ทำอย่างไร.. เมื่อความร้อนรถยนต์ขึ้น ?

ทำอย่างไร.. เมื่อความร้อนรถยนต์ขึ้น ?

       ปัญหารถยนต์ที่พบบ่อยมากที่สุด กับ รถความร้อนขึ้นต้องทำอย่างไร ขับต่อได้หรือไม่ หรือ ต้องจอด เพราะปัญหารถร้อนสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ หากปล่อยไว้ไม่ทำการแก้ไข รับรองเครื่องยนต์มีปัญหาแน่นอน

จอด หรือ ไปต่อ เมื่อพบว่ารถความร้อนขึ้น

       ปัญหารถร้อนสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ หากปล่อยไว้ไม่ทำการแก้ไข รับรองเครื่องยนต์มีปัญหาแน่  “ความร้อนขึ้น” ถือเป็นสิ่งที่แสดงให้ทราบว่ารถยนต์ของคุณเริ่มมีปัญหา และเป็นสิ่งอันตรายต่อการใช้งานซึ่งปัญหาความร้อนเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องยนต์ ที่มีความผิดปกติ ทำให้ความร้อนขึ้นไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ทำงานได้ปกติ สาเหตุของความร้อนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ รถยนต์บางรุ่นมีการเตือนผ่านทางมาตราวัดที่มีมากับรถ  หรือสัญญาณไฟเตือนที่เป็นสีแดง ว่ารถยนต์ของคุณอยู่ขั้นฉุกเฉิน หรืออันตราย หากปล่อยให้ความร้อนขึ้นสูงอาจทำให้เครื่องยนต์ “Over Heat” ดับกลางทาง ไม่สามารถขับเคลื่อนได้  แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ระดับความร้อนเท่าไหร่ ถึงเรียกว่า “ความร้อนขึ้นสูง”

       “ความร้อนขึ้นสูง” ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ สามารถสังเกตการแจ้งเตือนความร้อนของเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ มีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้

แบบที่ 1 แบบเกจ

       การทำงานของเกจจะอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่ไม่เกินครึ่งของมาตรวัด หากเข็มเกจชี้มาทาง H (Hot=ร้อน) เกินครึ่ง นั่นคือมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในระบบหล่อเย็น หรือ อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงอย่างแน่นอน

แบบที่ 2 แบบไฟเตือน

– ถ้าไฟขึ้นสีแดง หมายถึง เครื่องยนต์ร้อน  หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูง (สูงกว่า 117 oc)

– ถ้าไฟขึ้นสีเขียว (ฟ้า) หมายถึง เครื่องยนต์เย็น เครื่องยนต์ หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิต่ำ (ต่ำกว่า 60 oc)

*สำหรับรุ่นรถยนต์ที่ใช้ไฟเตือนสัญญาณต่างๆ ต้องสังเกตสีของการเตือนด้วยว่ารถยนต์ของคุณปกติ หรือ ไม่ปกติ

เมื่อรถยนต์ความร้อนขึ้น แล้วอย่างนี้ควร ขับต่อ หรือ จอดพักดี ?

       เมื่อพบว่ารถยนต์ของคุณเกิดความร้อน ให้หาที่จอดรถในที่ปลอดภัยทันที พร้อมเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์เย็นลงให้คุณทำการเปิดฝาหม้อน้ำ ห้ามเปิดในขณะที่เครื่องยังร้อนอยู่ เพราะแรงดันน้ำในหม้อน้ำ อาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้าจนได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่เปิดให้สวมถุงมือเพื่อป้องกันความร้อน เช็คดูปริมาณน้ำในหม้อหากพบว่าปริมาณน้ำน้อย ให้เติมน้ำลงไป แล้วสังเกตดูระดับน้ำประมาณ 5 นาที หากน้ำลดลงนั่นหมายความว่า หม้อน้ำแตก ให้คุณทำการเรียกช่างมาตรวจสอบแก้ไขในกรณีบริเวณที่รถเสียไม่มีอู่ซ่อม แต่ถ้ามีการรั่วเล็กน้อย สามารถขับต่อไปยังร้านซ่อมรถได้เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

       เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหม้อน้ำแตก รั่วซึม ให้คุณหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำ หรือเข้าศูนย์เช็คสภาพรถยนต์ให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน วิธีสังเกตง่ายๆให้ดูที่หน้าปัดว่าความร้อนอยู่ในระดับปกติหรือไม่  ในกรณีฉุกเฉินคุณสามารถเรียกใช้บริการจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คุณเลือกทำไว้ เพื่อขอความช่วยเหลือ