under 1500 cc.
    2. รถยนต์นั่งสปอร์ต Mazda3 รุ่น SP Fastback                    Best Hatchback under 2000 cc.
    3. รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี Mazda CX-5 XDL      Best Diesel SUV Over 2500 cc.
    4. รถปิกอัพมาสด้า BT-50 DBL 2.2 XT Hi-Racer 8AT          Best High-lifted pickup 2200 cc.
    5. รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี Mazda CX-30 SP      The Best performance compact SUV
    6. รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี Mazda CX-8 SP       The Most Valuable SUV

    มาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยียานยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ตามแนวทาง Multi-solution เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเลือกใช้เทคโนโลยียานยนต์จากมาสด้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ เพื่อคงไว้ซึ่งโลกที่สวยงาม เพื่อผู้คน และเพื่อสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป

    บุคคลในภาพ (จากซ้ายสุดไปขวาสุด) คณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบด้วย นายวัชระ เจียรบุญ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์และรัฐกิจสัมพันธ์, นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์, มร. ทาเคชิ ซาโตะ รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน, ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอรเนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นายพิเชษฐ์  ปุณณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และ นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว ‘มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์’ รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด อีกขั้นของสไตล์ที่โดดเด่น เติมเต็มความสนุกของครอบครัวยุคใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดแอ็กทีฟ

    1 Min Read

    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว ‘มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์’ รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด อีกขั้นของสไตล์ที่โดดเด่น เติมเต็มความสนุกของครอบครัวยุคใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดแอ็กทีฟ

    บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถ ‘มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์’ รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด สะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ที่สะท้อนตัวตนของครอบครัวรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความทันสมัยและไลฟ์สไตล์แอ็กทีฟ  ตอกย้ำความแข็งแกร่งและโดดเด่นในการเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก

    มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า “มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ เป็นรถรุ่นพิเศษ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์ครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก ของรถจากซีรีส์ ‘มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์’ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมอันโดดเด่นและสะดุดตา ตอบสนองไลฟ์ไตล์สุดแอ็กทีฟของครอบครัวยุคใหม่ ที่พร้อมออกไปสนุกกับกับการใช้ชีวิตและกิจกรรมด้วยกัน มอบความอุ่นใจตลอดการใช้งาน ด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ พร้อมบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม ลูกค้าจึงสามารถเชื่อมั่นได้ในสมรรถนะที่เหนือชั้นและความคุ้มค่า” มร. อินาบะ กล่าวเพิ่มเติม

    มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์’ มอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ เต็มเปี่ยมด้วยพลังและมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ปลอดภัย สะดวกสบาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาพร้อม MITSUBISHI e:MOTION ที่ผสาน 3 สุดยอดเทคโนโลยี อันเป็นเอกลักษณ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบไปด้วย ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดที่ทรงพลัง เพื่อพละกำลังที่เหนือกว่าและความประหยัดน้ำมัน โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive Mode) ให้ความปลอดภัย ลุยได้ในทุกสภาพถนน และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจสูงสุดขณะเข้าโค้ง ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งปรับพับได้หลากหลายรูปแบบและมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ตอบโจทย์ทุกความต้องการและรองรับทุกไลฟ์สไตล์

    ดีไซน์แบบสปอร์ตพรีเมียมโดดเด่นด้วยหลังคาสีดำ กระจกมองข้างสีดำ คิ้วขอบกระจกประตูสีดำ กระจังหน้าตกแต่งไดนามิกชิลด์สีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ และล้ออัลลอยสีดำ นอกจากนี้ ยังมีมือเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ และไฟท้ายแบบ LED สี Smoke โดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ ยังมาพร้อมไฟหน้าและ
    กรอบไฟหน้าสีดำ ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง พร้อมด้วยชุดตกแต่งชายกันชนหน้า กันชนข้างและกันชนหลัง ขณะที่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ มาพร้อมกันชนหน้า แผงตกแต่งข้างประตู แบบ Cross Design สีดำ และกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ

     

    มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ มีสีตัวถังให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว White Diamond พร้อมหลังคาสีดำ และ สีเทา Graphite Gray พร้อมหลังคาสีดำ ขณะที่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว White Diamond พร้อมหลังคาสีดำ สีเทา Graphite Gray พร้อมหลังคาสีดำ และสีเขียว Green Bronze พร้อมหลังคาสีดำ ในราคาจำหน่ายที่ 981,000 บาททั้งสองรุ่น


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ฮอนด้า คว้า 4 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี Car of the Year 2025 นำโดยไลน์อัป Full Hybrid e:HEV ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ น่าใช้ น่าขับ ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้

    1 Min Read

    ฮอนด้า คว้า 4 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี Car of the Year 2025 นำโดยไลน์อัป Full Hybrid e:HEV ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ น่าใช้ น่าขับ ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้

    ฮอนด้า เริ่มต้นปี 2568 ด้วยรางวัลที่สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้า โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คว้า 4 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีในงาน Car of the Year 2025 จาก บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นำโดยไลน์อัป e:HEV ยนตรกรรมฟูลไฮบริด 3 รุ่น ที่สามารถคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน (ปี 2567 – 2568) ได้แก่ ฮอนด้า ซีวิค รุ่น e:HEV RS ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV RS และฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่น e:HEV RS โดยไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV เป็นเทคโนโลยีที่ลงตัวกับการใช้ชีวิต มอบสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลัง อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม มั่นใจยิ่งขึ้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ติดตั้งในยนตรกรรมไลน์อัป e:HEV ทุกรุ่น พร้อมด้วยอีกหนึ่งรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี กับ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ ที่สุดแห่งความสปอร์ตระดับตำนาน

     

    สำหรับรถยนต์ฮอนด้าทั้ง 4 รุ่นที่คว้ารางวัล Car of the Year 2025 ได้แก่

    1. ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV RS ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ได้รางวัลรถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริด
    ซีดาน เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Hybrid Sedan under 2,000 c.)

    2. ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV RS ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ได้รางวัลรถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริดซีดานขนาดกลาง เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Mid-size Hybrid Sedan under 2,000c.)

    3. ฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่น e:HEV RS ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมเอสยูวี ได้รางวัลรถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริดเอสยูวีขนาดกลาง (Best Mid-size Hybrid SUV)

    4. ฮอนด้า ซิวิค ไทป์ อาร์ ที่สุดแห่งความสปอร์ตระดับตำนาน ได้รางวัลรถยอดเยี่ยมประเภทสปอร์ตซีดาน (Best Sport Sedan)

    รางวัลดังกล่าวตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาและส่งมอบยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยยนตรกรรรมที่มีคุณภาพ มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่อันดีเยี่ยม ดีไซน์ที่สะท้อนตัวตนของ ผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน อุ่นใจด้วยศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

    ลูกค้าสามารถสัมผัสกับยนตรกรรมฮอนด้าที่ได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี  (Car of the Year 2025) พร้อมด้วยยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ ได้ที่บูทฮอนด้าในงาน มอเตอร์ โชว์ 2025 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 โดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น ทั้งภายในงานที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือแชตกับที่ปรึกษาการขายออนไลน์ได้ที่ www.honda.co.th หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM คว้า 3 รางวัลคุณภาพจากงาน CAR & BIKE OF THE YEAR 2025 จากรถยนต์ 3 รุ่น 3 ตระกูล: GWM TANK 300 HEV, GWM ORA 07 และ GWM POER SAHAR HEV

    1 Min Read

    GWM คว้า 3 รางวัลคุณภาพจากงาน CAR & BIKE OF THE YEAR 2025 จากรถยนต์ 3 รุ่น 3 ตระกูล: GWM TANK 300 HEV, GWM ORA 07 และ GWM POER SAHAR HEV

    GWM (Thailand) ประกาศความสำเร็จรับต้นปี 2568 คว้า 3 รางวัลอันทรงเกียรติจากงานประกาศรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “CAR & BIKE OF THE YEAR 2025” จากกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล สะท้อนความ สำเร็จในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน  โดยมีรถยนต์คุณภาพจาก GWM ถึง 3 รุ่น ใน 3 ตระกูลที่ครอบคลุมทั้ง 3 เซกเมนต์ ที่สามารถคว้ารางวัล

    ในงานนี้ ได้แก่

    • GWM TANK 300 HEV กับรางวัล BEST HYBRID 4×4 OFFROAD
    • GWM ORA 07 ในรางวัล BEST EV SEDAN
    • GWM POER SAHAR HEV กับรางวัล BEST HYBRID PICKUP

    ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานคณะกรรมการบริหาร, นายพีระพงศ์ เอี่ยมลําเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และ นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน CAR & BIKE OF THE YEAR 2025 โดยมี นางสาวแพนดอร่า หยู๋ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และนางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร GWM (Thailand) เป็นตัวแทนรับรางวัล โดยมีผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

    ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้ง 3 รางวัล ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ในการมุ่งมั่นส่งมอบเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมล้ำหน้าแก่ผู้ใช้งานชาวไทยทั่วประเทศ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่า เหนือกว่า และครอบคลุมยิ่งกว่า ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ สอดคล้องกับแนวคิด GWM Go With More และกลยุทธ์การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ในการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสนี้ ขอขอบคุณ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล สำหรับรางวัลอันทรงคุณค่าดังกล่าว และลูกค้าทุกคนที่ไว้วางใจและสนับสนุนเราเสมอมา ซึ่งเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงนวัตกรรมของทั้ง 3 รุ่นที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานใน 3 เซกเมนต์ที่หลากหลาย โดยเราจะยังคงยึดมั่นคำสัญญาที่จะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน”

    สำหรับ GWM TANK 300 HEV คว้ารางวัล BEST HYBRID 4×4 OFFROAD โดยน้องเล็กสายออฟโรดจากตระกูล GWM TANK ได้รับการยอมรับในด้านประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีไฮบริดที่ล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดที่แข็งแกร่ง การผสานพลังของเครื่องยนต์ไฮบริดขั้นสูง ด้วยระบบขับเคลื่อน 4WD ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย รางวัลนี้สะท้อนถึงคุณภาพที่อัดแน่นและระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัยที่เหนือกว่ารถยนต์ในเซ็กเมนต์และระดับราคาเดียวกัน ส่งผลให้ GWM TANK 300 HEV เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหารถยนต์ SUV สไตล์ BOXY ระดับพรีเมียม สมรรถนะสูง แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลุยได้ในทุกเส้นทางทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ออนโรดและออฟโรด

    ในขณะที่ GWM ORA 07 รุ่น Long Range ซึ่งได้รับรางวัล BEST EV SEDAN คือรถไฟฟ้า 100% ที่เกิดจากเสียงเรียกร้องของกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล GWM ORA ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีความสปอร์ต เท่ ปราดเปรียว มีเอกลักษณ์ และให้ความปลอดภัยในทุกเส้นทางขั้นสูงสุด โดย GWM ORA 07 ได้รับการยอมรับในด้านการออกแบบ ที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า การมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ที่ติด้วยการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยระยะทางขับขี่สูงสุด 640 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ทำให้ GWM ORA 07 เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหาความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น โดยไม่ทิ้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็ว และระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้นพร้อมด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ครบครัน ด้วยโครงสร้างรถลักษณะ Cage-Type Body ที่ใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงและแข็งแกร่งสูงถึง 77.6% ของส่วนประกอบทั้งหมด รองรับแรงกระแทกจากภายนอกได้อย่างดี และช่วยลดความรุนแรงได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกด้วย รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ GWM ในการพัฒนาและนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ ทั้งความต้องการของผู้บริโภค เทคโนโลยีความปลอดภัย  และการรักษาสิ่งแวดล้อมในยุคใหม่

    สำหรับ GWM POER SAHAR HEV ซึ่งได้รับรางวัล BEST HYBRID PICKUP เป็นรถกระบะไฮบริดรุ่นแรกในประเทศไทย รถกระบะคันนี้ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับมาตรฐานการขับขี่ ด้วยการผสมผสานระหว่างสมรรถนะที่ทรงพลังและความสะดวกสบายที่เหนือชั้น โดยรางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศในด้านการผสานเทคโนโลยีไฮบริด เข้ากับสมรรถนะของรถกระบะที่ทรงพลัง อีกทั้งมอบประสบการณ์การขับขี่และโดยสารที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบาย ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางที่สุดจากขนาดฐานล้อที่ยาวที่สุดในกลุ่มรถยนต์ขนาด 3,350 มิลลิเมตร อีกทั้งยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังโดดเด่นด้วยฝาท้ายกระบะที่เปิดปิดได้ 2 รูปแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบรรทุกได้หลากหลาย พร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย ฉีกกฏรถกระบะแบบเดิม ๆ อย่างสิ้นเชิง และล่าสุด GWM POER SAHAR ในประเทศออสเตรเลียยังได้รับการรับรองว่าเป็นรถกระบะพลังงานใหม่ที่มีความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จาก Australasian New Car Assessment Program (ANCAP) ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำของ GWM ในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่า

    3 รางวัลคุณภาพจากงานประกาศรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี “CAR & BIKE OF THE YEAR 2025” เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของ GWM มุ่งมั่นส่งมอบเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมล้ำหน้า เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งกว่า เหนือกว่า และครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค และ GWM พร้อมที่จะนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี และดีไซน์ที่เหนือกว่า มาให้ชาวไทยทุกคนได้สัมผัสภายในงาน Bangkok International Motor Show 2025 ณ บูธ A10 สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยามาฮ่ากวาด 11 รางวัลคุณภาพการันตีครบทุกเซ็กเมนต์ใน Thailand Bike of the Year 2025

    1 Min Read

    ยามาฮ่ากวาด 11 รางวัลคุณภาพการันตีครบทุกเซ็กเมนต์ใน Thailand Bike of the Year 2025

    นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด และนายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปส่วนสื่อสารการตลาดและส่งเสริมการตลาด นายพนา แดนแก้วมูล ผู้จัดการกลุ่มงานขาย และการตลาดรถบิ๊กไบค์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขึ้นรับรางวัล และถ่ายภาพร่วมกับ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานในพิธี ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานมอเตอร์โชว์ นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานมอเตอร์โชว์ / ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา กรรมการบริหาร ประธานการจัดงาน Car & Bike of the Year นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา รองประธานการจัดงาน Car & Bike of the Year 2025 โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในการประกาศรางวัล Thailand Car & Bike of The Year 2025

    โดยในปีนี้ยามาฮ่าคว้า 11 รางวัล การันตีครบทุกเซ็กเมนต์ของผลิตภัณฑ์ได้แก่

    1.รางวัล Best Family Sport จาก YAMAHA EXCITER

    2.รางวัล Best Automatic Sport จาก YAMAHA XMAX TECH MAX

    3.Best Automatic Middle Class จาก YAMAHA NMAX

    4.รางวัล Best Sport Over 250 cc จาก YAMAHA R3

    5.รางวัล Best Naked Under 250 cc จาก YAMAHA MT-15

    6.รางวัล Best Naked Over 250 cc จาก YAMAHA MT-03

    7.รางวัล Mini Bike Best Performance จาก YAMAHA GRANG FILANO HYBRID

    8.รางวัล Mini Bike Best Design จาก YAMAHA FAZZIO HYBRID

    9.รางวัล Best Naked Heavy Weight จาก YAMAHA MT-09SP

    10.รางวัล Best Scooter Middle Weight จาก YAMAHA TMAX TECH MAX

    11.รางวัล THE INNOVATOR OF FASHION AUTOMATIC  ยามาฮ่าผู้นำแฟชั่นรถจักรยานยนต์ ออโตเมติก

    โดยทั้ง 11 รางวัลคุณภาพในครั้งนึ้ได้รับจากความไวัวางใจจากผู้ใช้งาน และนักทดสอบรถจักรยานยนต์ชั้นนำจากทั่วประเทศ

    สำหรับการประกาศผลรางวัล Thailand Bike of The Year 2025 ในครั้งนี้มีขึ้น ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • อีซูซุเดินหน้าส่งเสริมศิลปะคู่เยาวชนรุ่นใหม่จัดประกวดวาดภาพดิจิทัลในโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567” ชิงทุนการศึกษากว่า 500,000 บาท

    1 Min Read

    อีซูซุเดินหน้าส่งเสริมศิลปะคู่เยาวชนรุ่นใหม่จัดประกวดวาดภาพดิจิทัลในโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567” ชิงทุนการศึกษากว่า 500,000 บาท

    บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เดินหน้าสนับสนุนเยาวชนรุ่นใหม่ในการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดดิจิทัลโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์” ประจำปี 2567 รอบชิงชนะเลิศ ชิงทุนการศึกษารวมกว่า 500,000 บาท ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด

    กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุจัดการประกวดวาดภาพดิจิทัล “โครงการอีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567” อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี  สำหรับรอบคัดเลือกปีนี้ เราต้องการส่งเสริมให้เยาวชนไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญและผลกระทบของสื่อดิจิทัลต่อการดำเนินชีวิต เนื่องจากโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ข้อมูลสามารถแพร่หลายได้ทันทีอย่างไร้พรมแดน ทำให้ผู้บริโภคยุคดิจิทัลจำเป็นต้องคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ ก่อนแชร์เนื้อหาออนไลน์ ไตร่ตรองถึงความสำคัญโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลผ่านหัวข้อ “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อย่าเผลอทำผิด คิดก่อนแชร์” ในระหว่างเดือนธันวาคม 2567 ถึงมกราคม 2568 ที่ผ่านมา”

    โครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์ 2567” เป็นโครงการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ เยาวชนได้มีโอกาสแสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการผ่านการใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการวาดภาพ ในปีนี้มีน้อง ๆ ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดถึง 531 ผลงาน โดยมีผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศจำนวน 20 คน การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งประกอบด้วย

    • รศ.ดร. ศุภชัย อารีรุ่งเรือง

    คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

    • ผศ.ดร. วิชญ มุกดามณี

    คณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

    • ผศ. อนุพงษ์ จันทร

    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาศิลปกรรม คณะสถาปัตยกรรมศิลปะและการออกแบบ

    สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

    รวมถึงกิจกรรมบรรยายพิเศษที่ได้รับเกียรติจาก “คุณนัด ธนิษฐ์ เจียรสวัสดิ์วัฒนา”  ครีเอเตอร์ชื่อดังจากเพจ นัดเป็ด ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งมีผลงานที่มีลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ ถูกใจผู้คนมากมาย ได้มาร่วมพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ และให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่น้อง ๆเยาวชนที่เข้าร่วมประกวดในวันนี้ รวมทั้งได้ให้ทุกคนร่วมทำกิจกรรม  Workshop  สร้างผลงานสติกเกอร์ สำหรับแอปพลิเคชัน Line อีกด้ว

    โดยการประกวดรอบชิงชนะเลิศนั้น เป็นการวาดภาพแบบสดในเวลา 3 ชั่วโมง ในหัวข้อที่กำหนดขึ้นใหม่ ซึ่งในปีนี้อีซูซุได้ประกาศหัวข้อ “ไทยช่วยไทย ก้าวไปด้วยกัน” สำหรับรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สร้างสรรค์โดยคนไทย นอกจากช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงานและความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนความรู้ ความสามารถ และความชำนาญของชาวไทยให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงต่อไป โดยผลการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศมีดังนี้

    ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

    • รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เด็กหญิงกันตา ณ ลำพูน โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา

    จังหวัดกรุงเทพมหานคร   ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

    • รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ เด็กหญิงฮานีนี่ โมหมัดตอเฮด โรงเรียนเกาะจันทร์

    พิทยาคาร จังหวัดชลบุรี  ได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

    • รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ เด็กหญิงอารีฟะฮ์ ชาญชัยชนะ โรงเรียนวิชัยวิทยา

    จังหวัดเชียงใหม่  ได้รับทุนการศึกษา 20,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

    รางวัลชมเชยจำนวน 7 รางวัล ได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่

    1. เด็กหญิงภัทรภร  จันทิมา  โรงเรียนระยองวิทยาคม  จังหวัดระยอง
    2. เด็กหญิงพรนพรัตน์  วายุวรรธนะ โรงเรียนวิสุทธรังษี  จังหวัดกาญจนบุรี
    3. เด็กหญิงกรรวี  หลีกภัย  โรงเรียนราชินีบน  จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    4. เด็กหญิงเพชรอาภา  เพ็ชรละออ  โรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร จังหวัดชลบุรี
    5. เด็กหญิงชญานิศ  เชียงทอง  โรงเรียนวิสุทธรังสี จังหวัดกาญจนบุรี
    6. เด็กชายปรารภัฏ  บุญเกษม  โรงเรียนธัมมสิริศึกษาสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
    7. เด็กหญิงธนารีย์  ดอกดี  โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม  จังหวัดเพชรบูรณ์

    ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

    • รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาวชญาดา อุทัยธัน โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) จังหวัดกรุงเทพมหานคร  ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
    • รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ นางสาวสุชญา ใจกล้า โรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา

    จังหวัดชลบุรี ได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

    • รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ นางสาววิรัลพัชร เจริญสันติสุข โรงเรียนมารีวิทย์สัตหีบ

    จังหวัดชลบุรี  ได้รับทุนการศึกษา 20,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ

    รางวัลชมเชยจำนวน 7 รางวัล ได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่

    1. นางสาวณัฏฐณิชา บางดี โรงเรียนบัวขาว จังหวัดกาฬสินธุ์
    2. นางสาวธิดาวัลย์ สิงห์คำ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น
    3. นายภีรศักดิ์ ศรีสุระ  โรงเรียนสว่างบริบูรณ์วิทยา  จังหวัดชลบุรี
    4. นางสาวเกวลิน ญาณอภิมนตรี  โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์  จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    5. นางสาวชนกนันท์ พันธุ์มาตย์  โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร จังหวัดระยอง
    6. นายนฤพล หยองวังปา  โรงเรียนสันติวิทยาสรรพ์  จังหวัดเลย
    7. นางสาวพิมพ์พิศา โคตศิริ โรงเรียนท่าเรือ “นิตยานุกูล” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    หัวข้อสดในรอบชิงชนะเลิศปีนี้ “ไทยช่วยไทย ก้าวไปด้วยกัน” ทำให้หนูรู้สึกตกใจเล็กน้อยเพราะไม่ได้เตรียมตัวสำหรับหัวข้อนี้มา แต่ก็เข้ากับยุคสมัยตอนนี้ดีค่ะ ภาพวาดของหนูต้องการสะท้อนว่า เราเป็นคนไทยและอยู่ในเมืองไทยด้วยกันก็ควรให้ความช่วยเหลือกัน ถ้าอยู่ใกล้ก็เอื้อมมือไปช่วย ถ้าไกลก็ส่งกำลังใจ แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราก็ช่วยกันได้เสมอค่ะ อยากเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ในครั้งต่อ ๆ ไป เพราะเป็นโอกาสที่ดีมากที่จะได้โชว์ฝีมือการวาดภาพของเราเด็กหญิงกันตา ณ ลำพูน โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา กรุงเทพมหานคร ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เผยที่มาของผลงาน “ไม่ไกลเกินเอื้อม”

    สำหรับ นางสาวชญาดา อุทัยธัน จากโรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร ผู้ชนะเลิศระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เผยความรู้สึกว่า “แรงบันดาลใจของผลงานชิ้นนี้มาจากวลีหนึ่ง คือ   ส่งต่อความห่วงใย เราเปรียบเปรยความห่วงใยเป็นรูปห่วงสีทอง และคำว่า ก้าวไปด้วยกัน นั้นหมายถึง ไม่ว่าเราจะอยู่ต่างที่คนละมุมโลก เป็นใครก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากว่าเราทุกคนห่วงใยคนรอบข้างกันสักนิด แค่นี้สังคมก็จะน่าอยู่ขึ้นและพร้อมก้าวไปด้วยกัน ดังนั้นเพื่อน ๆ ที่สนใจวาดรูป มีใจรักในศิลปะ เข้ามาประกวดกันได้นะคะ อีซูซุเขาใจดีค่ะ”

    นอกจากนี้ยังมีรางวัล Popular Vote จำนวน 10 รางวัล จากระดับการศึกษาละ 5 คน จะได้รับทุนการศึกษาคนละ 2,500 บาท  และพิเศษ! รางวัล Content Creator 10 รางวัล สำหรับผู้เข้าแข่งที่จัดทำคลิปที่เกี่ยวข้องกับผลงานหรือกิจกรรมนี้อย่างสร้างสรรค์ลงในช่องทาง TikTok โดย 10 คลิปที่ถูกใจคณะกรรมการ มากที่สุด และทำถูกต้องตามกติกา จะได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 2,500 บาท ทั้งนี้สามารถติดตามประกาศรางวัลในโครงการ “อีซูซุเยาวชนสัมพันธ์” ประจำปี 2567 ได้ที่ https://isuzuyouthrelations.com/  และสามารถติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มได้ทางเว็บไซต์ www.isuzuyouthrelations.com  หรือ www.isuzu-tis.com


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Post Image

    PTG ชูธงปี 68 นำทัพด้วยฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus เน้นขยายพอร์ต Non-Oil กาแฟพันธุ์ไทยเป็นอาวุธหนุนเติบโต พร้อมก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2573

    2 Min Read

    PTG ชูธงปี 68 นำทัพด้วยฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus เน้นขยายพอร์ต Non-Oil กาแฟพันธุ์ไทยเป็นอาวุธหนุนเติบโต พร้อมก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2573

    บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ภายใต้ Max World เดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายมิติ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข” ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ และใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก เป็นกลไกสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Oil และ Non-Oil  ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 มุ่งเน้น กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหัวหอกสำคัญ ขยายสู่ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2573

                คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน   PTG Drive for Tomorrow: Max Card. Max Growth. Max World.ว่าปี 2567 ที่ผ่านมา PTG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมี PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก (คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรไทย) เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และกลยุทธ์

    ธุรกิจ Oil ของ PTG ทำสถิติใหม่ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,548 ล้านลิตร เติบโต 12.9% YoY สูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมกว่า 10 เท่า (ตลาดเติบโต 0.4% YoY) พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% จาก Same-Store Sales Growth (SSSG) กว่า 11.6% YoY โดยมี PT Max Card เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาเติมน้ำมันมากขึ้น บ่อยขึ้น และต่อเนื่องขึ้น นอกจากปริมาณที่เติบโตขึ้นแล้ว PTG ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นโครงการหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน และคุณภาพการบริการ เช่น บริการส่งน้ำมัน Max Service การเช็ดกระจก การดูแลลูกค้า พร้อมกลยุทธ์การเติบโตควบคู่ไปกับลูกค้า ชุมชน และ คู่ค้า ผ่านการพัฒนา Max Enterprise Connect (MEC) โซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร และร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับภาครัฐและชุมชน อีกทั้งได้พัฒนาและปรับปรุงสถานีบริการให้เป็น One-Stop Destination รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ทุกสถานีกลายเป็นมากกว่าสถานีเติมน้ำมัน

    ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Non-Oil เติบโตอย่างแข็งแกร่งครอบคลุมทุกมิติ ในมุมของปริมาณทางฝั่งธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 31.2% YoY ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP 10 เท่า (GDP เติบโต 2.5% YoY) ขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น 35% YoY โดยมีกาแฟพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Non-Oil ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นของกำไรขั้นต้นซึ่งเพิ่มขึ้น 80.2% YoY จากการขยายสาขาเฉลี่ยกว่า 1.3 สาขาต่อวันไปยังสถานีบริการน้ำมันและภายนอกสถานีบริการน้ำมันที่มีศักยภาพ อีกทั้งได้พัฒนาสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยพัฒนาโมเดลร้านให้หลากหลาย  รวมถึงการทำแคมเปญที่สอดรับกับการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “ไทยริกาโน”  ขณะที่ Autobacs ซึ่งประกอบธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ และศูนย์บริการ มาตรฐานระดับญี่ปุ่น กำไรขั้นต้นเติบโต 70.9% YoY จากการขยายสาขาเป็น 117 สาขาภายในปี 2567  โดยมีรายได้เติบโตด้วยเช่นกันที่ 76% YoY

    ทั้งนี้การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย และ Autobacs เกิดจากพลังของฐานลูกค้าสมาชิกมีการเติบโตสะท้อนจากยอดขายกาแฟพันธ์ไทยกว่า 75% มาจากสมาชิก Max Card และ Max Card Plus โดยสมาชิก Max Card Plus มีการบริโภคกาแฟมากกว่าลูกค้าทั่วไป 7 เท่าต่อเดือน อีกทั้งซื้อกาแฟต่อครั้งมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 2 เท่า

    นอกจากนี้ PTG ยังเติบโตเชิงกลยุทธ์โดยร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง บสย. เพื่อเสริมรากฐานการขยายแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับ กรมป่าไม้ แม่ฟ้าหลวง และ ธกส. ในการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจยั่งยืนเพื่อรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดผ่านการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มของกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อต่อยอดเพิ่มมูลค่า สนับสนุนเกษตรกร กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความยั่งยืนในทุกภูมิภาค

    คุณพิทักษ์ กล่าวอีกว่าสำหรับอนาคต PTG มุ่งสู่ Max World ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่

    1. ยกระดับคุณภาพให้ลูกค้ามี “ชีวิตดี” ผ่านบัตร Max Card และ Max Card Plus โดยมอบโอกาสให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย และได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้น เช่น เข้าพักจุดบริการ PT MAX CAMP ฟรีระหว่างการเดินทาง ส่วนลด 50 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันใสหรือ LPG ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยหรือคอฟฟี่เวิลด์ ฟรีค่าบริการจัดส่งน้ำมันฉุกเฉิน มูลค่า 100 บาท เป็นต้น โดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม และเกิดการบอกต่ออย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าทุกสิ่งที่ PTG ขับเคลื่อนอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้า ดังคำกล่าว “ใครจะเข้าใจคนไทย… ได้ดีกว่าคนไทยด้วยกัน”
    2. ขยายธุรกิจ Non-Oil ให้ “เติบโต” โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของกําไรขั้นต้น พร้อมกับธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อีก 25% โดยการเพิ่มในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีปัจจัยมาจากการขยายกาแฟพันธุ์ไทยสู่ 5,000 สาขา ภายในปี พ.ศ. 2571 การขยายสาขานี้จะทําให้กาแฟพันธุ์ไทยเข้าถึงชุมชนและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ในมุมธุรกิจใหม่ Subway ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศธุรกิจของ PTG ผ่านบัตร Max Card โดยใช้ประโยชน์จากฐานสมาชิกกว่า 25 ล้านราย เพื่อมอบความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

    ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้กล่าวเสริมว่า PTG ได้ขยายขอบเขตไปยังธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมต่อกับ Max Card ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะในด้าน บริการสินเชื่อที่ PTG ได้ร่วมมือกับ Paisan Capital เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่ง เสริมศักยภาพในการเข้าถึงสินเชื่อด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการ อีกทั้ง PTG เป็นผู้นำในการนำ Subscription Model มาเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จ EV Elex by EGAT PT ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า พร้อมยกระดับสุขอนามัยของคนในชุมชนผ่านธุรกิจบริหารจัดการขยะและ

    1. PTG ได้ย่อ Max World มาอยู่ในมือลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me เพื่อเพิ่ม “ความสะดวกสบาย” ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มที่รวมสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษไว้ในที่เดียว

    นอกจากนี้ PTG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา PTG ได้ดำเนินโครงการที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การส่งเสริมพืชเศรษฐกิจและไม้ยืนต้นร่วมกับการปลูกกาแฟ และการฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึง การร่วมมือกับกรมการค้าภายใน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรเพื่อนำมาแจกให้ลูกค้าสถานีบริการน้ำมัน

    อีกทั้ง PTG ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้าน ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยได้รับรอง CAC ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยแนวคิดของ PTG คือ การเติบโตของธุรกิจต้องไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะ PTG ตระหนักดีว่าภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนจากวิกฤตน้ำท่วม ไฟป่า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและต้นทุนคาร์บอนในระดับโลก ปัจจุบัน 140 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานผ่าน นโยบาย COP, ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ด้วยเหตุนี้ PTG จึงให้คำมั่นในการก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 (Scope 1 และ 2) ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

    • Reduce (10%): ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร (Drive Internal Decarbonization)
    • Reforestation (30%): ดูดซับและกักเก็บคาร์บอนผ่านการปลูกป่า การฟื้นฟู และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่ง (Forest Protection & Conservation Actions)
    • Readjust Portfolio (60%): ลงทุนใน ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ที่สามารถชดเชยคาร์บอนและเติบโตในระยะยาว (Deploy investments in a carbon offset portfolio)

    ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ PTG ที่ไม่ได้มอง ESG เป็นเพียงมาตรฐาน แต่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ PTG เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึง ชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกช่วงของชีวิต ผ่าน Max Card และ Max Card Plus ซึ่งเป็นมากกว่าบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM ชูนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซลที่ประสบความสำเร็จมากว่า 30 ปี เตรียมนำ “เครื่อง 2.4T เจนใหม่ล่าสุด” ใส่ใน NEW GWM TANK 300 DIESEL ยืนยันคุณภาพและความทนทาน กล้ารับประกันคุณภาพถึง 1,000,000 กิโลเมตร!

    1 Min Read

    GWM ชูนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซลที่ประสบความสำเร็จมากว่า 30 ปี เตรียมนำ “เครื่อง 2.4T เจนใหม่ล่าสุด” ใส่ใน NEW GWM TANK 300 DIESEL ยืนยันคุณภาพและความทนทาน กล้ารับประกันคุณภาพถึง 1,000,000 กิโลเมตร!

    GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน เผยนวัตกรรมใหม่กับ “ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด” พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ใน NEW GWM TANK 300 DIESEL เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดย GWM ได้เริ่มพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลมาอย่างยาวนานมากว่า 30 ปี ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเครื่องยนต์ดีเซลถือเป็นความเชี่ยวชาญอันดับต้น ๆ ของแบรนด์ ผ่านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามาหลากหลายเจนเนอเรชัน ซึ่ง GWM มีการลงทุนในการพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นนี้กว่า 200 ล้านหยวน (ประมาณ 1 พันล้านบาท) มีการพัฒนาห้องปฏิบัติการวิจัยเครื่องยนต์อย่างครบชุด สะท้อนให้เห็นถึงนวัตกรรมและความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือชั้น และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในประเทศจีนและทั่วโลก การันตีด้วยผู้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเกือบ 2 ล้านคน ใน 170 ประเทศและทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัสเซีย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมและความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์ดีเซลของ GWM ในระดับโลก

    สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด มี 4 จุดเด่นสำคัญที่จะยกระดับทุกประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งกว่าเครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิม ๆ ได้แก่ การประหยัดพลังงานที่ดีมากขึ้น ฉีกกฏเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นิ่ง เงียบ และนุ่มนวลกว่าเคย ประสิทธิภาพการขับขี่ที่สูงขึ้น และการรับประกันคุณภาพที่ยาวนานขึ้น  โดยในประเทศจีนได้นำร่องเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนใหม่นี้ ในรถยนต์ 2 แบรนด์ผลิตภัณฑ์อย่าง GWM TANK และ GWM POER เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเร็ว ๆ นี้ GWM (Thailand) เตรียมนำ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่นี้ ให้ชาวไทยได้สัมผัสกับขุมพลังดีเซลอันทรงประสิทธิภาพ ผสานความหล่อ เท่ ให้โดดเด่น ครบเครื่องในทุกเส้นทาง เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่หลากหลายทั้งในเมืองหรือนอกเมือง ออนโรดและออฟโรด

    4 จุดเด่นการันตีคุณภาพ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด

    • เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น (High Efficiency & Low Fuel Consumption)

    ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ใหม่นี้ มาพร้อมกับเทคโนโลยีเทอร์โบแปรผัน (VGT) ที่มีแรงดันสูงถึง 2,000 บาร์ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์  ท่อร่วมไอดีแบบคู่ที่ฝาสูบระบบอิเล็กทรอนิกส์ Exhaust Gas Recirculation (ECR) และระบบปั้มน้ํามันเครื่องแบบแปรผัน ทำให้เครื่องยนต์สร้างพละกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขี้น ช่วยลดการปล่อย์ไอเสีย NOx และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนั้นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถปรับอัตราการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในแต่ละสภาพถนน และสอดคล้องกับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป โดยอัตราการบริโภคน้ำมันของ NEW GWM TANK 300 DIESEL อยู่ที่ 14 กิโลเมตรต่อลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ Eco sticker ในประเทศไทย) สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งน้ำมันหนึ่งถัง (ดีเซล B7) สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ดังนั้นเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ใหม่ของ GWM จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการขับขี่ คุ้มค่า และประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น

    • มอบการขับขี่ที่นิ่ง เงียบ และนุ่มนวล ฉีกกฏเครื่องยนต์ดีเซลโดยทั่วไป (Low Noise, Vibration, and Harshness)

    เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ใหม่ของ GWM มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์และการพัฒนาเทคโนโลยีในการลดเสียงรบกวน NVH (Noise, Vibration, Harshness) ที่ยอดเยี่ยม ด้วยการออกแบบใหม่ของท่อไอเสีย เพลาลูกเบี้ยว ปั๊มน้ำมันเครื่อง ท่อน้ำมันแรงดันสูง สายพาน Timing และ Balance Shaft จึงทำให้ห้องโดยสารมีระดับเสียงต่ำกว่า 68 เดซิเบลในช่วง idle speedให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ นิ่ง ไม่สั่น เทียบเคียงได้กับเครื่องยนต์เบนซิน ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายในทุกสภาพถนน

    • พละกำลังและแรงบิดที่ยอดเยี่ยม (High performance)

    เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่นชนิดแรงดันสูง ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพสูง มอบพละกำลังสูงสุดถึง 135 กิโลวัตต์ หรือ 181 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดที่สูงถึง 260 นิวตันเมตร ในรอบเครื่องต่ำ และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรแบบต่อเนื่องหรือแฟตทอร์คที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที  ทำให้การออกตัวและการขับขี่ในพื้นที่ที่มีความท้าทายเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และยังทำให้การอัตราการบริโภคน้ำมันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 11 วินาที การตอบสนองที่ฉับไวนี้ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือเพิ่มความเร็วได้ทันใจในทุกสถานการณ์ และการใช้โครงสร้างช่วงล่างที่แข็งแรงและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงในทุกสถานการณ์ ทั้งการขับขี่ในเมืองและการขับขี่แบบออฟโรด สร้างความมั่นใจและมอบประสบการณ์การขับขี่เพื่อคนเมืองและสายลุยได้เต็มที่

    • ความทนทานสูง รับประกันคุณภาพที่ยาวนานถึง 1 ล้านกิโลเมตร (High durability with Long term warranty)

    เพื่อแสดงถึงความใส่ใจในคุณภาพและความทนทานของเครื่องยนต์ GWM ได้ทำการทดสอบเครื่องยนต์นี้ในสภาพอากาศหนาวและร้อนสุดขั้ว 300 ชั่วโมง ทดสอบการทำงานที่ความเร็วรอบสูงสุด 500 ชั่วโมง และในสภาพถนนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันถึง 76 รูปแบบทั่วโลก โดยมีระยะทางรวม 6 ล้านกิโลเมตร GWM มุ่งมั่นและใส่ใจในคุณภาพและความทนทานของเครื่องยนต์เป็นอันดับแรก จากโครงสร้างการออกแบบที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน ลดเสียงและการสั่นสะเทือน ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้มีความทนทานสูง ทั้งการใช้งานแบบขับขี่ในชีวิตประจำวัน การท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่การขับขี่แบบออฟโรดที่ต้องใช้พละกำลังและแรงบิดสูง GWM พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าด้วยการมอบการรับประกันคุณภาพเครื่องยนต์ที่ยาวนานและครอบคลุมมากขึ้นถึง 1 ล้านกิโลเมตร (หรือ 8 ปี) เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในคุณภาพของ GWM ในเครื่องยนต์นี้

    ไมเคิล ฉง กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM มุ่งมั่นส่งมอบเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมล้ำหน้า เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งกว่า เหนือกว่า และครอบคลุมทุกความต้องการที่มากกว่าเพื่อผู้ใช้งานชาวไทยทุกคน ผ่านแนวคิด GWM Go With More ที่สะท้อนถึงพันธกิจของ GWM ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีกว่าและเหนือกว่าในทุกมิติของการใช้รถยนต์ที่ครอบคลุมทุกประเภทพลังงาน สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่นี้ เป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นความเชี่ยวชาญของ GWM โดยมีการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จนประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งในด้านสมรรถนะ ประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน และความทนทาน พร้อมปฏิวัติการขับขี่เครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิม ๆ สำหรับ NEW GWM TANK 300 DIESEL ขุมพลังใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่นชนิดแรงดันสูง ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน นี้ จะมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ที่ครอบคลุมทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ
    ให้แฟน ๆ รถถเอสยูวีสไตล์ Premium BOXY ชาวไทย ได้เลือกคันที่ใช่ เตรียมนับถอยหลังพบกับ NEW GWM TANK 300 DIESEL กันได้เร็ว ๆนี้”

    และนี่คือ 4 จุดเด่นจากขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่ครอบคลุมประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งกว่า เพื่อผู้ใช้งานทั่วโลกและในประเทศไทย ในด้านการประหยัดพลังงานที่ดีมากขึ้น ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นิ่ง เงียบ และนุ่มนวลกว่าเคย ให้การขับขี่ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และอุ่นใจมากขึ้นกับการรับประกันคุณภาพยาวนานกว่า NEW GWM TANK 300 DIESEL  พร้อมแล้วที่จะให้คนไทยสายลุยได้สัมผัสเร็วๆ นี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • คอนติเนนทอล ขับเคลื่อนให้ทุกการเดินทางคือความมั่นใจ ด้วยแคมเปญใหม่ “Make Way for Confidence”

    1 Min Read

    คอนติเนนทอล ขับเคลื่อนให้ทุกการเดินทางคือความมั่นใจ ด้วยแคมเปญใหม่ “Make Way for Confidence”

    คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี ยกระดับมาตรฐานความมั่นใจในการขับขี่ผ่านแคมเปญระดับโลก Make Way for Confidence” พร้อมตอกย้ำพันธกิจของแบรนด์ในการมอบความอุ่นใจในทุกเส้นทางและทุกสภาพถนน สะท้อนความมุ่งมั่นของคอนติเนนทอลในด้านความปลอดภัย สมรรถนะของยาง และนวัตกรรมอันล้ำสมัย ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับความไว้วางใจ คอนติเนนทอลตระหนักว่าความมั่นใจหลังพวงมาลัยไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรู้สึก แต่คือความมั่นใจของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ยางคอนติเนนทอลจึงมอบการควบคุมที่เหนือกว่า และความมั่นใจในทุกมิติของการเดินทาง
    คอนติเนนทอล ไทร์ส ได้ฉลองครบรอบความสำเร็จ 15 ปี แห่งความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ด้วยสำนักงานในกรุงเทพฯ พร้อมกับโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่จังหวัดระยอง แคมเปญ “Make Way for Confidence” จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการมอบเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับพรีเมียม ที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ขับขี่ทุกคน

    ความปลอดภัย นวัตกรรม และความอุ่นใจในการขับขี่

    ด้วยนวัตกรรมคือหัวใจสำคัญของคอนติเนนทอล บริษัทจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและการเบรก รวมถึงการยืดอายุการใช้งานของยาง เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ในขณะที่ยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ContiSeal ที่สามารถอุดรอยรั่วขนาดไม่เกิน 5 มม. ได้อัตโนมัติ และ ContiSilent ที่ช่วยลดเสียงรบกวน ทั้งสองเทคโนโลยีนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของสภาพถนนในประเทศไทย รวมถึงการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังเดินเครื่องการผลิตยางในโรงงานที่จังหวัดระยอง ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อให้ยางสามารถรองรับทุกสภาพการขับขี่ในแต่ละภูมิภาค พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593
    มากกว่าการเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ คอนติเนนทอลยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับความไว้วางใจจากการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งและความสำเร็จในระยะยาว ผ่านการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยานยนต์ และการให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก ด้วยความร่วมมือนี้ ผสานกับชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพของคอนติเนนทอล จึงตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ระดับโลกได้ในทุกมิติ

    การรับประกันและการบริการลูกค้าที่เหนือระดับ

    เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าไปอีกขั้น คอนติเนนทอลจึงมอบบริการหลังการขายด้วย Total Confidence Plan (TCP) ที่มาพร้อมการยืดระยะเวลาประกันยางยาวนานถึง 369 วัน ซึ่งถือเป็นการรับประกันที่ยาวนานที่สุดในกลุ่มตลาดยางรถยนต์ ครอบคลุมยางคอนติเนนทอลทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับการดูแลและการบริการในระดับสูงสุดหลังการซื้อ นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังมอบทางเลือกที่ลงตัวให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย สมรรถนะการขับขี่ที่มั่นใจได้ และบริการลูกค้าระดับพรีเมียม

    มร. คาเรล คูเซรา (Mr. Karel Kucera) กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เราเชื่อว่าความมั่นใจคือปัจจัยสำคัญในการเดินทาง ยางของเราถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสมรรถนะของรถยนต์ และมอบความมั่นใจในทุกการเข้าโค้ง การเบรก และการเร่งความเร็ว ในแคมเปญ ‘Make Way for Confidence’ เราพร้อมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถเอสยูวี หรือรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเรา เราเชื่อมั่นว่าทุกการเดินทางจะเต็มไปด้วยความมั่นใจสูงสุด”

    “Make Way for Confidence” เป็นแคมเปญที่ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งการเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ การกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า และการกระตุ้นยอดขาย โดยตอกย้ำคอนติเนนทอลในฐานะผู้นำด้านความปลอดภัย สมรรถนะของยาง และความยั่งยืน แคมเปญนี้ไม่ใช่เพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาด แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ทุกเส้นทาง

    รับชมวิดีโอแคมเปญได้ที่ LINK นี้ พร้อมอัปเดตผลิตภัณฑ์ล่าสุดของคอนติเนนทอลผ่านเว็บไซต์ https://www.continental-tires.com/th/th/ หรือโซเชียลมีเดีย https://www.facebook.com/ContinentalTH/


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” กับ 5 ฟีเจอร์เด่น สู่ภาพจำของ e-SUV รุ่นใหม่ NEW MG S5 EV

    2 Min Read

    “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย พร้อม Lifetime Warranty” กับ 5 ฟีเจอร์เด่น สู่ภาพจำของ e-SUV รุ่นใหม่ NEW MG S5 EV

    บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เตรียมสร้างความตื่นเต้นครั้งใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการสร้างภาพจำให้ NEW MG S5 EV รถ B-SUV ไฟฟ้าที่เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ กับการเป็นโมเดลที่มอบ 5 จุดเด่นสำคัญที่จะยกระดับมาตรฐานของการขับขี่ ด้วยการเป็นรถที่ “ขับสนุก วิ่งไกล ชาร์จไว นั่งสบาย มีการรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์แบบ Lifetime Warranty” ที่พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของ รถ SUV ที่เหนือกว่าในทุกการเดินทาง

    NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM – โครงสร้างสุดแกร่ง พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ

    NEW MG S5 EV ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM อันล้ำสมัย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ เอ็มจี พัฒนาเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายเซกเมนต์ ตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้งานครั้งแรกกับ NEW MG4 ซึ่งได้รับการยืนยันจากทั่วโลกว่าเป็นรถที่ขับดีที่สุดในคลาสและส่งต่อ DNA การขับขี่ที่สนุกสนานสู่ NEW MG S5 EV รุ่นใหม่ ที่ผสานสมรรถนะและความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกัน

    แพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM มาพร้อมโครงสร้างที่แข็งแกร่งและออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 100% พัฒนาแบตเตอรี่ที่ติดตั้งในรถคันนี้ให้เป็นแบบ Cell-To-Pack ทำให้ระยะเวลาในการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น และเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น ห้องโดยสารถูกออกแบบให้มีโครงสร้างแข็งแรงพิเศษ สามารถดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะมีผลต่อสมรรถนะที่เหนือชั้นแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด พร้อมระบบปกป้องแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง เพื่อมอบความปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ที่ NEW MG S5 EV พร้อมเดินทางไปทุกเส้นทางอย่างมั่นใจ

    รถ B-SUV ไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง – สมดุลเหนือระดับกับความสนุกของคนขับที่มาพร้อมกับความสบายของคนนั่ง

    NEW MG S5 EV ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ที่ถ่ายทอดพลังสู่พื้นถนนอย่างสมบูรณ์แบบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวใหม่ประสิทธิภาพสูง Permanent Magnet Synchronous Motor ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มอบพละกำลังและการตอบสนองที่ฉับไวในทุกย่านความเร็ว สมรรถนะที่เหนือชั้นเหล่านี้ช่วยให้ทุกการขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็น การออกตัวที่เฉียบคม การเร่งแซงที่มั่นใจ ด้วยความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที การควบคุมรถที่แม่นยำ หรือการเข้าโค้งในหลากหลายสภาพถนน พร้อมพาผู้ขับขี่ทะยานสู่ทุกจุดหมายได้อย่างมั่นใจ

    NEW MG S5 EV ได้รับการออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ผสานกับการวางตำแหน่งแบตเตอรี่ที่ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถให้ต่ำลง (Low Centre of Gravity) ส่งผลให้การยึดเกาะถนนเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เพิ่มเสถียรภาพขณะเข้าโค้งและการเร่งแซง ลดอาการโคลงตัวเมื่อต้องเผชิญกับสภาพถนนที่ท้าทาย เสริมความสมบูรณ์แบบของระบบขับเคลื่อนด้วยระบบช่วงล่างอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า และ 5-Link Suspension ด้านหลัง ที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มการเกาะถนน รองรับ การเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมและมั่นคง แม้ในความเร็วสูง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนระหว่างการขับขี่ ให้สมดุลระหว่างความนุ่มนวลและสมรรถนะสูงสุด นอกจากนี้ NEW MG S5 EV ยังมาพร้อมระบบเบรกที่ร่วมพัฒนากับบริษัท   Continental ด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน มอบพลังเบรกที่ทรงพลัง ทนทานต่อการใช้งานหนัก ได้ดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาของการขับขี่อย่างแท้จริง

    ที่สุดกับความสบายใจสำหรับการรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์ตลอดอายุการใช้งาน – มั่นใจทุกกิโลเมตรที่ขับขี่

    ความเร้าใจต้องมาพร้อมกับความอุ่นใจสูงสุดในทุกการใช้งาน NEW MG S5 EV ยกระดับความมั่นใจตลอดอายุ การใช้งานด้วย Lifetime Warranty สำหรับรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง (High-Voltage Battery) ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน (Electric Drive Unit) และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน (Power Electric Box) ตลอดอายุการใช้งาน แบบไม่จำกัดปี ไม่จำกัดระยะทาง เอ็มจี ถือเป็นแบรนด์เดียวที่กล้ามอบการรับประกันที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไปในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ เอ็มจี ในคุณภาพและความทนทานของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถออกเดินทางได้อย่างไร้กังวล และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงในระยะยาว พร้อมกันนี้ เอ็มจี ยังเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยศูนย์บริการคุณภาพกว่า 140 แห่งทั่วประเทศอีกด้วย

    พวงมาลัย Dual Pinion Steering Wheel – ควบคุมแม่นยำ ขับขี่มั่นใจทุกเส้นทาง

    NEW MG S5 EV ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยนวัตกรรมพวงมาลัย Dual Pinion Steering Wheel ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบการขับขี่ที่แม่นยำและมั่นใจในทุกสถานการณ์ ระบบพวงมาลัยนี้ใช้โครงสร้างแบบ Dual Pinion ที่ช่วยเพิ่มความฉับไวในการตอบสนองและให้การควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น ลดความพยายามในการบังคับรถ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น หรือการขับขี่ที่ต้องการ ความคล่องตัว ระบบพวงมาลัยนี้ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ พร้อมเสริมการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมทั้งในทางตรงและทางโค้งเพิ่มความสนุกและความมั่นใจในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่คับคั่งหรือการเดินทางไกลบนทางหลวง

    วิ่งไกล 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จ พร้อมระบบชาร์จเร็วทันใจ ให้การใช้อีวีง่าย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

    NEW MG S5 EV เปิดมิติใหม่แห่งการเดินทางด้วย แบตเตอรี่ขนาด 64 kWh ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มอบระยะทางการขับขี่สุดประทับใจ สูงสุดถึง 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ที่วิ่งได้ไกลที่สุดในคลาส ตอบโจทย์ทุกการเดินทางโดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง นอกจากระยะทางที่เหนือชั้นแล้ว NEW MG S5 EV ยังมาพร้อมกับ ระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 140 kW ช่วยให้ผู้ใช้งานเติมพลังกลับสู่เส้นทางได้ในเวลาอันรวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอยให้เหลือน้อยที่สุด เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะใช้รถในการเดินทางประจำวันในเมือง หรือขับข้ามจังหวัดเพื่อการเดินทางไกล NEW MG S5 EV จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือ กุญแจสู่อิสรภาพในการเดินทาง ที่ช่วยให้ไปได้ไกลกว่าที่เคย โดยไร้ข้อจำกัดด้านระยะทางและเวลา

     

    เตรียมพบกับยนตรกรรมไฟฟ้าใหม่ในกลุ่ม B-SUV กับ NEW MG S5 EV ที่พร้อมมาฉีกทุกกฎของรถเอสยูวีไฟฟ้า ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พร้อมทั้งสมรรถนะที่ทรงพลังและการขับขี่ที่เหนือกว่า เตรียมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการขับขี่ยนตรกรรมไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ภายในงาน Motor Show 2025 นี้แน่นอน!!!

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจี ได้ที่

    Website: www.mgcars.com
    Line: @MGThailand
    Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
    Twitter: @mg_thailand
    Instagram: @mgthailand
    Youtube: MG Thailand
    TikTok: @mgthailand
    Application: MG Thailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment