“ปตท.”-“สนามช้างฯ” ส่วนผสมที่ลงตัว ดันศึกสองล้อทางเรียบไทยสู่เรซอินเตอร์

ปตท.”-“สนามช้างฯ” ส่วนผสมที่ลงตัว ดันศึกสองล้อทางเรียบไทยสู่เรซอินเตอร์

           เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่าง “ปตท.” และ “สนามช้างฯ” จับมือร่วมจมหัวท้ายโดยมีเป้าหมายพา “มอเตอร์สปอร์ตไทย” ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของ “เอเชีย” สิ่งที่คนไทยหวังจะได้เห็นการพัฒนาแบบยั่งยืน คืออนาคตที่รออยู่อีกเพียงไม่กี่ปีข้างหน้า

           บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานเพื่อคนไทย ให้การสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตมาแล้วหลายสิบปี ทั้งการแข่งขันในระดับประเทศ และการส่งนักแข่งออกไปสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ

           และล่าสุด ปตท. ได้ขยับตัวครั้งใหญ่ด้วยการพาแบรนด์พลังงานของคนไทยในนาม “พีทีที” ก้าวเข้าเป็นผู้สนับสนุนหลักแบบไตเติ้ล สปอนเซอร์ ในรายการระดับโลกอย่าง โมโตจีพี ซึ่งจะระเบิดความมันส์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองไทยระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อรายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018”

           นี่คือการก้าวครั้งยิ่งใหญ่ของ ปตท. ที่จะแสดงให้ทั้งโลกเห็นความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ทั้งประเทศ ความตื่นตัวของแฟนๆ ชาวไทยที่มีต่อ โมโตจีพี นั้นล้นหลามจริงๆ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปตท. คือหนึ่งในกำลังสำคัญของการเกิดขึ้นของประวัติศาสตร์ไทยครั้งนี้

           สำหรับการแข่งขันในประเทศไทย ปตท. ก้าวเข้ามาสนับสนุนศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทยในนามไตเติ้ลสปอนเซอร์อย่างเต็มตัวในปีที่ผ่านมา กับรายการ “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ”

           และนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการยกระดับการแข่งขันให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมาตรฐานของนักแข่งและทีมแข่ง มาตรฐานการจัดการแข่งขันที่เป็นสากลมากขึ้น รวมถึงโปรดักชั่นการถ่ายทอดสดที่ขยับเทียบชั้นสากลมากขึ้นเรื่อยๆ

           และในปี 2018 นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประกาศชัดเจนจะเปิดโลกของการแข่งขันไทยให้กว้างขึ้น ด้วยการดันศึก “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2018” เป็นเรซระดับอินเตอร์ ด้วยเป้าหมายให้ทีมแข่งและนักบิดไทยได้ต่อกรกับทีมแกร่งๆ จากต่างชาติ เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บก่อนออกไปสู่ระดับนานาชาติต่อไป

           สนามแรกของปีในศึก พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เกมทุกรุ่นขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นจนถึงโค้งสุดท้าย ยกตัวอย่างรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ เอสบี1 ที่ ฐิติพงศ์ วโรกร ไล่บี้กับ อนุชา นาคเจริญศรี จนมาตัดสินแชมป์กันในโค้งสุดท้าย เกมระดับ 5 ดาวแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองไทยแล้ว

           นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า “สำหรับสนามแรกถือเป็นเรซที่สนุกมาก ถือเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นจนถึงรอบสุดท้าย ในปีนี้เป็นปีแรกที่เราเปิดเป็น อินเตอร์เนชั่นแนล เรซ ถือว่ามีนักแข่งจากต่างชาติทั้งในเอเชีย และยุโรปที่มากขึ้น ถือเป็นการกระตุ้นให้นักแข่งไทยพัฒนาตัวขึ้นไปต่อสู้กับนักบิดต่างชาติ”

           “ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นนักบิดต่างชาติ ทยอยเข้ามาแข่งขันในไทยมากขึ้น อาจยังไม่เยอะมาก และเป็นการลองแข่งเป็นสนามๆ ไป ที่ผ่านมาเราจัดทั้ง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ และ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งยากต่อการที่ทีมต่างชาติจะเข้าร่วม และครั้งนี้ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ได้ขยับตัวเป็นเรซอินเตอร์ ถือเป็นการเปิดให้ทีมแข่งจากต่างชาติเข้าชิมลางดูในปีแรก”

           ด้าน นางเมญาพิมพ์ สมประสงค์ สมประสงค์ ผู้จัดการส่วนสื่อสารการตลาด บริษัท ปตท. กล่าวว่า “ปีนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ ปตท. กับการสนับสนุน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เพราะทางสนามช้างฯ ได้ขยับขึ้นเป็นเรซระดับอินเตอร์เนชั่นแนล จึงถือเป็นปีที่น่าจับตามองมากๆ ในการเติบโตแบบก้าวกระโดดของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย”

           สำหรับ ศึก พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ยังคงมีรางวัลเกียรติยศสูงสุดของแชมป์ประจำปีคือการคว้าสิทธิ์ไวด์การ์ดเข้าร่วมแข่งขันในรายการ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ และ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ที่จะมีขึ้นที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

           โดยสนามถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 13-15 กรกฎาคมนี้ ก่อนจะแข่งอีก 2 สนามที่เหลือเพื่อตัดสินแชมป์ประจำปี และนี่ถือเป็นอีกรายการแข่งขันที่จะพาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ก้าวขึ้นสู่การแข่งขันชั้นนำของภูมิภาค และในระดับโลกต่อไป