“เกีย” ขานรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า จัดแสดง “เกีย อีวี 6” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมยนตรกรรมไฮไลต์ “เกีย คาร์นิวัล ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 4” ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39

“เกีย” ขานรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า จัดแสดง “เกีย อีวี 6”

เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมยนตรกรรมไฮไลต์

“เกีย คาร์นิวัล ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 4” ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39

           บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เกีย ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ขานรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมจัดแสดงยนตรกรรมครอสโอเวอร์ไฟฟ้า “เกีย อีวี 6” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมยนตรกรรมไฮไลต์ เกีย คาร์นิวัล ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 4” ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39 ณ บูธเกีย B03 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 1 – 13 ธันวาคม 2565

           นางสาวฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ยอดขายของเกียในปีที่ผ่านมา นับว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับปีก่อนหน้า โดยหลักๆ มาจากรุ่น เกีย คาร์นิวัล ที่ยังคงมีกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดรถไฟฟ้าซึ่งกำลังเป็นที่สนใจ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางสำนักงานใหญ่ เกีย ในประเทศเกาหลีใต้เอง ก็มีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่กว่า 14 รุ่น ภายในปี 2027 ซึ่ง เกีย อีวี 6 เป็นยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นแรกที่ทำการเปิดตัวภายใต้แผนระยะยาวนี้ และภายในงานครั้งนี้ เราได้นำ เกีย อีวี 6 มาจัดแสดงให้ทุกคนได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเกีย เนื่องจาก เกีย อีวี 6 นั้นได้รับการพัฒนาขึ้นมาบนแพลตฟอร์ม Electric-Global Modular Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าเฉพาะ (Dedicated EV Platform) คันแรกจากเกีย แพลตฟอร์มนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง ทั้งยังเป็นรถไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยความล้ำสมัย และเหมาะต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยได้รับรางวัลการันตีด้านคุณภาพ 2022 European Car of the Year อีกด้วย”

           เกีย อีวี 6 มาพร้อมกับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 325 แรงม้า แรงบิด 605 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาด 77.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งสามารถวิ่งได้สูงสุด 490 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็มเพียงครั้งเดียว (มาตรฐานการทดสอบ WLTP) มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมีอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม. เพียง 5.2 วินาที สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้หลากหลายทั้งแบบ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความสปอร์ตในการขับขี่ ในส่วนของดีไซน์ออกแบบภายใต้แนวคิด Opposite United ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความล้ำสมัยและความเป็นธรรมชาติ ภายนอกโดดเด่นแต่แฝงไปด้วยความเรียบง่ายด้วยไฟหน้าแบบ IFS LED ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Dynamic Welcome Light ไฟท้ายแบบเส้น Connected LED ภายในหรูหราแต่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายและสะดวกสบาย ด้วย Panoramic Curved Display หน้าจอแสดงผลเป็นแบบโค้งที่ช่วยแสดงผลการขับขี่ต่างๆ ได้อย่างล้ำสมัย อีกทั้งการออกแบบคอนโซลที่ดูโปร่งสบาย และห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่สามารถปรับพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น ช่วยสร้างประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่าตลอดการเดินทาง

           เกีย อีวี 6 ยังมาพร้อมกับระบบอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ประตูท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Tailgate ระบบเครื่องเสียง Meridian ระดับ Premiere จำนวน 14 ตัว และเทคโนโลยี DRIVE WiSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ Active Safety ช่วยให้คุณอุ่นใจตลอดทุกการเดินทาง

           “สำหรับงานครั้งนี้ บูทของเกียได้ออกแบบภายใต้แนวคิด “Inspiration Just Got Real” สอดคล้องกับเป้าหมายใหม่ Movement that inspires” หรือ การเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งภายในบูทของเราจะมีมุมให้ลูกค้าทุกท่านได้ลองสร้างสรรค์เส้นสายกราฟฟิกที่สวยงามจากท่วงท่าการเคลื่อนไหวของคุณเองผ่าน Interactive Motion Wall ทั้งนี้ เพื่อสื่อถึงแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดในทุกที่ ทุกเวลา” นางสาวฬสนันท์ กล่าวเพิ่มเติม

           นอกเหนือจาก เกีย อีวี 6 เกียยังได้จัดแสดง เกีย คาร์นิวัล ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 4 ยนตรกรรม Premium MPV เอนกประสงค์ 11 ที่นั่ง มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย พื้นที่ภายในกว้างขวาง และปรับใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งยังมีระบบอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน ทำให้ เกีย คาร์นิวัล ใหม่ เป็นยนตรกรรม ที่โดดเด่นที่สุดในเซกเมนต์ และตอบโจทย์การใช้งานของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EX ราคา 2,234,00 บาท และรุ่น SXL ราคา 2,594,000 บาท และมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Aurora Black Pearl สีเทาดำ Panthera Metal และสีใหม่ล่าสุด สีฟ้า Astra Blue (เฉพาะรุ่น SXL) ซึ่งได้จัดแสดงครบทุกรุ่นย่อยและทุกสี และพร้อมให้ผู้ที่สนใจทดลองขับได้ภายในงานฯ

เกีย คาร์นิวัล ใหม่ มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ* สำหรับลูกค้าที่จองภายในงานและที่โชว์รูมเกียทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2565 ดังนี้

  • การประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี
  • ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมเกียทุกสาขาทั่วประเทศ หรือทางเว็บไซต์ที่ www.kia.com โทรศัพท์ 02-915-1991 และสามารถติดตามข่าวสาร Kia Thailand เพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: KIA Thailand หรือ ที่ LINE Official Account: @kia.thailand

หมายเหตุ* เงื่อนไขข้อเสนอพิเศษต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/3GF29NC

 

 

ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ 20 แห่ง ได้แก่

  • กรุงเทพและปริมณฑล: เทียมร่วมมิตร / บางแค / ตลิ่งชัน / ลาดพร้าว / รามอินทรา / หลักสี่ / บางนา /ตากสิน / พระราม 2 / รังสิต / พระราม 9 – สวนหลวง / นนทบุรี – ราชพฤกษ์
  • ต่างจังหวัด: เชียงใหม่ (โชว์รูมอย่างเดียว) / ชลบุรี / ระยอง / หาดใหญ่ / ภูเก็ต / นครราชสีมา / ขอนแก่น / อยุธยา /

 

 All-new Carnival (Model Year 22) มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย

  • รุ่น EX ราคา 2,234,000 บาท
  • รุ่น SXL ราคา 2,594,000 บาท

Features Highlight for Kia Carnival

 ข้อมูลทางเทคนิคเครื่องยนต์และมิติตัวรถ

  • เครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร มาตรฐาน EURO5
  • ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 45 กิโลกรัม-เมตร
  • ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบเลือกการขับขี่ (Drive Mode): Normal Mode, Sport Mode, Eco Mode, Smart Mode
  • ห้องเครื่องด้านหน้า (overhang) ที่สั้นลงและฐานล้อ (wheelbase) ที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารและ leg room ให้กว้างขวางและสะดวกสบายมากขึ้น
  • ความสูงจากพื้นถึงตัวรถที่เตี้ยลงกว่ารุ่นเดิมประมาณ 28 มม. พร้อมมือจับตรงประตูทำให้สามารถก้าวขึ้น-ลงรถได้สะดวกมากขึ้น เหมาะกับทั้งเด็กและผู้สูงอายุ

ดีไซน์ภายนอก

  • มาพร้อมโลโก้ Kia แบบใหม่บริเวณฝากระโปรงหน้า ดุมล้อ และ ไฟท้าย
  • ไฟหน้าและไฟต้ดหมอกหน้า แบบ LED พร้อม Daytime Running Light
  • ล้ออัลลอยแบบMachine Finished ขนาด 18 นิ้ว
  • ระบบปรับตั้งระดับไฟหน้าสูง – ต่ำ (High Beam Assist)*
  • ไฟส่องสว่างที่พื้นบริเวณขึ้น – ลงประตูสไลด์ (Get on /off puddle light)*
  • แร็คหลังคา*

ดีไซน์ภายใน

  • เบาะหนังสไตล์ทูโทน สีน้ำตาล Saddle Brown ตัดขอบดำ สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 11 ที่นั่ง
  • เบาะแถวที่ 4 แบบ Pop-Up Sinking ที่พับเก็บได้ราบเรียบและง่ายดาย เพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระได้มากกว่า
  • เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบดุนหลัง 4 ทิศทาง (2 ทิศทางสำหรับรุ่น EX)
  • เกียร์หมุน Dial Type – Shift by Wire พร้อม Paddle Shift*
  • ม่านบังแดดประตูสไลด์และด้านข้างของเบาะแถวที่ 3
  • จุดชาร์จ USB จำนวน 6 จุดบริเวณคอนโซลด้านหน้า ด้านข้างของเบาะคู่หน้าและบริเวณที่นั่งแถวที่ 3

 

 

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิง

  • หน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Apple Carplay และ Android Auto
  • ระบบที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger
  • หน้าจอเรือนใหม่ดิจิตอล Digital Instrument Cluster ขนาด 3 นิ้ว*
  • เครื่องเสียงจาก BOSETM ที่มาพร้อมกับลำโพง Tweeter และSub-woofer รวมทั้งหมด 12 ตำแหน่ง*
  • ระบบ Rear Seat Entertainment ด้วยจอขนาด 10.1 นิ้ว 2 ตำแหน่งบริเวณหัวหมอนของ ที่นั่งคู่หน้าเพื่อผู้โดยสารในแถวที่สอง*
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์จากกุญแจ Smart Key (Remote Engine Start)
  • จุดชาร์จ USB จำนวน 6 จุดบริเวณคอนโซลด้านหน้า ด้านข้างของเบาะคู่หน้าและบริเวณที่นั่งแถวที่ 3
  • ประตูสไลด์ไฟฟ้า Smart Power Sliding Door พร้อมระบบ Smart Entry ที่ประตูสไลด์จะเปิดเองอัตโนมัติเพียงไปยืนอยู่ใกล้ๆประตูด้วยกุญแจอัจฉริยะ Smart Key
  • ระบบฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Tailgate พร้อมระบบ Away-Auto Close ที่ประตูท้ายจะเปิดเองอัตโนมัติเพียงไปยืนอยู่ใกล้ๆประตูด้วยกุญแจอัจฉริยะ Smart Key และจะปิดเองอัตโนมัติเพียงเดินออกห่างจากตัวรถ
  • ระบบ One-Touch Remote ที่จะช่วยให้คุณขึ้น-ลงและขนสัมภาระได้ง่ายขึ้น เพียงแค่กดปุ่มที่กุญแจอัจฉริยะ Smart Key ค้างเอาไว้ ประตูสไลด์ทั้งสองบานและประตูท้ายจะเปิดพร้อมกัน
  • ซันรูฟคู่ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง (Dual Sunroof)*
  • ระบบทำความอุ่นและความเย็นของเบาะนั่งคู่หน้า (Heated and Ventilated Seats)*
  • ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง 2 ตำแหน่ง (Integrated Memory Seats)*

 

ระบบความปลอดภัย

  • ถุงลมนิรภัยรอบคัน รวม 7 จุด: คู่หน้า ด้านข้างเบาะคู่หน้า บริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ ม่านนิรภัยรอบคัน
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเบรก (BAS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) และระบบช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC)
  • ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง Parking Distance Warning (PDW)
  • กล้องมองหลัง (Rear-view Monitor)
  • กล้องรอบคัน Surround View Monitor (SVM)
  • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor)

 ระบบความปลอดภัย (ต่อ)

  • เทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยอัจฉริยะ DRIVE WiSETM – Advanced Driver Assistance System (ADAS)ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Smart Cruise Control (SCC)*
    • ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision-Avoidance Assist (FCA)*
    • ระบบเตือนมุมอับที่กระจกมองข้าง Blind-Spot Collision-Avoidance Assist (BCA)*
    • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ Blind-Spot View Monitor (BVM)*
    • ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะถอยรถ Rear-Cross Traffic Collision Avoidance Assist (RCCA) *
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist (LKA) และ Lane Following Assist (LFA)*
    • ระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist (SEA)*
    • ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง Rear Occupant Alert (ROA)*
    • ระบบแจ้งเตือนความเหนื่อยล้าผู้ขับขี่ (DAW) *

ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

Website : http://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
Twitch TV : https://www.twitch.tv/realtimecarmagazine
Blockdit : https://www.blockdit.com/pages/5ed70c2d713f890cbc006f05
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_magazine/
Tiktok : https://vt.tiktok.com/ZSmSrdsB