-
News Car1 Min Read
อีซูซุเปิดตัว Digital Sound Check ชุดล่าสุด สัมผัสมิติความเร้าใจกับจุดพีคใหม่ของ MU-X “THE NEXT PEAK” ในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ทั่วประเทศ
อีซูซุ ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผู้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์ชั้นนำของไทย เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุดใหม่ล่าสุด “MU-X The Seamless Peak Experience” นำเสนอประสบการณ์ผ่านระบบภาพและเสียงที่ดีที่สุดแห่งโลกภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสความเร้าใจพร้อมก้าวสู่จุดพีคใหม่…ของชีวิตไปกับสุดยอดรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับหรู MU-X “THE NEXT PEAK” โดยมีคุณวิชัย สินอนันพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณโบว์ – เมลดา สุศรี นักแสดงสาวมากความสามารถมาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษร่วมพูดคุย ณ โรงภาพยนตร์ IMAX ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ สามารถรับชมพร้อมกันได้ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป
คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เป็นศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับคนหลากหลายไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน มีเครือข่ายโรงภาพยนตร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เช่นเดียวกับรถอีซูซุที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถชาวไทยได้อย่างครบถ้วนพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานอีซูซุที่มีครอบคลุมทั่วประเทศตามแนวคิด “Isuzu Trusted Buddy อีซูซุเคียงข้างคุณเคียงคู่ไทย” อีซูซุจึงเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จะเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ อีซูซุจึงได้ร่วมมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุดใหม่ล่าสุด “MU-X The Seamless Peak Experience” ถ่ายทอดจากแนวคิด “คนที่สำเร็จ เขาแข่งกับตัวเอง” ต่อยอดเรื่องราวของการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิตอย่างสมจริงของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” ผ่านเทคโนโลยีภาพและเสียงของโรงภาพยนตร์ที่ผสานกับโลกแห่งการขับขี่อย่างไร้รอยต่อ ล่าสุด อีซูซุได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ครบทุกไลน์อัพเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” นี้มาพร้อมกับโช้กอัพใหม่! แบบ STIFF FLEX ที่ออกแบบมาเพื่อลดการสั่นสะเทือนและการโคลงของรถขณะกำลังขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นุ่มนวล มั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง พร้อมลุยแบบก้าวข้ามขีดจำกัดทุกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน”
คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมเจอร์มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีภาพและเสียงให้เหนือระดับอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกครั้งที่ผู้ชมเข้ามาในโรงภาพยนตร์ ได้สัมผัสทั้ง “ภาพ” และ “เสียง” ที่รู้สึกได้จริง การร่วมมือกับอีซูซุในครั้งนี้คือการผสานพลังของภาพยนตร์และยนตรกรรม เพื่อให้คนดูได้เห็นสมรรถนะของ MU-X “THE NEXT PEAK” ผ่านระบบภาพและเสียงระดับโลกของโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ฯ พร้อมให้รับชมแล้ว 159 สาขา 254 โรงทั่วประเทศ ตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป”
นอกจากนี้ ในงานยังมีแขกรับเชิญพิเศษ “โบว์-เมลดา สุศรี” มาร่วมสร้างสีสัน ซึ่งพิธีกรหนุ่ม แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ ได้พูดคุยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การใช้รถของดาราสาวและความรู้สึกหลังจากได้รับชมภาพยนตร์ Digital Sound Check ล่าสุด “สิ่งที่โบว์รู้สึกได้อย่างชัดเจนจากภาพยนตร์ Digital Sound Check คือความ Seamless ของภาพและเสียง ทุกอย่างลื่นไหล เท่ และทรงพลัง เหมือนกำลังพาเราขึ้นสู่จุดพีคของตัวเองแบบไร้สิ่งมาขวาง ซึ่งถ่ายทอดคอนเซปต์ของ MU-X “THE NEXT PEAK” ได้อย่างโดดเด่น ทำให้โบว์อินกับแนวคิดการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองมากยิ่งขึ้น”
ร่วมสัมผัสสมรรถนะเหนือระดับของรถอเนกประสงค์ระดับหรู MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ที่พร้อมโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ด้วยนวัตกรรมภาพและเสียงที่ดีที่สุดแห่งโลกภาพยนตร์ ในภาพยนตร์โฆษณา Digital Sound Check ชุด “MU-X The Seamless Peak Experience” ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ผ่านโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขาทั่วประเทศ ติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com และ LINE Official : @isuzuthai
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า คว้า 2 รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์ และสวัสดิการแรงงาน พร้อมรางวัลความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ระดับประเทศ จากกระทรวงแรงงานประจำปี 2568
บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด คว้าสองรางวัลเกียรติยศระดับประเทศ โดยได้รับ “รางวัลเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ระดับประเทศ (Thailand Safety Award) ประจำปี 2568” อันเป็นผลจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องด้านมาตรฐานความปลอดภัยในสถานประกอบการ อีกทั้งยังได้รับ “รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2568” ตอกย้ำมาตรฐานความปลอดภัยและแรงงานสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
การได้รับสองรางวัลในปีเดียวกัน สะท้อนถึงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของไทยฮอนด้า ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย มั่นคง และใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน รางวัล Thailand Safety Award ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของไทยฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพ ผ่านเกณฑ์การพิจารณาที่เข้มงวด ทั้งในด้านสถิติอุบัติเหตุที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปี โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงที่นำไปสู่การเสียชีวิต พิการ หรือทุพพลภาพ รวมถึงไม่พบความผิดปกติในกระบวนการทำงานที่ต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม
ส่วนรางวัล สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน มอบให้แก่สถานประกอบการที่มีระบบบริหารจัดการแรงงานที่ดีตามหลักแรงงานสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับพนักงานอย่างสร้างสรรค์ ส่งผลให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้ไทยฮอนด้าสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคง
ไทยฮอนด้า ขอขอบคุณพนักงานทุกท่านที่ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และทำให้ไทยฮอนด้าเป็นองค์กรที่น่าอยู่ ไทยฮอนด้ายืนยันจะรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยและแรงงานสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ พร้อมดำเนินนโยบายส่งเสริมความปลอดภัยต่อสังคมและชุมชนโดยรอบ สะท้อน
พันธกิจขององค์กรในการเติบโตไปพร้อมกับสังคมไทยอย่างมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืนติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
-
News Motocycle1 Min Read
“ก้อง-สมเกียรติ” ฮีโร่นักบิดไทยโมเดลต้นแบบ วงการสองล้อไทยในเวทีโลก เตรียมพร้อมความท้าทายใหม่จาก “โมโตจีพี” สู่ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์”
“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เติบโตภายใต้โครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ของ “ไทยฮอนด้า” ที่ประกาศชัดเจนแน่วแน่ในปี 2018 ว่าจะพานักบิดไทยก้าวสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของโลกสำหรับการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบในปี 2025
นักบิดหนุ่มจากชลบุรีสร้างผลงานอย่างโดดเด่นในเวที “โร้ด ทู โมโตจีพี” ของ “ดอร์น่าสปอร์ต” ที่เฟ้นหาเพชรเม็ดงามจากเอเชียเพื่อก้าวเข้าสู่การแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อย่าง “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” และสามารถคว้าแชมป์ประจำปีได้ในปี 2016
ก่อนจะได้รับการโปรโมตขึ้นสู่การแข่งขันดาวรุ่งชิงแชมป์โลกอย่าง ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2017-2018 ซึ่งเป็น 2 ปีล้ำค่าให้เจ้าตัวได้บ่มเพาะฝีมืออย่างเต็มที่
ปีนั้นเอง “ก้อง-สมเกียรติ” ได้รับโอกาสทองให้ได้พิสูจน์ฝีมือใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ครั้งแรกของชีวิต ซึ่งมีขึ้นในเมืองไทย และเป็นการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรกในผืนแผ่นดินไทย ในปี 2018 ด้วยสิทธิไวด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมผลงานคว้าอันดับ 9 ใน โมโตทรี ครั้งนั้นต่อหน้าแฟนความเร็วในบ้านเกิด
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาในเส้นทางอาชีพ “นักบิดเวิลด์กรังด์ปรีซ์” อย่างแท้จริง
ปี 2019 “ก้อง-สมเกียรติ” ได้รับการยืนยันจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ก้าวกระโดดขึ้นสู่การแข่งขันในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ
นับจากนั้น… นักบิดขวัญใจชาวไทยมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก และยกระดับผลงานของตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถปลดล็อคคว้าชัยชนะครั้งแรกของชีวิตได้สำเร็จ ในศึก อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ 2022 สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งรถชาวไทยคนแรกที่คว้าชัยชนะใน “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์”
ในปีนั้น นักบิดชาวไทยระเบิดฟอร์มสุดยอดจนได้รับการจับตามองจากทั่วโลก เขาคว้าโพเดียมมาได้ถึง 4 ครั้ง จากการคว้าชัยชนะที่ อินโดนีเซีย, อันดับ 2 ที่ เทอร์มา เดอ ริโอ ฮอนโด้ ประเทศ อาร์เจนติน่า, อันดับ 3 ที่ เลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส และอันดับ 2 ที่ เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ก่อนจะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 10 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ เก็บไปทั้งสิ้น 128 คะแนน
“ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับขึ้นในปี 2023 ด้วยการรั้งอันดับ 6 ของโลกเมื่อจบฤดูกาล เก็บมาได้ทั้งสิ้น 173.5 คะแนน ผลงานโดดเด่นที่สุดคือการคว้าชัยชนะแบบ “เพอร์เฟ็คต์ วีคเอนด์” ในศึก เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ ด้วยการรั้งอันดับ 1 ทุกช่วงที่ลงสนาม, คว้าโพลโพซิชั่น, นำทุกรอบของการแข่งขัน, เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก และสร้างสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดตลอดกาลในรุ่น โมโตทู จากรอบควอลิฟาย รวมถึงครองสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในการแข่งขันที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
ผลงานดังกล่าวสร้างแรงบันดาลใจมากมายให้กับนักแข่งระดับเยาวชน ผู้ปกครองหลายคนวางเส้นทางให้บุตรหลานมุ่งมั่นสู่การแข่งขันระดับอาชีพ และที่สำคัญทุกครั้งที่มีการแข่งขัน โมโตจีพี ในเมืองไทย ก็สร้างปรากฏการณ์สนามแตก จากความนิยมที่มีต่อตัวเขาเช่นกัน
ซึ่งในปี 2023 “ก้อง-สมเกียรติ” บันทึกประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรก ที่ขึ้นโพเดียมระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ในบ้านเกิด
ในปี 2024 “ก้อง-สมเกียรติ” ได้รับการจับตาอย่างมากในฐานะดาวรุ่งที่โดดเด่น เขาปรับสไตล์การบิดให้มีความคงที่มากขึ้น และการทำงานร่วมกับทีมอย่างเข้มข้นในแง่การเว็ตอัพรถแข่ง
“ก้อง-สมเกียรติ” จารึกประวัติศาสตร์ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอีกครั้ง ด้วยการเป็นนักบิดไทยคนแรกที่ขยับขึ้นสู่การแข่งขัน โมโตจีพี ฤดูกาล 2025 ร่วมกับสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ในรุ่น “พรีเมียร์คลาส” ซึ่งเป็นคลาสสูงสุดของโลก
เส้นทางสุดท้าทายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะนี่คือ “โมโตจีพี” เวทีที่หินที่สุดของโลก การแข่งขันที่รวมนักบิดที่เก่งที่สุดของโลกเอาไว้ 22 คน
“ก้อง-สมเกียรติ” ต้องลงแข่งในสนามเดียวกันกับสุดยอดแชมป์โลกอย่าง มาร์ค มาร์เกซ, ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า, ฮอร์เก มาร์ติน, โจอัน เมียร์ และอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของโลกทั้งนั้น ซึ่งตลอด 5 สนามแรกใน โมโตจีพี “ก้อง-สมเกียรติ” โดนอาการบาดเจ็บประจำตัวนักบิดอย่าง “อาร์มปั๊มป์” รบกวน ก่อนจะต้องเข้ารับผ่าตัดเพื่อรักษาให้หายขาด
ในที่สุดแต้มแรกที่รอคอยก็มาถึง “ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับผลงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะบิดเข้าป้ายอันดับ 15 ในศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ คว้าแต้มแรกในประวัติศาสตร์ให้กับชาวไทยได้สำเร็จ
ทว่านักบิดไทยกลับโชคร้ายอีกครั้ง ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่เอ็นเข่าขวา จากการทุ่มเทซ้อมหนัก พลาดล้มขณะฝึกซ้อมรถแข่งโมโตครอส ส่งผลให้ไม่สามารถลงแข่งได้ถึง 4 สนามติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับหายกลับสู่สนามได้อีกครั้งช่วง 8 สนามสุดท้าย “ก้อง-สมเกียรติ” ยกระดับผลงานของตัวเองได้ทีละขั้น ทำเวลาต่อรอบขยับเข้าหากลุ่มได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ก่อนจะกลับคว้าแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าอันดับ 15 ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี, ต่อด้วยอันดับ 15 ในประเทศญี่ปุ่น และ อันดับ 13 ที่ อินโดนีเซีย จากนั้นก็มาคว้าอันดับ 15 ให้ตัวเองที่ มาเลเซีย
จบฤดูกาลแรกในฐานะรุกกี้ “ก้อง-สมเกียรติ” ฝากผลงานด้วยการคว้า 7 แต้มมาฝากชาวไทย นี่คือแต้มแห่งความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ แม้จะได้รับโอกาสเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
ทว่าเส้นทางของ “ก้อง-สมเกียรติ” ในการแข่งขันระดับโลกยังไม่จบลง เขายังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
โดยในฤดูกาล 2026 “ก้อง-สมเกียรติ” ยังคงได้รับความไว้วางใจจาก ฮอนด้า ด้วยการดึงเข้าร่วมทีมโรงงานเพื่อลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ กับสังกัด ฮอนด้า เอชอาร์ซี
โครงการนี้ของ ฮอนด้า มีความสำคัญอย่างมาก เพราะนี่คือการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของรถแข่ง Honda CBR1000 RR-R ในเวทีสูงสุดของโลก
ที่ผ่านมา ฮอนด้า ทุ่มเทอย่างหนักกับโปรเจ็กต์นี้ แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวสู่ชัยชนะได้ ฉะนั้น “ก้อง-สมเกียรติ” และว่าที่ทีมเมทอย่าง เจค ดิ๊กสัน จึงกลายเป็นความหวังใหม่ของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในทีม เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยการเปลี่ยนทีมบริหารชุดใหญ่ รวมถึงทีมทดสอบที่ดึงตัวแชมป์โลก 6 สมัยอย่าง โจนาธาน เรีย เข้ามาเป็นนักบิดทดสอบของทีม
นี่คือการส่งสัญญาณว่า ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะทวงความสำเร็จใน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ ให้ได้ และ “ก้อง-สมเกียรติ” ก็คือหนึ่งใน “คีย์แมน” ของพวกเขา
แม้เส้นทางของ “ก้อง-สมเกียรติ” กับ โมโตจีพี จะสิ้นสุดลงในปี 2025 แต่การเดินทางของเขาในเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลกยังไม่สิ้นสุด
เราจะได้เห็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ลงแข่งขันในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาล และที่สำคัญคือการได้ร่วมสังกัดทีมโรงงานของ “ฮอนด้า เอชอาร์ซี” ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทีมใด
ฉะนั้น นี่คือความหวังใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ที่มี “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เป็นผู้ขีดเขียนบนหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง
โดยในวันที่ 26-27 พฤศจิกายนนี้ คู่หูไลน์อัพนักบิดคู่ใหม่ของทีม ฮอนด้า เอชอาร์ซี (Honda HRC) อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทย และ เจค ดิ๊กสัน ทีมเมทชาวอังกฤษ จะเข้าร่วมการทดสอบกับทีมเป็นครั้งแรกในฐานะ ทีมโรงงาน ในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ ประเทศสเปน
“ก้อง-สมเกียรติ” และ ดิ๊กสัน จะร่วมงานในฐานะทีมเมทเป็นครั้งแรก หลังจากที่ดวลกันใน โมโตทู กว่า 6 ปี ซึ่งทั้งคู่ถือว่ามีความคุ้นเคยกันดีในฐานะเพื่อนร่วมสนาม
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #SC35 #Kong
#WSBK #WorldSBK2026 #WSBK2026
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Car2 Min Read
โตโยต้าแนะนำ YARIS CROSS NIGHTSHADE SHADE TO SHINE สไตล์สปอร์ต พรีเมียม ไม่ซ้ำใคร
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขนาดเล็กยอดนิยมรุ่นพิเศษ กับ YARIS CROSS NIGHTSHADE โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครด้วยการตกแต่งรอบคันที่เสริมความสปอร์ตอย่างลงตัว มากับสีภายนอก Cement Grey Metallic (ใหม่) และ Platinum White Pearl ทั้งคู่มาพร้อมหลังคาแบบดำทูโทน ภายในสีดำที่มอบความรู้สึกสปอร์ตพรีเมียมดึงดูดทุกสายตา รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เทคโนโลยีเชื่อมต่อล้ำสมัย และฟังก์ชันความปลอดภัยที่ครบครัน
YARIS CROSS มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.5 ลิตร แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน (Li-ion) และเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ 3 แบบ คือ POWER/ NORMAL/ ECO ให้อัตราเร่งดี ห้องโดยสารเงียบ และมีอัตราการใช้น้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ด้วยระบบ Toyota Hybrid ที่สร้างชื่อเสียง และความไว้วางใจในประเทศไทย มายาวนานกว่า 15 ปี ภายใต้คอนเซปต์ “Toyota Trusted Hybrid” ด้วยการเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฮบริดเจ้าแรกในตลาดประเทศไทย การันตีด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่เปิดตัวกว่า 73,209 คัน (ข้อมูลตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 – เดือนตุลาคม พ.ศ. 2568) และยอดขายสูงสุดอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ เครื่องยนต์ไฮบริด ปีพ.ศ. 2568 กว่า 29,187 คัน (ข้อมูลยอดขายเดือนมกราคม – เดือนตุลาคม พ.ศ. 2568)
สำหรับ YARIS CROSS NIGHTSHADE มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Metro Stylish ล้ออัลลอยปัดเงาสีดำ 18 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำ และแพ็คเกจตกแต่งรอบคันสีดำ ได้แก่ ชุดตกแต่งบริเวณด้านล่าง (กันชนหน้า- หลัง และด้านข้าง), ชุดตกแต่งไฟตัดหมอกหน้า, คิ้วกระโปรงท้าย และคิ้วขอบหน้าต่างสีโครเมียมรมดำ มาพร้อม 2 สีภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ Cement Gray Metallic (ใหม่) และ Platinum White Pearl ที่มาพร้อมกับหลังคาแบบดำทูโทน ภายในสีดำเพิ่มความโดดเด่นให้สปอร์ต พรีเมียม ไม่ซ้ำใคร ยังคงความเหนือระดับด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัย หลังคา Panoramic แบบ Fixed Type พร้อมม่านปรับไฟฟ้า, ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อม Kick Activated, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย และหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย อีกทั้งอุ่นใจกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครันด้วยระบบ Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ตลอดการเดินทาง
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “การแนะนำรถรุ่นพิเศษ YARIS CROSS NIGHTSHADE ภายใต้แนวคิดในการสื่อสาร SHADE TO SHINE ให้ความโดดเด่นขับเคลื่อนเรา ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่มองหารถที่มีดีไซน์สะท้อนอารมณ์สไตล์สปอร์ตที่มีความเป็นตัวเอง ด้วยการตกแต่งพิเศษที่โดดเด่นสะดุดตาและสีภายนอกใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังคงไว้ซึ่งจุดเด่นของยนตรกรรมไฮบริด ภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทันสมัยที่หลากหลายและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
โดยรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นของโตโยต้า มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรีไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ทั้งยังมอบความสบายใจตลอดการใช้งาน ด้วยบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมช่างผู้ชำนาญการด้านระบบไฮบริดของ Toyota ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า ที่มีมากกว่า 8,000 คน รวมถึงอุปกรณ์การซ่อมที่ได้มาตรฐาน นอกจากนั้น ยังมีความพร้อมด้านอะไหล่ กับระบบการจัดเตรียมชิ้นส่วนไว้รองรับนานกว่า 15 ปี และสามารถจัดส่งได้ภายใน 48 ชั่วโมง จากเครือข่ายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน และครบวงจรกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ”
นอกจากนี้ YARIS CROSS NIGHTSHADE ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี T-Connect ที่จะคอยดูแลผู้ขับขี่ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระบบต่างๆ เช่น Find My Car บริการเช็กตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ TheftTrack บริการตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม SOS บริการประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง Geo-Fencing บริการกำหนดขอบเขตความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีบริการที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Telematics อาทิ Maintenance Reminder บริการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้าศูนย์บริการ Vehicle Information บริการข้อมูลรถและการขับขี่แบบรอบด้าน PHYD ประกันภัย ขับดี ลดให้ และบริการด้านไลฟ์สไตล์ทั้ง Concierge Services บริการผู้ช่วยส่วนตัว และ TOYOTA ALIVE-X โปรแกรมสะสมคะแนน The 1 แลกเป็นส่วนลดสำหรับใช้บริการศูนย์โตโยต้า และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล
YARIS CROSS NIGHTSHADE: SHADE TO SHINE
การออกแบบภายนอก
- ใหม่! กระจังหน้าแบบ Metro Stylish
- ใหม่! ล้ออัลลอยปัดเงาสีดำ 18 นิ้ว
- ใหม่! กระจกมองข้างสีดำ
- ใหม่! ชุดตกแต่งบริเวณด้านล่างสีดำ (กันชนหน้า-หลัง และด้านข้าง)
- ใหม่! ชุดตกแต่งไฟตัดหมอกหน้าสีดำ
- ใหม่! คิ้วกระโปรงท้ายสีดำ
- ใหม่! คิ้วขอบหน้าต่างสีโครเมียมรมดำ
การออกแบบภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
- หลังคา Panoramic แบบ Fixed Type พร้อมม่านปรับไฟฟ้า
- ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อม Kick Activated
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย
- หน้าจอสัมผัสขนาด 1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
- เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (ABH)
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ความจุ 452 ลิตร
ระบบความปลอดภัย
- กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor)
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS (Pre-Collision System)
- ระบบเตือนเมื่ออกนอกเลน LDA (Lane Departure Alert) พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ
- ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน LKC (Lane Keeping Control)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Auto High Beam)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว FDA (Front Departure Alert)
- ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี Pedal Misoperation Control
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) แบบ All-Speed
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยจอด RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
สีภายนอกแบบ Two-Tone
- ใหม่! สีเทา พร้อมหลังคาดำ Cement Gray Metallic with Black Roof
- สีขาวมุก พร้อมหลังคาดำ Platinum White Pearl with Black Roof
สีภายใน
- สีดำ Black
ราคา 919,000 บาท
รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี
ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด และพบความคุ้มค่าตลอดอายุการใช้งานจากโปรแกรม TCFR Plus+
- ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และ 8 ปี หรือ 225,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) สำหรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
- ส่วนลดค่าอะไหล่และเคมีภัณฑ์งานเช็กระยะสูงสุด 15%
- คะแนนสะสม ALIVE-X เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่ศูนย์บริการโตโยต้า 5 เท่า
ทางเลือกการเป็นเจ้าของรูปแบบใหม่ KINTO
มีรถใช้ แบบไม่ต้องซื้อ บริการให้เช่ารถยนต์ระยะยาวจากโตโยต้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตการขับขี่สะดวกสบายและง่ายดายยิ่งขึ้น จ่ายราคาเดียวเท่ากันทุกเดือน เป็นเจ้าของ YARIS CROSS NIGHTSHADE ได้แล้ววันนี้ พร้อมบริการครบวงจร ประกันภัยชั้น 1 การบำรุงรักษา ต่อ พรบ. ภาษี ให้ตลอดอายุสัญญา หมดสัญญาก็สามารถเลือกเป็นเจ้าของต่อได้
รับข้อเสนอพิเศษสูงสุด! [24 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2568]
- ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น55% (ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน) เฉพาะโตโยต้าลิสซิ่ง
- ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,539 บาท (สำหรับงวดที่ 1 – 83 คำนวนจากรถยาริส ครอส รุ่น Nightshade ราคา 919,000 บาท โดยโปรแกรมสบายดีของ โตโยต้าลีสซิ่ง ที่ดาวน์ 30% ดอกเบี้ย 69% และค่าวงดที่ 84 เท่ากับ 20% ของราคามาตราฐาน)
พร้อมลุ้นรับสูงสุด 3 ต่อ จากกิจกรรม “TOYOTA อาริกาโตะ โปรแจกใหญ่จัดเต็ม”*
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.toyota.co.th/yearend2025
(เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)
สอบถามรายละเอียด ทดลองขับ และจอง NEW Yaris Cross Nightshade
ได้ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ พร้อมพบกับกิจกรรมต่างๆ ได้ดังนี้
- วันที่ 29 พ.ย. 2568 – 10 ธ.ค. 2568: มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 Thailand International Motor Expo 2025 ณ Impact Challenger 1-3 เมืองทองธานี
- วันที่ 12 – 14 ธ.ค. 2568: กิจกรรม ณ โชว์รูมโตโยต้า (เฉพาะโชว์รูมที่ร่วมรายการ)
จองทดลองขับ Yaris Cross และรถรุ่นอื่นๆ บนสนามทดสอบเต็มรูปแบบได้ที่
https://www.toyota.co.th/alive/testdrive-reservation
ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.toyota.co.th/ Facebook: Toyota Motor Thailand LINE Official: @ToyotaThailand TikTok: @ToyotaMotorTH
X: @ToyotaMotorTH Instagram: @toyotamotorthailandofficial
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle1 Min Read
Nexzter BRIC Superbike 2025 ปิดฉากเรซสุดท้ายยิ่งใหญ่ “ธนัช” เข้าวินส่งท้าย “อภิวัฒน์-นธีธาร-ต่อศักดิ์” คว้าแชมป์ประจำปี
ศึกซูเปอร์ไบค์มาตรฐานโลก “เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025” รูดม่านปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยเกมการลุ้นแชมป์สุดมันส์ทุกรุ่นในเรซสุดท้าย โดย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว นักบิดดาวรุ่งจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส เข้าวินส่งท้ายปี ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ผงาดแชมป์ประจำปีรุ่นใหญ่ ด้าน นธีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ทีม คว้าชัย ซูเปอร์สต็อกพร้อมครองแชมป์ประจำปี ส่วน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นที พีทีที ลูบริแคนท์ส ครองบัลลังก์ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2025 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซสุดท้ายของปี วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การติดตามของแฟนมอเตอร์สปอร์ตกับการลุ้นแชมป์ประจำปีของทุกรุ่น
รุ่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม แม้ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดจอมเก๋าจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม จะคว้าแชมป์ประเทศไทยไปครองได้สำเร็จ หลังซิวชัยชนะในเรซที่ 1 ไปครองแล้วก็ตาม
ในเรซที่ 2 นักบิดดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ทะยานออกนำตั้งแต่ต้นเรซ ก่อนจะบิดคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 19 นาที 25.887 วินาที เหนือ อภิวัฒน์ อันดับ 2 อยู่ 2.239 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ มาร์วิน ฟริตซ์ นักบิดเอ็นดูรานซ์แชมป์โลกชาวเยอรมันจาก บัตเลอร์ การาจ เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 13.430 วินาที ขณะที่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช จาก เรปโซล อาร์-ซีรีส์ ทีม พลาดล้มต้องออกจากการแข่งขันในช่วงต้นเรซ
ส่วนในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เป็นการดวลกันอย่างสนุกของแคนดิเดตลุ้นแชมป์ประจำปีทั้ง 2 คน อย่าง นธีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส และ ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ สิทธิผล ดิเรก ทีม โดยทั้งคู่ต่อสู้กันตั้งแต่ต้นเรซจนครบ 12 รอบสนาม
ผลปรากฏว่า นธีธาร แซงขึ้นนำและคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 20 นาที 11.597 วินาที เฉือน ตะวัน อันดับ 2 เพียง 0.401 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของ ณัฐวุฒิ คำหอม จาก ไบค์ สตอรี พีทีที ลูบริแคนท์ส ยามาฮ่า เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.784 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ตกเป็นของ นธีธาร ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาล เก็บไปได้มากถึง 116 คะแนน
ด้าน “โอม” ภวัต จิตต์สว่างดี พระเอกวัยรุ่นชื่อดัง ที่ลงแข่งขัน ภายใต้สังกัด ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่เพิ่งคว้าโพเดียมแรกในชีวิตจากเรซแรกในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 (ST3) มีลุ้นคว้าชัยชนะเต็มตัว หลังเริ่มเกมได้ดี เกิดพลาดล้มในช่วงต้นเรซ แต่ยังใจสู้ลุกขึ้นมาบิดจนจบเรซ ส่วนผู้ชนะในรุ่นนี้ได้แก่ ประวุฒิ สุขสากล
ขณะที่เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เรซสุดท้ายเป็นการไล่บดกันอย่างสุดมันส์ของ 3 นักบิดในกลุ่มหน้า ก่อนที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส จะปลดล็อคคว้าชัยชนะให้ตัวเองได้สำเร็จด้วยเวลา 20 นาที 23.628 วินาที เฉือน ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นที พีทีที ลูบริแคนท์ส อันดับ 2 เพียง 0.512 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ ดาวรุ่งจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.412 วินาที โดยแชมป์ประจำปีตกเป็นของ ต่อศักดิ์ มีทั้งสิ้น 106 คะแนน
เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี ชิงชัยกัน 10 รอบสนาม ชัยชนะเรซสุดท้ายตกเป็นของ “เอิร์ธ” ธุรกิจ บัวผา นักบิดดาวรุ่งจาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ที่ออกตัวได้ดีก่อนบิดนำม้วนเดียวจบด้วยเวลา 19 นาที 2.994 วินาที โดยมี ชนะชัย บุญงาม จาก กิกะไบค์ เรซซิ่ง สเปเชียล พาร์ทส์ ซีวาย มอเตอร์สปอร์ต ไฮ-สปีด สุรินทร์ ทีม เป็นอันดับ 2 ตามหลัง 0.765 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ “เชลล์” ศักดิ์ชัย คงดวงดี จาก ไออาร์ซี ดีไอดี สมาร์ทสปอร์ต สนองไซเคิลเรซ ตามหลัง 2.200 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้้เป็นของ ธุรกิจ บัวผา ซึ่งเก็บ 90 แต้มเท่ากันกับ “เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง จาก สปีด800 แต่มีผลงาน “เฮดทูเฮด” ที่เหนือกว่า
สำหรับรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ชัยชนะเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดย หนี่ เถียน นักบิดชาวจีนจาก ศักดิ์สิริ เรซซิ่ง ทีม บุรีรัมย์ เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 13 นาที 15.357 วินาที เฉือน จื่อ จ้าว ทีมเมทชาวจีนเพียง 0.048 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ทัสมาย คาเรียปป้า นักบิดอินเดียจาก เน็กซเตอร์ ลิควิ โมลี ยามาฮ่า โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง ตามหลัง 0.354 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ได้แก่ ทัสมาย ซึ่งเก็บไปทั้งสิ้น 77 คะแนน
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของ เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ที่บรรจุการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ 2 ชั่วโมงรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอ็นดูรานซ์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสุดสัปดาห์ โดยมีนักแข่ง-ทีมแข่งทั้งไทยและต่างชาติ ตอบรับเข้าร่วมมากมาย
ผลปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ รถแข่ง หมายเลข 11 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส จากผลงานของ 3 นักบิดอย่าง ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล, ภัทรพงศ์ วัชรอยู่ และ ธนาธิป เลิศธนากร เข้าป้ายเป็นคันแรกหลังผ่าน 2 ชั่วโมงเต็ม โดยมีรถแข่งหมายเลข 12 ซึ่งขับโดย พุฒินัฐ สินทรัพย์, พฤฒิพงศ์ ทรัพย์เจริญ และ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล จากทีมเดียวกัน ตามเข้าป้ายเป็นอันดับ 2 ตามหลัง 1 นาที 31.413 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ นักบิดรัสเซียอย่าง โทมัส ลอทาร์ด, อเล็กซานเดอร์ คลีเยฟ และ เซอร์เก โปรโครอฟ ในรถแข่งหมายเลข 47 จาก ทีซี เรซซิ่ง ตามหลัง 1 นาที 48.692 วินาที
ทั้งนี้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฝ่ายจัดการแข่งขัน เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ ประกาศอย่างเป็นทางการ เดินหน้าสร้างสรรค์ความมันส์ต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนานักแข่งไทย และทีมแข่งไทยเพื่อก้าวสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง
-
News Motocycle1 Min Read
ฮอนด้าปิดฤดูกาลสุดเดือด! กวาดวินเนอร์ 2 รุ่นท็อป สะเทือนศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025
ดาวรุ่งนักบิดไทยพร้อมด้วย Honda CBR Series จากแซทเทิลไลท์ทีมฮอนด้า กวาดวินเนอร์จากการแข่งขัน 2 รุ่นท็อปสุดของรายการ จากผลงานอันดับที่ 1 ในรุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) ของ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” และชัยชนะที่สุดสำคัญในการยืนยันพัฒนาการของ “มิกซ์-ธนัช” ในรุ่นใหญ่สุดแรงสุดของรายการอย่างรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro) ระเบิดผลงานในการแข่งขัน ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามที่ 4 สนามสุดท้ายของฤดูกาล เรซที่ 2 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568
รุ่นซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (SB1 Pro”มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส บิด Honda CBR1000RR-R เริ่มต้นการแข่งขันจากกริดที่ 2 ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มร้อย เปิดคันเร่งขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนำทันที พร้อมกับควงคู่แข่งยืดระยะออกมาดวลความเร็วกันเดี่ยว ๆ ที่หัวแถว ซึ่งเจ้ามิกซ์ยกระดับพัฒนาการในการแข่งขันอีกขั้น ปักหลักต่อสู้กับคู่แข่งที่มีประสบการณ์มากกว่าได้อย่างยอดเยี่ยม แลกความเร็วและเสียบแซงกันจังหวะต่อจังหวะโค้งต่อโค้งก่อนที่ 3 รอบสุดท้าย “มิกซ์-ธนัช” จะเริ่มยืดระยะออกมา และซิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 คว้าวินเนอร์รุ่นใหญ่สุดไปครองได้อย่างเหนือชั้น
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1 Pro) นำโดย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม คริสมาส ออกจากกริดที่ 3 “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 ควบ Honda CBR600RR จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส ฮอนด้า ทีม ที่สตาร์ทจากกริดที่ 2 ขึ้นมาช่วงชิงอันดับผู้นำทันที โดยมีคู่แข่งที่เกาะตามมาเพื่อหาจังหวะในการต่อสู้ไม่ห่าง
การแข่งขันเรซที่ 2 ซึ่งมีอุณหภูมิที่ร้อนมากกว่าเรซแรก เป็นอีกท้าทายของสองดาวรุ่งฮอนด้า ที่ต้องบริหารจัดการการแข่งขันได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะถูกคู่แข่งขึ้นมากดดันช่วงชิงอันดับ แต่ก็สามารถรีดความเร็ว Honda CBR600RR แซงกลับมาได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งเป็น “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ที่เริ่มยืดระยะออกมาในช่วงท้ายเรซ บิดเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 คว้าชัยชนะไปครอง และเป็นการปลดล็อกเก็บวินเนอร์แรกของเจ้าตัวในซีซั่นนี้ด้วย ทางด้านของ “ไฮเปค-กฤษฎา” พยายามอย่างมากที่จะดวลกับคู่แข่งเพื่อขึ้นมาลุ้นชัยชนะเช่นกัน เสียจังหวะในช่วงท้ายเรซพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนลุยต่อคว้าโพเดียมอันดับที่ 3
รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 250 ซีซี (SS1) 2 ดาวรุ่ง จาก โปร ฮอนด้า สิทธิพล ไออาร์ซี ดีไอดี ซีบี อาชิ กิตติ เรซซิ่ง บิด Honda CBR250RR “เฟรม” ภูริทัต จันจาด หมายเลข 98 เริ่มต้นการแข่งขันจากกริดที่ 16 ฝ่าบททดสอบเกมยาก เข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 18 และ “ต้นกล้า” ภคภัคร พึ่งเจริญ หมายเลข 78 จากกริดที่ 17 บิดเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 21
ฮอนด้ามุ่งมั่นในการพัฒนานักแข่งไทยและวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยรายการ NEXZTER BRIC Superbike 2025 ได้มอบโอกาสให้กับแซทเทิลไลท์ทีมฮอนด้า เรียนรู้ประสบการณ์จากสนามแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพไปพร้อม ๆ กับยอดนักบิดในตำนานของประเทศไทยจากการทำงานและแข่งขันร่วมกัน และเพิ่มประสบการณ์ให้กับทีมแม็คคานิกซ์ไทยและยกระดับศักยภาพการทำงานของทีมแข่งไทย สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดการแข่งขันทั้ง 4 สนาม คว้าโพเดียมและชัยชนะ พร้อมทั้งโชว์ศักยภาพและยกระดับพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #BRICSuperBike2025 #NexzterBRICSuperBike2025 #HondaCBR #Mix31 #Kaowkong20 #HiPeck18 #ChangInternationalCircuit
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News Motocycle2 Min Read
คาวาซากิจัดกิจกรรมใหญ่ Kawasaki Expo 2025 ส่งท้ายปลายปี เอาใจสาวกค่ายเขียว พร้อมเซอร์ไพรส์ในงานเปิดตัวรถใหม่ ปิดท้ายด้วยปาร์ตี้สุด
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน Kawasaki Expo 2025 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ สนาม Impact Speed Park ตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น.! โดยภายในงานนี้ คาวาซากินำรถจักรยานยนต์ครบทุกสายพันธุ์ พร้อมรถ ATV มาจัดแสดง และทดสอบขับขี่กันอย่างอย่างครบขบวนทัพจัดเต็ม โดยไม่พลาดกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถภายในงานเท่านั้น
พร้อมด้วยเซอร์ไพรส์เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด Z900 และการกลับมาของ Z900 RS กับราคาใหม่และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับช่วงเปิดตัว แถมด้วยการประกาศราคาใหม่ยกแผงในตระกูลคลาสสิคอย่าง W และ Meguro เพื่อตอบรับกระแสรถคลาสสิคที่กำลังมาแรงในขณะนี้
นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจเช็ครถเบื้องต้นฟรีโดยทีมช่างมืออาชีพจากคาวาซากิ การจับรางวัล ของที่ระลึกสุดพิเศษ การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากคาวาซากิและพันธมิตรแบรนด์ดังอย่างมากมายตลอดทั้งวัน
ปิดท้ายความพิเศษด้วยปาร์ตี้ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคาวาซากิ ท่ามกลางบรรยากาศชิลริมทะเลสาบเมืองทองธานี พร้อมดนตรีสุดไพเราะจากวง SCRUBB ที่ขนเพลงดังมากมายมาเอาใจแฟนเพลงชาวคาวาซากิให้ได้ร้องตามกันตลอดการแสดง
Z900 ใหม่ – ซูเปอร์เน็คสไตล์ SUGOMI ที่คมชัดยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและทรงพลังให้กับทุกประสาทสัมผัสยิ่งกว่าเดิม
Z900 เป็นรถ supernaked พิกัด ~900 ซีซี ที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ และออกแบบเพื่อการขี่สนุกทั้งในเมืองและทาง โค้ง ซึ่งผสมผสานพลังความสปอร์ตของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง กับการออกแบบแบบ Sugomi และการควบคุมที่คล่องตัว พร้อมอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์และคุณลักษณะที่ทันสมัย ทรงประสิทธิภาพ
จุดเด่นใน Z900 ใหม่
– เครื่องยนต์ 948 cc
การตอบสนองที่เฉียบคมและนุ่มนวลของเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของ Z900 สอดคล้องกับการควบคุมที่เบาและคล่องตัว ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ การเปลี่ยนเกียร์จากเปิดเป็นปิดที่นุ่มนวลในขณะเดียวกันก็ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและเข้าถึงง่าย ทำให้การควบคุมรถเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เครื่องยนต์สี่สูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาด 948 ซีซี ให้อัตราเร่งที่รวดเร็วและช่วงกลางที่หนักแน่น มอบแรงม้าสูงสุดจนถึงขีดสุด มอบความตื่นเต้นเร้าใจที่คำนวณมาอย่างดี
การส่งกำลังค่อนข้างเป็นเส้นตรง แต่แรงบิดรอบต่ำที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นนั้น ผสานกับความสามารถในการหมุนเร็วตั้งแต่ประมาณ 6,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป การตอบสนองที่นุ่มนวลตั้งแต่รอบกลางถึงสูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
124 PS@ 9,500 rpm
98.6 N.m@ 7,700 rpm
– โครงสร้างเฟรมรถใหม่
ที่มีน้ำหนักเพียง 13.5 ก.ก. เท่านั้น ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมรถได้คล่องแคล่ว เฟรมถักเหล็กกล้าไฮเทนไซล์ทนแรงดึงสูงรูปทรงท่อดูสมส่วนลงตัว
– อัตราทดเกียร์ที่ปรับปรุงใหม่ใหม่
อัตราทดเกียร์ที่ปรับให้เหมาะสมได้รับการจัดเตรียมให้สอดคล้องกับระบบ KQS ใหม่ ควบคู่ไปกับการตั้งค่า FI ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างยิ่งเมื่อใช้ควิกชิฟเตอร์
– คาลิปเปอร์ใหม่ Radial mount
คาลิปเปอร์เบรกแบบเรเดียล 4 ลูกสูบคู่ สั่งการได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มขับขี่หรือผู้ขับขี่มีมีประสบการณ์สูง
– ไฟหน้า-ไฟท้าย LED แบบใหม่ ให้ความดุดันที่มากขึ้น
ด้านหน้าเป็นไฟหน้าแบบ LED สามดวง โดยไฟหน้าด้านบนสองดวงเป็นไฟต่ำ และไฟหน้าด้านล่างดวงเดียวเป็นไฟสูง ด้วยขนาดกะทัดรัด ไฟหน้าใหม่จึงให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่ยอดเยี่ยม
ฝาครอบท้ายได้รับการออกแบบให้สั้นลงและทำให้ไฟท้ายดูเหมือนลอยอยู่ ทำให้อากาศที่เข้าจากด้านหน้าและระบายออกทางด้านหลัง ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่กะทัดรัดและคล่องตัว
– จอ TFT ใหม่ขนาด 5 นิ้ว ใหญ่กว่าเดิม
พร้อมฟังก์ชั่นใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอปรับแสงอัตโนมัติ, เลือกรูปแบบจอแสดงผลที่ชื่นชอบ, แสดงผลค่าการทำงานของระบบต่างๆอย่างครบครัน
– Cruise control
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของคาวาซากิ ช่วยให้สามารถรักษาความเร็วที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดแรงกดที่มือขวาเมื่อเดินทางไกล ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายและมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับสูง
– Power Mode Selection
ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดกำลังเต็มกำลัง (Full Power) หรือกำลังต่ำ (Low Power) เพื่อตั้งค่ากำลังส่งให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพการขับขี่ โหมดกำลังต่ำจะจำกัดกำลังส่งไว้ที่ประมาณ 75% ของกำลังเต็มกำลัง (กำลังที่ลดลงจะแตกต่างกันไปตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) และตำแหน่งคันเร่ง ช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้น)
– Integrated Riding Modes: Sport, Road, Rain, Rider (manual)
โหมดอเนกประสงค์ที่เชื่อมโยง KTRC และ Power Mode ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระบบควบคุมการยึดเกาะถนนและการส่งกำลังได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่* ผู้ขับขี่สามารถเลือกการตั้งค่าได้ 3 แบบ (Sport, Road, Rain) หรือการตั้งค่าแบบแมนนวล (Rider) ในโหมดแมนนวล (Rider) แต่ละระบบสามารถตั้งค่าได้อย่างอิสระ
Sport: ช่วยให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินกับการขับขี่แบบสปอร์ต
Road: ครอบคลุมสถานการณ์หลากหลาย ตั้งแต่การขับขี่ในเมือง การขับขี่บนทางหลวง และถนนชนบท
Rain: มอบความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่เมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนเปียก
– IMU 6 axis
หรือ Inertial Measurement Unit ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตามแนวแกน 6 DOF (Degree of Freedom) ได้วัดความเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุน อัตราการหันเห และอัตราการเหวี่ยง (Pitch, Roll และ Yaw)
– KTRC ช่วยการยึดเกาะถนน
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูงของคาวาซากิ มอบทั้งสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น และความมั่นใจในการบังคับรถบนพื้นผิวถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำได้อย่างมั่นใจ โหมดการขับขี่ที่ผู้ขับขี่เลือกได้ 3 โหมด มอบระดับการยึดเกาะถนนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่และความต้องการของผู้ขับขี่
– KQS ควิกชิพเตอร์ช่วยให้เข้าเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์
ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเร็วช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ เพื่อการเร่งความเร็วที่ราบรื่นและลดความเร็วได้อย่างง่ายดาย
– Kawasaki Cornering Management Function
หรือ KCMF ตรวจสอบพารามิเตอร์ของเครื่องยนต์และแชสซีตลอดโค้ง ตั้งแต่เข้าโค้ง ผ่านจุดสูงสุด ไปจนถึงทางออกโค้ง โดยควบคุมแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเปลี่ยนจากการเร่งความเร็วเป็นการเบรกและกลับมาเป็นปกติเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามเส้นทางที่ตั้งใจไว้ผ่านโค้งได้
– Rideology The App
ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์แบบไร้สาย ซึ่งสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดียิ่งขึ้น
Z900 พร้อมจำหน่ายในประเทศ่ไทย ในสี ดำ-เทา-แดง (Metallic Carbon Gray / Metallic Phantom Silver / Candy Persimmon Red) ด้วยราคาขายปลีกแนะนำ 349,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 15,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน, พรบ.
โปรโมชั่นพิเศษนี้เฉพาะช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2568
Z900RS – TIMELESS Z ความคลาสสิกที่ผสานเทคโนโลยีทันสมัย
Z900RS คือการผสมผสานความคลาสสิกเหนือกาลเวลาจากตำนาน Kawasaki Z1 (900 Super4) เข้ากับเทคโนโลยีและสมรรถนะยุคใหม่ พร้อมกับเพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป ทำให้ขี่สนุกแต่ให้ความรู้สึกคลาสสิก
จุดเด่นใน Z900 ใหม่
- เครื่องยนต์ 948 cc
เช่นเดียวกับ Z1 Z900RS มาพร้อมเครื่องยนต์สี่สูบเรียง ขนาด 948 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีความสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับปี 2026 เครื่องยนต์นี้ใช้วาล์วปีกผีเสื้ออิเล็กทรอนิกส์ และมีการปรับปรุงช่องไอดี โปรไฟล์แคม และการตั้งค่า ECU ข้อเหวี่ยงเบาลง 10% กำลังอัดเพิ่มขึ้น 10.8 à 11.8 การติดตั้งใหม่นี้ให้สมรรถนะที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นที่รอบต่ำ และให้ความแข็งแกร่งและสปอร์ตยิ่งขึ้นในช่วงรอบสูง
117 PS@ 9,300 rpm
99.5 N.m@ 7,700 rpm
ระบบไอเสียได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงเครื่องยนต์สี่สูบเรียง (In-Line Four) ท่อเฮดเดอร์แบบผนังคู่ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบไอเสียดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีเมื่อเวลาผ่านไป การไม่มีท่อเชื่อมต่อหรืออุปกรณ์ไอเสียช่วยให้เส้นสายดูสะอาดตาและต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ท่อเก็บเสียงแบบเมกะโฟนใหม่นี้ให้ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์สปอร์ตย้อนยุคของ Z900RS ท่อเฮดเดอร์, ห้องเครื่อง และท่อเก็บเสียงล้วน
เสียงท่อไอเสียที่ปรับแต่งเครื่องยนต์สี่สูบเรียงของคาวาซากิเป็นที่เลื่องลือมานานในเรื่องเสียงท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ การปรับแต่งมุ่งเน้นไปที่โซนเสียงที่ผู้ขับขี่สัมผัสได้มากที่สุด เช่น เสียงคำรามขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงจังหวะขณะเดินเบา และเสียงก้องกังวานทุ้มลึกขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งชวนให้นึกถึงระบบ 4-in-1 แบบวินเทจ โดยเน้นความถี่ต่ำให้หนักแน่นกว่ารุ่นก่อนหน้า
Assist & Slipper Clutch
คลัตช์ Assist & Slipper Clutch ใช้ลูกเบี้ยวสองประเภท (ลูกเบี้ยว Assist และลูกเบี้ยว Slipper) ซึ่งมีสองฟังก์ชันที่ไม่มีในคลัตช์มาตรฐาน
* เมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่รอบเครื่องยนต์ปกติ ลูกเบี้ยว Assist จะทำหน้าที่เป็นกลไก Self-Servo โดยจะดึงดุมคลัตช์และแผ่นควบคุมเข้าด้วยกันเพื่อกดแผ่นคลัตช์ วิธีนี้ช่วยลดภาระสปริงคลัตช์ทั้งหมด ส่งผลให้แรงดึงคันคลัตช์เบาลงเมื่อใช้งานคลัตช์
* เมื่อเกิดการเบรกด้วยเครื่องยนต์มากเกินไป อันเนื่องมาจากการลดเกียร์อย่างรวดเร็ว (หรือการลดเกียร์โดยไม่ได้ตั้งใจ) ลูกเบี้ยว Slipper จะเข้ามาทำหน้าที่บีบดุมคลัตช์และแผ่นควบคุมให้แยกออกจากกัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดบนแผ่นคลัตช์ เพื่อลดแรงบิดย้อนกลับ และช่วยป้องกันยางหลังไม่ให้กระดอนและลื่นไถล
Timeless styling
ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Z1 คงเอกลักษณ์ความคลาสสิกไว้ด้วยไฟหน้ากลม เข้ากับงานฝีมือสมัยใหม่อย่างลงตัว ตั้งแต่ถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ไปจนถึงไฟท้าย LED ทรงรีสุดล้ำ และท่อไอเสียทรง Megaphone Z900RS มอบรูปลักษณ์งดงามเหนือกาลเวลา พร้อมความใส่ใจในรายละเอียดอันประณีตและการประกอบและตกแต่งอย่างประณีต ส่งผลให้ Z900RS โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คุณภาพสูง ความสวยงามที่เน้นการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ประณีต Z900RS แตกต่างจากดีไซน์ที่เฉียบคมและล้ำสมัยของรุ่น Z Supernaked ตรงที่ใช้องค์ประกอบทรงกลมเพื่อเลียนแบบดีไซน์สไตล์เรโทรของมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ตั้งแต่สีถังน้ำมันคุณภาพสูง ไปจนถึงการเคลือบคุณภาพสูงสำหรับสลักเกลียว ความใส่ใจในรายละเอียดที่เล็กที่สุด การเดินสายไฟที่พิถีพิถัน และการประกอบและตกแต่งอย่างประณีต ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมให้ Z900RS โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์คุณภาพสูง
จออนาล็อกคู่ จับคู่กับจอ LCD
หน้าปัดมาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบแบบอนาล็อก เสริมด้วยหน้าจอ LCD อเนกประสงค์ ผสานรูปลักษณ์สไตล์ย้อนยุคเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย
* นอกจากไฟแสดงตำแหน่งเกียร์แล้ว ฟังก์ชันการแสดงผลยังประกอบด้วย: มาตรวัดระยะทาง, มาตรวัดระยะทางแบบคู่, มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันและเฉลี่ย, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, อุณหภูมิภายนอก, นาฬิกา, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ไฟแสดงการเชื่อมต่อแอป และไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด
* ไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัดจะปรากฏบนหน้าจอ LCD เพื่อระบุอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสมและช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุด
Inverted Front Fork & Horizontal Back-link Rear Suspension
โช้คอัพหน้าหัวกลับขนาด ø41 มม.มอบความสบายในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและศักยภาพการขับขี่แบบสปอร์ต ตอบสนองได้รวดเร็วและควบคุมรถได้อย่างมั่นใจแม้ในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงถนนคดเคี้ยว สามารถปรับความหนืดของโช้คอัพได้ทั้งแบบยุบตัว (12 ทิศทาง) และแบบคืนตัว (10 ทิศทาง) รวมถึงปรับพรีโหลดแบบไม่มีสเต็ป ช่วยให้ตั้งค่าได้อย่างแม่นยำตามความต้องการและสไตล์การขับขี่ของผู้ขับขี่
โช้คอัพหลังระบบกันสะเทือนหลังวางตำแหน่งชุดโช้คอัพและชุดเชื่อมต่อไว้เหนือสวิงอาร์ม การจัดวางแบบนี้ช่วยกระจายมวลให้อยู่กึ่งกลาง ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ระบบกันสะเทือนอยู่ห่างจากท่อไอเสียมากพอที่ความร้อนจะไม่ส่งผลต่อการทำงาน โช้คอัพหลังมีระบบหน่วงการคืนตัวแบบไม่มีขั้นและสามารถปรับพรีโหลดแบบไม่มีขั้นได้
รุ่น SE มาพร้อมกับ โช้คหลัง Öhlins S46 โดดเด่นด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมแบบท่อเดี่ยว ลูกสูบขนาดใหญ่ ø46 มม. และห้องน้ำมันและก๊าซภายในที่แยกจากกันด้วยลูกสูบแบบลอยตัว ส่งผลให้สัมผัสการยึดเกาะและการควบคุมที่เหนือกว่า การทำงานที่ดีขึ้นของโช้คหลัง Öhlins ยังช่วยให้รู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่อีกด้วย และเซ็ตติ้งที่เข้ากันทั้งโช๊คหน้าและโช๊คหลัง
Brakes/Wheels/Tyres
เบรกหน้า จานเบรกขนาด ø300 มม. ยึดด้วยคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเม้าท์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ/ ปั๊มเบรกคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเม้าท์โมโนบล็อกแบบ 4 ลูกสูบ ของ Brembo ในรุ่น SE
เบรกหลัง มีคาลิปเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยวพร้อมสลักสไลด์จับยึด จานเบรกขนาด ø250 มม.
ยางหน้า Dunlop SPORTMAX GPR-300 120/70ZR17 M/C (58W)
ยางหลัง Dunlop SPORTMAX GPR-300 180/55ZR17 M/C (73W)
ล้อที่ออกแบบมาอย่างประณีตช่วยเสริมภาพลักษณ์ Z900RS น้ำหนักใต้สปริงที่เบา (ด้วยชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สวิงอาร์มและล้อ)ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
ท่านั่งขับขี่ที่ผ่อนคลาย
ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนในเมืองหรือบนเนินเขา ตำแหน่งการขับขี่ที่ผ่อนคลาย พร้อมเบาะนั่งต่ำเพียง 810 มม. (และ 820 มม.ในรุ่น SE) ของ Z900RS มอบทั้งความสะดวกสบายและการควบคุม รองรับทั้งการขับขี่แบบสบายๆ และการวิ่งด้วยความเร็วที่เร้าใจยิ่งขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างที่พักเท้า เบาะนั่ง และแฮนด์ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มการสื่อสารระหว่างผู้ขี่และรถ ช่วยให้ผู้ขี่รู้สึกมั่นใจในการควบคุมรถ ซึ่งเสริมกับการควบคุมที่เบาและเป็นธรรมชาติ
แฮนด์บาร์แบบแบนและกว้างช่วยเสริมสไตล์สปอร์ตแบบเรโทร พร้อมมอบการยึดเกาะที่กว้างเพื่อการควบคุมที่สะดวกมุมเลี้ยวที่กว้าง 35ºช่วยให้ควบคุมรถได้สะดวกด้วยความเร็วต่ำ
Electronic Cruise Control
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติของคาวาซากิ ช่วยให้สามารถรักษาความเร็วที่ต้องการได้ด้วยการกดปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ช่วยลดแรงกดที่มือขวาเมื่อเดินทางไกล ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างผ่อนคลายและมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระดับสูง
- IMU 6 axis
หรือ Inertial Measurement Unit ช่วยให้สามารถตรวจสอบความเฉื่อยตามแนวแกน 6 DOF (Degree of Freedom) ได้วัดความเร่งตามแนวแกนตามยาว แกนตามขวาง และแกนแนวตั้ง รวมถึงอัตราการหมุน อัตราการหันเห และอัตราการเหวี่ยง (Pitch, Roll และ Yaw) Feedback จาก IMU ช่วยให้เห็นภาพทิศทางของตัวรถแบบเรียลไทม์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้การจัดการแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก IMU ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ นั่นคือ การจัดการเบรกขณะเข้าโค้ง นอกจากเซ็นเซอร์ความเร็วล้อหน้าและล้อหลัง (ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับระบบ ABS ทุกระบบ) แล้ว ระบบ ABS ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ยังใช้ข้อมูลจาก IMU เพื่อคำนวณมุมเอียงของรถจักรยานยนต์ หากผู้ขับขี่ใช้เบรกเลยจุดเข้าโค้ง เพิ่มแรงเบรกกลางโค้ง หรือพบการเปลี่ยนแปลงแรงยึดเกาะพื้นผิวอย่างแรงเบรกจะถูกปรับเพื่อยับยั้งพฤติกรรมการลื่นไถลของรถ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาเส้นทางที่ตั้งใจไว้ขณะเข้าโค้งได้ แทนที่จะออกนอกโค้ง หรือหยุดรถได้อย่างมีสติ
- KTRC ช่วยการยึดเกาะถนน (Kawasaki TRaction Control)
Z900RS มาพร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนน มีสองโหมดครอบคลุมสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย มอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตที่เหนือชั้น หรือมอบความอุ่นใจในการลุยพื้นผิวลื่นได้อย่างมั่นใจ
Mode 1 ซึ่งทำงานน้อยที่สุด ช่วยควบคุมการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง
ออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ต ช่วยให้การเร่งความเร็วออกจากโค้งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพิ่มแรงขับเคลื่อนจากล้อหลังไปข้างหน้าให้สูงสุด
Mode 2 ซึ่งทำงานมากกว่าไมากกว่า เมื่อตรวจพบการหมุนของล้อมากเกินไป กำลังเครื่องยนต์จะลดลงเพื่อให้ยึดเกาะถนนได้อีกครั้ง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ทั้งบนเส้นทางสั้นๆ ที่ท้าทาย (เช่น รางรถไฟหรือฝาปิดท่อระบายน้ำ) และบนเส้นทางที่มีแรงยึดเกาะต่ำ (เช่น ถนนเปียก ถนนกรวด หรือถนนกรวด)
- KQS ควิกชิพเตอร์ช่วยให้เข้าเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์
ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะเครื่องยนต์อันทรงพลังของ Z900RS ได้มากยิ่งขึ้น ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบเร็วช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงโดยไม่ต้องใช้คลัตช์ เพื่อการเร่งความเร็วที่ราบรื่นและลดความเร็วได้อย่างง่ายดาย
- Kawasaki Cornering Management Function
หรือ KCMF ตรวจสอบพารามิเตอร์ของเครื่องยนต์และแชสซีตลอดโค้ง ตั้งแต่เข้าโค้ง ผ่านจุดสูงสุด ไปจนถึงทางออกโค้ง โดยควบคุมแรงเบรกและกำลังเครื่องยนต์เพื่อให้การเปลี่ยนจากการเร่งความเร็วเป็นการเบรกและกลับมาเป็นปกติเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามเส้นทางที่ตั้งใจไว้ผ่านโค้งได้
- Rideology The App
ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์แบบไร้สาย ซึ่งสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดียิ่งขึ้น
– Vehicle Info: แสดงข้อมูลรถผ่านแอพในโทรศัพท์
– Riding Log: แสดงเส้นทางการขับขี่ของผู้ขับขี่
– Telephone Notice: เตือนผู้ขับขี่ว่ามีสายหรืออีเมลล์เข้า
– Tuning-General Setting: ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น
รุ่น SE มาพร้อมกับช่อง USB Type-C บนแฮนด์ด้านขวามือ เพื่อความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสี “Fireball” อันเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่รุ่น Z1 โดยมีการปรับลวดลายให้เข้ากับการอัพเกรดของ Z900RS ในครั้งนี้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับล้อสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ในตัว SE
Z900RS พร้อมจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีรุ่นย่อย 2 รุ่น คือรุ่นธรรมดา สีแดง (Candy Tone Red) ราคาขายปลีกแนะนำ 409,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) และรุ่น SE สีดำ (Metallic Spark Black) ราคาขายปลีกแนะนำ 449,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี พร้อมทะเบียน, พรบ.
โปรโมชั่นพิเศษนี้เฉพาะช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2568
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับกระแสรถคลาสสิคที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คาวาซากิได้ปรับราคารถจักรยานยนต์ในตระกูล W และ Meguro ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นในคลาส 230 ซีซี หรือ 800 ซีซี พร้อมเสนอโปรโมชั่นพิเศษในช่วงงาน Kawasaki Expo ถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อแฟนๆสายคลาสสิคทุกคน
ราคาขายปลีกแนะนำใหม่
W230 ราคา 129,900 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย และทะเบียน, พรบ.
Meguro S1 ราคา 147,900 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ฟรีประกันรถหาย และทะเบียน, พรบ.
W800 ราคา 349,000 บาท พร้อมคูปองเงินสดมูลค่าสูงสุด 12,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี และทะเบียน, พรบ.
Meguro K3 ราคา 379,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 1 ปี และทะเบียน, พรบ.
และแม้งานจะจบลงไปแล้ว แต่ทุกท่านยังสามารถพบกับกิจกรรม ข้อเสนอดีๆ และของรางวัลมากมายเช่นเดียวกับในงาน Kawasaki Expo 2025 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคมนี้ เท่านั้น
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คว้ารางวัล Outstanding Safety Campaign 2025 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืน
รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้รับรางวัล Outstanding Safety Campaign 2025 แคมเปญยอดเยี่ยมด้านความปลอดภัย ประจำปี 2568 จากงานประกาศผลรางวัล “Thailand Car, EV & Motorcycle of The Year 2025” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยมี นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบรางวัลในพิธีดังกล่าว
รางวัลนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของแคมเปญระดับประเทศ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ซึ่งไทยฮอนด้าได้เดินหน้ารณรงค์ความปลอดภัยครั้งใหญ่ผ่านกิจกรรม คาราวานมอบหมวกกันน็อก 60 ปี ไทยฮอนด้า ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ส่งมอบหมวกกันน็อกจำนวน 112,440 ใบ มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท กระจายสู่ประชาชนและเยาวชนใน 77 จังหวัดทั่วไทย ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา และเดินหน้าส่งต่อความปลอดภัยต่อเนื่องตลอด 4 เดือนเต็ม โดยในเร็ว ๆ นี้จะเดินทางถึง หมุดหมายสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งมอบหมวกกันน็อกให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการปิดฉากแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ ยังมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าอีกสองรุ่น ได้แก่ New Honda PCX และ All New Honda Wave125 ที่มีความโดดเด่นและได้รับคัดเลือกเข้ารอบรางวัล Motorcycle of the Year 2025 ในงานเดียวกัน ตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านคุณภาพ สมรรถนะ และความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทย
ไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นในการเดินหน้าสร้างสังคมแห่งการขับขี่ปลอดภัย พร้อมส่งต่อความห่วงใยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ด้วยเป้าหมายการพัฒนาความปลอดภัยของประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.thaihonda.co.th/honda/news
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News Car1 Min Read
ดุดันที่สุดในรุ่น – ‘Continental GT Supersports’ การกลับมาอีกครั้งของยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตแท้ในตำนาน 100 ปี
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Continental GT Supersports ยนตรกรรมสปอร์ตในตำนานรุ่นที่ 4 หลังจากการเผยโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อ 100 ปีที่แล้ว Continental GT Supersports รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ห้องโดยสารแบบสองที่นั่งสไตล์สปอร์ต และน้ำหนักที่เบากว่าสองตัน มอบการมีส่วนร่วมในการขับขี่สูงสุด เครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน ไร้มอเตอร์ไฟฟ้า (Non-hybrid) เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 666 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ส่งพละกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่แปดสปีดไปยังล้อหลัง ตัวรถยังมากับเบรกคาร์บอนเซรามิก ล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้วใหม่ที่พัฒนาร่วมกับ Manthey Racing และท่อไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovič เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมด้วยยาง Pirelli Trofeo RS ยางรถยนต์สมรรถนะสูง พร้อมทวงบัลลังก์ยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตแท้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
Continental GT Supersports ใหม่ สะท้อนการออกแบบภายนอกที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยการพัฒนาฟังก์ชันเพื่อเพิ่มแรงกดสูงสุดและช่วยลดน้ำหนัก กันชนหน้าใหม่ผสานสปลิตเตอร์หน้าขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เบนท์ลีย์เคยติดตั้งมา ส่งลมผ่านไปยังเครื่องยนต์และเบรกหน้า อีกทั้ง วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ กาบประตูห้องโดยสาร บังโคลน ดิฟฟิวเซอร์หลัง และการติดตั้งปีกหลังผสานกันเพื่อสร้างแรงกดที่มากกว่า Continental GT Speed ถึง 300 กิโลกรัม แนวทางการลดน้ำหนักตัวถังยังรวมถึงหลังคา ซึ่งผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วง แต่ยังคงความแข็งแรงของโครงสร้างตัวถังไว้
ภายในห้องโดยสารแบบสองที่นั่งมาพร้อมเบาะโดยสารสไตล์สปอร์ตคู่ใหม่ที่เพิ่มความกระชับ พร้อมการจัดวางในตำแหน่งที่ต่ำลง ส่วนภายในห้องโดยสารด้านหลังถูกแทนที่ด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และการหุ้มหนัง โดยรูปแบบภายในห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทน ดูโอโทน และไตรโทน พร้อมการเลือกใช้วัสดุหนังไดนามิกา และวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารในแบบยนตรกรรมสปอร์ต
Continental GT กับระบบขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรก
ระบบส่งกำลังของ Continental GT Supersports เป็นแบบ Non-hybrid ที่ปราศจากมอเตอร์ไฟฟ้า โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เครื่องยนต์รุ่น V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตรที่ได้รับการพัฒนาใหม่ คือ หัวใจสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ พร้อมด้วยช่องเก็บข้อเหวี่ยงที่แข็งแกร่งขึ้น หัวสูบที่ได้รับการพัฒนา และเทอร์โบที่ใหญ่ขึ้น การพัฒนานี้ทำให้เครื่องยนต์สามารถมอบพละกำลังสูงสุดได้ถึง 666 แรงม้า (166.5 แรงม้าต่อลิตร) พร้อมด้วยแรงบิดกว่า 800 นิวตันเมตร ตัวเครื่องยนต์ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์คลัตช์คู่ ZF แปดสปีดที่ใช้ในรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกรุ่น แต่ได้รับการพัฒนาใหม่สำหรับในรุ่น Supersports พร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์ที่มีความฉับไวและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการลดเกียร์ขณะเบรกได้รับการปรับแต่งได้อย่างแม่นยำเพื่อมอบเสถียรภาพและความมั่นใจสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่
Supersports ใหม่มาพร้อมกับท่อไอเสียไทเทเนียมที่ได้รับการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยระบบไอเสียนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Akrapovič ซึ่งเป็นพันธมิตรของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ มอบเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบของรุ่น Supersports ระบบไอเสียนี้จะช่วยปรับแต่งเสียงเครื่องยนต์ V8 แบบครอสเพลนให้ดุดันและทรงพลังยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องมีการปรับเพิ่มเติมภายในห้องโดยสารแต่อย่างใด
สุดยอดยนตรกรรมสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 310 กม./ชม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที
วิศวกรของเบนท์ลีย์ได้พัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ด้วยการออกแบบ Continental GT Supersports รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ นอกเหนือจากรุ่น Continental GT3 ด้วยการส่งพละกำลังไปยังล้อหลังผ่านระบบ eLSD โดยระบบ eLSD ได้รับการเสริมจากระบบกระจายแรงบิดด้วยเบรกที่ระบบทั้งสองจะทำงานร่วมกันเพื่อให้เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ พร้อมมอบการยึดเกาะถนนสูงสุด ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังยังคงได้รับการติดตั้งเพื่อความคล่องตัวและเสถียรภาพสูงสุดในขณะขับขี่ พร้อมด้วยการพัฒนาระบบบังคับเลี้ยว ช่วงล่าง ระบบจัดการยึดเกาะถนน และระบบ ESC ใหม่ทั้งหมด
การตั้งค่า ESC จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการมีส่วนร่วมหรือความช่วยเหลือที่ต้องการได้ ตั้งแต่โหมดเปิดใช้งานแบบเต็มระบบด้วยโหมดไดนามิกที่ให้การลื่นไถลและโอเวอร์สเตียร์ที่สามารถควบคุมได้ไปจนถึงโหมดปิดการใช้งาน ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมเพลาล้อหลังได้อย่างสมบูรณ์ โดยสามารถทำให้ตัวรถเกิดโอเวอร์สเตียร์ภายใต้การควบคุมได้
ตัวถังใช้ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียมด้านหน้า พร้อมด้วยเพลาหลังแบบมัลติลิงค์ สปริงลม และโช้คอัพแบบทวินแชมเบอร์ใหม่ที่ควบคุมโดย ECU ในด้านการกระแทกและการคืนตัวอิสระ รุ่น Supersports ยังมาพร้อมกับ Bentley Dynamic Ride ระบบควบคุมการทรงตัวด้วยไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ที่สามารถสร้างแรงบิดสูงสุด 1,300 นิวตันเมตรภายใน 0.3 วินาที พร้อมด้วยระบบเบรกรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประกอบไปด้วยจานเบรกคาร์บอน-ซิลิคอน-คาร์ไบด์ (CSiC) ขนาด 440 มม. ที่เพลาหน้ายึดด้วยคาลิปเปอร์ 10 ลูกสูบ และจานเบรกขนาด 410 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบที่เพลาหลังที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับคาลิปเปอร์สีดำเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และตัวเลือกในเฉดสีแดง
Supersports มาพร้อมกับล้ออัลลอยด์ใหม่ขนาด 22 นิ้วที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก Manthey Racing กับตัวเลือกสองสีอย่างสีดำและสีดำที่ตกแต่งด้วยโลหะสีเงินเฉพาะในรุ่น Supersports โดยผู้ครอบครองสามารถเลือกยาง Pirelli P-Zero ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หรือ ตัวเลือกยางสมรรถนะสูงอย่าง Trofeo RS ใหม่ได้ ซึ่งการติดตั้งยาง Trofeo RS จะทำให้น้ำหนักตัวถังลดลง นั้นหมายความว่ารุ่น Supersports จะสามารถเข้าโค้งได้เร็วกว่ารุ่น Continental GT Speed ประมาณ 30%
ที่สุดแห่งยนตรกรรมที่มีน้ำหนักเบาที่สุดและดาวน์ฟอร์ซมากที่สุดในรอบ 85 ปี
Continental GT Supersports ใหม่มีน้ำหนักเบากว่า Continental GT เกือบครึ่งตัน โดยมีน้ำหนักที่น้อยกว่า 2,000 กิโลกรัม ปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักมาจากเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบสันดาปภายในเพียงอย่างเดียวและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หลังคาที่แต่เดิมผลิตจากอะลูมิเนียมได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ช่วยลดน้ำหนักและลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ
ห้องโดยสารส่วนหลังได้รับการปรับปรุงใหม่ให้สามารถลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยการลดการใช้ฉนวนกันเสียง และระบบเสียงที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เฉพาะห้องโดยสารส่วนหน้า หลักการลดน้ำหนักยังมาจากการลดระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่บางระบบ ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับรุ่น Continental GT ที่เน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก
รายละเอียดภายนอกของรถได้รับการผสมผสานกันอย่างลงตัว ถือเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนรูปลักษณ์ความสปอร์ตและความดุดันได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีองค์ประกอบใหม่จากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่จะช่วยลดน้ำหนัก ดังต่อไปนี้:
- กันชนหน้าส่วนล่างรูปแบบใหม่ พร้อมสปลิตเตอร์หน้าแบบแอโรไดนามิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่รถยนต์เบนท์ลีย์เคยติดตั้งมา กันชนมีช่องระบายความร้อนใหม่สองช่องในแต่ละด้าน ซึ่งส่งผ่านลมไปยังเบรกหน้าและเครื่องยนต์ เหนือกันชนตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบตาข่ายน้ำหนักเบาดีไซน์ใหม่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Supersports ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง
- ปีกเล็กแบบซ้อนกันสองคู่ตกแต่งอยู่ที่มุมกันชนหน้า พร้อมทำงานร่วมกับสปลิตเตอร์เพื่อลดการยกตัวด้านหน้าของรถ
- สเกิร์ตข้างใหม่ตลอดความยาวฐานล้อของตัวรถ
- ด้านหลังล้อหน้าตกแต่งด้วยบังโคลนรูปทรงตัว B ใหม่ ช่วยควบคุมการไหลของอากาศจากซุ้มล้อหน้า พร้อมช่วยถ่ายเทอากาศที่มีแรงดันสูงและควบคุมการไหลของอากาศไปตามด้านข้างของตัวถัง
- ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบใหม่ติดตั้งบนโครงสร้างกันชนหลังแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงช่องระบายอากาศสำหรับซุ้มล้อหลัง
- สปอยเลอร์หลังแบบเดี่ยวติดตั้งถาวรบริเวณด้านบนของฝากระโปรงหลัง
ชิ้นส่วนแอโรไดนามิกเหล่านี้ล้วนผ่านการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยการเน้นการออกแบบตามรูปทรง โดยไม่ได้ติดตั้งเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งหมดนี้สามารถช่วยเพิ่มแรงกดได้มากกว่า Continental GT Speed ถึง 300 กิโลกรัม ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสมดุลของตัวรถ และช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักแบบไดนามิกที่ 54:46 เมื่อรถหยุดนิ่ง และเคลื่อนที่ไปด้านหลังด้วยความเร็วเมื่อรถออกตัว
การตกแต่งในขั้นสุดท้ายด้วยคาร์บอนไฟเบอร์จะเป็นการตกแต่งกระจกมองข้างและฝาครอบเครื่องยนต์
ความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของรุ่น Supersports ใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์ความสปอร์ตและความดุดันด้วยแรงบันดาลใจจากพละกำลังและความแม่นยำของกีฬามอเตอร์สปอร์ต การจัดวางเบาะโดยสารภายในเป็นแบบ 2 ที่นั่ง เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่ที่เป็นจุดเด่นของยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นนี้ โดยทุกรายละเอียดล้วนได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ พร้อมกำหนดนิยามใหม่ของความหรูหราและสมรรถนะความสปอร์ตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
เบาะโดยสารแบบสปอร์ตน้ำหนักเบาแบบใหม่สำหรับคนผู้ขับขี่และผู้โดยสารมอบการรองรับสรีระด้านข้างที่เพิ่มขึ้น และตำแหน่งเบาะโดยสารที่ต่ำลง พร้อมด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนบริเวณไหล่ เบาะโดยสารสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 11 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอุณหภูมิ ห้องโดยสารส่วนหลังได้รับการออกแบบด้วยการใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาโอบล้อมห้องโดยสารส่วนหลังไว้ทั้งหมด พร้อมกับโครงเบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังที่เข้ากับส่วนอื่นๆ ของห้องโดยสาร ให้บรรยากาศที่สะอาดตาและคุณสมบัติการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ
วีเนียร์คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาที่ตกแต่งบริเวณประตูห้องโดยสารและแผงหน้าปัดผสานเข้ากับหนังไดนามิกา วัสดุทางเทคนิคบริเวณพนักพิงเบาะโดยสาร แผงกลางประตูห้องโดยสาร และแผงบุหลังคาภายในห้องโดยสาร โดยมีงานปักและตราสัญลักษณ์ Supersports พร้อมด้วยหมายเลขเฉพาะรุ่นตกแต่งบนคอนโซลกลาง
การออกแบบเฉพาะบุคคล
Continental GT Supersports ทุกรุ่นจะมีหมายเลขกำกับทุกคันก่อนออกจากโรงงาน โดยลูกค้าสามารถเลือกหมายเลขเฉพาะได้จากรถยนต์จำนวน 500 คันที่ผลิตโดยช่างฝีมือ ณ เมืองครูว์
ตัวเลือกเฉดสีเริ่มต้นจาก 24 เฉดสีหลักที่เน้นภาพลักษณ์ด้านสมรรถนะ พร้อมด้วยสีพิเศษที่รวมถึงโลโก้ Supersports และสีแบบด้านจาก Bentley Mulliner นอกเหนือจากภายนอกแบบโทนสีเดียวแล้ว ทีมออกแบบของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สยังได้พัฒนา “รูปแบบการออกแบบเฉพาะ” ขึ้นมา 5 แบบ ซึ่งประกอบไปด้วยลายเส้นแนวตั้งขนาดเล็กและป้ายชื่อ Supersports ในเฉดสีตัดกันในส่วนล่างตัวถังที่อยู่ด้านหลังซุ้มล้อหน้า หรือลายเส้นสองสีตัดกันบริเวณส่วนท้ายของตัวรถ
การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ภายนอกมีให้เลือกแบบเคลือบเงา พร้อมตัวเลือกการพ่นสีหรือการทำลายเส้นได้อย่างอิสระ
ภายในห้องโดยสารมีสีหลักให้เลือก 22 เฉดสี พร้อมด้วยสีรอง 11 เฉดสี และเฉดสีเน้นอีก 9 เฉดสี พร้อมด้วยตัวเลือกรูปแบบโทนสีเดียว แบบดูโอโทน (รูปแบบมาตรฐาน) และแบบสีไตรโทนใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และการตกแต่งแบบ Dark Chrome Specification
นอกเหนือจากการตกแต่งด้วยวีเนียร์แบบคาร์บอนไฟเบอร์ภายในห้องโดยสารแล้ว ผู้ครอบครองยังสามารถเลือกได้ระหว่างวีเนียร์แบบ Diamond Brushed หรือ Engine Turned Aluminium ในสีเฉดเข้ม Dark Tint หรือแบบเรียบง่ายแต่หรูหราในแบบวีเนียร์ Piano Black
Continental GT Supersports ใหม่เปิดรับคำสั่งจองในประเทศดังต่อไปนี้: สหราชอาณาจักร ประเทศในยุโรป (EU27 สวิตเซอร์แลนด์และตุรกี) สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย โอมาน บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และคูเวต
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น New Continental GT (High Performance V8 Hybrid) ราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
-
News Car1 Min Read
บริดจสโตนร่วมโชว์ยางสมรรถนะสูงในงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ กับรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY”, ISUZU X-SERIES
“2 HOT…2 HANDLE” และรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK”บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และผู้พัฒนายางสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์บริดจสโตนสำหรับรถอีซูซุ ร่วมงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่สุดยิ่งใหญ่ นำโดย ใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น!, ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! และสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ณ สนามทดสอบรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ISUZU 4×4 EXPERIENCE จ.ปทุมธานี ซึ่งบริดจสโตนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอเทคโนโลยียางที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นตัวเลือกรองรับสมรรถนะของรถอีซูซุอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในโอกาสนี้บริดจสโตนได้ร่วมออกบูธแนะนำผลิตภัณฑ์ “BRIDGESTONE DURAVIS R624X HEAVY DUTY” บรรทุกหนักเอ็กซ์ตร้า ทนทานเหนือโลก ความทนทานที่พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อรถกระบะ
เชิงพาณิชย์และรถบรรทุกขนาดกลาง ออกแบบให้บรรทุกได้หนักขึ้น พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนานและ “BRIDGESTONE DUELER ALL-TERRAIN A/T002” ลุยผ่านทุกเส้นทาง สู่จุดหมายที่เหนือกว่า เหมาะสำหรับรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์ (PPV) อีกระดับของยาง ALL-TERRAIN พร้อมรับความท้าทายในทุกเส้นทาง เต็มสมรรถนะทุกทางลุย คงความสบายแม้ทางเรียบ ซึ่งยางสมรรถนะสูงทั้งสองรุ่นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับรถรุ่นดังกล่าวของอีซูซุ ช่วยดึงศักยภาพการขับขี่ให้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไฮไลต์เด็ดของงานอยู่ที่คุณเบียร์ ใบหยก ที่มาพร้อมความตื่นเต้นเต็มพิกัดกับ “TOP SECRET X ISUZU D-MAX” รถปิกอัพสีทองสุดเอ็กซ์คลูซีฟ คันแรกของโลก จากโปรเจกต์ “TOP SECRET THAILAND” เรียกเสียงฮือฮาและดึงสายตาผู้เข้าชมได้อย่างเต็ม ๆ
ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DURAVIS R624X HEAVY DUTY และผลิตภัณฑ์ BRIDGESTONE DUELER ALL-TERRAIN A/T002 และสามารถติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางบริดจสโตน หรือศูนย์บริการอีซูซุทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
















































































































































































