• อีซูซุจัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

    2 Min Read

    อีซูซุจัดเต็มทุกไลน์อัพ! เปิดรถปิกอัพใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! และ ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! พร้อมสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต

    อีซูซุเดินหน้าเปิดตัวรถปิกอัพแห่งอนาคต ครบทุกไลน์อัพ ใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! รถปิกอัพที่สืบทอด DNA แห่งความเชื่อมั่นมากว่าครึ่งศตวรรษ นำทีมโดย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” รถปิกอัพสปอร์ตออฟโรด ดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน กับสีใหม่! อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค (Inishmore Gray Opaque) พร้อมฟังก์ชัน ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด!

    เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาพร้อม ชุดแต่งใหม่! The X Package และสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX

    นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ที่อีซูซุภูมิใจนำเสนอ คือ การพลิกโฉมสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่สนาม “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น

    มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด  เผยว่า “หลังจากที่เราเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคตไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยอย่างดีเยี่ยม ด้วยชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ ในวันนี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้รถชาวไทย ด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่! ISUZU D-MAX “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น! ด้วย DNA หนึ่งเดียวที่สืบทอดความเชื่อมั่นของอีซูซุมากว่าครึ่งศตวรรษ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างเต็มที่

    นำโดย “ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4” “THE ONE & ONLY” ปิกอัพสปอร์ตออฟโรด รุ่นใหม่ล่าสุด! กับสีใหม่! “อินนิชมอร์ เกรย์ โอเพค” (Inishmore Gray Opaque) ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่! ทั้งภายนอกและภายใน ยกระดับการขับขี่ให้สะดวกสบายขึ้นด้วย ใหม่! EPS พวงมาลัยไฟฟ้า ขับง่ายสบายทุกสภาพถนน และเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยด้วย ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ และ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เวอร์ชันล่าสุด! กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

    เสริมทัพด้วย ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! ครั้งแรกกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่! แบบสปอร์ต REV TRONIC และ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย ออกแบบเพื่อเครื่องยนต์ 2.2 โดยเฉพาะ แรงจัดจ้าน เต็มสไตล์สปอร์ต มาพร้อมชุดแต่งใหม่! The X Package ทั้งภายนอกและภายใน

    และยังส่งสุดยอดรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต เพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ ที่มาพร้อมกับช่วงล่างใหม่! โช้กอัพแบบ STIFF FLEX ลดการสั่นสะเทือน และการโคลงของรถขณะขับขี่ นุ่มนวล มั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง นอกจากรถรุ่นใหม่แล้ว อีซุซุจัดงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อยกระดับสนามทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ “ISUZU 4×4 LAND” สู่ “ISUZU 4×4 EXPERIENCE” สนามทดสอบที่จะสร้างประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้ โดยการร่วมมือกับ nendo ดีไซน์สตูดิโอระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ออกแบบ Japan Pavilion อันเลื่องชื่อในงาน Osaka World Expo 2025 ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์มากกว่าการ “ทดลองขับ” แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ให้ได้เข้ามาสัมผัสสมรรถนะอันโดดเด่นของรถ ISUZU 4×4 อย่างเต็มที่และน่าตื่นเต้น เราใช้เทคนิคการสร้างประสบการณ์ให้เป็นภาษาภาพ โดยการใช้เสา และโทนสีแบบ Full Spectrum ภายใต้องค์ประกอบ 3 ประการ คือ เอียง (TILT) สูงชัน (HIGH) และพลัง (POWER) และ 2 สถานีใหม่! “Haunted Tunnel” (ลุยฝ่า อุโมงค์หลอน) และ “MYSTERY ROAD” (พิลึก ทางพิศวง) ให้คุณท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง สถานีทดสอบสุดเร้าใจที่ได้จำลองสภาพแวดล้อมและอุปสรรคตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์รวม 9 สถานี จะเปลี่ยนอุปสรรคสุดท้าทาย ให้กลายเป็นความสนุกที่ควบคุมได้ ด้วย ใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 “THE ONE & ONLY” ยนตรกรรมปิกอัพ สปอร์ตออฟโรด และ MU-X “THE NEXT PEAK” 4WD ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ณ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี”

    ร่วมสัมผัสรถปิกอัพรุ่นใหม่! “THE ONE & ONLY” หนึ่งเดียว…เท่านั้น!  ใหม่! ISUZU X-SERIES “2 HOT…2 HANDLE!” ร้อนแรง…เป็นเรื่อง! รวมถึง MU-X “THE NEXT PEAK” สู่จุดพีคใหม่…ของชีวิต ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป พร้อมสิทธิพิเศษแห่งปี “MAXFORCE BIG THANKS ขอบคุณจากใจให้ร้อยล้าน” ฉลองความสำเร็จของเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE ลุ้นขับฟรีสูงสุด 100,000 กิโลเมตร และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าอีซูซุ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมร่วมกิจกรรมพิเศษ “สัปดาห์พิเศษแนะนำรถรุ่นใหม่” ด้วย สามารถติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    Hi-Lander

    MU-X

    VCROSS

    X-Series Speed

    No Comment
  • สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    1 Min Read

    สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ เปิดประสบการณ์ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

    สรยท. จับมือ เน็กซ์ พอยท์ นำสื่อมวลชนสมาชิกสมาคมฯ เยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ภายใต้กิจกรรม “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” ชมสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์และสายพานการผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิดเป็นกลุ่มแรก

    นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) เปิดเผยว่า สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมมือกับบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (Nex Point) จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร “TAJA : Nex Point Exclusive Open House” นำสมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนสายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้าเยี่ยมชมโรงงานสายการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกได้รับความรู้และมีประสบการณ์ตรงกับกระบวนการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์พลังไฟฟ้าและกระบวนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปเผยแพร่สู่สาธารณะได้อย่างถูกต้องทั้งด้านสมรรถนะ คุณภาพ และความปลอดภัยในการใช้งาน

    “สำหรับการเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทาง เน็กซ์ พอยท์ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้เดินทางมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโรงงานทั้ง 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และบริษัท เน็กซ์ พอยต์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรแห่งแรกของคนไทย และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอมิตา (Amita) ดำเนินการโดยบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA)” นายสุรศักดิ์ กล่าว

    ด้านนายวีรพัฒน์ พิณพาทย์ รักษาการ ผู้จัดการแผนกบริหารจัดการเครื่องจักร อาคารและสถานที่ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อวันที่
    1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ในเขตการค้าเสรีที่อำเภอบ้านโพธิ์ ภายใต้
    การสนับสนุนด้านการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และดำเนินธุรกิจผลิตยานยนต์

     

     

    ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โดยมีกําลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยกระบวนการผลิตบนพื้นที่ภายในโรงงานจะประกอบไปด้วย ส่วนของโรงงานประกอบ, โรงงานเชื่อมตัวถัง, โรงงานพ่นสี และสนามทดสอบ

     

    “โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถยนต์โดยสารไฟฟ้า เช่น รถโดยสารประจำทาง (City Bus) รถตู้โดยสาร, รถมินิบัส, รถหัวลาก และรถบรรทุกต่างๆ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV หรือ ไฟฟ้า 100% ทั้งหมด รวมไปถึงเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง และตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้อีกด้วย”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • GWM ชู “TANK CULTURE” ใน “TANK FEST 2025” รวมพลคนรัก TANK จากทั่วประเทศ เปิดเวทีแต่งรถสุดมันส์ พร้อมเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL ครั้งแรกในไทย

    2 Min Read

    GWM ชู “TANK CULTURE” ใน “TANK FEST 2025” รวมพลคนรัก TANK จากทั่วประเทศ  เปิดเวทีแต่งรถสุดมันส์ พร้อมเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL ครั้งแรกในไทย

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM (Thailand) สร้างกระแสในวงการยานยนต์ด้วยงาน TANK FEST 2025” และการแข่งขัน TOP RANK TANK MOD” มหกรรมรวมพลคนรักสายลุยและแฟนพันธุ์แท้ GWM TANK จากทั่วประเทศ งานครั้งนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมทั้งชาว TANKER, สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป กว่า 1,000 คน ที่มาร่วมเฉลิมฉลอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และโชว์ความหลงใหลในการขับขี่ออฟโรดสุดเร้าใจ พร้อมกิจกรรมไฮไลต์อย่าง TOP RANK TANK MOD CONTEST การแข่งขันแต่งรถ GWM TANK ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทย โดยมี GWM TANK 300 เข้าร่วมประชันทั้งรูปแบบ Appearance และ Performance รวม 108 คัน สะท้อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้และศักยภาพวิศวกรรมออฟโรดของตัวรถได้อย่างเด่นชัด นอกจากนี้ GWM ยังถ่ายทอดสดบรรยากาศความตื่นเต้นของงานผ่านช่องทางหลักของแบรนด์ พร้อมกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ทั่วประเทศ มียอดรับชมรวมเกือบ 4 ล้านวิว เสริมความคึกคักให้มหกรรมยิ่งใหญ่ GWM ประกาศหมุดหมายสำคัญด้วยการส่งมอบ GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งานในประเทศไทยจนกลายเป็นเทรนด์แห่งปี ขณะที่ไฮไลต์ปลายงานคือการเปิดตัวครั้งแรกของ NEW GWM POER SAHAR DIESEL ที่มาพร้อมขุมพลังดีเซลใหม่ล่าสุดจาก GWM งานนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความนิยมในรถยนต์ทรง Boxy และไลฟ์สไตล์การขับขี่แบบผจญภัยของคนไทยที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังตอกย้ำถึงวัฒนธรรมอันโดดเด่นของผู้ใช้ GWM TANK (TANKER) และความแข็งแกร่งของคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น พร้อมสร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้กับวงการยานยนต์ไทยอย่างแท้จริง

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือพิธีเฉลิมฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน ทั่วประเทศไทย ตอกย้ำถึงความนิยมและความไว้วางใจจากคนไทยในรถยนต์คุณภาพที่มอบทั้งสไตล์และสมรรถนะการขับขี่ที่แตกต่างและเหนือกว่า โดยมีทีมผู้บริหาร นำโดย เจมส์ หยาง รองประธาน ตลาดต่างประเทศ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด และ เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) ร่วมส่งมอบรถคันที่ 5,000 ในไทยให้กับลูกค้า และอีกไฮไลต์สำคัญคือการแข่งขันการแต่งรถสุดยิ่งใหญ่ ที่ถือเป็นครั้งแรกในไทยที่เปิดให้ TANKER ทั่วประเทศร่วมแข่งขันทั้งจากช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยการแข่งขัน 2 ด้าน ได้แก่ ด้าน Performance เพื่อเฟ้นหา The Off-Road King ผู้ที่ขับขี่ออฟโรดบนสนามแข่งขันสุดครีเอทีฟ และการแข่งขัน The Custom King ทั้งประเภท THE BEST STYLISH และ THE BEST ADVENTURE ถือเป็นการสะท้อนตัวตน จินตนาการ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของ TANKER ได้อย่างชัดเจน

    อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สร้างกระแสฮือฮาในงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD คือการเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยของ NEW GWM POER SAHAR DIESEL รถกระบะสมรรถนะสูงขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม ที่พร้อมยกระดับสู่ Next Level of Lifestyle Partner” สำหรับผู้ใช้ชาวไทย เป็นรถยนต์รุ่นที่ 3 ใน GWM Diesel Family ต่อจาก NEW GWM TANK 300 DIESEL และ NEW GWM TANK 500 DIESEL เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ multi-powertrain ของ GWM  มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด โดดเด่นด้วยแรงบิดสูงในรอบต่ำ การขับขี่ นิ่ง เงียบ นุ่มนวล พิเศษยิ่งกว่า ด้วยความสามารถในการปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สายแคมป์ปิ้งที่เน้นความสะดวกสบายในการเดินทางและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ, สายกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการสมรรถนะในการบรรทุกและลากจูง และสายขับขี่ออฟโรดอย่างเต็มรูปแบบ ด้านความสำเร็จของ GWM ในประเทศจีน ในตลาดรถกระบะ GWM ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 มาเป็นระยะเวลา 27 ปีต่อเนื่องกัน ด้วยสัดส่วนตลาดประมาณ 50% นอกจากประเทศจีน รถกระบะของ GWM ยังมีขายใน 60 ประเทศใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยมียอดขายสะสมรวมถึง 2.78 ล้านคัน นอกจากนี้ ยังคว้ารางวัล “Pickup of the Year” จากหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อเมริกาใต้ หรือแอฟริกาใต้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณภาพ ความทนทาน และการตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์และแบรนด์

    บรรยากาศของงานเฟสติวัลครั้งนี้คับคั่งไปด้วยพลังของ TANKER อย่างชัดเจน พลังของคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่ขับเคลื่อนกันเองและยืนอยู่เคียงข้างกันทั้งบนถนนและในชีวิตจริง พร้อมกันนั้นยังพิสูจน์ถึงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณอันโดดเด่นของชาว TANKER หรือ TANK Spirit ทั้ง 6 ข้อ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร (Independent) เปี่ยมไปด้วยความรัก (Love) มีอิสระในความคิดและการกระทำ (Freedom) มีจิตวิญญาณในการผจญภัย (Adventurous) เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและความชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน (Active & Passionate) และมีหัวใจที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ (Good at Heart) ทั้งนี้ในทุกกิจกรรม ตั้งแต่การแต่งรถ การขับขี่ออฟโรด การทดลองขับ ไปจนถึงการพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ล้วนสะท้อนพลังและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ และเติบโตอย่างมั่นคงของชาว TANKER ทั่วประเทศได้อย่างชัดเจน

    นอกจากนี้ ภายในงานยังมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์มากมาย ตั้งแต่ KIDS Workshop ให้ TANKER ตัวน้อยได้ร่วมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรม DIY โซนเกมให้ร่วมสนุก และขบวน Food Truck เมนูหลากหลายหมุนเวียนตลอดวัน พร้อมโซนทดลองขับให้พิสูจน์สมรรถนะจริงของ GWM Diesel Family ทั้ง GWM TANK 300 DIESEL, GWM TANK 500 DIESEL และ NEW GWM POER SAHAR DIESEL แบบใกล้ชิด ในพื้นที่เดียวกันยังมีบูธอุปกรณ์แต่งรถแบรนด์ดังเข้าร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้า พร้อมคัดสรรไอเทมยอดฮิตและโปรโมชันเฉพาะงาน เพื่อสายแต่งได้อัปเกรดคันโปรด เสริมบรรยากาศความคึกคักด้วย MC และ DJ ที่สลับกันสร้างสีสัน ก่อนจะพีคสุดด้วยมินิคอนเสิร์ต URBOY TJ ที่ขนเพลงฮิตมาเต็มปลุกพลังให้ทั้งงานร้องและเต้นไปพร้อมกัน ส่งท้ายวันอย่างประทับใจและครบทุกอารมณ์ของคนรัก GWM TANK และคาร์คัลเจอร์ตัวจริง

    เวยน์ โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “GWM รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวไทยในงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD ครั้งนี้ เราขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน หรือการเผยโฉม NEW GWM POER SAHAR DIESEL เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 35 ปี ของ GWM ซึ่งเติบโตจากแบรนด์เอสยูวีในจีนสู่บริษัทเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะระดับโลกด้วย สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากแรงสนับสนุนจากลูกค้าของเราทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอมมูนิตี้ TANKER CLUB THAILAND ที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยพลังที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้ GWM ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราขอขอบคุณจากใจ และขอให้ทุกท่านร่วมเดินทางไปกับเราในทุกเส้นทางของการผจญภัย โดยงานนี้ยังเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ GWM ในการส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้ใช้ของเราอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการเป็นมากกว่าผู้ผลิตยานยนต์ แต่คือผู้ส่งมอบแรงบันดาลใจและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง”


    #GWM #GWMThailand #TANKFEST2025 #TOPRANKTANKMODCONTEST

    #POERSAHARDIESEL #GWMTANK #TANK300 #TANK500


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • CHANGAN เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ สานต่อความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

    1 Min Read

    CHANGAN เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ สานต่อความสำเร็จและความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม

    CHANGAN Automobile หรือ ฉางอาน ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะคาร์บอนต่ำ เดินหน้ากลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมรอบด้าน ชูความสำเร็จในตลาดควบคู่กับความมุ่งมั่นระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด DEEPAL NEW S07 และ DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พร้อมส่งมอบทั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ดีไซน์อัจฉริยะ และประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้ใช้รถ

    นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีส เอเชีย จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท
    ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
    กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับ CHANGAN ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการดำเนินกิจการในประเทศที่เรารัก ก้าวที่มากไปกว่าความสำเร็จทางธุรกิจ นั่นคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของอีโคซิสเต็มยานยนต์ไทยผ่านการสร้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศ โดยตลอดระยะเวลาสองปีที่ CHANGAN ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ ‘In Thailand, For Thailand’ บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาคครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ช่วยให้เกิดการจ้างงานรวมตลอดห่วงโซ่อุปทาน กว่า 20,000 ตำแหน่ง โดยพนักงานของ CHANGAN กว่า 90% เป็นคนไทย อีกทั้งยังใช้ชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ผลิตภายในประเทศมากกว่า 60% และเพิ่มเป็น 80% ภายในปี 2573 และที่สำคัญเรายังเตรียมส่งออกรถ DEEPAL S05 จำนวนกว่า 1,000 คัน ที่ผลิตในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในยุโรปภายในสิ้นปีนี้ สนับสนุนการสร้างรายได้ดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยอีกด้วย สะท้อนพันธกิจของ CHANGAN ในการผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตเคียงคู่กันอย่างยั่งยืน”

     

    CHANGAN ตั้งเป้าภายใน 5 ปี (2573) เดินหน้ากลยุทธ์อย่างรอบด้าน ประกอบด้วย

    • นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ : วางแผนที่จะสนับสนุนการ Transform ประเทศไทยจากสังคมที่ใช้รถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) สู่ไลฟ์สไตล์การใช้รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และพร้อมทั้งสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศที่ครอบคลุมด้าน
      การวิจัยและพัฒนา การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน และการตลาด โดยตั้งเป้าสู่การเป็น Top 3 บริษัทรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย ภายในปี 2573
    • การพัฒนาผีมือแรงงานไทย : ต่อยอดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (สถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์: AHRDA) ในการฝึกอบรมทักษะด้านงานซ่อมบำรุงและบริการรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ช่างไทยมีความรู้ความเชี่ยวชาญ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่
    • การขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง : ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเป็น 200 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดและ
      หัวเมืองสำคัญทั่วประเทศไทย
    • บริการหลังการขายที่เป็นเลิศ : สร้างเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจรทั่วประเทศและพัฒนาระบบจัดหาชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วตั้งเป้าให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

     

    ที่ผ่านมา CHANGAN มุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นตลาดสำคัญ สะท้อนผ่านการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
    ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้ามาทำตลาด โดยได้ทยอยเปิดตัวและขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุก
    เซ็กเมนต์หลัก ได้แก่ DEEPAL S07, DEEPAL L07, DEEPAL E07, DEEPAL S05, DEEPAL HUNTER K50, LUMIN และ AVATR 11 โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า CHANGAN มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่อีกมากกว่า 7 โมเดลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครั้งนี้ได้นำร่องเปิดตัวยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมอิดิชันรวม 3 รุ่น ประกอบด้วย

    • DEEPAL NEW S07 – ยกระดับประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ

    ยนตรกรรมที่มาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ขั้นสูง รองรับการชาร์จเร็วจาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 15 นาที มอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและความทนทานในระยะยาว มีระบบกันสะเทือนสไตล์ยุโรปช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และความแม่นยำในการควบคุมรถ เสริมด้วยดีไซน์ล้อใหม่และความละเอียดอ่อนในการปรับรูปลักษณ์ภายนอกที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการการออกแบบที่สดใหม่

    • DEEPAL HUNTER K50 REEV Max AWD – นวัตกรรมสำหรับการผจญภัย

    โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและฟังก์ชันการใช้งานที่ปรับแต่งมาให้ตอบโจทย์การผจญภัยและการใช้งาน มาพร้อมการอัปเกรดดีไซน์ขององค์ประกอบต่าง ๆ อาทิ ราวหลังคา ไฟสปอร์ตบนหลังคา ประตูท้ายอเนกประสงค์ สปอร์ตบาร์ กันชนเหล็กด้านล่าง และระบบล็อกเฟืองท้ายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลงตัวทั้งสมรรถนะทรงพลังและสไตล์ที่ปราณีต ตกแต่งภายในด้วยเพดานสีดำและโทนสีดำ-ส้มเฉดใหม่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม พร้อมยกระดับความสะดวกสบายด้วย USB Type-C 2 พอร์ตและ Type-A 1 พอร์ต ส่วนระบบ V2L ใหม่สามารถรองรับเอาต์พุต DC 22 กิโลวัตต์ เพื่อความคล่องตัวที่มากขึ้นสำหรับการจ่ายพลังงานขณะเดินทาง

    • AVATR 11 Royal Edition – นิยามใหม่ของความหรูหราระดับผู้นำ

    AVATR 11 Royal Edition มอบนิยามใหม่ของความหรูหราระดับแนวหน้าด้วยปรัชญาการออกแบบที่เหนือกว่าและสมรรถนะล้ำสมัย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับซูเปอร์คาร์ ช่วยปรับการหน่วงในเสี้ยววินาทีเพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายสูงสุด ตัวถังสองโทนสีเทาและดำตกแต่งด้วย เส้นขอบสีเงินสตาร์ไลน์สุดหรู เสริมด้วยล้อแม็กที่หล่อเป็นรูปดาว 7 แฉกขนาด 22 นิ้วช่วยเพิ่มพลวัตเสมือนงานประติมากรรม ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับสูงห้อมล้อมด้วยหนังแท้แบบกึ่งอนิลิน (Semi-aniline leather) สี Rose-White พร้อมที่นั่ง VIP 4 ที่นั่ง รวมถึงพื้นที่พักผ่อนด้านหลังซึ่งมาพร้อมที่วางแขนแบบลอยตัว ฟังก์ชันนวด 8 จุด และระบบชาร์จไร้สาย 50 วัตต์ พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส เรียกได้ว่ารังสรรค์ทุกรายละเอียดมาเพื่อยกระดับการเดินทางสู่ประสบการณ์ทรงพลังที่ทั้งปราณีตและสง่างาม เตรียมเปิดตัวภายในพฤศจิกายน 2568 นี้

    “เราไม่เพียงผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรในท้องถิ่นและสนับสนุน
    ความมุ่งหวังของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการสร้างโลกใหม่ที่ทั้ง
    ชาญฉลาด รักษ์โลก และเชื่อมโยงผู้คนกับเทคโนโลยีได้อย่างไร้รอยต่อ เราจึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า ‘30@30’ ของประเทศไทย การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม 2 รุ่นใหม่นี้ คือ
    บทพิสูจน์ความเชื่อมั่นของเราในศักยภาพของตลาดไทยและตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย ความสำเร็จในวันนี้คือคำมั่นสัญญาของเราที่จะสานต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความร่วมมือ และการมีส่วนเสริมสร้างอนาคตยานยนต์ไทยที่สะท้อนคุณภาพความเป็นเลิศระดับโลกและความภาคภูมิใจของประเทศ” นายเซิน
    ซิงหัว
    กล่าวสรุป

     

    CHANGAN Automobile ประเทศไทย อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทแม่ China Changan Automobile Group มีสินทรัพย์รวม 3.087 แสนล้านหยวน มีบริษัทฯ ในเครือรวม 143 บริษัททั่วโลก และมีพนักงานรวมทั่วโลก 145,000 คน โดยภายในปี 2573 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกรวม 4 ล้านคัน ซึ่ง 60% จะเป็นรถพลังงานใหม่ และ 30% มาจากตลาดต่างประเทศ อีกทั้งยังวางแผนลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการผลิตในประเทศไทยอีกด้วย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • สยามมิชลิน ร่วมกับ เมกาพาร์ท สนับสนุน RC Club ร่วมสร้างสังคมการขับขี่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

    1 Min Read

    สยามมิชลิน ร่วมกับ เมกาพาร์ท สนับสนุน RC Club ร่วมสร้างสังคมการขับขี่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

    บริษัท สยามมิชลิน จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมยางรถยนต์และจักรยานยนต์จากประเทศฝรั่งเศส ตอกย้ำพันธกิจ “ขับขี่ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ล่าสุดร่วมกับพันธมิตรสำคัญ บริษัท เมกาพาร์ท จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและศูนย์บริการชั้นนำของมิชลินในประเทศไทย ส่งมอบอุปกรณ์สนับสนุนการฝึกขับขี่ปลอดภัยให้กับ ชมรมฝึกขับขี่ปลอดภัย RC Club ที่ทุ่มเทเพื่อการสร้างทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างมีความรับผิดชอบในสังคมไทย

    RC Club ชมรมที่ไม่แสวงหากำไรถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่มอาสาสมัครผู้เชื่อมั่นว่า “ความรู้และทักษะที่ถูกต้องสามารถลดอุบัติเหตุได้จริง” โดยเริ่มต้นจากกลุ่มเล็กๆ ที่ใช้พื้นที่ว่างใต้ทางด่วนย่านลาดพร้าว 88 เขตวังทองหลาง เป็นสนามฝึกซ้อมตลอดหลายปีที่ผ่านมา RC Club ได้จัดสถานที่ฝึกซ้อมให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทุกกลุ่ม นักศึกษา, บุคคลทั่วไป, พนักงานบริษัท, พนักงานส่งสินค้า ไปจนถึงผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ในเชิงอาชีพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”

    การสนับสนุนจาก สยามมิชลิน และ เมกาพาร์ท ในครั้งนี้จึงไม่เพียงช่วยให้การดำเนินกิจกรรมของ RC Club เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการเสริมสร้างสังคมที่ตระหนักถึงความสำคัญของการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ยางคุณภาพ

    และเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงยางคุณภาพได้ง่ายขึ้น สยามมิชลินยังได้ขยายช่องทางการจำหน่ายสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่าน Michelin Official Store บนแพลตฟอร์ม Lazada เพื่อเพิ่มความ “สะดวก” ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงยางคุณภาพของมิชลินได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่ในยุคดิจิทัลที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว โปร่งใส และมั่นใจในคุณภาพสินค้าอย่างแท้จริง

    นายสรพงษ์ จันทร์นฤกุล ผู้อำนวยการ ยางรถยนต์และยางรถจักรยานยนต์ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวว่า สยามมิชลินมีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกิจกรรมของ RC Club ซึ่งเป็นชมรมที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับทักษะการขับขี่ของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทุกกลุ่ม ทุกยี่ห้อ โดยไม่จำกัดความแตกต่างใด ๆ

    เป็นที่ทราบกันดีว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์คร่าชีวิตคนไทยเป็นจำนวนมากต่อปี จากสถิติประเทศไทยมีผู้เสียชีวิต 1 คนทุกๆ 37 นาทีจากการใช้จักรยานยต์เป็นยานพาหนะ และไทยยังเกิดอุบัติเหตุต่อจำนวนรถจักรยานยนต์ จดทะเบียนสูงสุดในโลกที่ 6.3 คนต่อรถ 10,000 คัน ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยจากการขับขี่รถจักรยานยนต์จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อลดสถิติเหล่านี้ลงให้มากและเร็วที่สุด ซึ่งกิจกรรมฝึกขับขี่ปลอดภัยของ RC Club ไม่เพียงช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ยังช่วยสร้าง “สังคมแห่งความรับผิดชอบและการเคารพซึ่งกันและกัน” ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมิชลินอย่างแท้จริง

    สำหรับสยามมิชลินมีความมุ่งมั่นมาโดยตลอดในการพัฒนา “นวัตกรรมยางที่ให้ความมั่นใจได้ยาวนานกว่า” และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย มั่นใจ และยั่งยืน ไม่ว่าจะขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือในเส้นทางการเดินทางไกลก็ตาม “มิชลินไม่เพียงผลิตยางคุณภาพระดับโลกแต่ยังเชื่อมั่นในบทบาทของการสร้างสังคมแห่งการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน” นายสรพงษ์กล่าว

    นายพิศิษฏ์ ลีละพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมกาพาร์ท จำกัด  กล่าวเสริมว่า “เมกาพาร์ทเป็นทั้งผู้จัดจำหน่ายและศูนย์บริการของมิชลินที่มุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เราเปรียบเสมือน ‘โซ่ข้อกลาง’ ที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตยางคุณภาพระดับโลกอย่างมิชลิน กับผู้ขับขี่บนท้องถนน ผ่านบริการด้านอะไหล่และการซ่อมบำรุงที่ครบวงจร เราเชื่อว่าการมีทั้งยางที่ดีและการดูแลรักษารถอย่างถูกวิธี คือรากฐานสำคัญของความปลอดภัยในทุกการเดินทาง”

    “ที่ผ่านมา เมกาพาร์ทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้ให้กับร้านช่างและคู่ค้าในเครือข่าย เราจัดอบรม ถ่ายทอดเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับการดูแลที่รอบคอบ ปลอดภัย และลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว เมกาพาร์ทเชื่อว่าความปลอดภัยของผู้ขับขี่เริ่มต้นได้ตั้งแต่ ‘ร้านซ่อมข้างบ้าน’ ที่มีความรู้และใส่ใจจริง ๆ”

    นายคุ้มเกล้า จุฬาวังฤทธิ์ ผู้ประสานงาน RC Club กล่าวสุดท้ายว่า “เรารู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณ สยามมิชลิน และ เมกาพาร์ท ที่ให้การสนับสนุนรวมถึงขอขอบคุณสำนักงานเขตวังทองหลาง ที่เอื้อเฟื้อและอนุเคราะห์สถานที่ ซึ่งจะช่วยให้การฝึกขับขี่ปลอดภัยของ RC Club มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่เพียงการช่วยเหลือชมรมฯ แต่คือการลงทุนเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการสร้าง สังคมเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย มั่นใจและยั่งยืน”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “มารินี” คว้าแต้ม โมโตจีพี สปรินต์เรซ “ก้อง-สมเกียรติ” ซิวที่ 18 ออสเตรเลีย

    1 Min Read

    “มารินี” คว้าแต้ม โมโตจีพี สปรินต์เรซ “ก้อง-สมเกียรติ” ซิวที่ 18 ออสเตรเลีย

    “ลูก้า มารินี” นักบิดอิตาเลียนจาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ควบรถแข่ง Honda RC213V ทะยานเข้าป้ายท็อป 8 ผงาดคว้าแต้มจาก สปรินต์เรซ ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 19 รายการ ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ขณะ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ออกตัวจากกริด 21 บิดเข้าป้ายอันดับ 18 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ สนามฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

    เกมเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 13 รอบ ด้วยสถานการณ์สุดเข้มข้น โดย มารินี หมายเลข 10 ต่อสู้ได้ดีจนขยับขึ้นมาเข้าป้ายอันดับ 8 ตามหลังผู้ชนะ 8.938 วินาที คว้าแต้มสำคัญได้อีกครั้งในสปรินต์เรซ ส่วนทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง “โจอัน เมียร์” หมายเลข 36 จบเรซอันดับ 11 ตามหลัง 10.231 วินาที

    ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ออกตัวจากกริด 21 ต่อสู้ในกลุ่มได้ดีขยับขึ้นมาเข้าป้ายอันดับ 18 ตามหลัง 28.945 วินาที ส่วน “โยฮันน์ ซาร์โก” ทีมเมทชาวฝรั่งเศสหมายเลข 5 คว้าอันดับ 12 ตามหลัง 12.104 วินาที

    ด้าน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย เจองานท้าทายในรุ่น โมโตทรี หลังกลับจากอาการบาดเจ็บในรอบ 3 เดือน ผ่านรอบควอลิฟายด้วยการคว้ากริดที่ 25 มาครอง เวลาต่อรอบ 1 นาที 37.006 วินาที จะได้เริ่มเกมจากแถวที่ 9

    ทั้งนี้ ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ รอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 08.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 09.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 11.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV

    แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #AustralianGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ด่วน! ข่าวลือสะพัด Toyota FJ Cruiser รุ่นใหม่ (Land Cruiser FJ) อาจเปิดตัว 20 ตุลาคมนี้

    1 Min Read

    ด่วน! ข่าวลือสะพัด Toyota FJ Cruiser รุ่นใหม่ (Land Cruiser FJ) อาจเปิดตัว 20 ตุลาคมนี้

    แฟน ๆ รถยนต์สายลุยทั่วโลกเตรียมเฮ! มีรายงานข่าวลือหนาหูจากสื่อมวลชนญี่ปุ่นระบุว่า Toyota เตรียมจะเผยโฉมรถออฟโรดรุ่นใหม่ในตระกูล Land Cruiser ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเป็นรุ่นที่สานต่อตำนานของ FJ Cruiser ซึ่งอาจใช้ชื่อว่า Land Cruiser FJ โดยคาดการณ์ว่าอาจมีการจัดแสดงภาพตัวอย่างให้สื่อมวลชนได้ชมเป็นการภายในในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการระดับโลกในเช้าวันถัดไปคือวันที่ 21 ตุลาคม (ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น)

    รายงานข่าวระบุว่า รถยนต์รุ่นใหม่นี้ ซึ่งถูกยกให้เป็น “สมาชิกรุ่นเล็กสุด” ของตระกูล Land Cruiser ในปัจจุบัน จะมีดีไซน์ทรงกล่อง (Boxy Design) อันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ Compact Cruiser EV ปี 2021 และรุ่น FJ Cruiser ในอดีตอย่างชัดเจน โดยจะมีลักษณะเด่นคือตัวถัง 5 ประตู ไฟหน้าทรงกลม และยางอะไหล่ติดตั้งอยู่ที่ประตูท้าย

    ฐานการผลิตในไทยและขุมพลังที่คาดการณ์

    สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษสำหรับแฟน ๆ ชาวไทยคือรายงานที่ระบุว่า Toyota Land Cruiser FJ รุ่นนี้จะถูกผลิตที่โรงงานในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าจะใช้แพลตฟอร์มแบบแชสซีส์ขั้นบันได (Ladder Frame) IMV-0 ซึ่งเป็นโครงสร้างเดียวกับที่ใช้ใน Toyota Hilux Champ และ Fortuner รุ่นใหม่ เพื่อให้ได้สมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่แข็งแกร่งและทนทาน

    สำหรับทางเลือกด้านขุมพลังนั้น แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่สื่อญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า Land Cruiser FJ อาจมาพร้อมกับตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.7 ลิตร (รหัส 2TR-FE) และอาจมีทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.8 ลิตร พร้อมระบบ Mild-Hybrid (คล้ายกับที่ใช้ใน Land Cruiser Prado, Hilux และ Fortuner) โดยทุกรุ่นน่าจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เป็นมาตรฐาน

    การกลับมาของตำนานสายลุย

    การเปิดตัวของ Land Cruiser FJ นี้ถือเป็นการกลับมาของรถ SUV ขนาดกะทัดรัดที่เน้นการลุยอย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่ตลาดเพื่อแข่งขันในกลุ่มรถออฟโรดขนาดเล็ก โดยจะเริ่มทำตลาดในภูมิภาคเอเชียก่อน (รวมถึงประเทศไทย) ก่อนจะขยายไปยังตลาดใหญ่อย่างอเมริกาและยุโรปต่อไป

    หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นยังคงเป็นรายงานข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Toyota ดังนั้น แฟน ๆ รถยนต์ยังคงต้องติดตามการประกาศจากบริษัทอย่างใกล้ชิดในวันที่ 20-21 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่ารายละเอียดทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในงานสำคัญนี้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Suzuki Gixxer SF 250 รุ่นเชื้อเพลิงชีวภาพ (Flex-Fuel) เตรียมอวดโฉมในงาน Japan Mobility Show 2025 เน้นย้ำความมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

    1 Min Read

    Suzuki Gixxer SF 250 รุ่นเชื้อเพลิงชีวภาพ (Flex-Fuel) เตรียมอวดโฉมในงาน Japan Mobility Show 2025 เน้นย้ำความมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

    ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เตรียมนำรถจักรยานยนต์รุ่นต้นแบบที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพอย่าง Suzuki Gixxer SF 250 FFV (Flex-Fuel Vehicle) เข้าจัดแสดงในงาน Japan Mobility Show 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Tokyo Big Sight ในปลายเดือนตุลาคมนี้ ตอกย้ำถึงความพยายามของค่ายผู้ผลิตจากญี่ปุ่นในการขยายทางเลือกด้านยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

    Gixxer SF 250 FFV รุ่นนี้ ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้เชื้อเพลิงเอทานอลชีวภาพผสมกับน้ำมันเบนซินได้ในสัดส่วนสูงถึง E85 (เอทานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15%) การเคลื่อนไหวครั้งนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

    แม้ว่า Gixxer SF 250 รุ่นเชื้อเพลิงชีวภาพนี้จะเคยเปิดตัวในประเทศอินเดียมาก่อนหน้านี้ในงาน Bharat Mobility Global Expo 2025 แต่การนำมาจัดแสดงในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอในรูปแบบ “รุ่นสเปกต่างประเทศ (Overseas specification model)” ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากเอเชีย

    เพื่อให้เครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 249 ซีซี สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอทานอลสูง วิศวกรของซูซูกิได้ทำการปรับปรุงและแก้ไขชิ้นส่วนสำคัญหลายอย่าง เช่น หัวฉีด (Injector), ปั๊มเชื้อเพลิง (Fuel Pump), และหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกและยางให้มีความทนทานต่อฤทธิ์กัดกร่อนของเอทานอลอีกด้วย

    ซูซูกิระบุว่าประสิทธิภาพด้านกำลังของ Gixxer SF 250 FFV ยังคงทำได้เทียบเท่ากับรุ่นมาตรฐาน โดยให้กำลังสูงสุดที่ 26 แรงม้าที่ 9,300 รอบต่อนาที ไม่ว่าจะเป็นการใช้เชื้อเพลิง E85 หรือ E20 ก็ตาม ซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่ยังคงได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจโดยไม่ลดทอนสมรรถนะลง

    การจัดแสดง Gixxer SF 250 FFV ในงาน Japan Mobility Show 2025 ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ซูซูกิกำลังให้ความสำคัญกับแนวคิด “เส้นทางหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (multi-pathway approach)” โดยนำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย เช่นเดียวกับที่เตรียมจัดแสดงรถรุ่นอื่นๆ เช่น สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า e-Address และรถต้นแบบ Burgman ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน

    การพัฒนารถจักรยานยนต์ที่รองรับเชื้อเพลิงชีวภาพนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของซูซูกิในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ที่ยั่งยืน โดยพยายามเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถปรับให้เข้ากับข้อกำหนดและโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงในแต่ละภูมิภาคได้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ไทยฮอนด้า มอบหมวกกันน็อกครบรอบ 60 ปี ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ส่งต่อวัฒนธรรมความปลอดภัยให้สังคมไทย

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า มอบหมวกกันน็อกครบรอบ 60 ปี ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ส่งต่อวัฒนธรรมความปลอดภัยให้สังคมไทย

     

    บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง ในวาระครบรอบ 60 ปี ด้วยการมอบหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. จำนวน 60 ใบ รวมมูลค่า 60,000 บาท ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) การมอบหมวกกันน็อกในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนรับมอบ ร่วมกันผลักดันการสร้างวัฒนธรรมการสวมหมวกกันน็อกให้แพร่หลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการแสดงความห่วงใยต่อสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ที่ต้องใช้รถในการปฏิบัติงาน พร้อมถ่ายทอดแนวคิดด้านความปลอดภัยสู่สังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่เดินทาง

    ในโอกาสไทยฮอนด้า ครบรอบ 60 ปี ยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์ส่งต่อความปลอดภัยให้คนไทย ผ่านการจัดคาราวานมอบหมวกกันน็อกให้คนไทยทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดความสูญเสียบนท้องถนนและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

     

    สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ได้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th

    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand

    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha

    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

     

    #ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสัมคมไทย

    #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


     

    No Comment
  • “มารินี” แรงต่อเนื่อง! ทะลุ Q2 โมโตจีพี ออสเตรเลีย “ก้อง-สมเกียรติ” ลุยเต็มที่ซ้อมวันแรก

    1 Min Read

    “มารินี” แรงต่อเนื่อง! ทะลุ Q2 โมโตจีพี ออสเตรเลีย “ก้อง-สมเกียรติ” ลุยเต็มที่ซ้อมวันแรก

    “ลูก้า มารินี” ยอดนักบิดอิตาเลียนจาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ควบรถแข่ง Honda RC213V ทะยานเข้า Q2 ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 19 ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ขณะ “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดไทยหนึ่งเดียวในโมโตจีพี เร่งทำงานอย่างหนักในการซ้อมวันแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคมนี้ ที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

    ผลการซ้อมในรอบ PR ปรากฏว่า “ลูก้า มารินี” นักบิดอิตาเลียน หมายเลข 10 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ทำความเร็วได้ดีอย่างต่อเนื่อง ในอันดับ 7 โดยสามารถทะลุเข้าสู่ Q2 ได้อีกครั้ง ตามหลังหัวแถวเพียง 0.559 วินาที ส่วน “โจอัน เมียร์” ทีมเมทชาวสแปนิช หมายเลข 36 รั้งอันดับ 14 ตามหลัง 0.827 วินาที

    ด้าน “โยฮันน์ ซาร์โก” จอมเก๋าชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ รั้งอันดับ 15 ตามหลัง 0.884 วินาที ตามด้วยนักบิดไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ในอันดับ 22 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.112 วินาที

    ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดชาวไทยหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย คัมแบ็กสู่สนามครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จบวันแรกด้วยอันดับ 23 ตามหลังจ่าฝูง 1.848 วินาที

    ทั้งนี้ ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ จะจับเวลารอบควอลิฟายและ “สปรินต์เรซ” ในวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ ส่วนการแข่งขันรอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 07.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 08.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 10.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV

    แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #AustralianGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment