เกจจ์วัดความร้อน…สิ่งที่ค่อยๆหายไปจนหลายคนลืมสังเกตุ

เกจจ์วัดความร้อน…สิ่งที่ค่อยๆหายไปจนหลายคนลืมสังเกตุ

          ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆในรถยนต์ได้รับการพัฒนาให้สะดวกต่อการใช้งานเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน ทำให้ผู้ใช้รถสะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อนมาก แต่จะมีใครสังเกตบ้างว่าสิ่งที่เหมือนจะหายไปเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมานั้นคืออะไร วันนี้เราจะมาเจาะประเด็นของเกจจ์วัดความร้อน ซึ่งที่มานั้นเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันในคอลัมน์นี้

          แม้จะเป็นเรื่องที่หลายท่านไม่ค่อยจะสังเกตมากนัก แต่ปัจจุบันรถยนต์มากมายหลายรุ่นนั้น กำลังมีสิ่งหนึ่งที่หายไปจากเดิม และถ้าท่านกำลังมองหาว่ามันคืออะไร คำตอบนั้นมันอยุ่ที่ตรงหน้าคนขับเสมอ และมันก็ค่อนข้างสำคัญ แต่อาจจะไม่มากมายนัก ถ้าไม่ใช่พวกนักซิ่งยามขับขี่รถยนต์ไปตามท้องถนน

          ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เกจจ์วัดความร้อน ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการขับขี่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สภาวะการทำงานเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่ปัจจุบันเจ้าวัดเกจจ์ความร้อนนี้ไม่ค่อยจำเป็นมากนัก โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงรถยนต์กลุ่มรถเล็ก(ซิตี้คาร์) ที่จะนั่งแช่ในการเดินทางมากกว่าวิ่งเสียอีก หนำซ้ำเจ้าวัดเกจจ์ความร้อนนี้ถูกวิจัยโดยค่ายรถยนต์หลายๆค่ายว่ามันเป็นส่วนที่ทำให้คนขับมักขับขี่อย่างหนักใช้งานเครื่องยนต์อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

          นาย โรเบิร์ต เดวิส รองประธานอาวุโส ฝ่ายคุณภาพ การวิจัยและพัฒนา ของ Mazda ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเกจวัดความร้อนมักจะแทนที่ด้วยสัญลักษณ์เตือน โดยของมาสด้าเรานั้น เมื่อเครื่องยนต์เย็นจะแทนด้วยสีน้ำเงินเพื่อบอกสถานะ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากวิจัยทางจิตวิทยาของผู้ขับขี่ที่จะขับรถนุ่มนวลมากขึ้นเมื่อเห็นสัญญาณไฟเตือนโผล่ขึ้นมา ซึ่งมันย่อมดีกว่าเกจจ์วัดความร้อนที่วางตรงหน้าตลอดเวลาและผู้ขับขี่จะชินกับเกจจ์เหล่านั้น

          นอกจากหลักการทางจิตวิทยาแล้ว อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ก็ไม่พ้นเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทั้งตัวเครื่องยนต์เองที่ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์บล็อคอลูมิเนียม แต่นั่นก็ไม่เท่ากับน้ำมันเครื่องที่มีความลื่นมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ก็ยังสามารถปกป้องเครื่องยนต์ในการถ่ายเทความร้อนได้ดีไม่แพ้กัน ที่ยังไม่นับในเรื่องของระยะการเปลี่ยนถ่ายที่สามารถปกป้องได้สูงขึ้นด้วย

          แม้เรากำลังพูดว่าเกจจ์วัดความร้อนนั้นกำลังค่อยๆหายไปจากรถส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในตลาด โดยไม่ได้เกี่ยวกับการลดต้นทุนในการผลิตรถยนต์ แต่เจ้าเกจจ์วัดความร้อนนี้ก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่ยังมีให้เห็นอยู่ในรถยนต์รุ่นใหญ่ หรือรถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นต่างๆ ที่ยังมีวางจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน เพียงแต่เราจะเห็นมันน้อยลงในกลุ่มรถยนต์ตลาดที่ได้รับความนิยม

          เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเกร็ดความรู้ที่ได้ให้มาในวันนี้ หลายๆท่านที่เคยขับรถรุ่นเก่าอาจจะตกใจว่าถ้าหายไปแบบนี้จะมีผลอะไรหรือเปล่า ก็จะเป็นตามที่บอกไว้ในคอลัมน์คือมีการทำวิจัยถึงพฤติกรรมการใช้รถของบุคคลทั่วไป หลายๆค่ายรถจึงได้นำออกไปแต่สิ่งก็มีสิ่งที่มาแทนที่ ทั้งนี้ก็ทำให้อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่านนั่นเอง