ปรับ 5,000 บาท ทันที!! ขนส่งฯเตรียมลงดาบแท็กซี่เมินผู้โดยสาร

ปรับ 5,000 บาท ทันที!! ขนส่งฯเตรียมลงดาบแท็กซี่เมินผู้โดยสาร

          ถ้าพูดถึงเรื่องของการเดินทางรถสาธารณะแล้ว แท็กซี่ เป็นอีกตัวเลือกสำหรับหลายคน หากต้องการอาศัยเวลาเร่งรีบ แต่ในช่วงพักหลังมีข่าวในแง่ลบของแท็กซี่เยอะพอสมควร ในขณะที่กฎหมายยังคงไม่เข้มงวดพอ ในวันนี้ ได้มีมาตรการที่เด็ดขาดมากขึ้นในด้านกฎหมายสำหรับแท็กซี่ อย่าเสียเวลา ไปดูกันเลยดีกว่าครับ

                กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า กรมขนส่งฯได้การรวบรวมกฎหมายเพื่อเพิ่มโทษการแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารแบบถาวร โดยรวมร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 รวมเข้าเป็นฉบับเดียวกัน ซึ่งกำหนดบทลงโทษผู้ขับแท็กซี่ที่กระทำผิดปฏิเสธผู้โดยสารตามกฎหมายที่มากขึ้น โดยจะมีบทลงโทษปรับให้หนักจากโทษเดิม หากแท็กซี่ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร จะมีบทลงโทษตาม พ.ร.บ.รถยนต์คือปรับสูงสุด 2,000 บาทแต่กฎหมายใหม่จะเพิ่มบทลงโทษตามกฎหมายขนส่ง พนักงานขับรถโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท และผู้ประกอบการปรับไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อให้เป็นบทลงโทษมาตรฐานเดียวกับรถโดยสารสาธารณะประเภทอื่น สำหรับการรวบรวมกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนั้น อยู่ระหว่างเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณา จึงทำให้บทลงโทษที่เหมาะสมยังไม่ได้รับการพิจารณา และยังไม่ได้นำมาใช้ นอกจากนี้ได้พิจารณาพักใช้ใบอนุญาตขับรถ 15-30 วัน และเข้าอบรมมารยาทการให้บริการไม่ต่ำกว่า 3 ชม. หากทำผิดซ้ำอีก จะลงโทษให้หนักขึ้น เช่น พักใช้ใบขับขี่ 3-6 เดือน รวมทั้งพิจารณาเพิกถอนใบขับขี่ หากทำผิดรูปแบบมิจฉาชีพ และทำร้ายร่างกาย ขณะที่รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่า สถิติการร้องเรียนรถแท็กซี่ผ่านทางสายด่วน 1584 ของกรมการขนส่งทางบก ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561 มีเรื่องร้องเรียนถึง 48,223 เรื่อง ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเรื่องร้องเรียน 5 อันดับแรก คือ การปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร เป็นข้อร้องเรียนมากที่สุด รองลงมาคือ กิริยาไม่สุภาพ, ขับรถประมาท, ไม่กดมิเตอร์ และไม่ส่งผู้โดยสารตามที่ตกลง ซึ่งในประเด็นทั้งหลายนี้ กรมการบนส่งฯจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับค่าโดยสารใหม่ให้แท็กซี่ในอนาคตด้วย

          งานนี้มีหนักแน่ ถ้าปฏิเสธผู้โดยสาร คนขับปรับ 5,000 บาท แต่ผู้ประกอบการโดนปรับ 50,000 บาท ในส่วนของบทลงโทษย่อมแตกต่างกันไปแล้วแต่จำนวนครั้งที่กระทำผิด