100,000โลแล้วต้องเช็คอะไรบ้าง ?

100,000โลแล้วต้องเช็คอะไรบ้าง

ในยุคนี้รถยนต์ถือว่าเป็นยาพาหนะชนิดหนึ่งที่มีกันแทบจะทุกบ้านเลยก็ว่าได้ บางคนอาจจะพึ่งซื้อรถคันแรก บางคนอาจจะเป็นคันที่สองที่สามแล้วก็ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเราใช้รถเป็นยานพาหนะเพื่อพาเราไปในสถานที่ต่างๆแล้ว มันก็ต้องมีการดูแลกันบ้าง อย่าคิดว่ารถไม่มีหัวใจ อะไรที่ใช้งานทุกวันย่อมต้องมีการเสื่อมสภาพ สึกหรอกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยเหตุผลนี้จึงต้องมีการแนะนำในเรื่องของการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้รถอยู่กับเราไปนานๆ และในคอลัมน์นี้เราจะมาแนะนำเรื่องของการตรวจเช็ครถที่มีระยะกิโลเข้า 100,000โล จะได้รู้กันว่าเมื่อถึงแสนกิโลแล้วมีอะไรที่ต้องตรวจเช็คและต้องเปลี่ยนบ้าง
สายพานไทม์มิ่ง หรือบางคนเรียกว่า สายพานราวลิ้น ซึ่งเจ้าสายพานชนิดนี้มีอายุการใช้งานอยู่ในระยะ 100,000โล ถ้าเกิดขาดหรือเสียหายขึ้นมาในขณะที่ขับขี่บนท้องถนน อาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อภายในเครื่องยนต์ ก้านสูบหรือลูกสูบอาจแตกได้รวมไปถึง วาล์วคด หรือถ้าสังเกตว่าสายพานไทม์มิ่งเกิดการชำรุดก็สามารถเปลี่ยนก่อนระยะกำหนดได้ เพื่อความปลอดภัยและลดการเกิดความเสียหายในขณะที่อุปกรณ์เสื่อมสภาพ

            ของเหลวในรถ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเพาเวอร์ น้ำยาหล่อเย็น เหล่านี้คือระบบของเหลวที่จำเป็นในการทำงานของรถและเครื่องยนต์ เมื่อเสื่อมสภาพแล้วก็ควรจะทำการเปลี่ยนถ่ายเพื่อยืดอายุการใช้งาน
หม้อน้ำ หรือระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์นั่นเอง ควรตรวจเช็คการทำงานของหม้อน้ำรวมถึงระบบวาล์วน้ำ ฝาหม้อน้ำ ถังพักน้ำ สายยางจากหม้อน้ำไปถังพักน้ำ พัดลมไฟฟ้า ยางอุดตาน้ำด้านล่าง คอห่านที่ต่อกับท่อน้ำ
ระบบช่วงล่าง ระบบซับแรงกระแทกระบบกันสะเทือนทั้งหมด ควรตรวจเช็คยางหุ้มเพลา ลูกปืนล้อด้านหน้าและด้านหลัง ผ้าเบรค/จานเบรก ระบบคันชักคันส่ง ปีกนก บูธยาง

            แบตเตอรี่ โดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 2ปี ปกติแล้วต้องมีการเปลี่ยนก่อนระยะ 100,00โลอยู่แล้ว แต่ตรวจเช็คเพื่อความมั่นใจก็ไม่เสียหายอะไร
ไส้กรองอากาศ/ไส้กรองเครื่องปรับอากาศ ไส้กรองอากาศในส่วนของตัวเครื่องยนต์นั้นยังพอที่จะทำความสะอาดได้เป็นระยะๆ แต่ก็ควรเปลี่ยนทุก 10,000-20,000กิโล เพราะถ้าหากไส้กรองอุดตันจะส่งผลเสียต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ส่วนไส้กรองเครื่องปรับอากาศก็สามารถถอดออกมาเช็คได้ ถ้าเกิดการอุดตัดก็ควรที่จะเปลี่ยนทันที

            หัวฉีดหรือระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งก็เป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องในขณะที่รถมีการขับเคลื่อน หากรู้สึกว่ารถมีอัตราการเร่งที่ต่ำลง รถอืดวิ่งไม่ออกเมื่อถึงระยะก็ควรตรวจเช็คระบบหัวฉีดเพื่อทำความสะอาดหรือปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์
เมื่อรู้กันแล้วก็อย่าลืมกลับไปดูระยะกิโลที่รถของตัวเองกันด้วยนะครับว่าใกล้จะ 100,000กิโลหรือยัง เพื่อจะได้เตรียมตัวเข้าตรวจเช็คให้เรียบร้อย อย่างน้อยถ้าเราพอจะมีความรู้พื้นฐานในการตรวจเช็คสภาพ จะได้สื่อสารกับช่างได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญจะได้ไม่โดนเอาเปลียบยังไงละครับ

ขอบคุณที่ทุกท่านได้เข้ามารับชม เข้ามาอ่านกันนะครับ เเละสามารถติดตามข่าวสารสดใหม่ก่อนใครต่อได้ที่ : realtimecarmagazine