• ฮอนด้า จัดหนักส่งท้ายปี รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสูงสุด 70,000 บาท สำหรับ City Series ผ่านแคมเปญ Honda Pro OH! MY GOOOOOD PLUS+ โปรใหม่ จัดใหญ่เต็ม MAX City ซี๊ดดด Deal พร้อมหลากหลายข้อเสนอคุ้มค่า ตั้งแต่ 1 ต.ค. – 11 ธ.ค. 2568

    2 Min Read

     ฮอนด้า จัดหนักส่งท้ายปี รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสูงสุด 70,000 บาท สำหรับ City Series ผ่านแคมเปญ Honda Pro OH! MY GOOOOOD PLUS+ โปรใหม่ จัดใหญ่เต็ม MAX City ซี๊ดดด Deal พร้อมหลากหลายข้อเสนอคุ้มค่า ตั้งแต่ 1 ต.ค. – 11 ธ.ค. 2568

    บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดหนักส่งท้ายปีผ่าน แคมเปญ “Honda Pro OH! MY GOOOOOD PLUS+” โปรใหม่ จัดใหญ่เต็ม MAX City ซี๊ดดด Deal รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสูงสุด 70,000 บาท สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์ซิตี้คาร์ยอดนิยมอย่าง Honda City และ Honda City Hatchback ทั้งขุมพลัง TURBO และขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และรุ่นพิเศษ Honda City Hatchback DRIVAL Limited Edition โดยเน้นความคุ้มค่าและมอบทางเลือกที่หลากหลาย “ตรงใจ เลือกได้เอง” สำหรับลูกค้าที่จองฮอนด้า ซิตี้ รุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 11 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568

     

    ไฮไลต์ข้อเสนอสำหรับ Honda City และ Honda City Hatchback รุ่น TURBO ราคาเริ่มต้นเพียง 599,000 บาท

    • ทางเลือกใหม่! รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม มูลค่า 70,000 บาท สำหรับรุ่น TURBO พร้อมเลือกรับ
      • ดอกเบี้ย 0% พร้อมฮอนด้า อัลติเมท แคร์
      • หรือเลือกรับ ประกันภัย 2 ปี พร้อมฮอนด้า อัลติเมท แคร์

    โดยมาพร้อมหลากหลายข้อเสนอคุ้มค่าให้ลูกค้าเป็นเจ้าของ Honda City และ Honda City Hatchback รุ่น TURBO ได้ง่ายขึ้น ได้แก่

    • ดอกเบี้ยพิเศษ 0%* พร้อมรับ Honda Exclusive Care 5 ปี มูลค่าสูงสุด 69,000 บาท ประกอบด้วย
    • ฟรี ประกันภัย 1 ปี*
    • ฟรี แพ็กเกจเช็กระยะ (ค่าแรง ค่าอะไหล่) 5 ปี หรือ 100,000 กม.*
    • ฟรี ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
    • โปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส (Double Smile Plus) ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ ตามสไตล์ที่คุณชอบ
      • สำหรับ Honda City Hatchback (เกรด S+) ฮอนด้าช่วยผ่อน 7 ปี รวมมูลค่าสูงสุด 104,400 บาท*
      • ผ่อนเบาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,281 บาท* หรือเลือก ดาวน์ต่ำเพียง 10%*
      • พร้อม ฟรี! ประกันภัย 1 ปี*และฮอนด้า อัลติเมทแคร์

     

    ไฮไลต์ข้อเสนอสำหรับ Honda City e:HEV และ City Hatchback e:HEV ราคาเริ่มต้น 729,000 บาท

    สัมผัสประสบการณ์ขับขี่ของระบบฟูลไฮบริด e:HEV – The EXCITING Hybrid ใน Honda City e:HEV และ Honda City Hatchback e:HEV ที่ให้ทั้งความแรง ขับสนุก อัตราเร่งทันใจ สมูททุกจังหวะขับขี่ และให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ซึ่งมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดังนี้

    • ทางเลือกใหม่! รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม มูลค่า 50,000 บาท พร้อมเลือกรับ
    • ดอกเบี้ย 0% พร้อมฮอนด้า อัลติเมท แคร์
    • หรือเลือกรับ ประกันภัย 2 ปี พร้อมฮอนด้า อัลติเมท แคร์

    โดยมาพร้อมหลากหลายข้อเสนอคุ้มค่าให้ลูกค้าเป็นเจ้าของ Honda City e:HEV และ Honda City Hatchback e:HEV ได้ง่ายขึ้น ได้แก่

    • ดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อม Honda Exclusive Care 5 ปี มูลค่าสูงสุด 145,000 บาท ประกอบด้วย
    • ฟรี ประกันภัย 1 ปี*
    • ฟรี รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
    • ฟรี แพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม.*
    • ฟรี ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
    • โปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส (Double Smile Plus) ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ ตามสไตล์ที่คุณชอบ
      • ค่างวดเริ่มต้นเพียง 7,130 บาท* หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10%*
      • รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

    ข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับ Honda City Hatchback DRIVAL Limited Edition

    • ทางเลือกใหม่! รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม มูลค่า 70,000 บาท พร้อมเลือกรับ
    • ดอกเบี้ย 0% พร้อมฮอนด้า อัลติเมท แคร์
    • หรือเลือกรับ ประกันภัย 2 ปี พร้อมฮอนด้า อัลติเมท แคร์

    โดยมาพร้อมหลากหลายข้อเสนอคุ้มค่า ได้แก่

    • ดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อม Honda Exclusive Care 5 ปี มูลค่าสูงสุด 145,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติม 20,000 บาท ประกอบด้วย
      • ฟรี ประกันภัย 1 ปี*
      • ฟรี รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
      • ฟรี แพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม.*
      • ฟรี ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
    • โปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส (Double Smile Plus) ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ ตามสไตล์ที่คุณชอบ
    • ค่างวดเริ่มต้นเพียง 8,108 บาท* หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10%*
    • รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

    สิทธิพิเศษเพิ่มเติม รวมมูลค่ากว่า 26,990 บาท* สำหรับ Honda City ทั้งขุมพลัง TURBO และ e:HEV และ Honda City Hatchback DRIVAL Limited Edition

    • ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
      • ใหม่ นักเรียน/นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา หรือวิทยาลัยอาชีวศึกษาต่างๆ รวมถึง นักเรียนนักศึกษาจบใหม่ ฯลฯ ที่มีอายุไม่เกิน 27 ปี  เพียงโชว์บัตรนักเรียน/บัตรนักศึกษา หรือบัตรประชาชน อายุไม่เกิน 27 ปี ให้กับที่ปรึกษาการขายในวันจองรถยนต์ รับสิทธิพิเศษเพิ่มมูลค่า 5,000 บาท*
      • สำหรับลูกค้าที่นำรถยนต์สันดาป หรือรถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันเดิม ยี่ห้อฮอนด้า หรือยี่ห้อใดก็ได้มาขายและออกรถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม มูลค่า 15,000 บาท*
      • สำหรับเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าและครอบครัว (Honda Loyalty) รับส่วนลดดอกเบี้ย 0.15%* พิเศษเฉพาะสำหรับเจ้าของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รับเพิ่มบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท*
      • เพื่อนแนะนำเพื่อน* ลูกค้าที่ออกรถจะได้รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 3,000 บาทเพิ่มเติม สำหรับเพื่อนที่แนะนำจะได้รับคูปองส่วนลดเงินส่วน (e-Coupon) มูลค่า 3,000 บาท เพื่อใช้สำหรับการซื้อสินค้าและบริการที่ศูนย์บริการฮอนด้า

    (ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ลูกค้าในการเลือกรับแคมเปญอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างแคมเปญสำหรับเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าและครอบครัว หรือแคมเปญเพื่อนแนะนำเพื่อน เพื่อรับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท)

    • สำหรับลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และ กลุ่มลูกค้าอาชีพพิเศษ สิทธิพิเศษ รับส่วนลดดอกเบี้ยพิเศษเพิ่ม 0.10%* จากดอกเบี้ยตามตารางส่งเสริมการขายประจำเดือน (เฉพาะกรณีทำสัญญาเช่าซื้อผ่านบริษัท ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น)
    • ฟรี กระเป๋าล้อลาก CAGGIONI รุ่น Trunk ขนาด 20 นิ้ว มูลค่า 3,990 บาท* เพียงจองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 11 ธันวาคม 2568 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568

    ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Honda Pro OH! MY GOOOOOD PLUS+

    โปรใหม่ จัดใหญ่เต็ม MAX City ซี๊ดดด Deal ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง (Honda Call Center) โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดที่ https://www.honda.co.th/promotions

    • ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Honda City ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.honda.co.th/city
    • ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Honda City Hatchback ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.honda.co.th/cityhatchback

    อัปเดตทุกข่าวสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมล่าสุด เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวได้ที่

    • เว็บไซต์: honda.co.th
    • Facebook Official Account: Honda Thailand
    • LINE Official Account: @honda-thailand

    หมายเหตุ

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

     

    ข้อมูลเพิ่มเติม

    • ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) คือ การขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
    • Honda Exclusive Care คือ แคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ฮอนด้าใหม่ทุกรุ่น เพื่อมอบความมั่นใจในการใช้รถฮอนด้าในระยะยาว ประกอบไปด้วย
    • ฟรีประกันภัย 1 ปี
    • ฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ตามตารางการบำรุงรักษา
    • ฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับรถยนต์ e:HEV ทุกรุ่น
    • สำหรับแบบ 5 ปี จะมีฟรี Honda Ultimate Care ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง ซึ่งปกติจะได้ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แต่ขยายเพิ่มให้อีกเป็น
      5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร
      (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • “กลุ่มตรีเพชร” เพิ่มพื้นที่สีเขียว เดินหน้าโครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth

    1 Min Read

    “กลุ่มตรีเพชร” เพิ่มพื้นที่สีเขียว เดินหน้าโครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth

    กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ตอกย้ำการเป็นนิติบุคคลที่ดีและสร้างสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้โครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” ในปีนี้ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนผู้บริหารและพนักงานกลุ่มตรีเพชร ร่วมบริจาคยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว พร้อมปลูกต้นไม้ และยิงเมล็ดพันธุ์ปลูกป่า ณ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

    มร. ทาคาชิ ฮาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มตรีเพชร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มตรีเพชรรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาจัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมขึ้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีอีกครั้ง โครงการ “Tri Petch Group Saves the Earth” เป็นโครงการต่อเนื่องโดยริเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559 ผ่านการปรับปรุงระบบพลังงานและทรัพยากรต่าง ๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังเสริมสร้างความตระหนักรู้ของพนักงานและส่งเสริมวัฒนธรรมเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในปีนี้เราได้มีผู้บริหารและพนักงานกลุ่มตรีเพชรกว่า 80 คน ร่วมกันฟื้นฟูผืนป่าด้วยการปลูกต้นไม้จำนวน 200 ต้น และยิงเมล็ดพันธุ์ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากจำนวน 3,000 เมล็ด พร้อมบริจาคยางรถยนต์ที่ไม่ใช้งานแล้ว จำนวน 90 เส้น ให้แก่ค่ายหัตถวุฒิ เพื่อสนับสนุนหลักการการนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งเป็นการช่วยสนับสนุนพันธมิตรในชุมชนอีกด้วย 

    ทั้งนี้ บริษัทได้จัดกิจกรรมในรูปแบบ “Low-Carbon CSR” ที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น เพื่อลดการเกิดขยะ และจัดการกับขยะที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมด้วยการรีไซเคิล

    กลุ่มตรีเพชรเชื่อมั่นว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดี อีกทั้งมีส่วนช่วยสร้างและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนตามที่ได้ตั้งไว้

     

    ติดตามข่าวสารของกลุ่มตรีเพชรได้ที่ www.tripetchgroup.com


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ประวัติ Ford และเฮนรี่ ฟอร์ด – จากวิสัยทัศน์สู่ถนนทั่วโลก

    2 Min Read

    ประวัติ Ford และเฮนรี่ ฟอร์ด จากวิสัยทัศน์สู่ถนนทั่วโลก

    เด็กชายในฟาร์มที่หลงใหลเครื่องจักรกล สู่ผู้ปฏิวัติที่นำพาจุดกำเนิดของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เป็นแรงบันดาลใจทั้งด้านวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และความกล้าที่จะคิดต่าง โดยเรื่องราวของแบรนด์รถยนต์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการเดินทางของมนุษยชาติสู่ปัจจุบันนี้

    • จุดเริ่มต้นของตำนาน

    เฮนรี่ ฟอร์ด เกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1863 ในฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เด็ก เขามีความสนใจในเครื่องจักรกลเป็นอย่างมากโดยเฉพาะนาฬิกา ซึ่งเขาชอบแกะออกมาดูกลไกภายในและประกอบกลับเข้าไปใหม่ เมื่ออายุ 16 ปี เขาออกจากบ้านเพื่อไปเป็นช่างกลฝึกหัดในเมืองดีทรอยต์ ที่นั่นเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรไอน้ำและเครื่องยนต์ต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับอนาคตของเขา

    จนกระทั่งในปี 1888 เฮนรี่ แต่งงานกับ คลาร่า เจน ไบรอันท์ และให้กำเนิดลูกชายชื่อ เอดเซล ฟอร์ด หลังจากนั้นมา เฮนรี่ ได้เข้าทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัท Edison Illuminating Company ในปี 1891 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในชีวิตการทำงานของเขา ที่นี่เองที่เขาได้พบกับ โธมัส เอดิสัน ผู้ซึ่งกลายเป็นเพื่อนและที่ปรึกษาของเขาในเวลาต่อมา

    แต่ความฝันของเฮนรี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาหลงใหลในแนวคิดของยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และในปี 1896 เขาได้สร้างรถยนต์คันแรกของตัวเองที่เรียกว่า “Quadricycle” หลังจากความสำเร็จของ Quadricycle เฮนรี่ได้ก่อตั้งบริษัท Ford Motor Company ในปี 1903 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะผลิตรถยนต์ที่มีราคาไม่แพงสำหรับชาวอเมริกันทั่วไป

    ความสำเร็จครั้งใหญ่ของ Ford มาถึงในปี 1908 เมื่อบริษัทเปิดตัวรถยนต์รุ่น Model T ซึ่งกลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในยุคนั้น ด้วยราคาที่ย่อมเยาและคุณภาพที่ดี Model T ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวอเมริกันไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ เฮนรี่ ฟอร์ด ยังเป็นผู้บุกเบิกระบบการผลิตแบบสายพาน (Assembly Line) ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก วิธีการนี้ไม่เพียงแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกอีกด้วย

    เฮนรี่ ฟอร์ด ประสบกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างมาก ในปี 1919 เขาส่งมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กับลูกชายของเขา เอดเซล ฟอร์ด แต่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในการดำเนินงานของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างเฮนรี่และเอดเซลมักจะตึงเครียด เนื่องจาก เฮนรี่ มักจะแทรกแซงการตัดสินใจของลูกชาย โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบรถยนต์และการบริหารจัดการ

    Lincoln Continental SS-100-X รถประจำตำแหน่งประธานาธิบดี John F. Kennedy

    และในปี 1922 Ford Motor เข้าซื้อกิจการแบรนด์รถยนต์สุดหรู ที่ตั้งชื่อตามประธานาธิบดี Lincoln ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1917 และกลายเป็นที่จดจำในฐานะ รถประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกหลายต่อหลายคนในอนาคตหลังจากนั้น เช่น Franklin D. Roosevelt, Harry S. Truman, John F. Kennedy, Richard Nickson, Jimmy Carter หรือแม้กระทั่ง Ronald Reagan

    ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัท Ford ได้มีส่วนร่วมในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพสหรัฐฯ รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 Liberator ที่ผลิตในโรงงาน Willow Run ของ Ford หลังจาก เอดเซล ผู้เป็นลูกชายเสียชีวิตในปี 1943 ด้วยโรคมะเร็ง เฮนรี่ ฟอร์ด กลับมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอีกครั้ง แม้ว่าสุขภาพของเขาจะเริ่มทรุดโทรมลงในช่วงนี้ เขาได้เผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์หลังสงคราม

    ในปี 1945 เฮนรี่ ฟอร์ด ได้ส่งมอบการควบคุมบริษัทให้กับหลานชายของเขา เฮนรี่ ฟอร์ดที่ 2 ซึ่งเป็นลูกชายของ เอดเซล เฮนรี่ ฟอร์ดที่ 2 ได้นำพาบริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการปรับปรุงการบริหารจัดการและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในวาระสุดท้ายของชีวิต เฮนรี่ ฟอร์ด ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านพักของเขาในดีร์บอร์น รัฐมิชิแกน เขายังคงสนใจในกิจการของบริษัทและมักจะให้คำปรึกษาแก่ทีมผู้บริหาร แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานประจำวันแล้วก็ตาม นอกจากนี้ เฮนรี่ ฟอร์ด ยังใช้เวลาในการทำงานด้านการกุศลผ่านมูลนิธิฟอร์ด (Ford Foundation) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1936 มูลนิธินี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการศึกษา วิทยาศาสตร์ และการพัฒนาสังคม

    เฮนรี่ ฟอร์ด เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายน 1947 ที่บ้านของเขาในดีร์บอร์น ด้วยวัย 83 ปี งานศพของเขาจัดขึ้นที่โบสถ์เซนต์พอล ในดีร์บอร์น และมีผู้เข้าร่วมไว้อาลัยกว่า 100,000 คน แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและความเคารพที่ผู้คนมีต่อเขา แล้วมรดกของ เฮนรี่ ฟอร์ด ยังคงสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ผ่านบริษัท Ford Motor Company รวมถึงแนวคิดด้านการผลิต นวัตกรรม และการบริหารธุรกิจที่เขาได้ริเริ่มไว้ ซึ่งยังคงมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

    • ทิศทางของ Ford หลังสิ้นสุดยุคสมัย

    เออร์เนสต์ โรเบิร์ต บรีช

    หลังจาก เฮนรี่ ฟอร์ด ได้จากโลกนี้ไป 1 ปี ก็ได้มีการจ้างนาย เออร์เนสต์ โรเบิร์ต บรีช ที่ดำรงตำแหน่งประธานของ Bendix ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายบบริหารของ Ford และขึ้นมาเป็นประธานบอร์ดบริหารในปี 1955 ในส่วนของ นาย เฮนรี่ ฟอร์ดที่ 2 ผู้ซึ่งเป็นหลานชายก็ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ประธานในปี 1945-1960 และดำรงตำแหน่ง CEO ในปี 1960-1980 จนกระทั่งในปี 1965 Ford ได้ให้กำเนิดม้าคลั่งขวัญใจมหาชน นั่นก็คือ Mustang และกลายมาเป็นไลน์อัพรถยนต์ของ Ford ที่อายุยืนที่สุดเท่าที่เคยมีมา และในปี 1966 Ford ก็เปิดตัวรถ SUV รุ่น Bronco ออกมาเป็นโฉมแรก

    Ford Pinto

    ในเมื่อมีความสำเร็จก็ย่อมต้องมีความล้มเหลว และความล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุด คือ Ford Pinto ที่ทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1971-1980 มียอดขายมากกว่า 3 ล้านคัน แต่ถูกประทับหน้าว่าเป็นรถที่อันตรายที่สุดในโลก

    เพราะถังน้ำมันอยู่ติดท้ายรถมากเกินไป จนเกิดเหตุน่าสลดขึ้นเมื่อมันเคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนผู้ขับขี่บาดเจ็บสาหัส และเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น และศาลก็ออกคำสั่งให้ Ford ต้องยกเลิกการผลิตรถรุ่นนี้ และเสียค่าปรับไปกว่า 125 ล้าน USD หรือ 2,500 ล้านบาท

    Ford Ranger (1983)

    ในปี 1983 Ford จากเดิมที่เคยผลิตรถกระบะมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ได้ผ่านมรสุมต่างๆมากมายจากการที่มีรถกระบะแบรนด์ต่างๆจากยุโรปและญี่ปุ่นเข้ามาตีตลาดแทบแตก และไหนจะเกิดวิกฤตน้ำมันอีกก็เริ่มเปิดตัว Ford Ranger ขึ้นมา และดุดันไม่เกรงใจใครจนถึงปัจจุบัน และในปี 2009 Ford ก็ยังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่นั่นก็คือ EcoBoost ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จขนาดเล็กที่ให้กำลังสูงแต่ประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีนี้ใช้การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (direct injection) ร่วมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ ทำให้ได้เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงและลดการปล่อยไอเสียได้ดีขึ้น

    • Ford ในประเทศไทย

    Ford เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 1995 ภายใต้ชื่อบริษัท ฟอร์ด โอเพอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยเริ่มจากการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปมาจำหน่าย ต่อมาในปี ค.ศ. 1997 Ford ได้ร่วมทุนกับบริษัท มาสด้า คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

    ซึ่งนับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของ Ford ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานแห่งนี้เริ่มการผลิตรถยนต์รุ่นแรกในปี ค.ศ. 1998 คือ Ford Ranger รถกระบะที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการผลิตรถยนต์รุ่นอื่นๆ เช่น Ford Everest, Ford Fiesta และ Ford Focus

    Ford ได้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในปี ค.ศ. 2012 Ford ได้ลงทุนเพิ่มเติมกว่า 27,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งที่สองในจังหวัดระยอง และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค แล้ว Ford ยังได้นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ สู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย เช่น ระบบ SYNC ที่ช่วยในการเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยนต์ด้วยเสียง

    นอกจากนี้ Ford ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ในประเทศไทย เช่น โครงการขับขี่ปลอดภัย Ford Driving Skills for Life ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ทั่วประเทศ ปัจจุบัน Ford ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มรถกระบะและรถอเนกประสงค์ (SUV)

    • วิธีคิดแบบเฮนรี่ ฟอร์ด

    เฮนรี่ ฟอร์ด ไม่ใช่แค่นักประดิษฐ์หรือนักธุรกิจธรรมดา แต่เขาเป็นนักคิดที่มองการณ์ไกล วิธีคิดของเขาที่ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม มีดังนี้

    – การผลิตแบบสายพาน

    เฮนรี่นำเสนอระบบการผลิตแบบสายพานในปี 1913 ซึ่งปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ระบบนี้ลดเวลาการประกอบ Model T จาก 12 ชั่วโมงเหลือเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที นวัตกรรมนี้ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ได้เร็วขึ้นและมีราคาถูกลง ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

    ราคาที่จับต้องได้

    เขาเชื่อว่ารถยนต์ไม่ควรเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับคนรวย แต่ควรเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้
    ในปี 1908 Model T มีราคาเริ่มต้นที่ 825 ดอลลาร์ และลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 260 ดอลลาร์ในปี 1925 นโยบายนี้ทำให้ชนชั้นกลางสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ เปลี่ยนแปลงสังคมอเมริกันอย่างมาก

    –  นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

    เฮนรี่ ไม่เคยหยุดคิดค้นและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเขา แล้วส่งเสริมให้พนักงานคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการปรับปรุงกระบวนการผลิต จน Ford ได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 160 ชิ้นในช่วงชีวิตของ เฮนรี่

    – การให้ความสำคัญกับพนักงาน

    ในปี 1914 เขาประกาศนโยบาย “$5 Day” โดยเพิ่มค่าแรงจาก 2.34 ดอลลาร์ต่อวัน เป็น 5 ดอลลาร์ต่อวัน
    เขาลดชั่วโมงการทำงานจาก 9 ชั่วโมงเป็น 8 ชั่วโมงต่อวัน นโยบายนี้ช่วยลดอัตราการลาออกและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อีกทั้งยังทำให้พนักงานมีกำลังซื้อรถยนต์ Ford ได้

    – มองเห็นภาพใหญ่

    เฮนรี่ไม่ได้มองแค่การขายรถยนต์ แต่เขามองเห็นว่ารถยนต์จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนอย่างไร เขาสนับสนุนการสร้างถนนและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเขามองว่ารถยนต์จะช่วยให้ผู้คนมีอิสระในการเดินทางและเปิดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต

    • บทบาทในสนาม

    ในส่วนของวงการมอเตอร์สปอร์ต Ford นับได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ และมักจะไปโผล่ในการแข่งขันรูปแบบต่างๆ เช่น การแข่งขันเอ็นดูรานซ์ รายการต่างๆ ที่เริ่มส่ง Ford GT40 ไปลงแข่งขันครั้งแรกที่สนาม Nurburgring 1000 km เมื่อเดือนพฤษภาคม 1964 เพราะระบบช่วงล่างมีปัญหาจึงแข่งไม่จบ และยังมีปัญหามาเรื่อยจนกระทั่งมีอยู่คนหนึ่งที่ช่วยให้ Ford แก้ตัวได้สำเร็จ นั่นก็คือ Carroll Shelby และคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกที่สนาม Daytona 2000km เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1965 โดยที่ได้ เคน ไมลส์ และ ลอยด์ รูบี เป็นนักขับให้กับทีม และคว้าอันดับที่ 2 ในรายการ Sebring 12hr เมื่อเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ผลงานโด่งดังที่สุดของ Ford GT40 มาจากการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ปี 1966 ที่กวาดตำแหน่ง 1-2-3 ไปหมดเกลี้ยง โดยนักขับที่ได้อันดับที่ 1 คือ บรูซ แมคลาเรน จับคู่กับ คริส อามอน อันดับที่ 2 คือ เคน ไมลส์ จับคู่กับ เดนนี่ ฮูล์ม และอันดับที่ 3 คือ รอนนี บัคนัม จับคู่กับ ดิก ฮัทเชอร์สัน และการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ก็มีอยู่ในหนังเรื่อง Ford v Ferrari

    ถัดมาที่ IndyCar ที่ Ford ก้าวเข้าสู่สังเวียนครั้งแรกในปี 1935 ด้วยการส่งเครื่องยนต์ V8 ให้ทีม Miller-Ford ไปแจ้งเกิด และยังสนับสนุนเครื่องยนต์ให้กับ Lotus เป็นครั้งแรกในปี 1963 และคว้าแชมป์มาได้ในปี 1965 ด้วยเครื่องยนต์ V8 DOHC จนกระทั่งในปี 1976 Ford ได้ร่วมพัฒนาเครื่องยนต์กับ Cosworth ออกมาเป็นเครื่อง DFX ขนาด 2.6 L เทอร์โบ และคว้าแชมป์ Indianapolis 500 มาถึง 18 ครั้ง ในวันที่ 12 พฤษภาคม 1996 Arie Luyendyk สามารถสร้างสถิติทำความเร็วในการแข่งขันรอบ ควอลิฟายเร็วที่สุด ทั้ง 1 รอบที่ความเร็วเฉลี่ย 382.216 กม./ชม. และ 4 รอบที่ความเร็วเฉลี่ย 381.392 กม./ชม. โดยที่สถิตินี้ยังคงอยู่มาถึงปี 2022

    ต่อมาในส่วนของการแข่งขัน Formula 1 Ford มีส่วนร่วมในการแข่งขันนี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1967 และหยุดพักไปยาวตั้งแต่ปี 2004 ในช่วงระหว่างนี้ ทีม Lotus และทีม McLaren ที่ใช้เครื่องยนต์ของ Ford ที่พัฒนาร่วมกับ Cosworth เช่นกัน สามารถคว้าแชมป์มาได้ถึง 176 สนาม และยังเข้าซื้อทีม Stewart Grand Prix เพื่อฟอร์มทีม Jaguar Racing ขึ้นมาในปี 2000 แต่หลังจากที่ทีมนี้สร้างผลงานมาได้เพียง 5 ซีซั่น Ford ก็หยุดพักจาก Formula 1 พร้อมขายทีม Jaguar Racing ซึ่งต่อมาทีมนี้ก็กลายมาเป็นทีม กระทิงแดง Red Bull Racing ส่วน Cosworth ก็ถูกขายให้กับ Gerald Forsythe กับ Kevin Kalkhoven

    จนกระทั่ง เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา Ford ได้ประกาศว่าจะกลับมาสนับสนุนเครื่องยนต์ต่อ ในปี 2026 โดยการจับมือร่วมกับทีมรองของกระทิงแดงอย่าง Visa Cash App RB Formula 1 ที่เพิ่งแจ้งเกิดในฐานะทีมน้องใหม่เมื่อปี 2024

    ในสนาม Drag เราจะพบเห็นได้บ่อยในการแข่งขันรุ่น Funny Cars ของ NHRA ด้วยรถ Mustang ส่วนของสนาม Drift เราก็มักจะได้เห็น Ford Mustang โชว์ลีลาเชือดเฉือนกับคู่แข่งอย่างบ้าคลั่งในรายการใหญ่ๆ ทั้ง Formula Drift หรือ D1 Grand Prix โดยนักแข่งขาประจำก็คือ Vaughn Gittin Jr. และนอกจากนี้ Diego Higa นักดริฟท์ชาวบราซิลยังเคยคว้าแชมป์ในรายการ Netflix Hyperdrive เมื่อปี 2019 ด้วยรถ Mustang V8 รุ่นปี 2006

    Ford Coupe ของ Red Byron แชมป์ NASCAR คนแรก

    รายการแข่งขัน NASCAR มีนักแข่ง Red Byron นำรถ Ford Coupe ปี 1939 มาเข้าร่วมจนได้เป็นแชมป์คนแรกของรายการนี้ ในปัจจุบัน Ford เป็นหนึ่งใน 3 แบรนด์หลักที่เข้าแข่งขันทั้ง 3 รายการย่อย และรถที่ใช้แข่งขันก็มีทั้ง Mustang GT ในรายการ NASCAR Cup Series และ Xfinity Series ส่วนอีกคันก็คือ F-150 ในรายการ NASCAR Craftsman Truck Series และยังมีรายการแข่งขันอีกมากมายที่ Ford ได้เข้าร่วมมา

    Ford Mustang GT

    Ford F-150

    จากวิสัยทัศน์ของเฮนรี่ ฟอร์ด สู่การสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เข้าถึงผู้คนทั่วโลก วันนี้ “Ford” ยังคงเดินหน้าพัฒนา นวัตกรรมและยึดมั่นในเจตนารมณ์เดิม เพื่อขับเคลื่อนอนาคตการเดินทางของมนุษยชาติให้ก้าวไกลอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับสกู๊ตนี้พวกเราขอฝากติดตาม Realtime Car Magazine ด้วยนะครับ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • ครั้งแรกในไทยกับปรากฏการณ์ใหม่! GWM จัดใหญ่ “TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD” ฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL 5,000 คัน

    1 Min Read

    ครั้งแรกในไทยกับปรากฏการณ์ใหม่! GWM จัดใหญ่ “TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD” ฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL 5,000 คัน เฟสติวัลรวมพลคนรัก TANK ที่รวมสายออฟโรดและสายรถแต่งไว้ในงานเดียว 18 ตุลาคมนี้!

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” จากความสำเร็จของตระกูลรถออฟโรดทั้ง GWM TANK 300 และ GWM TANK 500 ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามตั้งแต่เปิดตัว สู่จำนวน TANKER หรือผู้ใช้จริงที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าชาวไทยทั่วประเทศและเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ครบ 5,000 คัน ปลุกกระแสคนรักรถ GWM TANK และการตกแต่ง รวมถึงเอาใจสายซิ่ง สายลุย และสายโหด GWM จึงจัดมหกรรมเฟสติวัลสุดยิ่งใหญ่ TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD” ครั้งแรกในไทย เนรมิตพื้นที่ขนาดมหึมาเกือบ 50,000 ตารางเมตร ให้เป็นลานกิจกรรมสุดเร้าใจ เปิดพื้นที่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ GWM TANK ทั้งสายออฟโรดและสายชิลล์ผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถให้เป็นพื้นที่ได้ปล่อยของ ปลดปล่อยจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ผ่านกิจกรรมความสนุกที่อัดแน่นในทุกตารางนิ้ว ทั้งเวทีประกวดและจัดแสดงรถแต่ง การแข่งขันการขับขี่ออฟโรดสุดครีเอทีฟ สนามเทสต์สมรรถนะ GWM TANK กิจกรรมความสนุกอีกมากมาย พร้อมรับของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้าน การันตีความอร่อยตลอดวันด้วยสตรีทฟู้ดกับ Food truck เจ้าดังจำนวนมาก รับชมการแสดงดนตรีคลอเคล้าบรรยากาศจากวงดนตรีชื่อดังตั้งแต่เช้าจรดเย็น พร้อมตบท้ายด้วยคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังยามค่ำคืน สำหรับผู้ที่สนใจทุกคนเข้าร่วมงานฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย จะมาคนเดียว มาเป็นคู่ เป็นแก๊งค์ หรือยกขบวนทั้งครอบครัว ปักหมุดแล้วมาเจอกัน วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568 ณ ESC Park รังสิต จ.ปทุมธานี และวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2568 สำหรับผู้ที่สนใจทดลองขับ GWM

     

    ในงานนี้ GWM (Thailand) ได้แสดงถึงวัฒนธรรม GWM TANK ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้ง GWM TANK 300 และ GWM TANK 500 รวมถึงจัดการประกวดรถแต่งครั้งใหญ่ ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของผู้ใช้ GWM TANK ทั่วประเทศ ที่ต้องการบ่งบอกสไตล์และตัวตนของตนเองที่ไม่ซ้ำใครผ่านการตกแต่งรถ กับกิจกรรมการแข่งขันการแต่งรถประเภท Performance หรือการเน้นสมรรถนะ และการแต่งรถประเภท Appearance ที่เน้นไปที่การแต่งเพื่ออวดโฉม อวดไอเดียความสวยงามในสไตล์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะสายออฟโรด GWM อยากชวนให้ได้สัมผัสของจริง พิสูจน์ด้วยตาเนื้อกับความเร้าใจของการแข่งขันการขับขี่บนสนามออฟโรดในเมืองที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างสุดครีเอทีฟ พร้อมจุดถ่ายภาพเพื่อชาวโซเชียลที่ไม่ควรพลาด รวมถึงยังมีโซนเกม โซน DIY และพื้นที่สำหรับเด็ก ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ชาว TANKER ทั่วประเทศและผู้ที่รักการผจญภัยต้องไม่พลาดเช็คอินที่ TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD” มหกรรมสุดยิ่งใหญ่เพื่อทุกคนอย่างแท้จริง สนุกได้ครบ จบในงานเดียว

     

    เวยน์ โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “กระแสตอบรับที่อบอุ่นจากลูกค้าช่าวไทยที่มีต่อ GWM TANK ทำให้ชุมชนชาว TANKER เติบโตอย่างก้าวกระโดด แข็งแกร่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเราที่ต้องการสร้างการเติบโตและสานสัมพันธ์ผู้ใช้งาน GWM TANK ของเราในระยะยาวเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าและเหนือกว่า ผ่านมหกรรมเฟสติวัลครั้งใหญ่ครั้งแรกในไทย กับงาน TANK FEST 2025 and TOP RANK TANK MOD” ขณะเดียวกัน ในงานนี้เราได้เตรียมเซอร์ไพรส์และปฏิวัติวงการรถกระบะในไทย ด้วย NEW GWM POER SAHAR DIESEL ที่จะเผยโฉมเป็นครั้งแรกในงานนี้อีกด้วย ผมขอเชิญชวน TANKER และชาวไทยทุกท่านไม่ว่าจะใช้รถรุ่นใดแบรนด์ใดก็สามารถมาร่วมสนุกกันในงานนี้ได้เช่นกันครับ”

     

    #GWMThailand #GWMTANK #GWMTANK300 #GWMTANK500 #TANKER #GWMFestival

    #TANKFEST2025andTOPRANKTANKMOD #TANKMOD


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “เมียร์” แซงสุดมันส์! คว้าท็อป 5 “มารินี” ตามติดคว้าอันดับ 6 สปรินต์ โมโตจีพี มันดาลิกา

    1 Min Read

    “เมียร์” แซงสุดมันส์! คว้าท็อป 5 “มารินี” ตามติดคว้าอันดับ 6 สปรินต์ โมโตจีพี มันดาลิกา

    “โจอัน เมียร์” ยอดนักบิดสแปนิชจาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี โชว์ฟอร์มดุไล่แซงจากกริดที่ 12 บิดคว้าท็อป 5 ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 18 อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ในรอบ “สปรินต์เรซ” หลังดวลกันอย่างสุดมันส์เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่สนาม เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย

    เกมเรซนี้ชิงชัยทั้งสิ้น 12 รอบสนาม ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนและลมแรงที่ มันดาลิกา โดยผลปรากฏว่า “โจอัน เมียร์” หมายเลข 36 ที่เริ่มเกมจากกริดที่ 12 ไล่แซงคู่แข่งอย่างดุดันขึ้นมาคว้าอันดับ 5 ตามหลังผู้ชนะ 8.759 วินาที โดยมี “ลูก้า มารินี” หมายเลข 10 ทีมเมทชาวอิตาเลียนเป็นอันดับ 6 ตามหลัง 9.621 วินาที เก็บแต้มจากการแข่งขัน สปรินต์เรซ ได้ทั้งคู่

    ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา  หมายเลข 35 นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ รวมถึงทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง “โยฮันน์ ซาร์โก” หมายเลข 5 พลาดล้มออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย

     

    ทั้งนี้ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของศึก อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมนี้ เวลา 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #IndonesianGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ศึกจักรยานทรงตัว Grandprix Runbike Championship 2025 สนาม 5-6 นักปั่นตัวน้อยมุ่งสู่เป้าหมาย ชิงแชมป์ “ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา”

    1 Min Read

    ศึกจักรยานทรงตัว Grandprix Runbike Championship 2025 สนาม 5-6 นักปั่นตัวน้อยมุ่งสู่เป้าหมาย ชิงแชมป์ “ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา”

    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (27-28 กันยายน 2568) การแข่งขันจักรยานทรงตัวระดับประเทศ Grandprix Runbike Championship Partnership with R.C.S. 2025” สนาม 5-6 (Event 3) ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับพันธมิตร R.C.S. ซึ่งได้รับความสนใจจากนักปั่นรุ่นเยาว์หลายช่วงอายุและครอบครัวทั่วประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันกันอย่างคึกคัก จนแน่นขนัดเต็มพื้นที่จัดงาน

    บรรยากาศในสนามอบอวลไปด้วยพลังและความมุ่งมั่นของนักปั่นตัวน้อย ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้องจากผู้ปกครองและผู้เข้าชม ที่ร่วมกันส่งกำลังใจให้เยาวชนทุกคนมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การเข้าชิงเกียรติยศสูงสุด “ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” อันเป็นพระมหากรุณาธิคุณและความภาคภูมิใจสูงสุดของ คณะผู้จัดฯ นักกีฬา และครอบครัว

    การแข่งขันในแต่ละรุ่นเต็มไปด้วยสีสัน ทั้งความจริงจังดุเดือดในแบบมืออาชีพ และความน่ารักสดใสที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมรอบสนาม น้อง ๆ นักปั่นได้แสดงให้เห็นถึงสมาธิ ความคล่องแคล่ว และความกล้าหาญที่น่าชื่นชม ขณะเดียวกันยังได้เรียนรู้คุณค่าของการเป็นนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ควบคู่ไปกับการใช้เวลาคุณภาพร่วมกันของครอบครัว

    ภายในงานยังอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมสร้างความสุขและความคึกคัก ทั้งบูธกิจกรรมจากผู้สนับสนุนที่มอบทั้งสาระ ความสนุก และของรางวัลมากมาย รวมถึงการแสดงโชว์จาก About P Training Center โดยนักเรียนในหลักสูตร Pre-Trainee Program ที่โชว์ความสามารถได้อย่างเข้มข้นและน่าประทับใจ จนเรียกเสียงกรี๊ดจากเด็ก ๆ และแฟนคลับ T-Pop อย่างต่อเนื่อง

    ไฮไลต์สำคัญของงาน อยู่ที่พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติ ซึ่งนักกีฬาเยาวชนที่ทำผลงานโดดเด่นในแต่ละรุ่น ได้รับทั้งถ้วยรางวัล เหรียญ และของที่ระลึก โดยเฉพาะรอยยิ้มและความภาคภูมิใจที่สะท้อนชัดบนใบหน้าของเด็ก ๆ และครอบครัว นับเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่มีคุณค่าตลอดชีวิต

     

    และทันทีที่ปิดสนาม 5-6 ความตื่นเต้นพร้อมพุ่งตรงสู่ สนามปิดฤดูกาล (Event 4) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8-9 พฤศจิกายน 2568 ณ สวนกีฬากมล ซึ่งจะเป็นรอบชี้ชะตาครั้งสำคัญในการลุ้นแชมป์ประจำปี และชิงเกียรติยศสูงสุด “ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” สามารถติดตามรายละเอียดการแข่งขันและบรรยากาศเพิ่มเติมได้ทาง เพจ Grandprix Runbike Championship และช่องทางโซเชียลมีเดียในเครือกรังด์ปรีซ์ฯ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ก้อง-สมเกียรติ” ผงาดซิวท็อป 13 คว้า 3 แต้มสำคัญ โมโตจีพี มันดาลิกา “มารินี” ฮอตต่อเนื่องเข้าป้ายที่ 5

    1 Min Read

    “ก้อง-สมเกียรติ” ผงาดซิวท็อป 13 คว้า 3 แต้มสำคัญ โมโตจีพี มันดาลิกา “มารินี” ฮอตต่อเนื่องเข้าป้ายที่ 5

    “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยหมายเลข 35 สร้างผลงานในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 18 รายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ หลังออกตัวจากกริดที่ 19 ทะยานเข้าป้ายอันดับ 13 เดินหน้าเก็บแต้มต่อเนื่องโดยคว้าเพิ่ม 3 แต้ม ขณะ “ลูก้า มารินี” นักบิดทีมโรงงานฮอนด้าบู๊คว้าอันดับ 5 จากเรซสุดหินที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา

    การแข่งขันรอบเมนเรซดวลกันทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนระอุ ซึ่งในเรซนี้ “ลูก้า มารินี” นักบิดอิตาเลียน หมายเลข 10 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี เริ่มเกมจากกริดที่ 6 ออกตัวอย่างยอดเยี่ยมทะยานขึ้นไปถึงอันดับ 2 ก่อนจะบิดเข้าป้ายในอันดับ 5 ตามหลังผู้ชนะ 9.129 วินาที ส่วนทีมเมทชาวสเปนอย่าง “โจอัน เมียร์” หมายเลข 36 พลาดล้มไม่จบเรซ

    ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดขวัญใจชาวไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ที่เจอปัญหา “การยึดเกาะ” ของยางเล่นงานในวันเสาร์ ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 19 ก่อนสร้างผลงานยอดเยี่ยมจะขยับขึ้นเข้าเส้นชัยในอันดับ 13 ตามหลังผู้ชนะ 48.035 วินาที เก็บเพิ่มอีก 3 แต้ม ส่วน “โยฮันน์ ซาร์โก” ทีมเมทชาวฝรั่งเศสหมายเลข 5 จบเรซอันดับ 12 ตามหลัง 27.597 วินาที

     

    ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้ ในศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #IndonesianGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • PTG ร่วมผนึกกำลัง 5 ค่ายน้ำมันยักษ์ใหญ่ เปิดตัวโครงการ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” และแคมเปญสร้างสรรค์ “กินพี่…แล้วหมีหนาว” ขยายผลสู่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ

    1 Min Read

    PTG ร่วมผนึกกำลัง 5 ค่ายน้ำมันยักษ์ใหญ่ เปิดตัวโครงการ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” และแคมเปญสร้างสรรค์ “กินพี่…แล้วหมีหนาว” ขยายผลสู่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ

    กระทรวงพลังงานเดินหน้าหนุนเศรษฐกิจฐานรากเต็มกำลัง จับมือ 5 บริษัทผู้ค้าน้ำมันชั้นนำของไทย ได้แก่ PTG, PTTOR, เชลล์, คาลเท็กซ์ และซัสโก้ เปิดตัว “โครงการส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” พร้อมแคมเปญสร้างสรรค์ “กินพี่…แล้วหมีหนาว” เพื่อผลักดันสินค้าชุมชนคุณภาพที่ผลิตด้วยพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ชุมชน ควบคู่กับการลดการใช้พลังงาน และมุ่งสู่การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

     

    พิธีเปิดโครงการจัดขึ้น ณ ศูนย์เอเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และมีผู้บริหารระดับสูงจากทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง หนึ่งในนั้นคือ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เข้าร่วมแสดงพลังสนับสนุนในฐานะพันธมิตรหลักของโครงการ

    ภายใต้โครงการนี้ PTG ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณภาพและผ่านกระบวนการผลิตที่ช่วยลดการใช้พลังงาน จำนวน 3 รายการแรก ได้แก่

    • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จังหวัดอุตรดิตถ์
    • กล้วยตากทอดกรอบ จังหวัดกาญจนบุรี
    • ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง จังหวัดตาก

     

    นายพิทักษ์ รัชกิจประการ กล่าวว่า “PTG ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เรามุ่งมั่นที่จะใช้เครือข่ายธุรกิจของ PTG ไม่ว่าจะเป็น ร้านสะดวกซื้อ PT MaxMart หรือ ร้านกาแฟพันธุ์ไทยเป็นช่องทางให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณภาพเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง สร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกร พร้อมทั้งช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญด้านความยั่งยืนของ PTG”

     

    การเปิดตัวโครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือสำคัญระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงบวกทั้งด้านรายได้ คุณภาพชีวิต การอนุรักษ์พลังงาน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างมั่นคงและยั่งยืน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ไทยฮอนด้า เดินหน้าเกินครึ่งทาง คาราวานหมวกกันน็อก 60 ปี ส่งมอบ 62,310 ใบ จากเป้าหมาย 112,410 ใบ ทั่วประเทศ

    1 Min Read

    ไทยฮอนด้า เดินหน้าเกินครึ่งทาง คาราวานหมวกกันน็อก 60 ปี ส่งมอบ 62,310 ใบ จากเป้าหมาย 112,410 ใบ ทั่วประเทศ

    ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย  เดินหน้าส่งต่อความห่วงใยสู่สังคมไทยในวาระครบรอบ 60 ปี ภายใต้โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนระดับประเทศ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ล่าสุด คาราวานหมวกกันน็อกไทยฮอนด้า ได้เดินทางมาถึง “ครึ่งทาง” ของภารกิจแล้ว ด้วยการส่งมอบหมวกนิรภัยมาตรฐาน มอก. จำนวน 62,310 ใบ จากเป้าหมายใหญ่ 112,410 ใบ สู่เยาวชนและประชาชนใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ

     

    โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมการสวมหมวกกันน็อก โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หมวกนิรภัยถือเป็นเกราะป้องกันชีวิตที่ช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศีรษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเดินหน้าส่งมอบอย่างต่อเนื่องจึงสะท้อนถึงความตั้งใจของไทยฮอนด้าในการสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

     

    สำหรับ คาราวานหมวกกันน็อก 60 ปี ไทยฮอนด้า ไทยฮอนด้าร่วมกับร้านผู้จำหน่ายฯ ทั่วประเทศสมทบหมวกนิรภัยรวม 112,440 ใบ มูลค่า 112 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย คาราวานได้เริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะทยอยส่งมอบต่อเนื่องทุกภูมิภาค ก่อนจะปิดท้ายที่กรุงเทพมหานครในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568

     

    การเดินทางมาเกินครึ่งทาง กว่า 50 จังหวัด ของคาราวานครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำพันธกิจของไทยฮอนด้าในการยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยตลอด 60 ปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าส่งต่อความห่วงใยและความปลอดภัยบนท้องถนนให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

     

    สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
    เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ได้ที่

    เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th

    เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

    IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand

    Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha

    Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

     

    #ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสังคมไทย #HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • เปิดตัว The new Kia Carnival HEV 7-seater ราคาเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาท ฟรีการรับประกันคุณภาพ 7 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี และข้อเสนอพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์เกียทุกรุ่น

    3 Min Read

    เปิดตัว The new Kia Carnival HEV 7-seater ราคาเริ่มต้นที่ 2,499,000 บาท ฟรีการรับประกันคุณภาพ 7 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 3 ปี และข้อเสนอพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์เกียทุกรุ่น

    เปิดตัว The new Kia Carnival HEV 7-seater เอ็มพีวีรุ่นเรือธงโฉมใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายใต้คอนเซปต์ “Built for Every Move of Life” ยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ เหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยสมรรถนะการขับขี่จากเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.6 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54kW และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่ที่ผสานสไตล์ความเป็นรถ SUV และ MPV เข้าไว้ด้วยกัน และการออกแบบภายในที่ให้ความสปอร์ต
    แบบพรีเมียม และยกระดับการนั่งโดยสารให้เหนือระดับยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชันใช้งานที่ครบครัน ตอบโจทย์ทุกบทบาทของชีวิตประจำวันและเคียงข้างช่วงเวลาสำคัญของทุกคนในครอบครัว สำหรับ The new Kia Carnival HEV 7-seater มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่

    The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ราคา 2,699,000 บาท และ The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium ราคา 2,499,000 บาท มาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 7 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชม. 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง การรับประกันแบตเตอรีรถยนต์ (High-Voltage Battery) นาน 8 ปี และข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พิเศษ! สำหรับเจ้าของรถยนต์เกียและครอบครัว (Kia Loyalty) รับสิทธิ์ฟรี! ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) เพิ่มอีก 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 3 ถึง 31 ตุลาคม 2568 โดย เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) พร้อมส่งมอบรถ และเปิดให้ทดลองขับ ณ โชว์รูมเกียทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

    นายฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “The Kia Carnival ไม่ใช่แค่รถยนต์ธรรมดา แต่เป็นรถ MPV สำหรับครอบครัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และใน The new Kia Carnival HEV 7-seater เราได้สร้างสรรค์ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นเดียวกับครอบครัวที่ได้เป็นเจ้าของ แคมเปญเปิดตัว “Built for Every Move of Life” จึงสะท้อนถึงสิ่งที่ทำให้ The new Kia Carnival HEV 7-seater แตกต่างและมีความหมายยิ่งกว่าใคร ด้วยการเป็น MPV สำหรับครอบครัวที่ทำให้เจ้าของรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อใช้งาน ด้วยดีไซน์อันทรงพลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก SUV สู่การเป็นรถ MPV ที่ทำให้คุณสามารถสนุกกับการขับขี่ได้ทุกวัน ด้วยตำแหน่งการขับขี่ที่นั่งสบายแบบรถซีดาน ผสานกับขุมพลังไฮบริดที่ทั้งทรงพลัง ประหยัด
    และมอบประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มนวลเหนือระดับ ขณะเดียวกัน ยังเติมเต็มทุกช่วงเวลาแห่งครอบครัวด้วยฟีเจอร์ที่มอบความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ ที่นั่งแบบ Relaxation Seat พร้อมระบบระบายอากาศ รวมถึงฟังก์ชันที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริง อย่างเช่น

    ทางเดินที่เอื้อต่อการเข้า-ออกเบาะหลังได้สะดวกยิ่งขึ้น และเบาะที่สามารถพับเก็บราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยสูงสุดเมื่อต้องการ The new Kia Carnival HEV 7-seater ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ของไทย ทั้งครอบครัวที่มีลูก ครอบครัวขยายที่มีสมาชิก 5-7 คน หรือครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิก 3 เจเนอเรชันอาศัยอยู่ร่วมกัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานประจำวันในเมือง การเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด หรือการขนสิ่งของสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัว จึงเรียกได้ว่า The new Kia Carnival HEV 7-seater เป็นรถอเนกประสงค์ที่สร้างมาเพื่อตอบทุกจังหวะของชีวิตครอบครัวอย่างแท้จริง”

    ดีไซน์ภายนอกและภายใน – ความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ระดับพรีเมียมตอบทุกความต้องการของครอบครัว

    The new Kia Carnival HEV 7-seater จำหน่ายในประเทศไทย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ราคา ราคา 2,699,000 บาท และ The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium ราคา 2,499,000 บาท มาพร้อมกับดีไซน์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สะท้อนทั้งความหรูหราและความแข็งแกร่ง ในสไตล์ SUV มาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ กระจังหน้าแบบ ‘Tiger nose’ โคมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED ดีไซน์ ดวงไฟทรงลูกบาศก์ ชุดไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Star Map Lighting ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแร็คหลังคาที่ไม่เพียงช่วยเสริมลุคความแข็งแกร่งแบบ SUV

    แต่ยังเป็นการเพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับการใช้งานจริง (แร็คหลังคาสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 100  กิโลกรัม) ช่วยปลดล็อกขีดจำกัด ให้การเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันของครอบครัวให้สะดวกสบายกว่าที่เคย The new Kia Carnival HEV 7-seater มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้า (Smart Power Sliding Door) และฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Power Tailgate) ที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ตัวรถโดยที่มีกุญแจ Smart Key อยู่ด้วย สำหรับในรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury จะมี Dual Sunroof ที่ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร สำหรับตัวเลือกสีภายนอกของ The new Kia Carnival HEV 7-seater มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Snowflake White Pearl สีเทา Meteor Grey สีดำ Jet Black และสีน้ำเงิน Astra Blue

     

    ห้องโดยสารของ The new Kia Carnival HEV 7-seater ได้รับการออกแบบให้กว้างขวางและร่วมสมัยด้วยดีไซน์ใหม่ ประกอบด้วย
    จอโค้งแบบพาโนรามิกที่ผสานรวมจอแสดงผลแบบคลัสเตอร์ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เข้าไว้ด้วยกันแบบไร้รอยต่อ มีระบบเชื่อมต่อ Android Auto™ และ Apple CarPlay® แบบไร้สายและฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียง มีระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติที่สามารถปรับอุณหภูมิได้แบบแยกอิสระทั้งโซนด้านหน้าฝั่งซ้าย-ขวา และโซนด้านหลัง นอกจากนี้

    ยังมีสวิตช์สำหรับสลับการควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์และระบบปรับอากาศที่ผสานการควบคุมทั้งระบบไว้บนอินเตอร์เฟซเดียวกัน เพียงแค่สัมผัสหนึ่งครั้งก็สามารถสลับการควบคุมไปมาระหว่างระบบอินโฟเทนเมนต์กับระบบปรับอากาศ ช่วยลดความซับซ้อนของเลย์เอาต์ในขณะที่ยังคงความสะดวกในการใช้งาน และภายในห้องโดยสารยังได้ติดตั้งพอร์ต USB-C มาตรฐาน รวม 6 พอร์ตกระจายทั้งสามแถวที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถชาร์จอุปกรณ์ของตนได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะนั่งอยู่ตำแหน่งใดของตัวรถ

     

    ในรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ยังได้ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ ด้วยการติดตั้งลำโพง BOSE รอบคัน 12 จุด
    เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่รื่นรมย์ให้แก่ผู้โดยสารทุกคน ไฟเรืองแสง Ambient Light สามารถแต่งสีไฟให้เข้ากับทุกบรรยากาศพร้อมสีให้เลือกถึง 64 เฉดสีครอบคลุมบริเวณคอนโซลและประตู ช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในรถให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะครบครันเพื่อมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัย เช่น ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head-up Display) ขนาด 11 นิ้ว ฉายข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญขึ้นบนหน้าจอกระจกหน้าในระดับสายของผู้ขับ และกระจกมองหลังแบบดิจิทัล ช่วยให้มองเห็นถนนด้านหลังได้อย่างชัดเจน แม้ว่ารถจะเต็มไปด้วยผู้โดยสารหรือสัมภาระขนาดใหญ่

     

    สำหรับเบาะที่นั่งของคนขับในรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ยังได้ติดตั้งระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งและระบบ Welcome Seat สำหรับผู้ขับ เบาะนั่งคู่หน้าและเบาะนั่งแถวที่สองมาพร้อมระบบระบายอากาศและระบบอุ่นเบาะ สำหรับเบาะผู้โดยสารแถวสองเป็นแบบ Relaxation Seat ที่เปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสด้วยฟังก์ชัน ปรับเอนนอนที่สามารถปรับระดับได้เต็มรูปแบบ พร้อมเบาะรองขาแบบปรับไฟฟ้า มีโหมด One-touch Relaxation ที่สั่งงาน

    ด้วยการกดเพียงครั้งเดียวมอบความสบายให้กับผู้นั่งได้อย่างง่ายดาย สำหรับรุ่น The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium เบาะนั่งแถวสองเป็นเบาะแบบ Captain Seats ที่สามารถถอดออกได้เพื่อเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน และยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นแบบนั่งหันหน้าเข้าหากันได้ ให้สมาชิกในครอบครัวได้มีปฏิสัมพันธ์กันได้ตลอดทริป พร้อมกันนี้ The new Kia Carnival HEV 7-seater ทั้งสองรุ่นได้รับการปรับให้มีพื้นที่ทางเดิน (Walkthrough access) ที่เอื้อต่อการเข้า-ออกเบาะหลังได้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิกครอบครัวทุกคน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ด้วยจุดยึดสําหรับติดตั้งเบาะนั่งสําหรับเด็ก (ISOFIX) ที่มีให้ในตำแหน่งที่นั่ง 4 ตำแหน่งเป็นมาตรฐาน (2 จุดบนเบาะนั่งแถวสอง และอีก 2 จุดบนเบาะแถวสาม) ซึ่งช่วยให้สามารถติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กในตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น เสริมความปลอดภัยและความสะดวกเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวได้ดีที่สุด

     

    The new Kia Carnival HEV 7-seater ยังคงโดดเด่นในเรื่องความกว้างขวางสำหรับทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเรียงที่นั่งผู้โดยสารที่มีความยืดหยุ่น โดยถือเป็นรถ MPV ที่รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ที่นั่ง พร้อมด้วยสัมภาระของทุกคนได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถคันเดียว เบาะนั่งแถวสามมาพร้อมฟังก์ชันพับราบ ที่เป็นการสร้างพื้นที่บรรทุกแบบเรียบที่รวดเร็วและไม่ต้องใช้แรง ปรับเปลี่ยนได้ทันทีระหว่างความต้องการในการขนย้ายคนและขนส่งสินค้า

    สมรรถนะและเทคโนโลยีการขับขี่ – เสริมความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกเส้นทาง

    The new Kia Carnival HEV 7-seater ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.6 ลิตรเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54kW และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ให้สมรรถนะที่ตอบสนองได้ดีและประหยัดน้ำมัน แต่ยังให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบเป็นพิเศษ พร้อมความสามารถของโหมด EV Drive และสามารถใช้งานระบบปรับอากาศแม้เครื่องยนต์หยุดทำงาน The new Kia Carnival HEV 7-seater มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดเฉพาะรุ่นที่มุ่งยกระดับสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน ควบคู่กับการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและสบายยิ่งขึ้น ในโหมด Eco/Smart ผู้ขับสามารถใช้ Paddle Shift เพื่อปรับระดับการชะลอความเร็วของระบบ Regenerative Braking ได้ถึง 3 ระดับ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งคืนพลังงาน และการประหยัดเชื้อเพลิงในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์เฉพาะของ The new Kia Carnival HEV 7-seater อาทิ

    • E-Handling ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมการตอบสนองของรถเมื่อเข้าและออกจากโค้ง
    • E-Ride ช่วยลดแรงสะเทือน และมอบความนุ่มนวลในการขับขี่เมื่อต้องผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ
    • E-Evasive Handling Assist ออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของรถในสถานการณ์ที่ต้องหักหลบกะทันหัน

     

    และเมื่อผู้ขับต้องการการตอบสนองที่เฉียบคมและการขับขี่ที่เร้าใจกว่าเดิม โหมด Sport มอบอิสระในการควบคุมผ่าน Paddle Shift
    ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ด้วยความสูงจากพื้น 172 มิลลิเมตร ทำให้ The new Kia Carnival HEV 7-seater มีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่เหนือระดับพร้อมศักยภาพการขับขี่ในแบบรถ SUV ในการรับมือกับถนนขรุขระ ลูกระนาด หรือพื้นผิวที่ไม่เรียบได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมีความคล่องตัวและง่ายต่อการควบคุมไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ทำให้ The new Kia Carnival HEV 7-seater เป็นรถ MPV ระดับพรีเมียมที่ผสานความนุ่มสบายเข้ากับความมั่นใจในสไตล์ SUV ได้อย่างลงตัว

     

    การจอดรถกับ The new Kia Carnival HEV 7-seater เป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล ด้วยเทคโนโลยี Parking Aid Assist ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจตลอดการใช้งานด้วยกล้องมองรอบทิศทาง (Surround View Monitor) ที่ให้มุมมองเสมือนมองจากมุมสูง ทำให้ผู้ขับ
    เห็นทุกมุมอย่างชัดเจนเมื่อต้องเข้าจอดในพื้นที่แคบ ขณะที่เซนเซอร์รอบคันด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ช่วยให้ประเมินระยะห่างได้อย่างแม่นยำและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางรอบตัวรถได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยจอด
    (Rear Parking Collision-Avoidance Assist) ที่จะส่งสัญญาณเตือนและสั่งเบรกอัตโนมัติทันทีหากตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านหลัง
    ขณะถอยหลัง คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้การจอดรถไร้ความกังวล และเปลี่ยนทุกพื้นที่ให้กลายเป็นที่จอดที่ลงตัว นอกจากนี้ The new Kia Carnival HEV 7-seater ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS – Advanced Driver-Assistance Systems)
    ที่ช่วยยกระดับความมั่นใจและความปลอดภัยในทุกการเดินทาง อาทิ:

    • Smart Cruise Control with Stop & Go
    • High Beam Assist
    • Forward Collision Avoidance Assist
    • Blind Spot Collision Avoidance Assist (BCA)
    • Blind-Spot View Monitor (BVM)
    • Rear Cross Traffic Collision Avoidance Assist (RCCA)
    • Lane Following Assist and Lane Keeping Assist
    • Safe Exit Assist

     

    พร้อมกันนี้ The new Kia Carnival HEV 7-seater ยังได้ติดตั้งถุงลมนิรภัยมาตรฐาน 8 ตำแหน่ง ครอบคลุมทุกด้าน ประกอบด้วย
    ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมม่านด้านข้าง ถุงลมนิรภัยปกป้องเข่าผู้ขับ และถุงลมนิรภัยกลางระหว่างเบาะผู้ขับ
    และผู้โดยสารด้านหน้า (Front Center Airbag) ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บของผู้โดยสาร
    ทุกตำแหน่ง พร้อมทั้งเพิ่มความสบายใจให้กับทุกคนในครอบครัว เพื่อความมั่นใจกับผู้โดยสารในทุกเส้นทาง

     

    สำหรับผู้ที่สนใจ The new Kia Carnival HEV 7-seater สามารถทดลองขับ และสอบถามข้อเสนอพิเศษได้ที่โชว์รูมเกียใกล้บ้านท่าน
    หรือเยี่ยมชม https://www.kia.com

     

    โปรโมชันพิเศษช่วงเปิดตัวสำหรับ The new Kia Carnival HEV 7-seater ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568

    • อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 77% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน [1]
    • ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. เป็นระยะเวลา 1 ปี [2]
    • ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร [3]
    • พิเศษ! สำหรับเจ้าของรถยนต์ Kia และครอบครัว (Kia Loyalty) ฟรี ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรงและค่าอะไหล่) เพิ่มเติม 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (รวมเป็น 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร) [4]
    • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง [5]
    • การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร [6]
    • การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร [7]

     

    หมายเหตุ:

    [1] อัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ต้นงวด) 1.77% พร้อมดาวน์ 25% สำหรับระยะเวลาผ่อนชำระ 48 เดือน เฉพาะการจัดเช่าซื้อกับธนาคารที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ บริษัท กสิกรลีสซิ่ง จํากัด, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และธนาคารทหารไทยธนชาต

    [2] ประกันภัยชั้น 1 และ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจำกัดเฉพาะ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)

    [3] เงื่อนไข ค่าบำรุงรักษาตามระยะ (ค่าแรง และค่าอะไหล่) ตลอด 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

    [4] โดยชื่อเจ้าของรถคันเดิมและชื่อเจ้าของรถคันใหม่จะต้องเป็นชื่อเดียวกัน สามารถให้สิทธิ์แคมเปญกับบุคคลในครอบครัวเดียวกันได้ (บิดา มารดา พี่น้อง สามี ภรรยา และบุตร) ใช้สิทธิ์เพียงแสดงเอกสารยืนยันได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาเล่มทะเบียนรถ หรือแสดงเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ (กรณีชื่อเจ้าของรถคันเดิมและคันใหม่ไม่ตรงกัน) ประกอบการใช้สิทธิ์ที่โชว์รูมเกียทั่วประเทศ

    [5] เงื่อนไขการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี (ตามเงื่อนไขของฝ่ายบริการหลังการขาย)

    [6] เงื่อนไขการรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

    [7] เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะใดระยะหนึ่งถึงก่อน (ตามเงื่อนไขการรับประกันของฝ่ายบริการหลังการขาย)

    [8] สิทธิประโยชน์ข้อ [2], [3] และ [5] มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 85,000 บาท ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

     

    • ข้อกำหนดและเงื่อนไขอาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทฯ
    • สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568
    • โปรโมชันสำหรับการซื้อผ่านผู้จำหน่าย Kia อย่างเป็นทางการทั่วประเทศไทย
    • ไม่รวมรถแท็กซี่, รถเช่า, รถที่ขายภายใต้เงื่อนไขพิเศษ, และลูกค้ารถเช่า
    • ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจะทำการแจ้งผ่านช่องทางสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ
    • สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อผู้จำหน่าย Kia ใกล้ท่าน หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.kia.com/th

    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment