• แอกซ่าประกันภัยยกระดับแผนประกันรถยนต์ มอบความมั่นใจและความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกการเดินทาง

    1 Min Read

    แอกซ่าประกันภัยยกระดับแผนประกันรถยนต์ มอบความมั่นใจและความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกการเดินทาง

    แอกซ่าประกันภัย เปิดตัวแผนประกันภัยรถยนต์ใหม่ ชั้น 2+ และ ชั้น 3+ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มอบความคุ้มครองที่ยืดหยุ่นและบริการเหนือระดับ ในราคาจับต้องได้ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้ขับขี่

    เบี้ยประกันสำหรับแผนประกันรถยนต์ชั้น 2+ และชั้น 3+ เริ่มต้นเพียงปีละ 5,800 บาท และ 5,400 บาท ตามลำดับ โดยแผนประกันดังกล่าวมอบความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับแผนประกันรถยนต์ชั้น 1 เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถอุ่นใจกับการคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกความเสี่ยง

    นอกจากนี้ ผู้ถือกรมธรรม์รถยนต์ของแอกซ่าประกันภัยสามารถรับบริการเสริมสุดพิเศษได้ อาทิ AXA Preferred Garage อู่ระดับคุณภาพที่ให้การซ่อมแซมรถยนต์ด้วยมาตรฐานคุณภาพสูง บริการ AXA Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และ AXA4U ที่คุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุต่ออุปกรณ์สำคัญของรถยนต์โดยไม่หักค่าเสื่อมราคา เช่น ยางรถ แบตเตอรี่สตาร์ทรถ และระบบเสียง นอกจากนี้ แอกซ่าประกันภัยยังเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้เอาประกันภัยด้วยความคุ้มครองกรณีเกิดภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย วาตภัย ลูกเห็บ และแผ่นดินไหว ในราคาเพียง 850 บาท เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ขับขี่จะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนของประเทศไทย

    นางสาวปวีณา เขมะรังสรรค์ ผู้อำนวยการสายงานบริหารลูกค้า บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่แอกซ่า เสียงของลูกค้าสำคัญเสมอ ลูกค้าหลายท่านบอกกับเราว่าต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสี่ยงในราคาที่เหมาะสม โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มในส่วนของความคุ้มครองที่ลูกค้าไม่ต้องการ แผนประกันภัยรถยนต์แบบ 2+ และ 3+ จึงถูกออกแบบมาสำหรับลูกค้าที่เข้าใจดีว่า ‘ความคุ้มครองที่ครอบคลุม’ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาเสมอไป ซึ่งแผนประกันภัยรถยนต์ 2+ และ 3+ ให้ความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่มีอัตราเบี้ยประกันภัยที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ลูกค้าสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะที่ยังคงความอุ่นใจ เรามีความเชื่อว่าประกันภัยเป็นเรื่องของ ‘ทางเลือก’ และ ‘ความคุ้มค่า’ แผนความคุ้มครองเพียงแบบเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าทุกคนได้ เราจึงออกแบบแผนประกันภัยที่มีความยืดหยุ่น ให้ลูกค้ามีอิสระในการเลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และสถานะทางการเงินของตนเองได้อย่างแท้จริง”

    สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถซื้อแผนประกันรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ภายในเวลาเพียง 3 นาที พร้อมรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอีเมลได้ทันที อีกทั้งยังมีตัวเลือกการชำระเงิน ด้วยแผนผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน สำหรับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนประกันภัยรถยนต์ และเงื่อนไขความคุ้มครองทั้งหมดสามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.axa.co.th/motor-insurance-online

    สำหรับอัพเดทเพิ่มเติม สามารถติดตามแอกซ่าประกันภัยได้ที่ช่องทางต่าง ๆ นี้

    เว็บไซต์: https://www.axa.co.th
    ศูนย์บริการลูกค้า: 02-118-8111
    Facebook: AXA Thailand
    Official LINE account: @AXAThailand

    *หมายเหตุ เงื่อนไขการรับประกันภัยเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครองก่อนตัดสินใจทำประกันภัย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • “ก้อง-สมเกียรติ” คว้าแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี สวมหัวใจนักสู้! แซงท้ายเรซเข้าที่ 15 โมโตจีพี ที่ แอสเซ่น

    1 Min Read

    “ก้อง-สมเกียรติ” คว้าแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี สวมหัวใจนักสู้! แซงท้ายเรซเข้าที่ 15 โมโตจีพี ที่ แอสเซ่น

    “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ไม่ยอมแพ้! สู้สุดความสามารถไล่แซงคู่แข่งท้ายเรซ เข้าป้ายอันดับ 15 ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 10 ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ปลดล็อคคว้าแต้มแรกในประวัติศาสตร์ให้กับตนเองได้สำเร็จ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนผ่านมา ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์

    ศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ นับเป็นสนามที่พิสูจน์การทำงานอย่างหนักของ “ก้อง-สมเกียรติ” อย่างแท้จริง แม้จะเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่นักบิดไทยก็ยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยออกตัวจากกริดที่ 22 ไล่ขึ้นมาจบเรซในอันดับ 15 ด้วยเวลา 41 นาที 3.291 วินาที เพียงพอให้คว้าแต้มแรกของตัวเองในเวทีสูงสุดของโลกได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี

    ด้าน “โยฮันน์ ซาร์โก” นักแข่งชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ จบเรซในอันดับที่ 12 ด้วยเวลา 40 นาที 38.947 วินาที และ“อเลช เอสปาร์กาโร” นักบิดทดสอบชาวสแปนิช หมายเลข 41 ที่ลงบิดแทน “ลูกา มารินี” ในสนามนี้ จบเรซอันดับที่ 16 ด้วยเวลา 41 นาที 3.432 วินาที ส่วน “โจอัน เมียร์” นักบิดสแปนิช หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ไม่จบการแข่งขัน

    ขณะที่รุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พยายามอย่างเต็มที่ แต่โชคร้ายพลาดล้มไปอย่างน่าเสียดาย

    ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคมนี้ ที่ ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ในรายการ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์

     

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #AE41 #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #DutchGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • คาวาซากิบุกเชียงใหม่เปิดทัพรถใหม่เอาใจสายลุย พร้อมปรับราคาใหม่สุดเร้าใจ

    1 Min Read

    คาวาซากิบุกเชียงใหม่เปิดทัพรถใหม่เอาใจสายลุย พร้อมปรับราคาใหม่สุดเร้าใจ

    คาวาซากิชวนแอ่วเหนืออีกครั้ง กับงาน Kawasaki Good Times Trail งานแข่งออฟโรดสุดมัน กับทางสุดโหด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ เทศบาลตำบลป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พร้อมขนทัพรถใหม่สายทางฝุ่นไปเปิดกันที่ในงานถึง 4 รุ่น สำหรับสายลุยตัวจริง ได้แก่ KLX230 ABS, KLX230 SE ABS, KLR650 ABS และ KLR650 ADV ABS ตามด้วยกิจกรรมทดสอบขับขี่รุ่นใหม่ แถมด้วยการประกาศราคาใหม่สุดเร้าใจของ KLX230 Sherpa ตอกย้ำแคมเปญ Trail Time Begins ได้เวลาออกไปลุย!

    KLX230 ABS & KLX230 SE ABS – โฉมใหม่ ขี่มันกว่าเดิม

    KLX230 ABS (STD)                                                                          KLX230 ABS (STD)

    สี Lime Green                                                                               สี Ebony/ Neon Green

    จุดเด่นหลัก:

    ด้วยแรงบันดาลใจจากตระกูลสนามอย่าง KX ส่งผลให้ภาพลักษณ์มีความดุดันแต่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัว

    ระบบเบรก ABS เปิด-ปิดได้ทั้งล้อหน้าและหลัง – ควบคุมความปลอดภัยได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งทางเรียบและออฟโรด

    เฟรมและซับเฟรมดีไซน์ใหม่เพิ่มระยะยุบโช๊คอัพ – ซับแรงได้มากกว่า ลุยได้ลึกขึ้น ยังคงความนุ่มนวลให้ทุกการขับขี่

    ระยะยุบ รุ่น STD หน้า 240 มม. หลัง 250 มม. ระยะยุบ รุ่น SE หน้า 220 มม. หลัง 250 มม.

    โช๊คอัพหน้า Upside down ในรุ่น SE สำหรับการขับใช้งานที่ต้องการการดูแลที่มากกว่า

    สวิงอาร์มอะลูมิเนียมในรุ่น STD ที่ให้น้ำหนักที่เบาขึ้นอีกถึง 1.2 กก.

    ความสูงเบาะเตี้ยลง 880 มม. (รุ่น STD)  และ 875 มม. (รุ่น SE) พร้อมดีไซน์ใหม่แบบ KX – นั่งกระชับ ควบคุมง่าย เปลี่ยนท่านั่งขับขับขี่ได้อย่างง่ายดาย

    เอกลักษณ์น้ำหนักเบาเพียง 133 กก. (รุ่น STD) และ 136 กก. (รุ่น SE) – ให้ผ่านทุกอุปสรรค์ได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น

    แม่ปั๊มเบรกหลังออกแบบใหม่ ให้บำรุงรักษาได้ง่ายยิ่งขึ้น และน้ำหนักเบาลง อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ต เช่นเดียวกับที่อยู่ใน KLX230R

    เชื่อมต่อ Rideology The App ได้ – ติดตามข้อมูลรถแบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟน

    โดยทั้งสองรุ่นนี้ เปิดตัวราคาขายปลีกเท่ากันที่ 131,900 บาท

    โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 5,000 บาท   ฟรีประกันรถหาย (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ศึกชิงแชมป์แห่งศักดิ์ศรี ทีม ZIC Tune by AOT คว้า อันดับที่ 3 คะแนนรวมประจำปี 2568 จากการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ Super turbo 2025 สนามที่ 5-6 สนามสุดท้ายเมื่อวันที่ 27-29 มิถุนายนที่ผ่านมานี้

    1 Min Read

    ศึกชิงแชมป์แห่งศักดิ์ศรี ทีม ZIC Tune by AOT คว้า อันดับที่ 3 คะแนนรวมประจำปี 2568 จากการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ Super turbo 2025 สนามที่ 5-6 สนามสุดท้ายเมื่อวันที่ 27-29 มิถุนายนที่ผ่านมานี้

    ทีม ZIC Tune by AOT เข้าร่วมการแข่งขันในรุ่น PICKUP TURBO THA ต่อสู้ตั้งแต่สนามแรกจนสนามสุดท้าย จนคว้าอันดับที่ 3 คะแนนสะสมอยู่ที่ 75 คะแนน ในการแข่งขันครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ความพร้อมของนักแข่งเท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนาในเรื่องของทีมช่าง การวางแผนทีมงาน ที่เคร่งขัดมากขึ้นและรวมไปถึงผลิตภัณฑ์หล่อลื่นของ ZIC ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง Racing 10W-50 ที่พร้อมหล่อลื่น ปกป้องเครื่องยนต์ตั้งแต่เริ่มสตาร์ท ไปจนถึงน้ำยาหม้อน้ำที่สำคัญอย่างมากในการควบคุมอุณหภูมิความร้อน ลดจุดเดือด จากรถที่มีการปรับแต่งเพื่อการแข่งขัน โดยเฉพาะรถที่มีการเพิ่มเทอร์โบและปรับจูนอย่าง Isuzu No.2 ที่ใช้การแข่งครั้งนี้ ถ้าพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งระดับประเทศหรือรถบ้านใช้งานทั่วไปก็พร้อมปกป้องดูแลเครื่องยนต์ ตลอดการใช้งาน


    No Comment
  • อีวี ไพรมัส ชู “WULING BINGUO EV” ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจเรียกรถบริการ Ride-Hailing ที่กำลังเติบโตของไทย

    1 Min Read

    อีวี ไพรมัส ชู “WULING BINGUO EV” ทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจเรียกรถบริการ Ride-Hailing ที่กำลังเติบโตของไทย

     

    อีวี ไพรมัส ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถไฟฟ้า City EV โดยนำ “WULING BINGUO EV” ร่วมแสดงศักยภาพในงานสุดยอดผู้นำธุรกิจบริการเรียกรถแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2025 พร้อมนำเสนอความคุ้มค่าของรถยนต์ไฟฟ้าสู่ธุรกิจบริการเรียกรถ Ride-Hailing Services ที่เติบโตกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท ร่วมผลักดันการเดินทางด้วยรถพลังงานไฟฟ้า

     

    บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์วู่หลิง (WULING) แต่ผู้เดียวในประเทศไทย (Sole Distributor) ได้เข้าร่วมงาน “Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025” โดยอีวี ไพรมัส ได้นำยานยนต์ไฟฟ้า “WULING BINGUO EV” มาจัดแสดงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเหมาะสำหรับธุรกิจบริการเรียกรถ (Ride-Hailing Service) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ขับขี่รถ City EV และเป็นการตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ต้องการควบคุมต้นทุน

    นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยว่า “อีวี ไพรมัส ในฐานะที่เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์วู่หลิง (WULING) แต่ผู้เดียวในประเทศไทย เราเลือกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มีความคุ้มค่ามากที่สุดมาจำหน่ายในประเทศไทย ไม่เพียงแค่สำหรับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ยังรวมถึงการนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ด้วย เรามองเห็นคุณภาพที่เหมาะสมของยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาพลิกโฉมของธุรกิจบริการรถรับส่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ธุรกิจบริการเรียกรถในประเทศไทย”

    ในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ อีวี ไพรมัส ได้แนะนำ WULING BINGUO EV ให้กับผู้เข้าร่วมงานซึ่งเป็น City EV เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นต้องการเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า ตอบสนองสำหรับผู้ใช้งานในเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ประสิทธิภาพการขับขี่ได้มาตรฐาน อัตราเร่งที่ดี และช่วงล่างที่นุ่มนวล ซึ่งถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ เหมาะสมกับการขับขี่ในสภาพการจราจรหนาแน่นของกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ตัวรถมีขนาดกว้างนั่งสบายกว่า Eco Car พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในราคาที่จับต้องได้จริง ๆ คุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ

    นายพิทยา กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจบริการเรียกรถในประเทศไทย หนึ่งในโอกาสสำคัญที่เราต้องการชี้ให้เห็นประเด็นหลักของการใช้รถ EV โดยเฉพาะในแง่ของความคุ้มค่าที่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่จะได้รับจากการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า WULING BINGUO EV ที่มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนของค่าพลังงานไฟฟ้าที่ประหยัดกว่าค่าน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก รวมถึงค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายใน”

    ที่สำคัญคือรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีมลภาวะ และประหยัดพลังงานมากกว่า Eco Car อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณ “ต้นทุนต่อคุณค่า” (Cost-to-Value) ที่ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการจะได้รับจากการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในธุรกิจบริการเรียกรถ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยข้อมูลจากอุตสาหกรรมของธุรกิจเรียกรถบริการ (Ride-Hailing Industry) ยังระบุว่าผู้ขับขี่ในระบบแอปพลิเคชันเรียกรถในไทยมีรายได้เฉลี่ย30,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำกว่า 250% ซึ่งเมื่อรวมกับต้นทุนที่ลดลงจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งส่งผลให้ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการนั้นสามารถเพิ่มรายได้สุทธิและมีผลกำไรในระยะยาวได้ โดยความคุ้มค่านี้มาพร้อมกับรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและพื้นที่วางขาที่ออกแบบมาอย่างลงตัว (Legroom) ทำให้ผู้โดยสารนั่งสบาย ไม่อึดอัด แม้ในระยะทางที่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งไม่ใช่แค่ความคุ้มค่าเพียงเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเท่านั้น ยังรวมถึงลูกค้าที่ต้องการเริ่มใช้รถยนต์ไฟฟ้า จะได้สัมผัสถึงความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป WULING BINGUO EV จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าคุ้มค่า แต่ยังเป็นทางเลือกที่พร้อมต่อยอดสู่โอกาสทางธุรกิจ และการเดินทางที่ยั่งยืนในอนาคต”

    งาน Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้นำในธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย นักนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ อภิปรายถึงแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสในการสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน โดยมีหัวข้อหลักที่น่าสนใจ เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ความปลอดภัย กรอบการกำกับดูแล และการเติบโตอย่างยั่งยืน

    สำหรับ ตลาดบริการเรียกรถประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยมูลค่าตลาดรวมที่ Statista.com คาดการณ์ว่าจะสูงถึงกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในการใช้บริการจากแพลตฟอร์มชั้นนำต่าง ๆ ที่มีฐานผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่ พฤติกรรมการเดินทางของผู้คนกำลังเปลี่ยนไปสู่การพึ่งพาบริการขนส่งสาธารณะและบริการเรียกรถมากขึ้น ลดความจำเป็นในการเป็นเจ้าของรถส่วนตัว ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญของ “Mobility as a Service (MaaS)” ที่ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • GWM โชว์วิสัยทัศน์แสดงจุดยืนผู้นำ NEV ในอาเซียน บนเวที International NEV Summit 2025ประกาศพลิกเกมขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี Hi-4

    2 Min Read

    GWM โชว์วิสัยทัศน์แสดงจุดยืนผู้นำ NEV ในอาเซียน บนเวที International NEV Summit 2025ประกาศพลิกเกมขับเคลื่อนสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี Hi-4

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios)
    ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ได้เข้าร่วมแสดงศักยภาพและวิสัยทัศน์ในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับภูมิภาคในงาน International NEV Summit 2025 ครั้งที่ 3 โดย นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ GWM (Thailand)

    ได้บรรยายพิเศษในประเด็น “เจาะลึกเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนของรถยนต์พลังงานใหม่และแนวโน้มในอาเซียน” (Insight into NEV Powertrain Technology and Trends in ASEAN) โดยเปิดมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบส่งกำลัง (Powertrain) และแนวโน้มยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในอาเซียน ร่วมวิเคราะห์ทิศทางของอุตสาหกรรม โอกาส ความท้าทาย และพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคอาเซียนพร้อมชูเทคโนโลยีระบบส่งกำลังอัจฉริยะ Hi-4 ที่มอบประสิทธิภาพการขับขี่ระดับสูงและพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ โดยผสานระหว่างสมรรถนะและความประหยัดพลังงานอย่างชาญฉลาด ตอบโจทย์ตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่ต้องการทั้งความแรง ประหยัด และคุ้มค่า โดยงาน International NEV Summit 2025 ครั้งที่ 3 ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ

    ในงานนี้เป็นการประชุมที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาร่วมอภิปรายในหลายประเด็นทั้งนโยบายเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนบทบาทของยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) และโอกาสในการดำเนินธุรกิจในกลุ่มของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    นายชาญศักดิ์ หลายเจริญโชคชัย ​​ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ GWM (Thailand) วิเคราะห์ข้อมูลตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียนว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคอาเซียนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งแรงผลักจากนโยบายโลกร้อน แรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ การพัฒนาด้วยเทคโนโลยีและระบบขับเคลื่อน และความคุ้มค่าด้านต้นทุนพลังงาน รวมถึงบทเรียนสำคัญจากประเทศจีน โดยเฉพาะนโยบาย ที่ใช้ทั้ง  New Energy Vehicle Credit (NEV) และ Passenger Vehicle Corporate Average Fuel Consumption Credit (CAFC) ในการกระตุ้นการผลิตรถยนต์ BEV, PHEV และ FCEV อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้จีนกลายเป็นผู้นำในด้าน NEV และเป็นต้นแบบที่อาเซียนสามารถเรียนรู้และปรับใช้ได้ และคาดว่าภายในปี 2573 สัดส่วนของ BEV และ PHEV ในตลาดจีนจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย GWM มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะยาว จากข้อมูลล่าสุดในปี 2567 ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน-5 ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 14% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 5% โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด (HEV) 6.5%, รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด (PHEV) 0.5%, และรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) 7% พบว่า รถยนต์ไฮบริด (HEV) ยังครองสัดส่วนในตลาดหลักอย่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนามที่สัดส่วนของรถ BEV มากกว่า HEV ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลในการพัฒนาและผลิตแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ทั้งนี้ GWM คาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 ตลาดอาเซียนจะมีส่วนแบ่งการตลาดของยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เพิ่มขึ้นเป็น 21% หรือประมาณ 1 ใน 4 ของตลาดรถยนต์ทั้งหมดในภูมิภาคนี้ โดยรถยนต์ไฮบริดจะมีสัดส่วนมากที่สุดประมาณ 10% ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ 9% และรถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด 2% สำหรับในประเทศไทย GWM เล็งเห็นว่ารถยนต์พลังงานใหม่จะเติบโตจาก 35% ในปี 2567 ไปอยู่ที่ 45% ของตลาดรถยนต์รวม ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนของภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งเป็น รถยนต์ไฮบริด 23% รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ 18% และรถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด 4%”

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญจาก GWM ในการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ คือการนำเสนอเทคโนโลยี Hi-4 (Hybrid Intelligent 4WD) ที่ได้รับการวิจัยพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเพื่อปฏิวัติมาตรฐานการขับเคลื่อนยุคใหม่ โดย GWM ได้ออกแบบให้ระบบสามารถถ่ายทอดแรงบิดสู่ล้อหน้าและหลังอย่างสมดุล เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละสถานการณ์ พร้อมระบบ ITVC (Intelligent Torque Vectoring Control) ที่สามารถปรับแรงบิดของล้อแต่ละข้างได้ภายในเวลาเพียง 0.01 วินาที เพิ่มทั้งความปลอดภัยและสมรรถนะในการขับขี่ทุกสถานการณ์ รองรับการขับขี่ถึง 9 โหมด ครอบคลุมทั้ง EV Mode, Series Range-Extending Mode, Parallel 4WD Mode และโหมดการฟื้นพลังงานจากเพลาหน้า-หลัง โดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งคู่หน้าและหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด และการตอบสนองที่นุ่มนวลแม้ในเส้นทางที่ท้าทาย พร้อมยกระดับการขับเคลื่อนแบบ 4WD ด้วยต้นทุนพลังงานเท่ากับรถ 2WD อย่างแท้จริง

    GWM Hi4 Technology System หรือกลยุทธ์การออกแบบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฮบริดที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์การใช้งาน ครอบคลุมตั้งแต่รถครอบครัวในชีวิตประจำวัน รถ SUV ขนาดใหญ่ รถออฟโรดอัจฉริยะ ไปจนถึงรถลุยสายโหดพร้อมระบบขับเคลื่อนขั้นสูงสุด โดย Hi4 Technology แบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามระดับสมรรถนะ และรูปแบบการใช้งาน ดังนี้

    • Hi4 ระบบไฮบริดขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด มอเตอร์คู่ และโครงสร้างไฮบริดแบบ DHT หลายเกียร์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบแยกอิสระ (Decoupled Four-Wheel Drive) และระบบล็อกเฟืองขับ (Electric differential lock) โดยมีโหมดการขับเคลื่อน 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดขยายระยะทาง (Range Extension), โหมดขับเคลื่อนแบบขนาน (Parallel), และโหมดขับเคลื่อนโดยตรง (Direct Drive) ซึ่งสามารถสลับใช้งานได้อย่างชาญฉลาด จึงเหมาะกับทุกสภาพการขับขี่ มอบทั้งความปลอดภัย อัตราสิ้นเปลืองที่ต่ำ อัตราเร่งที่ทรงพลัง สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และโซลูชันอัจฉริยะในทุกมิติ เหมาะสำหรับรถครอบครัวยุคใหม่ ใช้ในรุ่น GWM HAVAL H7, GWM Haval Xiaolong MAX และ GWM HAVAL Menglong และ GWM WEY 80
    • Hi4-Z ระบบไฮบริดที่ออกแบบเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโรด เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการขับขี่ที่ให้ระยะทางการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดพละกำลังสูง มอเตอร์คู่ด้านหน้าและด้านหลังกําลังสูงที่วางในแนวตรง ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ (Longitudinal 3-speed dual-motor) แบตเตอรี่เฉพาะออฟโรดความจุขนาดใหญ่ และโครงสร้างตัวถังบนเฟรม (Body on Frame) ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการระบบขับเคลื่อนที่ให้พลังต่อเนื่องยาวนาน การตอบสนองที่รวดเร็ว สมรรถนะในการเร่งที่ยอดเยี่ยม รองรับทุกการเดินทางได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง และระยะทางในการขับขี่ที่ไกลเพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ใช้ในรุ่น GWM TANK 500 Hi4-Z
    • Hi4-T ระบบไฮบริดขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับการขับขี่ออฟโรดแบบฮาร์ดคอร์ แบบ Mechanical 4WD พร้อมล็อกเฟืองขับ 3 จุด (หน้า กลาง และ หลัง) มีให้เลือกทั้งขุมพลัง0T และ 3.0T มอเตอร์ด้านหน้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9HAT พัฒนาขึ้นสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่สายออฟโรด บนพื้นฐานของแพลตฟอร์ม TANK โดยเน้นจุดเด่นด้าน พลังขับเคลื่อนที่แรงต่อเนื่อง การจัดการพลังงานอัจฉริยะที่แม่นยำ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เชื่อถือได้ สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร พร้อมโหมดการขับขี่แบบออฟโรดมากถึง 16 รูปแบบ รองรับทุกสภาพภูมิประเทศ ใช้ในรุ่น GWM TANK 300 Hi4-T, GWM TANK 500 Hi4-T, GWM TANK 400 Hi4-T และ GWM TANK 700 Hi4-T

    การเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของ GWM ในการยกระดับนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ให้ก้าวไกลสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “GWM Go With More” ที่ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาเทคโนโลยี แต่เดินหน้าสร้างคุณค่าที่มากกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และความยั่งยืนในระยะยาว GWM เชื่อว่าเทคโนโลยี Hi-4 คืออีกก้าวสำคัญที่จะพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์พลังงานใหม่ให้เหนือกว่าที่เคย และนิยามอนาคตแห่งการเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ซาร์โก” ท็อป 11 สปรินต์เรซ โมโตจีพี แอสเซ่น “ก้อง-สมเกียรติ” จับจังหวะจากนักบิดประสบการณ์สูง เพื่อขยับเวลา ที่เนเธอร์แลนด์

    1 Min Read

    “ซาร์โก” ท็อป 11 สปรินต์เรซ โมโตจีพี แอสเซ่น “ก้อง-สมเกียรติ” จับจังหวะจากนักบิดประสบการณ์สูง เพื่อขยับเวลา ที่เนเธอร์แลนด์

    ศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 10 รายการ ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบ “สปรินต์เรซ” เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ สนาม ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นอีกสนามที่ทัพนักบิดฮอนด้า ต้องเจอความท้าทายอย่างมาก

    โดย “โยฮันน์ ซาร์โก” นักแข่งชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ ออกสตาร์ตจากกริดที่ 12 จบการแข่งขันในอันดับ 11 ด้วยเวลารวม 20 นาที 13.477 วินาที ตามหลังผู้นำ 11.327 วินาที ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทย หมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ยังคงทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาตัวเองในเวทีระดับสูงสุดของโลก ออกสตาร์ตจากกริดที่ 22 บิดเข้าในอันดับ 19 ด้วยเวลารวม 20 นาที 34.591 วินาที

    ด้าน “โจอัน เมียร์” นักบิดสแปนิช หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี พลาดล้มออกจากการแข่งขันตั้งแต่ต้นเรซ ส่วน “อเลช เอสปาร์กาโร” นักบิดทดสอบชาวสแปนิช หมายเลข 41 ที่ลงบิดแทน “ลูกา มารินี” ในสนามนี้ สตาร์ตกริดที่ 21 บิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 18 ตามหลังผู้ชนะ 27.287 วินาที

    “ก้อง-สมเกียรติ” กล่าวหลังจบการแข่งขัน สปรินต์เรซ ว่า “นี่คือ สปรินต์เรซ ครั้งแรกของผมใน แอสเซ่น ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตามคู่แข่ง โดยเฉพาะ อเลช เอสปาร์กาโร ซึ่งมีประสบการณ์มากมายใน โมโตจีพี และยังเป็นนักบิดทดสอบของ HRC ด้วย เพราะผมต้องการเรียนรู้แนวทางและสไตล์การขี่ของเขา ในแต่ละรอบสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้ผมพัฒนาได้ มันเป็นเรซที่ยาก แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงการพัฒนาบางอย่าง เราจะรักษาการทำงานหนักนี้ เพื่อทำให้ดีขึ้นในพรุ่งนี้”

    ขณะที่ผลควอลิฟายในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดมากประสบการณ์ชาวไทย หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้ออกตัวจากกริดที่ 28 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 36.785 วินาที แม้จะอยู่ท้ายแถวแต่ส่งสัญญาณในการปรับปรุงเวลาต่อรอบได้แบบก้าวกระโดด โดยตามหลังกลุ่ม 20 คันแรกเพียง 1 วินาทีเท่านั้น

    ด้านผลควอลิฟายในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยกระดบความเร็วได้ดี คว้ากริดที่ 20 มาครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 41.761 วินาที มีลุ้นล่าแต้มอีกหนึ่งสนาม

    ทั้งนี้ ศึกดัตช์ กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ต่อด้วย โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 19.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV

     

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

     

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #AE41 #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #DutchGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ซาร์โก” รั้งท็อป 10 วันแรก โมโตจีพี แอสเซ่น 3 นักบิดไทย “ก้อง-ชิพ-ก๊องส์” ต่อสู้อย่างหนัก เพื่อยกระดับความเร็ว

    1 Min Read

    “ซาร์โก” รั้งท็อป 10 วันแรก โมโตจีพี แอสเซ่น 3 นักบิดไทย “ก้อง-ชิพ-ก๊องส์” ต่อสู้อย่างหนัก เพื่อยกระดับความเร็ว

    ผลการซ้อมวันแรกของ ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ “โยฮันน์ ซาร์โก” นักแข่งรถชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ สามารถผ่านเข้าสู่ Q2 ได้แบบอัตโนมัติ โดยรั้งอันดับ 10 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 31.776 วินาที ตามหลังผู้นำเพียง 0.620 วินาที

    ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทย หมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ต้องทำงานอย่างหนักร่วมกับทีม เพื่อยกระดับความเร็วของตัวเอง จบวันแรกในอันดับ 21 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 33.114 วินาที ตามหลังผู้นำ 1.958 วินาที

    ส่วน “โจอัน เมียร์” นักบิดสแปนิช หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี รั้งอันดับ 17 ตามหลัง 0.867 วินาที ตามด้วย “อเลช เอสปาร์กาโร” หมายเลข 41 นักบิดทดสอบของฮอนด้าในอันดับสุดท้าย ตามหลังหัวแถว 2.039 วินาที

    ด้านผลการซ้อมในรุ่น โมโตทู ปรากฏว่า “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักบิดชาวไทย หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่ต้องปรับตัวกับรายการแข่งขันที่ท้าทายอย่างต่อเนื่องจบวันแรกด้วยอันดับ 28 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 37.813 วินาที ตามหลังผู้นำ 2.944 วินาที

    สำหรับสถานการณ์ในรุ่น โมโตทรี “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย รั้งอันดับ 21 จากการซ้อมวันแรก ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 41.366 วินาที ตามหลังผู้นำ 1.313 วินาที

    ทั้งนี้ ศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่การแข่งขันรอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ต ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ก่อนจะดวลความเร็วในรอบ “เมนเรซ” ในวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 16.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 17.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 19.00 น. ถ่ายทอดสดทาง True Visions SPOTV

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #AE41 #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #DutchGP


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ครั้งแรกในไทย! ไทยฮอนด้า พาสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ New Honda CUV e: จักรยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ขับจริงรอบกรุงเทพฯ พร้อมโชว์เทคโนโลยีล้ำสมัย

    1 Min Read

    ครั้งแรกในไทย! ไทยฮอนด้า พาสื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ New Honda CUV e: จักรยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ขับจริงรอบกรุงเทพฯ พร้อมโชว์เทคโนโลยีล้ำสมัย

    เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ไทยฮอนด้า เปิดฉากกิจกรรมพิเศษ “New Honda CUV e: Press Test Riding” พาสื่อมวลชนร่วมทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด New Honda CUV e: เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด ‘Smart Ride, Future Ready’ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานจริงของชีวิตคนเมืองอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 84 สำนัก ถือเป็นกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% บนท้องถนนจริงทั่วกรุงเทพฯ

    ผู้เข้าร่วมได้ทดสอบมรรถนะการขับขี่ โดยมีไฮไลต์ที่สำคัญของ New Honda CUV e: ดังนี้

    • ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED รอบคัน
    • หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 7 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Connectivity) และ 5 นิ้วในรุ่น Standard
    • ความเร็วสูงสุด 83 กม./ชม. และระยะทางการใช้งานกว่า 70 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    • เทคโนโลยี ระบบช่วยถอยหลัง เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายในพื้นที่จำกัด
    • ระบบขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Sport, ECON และ Normal

    ในกิจกรรมครั้งนี้ ไทยฮอนด้ายังได้สาธิตการใช้งาน สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ Honda e: SWAP STATION ณ จุดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่บริเวณลานจอดรถ Block 28 ให้สื่อมวลชนได้เห็นการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองภายในเวลาไม่เกิน 1 นาที โดยระบบสถานีสับเปลี่ยนแบตฯ ดังกล่าวให้บริการแล้วกว่า 44 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครอบคลุมทุกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร พร้อมทั้งควบคุมความปลอดภัยของแบตเตอรี่ตามมาตรฐานสากล UNR 136 และรักษาอุณหภูมิขณะชาร์จไม่เกิน 25°C

    รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: พร้อมให้บริการเช่าใช้งานแล้ววันนี้ ในราคาที่เข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อเดือน มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ (Mat Gunpowder Black Metallic) และสีขาว (Pearl Jubilee White) มาพร้อมระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Swap Battery) ที่ใช้งานง่ายภายใน 1 นาที ผ่านสถานี Honda e: SWAP STATION ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

    ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Honda e:Swap Thailand เพื่อค้นหาสถานีใกล้คุณ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ลื่นไหลจากพลังงานสะอาดได้แล้ววันนี้
    ลงทะเบียนเช่าใช้งานและดูรายละเอียด New Honda CUV e: เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4hvNzqD

    ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Honda e:Swap Thailand สำหรับค้นหาสถานี e: SWAP
    iOS: https://bitly.cx/8ptzI
    Android: https://bitly.cx/2TEt

    #CUVe #SmartRideFutureReady #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ค็อกพิท เอ.บี.สันต์การยาง กรุ๊ป” ฉลองเปิดสาขาใหม่ อัดโปรเด็ด เอาใจลูกค้าชาวมหาสารคาม

    1 Min Read

    “ค็อกพิท เอ.บี.สันต์การยาง กรุ๊ป” ฉลองเปิดสาขาใหม่ อัดโปรเด็ด เอาใจลูกค้าชาวมหาสารคาม

    ค็อกพิท (COCKPIT) ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรฟาสต์ฟิต (Fast Fit) ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองเปิดสาขาใหม่ “ค็อกพิท เอ.บี.สันต์การยาง กรุ๊ป” ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์อีซูซุ สาขาพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สร้างจุดหมายใหม่ของการให้บริการด้านรถยนต์ที่ครบครันในที่เดียวภายใต้สโลแกน “คุ้มครบไว อุ่นใจ ที่ค็อกพิท” รองรับการให้บริการลูกค้าในจังหวัดและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง จัดโปรโมชันสุดพิเศษตั้งแต่วันที่ 26 – 30 มิถุนายน 2568 (จนกว่าสินค้าจะหมด) ชวนลูกค้ามาใช้บริการแบบจัดเต็ม เมื่อซื้อยาง DAYTON เฉพาะรุ่นและขนาดที่ร่วมรายการครบ 2 เส้น แถมฟรีอีก 2 เส้น สุดคุ้มกับยางแบรนด์ชั้นนำทั้งBRIDGESTONE, FIRESTONE หรือ DAYTON เฉพาะรุ่นและขนาดที่ร่วมรายการ ลดสูงสุดถึง 5,000 บาท พร้อมโปรน้ำมันเครื่องรุ่นที่ร่วมรายการ เริ่มต้นที่ 750 บาท และอื่นๆ อีกมากมาย

    คุณสมิทธ์ แสงไฟ ผู้จัดการส่วนการตลาดค้าปลีก สายงานเครือข่ายโซลูชั่นการค้าปลีก บริษัท บริดจสโตน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ค็อกพิทมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในฐานะศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศไทย โดยค็อกพิท เอ.บี.สันต์การยาง กรุ๊ป เป็นค็อกพิทสาขาที่ 2 ที่เปิดให้บริการในจังหวัดมหาสารคาม ด้วยประสบการณ์ อันยาวนานของเจ้าของร้านในธุรกิจยางรถยนต์ คุณภาพด้านการให้บริการ และราคาที่สมเหตุสมผล เรามุ่งหวังว่าค็อกพิท เอ.บี.สันต์การยาง กรุ๊ป จะสามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้รถยนต์และตอบโจทย์การใช้บริการของคนในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างดี”

    โปรโมชันสุดคุ้มฉลองเปิดสาขาใหม่ ตั้งแต่วันที่ 26-30 มิถุนายน 2568 (จนกว่าสินค้าจะหมด)

    ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์

    • เมื่อซื้อยางรถยนต์ DAYTON เฉพาะรุ่นและขนาดที่ร่วมรายการครบ 2 เส้น แถมฟรีอีก 2 เส้น
    • เมื่อซื้อยางรถยนต์ DAYTON รุ่น DT30 และขนาดที่ร่วมรายการครบ 3 เส้น แถมฟรีอีก 1 เส้น
    • เมื่อซื้อยาง BRIDGESTONE, FIRESTONE หรือ DAYTON เฉพาะรุ่นและขนาดที่ร่วมรายการ
      รับส่วนลดสูงสุด 5,000 บาท
    • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อซื้อยาง BRIDGESTONE หรือ FIRESTONE เฉพาะรุ่นและขนาดที่ร่วมรายการ
    • ต่อที่ 1: ฟรี! โปรแกรมดูแลยาง B-care One เมื่อยางเสียหายเปลี่ยนให้ฟรี 1 เส้น คุ้มครองนาน 1 ปี
    • ต่อที่ 2: ฟรี! โปรแกรมช่วยเหลือฉุกเฉิน B-24 hrs บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

    ผลิตภัณฑ์อื่นๆ

    • สุดคุ้มกับชุดน้ำมันเครื่องรุ่นที่ร่วมรายการ เริ่มต้นที่ราคา 750 บาท

    หมายเหตุ: เงื่อนไขของโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

    สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cockpit.co.th. หรือ www.facebook.com/CockpitTH
    แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1369

    ข้อมูลค็อกพิท เอ.บี.สันต์การยาง กรุ๊ป
    ที่ตั้ง: 289 หมู่ 12 ตำบลลานสะแก อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์อีซูซุ สาขาพยัคฆภูมิพิสัย
    เวลาเปิดทำการ: ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/WKsLUrqRTQhHuqp66
    โทรศัพท์: 098-308-9888
    เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/profile.php?id=61571843030424


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment