• จุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์ดีเซลจนถึงปัจจุบัน

    1 Min Read

    จุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์ดีเซลจนถึงปัจจุบัน

    ห่างหายกันไปนานกับเรื่องราวเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ กลับมาในครั้งนี้เป็นเรื่องของเครื่องยนต์ที่กำลังเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากในยุคสมัยนี้ จะเป็นเครื่องยนต์อะไรไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เครื่องยนต์ดีเซลนั่นเองครับ ก่อนจะมาเป็นเครื่องคอมมอนเรลที่โด่งดังจนถึงทุกวันนี้ ระบบเครื่องยนต์ดีเซลมีเทคโนโลยียังไงบ้างในคอลัมน์นี้มีให้เพื่อนๆได้ศึกษาหาความรู้กันอย่างแน่นอนครับ

    หากคุณอยากรู้เรื่องต้นกำเนิดของระบบคอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่นที่เป็นพัฒนาการล่าสุดของเครื่องยนต์ดีเซลปัจจุบัน คงต้องเริ่มต้นจากทฤษฎี THE THEORY AND CONSTRUCTION OF A RATIONAL HEAT ENGINE นักประดิษฐ์ชาวเยอรมันนามว่า รูดอล์ฟ ดีเซล (RUDOLF DIESEL) คิดค้นขึ้นมาในปี2436 ซึ่งกล่าวถึงเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดโดยอาศัยความร้อนที่เกิดจากแรงดันสูงจากลูกสูบโดยไม่ต้องใช้หัวเทียนจนนำไปสู่การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกแรกของโลก

    diesel 1

    วิวัฒนาการของเครื่องยนต์ดีเซลยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของการใช้งานทั้งแรงม้าและแรงบิด ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและทนทาน

    จนมาถึงเครื่องยนต์ดีเซลแบบสเวิร์ลแชมเบอร์ (SWIRL CHAMBER) หรือ ห้อเผาไหม้แบบอากาศหมุนวนที่คุ้นเคยในตลาดปิกอัพเมืองไทยมานาน ระบบนี้แบ่งห้องเผาไหม้ออกเป็น 2 ส่วน มีห้องเผาไหม้ล่วงหน้าทำหน้าที่ผสมน้ามันชื้อเพลิงกับอากาศเพื่อเผาไหม้ล่วงหน้า ก่อนที่การเผาไหม้นั้นจะลุกลามไปที่ห้องเผาไหม้หลักเครื่องยนต์ดีเซลแบบนี้มีจุดเด่นในด้านความสะอาจของไอเสีย และได้กำลังอย่างเต็มที่ เพราะอากาศและน้ำมันมีการคลุกเคล้าทั่วถึงกว่าทำให้มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีดีเซลที่ได้รับการพัฒนาในช่วงเวลาใกล้เคียงกันคือ ไดเร็คอินเจคชั่น (DIRECT INJECTION)ซึ่งมีห้องเผาไหม้แบบปิดและส่งน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง จุดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซล Di คือ ความประหยัดน้ำมัน แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องสมรรถนะเสียงดังเครื่องยนต์สั่นสะเทือนมากตลอดจนให้ค่ามลพิษสูงโดยเฉพาะค่าก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสีย แต่ทั้ง2ระบบยังถูกพัฒนาต่อไปเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์แบบมากด้วยการติดตั้งเทอร์โบเปลี่ยนฝาสูบเป็นแบบทวินแคมหรือนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาควบคุมการทำงาน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่อง

    diesel 2

    ปัจจุบันพัฒนาการล่าสุดของเครื่องยนต์ดีเซล คือระบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น(COMMONRAIL DIRECT INJECTION : CDI) ซึ่งรวมคุณสมบัติเด่นของทั้ง2ระบบข้างต้นไว้ด้วยกัน โดยการจ่ายน้ำมันผ่านท่อร่วมรางเดี่ยวด้วยปั้มแรงดันสูงภายภายใต้การควบคุมของระบบคอมพิวเตอร์ทำให้มีพล้งขับเคลื่นที่ดียิ่งขึ้น ทั้งแรงม้าและแรงบิด ในทุกรอบเครื่องยนต์มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ มีความทนท่านในการช้งาน และที่สำคัญมีมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    ระบบคอมมอนเรลจึงเป็นเทคโนโลยีดีเซลล่าสุดที่ถูกเลือกใช้ติดตั้งในรถยนต์นั่งระดับหรูหลายยี่ห้อในยุโรปและมีแนวโน้มของการใช้งานจนเกิดกระแสตอบรับจากผู้ใช้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด ถูกติดตั้งอยู่ในรถกระบะพลังแรงที่ใครก็อยากเป็นเจ้าของ

    diesel 3

    การทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล

    ข้ามข้อจำกัดของเครื่องยนต์ดีเซล รุ่นเดิมๆ อย่างระบบสวิร์ลแชมเบอร์และไดเร็คอินเจคชั่น ด้วยความล้ำหน้าของเทคโนโลยีดีเซลสมัยใหม่ที่สามารถตอบสนองต่อการขับชี่ได้อย่างสมบรูณ์แบบ ทั้งด้านสมรรถนะ อัตราความสิ้นเปลืองน้ำเพลิง และความทนทานของการใช้งาน ระบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่นหรือ CDI (COMMONRAIL DIRECT INJECTION) ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานกับรถยนต์นั่งในระดับหรูหราที่เน้นทั้งแรงม้า-แรงบิดและความนุ่มนวลในการทำงานพื้นฐานความประหยัดน้ำมันชื้อเพลิง ในครั้งนี้เราจะอธิบายหลักการทำงานของเครื่องยนต์คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น โดยละเอียดมากขึ้น

    diesel 4

    หัวใจสำคัญของระบบคอมมอนเรล คือ การสร้างแรงดันน้ำมันสูงรอไว้ในท่อเพื่อจ่ายน้ำมันได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง น้ำมันที่ถูกฉีดเข้าสู่ห้องเผาไหม้จะมีลักษณะเป็นละอองฝอยคล้ายละอองแป้ง เพื่อเพิ่มความสามารถในการผสมกับไอดี และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การทำงานทั้งหมดจะเริ่มต้นโดยอาศัยปั้มแรงดันสูงที่สามารถจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยแรงดันที่สูงถึง 1,377 บาร์ หรือสูงกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไดเร็คอินเจคชั่นทั่วไปถึง 8 เท่าน้ำมันเชื้อเพลิงจะถูกสูบผ่านเข้ามารอในรางน้ำมันคอมมอนเรลด้วยแรงดันน้ำมัน เพื่อทำหน้าที่รักษาและควบคุมแรงดันของน้ำมัน ที่ถูกส่งมาจากปั๊มแรงดันสูงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่ก่อนที่หัวฉีดอิเล็กทรอนิกศ์ซึ่งมีรูฉีดน้ำมันถึง 6 รูต่อหัว จะจ่ายน้ำมันที่มีลักษณะเป็นฝอยเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง โดยการทำงานของหัวฉีดจะเป็นแบบ 2 ครั้ง ใน 1 จังหวะด้วยการฉีดน้ำมันนำร่องต (PILOT INJECTION) ก่อนทำการฉีดจริง ซึ่งจะช่วยลดระดับเสียงดังที่เกิดจากการจุดระเบิด

    diesel 5

    นอกจากนั้นการทำงานในทุกขั้นตอนของระบบคอมมอนเรล ไดเร็ลอินเจคชั่น จะถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกส่งมาจากส่วนต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ของเพลาข้อเหวี่ยงตำแหน่งคันเร่ง อุณหภูมิอากาศ ฯลฯ นำมาประมวลผลเพื่อให้มีการสั่งจ่ายน้ำมันช้อเพลิงอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับความเร็วรอบเครื่องยนต์ส่งผลให้เครื่องมีสมรรถนะดีขึ้น แรง ประหยัดน้ำมัน เงียบ สั่นเทือนน้อย มลพิษในไอเสียเสียต่ำ ค่าบำรุงรักษาต่ำ และมีความทนทานสูง

    เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ดีเซล กว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลให้สายควันดำได้ขับมันส์ๆในปัจจุบันนี้ มีจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าเชื่อกันเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าเครื่องยนต์จะแรงแค่ไหน ก็อย่าลืมขับขี่กันด้วยความไม่ประมาทละครับ ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน REALTIME CAR MAGAZINE


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • น้ำมันเชื้อเพลิงมีกี่ประเภทรู้กันหรือไม่ ?

    1 Min Read

    น้ำมันเชื้อเพลิงมีกี่ประเภทรู้กันหรือไม่ ?

    oil 2

    สำหรับคอลัมน์นี้ว่ากันด้วยเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิง ยุคสมัยเปลี่ยนไปอะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เหมือนอย่างเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิง ในสมัยก่อนจะเติมน้ำมันทีก็ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย มีแค่เบนซินธรรมดากับเบนซินพิเศษ แต่พอมาถึงยุคนี้ซิ่ โอ้..โห..ขับรถเข้าปั๊มทีมีให้เลือกจนตาลายกันเลยทีเดียว ทำเอามือใหม่ต้องงงกันไปบ้างไม่มากก็น้อย ในคอลัมน์นี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันครับว่าน้ำมันแต่ละประเภทมันแตกต่างกันอย่างไรและแบบไหนที่จะเหมาะกับรถคุณ

    oil 5

    – น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95    น้ำมันชนิดนี้ รถทุกคันที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซิน สามารถใช้ได้หมด เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของ เอทิลแอลกอฮอล์ และมีออกเทนที่ให้ค่าสูง   มีการเผาไหม้ที่ดีที่สุดของน้ำมันในขณะนี้ และมีการป้องกันการน็อคของเครื่องยนต์สูง  การเผาไหม้ของเครื่องยนต์จึงสมบูรณ์ และให้กำลังของการจุดระเบิดสูงตามมา สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว  แต่ติดตรงที่มีราคาที่สูงกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ  เป็นกฎธรรมชาติที่ว่า ของดีต้องแพงไว้ก่อน

    oil 7

    – น้ำมันเบนซิน ออกเทน 91  น้ำมันชนิดนี้ รถทุกคันอาจจะสามารถใช้ได้ ยกเว้นรถที่มีระบุไว้ว่า   เติมน้ำมันชนิด เบนซินออกเทน 95  เท่านั้น  ซึ่งหากเราฝืนเติมออกเทน  91 เข้าไปในรถที่มีระบุคำว่า เบนซินออกเทน 95   อาการที่รถจะแสดงออกมาให้เราทราบว่าใช้น้ำมันผิดประเภท ก็อาจจะแค่เครื่องยนต์สะดุด เดินเบาไม่เรียบ แต่รถสามารถวิ่งได้  เป็นน้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของ เอทิลแอลกอฮอล์ และมีค่าออกเทนที่ให้ค่าต่ำกว่าออกเทน 95 ลงมา สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว เป็นรอง ออกเทน 95 เล็กน้อย  แทบจะไม่เห็นผล ต้องพิสูจน์ด้วยการนำรถเข้า  Test ที่ห้องแล็บ จึงจะรู้ได้อย่างชัดเจน  น้ำมันชนิดนี้จะหาเติมได้ยาก เพราะบางปั๊มไม่มีให้บริการ เนื่องจากมีชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงอื่นเข้ามาแทนที่ได้  ส่วนราคาสูงรองมาจาก ออกเทน 95

    oil 3

    – น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 95  น้ำมันชนิดนี้เป็นการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานมาผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซินพี้นฐาน 9 ส่วน : เอทานอล 1 ส่วน โดยค่าออกเทนของแก๊สโซฮอล์จะขึ้นอยู่กับค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินพื้นฐานแต่ละชนิด หากนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานออกเทน 91 จำนวน 9 ส่วน ผสมกับเอทานอล 1 ส่วน จะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สามารถเลือกแก๊สโซฮอล์ตามค่าออกเทนที่ต้องการใช้มาทดแทนน้ำมันเบนซินได้ทันที  น้ำมันชนิดนี้ หากรถที่ไม่มีระบุว่า สามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอล์ ออกเทน 95  ได้ ก็ไม่สมควรที่จะใช้ เพราะจะเกิดการกัดกร่อนจากเอทิลแอลกอฮอล์ ที่มีส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่วได้ สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็วเทียบเท่ากับน้ำมันเบนซินออกเทน 95   ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้น และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้

    oil 1

    – น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91  น้ำมันชนิดนี้เป็นการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานมาผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซินพี้นฐาน 9 ส่วน : เอทานอล 1 ส่วน  โดยค่าออกเทนของแก๊สโซฮอล์จะขึ้นอยู่กับค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินพื้นฐานแต่ละชนิด หากนำน้ำมันเบนซินพื้นฐานออกเทน 88 จำนวน 9 ส่วน ผสมกับเอทานอล 1 ส่วน จะได้น้ำมันแก๊สโซฮอล์  91 สามารถเลือกแก๊สโซฮอล์ตามค่าออกเทนที่ต้องการใช้มาทดแทนน้ำมันเบนซินได้ทันที น้ำมันชนิดนี้ หากรถที่ไม่มีระบุว่า สามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91  ได้ ก็ไม่สมควรที่จะใช้ เพราะจะเกิดการกัดกร่อนจากเอทิลแอลกอฮอล์ ที่มีส่วนผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่วได้ สมรรถนะการขับขี่ตอบสนองได้เร็ว เป็นรองจากแก็สโซฮอลล์ออกเทน 95   โดยหากรถระบุว่าสามารถเติมน้ำมันแก็สโซฮอลล์ ออกเทน 91 ชนิดนี้ได้   น้ำมันจากข้อที่ 1-3 สามารถนำมาเติมได้ทั้งหมด แต่ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้น และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้ ข้อดีของน้ำมันชนิดนี้คือ ราคาน้ำมันจะย่อมเยาลงมา

    oil 6

    – น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20  ออกเทน 95 หรือเบนซิน E20 น้ำมันชนิดนี้คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินพื้นฐาน ผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน เบนซิน 80 : เอทานอล 20 ได้เป็นน้ำมัน E20 ซึ่งมีค่าออกเทน 95   ซึ่งมีหลายรายที่นำน้ำมันชนิดนี้มาเติม โดยไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ไม่สามารถรองรับได้ จึงเป็นสิ่งที่คุณควรต้องเช็คก่อนว่ารถยนต์รองรับได้หรือไม่ เนื่องจากเครื่องยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ ต้องมีการปรับอุปกรณ์ และปรับอัตราส่วนผสมให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ หากรถที่ไม่ระบุคำว่า ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20  ได้ ห้ามนำมาเติมเด็ดขาด เพราะเอทิลแอลกอฮอล์ จะกัดกร่อนทำให้ ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่ว  และส่งผลเสียหายเร็วขึ้น เครื่องยนต์จะเร่งไม่ขึ้น มีการสะดุด สตาร์ทติดยาก ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะจะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้ แต่ถ้าหากรถคุณมีระบุอย่างชัดเจนที่คุ่มือการใช้รถ หรือที่ฝาถังว่าสามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20 ได้ คำแนะนำคือ หากชอบการประหยัดในการเติมน้ำมัน  ไม่เน้นขับรถแบบแรงๆ  เติมได้เลยครับไม่มีปัญหาตามมา และน้ำมันตั้งแต่ข้อ 1-4  ก็ยังสามารถใช้กับรถของคุณได้    และมีความประหยัดในการเติมน้ำมันแบบเห็นๆ ส่วนสมรรถนะมีความใกล้เคียงกับออกเทน 95 เนื่องจากเครื่องยนต์มีการออกแบบ และเซ็ทให้สมรรถนะวิ่งได้เหมือนกับ ออกเทน 95  ผลความแตกต่างน้อยมาก แทบจะไม่ค่อยเห็นผล แต่หากเติมเบนซินออกเทน 95 เพียวๆ แล้วเปรียบเทียบดู จะรู้ได้ทันที ในขณะออกตัวหรือเร่งแซง น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E20  ออกเทน 95 จะยังสู้ไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่

    oil 8

    – น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85  น้ำมันชนิดนี้คือ มีการผสมน้ำมันเบนซินมาตรฐานเข้ากับเอทานอลในสัดส่วน น้ำมันเบนซินพื้นฐาน ผสมกับเอทานอลหรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วนเบนซิน 15 เปอร์เซ็นต์  : เอทานอล  85 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ  น้ำมันชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า “E85” ซึ่งมีหลายรายที่นำน้ำมันชนิดนี้มาเติม โดยไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ไม่สามารถรองรับได้ จึงเป็นสิ่งที่คุณควรต้องเช็คก่อนว่ารถเราสามารถใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากเครื่องยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันชนิดนี้ได้ ต้องมีการปรับอุปกรณ์ และปรับอัตราส่วนผสมให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ หากรถที่ไม่ระบุว่า ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85  ได้ ห้ามนำมาเติมเด็ดขาด และจะเป็นอันตรายสุดๆ เพราะเอทิลแอลกอฮอล์ จะกัดกร่อนทำให้ ท่อยาง, โอริงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หรือหัวฉีดเกิดการรั่ว  และส่งผลความเสียหายเร็วขึ้น เครื่องยนต์จะเร่งไม่ขึ้น สะดุด สตาร์ทติดยาก และอาจจะทำให้สตาร์ทไม่ติดในลำดับต่อมา ไม่เหมาะสำหรับรถที่มีการจอดทิ้งเอาไว้นานๆ เกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะเกิดการระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงมากๆ  และมีโอกาสที่น้ำมันจะเสียได้ แต่ถ้าหากรถคุณสามารถใช้ได้ มีระบุอย่างชัดเจนที่คู่มือการใช้รถหรือที่ฝาถังให้ใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 ได้ คำแนะนำคือ หากชอบประหยัดในการเติมน้ำมัน  ไม่เน้นขับรถแบบแรงๆ  เติมได้เลยครับไม่มีปัญหาตามมา และน้ำมันตั้งแต่ข้อ 1-5  สามารถใช้กับรถของคุณได้ คุณจะได้ประทับใจในการเลือกใช้รถรุ่นที่รองรับน้ำมันชนิดนี้ เพราะจะได้ความประหยัดในการเติมน้ำมันแบบสุดๆ  สมรรถนะมีความใกล้เคียงกับออกเทน 95 และมีค่าออกเทนที่ได้จากการผสมน้ำมันชนิดนี้อยู่ที่ 107–113 เนื่องจากเครื่องยนต์มีการออกแบบและเซ็ทให้สมรรถนะวิ่งได้เหมือนกับ ออกเทน 95  ผลความแตกต่างน้อยมาก แทบจะไม่ค่อยเห็นผล  แต่ข้อเสียคือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มีผลให้รถยนต์เปลืองน้ำมันมากขึ้น เอทานอลบริสุทธิ์ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ประมาณ 23% (เอทานอลมีปริมาณหน่วยความร้อน 84,600 บีทียูต่อแกลลอน ส่วนเบนซินบริสุทธิ์ ออกเทน 95 มี 125,000 บีทียูต่อแกลลอน) นั่นหมายถึงจะได้ระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่า แต่หากเติมเบนซินออกเทน 95 เพียวๆ แล้วเปรียบเทียบดู จะรู้ได้ทันที ในขณะออกตัวหรือเร่งแซง น้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 จะแตกต่างอยู่บ้าง

    oil 4

    เป็นยังไงกันบ้างครับ กระจ่างแจ้งกันแล้วหรือยังว่าน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละแบบนั้นมันแตกต่างกันยังไง ทำไมต้องแบ่งแยกกันหลายแบบเหลือเกิน ทางทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้รถได้ไม่มากก็น้อยครับ…


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • โรลบาร์มีประโยชน์อย่างไร….?

    1 Min Read

    โรลบาร์มีประโยชน์อย่างไร….?

    กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถ สำหรับในคอลัมน์นี้ผมจะพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับอุปกรณ์เซฟตี้อีกหนึ่งอย่างที่รู้จักกันในชื่อของ “โรลบาร์” จัดว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ตกแต่งที่ขาซิ่งบ้านเราให้ความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อใส่เข้าไปแล้วมันได้ฟิลลิ่งในการขับขี่ซ้ะเหลือเกิน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเรื่องของความปลอดภัย ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โรลบาร์เป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยเซฟชีวิตของเราไว้ได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปทำความรู้จักกันครับ

    rolbar6

    โรลบาร์เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับภายในห้องโดยสารในขณะที่รถเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งโรลบาร์จะมีหน้าที่ช่วยรับแรงกระแทกในกรณีที่รถเกิดการพลิกคว่ำ ป้องกันไม่ให้หลังคาหรือส่วนต่างๆที่เกิดจากแรงกระแทกยุบตัวเข้ามาถึงภายในห้องโดยสาร  โรลบาร์ส่วนใหญ่จะใช้เหล็กขนาด 1.5 นิ้ว – 1.6 นิ้ว โดยเหล็กจะมีความหนาขนาด 22 มิลลิเมตร การขึ้นรูปนั้นจะมีทั้งการขึ้นแบบ 2 จุด คือเป็นรูปตัวยูคว่ำ โดยจะอยู่บริเวณเสา Bของห้องโดยสารส่วนแบบ 4 จุดก็เพิ่มด้านหน้าหรือด้านหลัง แต่ถ้าเป็นแบบ 6 จุด จะมีการยึดค้ำทั้งหมดเลย ไม่ว่า เสา A, เสาBร, และเสา C รวมไปถึงในตำแหน่งของในตำแหน่งของคาดประตูด้านข้าง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่จะสามารถซับแรงกระแทกที่จะเกิดจากด้านข้างได้ และอีกหนึ่งอย่างที่หลายคนอาจคิดไม่ถึงก็คือ โรลบาร์สามารถช่วยให้การขับขี่ในการเข้าโค้งแม่นยำและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโรลบาร์ช่วยทำให้รถไม่บิดตัวในขณะที่ต้องใช้ความเร็วและความแรงในการเข้าโค้ง

    จุดยึดของโรลบาร์นั้นมีสองแบบด้วยกันคือ

    1. การยึดแบบใช้น๊อตยึดกับพื้นด้านล่างที่ด้านหน้าตรงกับเสา A ,กลางตัวรถ ตรงกับเสาB,และด้านหลังตรงกับเสาC ซึ่งการยึดแบบนี้สามารถถอดออกได้ ไม่ได้เป็นการยึดติดแบบตามตัว
    2. การยึดแบบติดกับตัวรถ การติดตั้งโรลบาร์แบบนี้จะนิยมใช้กันในรถแข่งซ้ะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทุกจุดจะถูกเชื่อมติดกับตัวรถไม่ว่าจะเป็นในตำแหน่งของเสา A ,เสา B ,เสา C และถ้าสังเกตดีๆจะเป็นว่าในตำแหน่งหลัก สามตำแหน่งนี้จะมีการดามเพิ่มเติมเพื่อความแข็งแรงที่มากขึ้น

    rolbar6 rolbar8 rolbar3 rolbar4

    มาพูดกันถึงเรื่องของข้อดีและข้อเสียของการติดตั้งโรลบาร์กันบ้าง แน่นอนที่สุดครับในเรื่องของข้อดีก็คือ มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สามารถลดอุบัติเหตุได้ จากหนักกลายเป็นเบาส่วนเรื่องของข้อเสียนั้นก็คงจะเป็นเรื่องของน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อติดตั้งโรลบาร์เข้าไปอย่างเต็มคันแล้ว และอาจจะดูเกะกะไปบ้างสำหรับรถที่ไม่ได้ใช้ในการแข่งขัน

    สามารถได้ตั้งได้อย่างไรสำหรับผู้ที่อยากจะติดตั้ง สำหรับในยุคนี้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ ก็มีให้เลือกกันสองช่องทางสำหรับรถบางรุ่นบางยี่ห้อ ช่องทางแรกก็ตามร้านทำท่อไอเสียบางร้านครับ ที่เค้ารับทำก็สามารถเข้าไปปรึกษากันได้ ส่วนอีกหนึ่งช่องทางก็คือชุดสำเร็จในบางรุ่นบางยี่ห้อ มีหลายแบรนด์ที่ผลิตออกมา และเรื่องของราคาค่าตัวก็อาจจะสูงไปบ้าง แต่ถ้าแรกกับคุณภาพและมาตรฐานแล้วก็อย่างไปคิดมากครับ

    เป็นยังไงกันบ้างครับกับความรู้เรื่องของโรลบาร์ หลายคนติดตั้งเพื่อความสวยงาม และหลายคนติดตั้งเพราะของมันต้องมี แต่จะจุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายคือความปลอดภัยครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่างลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่กันด้วยน้ะครับ และที่สำคัญมากไปกว่าสิ่งอื่นใดคือความไม่ประมาทนั่นเองครับ ขอให้เพื่อๆมีความสุขสนุกสนานกับการแต่งรถน้ะครับ สวัสดีครับ

    rolbar2 rolbar1


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • เบรกซิ่งแบบไหนเหมาะกับรถคุณ….?

    1 Min Read

    เบรกซิ่งแบบไหนเหมาะกับรถคุณ….?

    ช่วงนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว บางวันก็ฝนตก ประเทศไทยมีให้ได้สัมผัสกันทุกฤดูภายในอาทิตย์เดียว ยังไงก็อย่างลืมดูแลสุขภาพกันด้วยน้ะครับ ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน REALTIME CAR MAGAZINE เอาละครับเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า สำหรับในคอลัมน์นี้ ก็เหมือนอย่างเคยครับ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการใช้รถ การปรับแต่งเพิ่มสมรรถนะของรถ เพิ่มความสวยเพิ่มความแรง เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของเบรกครับว่าใส่แบบไหนถึงจะเหมาะกับรถของเรา จะสองพอร์ท สี่พอร์ท แปดพอร์ท จานเบรกเล็กจานเบรกใหญ่ ใส่แล้วมันต่างกันหรือไม่เข้าไปติดตามดูกันครับ

    break9

    ก่อนอื่นเรามาดูกันที่พื้นฐานเดิมของรถกันก่อน ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีออฟชั่นที่แตกต่างกัน บางรุ่นบางค่าย เบรกหน้าจะเป็นดิสเบรกแบบ 4POT ส่วนเบรกหลังจะเป็นแบบ 2POT หรือบางรุ่นบางยี่ห้อเบรกหลังจะเป็นแบบดรั้มเบรก ถ้าเป็นรถตัวท๊อปก็จะเป็นดิสเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งก็อยู่ที่แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะทำออกมาจำหน่ายกัน

    เบรกซิ่งที่เราฮิตเปลี่ยนกันมีแบบไหนบ้างนั้นผมจะแบ่งออกมาให้เห็นภาพแบบชัดเจน ซึ่งเราจะแบ่งออกเป็นสองแบบคือ

    1.การเอาเบรกจากรถสปอร์ตมาปรับเปลี่ยนใส่เข้าไป รูปแบบนี้มีให้เห็นกันอยู่มากมาบนท้องถนน อย่างเช่น เบรกSKYLINE เบรก ARISTO เบรก3U เบรก RX7 และอีกมากมายที่บ้านเรานิยมกัน เพียงแค่นำมาจัดการทำสีใหม่ เปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ก็สามารถเพิ่มความหล่อให้รถของเราได้แล้ว หลายคนถามว่าแล้วมันจะดีมั้ยกับการแปลงเบรกต่างยี่ห้อมาใส่ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากครับถ้าช่างเค้าแปลงใส่ได้แบบที่ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเที่ยบกับเบรกที่ติดมาแล้ว ลูกสูบมันใหญ่กว่าแน่นอนครับสามารถห้ามล้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บวกคับผ้าเบรกดีๆสักชุดก็สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราได้แล้วครับ

     break10

    1. BREMBO RACING,ENDLESS,WIL WOOD,PROJECT MU,AP RACING และอีกมากมายหลายยี่ห้อที่ผลิตออกมายั่วน้ำลายเหล่าบรรดาขาซิ่งทั้งหลาย แน่นอนที่สุดครับกับเบรกแบรนด์ดังที่กล่าวมานี้ ด้วยคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตตั้งแต่โครงสร้างรวมไปจนถึงชุดผ้าเบรก ย่อมที่จะมีประสิทธิภาพที่ดี การทำงานของระบบเบรกมีความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์

    break5 break6 break3 break4

    ถามว่า…แล้วจะเปลี่ยนแบบไปนให้เหมาะกับรถเราอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณแหละครับว่ามีมากหรือน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นรถประเภท HONDA JAZZ ,CITY,หรือVIOS อยากเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะคู่หน้าก็เพียงพอแล้ว จะเป็นของเก่าญี่ปุ่นหรือว่าจะเบรกของแบรนด์ดังของใหม่ก็แล้วแต่งบประมาณครับ ซึ่งของใหม่อย่าง BREMBO RACINGหรือ ENDLESS และยี่ห้ออื่นๆก็จะมีแบ่งเป็นรุ่นย่อยอีกคือ 4POTเล็กและ 4POTใหญ่


    break8 break7

                แต่ถ้าอยากเพิ่มประสิทธิภาพในการการเบรกอย่างเต็มระบบก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหน้า 4POT ด้านหลัง2POT แบบนี้ก็จะยิ่งช่วยให้เราสามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

    ถ้าจะขยับกันขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ป อันนี้แนะนำว่าควรจะเป็นรถประเภท SPORT CAR ขึ้นไปถึงจะเหมาะสมกว่าครับ นั่นก็คือการใส่เบรกแบบด้านหน้า 6POT ด้านหลัง 4POT ซึ่ง จัดเต็มกันเลยทีเดียวสำหรับสเต็ปนี้ ได้ทั้งประสิทธิภาพในการเบรกแบบสั่งได้ และมุมมองเรื่องของความสวยงาม

    เป็นยังไงกันบ้างครับ พอจะเป็นไกด์ไลด์ให้กับเพื่อนๆขาซิ่งกันได้ไม่มากก็น้อยสำหรับเรื่องราวของระบบเบรก หลายคนอาจมีคำถามในใจว่า แล้วจานเบรกล่ะต้องเปลี่ยนมั้ย ต้องคอยติดตามในคอลัมน์ต่อๆไปครับเดี๋ยวผมจะมาแนะนำเรื่องของจานเบรกให้เพื่อนๆได้รู้กันว่าควรจะเปลี่ยนหรือไม่ควรเปลี่ยนอย่างไร ต้องคอยติดตามดูกันครับ…


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • นั่งขับรถแบบไหนให้ถูกวิธี

    1 Min Read

    นั่งขับรถแบบไหนให้ถูกวิธี

    อีกหนึ่งเรื่องง่ายๆใกล้ตัวที่หลายคนมักจะมองข้าม แท้จริงแล้วจัดว่าเป็นเครื่องที่สำคัญยิ่งนักเพราะอย่าลืมว่าทุกวันนี้ในบางวันคนเราใช้เวลาอยู่ในรถมากกว่าอยู่ที่บ้านซ้ะอีก เคยนั่งคำนวนเวลากันบ้างหรือป่าวครับสำหรับหนุ่มสาวอ๊อฟฟิตทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเราควรที่จะใส่ใจกับท่านั่งในการขับขี่รถกันบ้าง เพื่อไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับตัวคุณเอง โม้เยอะอีกแล้ว เราเข้าไปดูวิธีการนั่งที่ถูกต้องกันเลยดีกว่าครับ..

    Chauffeur-hire-London-e1490340849685

    การขับรถยนต์เป็นเวลานานๆ นั้น อาจก่อให้เกิดความเมื่อยล้าได้ ดังนั้นผู้ขับทุกคนควรทราบถึงท่านั่งที่ถูกวิธี เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้า และยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับรถให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยมีวิธีปฎิบัติที่เพื่อนๆ สามารถทำตามได้ง่าย ดังต่อไปนี้

    postura

    การปรับระยะเบาะนั่ง ถ้ารถที่ขับเป็นเกียร์ออโต้ ให้ใช้ฝ่าเท้าเหยียบที่แป้นเบรก แล้วเลื่อนตัวเบาะนั่งให้เข่างอเล็กน้อย แต่ในกรณีที่เป็นรถเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์กระปุก ให้นั่งชิดพนักพิงแล้วใช้ เท้าเหยียบแป้นนคลัตช์ให้สุด ถ้าเหยียบไม่สุด ให้ปรับเบาะไปทางด้านหน้า เมื่อเหยียบสุดแล้วเข่าต้องตึง มิฉะนั้นจะเมื่อยเข่าในขณะขับ

    การปรับพนักพิงที่ถูกต้อง การปรับพนักพิงจะต้องไม่เอนไปข้างหลังหรือข้างหน้ามากมาก ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ โดยใช้มือขวาจับที่ 2-3 นาฬิกา ข้อศอกจะงอเล็กน้อย แผ่นหลังจะติดพนักพิงเสมอ จากนั้นลองเลื่อนมือไปวางไว้บนสุดของพวงมาลัย ข้อมือจะต้องแตะกับพวงมาลัยได้พอดีจึงถือว่าถูกต้อง ถ้าวางมือลงบนพวงมาลัย แล้วมืออยู่เลยไปถึงกลางฝ่ามือหรือโคนนิ้ว แสดงว่าปรับพนักพิงเอนเกินไป แต่ถ้าวางมือลงบนพวงมาลัยแล้วมืออยู่ชิดเลยข้อมือเข้ามาแสดงว่านั่งชิดเกิน ไป

    การปรับหมอนรองศรีษะ หมอนรองศรีษะนั้นให้ปรับเอนศรีษะอยู่กลางหมอนรองศรีษะพอดี บางคนอาจเข้าใจผิดคิดว่ามีไว้สำหรับเอาคอมาพิงเพื่อจะนอนได้สะดวก แต่ความเป็นจิงแล้วถ้าทำลักษณะเช่นนั้น จะเกิดอันตรายมากเวลาเกิดอุบัติเหตุ เพราะว่าหมอนรองศรีษะมีหน้าที่ไว้รองศรีษะเวลาเกิดอุบัติเหตุไม่ให้ศรีษะเงย หรือสบัดไปด้านหลังเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเหตุให้กระดูกคอแตกหรือหักได้

    Blog 08

    เข็มขัดนิรภัย ถ้ารถยนต์สามารถที่จะปรับเข็มขัดนิรภัยให้สูงต่ำได้ ควรปรับระดับสายเข็มขัดนิรภัยให้เหมาะสม โดยสายเข็มขัดต้องพาดจากบริเวณไหปลาร้าเฉียงลงมาที่สะโพก แล้วมาพาดอยู่แถวกระดูกเชิงกราน โดยอย่าให้สายมาพาดที่บริเวรคอ หรือห้อยเลยหัวไหล่ไปเด็ดขาด

    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2F1LzAvdWQvMC84NjAvYmVsdC5qcGc=

    การปรับพวงมาลัยรถยนต์  ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มีระบบการปรับพวงมาลัย โดยการปรับนั้นจะต้องไม่สูงเกินไปจนทำให้เมื่อยขณะขับรถและไม่ควรต่ำจนติดหน้าขา

    การปรับกระจกมองหลัง ควรปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมมองกว้างที่สุดและรู้สึกสบายสายตาขณะมอง ไม่ใช่ปรับไว้เพื่อดูหน้าตัวเองตอนแต่งหน้าในรถยามที่รถติดเท่านั้น

     how-to-adjust-mirror-01

    การปรับกระจกมองข้าง ให้ปรับกระจกมองข้างให้มองเห็นตัวถังของรถยนต์เพียงนิดหน่อย ควรปรับให้กว้างเห็นถึงช่องรถถัดไป

    1240_2017041112190086

    สิ่งที่เราไม่ควรทำในขณะที่กำลังนั่งขับรถอยู่

    อย่านั่งชิดพวงมาลัยมากเกินไป เนื่องมาจากการต้องการมองด้านหน้าสุดของฝากระโปรงหน้า เพราะกลัวว่าการกะระยะอาจไม่ถูกต้อง ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะทำให้ข้อศอกงอมากกว่าปกติ ทำให้การหมุนพวงมาลัยไม่ถนัด และหากเกิดอุบัติเหตุจะทำให้ถุงลมนิรภัยเกิดการพองตัวขึ้นมาปะทะกับหน้า ทันที ดังนั้นควรกะระยะเผื่อไว้เล็กน้อย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง

    iStock-498734646-600x362

    การปรับเบาะเอนไปด้านหลังมากๆ ทำให้เวลาขับรถต้องชะโงกตัวโหนพวงมาลัย ทำให้ไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้คล่องตัว ขาดความฉับไวและแม่นยำในการควบคุม และเมื่อมองกระจกมองหลังและกระจกมองข้าง จะต้องเบนแนวสายตามากกว่าปกติ ทำให้เกิดการเมื่อยล้าเมื่อขับรถในระยะไกล

    การปรับหมอนรองศรีษะให้หนุนลำคอ ควรปรับหมอนรองศรีษะหนุนแล้วอยู่กลางหมอน เพื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุ ศรีษะจะสบัดไม่มากทำให้ลดอันตรายที่จะเกิดกับกระดูกต้นคอ

    การจับพวงมาลัย ควรจับในตำแหน่งที่ถูกต้อง และควรจับด้วยมือทั้งสองอยู่เสมอ ไม่ควรจับในท่าที่สบายเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

    conduite

    คนส่วนใหญ่พอคาดเข็มขัดนิรภัยครั้งแรกจะรู้สึกอึกอัด หายใจไม่ออก ไม่สบายเนื้อตัว ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้  เพราะหากเกิดอุบัติเหตุคนขับจะพุงตัวเข้าหาพวงมาลับหรือกระจกหน้ารถแบบเต็ม ที่ ดังนั้นผู้ขับรถทุกท่านควรคาดเข็มขัดนิรภัยให้เกิดความเคยชิน จนคิดเป็นนิสัยา

    เมื่อขับรถนานๆ อาจเกิดวามเมื่อยล้าจากการใช้เท้าในการเหยียบคันเร่ง ซึ่งบางคนอาจนำเท้าซ้ายมาสลับเหยียบคันเร่งแทน การกระทำเช่นนี้ขอแนะนำว่าไม่ควรปฎิบัติ เนื่องจากผู้ขับยังไม่ชินกับการใช้เท้าข้างซ้ายเบรก ทำให้ไม่สามารถกะระยะได้ (ใน 1 วินาที ถ้าเราขับรถเร็ว 100 ก.ม./ชม.ใน 1 วินาทีนั้นรถจะวิ่งไปถึง 28 เมตร)

    การฟังเพลงดังๆ หรือใส่หูฟัง จะทำให้ผู้ขับไม่ได้ยินเสียงผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น เสียงบีบแตร่จากรถคันอื่น เป็นต้น

    WomenListenMusicInCar

    การนั่งไม่จับพวงมาลัยรถยนต์หรือนั่งพิงประตู เมื่อมีเหตุฉุกเฉินกระทันหันจะไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้

    เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวจริงๆครับกับการนั่งขับรถ ใครที่ได้อ่านคอลัมน์นี้แล้วก็อย่าลืมปฎิบัติตามกันด้วยน้ะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและคนรอบข้าง คอลัมน์หน้าจะมีอะไรดีๆมานำเสนอต้องคอยติดตามกันดูครับ…..

    what-to-do-when-facing-a-bad-driver-head


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • AERO KITS คืออะไร? ทำไมรถซิ่งชอบใส่จัง…!!

    1 Min Read

    AERO KITS คืออะไร? ทำไมรถซิ่งชอบใส่จัง…!!

    aero9aero2

     

    เปิดประเด็นมาแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่า มากันอีกแล้วกับสาระความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งรถ บางคนแต่งเข้าไปโคมๆๆ…มีเงินก็ซื้อใส่มันเข้าไป เห็นว่าสวยก็ใส่ใครเค้าบอกมาก็ใส่ เงินมันเหลือก็ซื้อใส่เข้าไป แต่เมื่อใส่เข้าไปแล้วเราก็ควรจะรู้ว่าไอ้ของที่ซื้อใส่หรือติดตั้งเข้าไปนั้น มันมีประโยชน์อย่างไร หน้าที่ของมันทำอะไรแล้วทำไมเขาถึงนิยมติดกัน สำหรับในคอลัมน์นี้ ผมจะมาแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักและเข้าใจในเรื่องราวของชุด AERO KITS ที่ใส่เข้าไป ว่าแต่ละชิ้นส่วนนั้นมีหน้าที่ทำอะไรบ้างเมื่ออ่านคอลัมน์นี้จบแล้วเชื่อว่าหลายท่านคงจะเห็นคุณค่าของชุด AERO KITS มากขึ้น

    ก็อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ตอนต้นแหละครับ ในคอลัมน์นี้เราจะมาพูดคุยกันในเรื่องราวของ AERODYNAMICS เนื่องจากขาซิ่งทั้งหลายนิยมติดตั้งกัน ไม่ว่าจะเป็นลิ้นหน้า คาร์นาด สปอยเลอร์ข้าง สปอยเลอร์หลัง ดิฟฟูเซอร์ ฯลฯ เมื่อติดตั้งเข้าไปแล้วจะสร้างความรู้สึกอย่างในในการขับขี่ ว่ากันไปทีละหัวข้อกันเลยดีกว่า จะได้เข้าใจและเห็นภาพกันด้วย

    SPLITTER หรือภาษารถซิ่งที่รู้จักกันดีก็คือ ลิ้นหน้านั่นเองครับ ลิ้นหน้าติดตั้งอยู่ที่ใต้กันชนนั่นเองครับ ซึ่งขนาดจะเล็กหรือใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับสำนักแต่งแต่ละสำนักที่จะผลิตออกมาแหละครับ ส่วนทางด้านของหน้าที่ของเจ้าลิ้นหน้านั้น มีหน้าที่แบ่งแยกอากาศที่ปะทะจากทางด้านหน้าให้เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งไปทางด้านบน ส่วนหนึ่งไปทางด้านล่างไหลผ่านใต้ท้องรถไป ส่วนเรื่องของวัสดุที่ใช้ทำลิ้นหน้านี้ก็แล้วแต่สำนักแต่งว่าจะทำออกมาเป็น งานคาร์บอน หรือ งานไฟเบอร์

    aero4

     

    CANARD มีลักษณะเป็นครีบติดตั้งที่ด้านข้างของกันชนหน้า ส่วนมากแล้วนิยมติดกันแบบสองชิ้น(บน-ล่าง) ซึ่งการติดตั้งคาร์นาดจะติดตั้งแบบเฉียงลงด้านหน้า คิดตามแบบง่ายๆก็คือตักเอาลมที่ปะทะจากด้านหน้าให้ขึ้นไปด้านบนนั่นแหละครับ ประโยชน์หลักๆของคาร์นาดก็คือ ลมที่มาจากทางด้านหน้านนั้นจะถูกคาร์นาดสองข้างดักลมเอาไว้ แทนที่จะไหลผ่านไปแบบไม่มีทิศทาง ซึ่งเมื่อถูกคาร์นาดดักเอาไว้ผลที่ได้ก็คือช่วยเพิ่มแรงกดให้ทางด้านหน้าของตัวรถทำให้เกิดความนิ่งมากขึ้นในขณะที่ใช้ความเร็วสูง(ไม่ต่ำกว่า 120km.)และช่วยให้การเข้าโค้งเฉียบคมมากยิ่งขึ้น วัสดุที่ใช้ส่วนมากแล้วก็จะเป็นชิ้นงานคาร์บอน เพื่อความเบาและแข็งแรง งานไฟเบอร์ทำได้มั้ย..?ก็ทำได้เหมือนกันแหละครับขึ้นอยู่กับงบประมาณของแต่ละคนครับ

    aero11

     

    SKIRT ข้าง จัดว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งที่ไม่ว่าจะรถเดิมออกศูนย์หรือรถซิ่งทั้งหลายนิยมติดตั้งกัน หน้าที่หลักๆของ SKIRT ข้างก็คือช่วยป้องกันลมจากด้านนอกเข้าไปใต้ท้องรถ ซึ่งเมื่อขับขี่ได้ถึงความเร็วในระยะหนึ่งแล้วมวลของอากาศก็จะเพิ่มมากขึ้นเมื่ออากาศวิ่งผ่านแบบไม่มีทิศทางก็จะก่อให้เกิดอันตรายในการขับขี่ได้ ถ้าอากาศผ่านเข้าไปใต้ท้องรถมากๆอาจจะส่งผลให้รถเกิดการยกตัวขึ้นได้ สิ่งที่ตามมาก็คือการยึดเกาะถนนลดน้อยลง อาจจะศูนย์เสียการควบคุมได้

    aero5

     

    VOLTEX GENERATOR หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าครีบดักอากาศนั่นแหละครับ หน้าที่ของมันก็คือ คอยจัดระเบียบลมที่ผ่านเข้าให้เป็นระเบียบและมีทิศทางมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับ SPOILER หลังต่อไป หรือถ้ายังนึกภาพไม่ออก ลองนึกดูครับว่ามีประตูอยู่สิบบานเรียงกันแล้วปล่อยคนเป็นพันๆคนเข้าไปทีเดียวความเบียดเสียดและการแย่งกันจะมากขนาดไหน แต่ถ้ามีการจัดเรียงให้ผ่านเข้าไปได้ทีละคนทีละคนก็ย่อมที่จะสามารถผ่านได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ครีบแบบนี้ส่วนมากแล้วเราจะเป็นติดอยู่ด้านบนหลังคาของรถแข่งอย่างเช่น MITSUBISHI EVOLUTION และ SUBARU WRC

    aero6

     

    SPOILER หลัง ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่ขาดเสียไม่ได้จริงๆสำหรับยานพาหนะที่เรียกว่ารถ ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน รถซิ่ง รถแข่ง เป็นอันต้องใส่ SPOILER ด้านหลังเข้าไป ถามว่าประโยชน์ของมันคืออะไร แน่นอนที่สุดครับมีประโยชน์แน่นอน ช่วยกดท้ายรถให้นิ่งเพื่อขับขี่ด้วยความเร็ว เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ช่วยดักอากาศที่มาจากทางด้านหน้าเอาไว้มากดท้ายรถให้ไม่ลอย สิ่งที่ได้ก็คือรถสามารถเกาะถนนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่SPOILER หลังก็มีหลากหลายรูปทรง มีทั้งสูงและเตี้ย หรือบางรุ่นที่เป็นของซิ่งสามารถปรับระดับองศาในการรับลมได้ด้วย ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแหละครับว่าจะชอบแบบไหน

    aero7

     

    DIFFUSER ครีบรีดอากาศด้านล่าง ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนยอดฮิตยอดนิยมสำหรับขาซิ่งทั้งหลายทั้งยุโรปและญี่ปุ่น หน้าที่ของมันคืออะไร บอกได้เลยครับว่าหลักการเดียวกันกับ VERTEX GENERATOR แต่เจ้า DIFFUSER มีหน้าที่ช่วยระบายลมหวนใต้ท้องรถทิ้งออกไปด้านหลังให้เร็วที่สุด จะสังเกตได้ว่า DIFFUSER จะมีลักษณะเป็นครีบแบ่งเป็นช่องขนาดใหญ่ วัสดุที่ใช้ส่วนมากแล้วก็จะเป็นงานคาร์บอนแหละครับเพราะมีขนาดใหญ่จึงต้องใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา

    aero8

     

    ประโยชน์เยอะจริงๆครับสำหรับคอลัมน์นี้ หลายท่านอ่านจบก็คงจะถึงบางอ้อกันบ้างไม่มากก็น้อยใช่มั้ยครับ หลายคนคงจะคาดไม่ถึงว่าในทุกการเดินทางของเราก็ยังคงมีลมที่อยู่ภายนอกตัวรถเดินทางไปกับเราอยู่ตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นเราก็ควรที่จะจัดระเบียบลมที่อยู่รอบรถเราให้เป็นระเบียบเพื่อที่จะช่วยประคองรถเราให้ไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

    aero3


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ท่อไอเสีย แบบไหนเหมาะกับรถคุณ

    1 Min Read

    ท่อไอเสีย แบบไหนเหมาะกับรถคุณ

    ท่อ3

    อีกหนึ่งเรื่องเล็กๆที่อยู่ใกล้ตัวเรา ซึ่งบางคนอาจมองข้าม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวครับสำหรับเรื่องของท่อไอเสีย ในยุคปัจจุบันนี้ปริมาณการใช้รถเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการปรับแต่งก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาด้วยอีกเช่นกัน หลายคนชอบขับรถแบบให้มีเสียงท่อทุ้มๆแผ่วๆเพื่อให้ได้ฟิลลิ่งบ้าง บางคนชอบแบบดังๆ (รบกวนชาวบ้าน)อันนี้ไม่ดีน้ะครับ จะแบบไหนก็แล้วแต่ครับ ทุกอย่างมันมีจุดที่เหมาะสมของมัน วันนี้เราจะมาแนะนำในเรื่องของการปรับเปลี่ยนท่อไอเสีย ว่าจะเปลี่ยนอย่างไรไม่ให้สูญเสียอัตราเร่งไปครับ

    ท่อ1

    ก็อย่างที่เกรินไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าในปัจจุบันนี้ มีผู้ใช้รถเพิ่มจำนวนขึ้นอยู่ทุกวัน ใครที่ชอบขับรถเดิมๆ STD โรงงานก็ขับกันไปไม่เดือดร้อนใคร บางคนชอบปรับแต่งเพิ่มเติมกันบ้างเล็กๆน้อยๆก็ทำกันไปสุดแล้วแต่ความพึงพอใจของแต่ละคน แต่ในคอลัมน์นี้เราจะมาเจาะประเด็นเรื่องของการเปลี่ยนท่อไอเสีย รถที่ผลิตออกมาจำหน่ายในบ้านเรานั้นก็มีมากมายหลายรุ่น เราจะแบ่งกันไปตามซีซีรถก็แล้วกัน ให้เห็นกันแบบชัดเจน        กับเครื่องยนต์พิกัด 1300cc./1500cc./1600cc./1800cc./2000cc./2200cc./2400cc./2500cc./2600cc./2800cc/3000cc. เหล่านี้ก็เป็นปริมาณเครื่องยนต์ที่มีใช้งานอยู่ในบ้านเรา

    รถแต่ละรุ่นที่มีซีซีแตกต่างกัน ขนาดของท่อไอเสียก็จะมีความแตกต่างกันไปด้วยซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบมาของวิศวะกรของแต่ละค่ายนั่นเองครับ สำหรับใครที่มีความประสงค์จะปรับเปลี่ยนในเรื่องของชุดท่อไอเสียนั้น ก็ควรจะอิงพื้นฐานเดิมเอาไว้ก็จะเป็นเรื่องดีครับ แป๊บท่อไอเสียเดิมขนาดเท่าไหร่ก็ไม่ควรให้มีความแตกต่างเกิน .5นิ้ว ยกตัวอย่างเช่น ท่อไอเสียเดิมติดรถมีขนาด 1.5นิ้ว ถ้าจะปรับเปลี่ยนก็ไม่ควรจะเกิน2.0นิ้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น รูปแบบของหม้อพักที่เปลี่ยนเข้าไปก็มีผลด้วยอีกเช่นกัน เรามาพูดกันถึงแป๊บท่อไอเสียกันก่อน ถ้าเราเปลี่ยนให้มีขนาดที่ใหญ่เกิดไปอาจจะส่งผลให้รถมีกำลังอัดที่ลดลง ในความเป็นจริงแล้วอาจทำให้รถวิ่งด้อยลงไปเลยก็เป็นได้

    ท่อ2
    ท่อ9

    แล้วหม้อพักละมีผลหรือไม่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของชุดท่อไอเสียครับ โดยปกติแล้วหม้อพักจะมีด้วยกันอยู่สองจุดคือ หม้อพักกลาง กับหม้อพักหลังนั่นเองครับ คนส่วนใหญ่ก็มักจะเปลี่ยนกันแค่หม้อพักหลังนั่นเอง ซึ่งเปลี่ยนง่ายและราคาไม่แพง หม้อพักหลังก็มีให้เลือกทั้งแบบใส้ตรง ใส้ย้อน ใส้ตรงแบบเป็นเกลียว อันนี้ก็สุดแล้วแต่ความพึงพอใจ ใส้ตรงเสียงก็จะดังหน่อย ส่วนใส้ย้อนก็เสียงเบาหน่อย การเปลี่ยนหม้อพักหลังอย่างเดียวจะไม่ค่อยส่งผลอะไรสักเท่าไหร่นัก สิ่งที่ได้มาก็จะเป็นเรื่องของความสวยงามและเสียงที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองครับ

    ท่อ6 ท่อ8 ท่อ10

                แล้วถ้าเปลี่ยนยกชุดละจะดีไหม ตอบได้เลยครับว่าดี …แต่!!ถ้าจะให้ดีต้องเปลี่ยนยกชุดแบบตรงรุ่นน้ะครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้ร้านท่อหลายแบรนด์ทั้งในบ้านเราและท่อนอกก็ผลิตออกมารองรับไว้มากมายให้ได้เลือกใชกัน ข้อดีของการเปลี่ยนแบบยกชุดก็คือ ทางผู้ผลิตเค้าได้ทดลองออกมาแล้วว่าให้เข้าไปแล้วสามารถเพิ่มสมรรถนะได้อย่างเห็นได้ชัดและไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ด้วย เนื่องจากมีการออกแบบและทดลองมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดแป๊บท่อไอเสีย หม้อพักกลางที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน รวมไปถึงหม้อพักหลัง

    รถที่มีระบบอัดอากาศกับรถที่ไม่มีระบบอัดอากาศขนาดท่อไอเสียมีความแตกต่างกันหรือไม่ ต่างกันแน่นอนครับ เนื่องจากรถที่มีระบบอัดอากาศนั้น มีปริมาณของอากาศและความร้อนมากจึงมีความจำเป็นที่จะต้องระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็วกว่ารถที่ไม่มีระบบอัดอากาศ แต่ทุกอย่างต้องอยู่บนความพอดีแหละครับ ถ้าคายอากาศมากไปก็ไม่ดีเหมือนกัน จะส่งผลให้รถวิ่งด้อยลงอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่บนมาตรฐานที่พอดี อย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้นว่าให้อิงจากพื้นฐานเดิมที่ติดมากับตัวรถครับ

    รถเกียร์ธรรมดากับรถเกียร์ออโต้ เลือกใช้ท่อแตกต่างกันมั้ย แน่นอนที่สุดครับ เกียร์ออโต้ต้องการ การระบายไอเสียที่มีความโล่งน้อยกว่ารถเกียร์ธรรมดา เพราะฉะนั้นการเลือกท่อไอเสียสำหรับรถเกียร์ออโต้นั้นต้องไม่ควรที่จะโล่งจนเกินไป ควรเลือกใช้หม้อพักแบบใส้ย้อน เพื่อให้รถมีกำลังที่ดีไม่ด้อยไปกว่าเดิม

    เปรียบเที่ยบให้เข้าใจกันง่ายๆครับ เอาหลอดเล็กๆมาใส่น้ำแล้วลองเป่าดูว่าไปได้ไกลขนาดไหน อีกครั้งนึงใช้หลอดดูดชาไข่มุกเอามาใส่น้ำแล้วลองเป่าดูจะเห็นได้ว่าระยะของหลอดชาไข่มุกจะไปได้ไม่ไกลเท่าหลอดขนาดเล็ก แบบนี้พอจะมองเห็นภาพกันแล้วใช่มั้ยครับ เครื่องบนต์1200cc.ไปใช้ท่อขนาด 3.0นิ้ว คงจะไม่มีกำลังขับเคลื่อนอย่างแน่นอน ส่วนเครื่องยนต์ 3000cc. ใช้ท่อขนาด 1.5นิ้ว ก็คงระบายไอเสียไม่ทันอย่างแน่นอน ส่งผลระยะยาวอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมครับ

    ท่อ4 ท่อ5

                สำหรับในคอลัมน์นี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านคงจะได้ความรู้ไปไม่มากก็น้อยกับเรื่องราวของท่อไอเสีย เป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของการแต่งรถ ยังไงก็ขอให้แต่รถกันแบบถูกต้องไม่ผิดกฎจราจรกันน้ะครับจะได้ไม่ต้องมานั่งถกเถียงกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง สวัสดีครับ….


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • JDM STYLE (ทำไมมันฮิตจัง?)

    1 Min Read

    JDM STYLE (ทำไมมันฮิตจัง?)

    jdm6

    สำหรับในคอลัมน์นี้เอาใจ JAPAN STLYE กันหน่อย กับรูปแบบและแนวทางในการปรับแต่งรถที่ได้วัฒนธรรมมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการผลิตรถยนต์ให้ชาวโลกหลากหลายประเทศทั่วโลกได้ขับขี่ใช้งานกัน ด้วยรูปแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวอาทิตย์อุทัย ทำให้สาวกรถซิ่งในบ้านเรานิยมนำมาปรับแต่งเพื่อความสวยงามกันอย่างแพร่หลาย แต่แท้จริงแล้ว JDM STYLE มันคืออะไรเราไปทำความรู้จักกันเลยครับ

    JDM หรือ JAPAN DOMESTIC MARKET พูดกันให้เข้าใจแบบง่ายๆก็คือรถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นนั่นแหละครับ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตรถยนต์ส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศทั่วโลก และการผลิตในแต่ละประเทศแต่ละภูมิภาคนั้นย่อมที่จะต้องมีความแตกต่างกัน แยกกันแบบง่ายๆให้เห็นแบบชัดเจนก็คือ ฝั่งยุโรปกับฝั่งญี่ปุ่นนั่นเองครับ หรือจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆแบบชัดเจนก็คือ รถที่จะหน่ายในฝั่งยุโรปพวงมาลัยซ้าย รถที่จำหน่ายในฝั่งญี่ปุ่นพวงมาลัยขวานั่นเองครับ(หรือทางโซนเอเชียนั่นเองครับ) แต่ก็มีบางประเทศในฝั่งเอเชียที่ขับซ้ายแต่ก็เป็นส่วนน้อยครับ

    jdm9 jdm7

                รูปแบบที่บ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจนที่สุดของ JDM ก็คือ ค่ายดังอย่างฮอนด้านั่นเอง และที่สำคัญคือค่ายฮอนด้าจัดว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายที่เหล่าบรรดาขาซิ่งในบ้านเราไม่ว่ารุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ต่างก็หลงเสน่ห์รถจากค่ายนี้กันเป็นจำนวนมาก ด้วยความแตกต่างในหลายๆจุดของตัวรถรุ่นเดียวกันที่จำหน่ายในญี่ปุ่น กับที่จำหน่ายในบ้านเรา ซึ่งอาจเป็นเพราะปัจจัยหลายๆอย่างจึงอาจจะต้องมีลดและมีเพิ่มOPTION บางอย่างนั่นก็เป็นเรื่องของปัจจัยทางการตลาด

    jdm3 jdm11

                ยกตัวอย่างรถ HONDA CIVIC EG ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากในบ้านเราแต่ทว่า ก็ยังคงมีความแตกต่างให้ได้เห็นกันอยู่หลายจุด และที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ รถที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นนั่นจะเป็นหลังคาซันรูฟ/มูนรูฟ เครื่องยนต์แบบ TWINCAM ภายในมีลวดลายหลายเวอร์ชั่นอันนี้ก็แต่งแต่คนเล่น เบาะนั่งแบบแขนเดี่ยว ชุดเครื่องเสียงแบบ2DIN ซึ่งเหล่านี้จะไม่ได้เห็นในบ้านเราสักเท่าไหร่นัก นอกเสียจากการนำเข้ารถมาทั้งคัน แต่เมื่อบวก ลบ คูณ หาร ดูแล้วราคาค่าตัวมันก็ช่างสูงซ้ะเหลือเกิน

    แล้วจะทำยังไงละถ้าคนไทยอยากจะ JDM STYLE กะเค้าบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสารถคนไทยหลอกครับ เชียงกงบ้านเรามีเยอะแยะ ก็ไปเดินดูกันซิครับ อยากจะได้เป็นชิ้นก็เลือกหาเอา แต่ถ้าจะจบแบบยกคันก็ไปซื้อรถตัดแล้วย้ายอะไหล่มา เพียงเท่านี้ก็ได้แบบครบๆแล้ว กับJDM STYLE

    jdm12

    JDM STYLE ไม่จำเป็นต้องตรงรุ่นก็ได้นิ เพราะรถแต่ละค่ายที่ผลิตออกมามีมากมายหลายรุ่น CIVIC EGหลายคันในบ้านเรา เลือกเอาล้อแม็กซ์ของ DC5มาใส่ก็มีถมไป ส่วนภายในก็ใส่เบาะ DC5ก็มีให้เห็นกัน บางคันภายในตุ๊กแก เรือนไมล์ SiR

    jdm1 jdm2

              ไม่เพียงแต่ค่าย HONDA อย่างเดียวเท่านั้นที่วัยรุ่นบ้านเราให้ความนิยมในการปรับแต่งรถในสไตล์ JDM แต่ยังมี NISSAN TOYOTA ซึ่งสองค่ายนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันเลย สำหรับค่ายนิสสันเราจะยกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ 200sx รถที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะใช้ชื่อรุ่น 180sx แต่เป็นเครื่องยนต์ SR20DET แต่ที่มีจำหน่ายในบ้านเรานั้นจะเป็น 180sx แต่เป็นเครื่องยนต์ CA18DET

    jdm10

    บางคนถามว่า ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนรถกระบะบ้านเราวาง J วาง SRกันเต็มไปหมด แบบนี้เรียกว่า JDM STYLE หรือป่าว อันนี้ก็อย่างไปคิดให้มันปวดหัวเลยครับ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของยุค ยุคะนึงที่มันผ่านมาแล้วจะดีกว่า เพราะอย่าลืมว่ารถกระบะหลายค่ายมันผลิตในบ้านเราเลยไม่ได้รับวัฒนะธรรมมาจากประเทศญี่ปุ่น

    jdm4 jdm5

    เค้าว่ากันว่า JDM STYLE แต่ก็เหมือนไม่ได้แต่ง อันนี้ก็สุดแล้วแต่จะคิดกันเองแหละครับ เนื่องจากว่าถ้าเป็นรถบ้านเรา มีสเป็คที่แตกต่างจากรถในญี่ปุ่น พอเรานำอะไหล่ STD ที่ติดรถญี่ปุ่นมาใส่รถบ้านเรา มันก็เรียกได้ว่าเป็นการปรับแต่งนั่นแหละครับเพราะว่ามันเป็นอะไหล่ที่ไม่ใช่ของเดิมที่มีจำหน่ายในบ้านเรานั่นเอง จริงๆแล้วจะเรียกว่าอะไรก็สุดแล้วแต่ ทำออกมาแล้วสวยถูกใจเราเท่านั้นพอครับ

    เป็นยังไงกันบ้างครับ กับการแต่งรถแบบ JDM STYLE ( JAPAN DOMESTIC MARKET) ในยุคปัจจุบันเริ่มมีให้เห็นกันได้น้อยแล้ว เนื่องจากยิ่งนานวันเข้าปีรถก็ยิ่งลึกลงทุกปีทุกปี ใครมีไว้ในครอบครองก็ต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี แต่ไม่ต้องห่วงครับทางทีมงาน REALTIME CAR MAGAZINE สัญญาว่าจะหามาให้เพื่อนๆได้ดูกันอย่างแน่นอน แล้วกลับมาพบกันใหม่ในคอลัมน์หน้า สวัสดีครับ…..


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • น้ำยาหล่อเย็น (COOLANT)สำคัญไฉน…?

    1 Min Read

    น้ำยาหล่อเย็น (COOLANT)สำคัญไฉน…?

    coo2

    มีรถขับหนึ่งคันทำไมจะต้องเรียนรู้อะไรตั้งมากมายร้อยแปดพันก้าว สารพัดเรื่อง เห้อออ…ก็ว่ากันไปนั่น ถ้าอยากรักษาให้ได้ใช้ให้เป็น เพื่อช่วยลดความเสียหายก็ควรติดตามอ่านคอลัมน์เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถของทาง REALTIME CAR MAGAZINE เอาไว้น้ะครับ อย่างน้อยก็เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเองและคนรอบข้างได้ เผื่อวันใดวันหนึ่งขับรถไปเจอสาวสวยเกิดรถเสียอยู่ข้างทาง ก็ยังเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยเธอได้ เอาละครับเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าสำหรับในคอลัมน์นี้เป็นเรื่องราวของ น้ำยาหล่อเย็น มันสำคัญไฉนต้องไปดูกัน

    coo3

    COOLANT หรือน้ำยาหล่อเย็นที่เราได้ยินคุ้นหูกันมาเป็นเวลานาน เป็นน้ำยาที่อยู่คู่กับหม้อน้ำรถยนต์มาโดยตลอด น้ำยาหล่อเย็น (COOLANT) ส่วนประกอบหลักของมันจะมี น้ำ, สารหล่อเย็น(ETHYLENE GLYCOL), หัวเชื้อป้องกันสนิม และสีต่างๆ ฯลฯ ซึ่งถ้าพูดถึงคุณสมบัติจริงๆ ของมันแล้ว น้ำยาหล่อเย็น ไม่ได้มีหน้าที่ระบายความร้อน แต่จะช่วยทำให้จุดเดือดของน้ำที่ผสมน้ำยาหล่อเย็นสูงขึ้น ทำให้น้ำที่อยู่ในหม้อน้ำเดือดช้าลง

    ประโยชน์ของน้ำยาหล่อเย็นยังไม่หมด

    1. ป้องกันน้ำในระบบแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ ซึ่งในบ้านเราจะไม่เห็นผลเท่าใดนัก เพราะเป็นเมืองร้อน
    2. เพิ่มจุดเดือดน้ำ คือชะลอการระเหยของน้ำในระบบหล่อเย็นเมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะเวลาน้ำเดือดมันจะระเหยกลายเป็นไอที่ 100C ํ ซึ่งถ้าผสมน้ำยาหม้อน้ำลงไปก็จะระเหยที่ 105 / 110  / 115 องศาเซลเซียส ตามสัดส่วนที่เราผสมลงไป
    3. ป้องกันการเกิดสนิม ตะกรัน ตะกอน เพราะเมื่อมีสนิมมันก็จะผุ กร่อน มีตะกอน น้ำยาจึงช่วยไม่ให้มีการอุดตันในรังผึ้งของหม้อน้ำ
    4. หล่อลื่นปั๊มน้ำ ซีลปั๊มน้ำ และวาล์วน้ำ

    coo4 coo5

    ส่วนการผสมใช้งาน น้ำยาหล่อเย็น (COOLANT) กับน้ำ ส่วนมากจะผสมกันในอัตราส่วน 50/50 หรือดูวิธีผสมได้ที่ข้างขวดของน้ำยายี่ห้อนั้นๆ และระยะการเปลี่ยนถ่ายก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น หรือน้ำยาที่ใช้ด้วย เช่น บางรุ่นกำหนดไว้ทุกๆ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร และบางรุ่นกำหนดไว้ที่ 100,000 – 200,000 กิโลเมตร ฯลฯ (ศึกษาดูเพิ่มเติมจากคู่มือยี่ห้อรถนั้นๆ)

    รู้อย่างนี้กันแล้วก็อย่างลืมไปเปิดฝากระโปรงรถตรวจเช็คหม้อน้ำกันด้วยน้ะครับ ว่าสภาพของน้ำในหม้อน้ำเป็นอย่างไร อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือเปล่า(MIN/MAX) และตรวจสอบคุณภาพน้ำยาหล่อเย็นด้วยว่ายังอยู่ในระยะการใช้งานหรือไม่ ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน REALTIME CAR MAGAZINE


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • เกียร์ออโต้ (AUTO)ขับยังไงให้ถูกวิธี

    1 Min Read

    เกียร์ออโต้ (AUTO)ขับยังไงให้ถูกวิธี

    auto4

    เกร็ดความรู้อยู่รอบตัวเราแต่บางเรื่องก็อาจจะโดนมองข้ามกันได้ อย่างเช่นเรื่องราวในคอลัมน์นี้ที่ทางทีมงานได้นำความรู้มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันเกี่ยวกับการใช้งานเกียร์ออโต้นั่นเองครับ หลายคนอาจดูว่าไม่น่าจะมีอะไรมากมาย แต่บนความที่ไม่มีอะไรนั่นแหละครับ ก็จะมีบางอย่างที่บางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ เอาละครับเราไปดูกันดีกว่าครับว่าการใช้งานเกียร์ออโต้ที่ถูกต้องจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

    ปัจจุบันมีผู้ที่ใช้รถเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มีมือใหม่มือเก่า มือเก๋า อยู่บนท้องถนนมากมายปะปนกันไป และระบบส่งกำลังที่ค่ายผู้ผลิตรถทำออกมานั้นก็มีกันอยู่สองแบบคือ เกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ แต่ในคอลัมน์นี้เราจะมาพูดถึงเกียร์ออโต้กัน ซึ่งเกียร์ออโต้จัดว่าเป็นระบบส่งกำลังอีกหนึ่งประเภทที่สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกสบาย ไม่ซับซ้อน

    auto3

    ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับตำแหน่งของเกียร์ออโต้กันก่อนครับ

    1.      P (PARKING) ใช้สำหรับจอดรถ ซึ่งจะล็อคล้อไว้ไม่ให้รถเคลื่อน โดยเราจะเปลี่ยนเกียร์มาที่ P เมื่อรถจอดนิ่งสนิทแล้วและต้องการดับเครื่อง เลิกใช้งาน หรือเมื่อต้องการจอดรถบนทางลาดชัน (ข้อแนะนำ : ควรดึงเบรคมือ เสริมด้วย เพื่อป้องกันเกียร์เสียหาย ถ้าถูกชนท้าย) นอกจากนั้น ก่อนสตาร์ทรถ ตำแหน่งเกียร์ควรจะอยู่ที่ P เช่นเดียวกัน
    2. R (REVERSE) คือ เกียร์ถอยหลัง โดย เมื่อเกียร์มาอยู่ที่ตำแหน่ง R นี้แล้ว รถจะถอยหลังไปได้เองอย่างช้าๆ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งเลย (ข้อแนะนำ: ขณะกำลังถอยหลัง ไม่ควรเหยียบคันเร่ง เพราะจะทำให้รถถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรวางเท้าไว้ที่บนแป้นเบรก เพื่อเตรียมพร้อมในการเหยียบเบรก ขณะทำการถอยหลัง)
    3. N (NEUTRAL) คือ เกียร์ว่าง ใช้เมื่อต้องการจอดรถไว้ชั่วคราว เช่น ขณะจอดรถติดไฟแดง และเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง N นี้ รถจะสามารถถูกเข็นไปได้ (เวลาที่เราจอดรถขวางหน้ารถคันอื่นๆ ตามห้าง ควรใส่เกียร์ว่าง และปลดเบรคมือออกด้วย)
    4. D หรือ D4 คือ เกียร์เดินหน้า 4 SPEED ใช้ในการขับขี่ปกติ โดยเมื่อเปลี่ยนเกียร์มาที่ D แล้ว รถจะเริ่มออกตัว แล่นไปเองอย่างช้าๆ และเมื่อเหยียบคันเร่ง รถจะเริ่มเปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับความเร็วของรถ (ปกติ ถ้าวิ่งบนทางราบ เราจะใช้เกียร์ D นี้บ่อยสุด)
    5. 3 หรือ D3 คือ เกียร์เดินหน้า 3 SPEED ส่วนใหญ่ใช้ในการขับขึ้น-ลงเนินที่ไม่ชันมาก เช่น ขึ้นสะพาน โดยรถจะเปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติ ไปสุดที่เกียร์ 3 นอกจากนี้เรายังใช้ในกรณีที่ต้องการเร่งแซงรถที่อยู่ข้างหน้าด้วย โดยขณะที่รถวิ่งด้วยตำแหน่งเกียร์ D4 เป็นระยะเวลานาน เมื่อเปลี่ยนเป็นเกียร์ D3 จะทำให้เครื่องยนต์มีกำลัง ทำให้เครื่องแรงและสามารถแซงไปได้อย่างรวดเร็ว
    6. 2 หรือ D2 คือ เกียร์เดินหน้า 2 SPEED ใช้เมื่อต้องการขับรถขึ้น-ลงเนิน หรือเขาที่ค่อนข้างชัน หรือ ขับขึ้น-ลง ตามห้าง โดยรถจะเปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติ ไปสุดที่เกียร์ 2
    7. L (LOW)คือ เกียร์ 1 ซึ่งจะใช้ในการขับขึ้น-ลง เขาที่สูงชันมากๆ เมื่อลงเขาด้วยเกียร์ L จะเป็นการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก เพื่อลดการเหยียบเบรก เพราะอาจจะทำให้ผ้าเบรกไหม้ได้

    ขับเกียร์ออโต้อย่างไรให้ถูกวิธี

    เรามาเริ่มต้นที่การสตาร์ทเครื่องกันก่อนเลยครับ ตำแหน่งของเกียร์ออโต้ที่จะสามารถสตาร์ทได้จะมีอยู่สองตำแหน่งด้วยกันคือ “N”และ “P” เพื่อความปลอดภัยควรวางเท้าไว้ที่แป้นเบรกแล้วค่อยบิดสวิทช์กุญแจสตาร์ทรถ

    เมื่อจอดรถติดไฟแดงหรือติดอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานานควรเปลี่ยนตำแหน่งของเกียร์มาไว้ที่ “N”หรือ “P” แล้วดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล

    ในทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก “N” ไป “P” ต้องให้รถจอดสนิททุกครั้งเพื่อลดความเสียหายกับระบบเกียร์

    auto6

    การขับรถเกียร์ออโต้ควรใช้กี่เท้าดี คำตอบที่ถูกต้องคือ ควรใช้เท้าเดียวครับเพราะในการขับขี่จริงบนท้องถนน ไม่ควรเอาเท้าซ้ายวางไว้ที่แป้นเบรกพร้อมกับเท้าขวาวางบนแป้นคันเร่ง ที่ถูกต้องคือใช้เท้าขวาเท่านั้นวางเท้าในตำแหน่งที่ถนัดและสามารถเปลี่ยนตำแหน่งจากคันเร่งไปเบรกหรือจากเบรกไปคันเร่งได้อย่างไม่ยากนัก ส่วนเท้าซ้ายให้วางไว้ที่ตำแหน่งจุดพักเท้าด้านซ้ายสุด

    auto2

    รถบางรุ่นจะถอดกุญแจออกได้ก็ต่อเมื่อตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ “P” ในตำแหน่งอื่นๆจะไม่สามารถดึงกุญแจออกได้ แต่เมื่อต้องการให้รถจอดแล้วสามารถเข็นได้ก็สามารถทำได้โดย เลื่อนเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง “P” แล้วดึงกุญแจออก ขั้นตอนต่อไปนำกุญแจที่ดึงออกมาเสียบลงไปที่ช่องบนแป้นเกียร์เพื่อทำการปลดตำแหน่งเกียร์ตามที่ต้องการ หรือบางรุ่นจะมีปุ่ม SHIP LOCK ให้กด เพียงเท่านี้ก็สามารถจอดแบบเข็นได้แล้ว

    การบำรุงรักษาเกียร์ออโต้

    ขั้นตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากครับถ้าเพื่อนๆได้อ่านคำแนะนำด้านบนนี้ทั้งหมด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาเกียร์ออโต้ให้อยู่กับเราไปได้นานแสนนาน ส่วนเรื่องของระบบน้ำมันของเกียร์ออโต้นั้นก็ควรที่จะเปลี่ยนถ่ายตามระยะเวลาในคู่มือของรถแต่ละรุ่น เพื่อยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์

    auto8 auto9


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment