Realtime car magazine พาชมงานเปิดตัว ฟอร์ด “เรนเจอร์ แร็พเตอร์”

Realtime car magazine พาชมงานเปิดตัว ฟอร์ด “เรนเจอร์ แร็พเตอร์”

การออกแบบที่ดุดัน

           เรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดดเด่นด้วยไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ ที่ช่วยลดการต้านลมของตัวรถได้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีพิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ตัวรถมาพร้อมความสูงถึง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร บริเวณกันชนท้ายได้เพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ที่รองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน ส่วนท้ายกระบะมอบพื้นที่ใช้งานอย่างกว้างขวางด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร

แชสซี ระบบเบรก และช่วงล่าง

แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซี (side-rails) เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง

          อีกทั้งยังมีชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดด้านหน้าและด้านหลังที่รองรับน้ำหนักจากการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และแท่นยึดยางอะไหล่รองรับยางอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว

          เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบเบรกทำขึ้นเฉพาะรุ่น คาลิปเปอร์เบรกคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขึ้น 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 332 x 32 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกที่มาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตรคู่กับคาลิปเปอร์เบรกใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตรโช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง

เอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด

         เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เลือกใช้ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17 ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับเรนเจอร์ แร็พเตอร์โดยเฉพาะเพื่อเสริมสมรรถนะการขับขี่ ยางมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร

พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว

โหมดการขับขี่ทางเรียบ

–           โหมดปกติ – เน้นความสบาย นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน

–           โหมดสปอร์ต – ตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ เน้นการเปลี่ยนเกียร์เร็วและฉับไวในขณะที่รอบเครื่องสูง พร้อมทั้งค้างรอบเครื่องสูงไว้

โหมดการขับขี่ออฟโรด

–           โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ – ออกแบบมาให้ขับขี่บนทางออฟโรดที่มีพื้นผิวลื่นและเป็นหลุมบ่อ โดยระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวลขึ้นพร้อมทั้งออกตัวด้วยเกียร์ที่สอง

–           โหมดโคลน/ทราย – ระบบจะปรับการตอบสนองของระบบควบคุมการลื่นไถลให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่มีความลึกและสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างพื้นทรายและโคลน ด้วยการใช้เกียร์ต่ำที่มีแรงบิดสูง

–           โหมดหิน – ใช้เมื่อขับขี่บนพื้นผิวในเขตภูเขาที่ลาดชัน ต้องใช้ความเร็วต่ำ

–           โหมดบาฮา – ระบบจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮาอันเลื่องชื่อ

ขุมพลังแห่งการขับเคลื่อน

           สมรรถนะและการตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด  ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร

เทคโนโลยีที่สะดวกสบายเพื่อการใช้งานจริง

          เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีเทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อ ซิงค์ 3 (SYNCÒ 3) ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ผนวกเข้าในรถคันนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานอุปกรณ์โปรดได้แม้มือยังจับพวงมาลัยและตาจับจ้องอยู่ที่ถนนกล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว ซึ่งทำงานร่วมกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง จึงช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจได้ไม่ว่าจะจอดรถในที่ใดก็ตาม

          เป็นอย่างไรกันบ้างกับฟอร์ด เรนเจอร์ตัวใหม่ที่ดูดุดัน พร้อมลุยไปในทุกที่ หวังว่าคงถูกใจคนรักรถกระบะสายพันธุ์แกร่งอย่างแท้จริง กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์