คาวาซากิเปิดตัว KLR650 Adventure และ KLR650 ABS เอาใจผู้ชื่นชอบการผจญภัยในแบบ Dual-Purpose สู่โลกกว้างบนเส้นทางที่ไกลกว่าเดิม

คาวาซากิเปิดตัว KLR650 Adventure และ KLR650 ABS เอาใจผู้ชื่นชอบการผจญภัยในแบบ Dual-Purpose สู่โลกกว้างบนเส้นทางที่ไกลกว่าเดิม

       คาวาซากิประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KLR650 สายลุยคู่ใจที่ออกผจญภัยได้ไกลขึ้นในทุกเส้นทาง ด้วยรูปทรงดุดัน แข็งแกร่ง เพิ่มความมั่นใจ และความสบายที่เหนือกว่า เสริมทัพไลน์อัพรถจักรยานยนต์ของคาวาซากิในเมืองไทยให้แข็งแกร่ง และหลากหลายมากยิ่งขึ้น

       KLR650 ใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุกรูปแบบ เป็นรถจักรยานยนต์แบบ dual-purpose ส่งมอบความอเนกประสงค์ใช้งานได้หลากหลาย ตอบรับทุกระยะทางไกลด้วยความตื่นเต้นเร้าใจที่เหนือกว่า พร้อมยังส่งมอบการใช้งานเพื่อตอบสนองการขับขี่ผจญภัยแบบ Off Road และในแบบ On Road สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

       คาวาซากิพร้อมแล้วที่จะสร้างความทรงจำแห่งการเดินทางสุดประทับใจให้แก่ทุกท่านด้วย KLR650 รุ่นล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ขุมพลังสูบเดี่ยวขนาด 652cc 4 วาล์ว ที่ส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ขับขี่ทะยานผ่านอุปสรรคทั้งบนเส้นทางธรรมชาติหรือรับมือกับเส้นทางสุดท้าทายได้อย่างง่ายดาย พร้อมแผงมาตรวัดดิจิตอล และถังบรรจุน้ำมันขนาดใหญ่ 23 ลิตร ช่วยให้คุณเดินทางได้ไกลขึ้นกว่าเดิม เสริมความมั่นใจในระหว่างการเดินทางด้วย LED Headlight ใหม่ ระบบเบรก ABS กับจานเบรกหน้าขนาดใหญ่ เพิ่มความดุดันด้วยชีลด์หน้าดีไซด์ใหม่ที่พร้อมผจญภัยไปทุกเส้นทาง

       KLR650 เปิดวางจำหน่ายในประเทศไทย2รุ่นได้แก่ รุ่น KLR650 ABS และ KLR650 Adventure ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมของคาวาซากิ เช่น กันล้มด้านข้าง (side cases) การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ (engine guards) ชุดเสริมไฟ LED (LED light set) และอื่นๆ

TOP FEATURES

เครื่องยนต์: ขุมพลังสูบเดี่ยว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 652 ลบ. ซม. จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด

       KLR650 ส่งกำลังด้วยเครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน และได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดบล็อกหนึ่งในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ขุมพลังสูบเดี่ยวขนาด 652 ลบ.ซม. สี่วาล์ว ที่ให้กำลังต่อเนื่อง ติดมือ ช่วยให้คุณทะยานผ่านอุปสรรคเมื่อขับขี่ผจญภัยบนพื้นที่ธรรมชาติหรือรับมือกับเส้นทางสุดท้าทายได้อย่างง่ายดาย โมเดลรุ่นปี 2022 เปลี่ยนไปใช้ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด เมื่อรวมเข้ากับประสิทธิภาพในการส่งถ่ายเชื้อเพลิงของถังน้ำมันใหม่ สามารถช่วยยืดระยะทางในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งให้ไกลขึ้น ขณะที่การพัฒนาชิ้นส่วนภายในเพื่อเพิ่มความทนทานช่วยเสริมความมั่นใจด้านการใช้งานตามแบบฉบับของรถแอดเวนเจอร์ทัวร์เรอร์ เน้นสมรรถนะการส่งกำลังในรอบกลางและเพิ่มขนาดเจนเนอเรเตอร์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ขับขี่ที่กำลังมุ่งหน้าออกไปผจญภัย

แชสซี: เฟรมเปลคู่ Semi-Double Cradle สุดแกร่ง

       เฟรมเปลคู่ semi-double cradle ที่ได้รับความเชื่อมั่นมาอย่างยาวนานผลิตจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง และเป็นองค์ประกอบที่สืบทอดจากโมเดลรุ่นก่อนหน้า ถูกพัฒนาในหลายจุด ช่วยเสริมคาแรคเตอร์ด้านการควบคุมให้ขับขี่ได้นิ่ง มั่นคง ยิ่งขึ้น

 ระบบกันสะเทือน: ให้การรองรับที่มั่นคง

       โช้คอัพขนาดแกน ø41 มม. ช่วยซับแรงสั่นสะเทือนด้านหน้า ขณะที่ระบบกันสะเทือน Uni Trak ช่วยดูแลทางด้านหลัง ระบบกันสะเทือน Uni Trak ให้สัมผัสของโช้คหลังที่มีความนุ่มนวลต่อเนื่อง ทั้งยังมีส่วนช่วยในการกำหนดจุดศูนย์ถ่วงของรถให้ต่ำลง  โช้คหลังมาพร้อมความสามารถในการปรับสปริงพรีโหลดและรีบาวด์ ผู้ขับขี่จึงสามารถปรับเซ็ตระบบรองรับการสั่นสะเทือนให้เข้ากับสถานการณ์และความต้องการของผู้ขับขี่ได้ ระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้าและด้านหลังถูกพัฒนาใหม่ให้รับกับรายละเอียดการปรับเปลี่ยนในส่วนของเฟรม เสริมความรู้สึกระหว่างการขับขี่ที่ให้ความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

เบรก: จานเบรก หน้า/หลัง ขนาดใหญ่ พร้อมระบบเบรก ABS

       จานเบรกหน้าขนาดใหญ่ (ø280 มม. >> ø300 มม.) ส่งมอบกำลังในการเบรกที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น เปลี่ยนจากจานเบรกลายดอกไม้เป็นจานกลม จานเบรกหลังขนาด ø240 มม. หนาขึ้น 1 มม. เพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายความร้อนขณะใช้เบรก เปลี่ยนเป็นจานกลมเพื่อให้แมทช์กับด้านหน้า

สรีระศาสตร์: ออกมาตามหลักสรีระศาสตร์ ขี่สบายตลอดทั้งวัน

       ตำแหน่งท่านั่งหลังตรงแบบเป็นธรรมชาติของโมเดลรุ่นก่อนหน้า ถูกปรับแต่งให้เป็นท่านั่งที่ปราศจากความตึงเครียด อำนวยความสะดวกต่อการขับขี่ในระยะทางไกล ช่วยลดแรงสะเทือนจากภายนอกที่ส่งผลต่อตัวผู้ขับขี่โดยตรง เพื่อเสริมความสบายเมื่อต้องใช้งานรถจักรยานยนต์เป็นระยะเวลานาน