• การแข่งรถแบบมาราธอนสุดทรหด ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ สนามพิสูจน์สมรรถนะ ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ และนวัตกรรมของยางจากมิชลิน

    1 Min Read

    การแข่งรถแบบมาราธอนสุดทรหด ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ สนามพิสูจน์สมรรถนะ ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ และนวัตกรรมของยางจากมิชลิน

    การแข่งรถรายการ ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ ที่มีชื่อเสียงระดับตำนาน ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งที่ 93 ปิดฉากลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางสภาพอากาศปลอดโปร่ง การแข่งขันยอดนิยมรายการนี้มีทีมผู้ผลิตรถยนต์ไฮเปอร์คาร์ 8 รายร่วมลงสนามแข่ง โดยทุกรายติดตั้งยางมิชลินให้กับรถแข่งของตน และเป็นอีกครั้งที่สมรรถนะและประสิทธิภาพสม่ำเสมอของยางมิชลินยังคงสร้างความประทับใจที่น่าจดจำให้กับการแข่งขัน

    บนสนามแข่งที่พื้นผิวอยู่ในสภาพแห้งตั้งแต่เริ่มจนจบการแข่งขัน ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต เอ็นดูรานซ์’ สูตรเนื้อยางแข็งปานกลางเป็นหัวใจสำคัญของแผนกลยุทธ์หลักของทีม โดยความยืดหยุ่นในการใช้งานที่เหนือกว่าของยางรุ่นนี้ส่งผลให้ทีมนักแข่งสามารถใช้ยางชุดเดียววิ่งต่อเนื่องสามช่วงการแข่งรถได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนยางในพิท (Triple Stints) และไม่กระทบต่อสมรรถนะในการขับขี่ แม้อุณหภูมิสนามแข่งระหว่างกลางวันและกลางคืนจะผันผวนและแตกต่างกันอย่างมากก็ตาม

    ปิแอร์ อัลเวส (Pierre Alves) ผู้จัดการฝ่ายการแข่งขันประเภทระยะยาวแบบมาราธอน หรือ “เอ็นดูรานซ์” (Endurance) ของ ‘มิชลิน มอเตอร์สปอร์ต’ เปิดเผยว่า “การแข่งขัน ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ ในปีนี้ มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง นอกจากสภาพอากาศจะแจ่มใสเป็นใจต่อการแข่งขันแล้ว ยังมีผู้สนใจเข้าชมการแข่งขันตลอดช่วงสุดสัปดาห์จำนวนสูงถึง 330,000 คน  อีกทั้งยาง มิชลิน ไพลอต สปอร์ต เอ็นดูรานซ์สูตรเนื้อยางแข็งปานกลางยังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในใช้งานที่เป็นเยี่ยม โดยให้ประสิทธิภาพสูงอย่างสม่ำเสมอในการวิ่งต่อเนื่องสามช่วงการแข่งรถ หรือ Triple Stints ตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมงของการแข่งขัน

     

    มิชลินคว้าชัยชนะติดต่อกันเป็นสมัยที่ 28 ในการแข่งรถรายการ เลอ ม็องส์

    ชัยชนะในฤดูกาลแข่งขันล่าสุดของทีม ‘เอเอฟ คอร์เซ่’ และทีม ‘เฟอร์รารี่’ ส่งผลให้มิชลินครองตำแหน่งแชมป์ในการแข่งขัน ‘เลอ ม็องส์’ ติดต่อเป็นสมัยที่ 28 นับจากหวนกลับมาเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันรายการนี้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2541 ณ สนามแข่งซาร์ธ (Sarthe)   ขณะเดียวกันยังเป็นการคว้าชัยในการแข่งรถรายการ ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 สำหรับทีม ‘เฟอร์รารี่’ ทำให้ทีมที่มีฉายา “ม้าลำพอง” โดดเด่นเป็นพิเศษในรายการแข่งรถระยะทางไกล FIA World Endurance Championship (WEC) ประจำปี 2568 ด้วยการประเดิมกวาดชัยชนะ 3 สนามแรก

    ความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความยั่งยืนและเทคโนโลยี

    นอกจากเรื่องสมรรถนะ การแข่งขัน ‘เลอ ม็องส์’ ปีนี้ยังเป็นก้าวสำคัญสำหรับมิชลินในด้านกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy Strategy) ด้วย  โดยการผสานพันธมิตรกับธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดน ‘เอ็นไวโร’ (Enviro) ทำให้มิชลินสามารถนำยางรถไฮเปอร์คาร์ทุกเส้นที่ใช้ในการแข่งขันเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลผ่านการย่อยสลายโดยใช้ความร้อนในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน หรือ “ไพโรไลซิส” (Pyrolysis) โดยได้รับ ‘คาร์บอนแบล็ค’ (Carbon Black), น้ำมัน และเหล็กกล้า จากการรีไซเคิลกลับมาหมุนเวียนใช้ในการผลิตยางใหม่

    ขณะเดียวกัน มิชลินยังคงทุ่มเทคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้ว่ายางตัวอย่างสำหรับจัดแสดง (Demonstration Tires) ในปัจจุบันใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนเป็นส่วนประกอบในสัดส่วนสูงถึง 71% ถือเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จสู่การผลิตยางที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2593  ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดมาใช้ในยางสำหรับรถยนต์ต้นแบบ H24EVO ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโดรเจน และรถแข่ง Porsche GT4 e-Performance ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% แล้ว

    ยางที่พัฒนาขึ้นด้วยระบบจำลองภาพเสมือนจริงและพิสูจน์ศักยภาพบนสนามแข่ง

    ยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต เอ็นดูรานซ์’ (MICHELIN Pilot Sport Endurance) รุ่นปี 2568 ได้รับการออกแบบทุกขั้นตอนด้วยระบบจำลองภาพเสมือนจริง จึงช่วยลดจำนวนการผลิตยางต้นแบบลงได้อย่างมาก ซึ่งไม่เพียงเป็นการจำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง แต่ยังส่งผลให้ยางมีสมรรถนะในการใช้งานจริงที่ดีขึ้น

    แนวทางสู่ปี 2569: ผลิตภัณฑ์ยางภายใต้แนวคิด Race to Vision

    ภายในปี 2569 มิชลินจะรุกก้าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยางรุ่นใหม่สำหรับรถไฮเปอร์คาร์ที่ไม่เพียงใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนเป็นส่วนประกอบในสัดส่วน 50% แต่ยังโดดเด่นด้วยลวดลายกำมะหยี่บนดอกยางที่เรียกว่า Race to Vision  พัฒนาการดังกล่าวเป็นก้าวสำคัญในแผนงานของกลุ่มมิชลินที่มุ่งผสานสมรรถนะด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตเข้ากับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

    ความมุ่งมั่นที่โดดเด่นด้านโลจิสติกส์และบุคลากร

    ในการแข่งขัน ‘เลอ ม็องส์’ ประจำปีนี้ มิชลินได้ระดมสรรพกำลังของบุคลากรด้านมอเตอร์สปอร์ตจำนวน 110 คน เพื่อให้บริการแก่พันธมิตร 21 รายซึ่งลงแข่งขันประเภทไฮเปอร์คาร์ โดยสนับสนุนยางทั้งสิ้น 4,100 เส้น แต่ได้จัดส่งยางจำนวน 3,700 เส้นไปล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน เพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก หรือ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” (Carbon Footprint) ที่เกิดจากการขนส่ง

    มร.อัลเวส กล่าวเสริมว่า “ขอขอบคุณทีมงาน มิชลิน มอเตอร์สปอร์ตที่ทุ่มเทพลังกายใจให้บริการสนับสนุนพันธมิตรผู้ผลิตรถไฮเปอร์คาร์ทุกรายของเราอย่างเต็มที่ตลอดสัปดาห์การแข่งขัน ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันให้แบรนด์มิชลินเป็นที่รับรู้และจดจำในการแข่งขันเลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง

    มิชลินครองโพเดียมในการแข่งขัน ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ ประจำปี 2568

    สำหรับผลการแข่งขัน ‘เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง’ ครั้งที่ 93 นี้ ทีม ‘เอเอฟ คอร์เซ่’ ครองอันดับที่ 1 ด้วยรถแข่ง Ferrari 499P หมายเลข 83 จากฝีมือการขับของ โรเบิร์ต คูบิกา (Robert Kubica), ฟิลิป แฮนสัน (Philip Hanson) และ เย่ อี้เฟย (Ye Yifei)  ตามมาด้วยทีม ‘ปอร์เช่’ ซึ่งครองอันดับที่ 2 ด้วยรถแข่ง Porsche 963 หมายเลข 6 จากการขับของ เควิน เอสเตร (Kévin Estre), ลอเรนส์ แวนธูร์  (Laurens Vanthoor) และ แมตต์ แคมป์เบลล์ (Matt Campbell) ที่ควบคุมสมรรถนะการขับขี่และรับมือกับความกดดันจากการแข่งขันได้ดี โดยทีม ‘เฟอร์รารี่’ คว้าโพเดียมอันดับที่ 3 ไปครองด้วยรถแข่ง Ferrari 499P หมายเลข 51 จากการขับของ อเลสซานโดร ปิแอร์ กีดี (Alessandro Pier Guidi), เจมส์ คาลาโด (James Calado) และ อันโตนิโอ จิโอวินาซซี (Antonio Giovinazzi)

    บทสรุป

    เมื่อทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าฝ่าฟันไปให้ไกลกว่านั้น” แมทธิว โบนาร์เดล (Matthieu Bonardel) ผู้อำนวยการของ ‘มิชลิน มอเตอร์สปอร์ต’ กล่าวทิ้งท้ายอย่างมุ่งมั่น  การแข่งขันครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้ยางจะให้ประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ แต่มิชลินยังคงคิดค้นนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมิชลินตอกย้ำบทบาทในฐานะแบรนด์ผู้บุกเบิกการสัญจรแห่งอนาคต ด้วยการผสานสมรรถนะ นวัตกรรมที่ยั่งยืน และความทุ่มเทของบุคลากร เข้าด้วยกัน


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ไทรอัมพ์พาส่องไลน์อัปรถจักรยานยนต์ 5 รุ่นใหม่ ลุยได้ทุกสไตล์การขับขี่ พร้อมเสิร์ฟโปรฯ แรง ให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้!

    1 Min Read

    ไทรอัมพ์พาส่องไลน์อัปรถจักรยานยนต์ 5 รุ่นใหม่ ลุยได้ทุกสไตล์การขับขี่ พร้อมเสิร์ฟโปรฯ แรง ให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้!

    หากพูดถึงบริบทด้านสังคมของคอมมิวนิตี้การเดินทางของนักขับขี่สองล้อในประเทศไทย ไม่ว่าจะเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันหรือการท่องเที่ยวแล้ว จะเห็นได้ว่ารถจักรยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยหลายปัจจัยที่ตอบโจทย์ไม่ว่าจะเป็น ความสะดวกสบาย ความคล่องตัวสูงในการเดินทาง ในขณะเดียวกันรถจักรยานยนต์ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนรวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ ที่สะท้อนผ่านรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น  เพื่อช่วยส่งเสริมทั้งสมรรถนะของรถและภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ไปพร้อมๆกัน

    ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ แบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติยาวนานกว่า 123 ปี มุ่งมั่นในการออกแบบและพัฒนารถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป โดยครั้งนี้ไทรอัมพ์พร้อมพาไปสัมผัสกับไลน์อัป 5 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ไม่เพียงขับขี่สะดวก ปลอดภัย แต่ยังเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว มั่นใจได้ทั้งสำหรับมือใหม่และนักขี่มืออาชีพ

    เริ่มต้นกันที่ 2 รุ่นยอดนิยมที่บอกเลยว่ากระแสยังแรงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวจนถึงปัจจุบัน ได้แก่

    Speed 400 และ Scrambler 400 X — มือใหม่ก็หลงรักได้ตั้งแต่สัมผัสแรก สองรุ่นเริ่มต้นในกลุ่ม Modern Classics อย่าง Speed 400 และ Scrambler 400 X ได้รับการออกแบบมาให้ขี่ง่าย คล่องตัว แต่ยังคงดีไซน์คลาสสิกในแบบฉบับของ Triumph ไว้อย่างครบถ้วน เครื่องยนต์ TR ซีรีส์สูบเดี่ยวใหม่ที่ให้กำลังดี ตอบสนองไว พร้อมพาผู้ขับขี่เปิดประสบการณ์ครั้งแรกที่ “ใช่เลย” สำหรับรุ่น Speed 400 มาพร้อม 3 สีสุดโดดเด่น อาทิ Carnival Red, Caspian Blue และ Phantom Black ส่วน Scrambler 400 X เพิ่มภาพลักษณ์ลุยขึ้นอีกนิด พร้อมโทนสีแบบ Matt Khaki Green / Fusion White และอีกสองเฉดสีที่ดูเท่แต่ทันสมัย

    สำหรับสายสปอร์ตที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์ที่ขี่ง่าย คล่องตัวสูง แต่ยังคงให้ความสนุกเร้าใจในทุกจังหวะ Trident 660 คือคำตอบที่ลงตัว ด้วยดีไซน์สตรีทเน็กเก็ตสุดโมเดิร์น มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ ที่มอบพลังการขับเคลื่อน ตอบสนองฉับไว และควบคุมง่ายในทุกเส้นทาง ด้วยน้ำหนักตัวรถที่เบาช่วยเสริมความคล่องแคล่ว ทำให้เหมาะทั้งกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางท่องเที่ยว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง พร้อมดีไซน์ที่ผสานความคลาสสิกกับความทันสมัยได้อย่างกลมกลืน สะท้อนความเป็นตัวตนในแบบที่ไม่ซ้ำใคร Trident 660 ยังมาพร้อมสีสันและธีมกราฟิกใหม่ ได้แก่ Cosmic Yellow, Cobalt Blue และ Diablo Red ที่จับคู่กับ Sapphire Black พร้อมแถบลายเฉียงสีขาว รวมถึงรุ่นสี Jet Black สำหรับผู้ที่ชอบความเรียบหรู และยังสามารถเพิ่มเติมความโดดเด่นได้ด้วยอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ ที่ให้คุณตกแต่งรถได้ตามสไตล์เฉพาะตัว

    เพราะทุกวันคือการผจญภัยบทใหม่ที่รอให้คุณออกเดินทาง หลุดออกจากความจำเจเดิม ๆ โดยเฉพาะถ้าคุณคือสาย Adventure ที่กำลังมองหารถจักรยานยนต์อเนกประสงค์คู่ใจสำหรับทุกเส้นทาง Tiger Sport 660 คือคำตอบที่พร้อมลุยไปกับคุณทุกจังหวะชีวิต ผสานความสปอร์ตเข้ากับความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบอันเป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ มอบพลังการขับขี่ที่เร้าใจควบคู่กับความคล่องตัวสูง ตัวรถน้ำหนักเบา ควบคุมง่าย จึงเหมาะทั้งการใช้งานในเมืองและออกทริปเดินทางไกล Tiger Sport 660 ยังมาพร้อมดีไซน์เฉียบคม สะกดทุกสายตา มีให้เลือกในโทนสี Sapphire Black และอีก 3 สีสุดพรีเมียม ได้แก่ Roulette Green, Carnival Red และ Crystal White นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ของรถได้ตามใจ ด้วยอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์ ที่จะเปลี่ยนทุกวันธรรมดาให้กลายเป็นการผจญภัยที่น่าจดจำ

    สำหรับสายความเร็วที่ชื่นชอบการพุ่งทะยานอย่างมั่นใจ Daytona 660 คือรถจักรยานยนต์สปอร์ตสายพันธุ์แท้ เสริมเข้ากับขีดความสามารถเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สามสูบขนาด 660 ซีซี ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทรอัมพ์ มอบสมรรถนะสไตล์สปอร์ตอันน่าตื่นเต้น พร้อมการขับขี่แบบไดนามิก ประสิทธิภาพสูง และสเปคที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกัน สำหรับ Daytona 660 มีให้เลือกใน 3 โทนสี สุดเท่ ได้แก่ Satin Granite / Satin Jet Black, Carnival Red / Sapphire Black และ Snowdonia White / Sapphire Black ถือเป็นการคืนชีพตำนานรุ่นนี้อีกครั้งเพื่อส่งมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจให้กับผู้ขับขี่รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะใช้ในชีวิตประจำวัน หรือออกทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ Daytona 660 พร้อมพาคุณไปถึงทุกจุดหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ

    ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ทั้ง 5 รุ่นล่าสุดนี้ ไทรอัมพ์มอบข้อเสนอพิเศษให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น โดย Speed 400 และ Scrambler 400 X รับข้อเสนอทางการเงินมูลค่า 12,000 บาท ขณะที่ Trident 660, Tiger 660 และ Daytona 660 รับข้อเสนอทางการเงินสูงสุดถึง 55,000 บาท พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง (Triumph Roadside Assistance) และการรับประกันคุณภาพรถจักรยานยนต์เป็นเวลา 24 เดือน ไม่จำกัดระยะทาง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2568

    พร้อมกันนี้ไทรอัมพ์ยังมีรถจักรยานยนต์อีกหลากหลายรุ่นครอบคลุมทุกเซกเมนต์สำหรับไบค์เกอร์ทุกไลฟ์สไตล์ให้ได้ทดลองขี่รวมถึงมาพร้อมโปรโมชันสุดพิเศษให้ได้เป็นเจ้าของ ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมไทรอัมพ์ทั่วประเทศ ตลอดจนรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ คว้าสองรางวัลคุณภาพ จากการสำรวจด้านคุณภาพรถยนต์ โดย เจ.ดี.พาวเวอร์ ประจำปี 2568

    1 Min Read

    มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ คว้าสองรางวัลคุณภาพ จากการสำรวจด้านคุณภาพรถยนต์ โดย เจ.ดี.พาวเวอร์ ประจำปี 2568

    มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ สองรุ่นยอดนิยมจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้อย่างมั่นใจ ดีไซน์โดดเด่น และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ล่าสุดรถยนต์ทั้งสองรุ่น ได้รับการยืนยันด้านคุณภาพอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัล อันดับ 1 “รถใหม่คุณภาพสูง” จากผลการสำรวจความคิดเห็นด้านคุณภาพของผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย ปี 2568 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2025 Thailand Initial Quality StudySM (IQS))

    รางวัลในครั้งนี้ สะท้อนถึงความพึงพอใจของผู้ใช้รถที่ซื้อรถยนต์ใหม่ทั่วประเทศ และตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพระดับสูงของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

    นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติ และขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้รถทั้งสองรุ่นของเรา ได้รับการจัดอันดับสูงสุดของแต่ละประเภทรถยนต์ในปีนี้ โดย มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ พลัส ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะที่มีดีไซน์โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ทั้งในด้านสมรรถนะ ความทนทาน และความปลอดภัย มีระบบอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารอย่างครบครัน ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และวันหยุดพักผ่อนในวันสุดสัปดาห์ เราจึงมั่นใจว่า มิตซูบิชิ ไทรทัน คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่มองหารถกระบะอเนกประสงค์ ขับขี่ง่าย และที่สำคัญคือ ความมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์คันนี้ครับ”

     

    “ขณะเดียวกัน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ก็ได้รับความนิยมในฐานะรถ MPV ที่ครบครัน ทั้งฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ในด้านความสะดวกสบาย ความกว้างขวางของห้องโดยสาร และความคุ้มค่าต่อการใช้งานของครอบครัวครับ”

    นายถาวร กำแก้ว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต กล่าวเสริมว่า “รางวัลในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน ณ โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาค เราภูมิใจที่สามารถส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่าทุกรุ่นที่ผลิตจากโรงงานของเรา ได้ผ่านกระบวนการที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกมิติครับ”

    การสำรวจของ เจ.ดี. พาวเวอร์ ในปีนี้ครอบคลุมรถยนต์ 55 รุ่น จาก 14 แบรนด์ โดยสำรวจความเห็นจากเจ้าของรถใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 4,721 ราย ซึ่งซื้อรถระหว่าง เดือนมิถุนายน 2567– มกราคม 2568 โดยทำการสำรวจหลังการซื้อ ระหว่างช่วงเดือนธันวาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 ใน 22 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE), ไฮบริด (HEV) และรถพลังงานไฟฟ้า (BEV)

    แม้จะมีความท้าทายมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคปัจจุบัน แต่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและส่งมอบยานยนต์คุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้บริโภคในทุกมิติ พร้อมเดินหน้าบริหารจัดการการผลิต และการส่งมอบรถยนต์ให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างตรงเวลาและมีประสิทธิภาพ และยังมุ่งมอบความสบายใจให้กับลูกค้า ด้วยบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม จากเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพ กระจายอยู่กว่า 190 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าทุกท่านได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ด้วยมาตรฐานสูงสุด


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “ลุงเนวิน” จัดใหญ่! ฉลอง “10 ปี บุรีรัมย์ มาราธอน” รางวัลกว่า 10 ล้าน เปิดสมัคร On-site พร้อมแถลงข่าวยิ่งใหญ่ 15 ก.ค.นี้ ที่ One Bangkok ลุ้นรับทองและของที่ระลึกลิมิเต็ด อิดิชั่น

    1 Min Read

    “ลุงเนวิน” จัดใหญ่! ฉลอง “10 ปี บุรีรัมย์ มาราธอน” รางวัลกว่า 10 ล้าน เปิดสมัคร On-site พร้อมแถลงข่าวยิ่งใหญ่ 15 ก.ค.นี้ ที่ One Bangkok ลุ้นรับทองและของที่ระลึกลิมิเต็ด อิดิชั่น

    ยิ่งใหญ่กว่าเดิม! “บุรีรัมย์มาราธอน” สุดยอดไนท์ รัน อันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย เตรียมฉลองครบรอบ 10 ปี แจกของรางวัลกว่า 10 ล้านบาท” ตอบแทนนักวิ่งทุกคน ที่ทำให้ บุรีรัมย์มาราธอน เติบโตด้วยมาตรฐานการจัดงานระดับโลก เป็นงานวิ่งที่มากกว่างานวิ่ง และอยู่เคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน เปิดแคมเปญพิเศษ “BRM Superfans” จัดเต็มเอาใจทั้งแฟนพันธุ์แท้บุรีรัมย์มาราธอนทุกคนให้ได้ใจฟูไปกับของรางวัลพิเศษมากมาย รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และกลับมาอีกครั้ง ตามคำเรียกร้องกับการเปิดรับสมัครแบบ On-Site “ลุงเนวิน” เชิญชวนนักวิ่งร่วมอีเว้นต์สุดพิเศษ ฉลองครบ 10 ปี และสมัครหน้างานแถลงข่าว วันที่ 15 ก.ค.นี้ ที่ลาน The Storeys Square (เดอะ สตอรี่ส์สแควร์) ชั้น G วันแบงค็อก ตั้งแต่เวลา 12.00 -14.00 น. สมัครแล้วรับทันที ถุงเท้าวิ่งรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ฉลอง 10 ปี มูลค่า 420 บาท ฟรี ทุกคน และยังมีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำ 1 สลึง ถึง 10 เส้น พร้อมเผยวันรับสมัครออนไลน์ วันที่ 19 กรกฎาคม สำหรับนักวิ่งเก่าและวันที่ 20 กรกฎาคม สำหรับนักวิ่งใหม่

    การจัดการแข่งขัน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ภายใต้แนวคิด Your Ultimate Destination สวรรค์ของนักวิ่ง ที่จะจัดแข่งขันในวันที่ 24 มกราคม 2569 ออกสตาร์ทจากสนามแข่งรถระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” และเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล”ช้าง อารีนา” แข่งขันทั้งสิ้น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.), ระยะมินิมาราธอน (10 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.)

    นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผู้ริเริ่มจัดการแข่งขันบุรีรัมย์มาราธอน กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า บุรีรัมย์มาราธอนเป็นงานมาราธอนฝีมือคนไทย ที่เคยก้าวไปสู่มาตรฐานระดับโลก ด้วยเหรียญทองของ World Athletics หรือสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติการันตีเป็นความภาคภูมิใจ สร้างความประทับใจมาแล้วด้วยกองเชียร์มากที่สุด นับหมื่นคน ความสนุกสนานของเทศกาลดนตรี ความยาว 42.195 กม. แสงสีเสียงจัดเต็มตลอดเส้นทาง และสร้างชื่อเสียงและรายได้เข้าสู่ประเทศมหาศาลตลอด 9 ปีที่ผ่านมา”

    “ผมขอให้ความมั่นใจว่า “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” เราจะจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยมาตรฐานระดับโลกเช่นเคย พร้อมทั้งยังยืนหยัดในการมอบสิ่งที่ดีที่สุด  มอบความสุขและความประทับใจมากที่สุดให้กับทุกคนที่รัก “บุรีรัมย์มาราธอน” และอยู่เคียงข้างกันตลอดมา โดยได้เตรียมการเฉลิมฉลองวาระการฉลองครบรอบ 10 ปี อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยรางวัลพิเศษรวมสูงสุดกว่า 10 ล้านบาท”

    “โดยปีนี้ภายในงานแถลงข่าวจะมีการเปิดรับสมัครตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และภายในงานจะมีการแจกทอง 1 สลึง จำนวน 10 รางวัล สำหรับนักวิ่ง โดยประกาศผลบนเวทีแถลงข่าว เวลาประมาณ 14.30 น. ทั้งนี้ยังได้เตรียมของที่ระลึก “ลิมิเต็ด” เวอร์ชั่นฉลอง 10 ปี เป็นถุงเท้าจาก Warrix มูลค่า 420 บาท แจกจำนวนไม่จำกัด คุ้มที่สุดสำหรับผู้ที่มาสมัครในงานแถลงข่าวทุกคน”

    และพิเศษสำหรับปีที่ 10 นี้ กับแคมเปญ BRM Superfans” แทนคำขอบคุณจากใจ โดยวันงานวิ่ง จะมีการมอบเหรียญสำหรับ “BRM Superfans” ผู้วิ่งครบรอบ 10 ปี, และมอบ “หมวก BRM Sub 3 ลิมิเต็ด เวอร์ชั่นฉลอง 10 ปี” เป็นรางวัลสำหรับนักวิ่งระยะ Marathon Sub 3 ภายในเวลาต่ำกว่า 3:00:00 ชม. และมอบของที่ระลึก “ไอเท็มลับ ฉลอง 10 ปี” สำหรับแจกนักวิ่งทุกคน (จัดส่งไปกับ Race pack)

    นอกจากนี้ “ลุงเนวิน” และคณะกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขัน ยังยืนยันที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น รางวัลจากผู้สนับสนุนและเงินรางวัลการแข่งขัน รวมสูงที่สุดในประเทศไทยกว่า 1.65 ล้านบาท, และยังอัดฉีดเพิ่ม 1,300,000 บาท มอบเป็นเงินรางวัลพิเศษ สุ่มแจกให้กับนักวิ่งทุกระยะละ 50 รางวัลรวม 200 รางวัล เหมือนเช่นปีที่ผ่านมา

    และยังคงแจกภาพนักวิ่งฟรีทุกคนไม่ต้องซื้อรูปอีกต่อไป โดยหลังสแกน QR Code จะได้รับภาพแบบเรียลไทม์ โดยใช้ระบบที่ทันสมัยที่สุด ที่ถูกออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ  เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักวิ่ง เมื่อวิ่งผ่านช่างภาพ และช่างภาพทำการกดชัตเตอร์รูปจะปรากฎที่มือถือนักวิ่งทันที, สนับสนุนนักวิ่งต่อยอดไปยังงาน “โตเกียวมาราธอน” ทั้งค่าสมัคร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก สำหรับนักวิ่งชาวไทยที่ไม่ใช่ทีมชาติ และทำสถิติดีที่สุด 10 อันดับแรก ทั้งชายและหญิงของ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ดบาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” และล็อตโต้งานโตเกียวมาราธอน 2027 ได้สำเร็จ

    นอกจากนี้ยังยืนยันมอบรางวัลพิเศษ “นักวิ่ง New PB ฟรีหมูกระทะ” เปิดเตาตามคำเรียกร้อง สำหรับนักวิ่งระยะ “มาราธอน” ที่สามารถทำ NEW PB ของตัวเองได้ในปีนี้นอกจากของรางวัล Special Prize แล้วยังมีรางวัลพิเศษเติมสำหรับผู้พิชิตสถิติใหม่ Beat your Buriram Marathon Personal Best หรือ NEW PB รับไปเลยหมูกระทะ 1 ชุด โดยคูปอง 1 ใบ แลกหมูกระทะได้ 1 ชุด มูลค่า 250 บาท (สำหรับนักวิ่ง 1-3 ท่าน)

    ทั้งนี้ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” ประจำปี 2569 เปิดรับสมัครนักวิ่งจากทั่วโลกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 และ วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากทั้ง นักวิ่งระดับท็อปจากทั่วทุกมุมโลก, ระดับแชมป์ประเทศไทยและผู้รักในการวิ่งมากกว่า 32,936 คน คาดว่าในปีนี้หลังเปิดรับสมัครออนไลน์ จะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม มีนักวิ่งสมัครเต็มทุกระยะอย่างรวดเร็วเช่นเดิม

    นักวิ่งที่สนใจสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ www.burirammarathon.com และ www.runningconnect.com โดยแบ่งเป็น นักวิ่งเก่า (ปี 2017-2025) สมัครได้ตั้งแต่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป และนักวิ่งทั่วไปสมัคร วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป และจะมีการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. ที่ ลาน The Storeys Square (เดอะ สตอรี่ส์ สแควร์) ชั้น G วันแบงค็อก กรุงเทพ ภายในงานมีการรับสมัครนักวิ่งแบบ On-Site และของรางวัลพิเศษแก่นักวิ่งและสื่อมวลชนที่ร่วมงานมากมาย”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • พีทีที ลูบริแคนท์ส ปลุกร่างทองให้รถอีกครั้ง รุกตลาดน้ำมันเครื่อง Fully Synthetic มาตรฐานระดับโลก ดันสมรรถนะรถกลับมาฟิตเหมือนใหม่

    1 Min Read

    พีทีที ลูบริแคนท์ส ปลุกร่างทองให้รถอีกครั้ง รุกตลาดน้ำมันเครื่อง Fully Synthetic มาตรฐานระดับโลก ดันสมรรถนะรถกลับมาฟิตเหมือนใหม่

    พีทีที ลูบริแคนท์ส ผู้นำนวัตกรรม และผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศไทย เดินหน้าตอกย้ำความเป็น    แบรนด์พรีเมียม เปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุดภายใต้แนวคิด “ปลุกร่างทองให้รถอีกครั้ง” ชูจุดเด่นของ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% ขั้นสูง (Fully Synthetic) ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและมาตรฐานระดับโลก ที่จะมาปฏิวัติประสบการณ์การขับขี่ โดยมุ่งยกระดับสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้กลับมา เป็นร่างทอง พร้อมตอบโจทย์รถทุกประเภทอย่างตรงจุด

    คุณรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า แคมเปญ “ปลุกร่างทองให้รถอีกครั้ง” มุ่งสร้างการรับรู้ถึง คุณภาพระดับพรีเมียมของกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% ขั้นสูง ภายใต้ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ได้แก่ Performa, Challenger และ Dynamic ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทางทั้งรถยนต์เบนซิน รถดีเซล และรถจักรยานยนต์ โดยเน้นการฟื้นคืนสมรรถนะ เสมือน “ปลุก” เครื่องยนต์ให้กลับมาทรงพลังและลื่นไหลดั่งวันแรกอีกครั้ง พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถในทุกกลุ่ม ด้วยสูตรที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานระดับโลก และเทคโนโลยีที่เราพัฒนามาเพื่อตลาดจริง ไม่ใช่แค่ในห้องแล็บ โดยทุกรุ่นผ่านการทดสอบโดยตรงจากนักแข่งมืออาชีพ อาทิ “พีท ทองเจือ”, “แอนดรูว์ โคนินทร์”  “โรเตอร์ ทองเจือ” และอีกหลายท่าน ซึ่งร่วมทดสอบสมรรถนะและให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา เพื่อการันตีว่าน้ำมันเครื่องกลุ่มนี้สามารถรองรับการใช้งานทั้งบนถนนและสนามแข่ง

    สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Performa สำหรับรถยนต์เบนซิน ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานระดับโลก อาทิ API SQ, ILSAC GF-7A และ ACEA C3 พร้อมเทคโนโลยี EVOTEC และ SMART Molecules ที่ช่วยลดการสึกหรอ ยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน และเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง อีกทั้งยังมีสูตรเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฮบริด รถอีโคคาร์ และรถยนต์เทคโนโลยีใหม่จากยุโรป (Euro 6)

    ในขณะที่กลุ่ม Challenger สำหรับรถจักรยานยนต์ สปอร์ต และบิ๊กไบท์ เน้นสมรรถนะและความเร้าใจในทุกการขับขี่ ด้วยสูตรเฉพาะสำหรับการแข่งขัน พร้อมเทคโนโลยี ESTER TECH ที่ช่วยเพิ่มความทนทาน ลดแรงเสียดทาน และรีดกำลังเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่

    และกลุ่ม Dynamic สำหรับรถยนต์ดีเซลสมัยใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับเครื่องยนต์ระบบคอมมอนเรล   ด้วยเทคโนโลยี CLEAN AND LOCK ที่ช่วยทำความสะอาดทุกชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ให้สะอาดตลอดอายุการใช้งาน และเทคโนโลยี EVOTEC รองรับรถยนต์ดีเซลเทคโนโลยีใหม่ ยูโร 5 ที่ติดตั้งอุปกรณ์บำบัดไอเสีย ทั้ง DPF และ SCR พร้อมการปกป้องเต็มประสิทธิภาพ แม้ในสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วง

     

    พีทีที ลูบริแคนท์ส พร้อมเดินหน้าปลุก “ร่างทอง” ให้รถของคุณกลับมาโลดแล่นอย่างเต็มสมรรถนะอีกครั้ง ด้วยพลังจากน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% ขั้นสูง กลุ่มกระป๋องสีทองที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย                 ทั้ง Performa, Dynamic และ Challenger ที่พร้อมฟื้นคืนชีวิตใหม่ให้กับเครื่องยนต์ทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะขับรถเบนซิน ดีเซล หรือซูเปอร์ไบค์ ก็มั่นใจได้ว่า “ร่างทอง” ของรถคุณจะกลับมาแน่นอน

    สัมผัส “ร่างทอง” ของรถคุณได้แล้ววันนี้ด้วยน้ำมันเครื่อง Fully Synthetic วางจำหน่ายที่ ฟิต ออโต้, พีทีที สเตชั่น สาขาที่ร่วมรายการ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ PTT Lubricants หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Shopee และ Lazada ใน FIT Auto Official สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1365 Contact Center

    ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage PTT Lubricants หรือ https://www.facebook.com/pttlubricantsthailand


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • NEW GWM TANK 300 DIESEL – ทางเลือกที่ใช่ สำหรับทุกสไตล์ชีวิต ทั้ง 2WD และ 4WD

    1 Min Read

    NEW GWM TANK 300 DIESEL – ทางเลือกที่ใช่ สำหรับทุกสไตล์ชีวิต ทั้ง 2WD และ 4WD

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ GWM ชาวไทยหลังเปิดตัวได้ไม่ถึงเดือน NEW GWM TANK 300 DIESEL รถ PPV สไตล์ Premium Boxy ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนฯ ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากการรับฟังเสียงของผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับ 2 ระบบ ทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อ ในรุ่น 2.4T PRO และ รุ่น 2.4T ULTRA และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ในรุ่น 2.4T ULTRA 4WD เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการขับหล่อ ๆ ในเมืองได้ทุกวัน หรือบุกลุยกับทริปผจญภัยสู่การค้นหาประสบการณ์ใหม่ในทุกสภาพถนน

    เลือกรุ่นที่ใช่ 2WD หรือ 4WD?

    เจาะลึกความต่างระหว่าง 2WD และ 4WD คันไหนใช่ เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง กับภาพรวมเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละรุ่น

    คุณสมบัติ NEW TANK 300 2WD NEW TANK 300 4WD
    เหมาะกับใคร ชีวิตในเมือง, ทางเรียบ, การเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ การขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน, ชอบเดินทางผจญภัย, ตั้งแคมป์, ลากพ่วง
    โหมดขับขี่ 3 โหมด (Normal, Sport, Eco) 9 โหมด (2H, 4H, 4L, รวมโหมดลุยหิมะ ทราย หิน โคลน ฯลฯ)
    ความนิ่ง เงียบ และนุ่มนวล ขับสบาย เงียบ นิ่ง ได้ความสบาย นิ่ง เงียบเช่นกัน พร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนนบนพื้นผิวหลากหลายประเภท
    ความสามารถลุยทางสมบุกสมบัน จำกัดอยู่ที่ถนนเรียบหรือทางลูกรัง พร้อมลุยป่า ขึ้นเขา ข้ามโคลน ลากเรือ
    ฟีเจอร์เด่น ซันรูฟไฟฟ้า, เบาะนวด, ดีไซน์เท่ในเมือง ระบบความปลอดภัย เพิ่มฟังก์ชั่นการขับขี่ออฟโรด Rear Diff Lock, TANK TURN, Off-road Cruise Control
    บรรทุก/ลากจูง เหมาะกับการใช้งานทั่วไป รองรับน้ำหนักและลากของได้มากกว่า
    ความคุ้มค่า ราคาดี คุ้มค่าคุ้มราคา ใช้เดินทางได้ในชีวิตประจำวัน คุ้มค่าระยะยาว ใช้ได้รอบด้าน ยืดหยุ่นทุกสถานการณ์

    ขุมพลังเดียวกัน มอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม

    ทั้งรุ่น 2WD และ 4WD มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติที่เปลี่ยนจากเกียร์ 1 ถึงเกียร์ 9 ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วเพียง 90 กม./ชม. ขับสนุก ประหยัดพลังงาน รองรับทุกการใช้งานบนถนนเมืองและนอกเมือง

    ภายในหรูสไตล์พรีเมียม สะดวกสบายทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะอยู่บนถนนในเมืองหรือบนเส้นทางที่ท้าทาย ความสะดวกสบายยังคงอยู่ทุกวินาที ทุกเส้นทาง ในรุ่น 2.4 PRO แบบ 2WD มาพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์คุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มสบาย ดูแลง่าย พร้อมระบบปรับเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง ในรุ่น 2.4T ULTRA แบบ 2WD และ 4WD ยังยกระดับความหรูหราด้วยการใช้วัสดุ หนัง Nappa ผสมหนังสังเคราะห์ ให้สัมผัสที่ พรีเมียมและนุ่มนวลกว่าที่เคย เบาะคนขับมาพร้อมระบบปรับเบาะไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat และ Welcome Seat ระบบระบายอากาศ พร้อมดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทางและระบบนวดไฟฟ้า ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ช่วยให้ฝ่ารถติดในเมืองหรือฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายขณะผจญภัยได้อย่างสะดวกสบายตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีราวหลังคาสำหรับวางสัมภาระเพิ่มเติม เหมาะสำหรับการผจญภัย เพื่อประหยัดพื้นที่ภายในรถอีกด้วย

    รุ่น 4WD ทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว สำหรับลูกค้าที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อรุ่น 2WD หรือ 4WD จากการศึกษาของ GWM เกี่ยวกับลูกค้าที่ซื้อใช้งานจริง พบว่า 60% ของลูกค้าจะตัดสินใจซื้อรุ่น 4WD ถึงแม้จะขับขี่ในเมืองหรือบนทางเรียบเป็นหลักก็ตาม เนื่องจากหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็น

    • ใช้งานได้หลากหลายขึ้น ทั้งชีวิตเมือง ท่องเที่ยว ภารกิจหนัก หรือสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
    • เทคโนโลยีออฟโรดอัจฉริยะ ล้ำหน้ากว่า ขับได้ทุกเส้นทางโดยไม่ต้องกังวล
    • เหมาะกับผู้ที่มองหารถคันเดียวที่ “ทำได้ทุกอย่าง”
    • ส่วนต่างของราคาของรุ่น 2WD และ 4WD คุ้มค่ากับออปชั่นที่ได้เพิ่มขึ้น คิดเป็นส่วนต่างค่าผ่อนงวดเพียงไม่กี่พันบาทต่อเดือน* (โดยมีเงื่อนไขดาวน์ 25% ผ่อนชำระ 48 เดือน)

    พร้อมทดลองขับแล้ววันนี้

    NEW GWM TANK 300 DIESEL ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ PPV เพื่อคนเมืองยุคใหม่ แต่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในชีวิตจริงและการขับขี่ที่หลากหลายสไตล์ของผู้ใช้ชาวไทย ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่จะยกระดับทุกประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งกว่า พร้อมการรับประกันคุณภาพเครื่องยนต์ที่ยาวนานถึง 1,000,000 กิโลเมตร (หรือ 8 ปี) ฉีกกฏเครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิม ๆ ก้าวสู่ประสบการณ์ใหม่แห่งการเดินทางที่ดียิ่งกว่ากับ NEW GWM TANK 300 DIESEL ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T รุ่น PRO ราคา 1,029,000 บาท NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T รุ่น ULTRA ราคา 1,179,000 บาท และ NEW GWM TANK 300 DIESEL 2.4T ULTRA 4WD ราคา 1,279,000 บาท ทดลองขับได้แล้ววันนี้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ 70 สาขาทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน GWM เว็บไซต์ https://www.gwm.co.th/ หรือ GWM Contact Center หมายเลข 02-668-8888


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” สนามที่ 2 ระเบิดศึกนักแข่งเยาวชน ดวลความเร็วมาตรฐานระดับโลก

    1 Min Read

    “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” สนามที่ 2 ระเบิดศึกนักแข่งเยาวชน ดวลความเร็วมาตรฐานระดับโลก

    “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” บันไดการพัฒนาศักยภาพนักแข่งเยาวชนไทย สนามที่ 2 ดวลความเร็ว 2 เรซ ภายใต้ศึก NEXZTER BRIC Superbike 2025 สนามแรก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    โดยการสร้างทักษะให้นักแข่งมีความคุ้นเคยกับรถแข่งแท้ๆ ด้วยสมรรถนะของรถแข่ง Honda NSF250R เรซแมชชีนไทป์โมโตทรี พร้อมเรียนรู้การให้ข้อมูลของรถแก่ทีมแม็คคานิกซ์ และการยืนระยะทางในการแข่งขันบนสนามแข่งมาตรฐานระดับโลก ร่วมกับนักแข่งที่มีสไตล์ที่แตกต่างกันจากหลายประเทศในเอเชีย  เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงนักบิดดาวรุ่งจากญี่ปุ่น ซึ่งจะเข้าร่วมชิงชัยในสนามถัดไปอีกดด้วย

    เรซแรก ดวลเกม 15 รอบ นักแข่งเยาวชนบิดชิงตำแหน่งผู้นำกันตลอดเกม โดยรอบสุดท้ายเป็น “ชินโจ” ณภัทร จาตูม หมายเลข 3 ที่บิดคว้าชัยชนะ เฉือน “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร หมายเลข 12 ที่ตามมาในอันดับที่ 2 ห่างกัน 0.039 วินาที และ “บินตัง” ปรานาตะ สุขมา นักบิดอินโดนีเซีย หมายเลข 13 ตามมาในอันดับที่ 3 ตามหลังผู้นำ 0.207 วินาที

    เรซที่สอง ยังคงดวลเกมกัน 15 รอบ โดย “โรม” วชิรวิทย์ ไม้ดัดพันธุ์ หมายเลข 17 ที่สเต็ปอัพจาก ฮอนด้า อะคาเดมี่ ระเบิดฟอร์มครั้งแรกก็สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยท็อปสปีด 210.9 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามด้วย “ชินโจ” ณภัทร จาตูม หมายเลข 3 ในอันดับที่ 2 ตามหลัง 0.331 วินาที และอันดับที่ 3 เป็นของ “มะมาย” ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข 6 ที่ตามหลังอันดับที่ 2 เพียง 0.002 วินาที

    ทั้งนี้ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” สนามถัดไป จะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม นี้ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

    แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

    #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #RoadToMotoGP #TheNextSuccessor #ThaiHonda #HondaThailandTalentCup #idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #ยำยำ #KELA #Kushitani #Arai #Bridgestone #RCB #DID #NGK #KOWA #รพ.รวมใจรักษ์ #DiosDesign #SKF #EEST #GariGari #HondaChemicals #HondaBigBike #SAT #FMSCT


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มาสด้าชวนลูกค้าร่วมค้นหาความสุขและสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านปรัชญา “JOY DRIVES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต”

    1 Min Read

    มาสด้าชวนลูกค้าร่วมค้นหาความสุขและสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านปรัชญา “JOY DRIVES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต”

    ภายใต้ความสับสนวุ่นวายในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่กำลังเกิดขึ้น หลายคนกังวลใจกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน มาสด้าเชิญชวนลูกค้าออกมาร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจและค้นหาความสุขในแบบของตนเอง เพราะมาสด้าเชื่อว่าในทุกรายละเอียดของชีวิตมีความสุขขับเคลื่อนเราเสมอ เฉกเช่นเดียวกับมาสด้าที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยปรัชญา “JOY DRIVES LIVES” หรือความสุขขับเคลื่อนชีวิต สื่อสารถึงรายละเอียดความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมีส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแบรนด์ และมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์การใช้ชีวิต

    นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าเชื่อเสมอว่าความสุขคือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนชีวิต ​​เราจึงมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ความสุขให้กับผู้คนในทุกช่วงเวลาและพร้อมเดินทางไปด้วยกัน เพื่อค้นพบความสุขที่มากกว่าการขับขี่ในทุกเส้นทาง ให้ทุกรายละเอียดของชีวิตมีความสุขขับเคลื่อนเสมอ นั่นคือที่มาของปรัชญาใหม่ของแบรนด์ “JOY DRIVES LIVES” หรือความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาสด้าจะนำมาซึ่งคุณค่าและความสุข เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นหัวใจหลักในการสร้างความเชื่อมโยง เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ มาสด้าจึงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Customer Experience Management หรือการบริหารประสบการณ์ลูกค้าที่มุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถมาสด้า ที่ไม่ได้มีเพียงการขับขี่ที่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากแบรนด์ในทุก ๆ Touchpoint เริ่มตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบออนไลน์ไปจนถึงประสบการณ์ที่ได้สัมผัสจากผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่

    ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าและผู้คนได้ตระหนักถึงรายละเอียดความสุขเล็ก ๆ รอบตัว ตลอดจนมีส่วนร่วมและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีรถยนต์มาสด้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์ เพื่อถ่ายทอดหลักปรัชญาการทำงาน สร้างความรักความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า ตามแนวทางการบริหารงานที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง (Customer Centric) สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดลงไปในทุกองค์ประกอบของการทำงาน เพราะมาสด้าเชื่อว่า “ความสุขในการขับขี่รถยนต์” (Joy of Driving) จะนำไปสู่ “ความสุขในการใช้ชีวิต” (Joy of Living) และมาสด้าตั้งใจส่งมอบความสุขเหล่านี้ไปยังลูกค้าทุกคน จะดีกว่าไหมถ้าคนเราค้นพบความสุขที่อยู่ระหว่างทางโดยในบางครั้งอาจถูกมองข้ามไป ลองหยุดพักจากการรอคอยความสุขที่ยิ่งใหญ่หรือสิ่งที่หวังไว้ในอนาคต แล้วมาเติมเต็มชีวิตด้วยความสุขเล็ก ๆ ที่เราก็สร้างขึ้นเองได้ เพื่อให้ทุกวันขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและใช้ชีวิตให้มีความหมายตามแบบฉบับของตนเอง

    ดังนั้น มาสด้าจึงถ่ายทอดเรื่องราวการดำเนินชีวิตของครอบครัวอันแสนอบอุ่น ผ่านภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง Joy Drives Lives เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนมองหาความสุขในรายละเอียดของชีวิต และต่อยอดด้วยการมุ่งเน้นความเชื่อที่ว่า ความสุข คือพลังขับเคลื่อนชีวิต มาสด้าจึงสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าการขับขี่ แต่เป็นการเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในทุกช่วงเวลา ดังนั้น เพื่อสื่อสารแนวคิดนี้ให้ชัดเจนขึ้นจึงได้นำเสนอบทเพลง “Joy is in the details” บอกเล่าเรื่องราวจากหิ่งห้อยตัวน้อยผ่านสถานการณ์ของผู้คนต่าง ๆ หลากหลายมิติ เช่น การใช้เวลากับครอบครัวหรือคนรัก การก้าวข้ามขีดจำกัด และการนึกถึงอดีตที่น่าจดจำ เป็นต้น ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ล้วนดูธรรมดา แต่หากมองลึกลงไปในอริยาบททุกคนล้วนมีรอยยิ้มและกำลังมีความสุขในชีวิต

    “บางครั้งความสุขอาจเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่มาสด้าเชื่อว่าเราจะค้นพบด้วยตัวเองได้ เพียงลองมองลึกลงไปในรายละเอียด เราอาจพบความสุขที่อยู่ระหว่างทางที่บางครั้งอาจถูกมองข้ามไป ในช่วงที่ผ่านมา มาสด้าได้ทำการสำรวจสถิติคนไทย ผ่านแบบทดสอบ Mazda Joy Research เพื่อทำความเข้าใจความสุขในรูปแบบต่าง ๆ ตามด้วยการสร้างการรับรู้ในความหมายใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พบว่า คนไทยกว่า 2 ใน 3 จากกลุ่มตัวอย่าง มีความสุขน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ เพราะเราสร้างเงื่อนไขการมีความสุขด้วยการผูกมัดไว้กับความคาดหวัง มาสด้าจึงได้สร้างความตระหนักถึงว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง และสร้างความเชื่อมโยงต่อการสื่อสารเพื่อให้เห็นรายละเอียดความสุขในชีวิต” นายภพนิพิฐ กล่าวเสริม

    สำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตามการสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาและบทเพลงอันไพเราะอันลึกซึ้งที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ JOY DRVIES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต รวมถึงการออกไปค้นหาความสุขของคุณร่วมกับแบรนด์มาสด้า สามารถกดเข้าผ่านลิงค์ดังต่อไปนี้

    • รับชมภาพภาพยนตร์โฆษณาภายใต้สโลแกน “JOY DRIVES LIVES” ได้ตามช่องทาง
    • Mazda official YouTube – Full VDO: ภาพยนตร์โฆษณาhttps://www.youtube.com/watch?v=wYhA68ocA8g
    • Facebook: ถ่ายทอดเรื่องราวความสุขขับเคลื่อนชีวิตhttps://www.facebook.com/share/r/1EM8oLW4AR/
    • TikTok บทเพลง “Joy is in the details”

    Music : https://vt.tiktok.com/ZSkG28nHE/


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยามาฮ่าเสริมแกร่งนักกีฬาอีสปอร์ตปราสาทสายฟ้าต่อเนื่อง มอบรถ FAZZIO จำนวน 10 คัน

    1 Min Read

    ยามาฮ่าเสริมแกร่งนักกีฬาอีสปอร์ตปราสาทสายฟ้าต่อเนื่อง มอบรถ FAZZIO จำนวน 10 คัน

    นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด นายจิรภัทร สายเพชร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด และสนับสนุนการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ นายโชติชนก ชิดชอบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต พร้อมด้วยทัพนักกีฬา Free Fire สังกัดสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต ในการส่งมอบทัพรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า YAMAHA FAZZIO Hybrid  จำนวน 10 คัน รวมมูลค่า 509,000 บาท

    ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้สนับสนุนทัพนักกีฬาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ตมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต ยังคงสร้างผลงานสุดแกร่งในระดับโลกได้รับความนิยมต่อเนื่องจากแฟนคลับชาวไทย และชาวต่างชาติ

    สำหรับการมอบรถจักรยานยนต์ YAMAHA FAZZIO จำนวน 10 คัน ในครั้งนี้มีขึ้น ณ อาคารสำนักงาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เมื่อเร็ว ๆ นี้

    #ยามาฮ่า #Yamaha #Fazzio #Fazzio2025 #BuriramUnitedEsports #BRUFighting #BRUFreeFire


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • จากสนามแข่งสู่อนาคต เส้นทาง Formula E ของนิสสัน กับภารกิจขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทาง

    1 Min Read

    จากสนามแข่งสู่อนาคตเส้นทาง Formula E ของนิสสัน กับภารกิจขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทาง

    การเดินทางของทีม Nissan Formula E

    Nissan เริ่มต้นเส้นทางแห่งการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในสนามแข่ง ด้วยการเข้าร่วมการแข่งขัน ABB FIA Formula E Championship อย่างเป็นทางการในฤดูกาลที่ 5 (2018/19) กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นรายแรกและรายเดียวในรายการนี้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทีม Nissan Formula E ก็เดินหน้าพัฒนาทั้งสมรรถนะของรถและกลยุทธ์การแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยในฤดูกาลล่าสุด 2024/2025 ทีมนำโดย โอลิเวอร์ โรว์แลนด์ และนอร์แมน นาโต ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าชัยชนะมาแล้วถึง 4 สนาม และเป็นทีมเดียวที่สามารถขึ้นโพเดียมได้ในทุกสนามตั้งแต่เริ่มฤดูกาล

    ผลงานอันโดดเด่นยิ่งได้รับการตอกย้ำในสนามที่ 9 ณ Tokyo E-Prix ซึ่งเป็นสนามเหย้าของนิสสัน ทีมสามารถคว้าชัยชนะ โพเดียม และดับเบิลโพลโพซิชันได้สำเร็จ พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำคะแนนสะสมสูงสุดในทั้งสามประเภท ได้แก่ ประเภททีม นักขับ และผู้ผลิต การแข่งขัน Formula E สำหรับนิสสันจึงไม่ใช่แค่เวทีโชว์สมรรถนะ แต่คือ “สนามทดสอบอนาคต” ที่สะท้อนจิตวิญญาณ “Dare to do what others don’t” กล้าที่จะคิดต่างและลงมือทำเพื่อผลักดันนวัตกรรม ทั้งในด้านเทคโนโลยี มอเตอร์สปอร์ต และการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แผนวิสัยทัศน์ระยะยาว Nissan Ambition 2030 โดยนิสสันยังเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ประกาศเข้าร่วมการแข่งขันในยุค GEN4 อย่างเป็นทางการจนถึงปี 2030 ตอกย้ำบทบาทผู้นำในโลกของ EV และระบบขับเคลื่อน e-POWER อย่างแท้จริง

    Formula E: ห้องทดลองของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
    การแข่งขัน Formula E คือสนามทดลองที่ท้าทายและไร้ข้อจำกัดที่สุดสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า Nissan ใช้เวทีนี้ในการทดสอบขีดความสามารถของระบบมอเตอร์ การจัดการพลังงาน และการควบคุมความร้อนในระดับที่ไม่สามารถทำได้ในการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุค ของรถแข่ง รุ่นที่ 3 (GEN3) ที่ทุกทีมใช้แบตเตอรี่ร่วมกัน การบริหารพลังงานอย่างแม่นยำจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินชัยชนะ ซึ่งนิสสันมีจุดแข็งจากประสบการณ์ด้านขุมพลังแบบไฟฟ้ามายาวนาน ผสานกับข้อมูลจากการใช้งานจริงของผู้ใช้ Nissan LEAF ทั่วโลกที่รวมระยะทางกว่า 16 พันล้านกิโลเมตร ซึ่งถูกนำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนารถแข่งของทีม

    ในทางกลับกัน ข้อมูลจากสนามแข่ง ทั้งในด้านประสิทธิภาพของระบบฟื้นฟูพลังงานจากการเบรก หรือ regenerative braking การตอบสนองของมอเตอร์ และการกระจายแรงเบรก จะถูกส่งต่อไปยังทีมวิศวกรรมเพื่อพัฒนานวัตกรรมในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และ e-POWER ขณะเดียวกันนิสสัน ยังได้ลงทุนสร้างสำนักงานใหญ่ใหม่ของทีม Formula E ทางตอนใต้ของกรุงปารีส พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ซึ่งช่วยยกระดับการวิจัยและพัฒนาตลอดทั้งกระบวนการ จากสนามแข่งสู่ท้องถนนอย่างแท้จริง

     

    ข้อมูลคือหัวใจของความก้าวหน้า
    ในโลกที่ข้อมูลคือขุมพลัง และทุกการตัดสินใจต้องอิงจากข้อมูลที่แม่นยำ ทีม Nissan Formula E จึงได้นำระบบ real-time telemetry มาใช้เพื่อวิเคราะห์รายละเอียดการแข่งขันในทุกๆ สนาม ซึ่งเปรียบเสมือน “สายตาและสติปัญญา” ของทั้งทีมวิศวกรรมและนักแข่ง ที่สามารถส่งข้อมูลจากตัวรถแข่งมากกว่า 1,000 จุดต่อรอบสู่ศูนย์ควบคุมได้แบบเรียลไทม์ โดยข้อมูลเหล่านี้ครอบคลุมทั้งอุณหภูมิแบตเตอรี่ อัตราการใช้พลังงาน ระบบ regenerative braking การกระจายแรงเบรก น้ำหนักที่ถ่ายสู่ในแต่ละล้อ ไปจนถึงการตอบสนองของช่วงล่างและยางในแต่ละจังหวะของสนาม

     

    สิ่งที่ทำให้ระบบ telemetry ของ Formula E มีความพิเศษคือ ความละเอียดและความรวดเร็วในการประมวลผล ซึ่งช่วยให้ทีมสามารถ “มองเห็น” ทุกการตอบสนองของรถได้ในขณะที่นักแข่งยังอยู่บนแทร็ค ไม่ว่าจะเป็นการปรับกลยุทธ์ระหว่างรอบ การ fine-tune พลังงานแบบเสี้ยววินาที ไปจนถึงการตัดสินใจเรื่องการใช้ Attack Mode หรือพลังงานสำรอง โดยทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละสนาม

    Cristina Mañas Fernández หัวหน้าฝ่าย Performance and Simulation ของทีม Nissan Formula E อธิบายว่า “การที่เรามีระบบ telemetry ที่แม่นยำ ช่วยให้วิศวกรสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องยนต์กับฟีดแบคจากนักแข่งได้ทันที ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจว่า รถควรถูกปรับค่าการขับขี่อย่างไรในรอบถัดไป เพื่อดึงสมรรถนะให้ถึงขีดสูงสุดโดยไม่สูญเสียความสมดุล

     

    จากสนามแข่งสู่ศูนย์การวิจัยและพัฒนา

    การร่วมแข่งขันใน Formula E ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างทีมมอเตอร์สปอร์ตและศูนย์วิจัยและพัฒนาของนิสสันในญี่ปุ่นอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในยุคยานยนต์ที่ 3 (GEN3) ที่ Nissan ได้เข้าควบคุมทีมแข่ง Formula E อย่างเต็มตัว และแต่งตั้งทาดาชิ นิชิคาวะ (Tadashi Nishikawa) วิศวกรผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปีจากฝั่งยานยนต์ ขึ้นเป็น Chief Powertrain Engineer เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างสองโลกเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ

     

    หนึ่งในผลลัพธ์สำคัญของกระบวนการนี้คือการพัฒนา ระบบขับเคลื่อน Nissan e-4ORCE 05 ที่ต่อยอดจากเทคโนโลยี e-4ORCE ในรถยนต์รุ่นเรือธงของแบรนด์ โดยถูกออกแบบให้มีความสามารถในการจัดการแรงบิดและพลังงานได้อย่างแม่นยำ รองรับการแข่งขันที่ต้องอาศัยความสมดุลและความเร็วในระดับสูง ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมนิสสันมีคะแนนขึ้นนำทั้งสามประเภทในฤดูกาลล่าสุด และตอกย้ำว่าเทคโนโลยีจากสนามแข่งสามารถต่อยอดสู่อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนได้อย่างแท้จริง

     

    Formula E กับบทพิสูจน์วิสัยทัศน์ Ambition 2030 ของนิสสัน

    การเข้าร่วมการแข่งขัน Formula E คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่นิสสันใช้ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ Ambition 2030 ให้เป็นรูปธรรม วิสัยทัศน์นี้มุ่งสร้างโลกที่ปลอดมลพิษ ปลอดอุบัติเหตุ และขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างทั่วถึง ไม่ใช่แค่การพัฒนาเทคโนโลยี แต่รวมถึงการปรับโครงสร้างความคิดและระบบนิเวศยานยนต์ทั้งระบบ

    ภายใต้แรงกดดันและสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย นิสสันมุ่งมั่นที่จะใช้เวทีนี้ในการพัฒนาโซลูชันที่สามารถต่อยอดสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า และ e-POWER ทั่วโลกรวมกว่า 20 รุ่นภายในปีงบประมาณ 2569 และตั้งยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกราว 50% ภายในปี 2573

     

    นิสสันยังต้องการวางรากฐานสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยี แบตเตอรี่แบบ All-Solid State (ASSB) ซึ่งจะเริ่มนำมาใช้จริงภายในปีงบประมาณ 2571 และจะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม EV โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ที่การใช้ EV ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ประหยัด คุ้มค่า และใช้งานง่าย

     

    เส้นทาง Formula E ของนิสสันจึงไม่ได้สะท้อนแค่ชัยชนะในสนามแข่ง แต่คือ ตัวเร่งการเชื่อมต่อของระบบ หรือ system accelerator ที่เชื่อมต่อระหว่าง “สนามแข่ง – ห้องวิจัย – สายการผลิต – และสังคม” ที่เดินหน้าด้วยจิตวิญญาณของ “Dare to do what others don’t” ความกล้าท้าทายกรอบเดิม ๆ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างมีเป้าหมาย ทุกการแข่งขันจึงไม่ใช่เพียงจุดหมาย แต่คือก้าวย่างที่ตอกย้ำว่านิสสันพร้อมจะนำพาอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่อนาคตที่ฉลาด สะอาด และยั่งยืนกว่าที่เคย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment