-
PTG สานต่อโครงการ “พีที ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน” พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด ESG ณ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้นำการบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจรของประเทศนำพนักงานกว่า 50 คน ร่วมสนับสนุนคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ทุกคนในชุมชน “อยู่ดีมีสุข”ภายใต้โครงการ “พีที ค่ายอาสา ทำจริงไม่ทิ้งกัน” ถือเป็นกิจกรรมเพื่อเป้าหมายสู่ความยั่งยืน ตามแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ที่ PTG ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า PTG ดำเนินธุรกิจและเติบโตเคียงคู่กับคนไทยมากว่า 37 ปี ซึ่งบริษัทฯ มีความตระหนักดีในการให้ความช่วยเหลือสังคม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน เพื่อเป้าหมายสู่ความยั่งยืน ตามแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “พีที ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน”

สำหรับกิจกรรม CSR ในครั้งนี้ จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568 ณ โรงเรียนนเรศวรห้วยผึ้ง ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นอีกพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินกิจการทั้งสถานีบริการน้ำมันพีที และบริษัทฯในเครือดำเนินกิจการอยู่ ภายใต้กิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อชุมชน กับโครงการ “พีที ค่ายอาสา ทำจริงไม่ทิ้งกัน” โดยกิจกรรมหลักคือโครงการ “พีที ชุมชนตาสว่าง” กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอนามัย พัฒนาด้านความ เป็น อยู่ของคนในชุมชน บริการวัดสายตาประกอบแว่น และให้ความรู้เรื่องดวงตากับผู้สูงอายุ ปัจจุบันเรามอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุไปแล้วกว่า 5,800 คน และในชุมชนนี้จะเพิ่มอีกจำนวน 300 คน เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังได้ร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนเรียนดีแต่ขาดแคลน ทุนทรัพย์ ที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนนี้ ทั้ง 7 สถานศึกษา จำนวน 42 ทุน ทุนละ 2,000 บาท พร้อมมอบทุนการ ศึกษาบุตรและธิดาของพนักงานเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อีกจำนวน 10 ทุน ทุนละ 2,000 บาท รวมถึงสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา กล่องปฐมพยาบาล พร้อมมอบพันธุ์ผักสวนครัวสำหรับประกอบอาหารกลางวัน ทั้ง 7 สถานศึกษา,สนับสนุนจินตนาการของน้อง ๆ ด้วยการจัดกิจกรรมประกวดวาดภาพระบายสีให้หัวข้อ “เด็กรุ่นใหม่ ก้าวไกลไปกับ พีที” เพื่อให้น้อง ๆ ได้นำศักยภาพของตัวเอง มาแสดงความคิดสร้างสรรค์ด้านศิลปะอย่างเปิดกว้าง นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนด้านโภชนาการให้กับน้อง ๆ นักเรียน โดยการสนับสนุนแปลงผักสวนครัวเพื่อน้อง พร้อมร่วมกันปลูกผักสวนครัวไม้กินได้ จำนวนกว่า 300 ต้น พร้อมสร้างรั้วโรงเลี้ยงไก่ไข่ สนับสนุนอาหารไก่ไข่ และมอบเชื้อเห็ดนางฟ้า จำนวนกว่า 300 ก้อน ให้กับโรงเรียนนเรศวรห้วยผึ้ง เพื่อให้น้อง ๆ ได้นำผลผลิตมาประกอบอาหารกลางวันในอนาคต

อีกทั้งยังจัดกิจกรรมต้นไม้แลกยิ้ม มอบต้นไม้กินได้กว่า 300 ต้น เพื่อให้ชาวบ้านได้นำต้นไม้ กลับไปปลูกที่บ้าน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชน และทำกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดกว่า 3,500 ตัว ณ ฝายกั้นน้ำบ้านห้วยผึ้งเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนสามารถจับไปรับประทานและสร้างรายได้

นอกจากนี้ PT ยังมีกิจกรรมพิเศษจากธุรกิจในเครือ บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม โดยการนำยางรถยนต์เก่ามาปรับปรุงและทำเป็นแปลงปลูกผักเพื่อน้อง พร้อมตรวจสภาพรถยนต์ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง สนับสนุนน้ำมันเครื่องจาก PT Maxnitron ให้กับบุคคลกรโรงเรียนนเรศวรห้วยผึ้ง และรถต่าง ๆ ใช้งานเพื่อชุมชน ขององค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่รวมจำนวนกว่า 29 คัน
ครั้งนี้ PT ยังได้สนับสนุนหนังสือเสริมพัฒนาการ และนำอาสาสมัคร Gen Z จากวิทยาลัยการอาชีพ วังไกลกังวล มาร่วมกิจกรรม PT พี่อาสาสอนน้องเรียน พาน้องเล่น PT Gen Z English Fun เสริมสร้างความรู้สอดแทรกกิจกรรมนันทนาการภาษาอังกฤษให้กับน้อง ๆ และยังมีวงดนตรีนักศึกษามาสร้างสีสันกับเพลงเพราะ ๆ กับกิจกรรม PT Gen Z Music Concert ให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกัน และ PT ยังคำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่ของคนในชุมชน ด้วยการจัดอบรมการขับขี่ปลอดภัยให้กับชาว บ้านในชุมชนนี้ โดยวิทยากรด้านการจราจรพร้อมแจกหมวกกันน็อคให้กับผู้เข้าร่วมอบรม ได้ขับขี่อย่างถูกกฎจราจรและปลอดภัยอีกด้วย

PT ยังใส่ใจความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนแบบทุกมิติ ได้ไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยติดเตียง พร้อมมอบของอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน จำนวน 10 ราย และเติมเต็มความสุขด้วยกิจกรรมสันทนาการให้กับชาวบ้านและน้อง ๆ เพื่อส่งต่อความสุขและรอยยิ้ม รวมถึงมอบของอุปโภคบริโภค และอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานให้ทุกคนได้อิ่มท้อง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ได้จัดตั้งขึ้น บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนตามความจำเป็นในหลากหลายด้านเพื่อบรรเทาทุกข์ และช่วยส่ง เสริมคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยยึดหลัก PT สร้างสุข สุขกาย สุขใจ สังคมอยู่ร่วมกันอย่าง “อยู่ดีมีสุข”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตอกย้ำความสำเร็จ! ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV กวาดยอดจองกว่า 4,000 คัน เปิดตัวโฆษณา สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

หลังการเปิดตัวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากลูกค้าทั่วประเทศ กวาดยอดจองทะลุกว่า 4,000 คัน แม้จะอยู่ในช่วงก่อนการเปิดตัวอย่างเต็มรูปในเดือนนี้ สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ 3,000 คัน กระแสตอบรับนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในสมรรถนะ ความชื่นชอบในดีไซน์ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองและความสะดวกสบายในการขับขี่ของลูกค้าที่มีต่อรถยนต์ คอมแพกต์เอสยูวี ไฮบริด รุ่นใหม่คันนี้ ได้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้เริ่มทยอยส่งมอบรถยนต์คุณภาพล็อตแรกให้แก่ลูกค้าแล้ว และจะมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ จาก ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV โดยเร็วที่สุด เพื่อรองรับเป้าหมายดังกล่าว บริษัทจึงได้ยกระดับศักยภาพการผลิตให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบรถยนต์ให้ถึงมือลูกค้าตามกำหนด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเปิดตัวเต็มรูปแบบของรถยนต์ ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV ได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าสื่อสารจุดเด่นของ XFORCE HEV อย่างต่อเนื่องผ่านแคมเปญโฆษณาใหม่ ตอกย้ำแนวคิด “Xperience the Force” ภาพยนตร์โฆษณาที่หยิบเพลงฮิตติดหูอย่าง “ยินดีที่ไม่รู้จัก” มาเรียบเรียงใหม่ในเวอร์ชันที่เปี่ยมด้วยพลังและความสนุก พร้อมเปิดตัวสองพรีเซนเตอร์คนรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ “ริว-วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล” และ “แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช” ตัวแทนของคนยุคใหม่ที่กล้าใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่างมีเอกลักษณ์
แคมเปญโฆษณา “Xperience the Force” สะท้อนความโดดเด่นของ ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV ที่ออกแบบมาตอบโจทย์การใช้ชีวิต และการเดินทางในวันหยุดของคนเมืองยุคใหม่ ด้วยขุมพลังไฮบริดที่ให้ทั้งความแรง และความนุ่มนวลในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือในเส้นทางที่ท้าทาย
โดยได้ “ริว-วชิรวิชญ์” นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ มีบุคลิกมั่นใจและคล่องแคล่ว และ “แพต-ชญานิษฐ์ ” นักแสดงสาวที่แจ้งเกิดจากซีรีส์ดังบน Netflix และเป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่น ทั้งคู่ยังเป็น Instagramer ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและกล้าใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “Xperience the Force” ตรงกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ของ ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV ที่ทันสมัย มีตัวตนโดดเด่น และพร้อมออกไปค้นหาสิ่งใหม่อยู่เสมอ
แคมเปญโฆษณาชุดนี้ ไม่เพียงจะนำเสนอความเป็นไอคอนิกของรถยนต์คอมแพกต์เอสยูวียุคใหม่ แต่ยังได้ถ่ายทอดมุมมองของการออกไปค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น ผ่านเพลง “ยินดีที่ไม่รู้จัก” ในเวอร์ชั่นพิเศษ โดยเรียบเรียงใหม่ ให้ออกมาสนุกสนานและเต็มเปี่ยมด้วยพลังมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสมรรถนะของ ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV ที่พร้อมพาผู้ขับขี่ไปสู่จุดหมายใหม่อย่างมั่นใจ จากถนนในเมืองสู่ปลายทางที่งดงาม พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและระบบอำนวยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างแท้จริง
ร่วมสัมผัสพลังแห่งประสบการณ์ใหม่กับ ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV และรับชมภาพยนตร์โฆษณาเวอร์ชันเต็ม ผ่านช่องทางออนไลน์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทุกช่องทาง และภาพยนตร์โฆษณาเวอร์ชัน 30 วินาที ทางสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป ผู้ที่สนใจ อยากสัมผัสประสบการณ์ “Xperience the Force” สามารถไปทดลองขับ ALL-NEW MITSUBISHI XFORCE HEV ได้แล้ววันนี้ ที่โชว์รูมมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
GWM จัดงาน “GWM DIESEL TECH NIGHT” เจาะลึกเทคโนโลยีดีเซล 2.4T เจนฯ ล่าสุด พร้อมเปิดตัว “TANKER CLUB” คอมมูนิตี้คนรัก GWM TANK ในไทยอย่างเป็นทางการ

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด เผยเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดแบบเจาะลึก ในงาน “GWM DIESEL TECH NIGHT” พิสูจน์ที่มาของความสำเร็จของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ในประเทศไทย นำทีมโดย เจมส์ หยาง รองประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ มิคาเล สกอตติ ผู้อำนวยการด้านระบบส่งกำลังและแพลตฟอร์มใหม่ GWM สำนักงานใหญ่ นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด และ เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) พร้อมด้วยทีมผู้บริหารจาก GWM (Thailand) พร้อมกันนี้ GWM (Thailand) ได้ประกาศเปิดตัว TANKER CLUB คอมมูนิตี้สำหรับเหล่าคนรัก GWM TANK ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ สู่การเป็นพื้นที่สำหรับผู้ใช้งานจริงทั่วประเทศเพื่อทำกิจกรรม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันสร้างคอมมูนิตี้ที่เข้มแข็ง สร้างสรรค์ และยั่งยืนในระยะยาว โดยมีเหล่า “TANKER” หรือผู้ใช้ GWM TANK เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากเพื่อร่วมเฉลิมฉลองการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL ไปแล้วมากกว่า 1,000 คันในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และจะมีการส่งมอบได้ครบ 2,000 คันภายในเดือนมิถุนายนนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสู่มือลูกค้าชาวไทยอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์
เจมส์ หยาง รองประธาน GWM ตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า “GWM DIESEL TECH NIGHT ไม่ใช่แค่งานเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นใหม่ แต่เป็นเวทีที่เราตั้งใจจะถ่ายทอดให้ทุกคนได้เห็นถึงความมุ่งมั่นเบื้องหลังการพัฒนาเทคโนโลยีดีเซลของ GWM ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา เราทราบดีว่าการจะพาแบรนด์สัญชาติจีนไปสู่ระดับโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องของกระแสหรือโชคชะตา แต่คือการเดินหน้าด้วยแนวคิดระยะยาวและการลงทุนในนวัตกรรมที่ GWM มุ่งมั่นเสมอมา รวมถึงการที่ GWM ยังเชื่อว่าเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องของการอวดโชว์ แต่คือความสามารถในการแก้ปัญหาให้ผู้ใช้ได้จริง เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันล่าสุดของ GWM นี้คือผลลัพธ์ของหลักการนั้น เพราะเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ประหยัดน้ำมัน ควบคุมมลพิษและเสียงรบกวนได้ดี พร้อมลุยทุกสภาพแวดล้อม สุดท้ายนี้ ผมอยากขอบคุณทุกเสียงสนับสนุนที่ร่วมเป็นแรงผลักดันให้ GWM กลายเป็นแบรนด์ที่ผู้คนในกว่า 170 ประเทศทั่วโลกไว้วางใจ เราจะยังคงยึดมั่นในคุณภาพ และบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก เพราะสำหรับเรา GWM ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือการเดินทางของความเชื่อและวิสัยทัศน์ที่ไปไกลอย่างยั่งยืน”

หนึ่งในที่มาของความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ในไทย คือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T รุ่นล่าสุด ที่พัฒนาตลอดระยะเวลามาอย่างยาวนาน GWM พัฒนาเครื่องยนต์กว่า 50 รุ่น ครอบคลุม 6 แพลตฟอร์มหลัก วางจำหน่ายในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก

ภายในงาน มิคาเล สกอตติ ผู้อำนวยการด้านระบบส่งกำลังและแพลตฟอร์มใหม่ GWM สำนักงานใหญ่ ได้เผย 5 จุดเด่นของนวัตกรรมเครื่องยนต์ 2.4T ที่สร้างความสำเร็จทั้งในไทยและระดับโลก โดยกว่า 20 ปี ที่ GWM ทุ่มเททรัพยากรในการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างขุมพลังที่ไม่ใช่แค่ ‘แรง’ แต่ต้อง ‘ล้ำหน้า’ และ ‘ยั่งยืน’ GWM เชื่อว่า ระบบส่งกำลังไม่ใช่เพียงแค่หัวใจของรถยนต์ แต่คือแก่นแท้ของประสบการณ์การขับขี่ในอนาคต เครื่องยนต์ดีเซล 2.4T รุ่นล่าสุดใน NEW GWM TANK 300 DIESEL คือผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นนั้น ที่ผสานเทคโนโลยีเทอร์โบอัจฉริยะ ระบบควบคุมอุณหภูมิขั้นสูง และการออกแบบที่ผ่านการทดสอบอย่างยาวนานทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ถึงสมรรถนะ ความประหยัด ความเงียบ นิ่ง นุ่มนวล และความทนทานในทุกเส้นทาง
โดย 5 จุดเด่นของนวัตกรรมเครื่องยนต์ 2.4T ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของรุ่นนี้ทั้งในไทยและระดับโลก ประกอบด้วย
- การทดสอบสุดโหดรวมระยะทางกว่า 6 ล้านกิโลเมตร เพื่อยืนยันความทนทานในทุกสภาพอากาศ โดยเฉพาะในภูมิอากาศร้อนอย่างประเทศไทย มาพร้อมเทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูง เช่น พัดลมกำลังสูง 850 วัตต์ และระบบควบคุมอุณหภูมิ Off-Road Thermal Management Mode เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิแบบใหม่ครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ช่วยป้องกันความร้อนสะสมและเพิ่มเสถียรภาพของเครื่องยนต์ เพิ่มระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องได้มากขึ้นถึง 30% ผ่านการทดสอบอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การทดสอบสภาวะช็อกจากความร้อน (Thermal Shock) นานถึง 300 ชั่วโมง การทดสอบการทำงานเต็มกำลังและรอบสูงสุด (Full-Speed, Full-Load) นานถึง 500 ชั่วโมง การทดสอบการรับโหลดสลับไปมา (Alternating Load) นานถึง 650 ชั่วโมง รวมถึงการทดสอบบนสภาพถนน 76 รูปแบบ และในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันสุดขั้วจากทั่วโลก รวมระยะทางการทดสอบมากถึง 6 ล้านกิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับการขับรถรอบโลกถึง 150 รอบ พร้อมการรับประกันแบบไร้กังวลนานถึง 8 ปี หรือ 1,000,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ
- เทอร์โบชาร์จเจอร์อัจฉริยะควบคุมด้วยสมองกลอิเล็กทรอนิกส์ หนึ่งในความลับสำคัญของเครื่องยนต์ดีเซล 4T นี้คือ “เทอร์โบชาร์จเจอร์” เทอร์โบอัจฉริยะและมีประสิทธิภาพมาพร้อมกับ “สมองกล” แอคทูเอเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถปรับทิศทางและปริมาณการไหลของอากาศภายในระบบเทอร์โบได้อย่างชาญฉลาด โดยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของรอบเครื่องยนต์และตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเหยียบคันเร่งเบา ๆ หรือต้องการพลังแบบรวดเร็วทันใจ ระบบนี้จะส่งแรงขับทันที ทำให้หมดปัญหาอาการหน่วงของเทอร์โบแบบเดิม ๆนอกจากนี้ GWM ยังได้ออกแบบใบพัดเทอร์โบและช่องทางไหลเวียนอากาศใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการอัดอากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 20% อากาศสามารถไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างแม่นยำและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทำให้การผสมกับเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลดปล่อยพลังได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรอบต่ำ สมรรถนะยังคงทรงพลังและมั่นคง โดยให้แรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 30% แม้เพียงแค่ 1,000 รอบต่อนาที ก็สามารถปล่อยแรงบิดสูงถึง 260 นิวตันเมตร
- ฝ่าทุกสภาวะถนนได้อย่างมั่นใจตลอดทั้งเส้นทางด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ที่ออกแบบด้วยอัตราทดเกียร์ต่ำและช่วงเกียร์กว้าง มอบการขับขี่ที่ราบรื่น (อัตราทดเกียร์ที่ 1 อยู่ที่288) จับคู่กับแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T มอบการส่งกำลังต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังขับที่ไม่เพียงพอ มั่นใจแม้ขับบนถนนลื่นหรือพื้นทราย โดยไม่รู้สึกถึงแรงหน่วง ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างราบรื่นและผ่อนคลายยิ่งขึ้น
- แรงจัด ประหยัดจริง พร้อมการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น! ด้วยการปฏิวัติเครื่องดีเซลด้วยระบบคอมมอนเรลเจเนอเรชันใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 4T มาพร้อมกับ ระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถควบคุมจังหวะ ปริมาณ และแรงดันของการฉีดเชื้อเพลิงอย่างแม่นยำ เพื่อให้เครื่องยนต์คงประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ทุกสภาวะการทำงาน และระบบคอมมอนเรลแรงดันสูงในตัวที่ระดับสูงถึง 2,000 บาร์ ทำให้เชื้อเพลิงถูกทำให้เป็นละอองละเอียดสูง อีกทั้งระบบคอมมอนเรลแรงดันสูงยังทำงานร่วมกับหัวฉีดแม่เหล็กไฟฟ้าความเร็วสูงที่สามารถฉีดได้หลายครั้งในรอบเดียว ด้วยความเร็วสูงในการฉีดนี้ทำให้เชื้อเพลิงถูกแบ่งออกเป็นหยดเล็กละเอียด ทำให้เกิดการผสมระหว่างเชื้อเพลิงกับอากาศที่สม่ำเสมอและการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเชื้อเพลิงถูกเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ มลพิษที่เกิดจากไอเสียของเครื่องยนต์จึงลดลง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ GWM ยังใช้ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบปรับอัตราการไหลได้ (Variable Displacement Oil Pump) ที่ปรับปริมาณการไหลของน้ำมันให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานของเครื่องยนต์แบบเรียลไทม์ เมื่อขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ปั๊มจะส่งน้ำมันไปหล่อลื่นอย่างพอเหมาะในแต่ละจุด และเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง ปั๊มจะผ่อนกำลังเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากการทำงานของปั๊มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เทคโนโลยีความเงียบระดับพรีเมียม เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น GWM ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เน้นความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร กับ “7 นวัตกรรมแห่งความเงียบ” อาทิ การออกแบบลดแรงสั่นสะเทือนของท่อเชื้อเพลิงแรงดันสูง การวางตำแหน่งสายพานและรอกให้รักษาแรงตึงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับแต่งรูปแบบการสั่น (Modal Tuning) เพื่อหลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือนจากคลื่นความถี่ซ้อนทับกัน การใช้ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบเฟืองโซ่ที่อยู่ภายในเครื่อง การใช้เพลาลูกเบี้ยวแบบขนานพร้อมเฟืองพิเศษลดเสียงกระแทกของกลไกภายใน การติดตั้งเฟืองเพลาสมดุล (Balance Shaft) ไว้ด้านท้ายของเพลาข้อเหวี่ยง หรือแม้แต่การใช้วัสดุดูดซับเสียงรอบระบบเชื้อเพลิง นอกจากนี้ GWM ยังลงทุนกว่า 150 ล้านบาทในประเทศจีน เพื่อสร้างห้องทดสอบเสียงแบบ 4 ล้อ และห้องกึ่งไร้เสียงสะท้อน (Half-Anechoic Chambers) รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลของ GWM ได้ผ่านการทดสอบ NVH อย่างครอบคลุมกว่า 10 รายการ ทั้งในระดับชิ้นส่วนและทั้งคัน การใช้ห้องทดสอบนี้ทำให้สามารถตรวจสอบความเงียบได้แบบรอบด้าน และทำให้ระดับความเงียบของรุ่นดีเซลใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์เบนซิน

ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “TANKER CLUB” ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการประกาศจุดเริ่มต้นของคอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน GWM TANK ในไทย ภายใต้แนวคิดสำคัญในการสร้างพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างกิจกรรม ความผูกพัน และแรงบันดาลใจของผู้ใช้งานจริง หรือเหล่า “TANKER” ทั่วประเทศ ซึ่ง TANKER CLUB จะดำเนินการโดยผู้ใช้จริงและทำเพื่อผู้ใช้จริงเท่านั้น โดย GWM (Thailand) จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำกิจกรรมของคลับเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนการจัดกิจกรรม การให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ หรือการเป็นสะพานเชื่อมสู่โอกาสในการร่วมกิจกรรมกับ TANKER CLUB ประเทศอื่น ๆ หรือการร่วมกิจกรรมระดับโลกของ GWM การก่อตั้งคอมมูนิตี้ TANKER CLUB นี้ ตั้งอยู่บนวัฒนธรรมและความเชื่อ รวมถึงจิตวิญญาณของผู้ใช้งาน GWM TANK หรือ TANKER SPIRIT ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบเหมือนใคร (Independent) เปี่ยมไปด้วยความรัก (Love) รักอิสระ (Freedom) รักการผจญภัย (adventurous) แอ็กทีฟและมีพลังเต็มเปี่ยมที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ (Active & Passionate) และที่สำคัญที่สุดคือมีจิตใจที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่น (Good at Heart)
เวยน์ โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวปิดท้ายว่า “ผมขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่ได้ส่งมอบไปแล้วมากกว่า 1,000 คัน และเราจะส่งมอบครบ 2,000 คันภายในเดือนมิถุนายนนี้ ประเทศไทยคือศูนย์กลางสำคัญของ GWM ในภูมิภาคพวงมาลัยขวา และเรายืนยันเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “In Thailand, For Thailand” โดยเรามีความเชื่อว่าการใช้ระบบขับเคลื่อนหลากหลายรูปแบบ (Multiple Powertrains) คือทางออกที่ดีที่สุดในการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย เนื่องจากพื้นฐานของตลาดในประเทศไทยยังคงอยู่ที่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และดีเซล ซึ่งมีห่วงโซ่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีส่วนช่วยสร้าง GDP ถึง 12% และล่าสุดกับ NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่มีการพัฒนาขึ้นมาเฉพาะเพื่อให้เหมาะสำหรับคนไทย ถนนเมืองไทย ทั้งระบบขับเคลื่อน ระบบช่วงล่าง เกียร์ และเครื่องยนต์ เรามั่นใจว่าเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T ใหม่นี้ คือความลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความเงียบ และความประหยัด เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ดีเซลในไทย ขอบคุณทุกท่านที่ให้การตอบรับอย่างอบอุ่น และขอต้อนรับพี่น้องชาว TANKER ในไทยเข้าสู่ GWM FAMILY อย่างเป็นทางการ เราจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า พาร์ทเนอร์ และสังคมไทยในระยะยาว”
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า คว้าการรับรอง มอก. สำหรับเครื่องยนต์อเนกประสงค์ รายแรกของไทยยกระดับมาตรฐานใหม่ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าทั่วประเทศ

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและคุณภาพ ด้วยการเป็น แบรนด์แรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรอง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รหัส TIS.3209-2564 จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำหรับเครื่องยนต์อเนกประสงค์ โดยเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
เครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าที่ผ่านการรับรองดังกล่าว พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน อาทิ เครื่องสูบน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องปั่นไฟ เครื่องพ่นยา ฯลฯ ที่พร้อมทั้งมาพร้อมระบบควบคุมมลพิษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการรับประกันสูงสุดถึง 2 ปี ครอบคลุมด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ
การรับรองมาตรฐาน มอก. สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านคุณภาพของไทยฮอนด้า ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบอย่างเข้มงวด ทั้งในด้านวัสดุ ประสิทธิภาพ และความทนทานของเครื่องยนต์ พร้อมตอกย้ำปรัชญา “เชื่อในพลังของฮอนด้า” ที่มุ่งมั่นเป็นเพื่อนแท้ที่เชื่อถือได้ในทุกสถานการณ์
ไทยฮอนด้า ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง โดยผสานเทคโนโลยีทันสมัยและมาตรฐานระดับโลก เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนไทย และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของตลาดในทุกยุคสมัย
ติดตามข่าวสารของ Honda Power Products ได้ที่
Facebook: Honda Power Products Thailand
Website: https://powerproducts.honda.th.com
Call Center: 02-725-4000#HondaThailand #Honda #ThaiHonda #เครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้า #ฮอนด้า #HondaPowerProducts #เชื่อในพลังของฮอนด้า
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
ค่ายรถจองพื้นที่ MOTOR EXPO 2025 คึกคัก ! บริษัท สื่อสากล จำกัด เปิดจองพื้นที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ค่ายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์มาครบ พื้นที่แสดงรถยนต์กว่า 95 % ถูกจองภายใน 35 นาที

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จของงานปีก่อน ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ 54,513 คัน จักรยานยนต์ 7,982 คัน สร้างเม็ดเงินสะพัดรวมกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้การเปิดจองพื้นที่ MOTOR EXPO 2025 ภายในอาคารชาลเลนเจอร์ 1-3 รวม 60,000 ตารางเมตร ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยปีนี้มีการขยายพื้นที่รถยนต์ เพื่อต้อนรับแบรนด์ใหม่ๆ และถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว ส่วนพื้นที่สำหรับจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องถูกจองไปแล้วกว่า 90 %”

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อลังการงานแสดง-The Magnificent Motor Expo” โดยมีผู้อุปถัมภ์อย่างเป็นทางการ ได้แก่ บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ฟินนิกซ์ ฟิล์ม จำกัด

ยิ่งไปกว่านั้น “IMC” สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดงานแบบยั่งยืน โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน และในงานแถลงข่าวปีนี้ ยังมีการมอบของที่ระลึก ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลจากป้ายไวนิลของการจัดงานปีก่อนอีกด้วย
พบกับ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ได้รับการยกระดับเป็นพื้นที่นำร่อง โครงการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตคุ้มครอง (OECMs)

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ยกระดับศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” ณ โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องของประเทศสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตคุ้มครอง (Other Effective Area-based Conservation Measures: OECMs) พร้อมทั้งจัดแสดงนิทรรศการและร่วมประชุมในงานวิชาการ “Bioday Play & Learn : Turn to Action” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จัดประชุมงานวิชาการ “Bioday Play & Learn : Turn to Action” เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ และสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้พื้นที่จำนวน 8 แห่งของประเทศไทยได้รับการยกระดับเป็นพื้นที่นำร่องในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs) ได้แก่
- แม่น้ำสงครามตอนล่าง จ.นครพนม
- พื้นที่อนุรักษ์บ้านปากทะเล จ.เพชรบุรี
- โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
- ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” จ.ฉะเชิงเทรา
- พื้นที่ทิ้งดินบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เหมืองลิกไนต์แม่เมาะ จ.ลำปาง
- ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ จ.ระยอง
- ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง กรุงเทพฯ
- ชุมชนคลองขนมจีน จ.พระนครศรีอยุธยา

ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” ตั้งอยู่ภายใต้โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 63 ไร่ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ได้แก่ พนักงานโตโยต้า ผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้แทนจำหน่าย ชุมชนโดยรอบ และประชาชนทั่วไป ในการร่วมกันปลูกป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศ ทำให้ชีวพนาเวศมีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเด่นชัด โดยแบ่งเป็น พืช 119 ชนิด สัตว์ 528 ชนิด ได้แก่ กลุ่มนก 149 ชนิด กลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 8 ชนิด กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน 22 ชนิด กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 5 ชนิด กลุ่มแมงและแมลง 307 ชนิด กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ 16 ชนิด กลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 21 ชนิด สะท้อนถึงระบบนิเวศที่สมดุลและอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีการจัดทำหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจและจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีบุคคลทั่วไป เยาวชน และหน่วยงานที่สนใจเข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงาน (สะสม) แล้วกว่า 62,000 คน จากทั่วประเทศ

โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการจากพื้นที่นำร่องทั้ง 8 แห่ง ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” ได้จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชีวพนาเวศ และแผนแม่บทด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายและน่าสนใจ อาทิ เกมทดสอบการดมกลิ่น และกิจกรรมทายชนิดของใบไม้

การยกระดับศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องของประเทศภายใต้แนวคิด OECMs (Other Effective area-based Conservation Measures) หรือ “พื้นที่อนุรักษ์นอกเขตคุ้มครอง” ในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมายด้านความหลากหลายชีวภาพทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ในการเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ภายในปี 2030 (30×30) ซึ่งสอดคล้องกับ “พันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า 2050” ในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 ควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนและยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“ฮอนด้า” สร้างประวัติการณ์! ครั้งแรกของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย! ที่มีนักบิดไทยลงแข่งขัน ”โมโตจีพี“ ครบทุกรุ่น! ส่ง “ชิพ-นครินทร์” ล่าความสำเร็จ “โมโตทู” ผนึกกำลัง “ก้อง-ก๊องส์” ประเดิมสนามแรก ที่อารากอน ประเทศสเปน

“ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ประกาศดัน “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ยอดนักบิดไทย ที่สร้างผลงานคว้าแชมป์มากมายในระดับเอเชีย และ ระดับประเทศ อาทิ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง, มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์, บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ รวมถึงเคยได้รับโอกาสลงแข่งขันในศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ในรุ่น “โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” แบบเต็มฤดูกาล 2 ปี ติดต่อกันมาแล้ว ได้รับโอกาสจาก “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ให้กลับมาลงท้าทายความสำเร็จอีกครั้งใน ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ “โมโตจีพี” รุ่นที่ท้าทายมากขึ้นอย่าง “โมโตทู” ด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด โดยจะออกประเดิมสนามแรกในรายการ “อารากอน กรังด์ปรีซ์” ประเทศสเปน ส่งผลให้ “ฮอนด้า” สร้างประวัติศาสตร์ใหม่! ด้วยการเป็นรถจักรยานยนต์แบรนด์แรกและแบรนด์เดียว! ที่มีนักแข่งไทยลงทำการแข่งขันในศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ “โมโตจีพี” ครบทุกรุ่น ตั้งแต่ โมโตจีพี โมโตทู และ โมโตทรี อีกทั้ง “ไทยฮอนด้า” ยังสร้างเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ที่รอตามรอยรุ่นพี่อย่าง “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ยอดนักบิดดาวรุ่งไทยที่กำลังโลดแล่นในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” และ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2025″ ตอกย้ำความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ต้องการผลักดันเยาวชนไทยสู่ระดับโลก สานฝันวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย

ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า เผยว่า “ไทยฮอนด้า รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นนักแข่งไทยที่เราสร้างและฝึกฝนขึ้นมาตั้งแต่เป็นเยาวชนได้เติบโต ผลิดอกออกผล การส่ง ชิพ-นครินทร์ ที่เพิ่งสร้างผลงานกระหึ่มสนามช้างฯ ด้วยการ คว้าแชมป์ 2 เรซ ติดต่อกันในโฮมเรซ ในสนามแรกของรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง รุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 เป็นการพิสูจน์ความสามารถของ ชิพ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเจ้าตัวยังเคยมีประสบการณ์ในการแข่งขันโมโตจีพี ในรุ่น โมโตทรี มาแล้วอีกด้วย ทำให้วันนี้ที่เราจะได้เห็นนักแข่งไทยลงแข่งขันในรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง โมโตจีพี ครบทุกรุ่น รวมถึงได้เชียร์เด็กเยาวชนไทยอย่าง ไม้คิว-เกียรติศักดิ์ ใน เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ซึ่งเป็นซัพพอร์ตเรซของรายการ อารากอน กรังด์ปรีซ์ ประเทศสเปน ที่จะถึงนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ นับเป็นความสำเร็จของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่เราตั้งใจจะยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย อยากฝากถึงแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ให้ติดตามเชียร์นักแข่งไทยในรายการ “อารากอน กรังด์ปรีซ์” ประเทศสเปน ที่จะถึงนี้ ซึ่งถือเป็นประวัติการณ์ที่เราจะมีนักแข่งไทย ให้ติดตามเชียร์ครบทุกรุ่น ส่วน ชิพ-นครินทร์ จะได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดในสนามถัดๆไปหรือไม่นั้น อยากให้แฟนๆ รอลุ้นและติดตามการยืนยันอีกครั้งครับ”

ทั้งนี้ ศึกสนาม “โมโตจีพี เวิลด์กรังด์ปรีซ์” รุ่นโมโตทรี สนามที่ 8 รายการ “อารากอน กรังด์ปรีซ์” จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายนนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน
แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #Motorsport #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #Chip41 #IdemitsuHondaTeamAsia
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
CUB House เปิดตัว New Honda Monkey สีใหม่ ‘Moonlit Silver’ ภายใต้คอนเซปต์ BEWARE NAUGHTY HITS! สะกดทุกสายตาด้วยความซนสุดคลาสสิก

CUB House by Honda ปลุกกระแสความสนุกบนท้องถนนอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว New Honda Monkey สีใหม่ ‘Moonlit Silver (สีเงิน – เหลือง)’ ที่มาพร้อมคอนเซปต์โดนใจสายสตรีท ‘BEWARE NAUGHTY HITS! ระวัง…ความซนพุ่งเข้าตา!’ ถ่ายทอดความซนที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Honda Monkey ได้อย่างเต็มพิกัด

New Honda Monkey Moonlit Silver มาในโทนสีสันสะดุดตาไม่ซ้ำใคร ด้วยตัวถังน้ำมันสีเงินโมโนโทน เงางามสะท้อนความพรีเมียมด้วยวัสดุเหล็กทั้งชิ้น จับคู่กับเฟรมสีเหลืองสดที่ตัดกันอย่างลงตัว อีกทั้งยังคงเอกลักษณ์ด้วยไฟหน้าทรงกลม พร้อมหน้าปัด Digital Meter ที่เซอร์ไพรส์ด้วยกราฟิกหน้าลิงโผล่มาทักทายเมื่อบิดสวิตช์ และเบาะหนัง Classic Black ที่เสริมความเทรนดี้ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะสายสปอร์ตหรือแฟชั่นก็สามารถขับขี่ได้แบบไม่ซ้ำใคร

New Honda Monkey Moonlit Silver มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบหัวฉีด PGM-FI และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ที่ให้ทั้งความแรงและความประหยัด เสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบโช้คอัพหน้าหัวกลับขนาด 31 มม. และโช้คอัพหลังคู่ที่ให้สัมผัสนุ่มนวล รองรับการขับขี่ในเมืองได้อย่างมั่นใจ คงความสนุกในแบบฉบับ Monkey ที่ทั้งขับขี่ง่ายและขนาดกระทัดรัด
สำหรับสาวก Monkey ที่ต้องการเป็นเจ้าของ New Honda Monkey Moonlit Silver (สีเงิน – เหลือง) พร้อมวางจำหน่ายในราคาแนะนำ 99,700 บาท สามารถสัมผัสรถคันจริงด้วยตัวเองได้แล้ววันนี้ที่ CUB House ทั้ง 16 สาขาทั่วประเทศ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊ก CUBhouse : fb.com/cubhousebyhonda#CUBHouse #CUBHousebyHonda #HondaMonkey #Monkey125 #MonkeyMoonlitSilver #BewareNaughtyHits #ระวังความซนพุ่งเข้าตา
#ThaiHondaMotorcycle #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou
-
“แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” ทางเลือกใหม่ของคนกรุงเทพฯ เปลี่ยนขยะให้มีคุณค่า ความร่วมมือสู่เมืองสีเขียวอย่างยั่งยืน

ในยุคที่ปัญหาขยะกลายเป็นโจทย์ท้าทายของเมืองใหญ่ “การคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง” จึงเป็นคำตอบสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนเมืองสู่สังคมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โครงการ “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร, มูลนิธิมือวิเศษ, และ พีทีที สเตชั่น โดย บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์มบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้ว โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และ บริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ปฏิวัติระบบการจัดการขยะรีไซเคิลและปลุกจิตสำนึกใหม่ให้กับสังคมไทย

“จับมือกันสร้างเมืองสีเขียว เริ่มจากการไม่เทรวม”
โครงการ “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” จะเพิ่มความสะดวกในการคัดแยกขยะให้กับคนกทม. โดยการจัดตั้ง “จุดรับวัสดุรีไซเคิล” จำนวน 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมวัสดุรีไซเคิล 8 ประเภท ที่สามารถส่งกลับคืนเข้าสู่ระบบรีไซเคิลและอัพไซเคิลเพื่อให้กลับมาสร้างประโยชน์ ปริมาณวัสดุรีไซเคิลสามารถสะสมเป็นแต้ม และนำมาแลกของรางวัลหรือเงิน หรือบริจาคเข้ามูลนิธิมือวิเศษ เพื่อนำไปทำสาธารณประโยชน์เพื่อคนเมืองได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงข้อมูล API ของผู้ร่วมโครงการเข้ากับ BKK Waste Pay Application สามารถใช้ลดหย่อนค่าเก็บขยะของ กทม. ตอบสนองสนับสนุนต่อนโยบาย “ไม่เทรวม” ช่วยลดขยะฝังกลบของกทม. และช่วยโลกลดก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบหมายให้ คุณแสนยากร อุ่นมีศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิด ได้กล่าวถึง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสนับสนุนนโยบายไม่เทรวม “การจัดการขยะอย่างเป็นระบบคือหนึ่งในหัวใจของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และนโยบาย ‘ไม่เทรวม’ ของกรุงเทพมหานคร คือ แนวทางที่เราผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการ ‘แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม’ เป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่มาร่วมกันสร้างระบบจัดการขยะที่ทำได้จริง ใกล้บ้าน ใช้งานง่าย และมีประโยชน์ชัดเจน ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนเมือง นี่คือการเริ่มต้นสำคัญของการเปลี่ยนพฤติกรรม และสร้างสังคมไม่เทรวมที่ยั่งยืน”
คุณสถิตพงษ์ เงางาม ผู้จัดการฝ่ายบริหารสถานีบริการส่วนกลาง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในฐานะของผู้สนับสนุนพื้นที่และบริหารจัดการจุดรับขยะรีไซเคิลในพื้นที่ พีทีที สเตชั่น ที่มุ่งหวังจะสร้างบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองไปพร้อมเสริมภาพลักษณ์ Green Station กล่าวว่า “พีทีที สเตชั่น ตระหนักถึงปัญหาการบริหารจัดการขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมของประเทศไทย จึงมีแนวคิดที่จะจัดระบบการบริหารจัดการขยะในสถานี เพื่อลดปริมาณขยะและเล็งเห็นคุณค่าของขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ผ่านการคัดแยก และจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับโครงการ แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง พีทีที สเตชั่น กับชุมชน ถือเป็นโอกาสดีในการยกระดับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมกันแยกขยะและนำส่งวัสดุรีไซเคิลที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบในกรุงเทพมหานคร ลดค่าใช้จ่ายในการเก็บขยะ และสร้างรายได้ให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการอีกด้วย ทั้งนี้ พีทีที สเตชั่น มุ่งมั่นที่จะเติมเต็มความสุขให้แก่ผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยได้สนับสนุนโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและสร้างความตระหนักรู้ในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้วัสดุรีไซเคิลภายในสถานีบริการ การสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และ ถังขยะ แยก แลก ยิ้ม ซึ่งทำให้ พีทีที สเตชั่น สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”
ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัล บริการรับซื้อขยะรีไซเคิลถึงบ้าน และระบบโลจิสติกส์การจัดการขยะอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนการจัดการขยะให้เป็นเรื่องง่ายๆ สะดวก สบาย และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ผ่านแอปพลิเคชัน ‘WasteBuy Delivery’ ประชาชนสามารถใช้บริการผ่านแอปพริเคชันได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเรียกรถรับซื้อขยะถึงบ้าน การตรวจสอบราคาขยะรีไซเคิลแบบเรียลไทม์ กล่าวว่า “เวสท์บาย เดลิเวอรี่ ยังได้บูรณาการเทคโนโลยีด้านการจัดการโลจิสติกส์ เช่น ระบบติดตามและควบคุมการเดินรถรับซื้อ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง เพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพในการรีไซเคิล นอกจากนี้ เรายังได้ริเริ่มโครงการ WasteBuy Recycle Station ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ พีทีที สเตชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาใช้บริการเติมน้ำมัน ให้สามารถนำขยะรีไซเคิลจากบ้าน ที่ทำงาน หรือชุมชนใกล้เคียงมาร่วมโครงการ เพื่อนำไปแลกเป็นเงินสดที่สามารถใช้เติมน้ำมันได้โดยตรง และสามารถสะสมแต้มได้ในอัตรา 1 กิโลกรัม = 1 แต้ม เพื่อแลกรับของพรีเมี่ยม หรือบริจาคเข้าสู่ มูลนิธิมือวิเศษ เพื่อนำไปต่อยอดเป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ความมุ่งมั่นของเวสท์บาย เดลิเวอรี่ คือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่าย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน และการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในกรุงเทพมหานคร เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”
GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์มบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วรับผิดชอบการนำพลาสติกใช้แล้วทั้งประเภทขวดใส PET และขวดขุ่น HDPE เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและอัพไซเคิลมาตรฐานสูงตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สู่เม็ดพลาสติก PCR และผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล โดยคุณกิจชัย เฉลิมสุขสันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาดและการขาย กลุ่มลูกค้าแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวถึงความมุ่งมั่นในมุมของการจัดการพลาสติกใช้แล้ว “GC YOUเทิร์น คือแพลตฟอร์มที่ช่วยจัดการให้พลาสติกที่ใช้แล้วจะไม่สูญเปล่า เราเชื่อในพลังของการเริ่มต้นเล็กๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม หากทุกคนช่วยกันแยกทิ้งอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ต้นทาง พลาสติกสามารถเทิร์นกลับมาสร้างประโยชน์ได้ใหม่ โดย GC YOUเทิร์น จะนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและอัพไซเคิลที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน ลดเส้นทางสู่หลุมฝังกลบอย่างเป็นรูปธรรม”
8 ประเภทวัสดุรีไซเคิลร่วม “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม”
- กระดาษรวม
- กระดาษขาวดำ
- กล่อง UHT
- กระป๋องอะลูมิเนียม
- กระป๋องสังกะสี
- ขวดแก้ว
- ขวดพลาสติกใส PET
- ขวดพลาสติกขุ่น HDPE
ขั้นตอนร่วมโครงการ “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม”
- เพิ่มเพื่อนใน Line@ WasteBuy Delivery และลงทะเบียน
- แยกขยะตามประเภทใส่ถุงโครงการหรือถุงส่วนตัว
- นำส่งที่จุดรับ PTT Station ใกล้บ้าน
- แจ้งเบอร์โทรเพื่อรับ QR Code
- พนักงานรับถุงและชั่งน้ำหนัก
- รับแต้มสะสมและเงินโอนเข้าระบบภายในเย็นวันเดียวกัน
- แลกแต้มผ่านแอปได้เลย
รีไซเคิลได้ครบทั้งขยะและถุงแยกขยะรักษ์โลก ใช้ซ้ำและรีไซเคิลได้
“ถุงแยกขยะรีไซเคิล” ที่ออกแบบเป็นพิเศษภายใต้แนวคิด Eco-Design ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล InnoEco rHDPE 30% โดย GC ซึ่งมีคุณสมบัติ แข็งแรง ใช้ซ้ำได้ และสามารถรีไซเคิลต่อได้อีก ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนประจกได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับถุงที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก HDPE ทั่วไป
เชิญชวนคนกรุงเทพฯ มาร่วม “แยก แลก เทิร์น x ไม่เทรวม” พบกับจุดรับวัสดุรีไซเคิลได้แล้ววันนี้ที่ พีทีที สเตชั่น สาขา บจ. ปิโตรเลียม อเวนิว แจ้งวัฒนะ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 – 20:00 น.และในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 นี้ พร้อมให้บริการเพิ่มเติมอีก 9 สาขา ได้แก่ 1.) สาขาบางบอน 2.) สาขาบรมราชชชนนี ขาเข้า 3.) สาขา บจ.ปิโตรเลียม (ทวีวัฒนา) 4.) สาขา บจ.ปิโตรเลียมน้ำมัน (รามอินทรา กม.3 ขาเข้า) 5.) สาขา บจ.ปิโตรเลียม (อุดมสุข) 6.) สาขาพระราม 2 (ขาออก) 7.) สาขามีนบุรี 8.) สาขาสรรพพาวุธ-บางนา 9.) สาขาหนองแขม
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
แถลงเปิดฤดูกาล NEXZTER BRIC Superbike 2025 ยกระดับความเข้มข้น-พัฒนาอีกขั้น สู่เป้าหมายสำคัญนำไทยสู่มหาอำนาจมอเตอร์สปอร์ตเอเชีย

สนามช้างฯ จับมือพันธมิตรยักษ์ แห่งวงการมอเตอร์ไซค์ พร้อม 7 นักบิดดาวรุ่ง แถลงข่าวเปิดศึกชิงเจ้าความเร็วสองล้อที่ใหญ่ที่สุดของไทย ภายใต้ชื่อรายการ NEXZTER BRIC Superbike 2025 พร้อมเปิดตัวไตเติ้ลสปอนเซอร์รายใหม่ ฉลองปีที่ 11 บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ เติมเต็มเป้าหมายสำคัญในการนำไทยสู่มหาอำนาจมอเตอร์สปอร์ตเอเชียและเทียบเท่าระดับสากล ยิ่งใหญ่ไปกับ 15 รุ่นการแข่งขัน ไฮไลต์พิเศษเพิ่มคลาสการแข่งขัน Supersport 250cc เป็นครั้งแรก เตรียมระเบิดศึกสนามแรก 20-22 มิ.ย.นี้

งานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ NEXZTER BRIC Superbike 2025 (เน็กซ์เตอร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์) วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ราชพฤกษ์คลับ กรุงเทพฯ โดยมี บริษัท เอส.ซี.เอช. อินดัสตรี้ จำกัด” ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าเบรก “เน็กซ์เตอร์” ผ้าเบรกประสิทธิภาพสูงเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น คว้าสิทธิ์ในการเป็นไตเติ้ลสปอนเซอร์ ประจำฤดูกาล 2025 อย่างยิ่งใหญ่ ภายในงานยังมีนักบิดดาวรุ่งของไทยและผู้สนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆขึ้นกล่าวบนเวที อาทิ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) “ผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี” และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รวมทั้งทัพสื่อมวลชนจากหลายร้อยสำนักข่าวและผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย

นายสมภพ สีสด ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด ธุรกิจผ้าเบรกมอเตอร์ไซค์ NEXZTERเปิดเผยว่า “เน็กซ์เตอร์” ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนนักแข่ง ทีมแข่ง หรือกิจกรรมการแข่งขันต่างๆ ทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในปีนี้ได้ก้าวเข้ามาเป็นไตเติ้ล สปอนเซอร์ใหม่ประจำฤดูกาล 2025 ภายใต้ชื่อ “NEXZTER BRIC Superbike” อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของรายการ BRIC Superbike ที่เป็นเวทีการแข่งขันที่มีมาตรฐานสูง และสามารถผลักดันนักแข่งไทยสู่เวทีระดับเอเชียและระดับโลกได้จริง
“เราคาดหวังว่ารายการนี้ จะไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่จะเป็นเวทีที่รวมเอาความสามารถ พลัง ของทุกฝ่ายมาขับเคลื่อนวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยให้ก้าวไปอีกขั้น โดยเน็กซ์เตอร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ทั้งนักแข่งในสนามและผู้ใช้งานจริงนอกสนามด้วยมาตรฐานระดับโลก”

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า สำหรับปีที่ 11 ของรายการชิงแชมป์ประเทศไทย อย่าง BRIC Superbike พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การแข่งขันรายการนี้เติบโตขึ้นในทุกมิติ จนเทียบเท่าระดับเอเชีย ทั้งในด้านกฎกติกา ระบบจัดการ มาตรฐานบุคลากร และเทคโนโลยี ด้วยระบบนิเวศของวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกแบบครบวงจร
“เวทีนี้เป็นบันไดก้าวแรกที่สร้างนักบิดไทยหน้าใหม่เข้าสู่วงการสองล้ออย่างต่อเนื่องทั้งเอเชียและระดับโลก นักแข่งและทีมแข่งน้อยใหญ่ได้มีสนามที่ติดปีก ฝึกฝน ทั้งด้านโครงสร้าง และการใช้เทคโนโลยีการบริหารจัดการทีมขั้นสูง ด้วยมาตรฐานการจัดงานและทีมงานระดับโมโตจีพี สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสนามช้างฯ ในการพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตของไทยให้เป็นเจ้าเอเชีย และเทียบเท่าระดับสากล”
สำหรับ “ไฮไลต์พิเศษ” ของฤดูกาล 2025 นี้ จะมีการเพิ่มคลาสการแข่งขัน Supersport 250cc เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นเวทีบ่มเพาะนักแข่งดาวรุ่ง เตรียมพร้อมสู่เวทีระดับเอเชียอย่างไร้รอยต่อ สู่เวทีแข่งขันชื่อดังของทวีป รายการ Asia Road Racing Championship สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์การเติบโตของนักแข่งรุ่นใหม่ โดยมียางจาก IRC เข้ามาเป็น Official Tire สำหรับการแข่งขันรุ่นนี้อีกด้วย

นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี กล่าวว่า IRC ในฐานะผู้ผลิตยางชั้นนำที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 55 ปี และอยู่เคียงข้างวงการมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน ในปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปอีกขั้น ในการเข้ามาเป็น Official Single Tire ในรุ่น Supersports 250cc ให้กับนักแข่งที่ทำการแข่งขันในสังเวียนตลอดฤดูกาล 2025

“เราได้นำยางที่พัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของนักแข่งระดับมืออาชีพโดยเฉพาะมาใช้ในการแข่งขัน รุ่น Supersports 250cc ซึ่งยางที่ดีจะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของชัยชนะของนักบิด โดยนำยาง 2 ประเภท ได้แก่ ยางสลิค IRC RC-01 สำหรับสนามแห้ง โดดเด่นด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น ใช้ Soft Compound ที่พัฒนาต่อยอดจากรุ่น IZ-003 ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม ทนทาน ช่วยให้นักแข่งสามารถเบรกและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ และ ยางสำหรับสนามเปียก IRC WR-001 ใช้ Soft Compound ที่เหมาะกับพื้นผิวที่ลื่น ดอกยางรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้ายางถูกออกแบบให้ป้านขึ้น เพื่อเพิ่มการทรงตัวในสนามเปียก เชื่อว่าการขับขี่ด้วยยางสมรรถนะสูง จะช่วยยกระดับการแข่งขัน นักแข่งสามารถปลดล็อกขีดจำกัด ทำผลงานในสนามให้ดีขึ้น พัฒนาทักษะได้มากขึ้น ชม-เชียร์สนุกมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย”

ภายในงานแถลงข่าวยังมี 7 นักบิดดีกรีแชมป์ประเทศไทยร่วมพูดคุยถึงการแข่งขันในปี 2025 ได้แก่ ทรัพย์สถิต ศรีสุวรรณ แชมป์ปี 2024 รุ่น Super Bikes 1000cc. (SB2) และ รุ่น Super Stock 1000cc. (ST2), นทีธาร ทองโคตร แชมป์ รุ่น Super Stock 1000cc. (ST1), ต่อศักดิ์ นวลสาย แชมป์ รุ่น Super Sport 600cc. (SS1), สุทธิพจน์ พัชรีธร แชมป์ รุ่น Sport Production 400cc. (SP), ภูริทัต จันจาด แชมป์ รุ่น Sport Production 400cc. (SP-Junior), เตชินท์ อินทร์อภัย แชมป์ปี 2024 จาก Honda Thailand Talent Cup, นันทกร ปรีชาธรรมรัช แชมป์ปี 2024 จาก Yamaha R7 Cup ร่วมพูดคุยบนเวที

ทั้งนี้ การมีรุ่นการแข่งขันที่หลากหลายกว่า 15 รุ่น ให้นักแข่งได้เลือกลงแข่งขันในคลาสที่เหมาะสมมากที่สุด เป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนาและยกระดับการแข่งขันอย่างตรงจุด รวมทั้งการมีจำนวนทีมและนักแข่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในรายการ และ ได้รับความสนใจจากนักแข่ง ทีมแข่ง จากต่างประเทศมากขึ้นในทุกปี ทำให้สนามช้างฯไม่ได้เป็นเพียง “ผู้จัด” แต่เป็นส่วนหนึ่งใน “ผู้สร้าง” วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในเชิงโครงสร้าง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Anyone can be a hero ใครๆก็สามารถเป็นฮีโร่นักบิดได้

ส่วนปฏิทินการแข่งขันรายการ NEXZTER BRIC Superbike ฤดูกาล 2025 จัดเต็มความสนุกสนาน เร้าใจให้แฟนความเร็วได้ชมยาวๆทั้งปี แบ่งเป็น 4 สนาม 5 เรซ สนามที่ 1 วันที่ 20-22 มิถุนายน, สนามที่ 2 วันที่ 8-10 สิงหาคม, สนามที่ 3 วันที่ 26-28 กันยายน และปิดฉากสนามสุดท้าย พร้อมฉลองแชมป์กันในสนามที่ 4 ส่งท้ายปี แข่งขัน 2 เรซ ใน วันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2568 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
แข่งขันทั้งสิ้น 6 คลาส นำโดยคลาสสูงสุดของประเทศไทย ได้แก่ Super Bike 1000cc., Super Stock 1000cc., Super Sport 600cc., Sport Production 400cc. และฤดูกาลนี้ได้มีการเพิ่มคลาสพิเศษ Super Sport 250cc. เป็นครั้งแรก โดยมีการแยกนักแข่งรุ่น Pro ใน 3 คลาสหลักออกมาเพื่อความดุเดือดยิ่งขึ้น ได้แก่ Super Bike 1000cc. (SB1 Pro), Super Sport 600cc. (SS1 Pro), และ Super Sport 250cc (SS1 Pro) ผู้ชนะเลิศจะได้รับสิทธิไวลด์การ์ดเข้าแข่งขันในศึกสองล้อรายการใหญ่แห่งทวีป “Asia Road Racing Championship” 2026
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
























































































































