ดูแลรถ..ต้อนรับหน้าฝนกันหรือยัง?

ดูแลรถ..ต้อนรับหน้าฝนกันหรือยัง?

ช่วงนี้ก็เข้าสู่ฤดูฝนกันแบบเต็มตัวแล้ว สำหรับผู้ที่ใช้รถในชีวิตประจำวันก็ต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพรถเพิ่มมากขึ้น บนท้องถนนในปัจจุบันนี้มีผู้ใช้รถเพิ่มมากขึ้นทุกวัน มีทั้งมือใหม่มือเก่าปะปนกันไป บางคนอาจไม่เคยขับรถในช่วงฤดูฝนก็มี บางคนเคยขับรถในช่วงฤดูฝนแต่ไม่เคยตรวจเช็คสภาพรถในช่วงฤดูฝนก็มี เพราะฉะนั้นในบทความนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้รถเป็นอย่างมากสำหรับการตรวจเช็คและเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับฤดูฝนช่วงที่เราต้องขับขี่รถ ต้องทำอย่างไรบ้างนั้นเข้าไปดูกันครับ

           1.ใบปัดน้ำฝน เป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยในการมองเห็นในการขับรถช่วงฤดูฝน การดูแลและตรวจสภาพของใบปัดน้ำฝนเราควรทำขณะกระจกเปียกดูว่าไม่เกิดเสียงดังในขณะที่เปิดใช้งาน ปัดแล้วไม่เกิดคราบน้ำบนกระจกเพราะตอนเราขับรถขณะฝนตกนั้นจะเกิดอันตรายมาก ถ้าเริ่มมีรอยบนกระจกควรที่จะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ทันที สาเหตุที่ใบปัดน้ำฝนเกิดเสียงดังนั้น น่าจะเกิดจากยางของใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพยางแข็งตัวมากขึ้น ทางที่ดีเราควรเข้าสภานให้บริการตรวจเช็คสภาพรถเปลี่ยนให้เพื่อความสะดวกจะดีกว่าครับ

           2. ยางรถและลมยาง การขับรถในขณะที่เกิดฝนตกนั้น ยางรถถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นควรดูว่ายางรถของเรานั้นมีอายุเกินกำหนดหรือไม่ถ้ายังไม่เกินกำหนดก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ หรือควรตรวจเช็คตัวยางว่ามีการเสื่อมสภาพก่อนกำหนดหรือไม่อย่างเช่น การแตกลายงาของตัวยาง เนื้อยางแข็งกระด้าง เป็นต้น ถ้าพบปัญหาเหล่านี้ควรทำการเปลี่ยนยางทันที เมื่อยางรถอยู่ในสภาพพร้อมใช้แล้วก็อย่าลืมตรวจเช็คลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วย ไม่ควรให้อ่อนหรือแข็งจนเกินไป

           3. ระบบเบรก เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องควรดูและในการขับขี่ช่วงฤดูฝน ควรที่จะตรวจดูว่าผ้าเบรคของรถนั้นมีความสึกเกินไปหรือไม่ สังเกตได้ด้วยการเหยียบเบรกว่ามันจมลึกกว่าปกติหรือเปล่า หรือสังเกตตอนที่เราเบรกว่ารถมีการดึงที่ล้อหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ถ้ามีก็ควรเข้าศูนย์บริการตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนใช้งาน

4. น้ำยาฉีดกระจก เหมือนจะไม่จำเป็นสำหรับข้อนี้แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ที่จะต้องใช้ในทุกๆครั้งที่ฝนตกครับ บางคนอาจไม่ใช้ แต่จริงๆแล้วเราควรเตรียมไว้เพื่อใช้ครับ เนื่องจากในขณะที่ฝนตกนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเจอสภาพถนนแบบไหนยางครั้งเราอาจเจอ สภาพถนนที่สกปรกมีเศษดินโคลนกระเด็นขึ้นมาที่กระจก บางครั้งน้ำเปล่าก็ไม่สามารถทำความสะอาดกระจกได้ เพราะฉะนั้นเราควรเติมน้ำยาไว้ในกระบอกน้ำสำหรับฉีดกระจก เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรกในขณะที่ขับรถได้อย่างรวดเร็ว

            5. ไฟเบรกและไฟตัดหมอกด้านหลัง เริ่มจากไฟเบรกกันก่อนเลยครับ วิธีตรวจเช็คง่ายๆทำได้ทุกวันสำหรับการตรวจเช็คไฟเบรค ในทุกครั้งที่เราถอยรถเราควรมองไปที่รถที่อยู่ด้านหลังเราเพื่อสังเกตแสงสะท้อนของไฟเบรครถเราว่ายังติดอยู่หรือเปล่า หรืออีกหนึ่งวิธีก็คือการถอยหลังเข้ากำแพงในช่วงที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืนเราก็จะสังเกตได้ง่ายว่าไฟเบรคต้องเราติดครบทั้งสองข้างหรือไม่ ถ้าไม่ติดก็ควรที่จะทำการเปลี่ยนทันที ส่วนของไฟตัดหมอกด้านหลังนั้น ควรที่จะเปิดใช้ในตอนที่เกิดฝนตกหนักหรือมีสภาพอากาศที่ไม่ปกติเท่านั้น เนื่องจากไฟตัดหมองด้านหลังนั้นจะมีวัตต์ที่สูงกว่าไฟเบรค ซึ่งแสงที่ส่งออกมานั้นจะแรงกว่าไฟเบรกครับ ควรตรวจเช็คให้มีสภาพที่สามารถใช้งานได้อยู่ตลอด
เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เชื่อเลยครับว่าบางคนก็มองผ่าน5จุดนี้ไป จริงๆแล้วเราไม่ควรมองข้ามนะครับ เพราะทั้ง 5ข้อนี้รวมๆกันแล้วทำให้เราขับขี่รถในขณะที่ฝนตกได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณที่ทุกท่านได้เข้ามารับชม เข้ามาอ่านกันนะครับ เเละสามารถติดตามข่าวสารสดใหม่ก่อนใครต่อได้ที่ : realtimecarmagazine