-
“OR – พาณิชย์” ผนึกกำลังช่วยเหลือเกษตรกร เดินหน้าเชื่อมโยงการรับซื้อมังคุดใต้ เติมเต็มโอกาสสร้างรายได้สู่ชุมชนผ่าน พีทีที สเตชั่น
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) สานต่อพันธกิจเพื่อสังคม เดินหน้าเชื่อมโยงการรับซื้อมังคุดใต้ ต่อยอดโอกาสการสร้างรายได้สู่ชุมชนผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สอดรับนโยบายภาครัฐฯ ที่มุ่งแก้ไขปัญหาผลไม้ล้นตลาดและสร้างช่องทางจำหน่ายให้เกษตรกรไทย
คุณจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย คุณสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ร่วมลงพื้นที่พบปะเกษตรกร เชื่อมโยงซื้อขายมังคุดจากเกษตรกรสู่ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อกระจายผลผลิตไปสู่ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมี คุณณัฐวัฒน์ รัฐวิวรรธน์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารสถานีบริการส่วนภูมิภาค OR ร่วมลงพื้นที่ ณ กลุ่มมังคุดบ้านนากุน หมู่ที่ 6 ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ในการนี้ OR ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรสำคัญในการรับซื้อผลผลิตมังคุดจากเกษตรกรโดยตรง และกระจายผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ต่อยอดจากโครงการช่วยเหลือผลไม้ภาคตะวันออกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ภารกิจนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ผลผลิตมังคุดที่กำลังทยอยออกสู่ตลาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาและรายได้ของเกษตรกรในพื้นที่ โดยกรมการค้าภายในได้บูรณาการความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งกระจายผลผลิตไปยังตลาดต่าง ๆ รวมถึง สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่จะร่วมเป็นพื้นที่ปันสุขกระจายผลผลิตให้แก่ผู้ใช้บริการต่อไป
OR ยังคงดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” (Empowering All toward Inclusive Growth) พร้อมให้ความสำคัญกับเกษตรกรไทยมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งมั่นให้ทุกสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เป็นมากกว่าสถานีบริการน้ำมัน แต่ยังเป็นพื้นที่เติมเต็มโอกาสให้กับชุมชน โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา OR ได้สนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ผ่านหลากหลายโครงการใน พีทีที สเตชั่น ที่พร้อมเป็นพื้นที่เติมเต็มความสุข ช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยไปแล้วกว่า 30 ล้านบาท อาทิ โครงการพื้นที่ปันสุขในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรโดยตรงจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค หรือการรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรที่ประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาดแล้วนำมามอบให้ลูกค้าที่ใช้บริการเติมน้ำมันที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร พร้อมสร้างวงจรเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งขึ้นอย่างยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“เอกนัฏ” รมว.อุตสาหกรรม เยี่ยมชมบู๊ธ Primus Group ในงาน Fast Auto Show Thailand 2025
นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ (ที่ 5 จากซ้าย) ประธาน, นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ (ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัทในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป ให้การต้อนรับ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ (ที่ 5 จากขวา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานพิธีเปิดงาน Fast Auto Show Thailand 2025 พร้อมนายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธาน, นายอัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ (ที่ 1 จากซ้าย) รองประธาน จัดงาน Fast Auto Show Thailand 2025 ให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมบู๊ธรถยนต์ในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป ที่จัดแสดงรถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz, Zeekr, Aion, MG และ Deepal พร้อมร่วมถ่ายภาพหมู่กับผู้บริหารระดับสูงของ ไพรม์มัส กรุ๊ป
ในงานครั้งนี้ “ไพรม์มัส กรุ๊ป” ได้นำยนตรกรรมหลากหลายยี่ห้อในเครือเข้าร่วมจัดแสดงกว่า 10 รุ่น ได้แก่
1.Mercedes–Benz
-Mercedes-Benz C220d AMG Line รถซีดานสปอร์ตหรูยอดนิยม ราคาเริ่มต้น 2.88 ล้านบาท รับส่วนลดสูงสุด 250,000 บาท
– Mercedes-Benz E350 e AMG Premium รถซีดาน 4 ประตู ราคา 4.08 ล้านบาท รับส่วนลดสูงสุด 6 หมื่นบาท ฟรี! บัตรของขวัญ 1 แสนบาท
– Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic รถเอสยูวีสุดลักชูรีย์ ราคา 4.18 ล้านบาท รับส่วนลดสูงสุด 3.9 แสนบาท ฟรี! บัตรของขวัญ 1 หมื่นบาท
2. Zeekr
-เปิดจองสิทธิ์! เป็นเจ้าของ Zeekr 7X รถอีวี พรีเมียม มี 2 รุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว ล้อแม็กซ์ 19 นิ้ว และรุ่นมอเตอร์คู่ ล้อแม็กซ์ 20 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 1.6XX ล้านบาท
-Zeekr 009 รุ่น 6 ที่นั่ง รถเอ็มพีวีสุดลักชูรี่ย์ ราคา 3.159 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 3 ปี และ บัตรชาร์จไฟ มูลค่า 1 หมื่นบาท
-Zeekr X รถคอมแพกต์เอสยูวี ราคาเริ่มต้น 1.199 ล้านบาท ฟรี! ดอกเบี้ย นาน 60 เดือน พร้อมประกันภัยชั้น
3. MG
-MG IM6 รถเอสยูวีคูเป้ ใหม่ล่าสุด มี 2 แพ็กเก็จ ราคาพิเศษ พร้อมประกันภัยชั้น 1 หรือเลือก ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ.นาน 2 ปี, IM Mag Hub Set ทั้ง 2 แพ็คเก็จ รับดอกเบี้ย 1.99% และประกันแบตเตอรี่ ตลอดอายุการใช้งาน
-MG S5 รถ บี-เอสยูวี ไฟฟ้า 100% เริ่มต้นที่ 7.199 แสนบาท ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%, ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 และค่าจดทะเบียน
-New MG4 Electric รถแฮทช์แบค วิ่งไกล 540 กม. ราคาเริ่มต้น 5.699 แสนบาท ดาวน์ 9.999 พันบาท ฟรี! ชุดแต่งรอบคัน
4. Deepal
-Deepal S05 รถเอสยูวี ขนาดกลาง มีให้เลือกทั้ง EV และ REEV ราคาเริ่มต้น 7.99 แสนบาท ดอกเบี้ย 1.98% ฟรี! ประกันภัยชั้น 1, Home Charger พร้อมติดตั้ง และของสมนาคุณกว่า 2 หมื่นบาท เฉพาะ 3 พันคันแรกเท่านั้น
-Lumin รถซิตี้คาร์สุดคิว ราคา 4.99 แสนบาท มี 2 ข้อเสนอให้เลือก รับส่วนลด 1 หมื่นบาท ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 หรือ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน พร้อมช่วยผ่อน 3 พันบาท นาน 12 เดือน และรับเงินคืน 1.3 หมื่นบาท
5. Aion
-Aion UT รถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ราคาพิเศษเริ่มที่ 4.999 แสนบาท ฟรี! อินเทอร์เน็ตบนรถ นาน 2 ปี
-Aion Y Plus รถเอสยูวีไฟฟ้า รับโปรขับฟรี! นาน 1 ปี เฉพาะรุ่น 490 Premium
-Aion HYPTEC HT รถไฟฟ้าสุดหรู ประตูปีกนก เริ่มต้นที่ 1.449 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน ฟรี! Home Charger พร้อมติดตั้ง, ประกันภัยชั้น 1 และค่าจดทะเบียน
ผู้สนใจได้เลือกชมและเป็นเจ้าของรถยนต์ทั้ง 5 ยี่ห้อได้อย่างใกล้ชิด พร้อมรับข้อเสนอพิเศษต่างๆ มากมาย เฉพาะที่บู๊ธ A2 Primus Group ในงาน “Fast Auto Show Thailand 2025” เริ่มวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ส่องโปรเด็ดกลางปี “ฟาสต์ ออโต โชว์ 2025” รถใหม่-รถยนต์ใช้แล้วจัดเต็มคุ้มทุกดีล
รวมโปรโมชั่นเด็ดโดนใจในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ทั้งรถใหม่ป้ายแดงและรถใช้แล้วคุณภาพดี ครบทุกเซ็กเมนต์ ครอบคลุมทุกทางเลือกด้านพลังงาน ที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษจัดเต็มทุกดีล ดาวน์น้อย-ผ่อนสบาย ดอกเบี้ยต่ำ-ส่วนลดพิเศษ ของแถม-ของแจก และการรับประกันหลังการขายสุดคุ้ม ร่วมค้นหา “รถคันที่ใช่” ไว้ใช้งาน ภายใต้เงื่อนไขที่ดีสุดในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” ตั้งแต่วันนี้ – 6 กรกฎาคม ณ ฮอลล์ 102-103 ไบเทค บางนา เข้าฟรี! 10.00 – 21.00 น.
- อีซูซุ (ISUZU) นำทัพรถอเนกประสงค์สุดหรู NEW! ISUZU MU-X “THE NEXT PEAK” และ NEW! ISUZU D-MAX ที่มาในคอนเซ็ปต์ “ดีแมคซ์ ดีจริง” ปิกอัพที่รวมทุกความต้องการไว้ครบ ทั้งในเรื่องความแรง ความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน การเกาะถนน และความคุ้มค่า พร้อมแจกจริงกับแคมเปญใหญ่แห่งปี “ดีแมคซ์ ดีจริง ลุ้นทองทุกสัปดาห์” สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับรถอีซูซุดีแมคซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 ลุ้นรับรางวัลจี้ทองคำน้ำหนัก 2 สลึง มูลค่า 26,051.39 บาท จับรางวัลทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 22 รางวัล จำนวน 9 สัปดาห์ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท
- โตโยต้า (TOYOTA) พบข้อเสนอเร้าใจ FAST สุดทุกดีล แค่แวะชมบูทในงานพร้อมลงทะเบียน รับของที่ระลึกสุดพิเศษ และโปรโมชั่นเด็ด “โตโยต้า เฟสติว้าว (FESTIWOW) โปรพรมแดง ลด ลุ้น ว้าวว” ว้าว 2 ต่อกับข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองและออกรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่นตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2568
- ว้าวที่ 1 สแกนปั๊ป รับส่วนลด มูลค่าสูงสุด 70,000 บาท โดยมีให้เลือกตามใจทั้งส่วนลดเงินสด ส่วนลดดอกเบี้ย แพ็กเกจเช็กกระยะ หรือส่วนลดแลกเปลี่ยนรถใช้แล้ว ขึ้นอยู่กับประเภทของรางวัล
- ว้าวที่ 2 รับรถแล้ว ลุ้นทองหนัก 5 บาท โทรศัพท์มือถือ iPhone 16 Pro และบัตร Shopping Voucher รวมทั้งสิ้น 50 รางวัล
- ฮอนด้า (HONDA) ยกขบวนไลน์อัพ xEV ที่ครบครัน ทั้งรถยนต์ฮอนด้าฟูลไฮบริด e:HEV ทุกรุ่น และ Honda e:N1 รถยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมแคมเปญ “Honda Pro OH! MY GOOOOD ยกขบวนคุ้ม รับเลยไม่ต้องลุ้น” กับหลากหลายข้อเสนอฟีลกู้ดสุดคุ้ม
- คุ้ม 1: ทางเลือกดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี หรือเลือกรับดอกเบี้ยเพียง 99% พร้อมฟรี Honda Exclusive Care เซฟเงินในกระเป๋าให้ใช้รถฮอนด้าได้อย่างมั่นใจยาว ๆ รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 200,000 บาท
- คุ้ม 2 : ชวนเพื่อนมาซื้อรถ รับ E-Coupon มูลค่า 3,000 บาท สำหรับใช้บริการที่ศูนย์ฮอนด้า ส่วนลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับบัตรน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท
- คุ้ม 3 : รถเก่าแลกซื้อรถใหม่ Happy Trade-in รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม มูลค่า 15,000 บาท ถึง 100,000 บาท โดยเมื่อนำรถยนต์ฮอนด้าคันเดิมมาขายและออกรถยนต์ Honda e:N1
- คุ้ม 4 : แคมเปญสำหรับลูกค้าปัจจุบัน สบายดี Season บริการหลังการขาย ผ่อนสบาย กับหลากหลายสิทธิประโยชน์ อาทิ ดอกเบี้ย 0% สำหรับการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายงานบริการทุกประเภท บริการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ฟรี 25 รายการ เป็นต้น
- มิตซูบิชิ (MITSUBISHI) นำยนตรกรรมล้ำสมัย ภายใต้นิยาม Mitsubishi e:MOTION ทั้ง ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี, มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี เพลย์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี เพลย์ พร้อมข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 99% และดอกเบี้ยพิเศษ 1.09% สำหรับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นปี 2025 พร้อมข้อเสนออื่น ๆ อาทิ รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 100,000 กม. ค่าแรงเช็กระยะนาน 5 ปี ประกันแบตเตอรี่ขับเคลื่อนไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และระบบไฮบริดทั้งระบบ รับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เลือกรับแพ็กเกจบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
- วอลโว่ (VOLVO) ยลโฉมรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด Volvo EX30 Cross Country ยนตรกรรม SUV ขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อให้ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยพลังและสีสัน พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่สามารถขับขี่ได้ไกลสูงสุดถึง 490 กิโลเมตร ที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน Fast Auto Show Thailand 2025 พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ส่วนลดสูงสุด 700,000 บาทสำหรับรุ่นอื่น ๆ และขยายการรับประกันเพิ่มจาก 3 ปี เป็น 5 ปีเพื่อเพิ่มความอุ่นใจ
- ไพรม์มัส กรุ๊ป (PRIMUS GROUP) ที่จัดทัพใหญ่ 5 แบรนด์ในเครือ ได้แก่ MERCEDES-BENZ, MG, ZEEKR, DEEPAL และ AION เปิดศึกกระตุ้นยอดขายไตรมาส 3 นำรถใหม่-รถทดลองขับ อวดโฉมกว่า 20 คัน มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดเฉพาะงานนี้ อาทิ ข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 60 เดือน พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 390,000 บาท ฟรี ประกันภัยชั้น 1 ฟรี Home Charger + ติดตั้งและของสมนาคุณ บัตรของขวัญมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท ข้อเสนอสุดพิเศษ! ช่วยขับฟรี 1 ปี เฉพาะรุ่น Aion Y Plus 490 และเปิดจองสิทธิ์ก่อนใคร! กับ Zeekr 7X-The Next Level of Elegance รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่จะเปิดตัวในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้
สำหรับกลุ่มรถมือสอง ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วชั้นนำ 5 ราย ได้นำรถยนต์สภาพนางฟ้า รุ่นใหม่ เลขไมล์น้อย ครบทุกเซ็กเมนท์มานำเสนอ พร้อมราคาพิเศษที่เป็นเจ้าของได้ง่ายและยังมีการรับประกันให้ด้วย เรียกว่า คุ้มค่าเกินราคา
- DDS คาร์เซ็นเตอร์ มอบข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 99% พร้อมโปรโมชั่นอื่น ๆ อาทิ การรับประกันเครื่องและเกียร์สูงสุด 2 ปี และการรับประกันหลังการขาย 180 รายการ และซื้อเงินสดไม่เก็บ VAT เพิ่ม เป็นต้น
- ดา ศรีนครินทร์ มอบข้อเสนอฟรีดาวน์พร้อมออกรถในราคา 0 บาท รับประกันเครื่องและเกียร์สูงสุด 6 เดือน
- โย รัชดา มอบข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 99% หรือ รับประกันหลังการขายนาน 2 ปี หรือ 70,000 กิโลเมตร สามารถเข้ารับบริการซ่อมศูนย์บริการรถยนต์แบรนด์นั้น ๆ ได้ทั่วประเทศ
- Mercedes Benz Certified by Benz Keng Hong Thong (เบนซ์ เค้งหงษ์ทอง) นำเสนอเฉพาะรถทดลองขับ (Certified car) จากผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย สภาพสวย เลขไมล์น้อย สามารถจดทะเบียนเป็นมือแรกได้โดยไม่มี VAT ได้ข้อเสนอเท่าเทียมรถใหม่ ทั้งในเรื่องดอกเบี้ยและการประกันรถ
- Volvo Selekt Approved Used Cars จัด Selekt Campaign นำรถยนต์ไฟฟ้ามือสองของผู้บริหาร รุ่น EX30 Twin Moss Yellow, EX30 Single Moss Yellow และ XC90 MY24 มานำเสนอพร้อม VPSP Pro 5/5/5 หรือแพ็กเกจบำรุงรักษารถยนต์ของ Volvo ประกันภัยชั้น 1 และ Wall box EV Charger
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์ใช้แล้วภายในงาน มั่นใจได้ทุกคัน เพราะมีการรับประกันภายใต้เงื่อนไข 6 ข้อ ได้แก่ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้ และ การันตีไมล์แท้ หากผิดเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ผู้จัดงานรับประกันซื้อคืน 100%
- ด้านกรุงเทพประกันภัย จัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษ โดยมอบส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสูงสุด 23% สำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ภายในงาน โดยมีทีมงานรับประกันภัยพร้อมบริการให้คำปรึกษา และคำแนะนำเกี่ยวกับแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับความคุ้มครองที่หลากหลาย โดยนอกจากประกันภัยรถยนต์แล้วยังมีประกันอัคคีภัย ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยสุขภาพ ประกันภัยโรคมะเร็ง และประกันภัยอื่นๆ ที่ให้ความคุ้มครองรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้านอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนชำระเบี้ยประกันภัย ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หรือ 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับของที่ระลึกที่เตรียมไว้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ได้ที่บูท B11
หมายเหตุ:
– โปรโมชันนี้สำหรับผู้ที่ทำประกันภัยกรมธรรม์ใหม่ ในงาน FAST Auto Show Thailand 2025 เท่านั้น
– เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด- โปรสมนาคุณจากผู้จัดงาน ลุ้นเป็นผู้โชคดีเมื่อซื้อรถในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2025” กับกิจกรรม “ซื้อรถ ลุ้นรับ” สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ “เก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น ROBO 8989 Massage Chair” จาก เอแม็กซ์ (Amaxs) มูลค่า 279,000 บาท จำนวน 1 รางวัลหลังจบงาน สำหรับผู้จองรถในงานได้สิทธิ์ร่วมกิจกรรม “จองรถ ลุ้นรับ” เพื่อลุ้นรับรางวัลประจำวัน “สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway รุ่น NinebotKickScooter D18W” มูลค่า 16,900 บาท จาก MONOWHEEL วันละ 1 รางวัล รวม 5 รางวัล และร่วมลุ้นรับบัตรของขวัญจาก Lotus’s วันละ 4 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รวม 20 รางวัล หรือแค่แวะมาชมงานและร่วมสนุกกับกิจกรรม “แชร์มา รับไป” เพื่อรับของที่ระลึกจากผู้จัดงาน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 400,000 บาท
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ZEEKR ร่วมสนับสนุนเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สปทุมธานี 2025 พร้อมมอบรางวัล ZEEKR Smart & Intelligent Icon Award
ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมระดับสากล ในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สปทุมธานี 2025 ร่วมแสดงความยินดีกับ เขม – เขมอักสรณ์ ศุภกิจโยธิน ผู้คว้ารางวัล ZEEKR Smart & Intelligent Icon Award รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมสิทธิ์ร่วมแคมเปญกับแบรนด์ ในเวทีการประกวดรอบสุดท้าย ณ MCC Hall เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เมื่อเร็วๆ นี้
ZEEKR ต่อยอดความเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม-ลักชูรี สู่การทำ Sponsorship Strategy ในเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สปทุมธานี 2025 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ และสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง การสนับสนุนครั้งนี้สะท้อนถึงการวางตำแหน่งของ ZEEKR ในฐานะผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ธรรมดา แต่เป็น Premium-Luxury Intelligent Pure Electric Vehicle Brand ที่ผสานความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี ความหรูหรา และการออกแบบที่ผสานนวัตกรรมแห่งยุคใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับไฮเอนด์ที่เข้าใจผู้ใช้งานจริง
รางวัล ZEEKR Smart & Intelligent Icon Award มีคอนเซ็ปต์ Intelligence Meets Beauty เพื่อเฟ้นหาสาวงามที่มีความสวย ฉลาด ทัศนคติดี มีความรอบรู้ทางด้านเทคโนโลยี และสามารถสร้างแรงบันดาลใจส่งต่อให้กับผู้อื่นได้ สอดคล้องกับปรัชญาของ ZEEKR ที่ต้องการสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์ เทคโนโลยี และธรรมชาติ
และผู้ที่ชนะใจกรรมการคว้ารางวัล ZEEKR Smart & Intelligent Icon Award ได้แก่ เขม – เขมอักสรณ์ ศุภกิจโยธิน ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สปทุมธานี MUPT 08 ซึ่งเขมนอกจากจะเป็นสาวงามที่มีบุคลิกโดดเด่น ยังมีความฉลาด ไหวพริบดี เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีทั้งความรู้ ความสามารถ และสนใจในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ และได้เผยมุมมองเรื่องความก้าวล้ำของเทคโนโลยีว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ ได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ที่สำคัญมนุษย์ได้ใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมและอำนวยความสะดวก ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือการรู้เท่าทันเทคโนโลยี คือต้องมีความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย สร้างสรรค์ และมีจริยธรรม
พร้อมร่วมแสดงความคิดเห็นต่อความก้าวทันในเทคโนโลยีของยนตรกรรมอีวี ว่าปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ สามารถวิ่งได้ไกลขึ้น ในขณะที่ระยะเวลาในการชาร์จไฟลดลงกว่าเดิม รวมไปถึงดีไซน์ของรถที่มีความสวยงาม ล้วนแล้วแต่เป็นความก้าวล้ำของนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน และมองว่าในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะได้เป็น EV Hub ของภูมิภาค หากได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน เพราะการขับเคลื่อนนี้ไม่เพียงช่วยผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานและการผลิตที่ยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงในโลกอนาคต และสำหรับแบรนด์รถยนต์อีวี ZEEKR แม้จะเป็นแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยไม่นาน แต่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะมีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ นวัตกรรม เทคโนโลยีอัจฉริยะที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ในการใช้งานเหนือระดับ มอบการขับขี่ที่สะดวกสบาย และมีความปลอดภัยสูง เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความสุขให้ทุกการเดินทาง และตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้พลังงานสะอาดให้แก่โลกของเรา
ทั้งนี้ เขม – เขมอักสรณ์ ศุภกิจโยธิน อายุ 24 ปี จบการศึกษาจากคณะศิลปกรรม สาขาออกแบบแฟชั่นจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งเป้าหมายในชีวิตเธอต้องการที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นตัวแทนผู้หญิงที่มีศักยภาพ ที่พร้อมพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์
นาย อเล็กซ์ เป่า กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “การสนับสนุนเวทีมิสยูนิเวิร์สปทุมธานี 2025 เป็นการขยายการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้างผ่านเวทีการประกวดที่ทรงคุณค่าและเป็นที่ยอมรับทั้งในเชิงธุรกิจ การส่งเสริมบทบาทสตรี และการทำงานเพื่อสังคม สะท้อนถึงค่านิยมหลักของ ZEEKR ที่เชื่อมั่นในพลังของความหลากหลาย นวัตกรรม และความเป็นเลิศ เช่นเดียวกับรถยนต์ของเราที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบอันงดงาม เราต้องการสนับสนุนผู้หญิงที่มีทั้งความงามและสติปัญญา มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนพลังแห่งการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้สังคมเกิดการพัฒนาแบบยั่งยืน และพร้อมเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”
โดยมิสยูนิเวิร์สปทุมธานี 2025 ได้รับเงินรางวัลจาก ZEEKR มูลค่า 50,000 บาท รองอันดับ 1-4 เงินรางวัล 20,000 บาท และรางวัลพิเศษ ZEEKR Smart & Intelligent Icon Award เงินรางวัล 100,000 บาท โดยมิสยูนิเวิร์ส ปทุมธานี 2025 พร้อมรองทั้งสี่อันดับ และผู้ได้รับรางวัลพิเศษ ZEEKR Smart & Intelligent Icon Award จะได้มีโอกาสร่วมแคมเปญกับแบรนด์ ZEEKR ในการสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
การดำเนินการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องของ ZEEKR นอกจากจะสร้างภาพจำแบรนด์ให้ชัดขึ้น ยังสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายและส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงภาพรวมปริมาณการจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าของไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2568 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 13,935 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว 70.65% HEV เพิ่มขึ้น 12.63% และรถ PHEV เพิ่มขึ้น 241.19% การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนจากภาครัฐและผู้ผลิตรถยนต์, การพัฒนาเทคโนโลยี, และการปรับตัวของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น สำหรับ ZEEKR ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลกสู่ตลาดไทย ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ภายใต้ปรัชญาการทำงานของแบรนด์ที่ยึดมั่นในแนวคิด Co-creation เป็นสำคัญ การสร้างอีโคซิสเต็มที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centric Ecosystem) มอบประสบการณ์เหนือระดับในทุกมิติ และปัจจุบัน ZEEKR มียานยนต์ไฟฟ้าจัดจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ ZEEKR X (รุ่น Standard และรุ่น Flagship), ZEEKR 009 รุ่น 6 ที่นั่ง และ ZEEKR 009 รุ่น 7 ที่นั่ง โดยสามารถติดตามรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดเร็วๆ นี้
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Batur Convertible อย่างเป็นทางการ ณ นครดูไบ
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Batur Convertible แกรนด์ทัวเรอร์แบบเปิดประทุนรุ่นออกแบบพิเศษที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุคอย่างเป็นทางการในงานเปิดตัวที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ โรงแรมบับ อัล ชามส์ (Bab Al Shams) ในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
Batur Convertible คือ แกรนด์ทัวเรอร์รุ่นออกแบบพิเศษที่ผลิตเพียง 16 คันในโลกเท่านั้น สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นนี้จึงถือเป็นผลงานชิ้นเอกของเหล่านักสะสมอย่างแท้จริง ตัวรถมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ พละกำลังกว่า 750 แรงม้าที่ทรงพลังที่สุดของเบนท์ลีย์ และกำลังจะเตรียมยุติการผลิตในช่วงฤดูร้อนนี้ ทำให้ Batur Convertible เป็นรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นสุดท้ายที่ใช้เครื่องยนต์ในตำนานรุ่น W12 โดยนอกเหนือจากสมรรถนะอันเหนือชั้นแล้ว Batur Convertible ยังมาพร้อมกับการออกแบบเฉพาะตัวอันโดดเด่นที่ทุกรายละเอียดได้รับการปรับแต่งให้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ครอบครอง
รายละเอียดการออกแบบ
งานออกแบบของ Batur Convertible ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรังสรรค์ยนตรกรรมของ Mulliner Bespoke Studio อย่างการเปลี่ยนสีแบบไดนามิกและวัสดุคุณภาพสูงที่ถูกนำมาใช้กับเฉดสีภายนอก Midnight Emerald และการตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบมันวาว กระจังหน้าโดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบ Satin Dark Titanium และยังมีการนำเฉดสีส้ม Gloss Mandarin และเฉดสีดำ Gloss Beluga มาสร้างเอฟเฟกต์ไล่สีได้อย่างน่าทึ่ง
ภายนอกที่ดูโดดเด่นสะดุดตา คือ แถบ Batur Racing Stripe ที่ใช้เฉดสีเทา Gloss Porpoise ขนาบข้างด้วยแถบด้านนอกสี Gloss Mandarin เพื่อให้เข้ากันกับหนังที่ตกแต่งด้วยคู่เฉดสีเดียวกันภายในห้องโดยสาร เชื่อมต่อผลงานสุดสร้างสรรค์แบบไร้รอยต่อระหว่างภายนอกและภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารสะท้อนการออกแบบภายนอกด้วยหนังเฉดสีเขียว Cumbrian Green และเฉดสีเทา Porpoises ที่มีการตัดเย็บด้วยด้ายเฉดสีส้ม Mandarin พร้อมด้วยการตกแต่ง Organ Stops แบบไทเทเนียม นอกจากนี้ บริเวณคอนโซลหน้ายังมาพร้อมกับการตกแต่งด้วยวีเนียร์อันวิจิตรงดงามจาก Mulliner ที่มีการใช้เทคนิคการไล่เฉดสีและพื้นผิวตลอดแผงคอนโซลจากเฉดสีดำ Beluga แบบเงาสู่พื้นผิวแบบคาร์บอนไฟเบอร์แบบเงาและกลับมาเป็นเฉดสีดำ Beluga แบบเงาอีกครั้ง ปิดท้ายด้วยการสลักลวดลายด้วยเลเซอร์เป็นลายเส้นเสียงของเครื่องยนต์รุ่น W12 เพื่อส่งท้ายขุมพลังในตำนานรุ่นนี้
ความพิเศษและสุดยอดสมรรถนะ
Batur Convertible ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือเป็นเวลากว่าหลายเดือนในเวิร์กช็อปของ Mulliner ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ แกรนด์ทัวเรอร์มาพร้อมเครื่องยนต์รุ่น W12 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 6.0 ลิตรที่ทรงพลังที่สุด โดยสามารถผลิตพละกำลังได้สูงสุดถึง 750 แรงม้า ซึ่งเครื่องยนต์รุ่น W12 ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของเบนท์ลีย์อย่างแท้จริงในช่วงเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา
สำหรับเครื่องยนต์รุ่น W12 ที่ Batur Convertible ใช้ร่วมกับยนตรกรรมแบบคูเป้นั้น ระบบไอดีของเครื่องยนต์ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ได้รับการอัปเกรด และการใช้อินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ อีกทั้งยังมีการปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ ทำให้ตัวเครื่องยนต์สามารถผลิตพละกำลังได้กว่า 750 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ส่งมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมให้กับสุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นพิเศษนี้ การพัฒนาเครื่องยนต์ในครั้งนี้จึงถือเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาที่มาพร้อมกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเกือบ 40% และการพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้นกว่า 25%
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับการออกแบบยนตรกรรมในฝันให้มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
T-Hybrid ใหม่: ขุมพลังไฮบริดน้ำหนักเบา ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ สัมผัสสมรรถนะเร้าใจทุกโค้ง บนเส้นทางสุดท้าทายกลางธรรมชาติที่เชียงใหม่
ปอร์เช่ (Porsche) พลิกโฉมรถสปอร์ตระดับตำนาน 911 ครั้งใหญ่ ด้วยขุมพลังไฮบริดสมรรถนะสูง น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดผสานเทอร์โบไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอนรุ่นใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและทรงพลังยิ่งขึ้น
ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ เชิญสื่อมวลชนและ KOL จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่บนเส้นทางภูเขาสุดท้าทายในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อถ่ายทอดความโดดเด่นของขุมพลังและการควบคุมที่เหนือชั้น
นายไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า
“เส้นทางบนภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทดสอบสมรรถนะของ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera โดยเราพัฒนาระบบไฮบริดที่เหมาะสมอย่างแท้จริงกับ 911 พร้อมนำเสนอแนวคิดการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยยกระดับสมรรถนะโดยรวมได้อย่างชัดเจน และในฐานะก้าวสำคัญของวิวัฒนาการ 911 รุ่นใหม่นี้ยังคงมอบทั้งสมรรถนะที่เหนือกว่า ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และถ่ายทอดจิตวิญญาณความเร้าใจในแบบฉบับปอร์เช่ไว้อย่างครบถ้วน สำหรับลูกค้าในประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน และความพิเศษ 911 GTS T-Hybrid คือคำตอบที่ลงตัว”
แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง ปอร์เช่เผยโฉมระบบไฮบริดสมรรถนะสูงสุดล้ำ
สำหรับ 911 Carrera GTS รุ่นใหม่ วิศวกรของปอร์เช่ได้นำองค์ความรู้จากสนามแข่งมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบ T-Hybrid รุ่นล่าสุด ซึ่งโดดเด่นด้วยน้ำหนักเบาและสมรรถนะอันทรงพลัง โดยติดตั้งเทอร์โบชาร์จไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ระหว่างใบพัดอัดอากาศ (compressor) และกังหันไอเสีย (turbine wheel) ช่วยเร่งการทำงานของเทอร์โบทันทีและสร้างแรงดันอากาศ (boost pressure) ได้แบบฉับไว นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าในเทอร์โบชาร์จยังทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) จากพลังงานความร้อนของไอเสีย ระบบเทอร์โบชาร์จแบบไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้เวสต์เกต (wastegate-free) นี้ ยังช่วยให้สามารถใช้เทอร์โบเพียงตัวเดียว แทนที่การใช้สองตัวในรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและเร้าใจยิ่งขึ้น
ระบบขับเคลื่อนยังประกอบด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร ซึ่งติดตั้งรวมไว้ภายในเกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ (PDK) รุ่นใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้านี้สามารถให้แรงบิดเสริมสูงสุดถึง 150 นิวตันเมตร แม้ในขณะรอบเดินเบา และเพิ่มกำลังได้สูงสุดถึง 40 กิโลวัตต์ ปอร์เช่ (Porsche) เชื่อมต่อมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัวเข้ากับแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด โดยแบตเตอรี่นี้มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับแบตเตอรี่สตาร์ท 12 โวลต์แบบทั่วไป แต่สามารถกักเก็บพลังงานได้สูงสุดถึง 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ค่ารวม) และทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพน้ำหนักโดยรวมที่ดีที่สุด ปอร์เช่ (Porsche) จึงเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนน้ำหนักเบาสำหรับระบบไฟฟ้า 12 โวลต์ภายในรถอีกด้วย
หัวใจของระบบขับเคลื่อน T-Hybrid คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.6 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ระบบไฟฟ้าแรงสูงช่วยให้คอมเพรสเซอร์แอร์สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สายพาน ส่งผลให้มีพื้นที่ในห้องเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจากชุดสายพานที่หายไป ทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งตัวแปลงกระแส (pulse inverter) และตัวแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC-DC converter)
แม้ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้า เครื่องยนต์นี้ก็ให้กำลังสูงถึง 357 กิโลวัตต์ (485 แรงม้า) และแรงบิด 570 นิวตันเมตร เมื่อรวมกับระบบไฮบริด กำลังรวมของระบบจะเพิ่มเป็น 398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 45 กิโลวัตต์ (61 แรงม้า)
ระบบไฮบริดสมรรถนะสูงนี้ให้การขับขี่ที่เร้าใจและคล่องตัว พร้อมช่วยลดการปล่อย CO2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถปลั๊กอินไฮบริดทั่วไป น้ำหนักเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น
911 Carrera ยังคงใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบคู่ โดยเครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุม หนึ่งในจุดเด่นคือการนำอินเตอร์คูลเลอร์จากรุ่น Turbo มาใช้ ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรงท้ายเหนือเครื่องยนต์ ขณะที่เทอร์โบชาร์จใน 911 Carrera รุ่นใหม่นี้ เคยเป็นอุปกรณ์เฉพาะในรุ่น GTS ของเจเนอเรชันก่อนหน้า
การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยให้ปอร์เช่ (Porsche) สามารถลดการปล่อยไอเสียลงพร้อมเพิ่มสมรรถนะ โดยให้กำลังสูงสุด 290 กิโลวัตต์ (394 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร 911 Carrera Coupé ใหม่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.1 วินาที (3.9 วินาทีเมื่อมาพร้อมชุด Sport Chrono) และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 294 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่าเดิม 0.1 วินาที และเพิ่มความเร็วสูงสุดอีก 1 กม./ชม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ช่วงล่างและแอโรไดนามิกส์แบบแอคทีฟที่ได้รับการปรับแต่ง
ระบบช่วงล่างของ 911 Carrera GTS ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุม โดยในรุ่นนี้เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง (rear-axle steering) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง และลดรัศมีวงเลี้ยวให้แคบลง ปอร์เช่ (Porsche) ยังได้รวมระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูงของระบบไฮบริดสมรรถนะสูง ทำให้สามารถใช้ระบบควบคุมแบบอิเล็กโทร-ไฮดรอลิก ซึ่งช่วยให้การตอบสนองมีความยืดหยุ่นและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วงล่างแบบสปอร์ตที่มาพร้อมระบบควบคุมโช้คอัพแบบปรับระดับได้ (PASM) และความสูงจากพื้นลดลง 10 มิลลิเมตร ช่วยมอบฟีลลิ่งการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น GTS อย่างแท้จริง
สำหรับ 911 รุ่นใหม่ มีดีไซน์ล้อให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ โดยมีขนาดให้เลือกเป็นแบบ 19/20 นิ้ว หรือ 20/21 นิ้ว ในรุ่น 911 Carrera GTS จะมาพร้อมล้อหลังขนาด 21 นิ้ว ความกว้าง 11.5 นิ้ว สวมยางขนาด 315/30 ZR 21 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนล้อหน้าใช้ขนาด 20 นิ้ว ความกว้าง 8.5 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/35 ZR 20 ร่องยางด้านหลังที่กว้างขึ้นนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านไดนามิกการขับขี่และการยึดเกาะถนนของ 911 Carrera GTS ใหม่ ได้อย่างยอดเยี่ยม
ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
ปอร์เช่ (Porsche) ปรับดีไซน์ภายนอกของ 911 ใหม่ให้โฉบเฉี่ยวและลู่ลมยิ่งขึ้น ด้วยการอัปเกรดเส้นสายอย่างตรงจุด มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์และสมรรถนะโดยรวมของตัวรถ โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่เฉพาะแต่ละรุ่น ซึ่งไม่เพียงเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตและความทันสมัย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมทิศทางลมและช่วยระบายความร้อนของระบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นครั้งแรกที่ ปอร์เช่ (Porsche) ที่ได้ รวมฟังก์ชันไฟทั้งหมดไว้ในไฟหน้า Matrix LED ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 911 รุ่นใหม่ โดยออกแบบให้มีกราฟิกสี่จุดอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้สามารถตัดไฟ Daylight แบบดั้งเดิมออกไป และเปิดพื้นที่บริเวณกันชนหน้าเพื่อรองรับช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในรุ่น 911 Carrera GTS ใหม่ ปอร์เช่ติดตั้งช่องระบายอากาศด้านหน้าแบบแอคทีฟจำนวนห้าชิ้นในแนวตั้ง ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากภายนอก เสริมด้วยช่องระบายอากาศซ่อนสำหรับควบคุมการปิดเปิดของช่องบายพาสทั้งสองด้าน นับเป็นครั้งแรกในรถยนต์ 911 ที่มีการติดตั้งดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าแบบแอคทีฟใต้ท้องรถ ซึ่งทำงานร่วมกับระบบระบายอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ได้อย่างเหนือชั้น
ระบบระบายอากาศดังกล่าวจะควบคุมทิศทางการไหลของอากาศให้เหมาะสมตามสถานการณ์การขับขี่ โดยในช่วงที่ไม่ต้องการใช้กำลังมาก ช่องระบายอากาศจะปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ ขณะที่ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังสูง เช่น การขับบนสนามแข่ง ระบบจะเปิดช่องระบายอากาศเพื่อส่งลมจำนวนมากเข้าสู่หม้อน้ำเพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ไว้อย่างกลมกลืนใต้แผ่นป้ายทะเบียนหน้า
นอกจากนี้ ปอร์เช่ (Porsche) ยังมีตัวเลือกไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ที่มีความละเอียดมากกว่า 32,000 Pixel ไฟสูงประสิทธิภาพสูงนี้สามารถส่องสว่างถนนได้ไกลกว่า 600 เมตร และมาพร้อมฟังก์ชันเสริมล้ำสมัย เช่น ไฟเลี้ยวแบบไดนามิกตามโหมดการขับขี่ ไฟส่องสว่างช่องทางเดินรถ ไฟสำหรับพื้นที่ก่อสร้างและจุดแคบ รวมถึงไฟสูงที่ไม่ทำให้รถคันอื่นตาพร่า ที่มีความแม่นยำระดับพิกเซล
ด้านท้ายของ 911 ใหม่โดดเด่นด้วยแถบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ทรงโค้ง (arc) พร้อมโลโก้ ‘PORSCHE’ ที่ช่วยเสริมมิติความกว้างและความลึกให้ตัวรถอย่างชัดเจน กระจังหลังออกแบบใหม่ด้วยครีบแนวตั้งห้าชิ้นต่อด้าน เชื่อมต่อกับกระจกหลังอย่างกลมกลืน ไล่สายตาลงสู่สปอยเลอร์แบบพับเก็บได้ด้านล่าง โดยตำแหน่งป้ายทะเบียนถูกยกให้สูงขึ้นเพื่อเน้นความชัดเจนของกันชนหลังซึ่งมาในดีไซน์ใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ท่อไอเสียแบบเฉพาะรุ่นได้รับการออกแบบให้ผสานเข้ากับครีบดิฟฟิวเซอร์อย่างลงตัว โดยรุ่น 911 Carrera จะมีระบบท่อไอเสียสปอร์ตให้เลือกเป็นออปชัน ขณะที่รุ่น 911 Carrera GTS ติดตั้งระบบท่อไอเสียสปอร์ตเฉพาะรุ่น GTS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ห้องโดยสารดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมการเชื่อมต่อที่ทันสมัย
ในรุ่นตัวถังคูเป้ (Coupé) ปอร์เช่ (Porsche) ได้ออกแบบห้องโดยสารของ 911 ใหม่ให้เป็นแบบสองที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยสามารถเลือกแบบที่นั่ง 2+2 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ภายในห้องโดยสารปอร์เช่ (Porsche) ผสานเอกลักษณ์การออกแบบอันเป็นดีเอ็นเอของ 911 เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยใช้แนวคิด Porsche Driver Experience ซึ่งจะเน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง และสามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ องค์ประกอบควบคุมที่สำคัญต่างๆ ถูกจัดวางไว้บนหรือรอบๆ พวงมาลัยโดยตรง ซึ่งรวมถึงสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ (Driving Mode Switch) ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คันควบคุมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และที่เป็นครั้งแรกใน 911 ที่ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ที่อยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัย
ในช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางของ 911 รุ่นใหม่ มีช่องเก็บสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบระบายความร้อน และฟังก์ชันชาร์จแบบไร้สาย (Inductive Charging)
และเป็นครั้งแรกของ 911 ที่มีการติดตั้งชุดหน้าปัดแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยจอแสดงผลแบบโค้งขนาด 12.6 นิ้วนี้ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับการแสดงผลรูปแบบใหม่อย่างลงตัว และสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้หลากหลายตามต้องการ โดยมีให้เลือกมากถึง 7 รูปแบบ รวมถึงโหมด Classic สุดพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากหน้าปัดทรงห้าหลอดอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ (Porsche)
ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ยังคงควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.9 นิ้วที่บริเวณกึ่งกลางคอนโซล อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ยังได้รับการปรับปรุงให้ผู้ขับสามารถปรับตั้งโหมดการขับขี่ และใช้งานระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างง่ายดายและยืดหยุ่นมากขึ้น
นอกจากนี้ Apple CarPlay® ยังผสานเข้ากับตัวรถได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยสามารถแสดงข้อมูลผ่านหน้าปัดดิจิทัล และควบคุมฟังก์ชันบางอย่างของรถได้โดยตรงภายในระบบ Apple® เช่น การสั่งงานผ่านผู้ช่วยเสียง Siri®
สื่อมวลชนทั่วอาเซียน ร่วมการทดสอบขับปอร์เช่ 911 GTS และ 911 Carrera โฉมใหม่ ที่จังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรมทดสอบสมรรถนะ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ โดยมีสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม พร้อมงานแถลงข่าวเปิดตัวในบรรยากาศสบาย ๆ ท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมภาคเหนือ ทั้งสองรุ่นถูกนำเสนอในฐานะรถสปอร์ตที่รวมสมรรถนะอันทรงพลังเข้ากับความแม่นยำในการควบคุมได้อย่างลงตัว ก่อนจะเข้าสู่ช่วงทดลองขับบนเส้นทางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทดสอบขีดความสามารถของรถอย่างแท้จริง
ทันทีที่ขบวนรถออกจากตัวเมือง เครื่องยนต์ก็ดังขึ้นพร้อมกัน มุ่งหน้าสู่เส้นทางชนบทและเส้นทางขึ้นภูเขาไปยังสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เส้นทางทดสอบผสมผสานทั้งทางตรง วิวธรรมชาติ และโค้งท้าทาย เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้สัมผัสสมรรถนะด้านการควบคุมและการยึดเกาะถนนของรถสปอร์ตทั้งสองรุ่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จากนั้น ขบวนรถมุ่งหน้าสู่จันตราคีรี รีสอร์ทหรูบนยอดเขาเหนือระดับเมฆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของธรรมชาติ โดยผู้ร่วมกิจกรรมได้สัมผัสช่วงเวลาผ่อนคลายพร้อมมื้อกลางวันสุดพิเศษ ก่อนออกเดินทางต่อสู่จังหวัดลำพูน ปลายทางสุดคลาสสิกที่อบอวลด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรม แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบวัดเก่าแก่สีอิฐที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสวนเมืองลำพูน เป็นบทสรุปของเส้นทางการขับขี่ที่ผสานความเร้าใจเข้ากับความงดงามได้อย่างกลมกลืน
ปอร์เช่ 911 ทั้งสองรุ่นที่ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญนี้ ไม่เพียงสะท้อนความเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะเยี่ยม แต่ยังพิสูจน์บทบาทของยนตรกรรมคู่ใจสำหรับการเดินทางบนเส้นทางที่ทั้งงดงามและท้าทายที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
พร้อมเปิดจองแล้วในประเทศไทย
911 Carrera รุ่นใหม่สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ในตัวถังแบบคูเป้ และคาบริโอเลต สำหรับ 911 Carrera GTS มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และตัวถังแบบทาร์กา (Targa) ซึ่งมีให้เฉพาะในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ Porsche Doppelkupplung (PDK) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่าย 911 Carrera รุ่นใหม่ ตัวถังคูเป้ เริ่มต้นที่ราคา 12.69 ล้านบาท ส่วนรุ่น 911 Carrera GTS คูเป้ เริ่มต้นที่ราคา 17.79 ล้านบาท
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
“blueplus+ App” แอปพลิเคชันโฉมใหม่ เชื่อมทุกแบรนด์ในเครือ OR สู่ประสบการณ์ดิจิทัลที่ “ใช้ง่าย ตรงใจ ใช้ได้ทุกวัน”
เมื่อการใช้ชีวิตยุคดิจิทัลเปลี่ยนไปทุกวัน OR พร้อมขยับตามอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชัน blueplus+ โฉมใหม่ล่าสุด ใช้ง่าย ตรงใจ และใช้ได้ทุกวัน พร้อมยกระดับประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าสะดวก ง่าย และคุ้มค่ากว่าเคย เปลี่ยนภาพแอปสะสมแต้มทั่วไป ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่รวมไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ทุกกลุ่มไว้ในแอปเดียว พร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อ OR’s Ecosystem อย่างแท้จริง
blueplus+ “ศูนย์กลางดิจิทัล” ของทุกแบรนด์ในเครือ OR ไม่ว่าจะเป็น PTT Station, Café Amazon, FIT Auto และบริการอื่น ๆ ที่เชื่อมเข้าหากันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งการสะสมแต้ม การใช้สิทธิพิเศษ การจองบริการ และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่รวมไว้ภายใต้แอปเดียว ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ใช้งานง่ายกว่าเดิม อินเทอร์เฟซทันสมัย สีสันสดใส และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความคุ้ม ผู้ใช้งานสามารถสนุกกับการสะสมและเช็กคะแนนจากทุกการใช้จ่าย พร้อมแลกคะแนนเป็นส่วนลดได้แบบเรียลไทม์ และซื้อคูปองส่วนลดร้านค้าแบรนด์ดัง อาทิ McDonald’s, Major Cineplex, Pacamara รวมถึงแลกรับของรางวัลและสิทธิพิเศษมากมายตามระดับสมาชิกก็จัดไว้ให้ครบ อีกทั้งการชำระเงินผ่าน blueplus+ wallet ที่สะสมแต้มได้ทันที
ไม่เพียงเท่านั้น blueplus+ ยังเพิ่มลูกเล่นที่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วมมากขึ้น ด้วยระบบอัปเกรดระดับสมาชิก, ภารกิจ, Milestone Rewards รวมถึงเมนูใหม่แยกตามแบรนด์ ที่ออกแบบมาให้ตรงใจลูกค้าของแต่ละแบรนด์โดยเฉพาะ และเพื่อให้แบรนด์ในเครือ OR เชื่อมโยงกันอย่างมีเอกลักษณ์ ได้นำ Mascot ขวัญใจอย่าง Godji, Baby Zon Zon และ “น้อนพลัส” มาช่วยเสริมความสดใสให้กับแพลตฟอร์ม และพิเศษสุด ฟีเจอร์ใหม่! Café Amazon Rewards รับคะแนนระดับสมาชิกจากทุกการซื้อ Café Amazon เริ่มสะสมเพื่อเลื่อนระดับ Green/Gold/Platinum และรับรางวัลพิเศษเมื่อเลื่อนระดับ พร้อมฟีเจอร์ PTT Station ที่สามารถตรวจสอบราคาน้ำมันล่าสุด และค้นหา พีทีที สเตชั่น ใกล้คุณ ทั้งยังเลือกซื้อคูปองส่วนลดน้ำมันได้จากในแอปโดยตรงอีกด้วย
แม้จะเป็นแอปใหม่ แต่ผู้ใช้งานเดิมของแอปพลิเคชัน xplORe ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถอัปเดตเป็น แอปพลิเคชัน blueplus+ ได้ทันทีโดยไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ สำหรับใครที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีแล้ววันนี้ ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมรับสิทธิประโยชน์พิเศษต้อนรับการเปิดตัวภายใต้แคมเปญ “สมัครง่าย ได้ 3 ต่อ” ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 รับความคุ้ม 3 ต่อ สูงสุด 200 คะแนน + เงินคืน 50 บาท
- ต่อที่ 1: สมัคร blueplus+ รับทันที 100 คะแนน
- ต่อที่ 2: ดาวน์โหลดและล็อกอินแอป blueplus+ ครั้งแรก รับเพิ่มอีก 100 คะแนน
- ต่อที่ 3: จ่ายผ่าน blueplus+ wallet รับเงินคืน 50 บาท เมื่อใช้จ่าย 100 บาทขึ้นไปที่ร้านค้าในเครือ OR
แอปพลิเคชัน blueplus+ ใช้ง่าย ตรงใจ ใช้ได้ทุกวัน พร้อมเปลี่ยนวันธรรมดาให้คุ้มค่ากว่าเดิม โหลดเลยตอนนี้ ที่ App Store และ Google Play (https://blueplusapp.onelink.me/Zvvl/download)
#blueplus+ #PlusTogether #พลัสความสุขไปด้วยกัน #แอปบลูพลัส #ใช้ง่ายตรงใจใช้ได้ทุกวัน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวที่มาพร้อมเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ใหม่ มอบความแตกต่างอย่างมีสไตล์
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย พร้อมนำนักขับทั่วเมืองออกเดินทางสู่ประสบการณ์ใหม่ กับการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2 รุ่นที่พร้อมตอบสนองจังหวะชีวิตที่หลากหลาย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport
ครั้งแรกในประเทศไทยของ SAV ไฟฟ้ารุ่นฐานล้อยาว ที่ครบครันทั้งสไตล์และประโยชน์ใช้สอยในรูปลักษณ์สดใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro รุ่นล่าสุดของตระกูลซีรีส์ 2 ที่เปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์เฉพาะตัวในสไตล์สปอร์ต พร้อมยกระดับทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีแบบรอบคันมร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า “ประสบการณ์การขับขี่ในเมืองยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตามทั้งจังหวะชีวิตของผู้คน การพัฒนาและเติบโตของตัวเมือง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น แน่นอนว่าบีเอ็มดับเบิลยูยังคงพัฒนายานยนต์ของเราให้ก้าวล้ำนำหน้าความคาดหวังของลูกค้าในทุกโอกาส ในวันนี้ เราพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ในประเทศไทย ด้วยรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่เหนือกว่า ทั้งประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวจะสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยความนุ่มสบายที่เหนือกว่าและพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่มากกว่า ควบคู่ไปกับการขับขี่ในระบบไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกใหม่ในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากว่า 13 รุ่น ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด”
บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่
ราคา: 2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ยกระดับการขับขี่สู่ระบบไฟฟ้าล้วน ด้วยดีไซน์ที่ได้รับการปรับแต่งต่างจากบีเอ็มดับเบิลยู X1 ในรุ่นมาตรฐาน และยังเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยตัวรถที่ยาวขึ้นเป็น 4,616 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 2,800 มิลลิเมตร หรือเท่ากับตัวรถยาวกว่า X1 รุ่นมาตรฐาน 116 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวขึ้น 110 มิลลิเมตร ขนาดตัวรถที่เพิ่มขึ้นนี้ ผสมผสานกับบุคลิกที่บึกบึนและแข็งแกร่งในแบบของ SAV ได้อย่างลงตัว ทั้งยังโดดเด่นเตะตากว่าที่เคยด้วยกระจังหน้าแบบปิดโฉมใหม่ในทรงสามมิติ เข้าชุดกับไฟหน้า Adaptive LED ที่ทอดยาวไปยังด้านข้างของตัวรถ ส่วนเส้นสายด้านข้างตัวถัง ให้อารมณ์ความสปอร์ตและดุดันตลอดคัน ก่อนเติมความหรูด้วยชุดแต่ง M Sport ที่รวมถึงส่วนกรอบหน้าต่าง high-gloss Shadowline ที่เงาวับจับสายตาได้ไม่แพ้ราวหลังคาอลูมิเนียมผิวด้านที่ทอดยาวอยู่ด้านบน และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในดีไซน์ Double-spoke Bicolour
ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ จึงมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ทั้งจากพื้นที่ที่กว้างขึ้น 81 มิลลิเมตรสำหรับการวางขา และ 107 มิลลิเมตรที่ระดับเข่า สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง รวมถึงตัวเบาะหลังที่บุโฟมนุ่มขึ้น พร้อมขยายความกว้างของตัวเบาะขึ้น 15 มิลลิเมตร ยกระดับความสบายในการนั่งได้ยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบช่วงล่างก็ผ่านการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายบนทุกเส้นทาง เบาะหลังของ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ ยังคงแบ่งสัดส่วนเป็น 3 ตอนแบบ 40:20:40 เช่นเดิม และสามารถพับลงได้เพื่อขยายพื้นที่เก็บสัมภาระจาก 490 ลิตรเป็น 1,600 ลิตร ระบบ Comfort Access 2.0 ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยการปลดล็อกรถเมื่อเจ้าของรถเดินเข้ามาใกล้ และล็อกรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างตัวรถ เช่นเดียวกับระบบ BMW Digital Key Plus ที่เปิดโอกาสให้เจ้าของรถใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ และปลดล็อกรถอัตโนมัติได้เพียงนำสมาร์ทโฟนเข้ามาใกล้ ส่วนหลังคากระจก Panorama Glass Roof ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์นี้ ก็เติมบรรยากาศให้ห้องโดยสารยิ่งรู้สึกโปร่งและโอ่อ่าขึ้นไปอีก
ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ เอาใจผู้ขับขี่ไม่แพ้ผู้โดยสารด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ครบครันจากแพ็คเกจ Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus (รวมระบบกล้องมองรอบคัน Surround View) พร้อมรองรับการอัปเกรดสู่ Parking Assistant Professional ที่เพิ่มความสามารถในการควบคุมการจอดรถได้ผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และสามารถจดจำรูปแบบการจอดรถอัตโนมัติได้ถึง 10 แบบ รวมระยะทาง 600 เมตร พร้อมด้วยฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเลือกซื่อเพิ่มเติมได้ผ่าน BMW Connected Drive Store นอกจากนี้ iX1 eDrive20L M Sport ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานควบคุมได้ผ่านหน้าจอ Control Display ขนาด 10.7 นิ้ว พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วและ BMW Head-Up Display พร้อมป้อนข้อมูลสำคัญให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบโดยไม่ต้องละสายตาจากเส้นทางข้างหน้า ส่วนชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์จาก Harman Kardon พร้อมเติมความรื่นรมย์ให้กับทุกขณะของการเดินทาง
ระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าล้วน เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 เป็นหัวใจที่ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ให้โลดแล่นบนท้องถนนด้วยการตอบสนองที่ฉับไวในทุกจังหวะ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลัง 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ช่วยให้ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาทีในการเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยขณะขับขี่ ฟังก์ชัน BMW IconicSounds Electric สร้างเสียงเครื่องยนต์แบบจำลองที่ตอบสนองกับทุกการควบคุม ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 66.5 kWh มอบพลังงานไฟฟ้าเพียงพอสำหรับการขับขี่เป็นระยะทางสูงสุด 402-433 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ทั้งยังรองรับการชาร์จระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟสูงสุด 130 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 32 นาที และเมื่อชาร์จไฟในระบบกระแสสลับ (AC) iX1 รุ่นนี้ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี AC Charging Plus ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 กิโลวัตต์ ให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 45 นาที ลูกค้าที่เลือกเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู iX1 ใหม่ ยังสามารถเลือกชาร์จรถจากเครือข่ายสถานีชาร์จ BMW Charging Station ทั้งยังได้รับส่วนลด 20% เมื่อเติมเงินค่าชาร์จในแอป EVolt
บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ในสีดำ Carbon Black Metallic, ขาว Mineral White Metallic และเทา Skyscraper Grey Metallic โดยทั้งสามสีมาพร้อมกับห้องโดยสารที่หุ้มเบาะด้วยวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศในสีน้ำตาล Mocha
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่
ราคา: 2,199,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé กลับมาอีกครั้งพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ล่าสุดในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่ยกระดับทั้งสมรรถนะและเทคโนโลยีแบบรอบด้าน เตรียมเติมสีสันให้คุณได้เพลินไปกับ
การเดินทางในทุกวันบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงเปี่ยมด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลซีรีส์ 2 สวยสะดุดตาตั้งแต่หัวจรดท้าย เริ่มจากกระจังหน้าที่กว้างขึ้น และยังติดตั้งระบบไฟ BMW Iconic Glow มาเป็นครั้งแรกในซีรีส์ 2 เพื่อขับเน้นรูปทรงของกระจังหน้าให้สวยเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้าแบบ Adaptive LED มาในทรงทอดยาวออกด้านข้าง ช่วยดึงดูดสายตาไปยังทรวดทรงสไตล์สปอร์ตเต็มขั้นของตัวรถ ซึ่งผสมหลังคาทรงโค้งแบบรถคูเป้เข้ากับห้องโดยสารแบบ 4 ประตูในแบบรถซีดาน ชุดแต่ง M Sport Pro ยิ่งขับเน้นความโฉบเฉี่ยวของบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ด้วยชุดโคมไฟหน้า M Lights Shadowline และกรอบหน้าต่างแบบเรียบหรู M high-gloss Shadowline สอดรับกับล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ Y-spoke Bicolour พร้อมคาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงาแบบ 4 ลูกสูบ
ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังคงมาพร้อมกับหลังคากระจก Panorama Glass Roof เช่นเดียวกับซีรีส์ 2 Gran Coupé รุ่นก่อนหน้า แต่ได้รับการปรับโฉมแบบรอบด้านในส่วนอื่น นับตั้งแต่เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่หุ้มด้วยวัสดุ Veganza ชุดแต่งภายในแบบ Illuminated ในโทนสีเทา-ดำ Aluminium Graphite ที่มาพร้อมไฟแต่งห้องโดยสารในตัว และตะเข็บบนพื้นผิวต่างๆ ในห้องโดยสารที่ใช้ด้ายสีแดง น้ำเงิน ขาว อันเป็นสีประจำตัวของบีเอ็มดับเบิลยู M ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของตัวรถได้ครบครัน ผ่านชุดอุปกรณ์ BMW Live Cockpit Professional ที่รวมถึงการแสดงข้อมูลสำคัญบนหน้าจอ BMW Head-Up Display ให้ไม่ต้องละสายตาจากถนนด้านหน้า บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ยังมีระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน จึงสามารถควบคุมและตั้งค่าตัวรถได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมให้เรียกใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอย่าง Driving Assistant Plus และ Parking Assistant Plus ในพริบตา ขณะที่ฟังก์ชัน BMW Digital Key Plus อำนวยความสะดวกด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้เป็นกุญแจรถ รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผ่านโทรศัพท์มือถือ Samsung นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้ออัปเกรดเพิ่มเติมผ่านทางระบบ BMW ConnectedDrive ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน Remote Engine Start สำหรับสตาร์ทเครื่องล่วงหน้าก่อนเดินถึงตัวรถด้วยสมาร์ทโฟน และชุดฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมายในแพ็คเกจเสริม BMW Digital Premium
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีขุมพลังที่ยกระดับสมรรถนะเพิ่มขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ที่มอบพละกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ / 204 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่รอบเครื่อง 1,450-4,500 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์ Steptronic คลัตช์คู่แบบ 7 สปีดอย่างลงตัว จึงทำให้ซีรีส์ 2 รุ่นใหม่เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที หากต้องการเพิ่มความแรงขึ้นไปอีกขั้น ผู้ขับขี่ยังสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน M Sport Boost ได้จากแป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย เพื่อเพิ่มแรงบิดสูงสุดให้สูงขึ้นไปอีกสำหรับการออกตัวที่ปราดเปรียวอย่างเหนือชั้น ส่วนช่วงล่างแบบ Adaptive M ก็สามารถปรับตัวรับแรงกระแทกที่แตกต่างกันตามความถี่การสั่นสะเทือนของตัวรถ จึงช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู 220 M Sport Pro ใหม่ ตอบโจทย์ทั้งในด้านความคล่องตัวและความนุ่มสบายขณะขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ มีให้เลือกจับจองได้ใน 4 สี ได้แก่ ดำ Black Sapphire Metallic, ขาว Alpine White Solid, เทา Brooklyn Grey Metallic (จับคู่กับเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีแดง Coral Red ตัดดำ) และน้ำเงิน Portimao Blue Metallic (พร้อมเบาะหุ้มวัสดุ Veganza แบบเจาะรูระบายอากาศ สีดำล้วน)
การปรับราคาใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิบางรุ่น
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศปรับราคารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรุ่นต่างๆ ในกลุ่มคอมแพ็คคลาส โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
รุ่นรถยนต์ ราคาใหม่พร้อมแพ็คเกจ
BSI/MSI Standard (บาท)สิทธิประโยชน์จากแพ็คเกจ BSI/MSI Standard MINI Countryman S ALL4 – Hightrim 2,499,000 · บริการดูแลบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.· การรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง · การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่เป็นระยะเวลาสูงสุด 5 ปี
บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport 2,399,000
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มาสด้าแนะนำ NEW MAZDA CX-3 ESSENTIAL เอสยูวีคันแรกที่ใช่ ใส่เทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน ราคาสุดคุ้มไม่ถึง 7 แสน
มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง เปิดตัวแนะนำ New Mazda CX-3 Essential พร้อมคอนเซ็ปต์ “The First SUV that Feels Right เอสยูวีคันแรกที่ใช่” รถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มีความคุ้มค่าเหนือราคาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตลาด ยังคงรักษาคุณภาพระดับพรีเมี่ยมไว้เต็มคัน ให้อุปกรณ์ครบทุกอย่างที่คุณต้องการ มาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ สะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะตัวด้วยเส้นสายที่เรียบหรูสง่างามทุกมุมมอง แฝงด้วยความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ตามแนวคิด Kodo: Soul of Motion โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน ครบครันด้วยฟังก์ชั่นความปลอดภัยเต็มคัน และความสะดวกสบายที่ลูกค้ามองหาในรถเอสยูวีรุ่นเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พิเศษสุดสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ก.ค. 68 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของมาสด้าในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ รถในกลุ่มครอสโอเวอร์เอสยูวีมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม CX-Series ของมาสด้าที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น อาทิ มาสด้า CX-8 มียอดขาย 102 คัน มาสด้า CX-30 มียอดขาย 429 คัน มาสด้า CX-5 มียอดขาย 329 คัน เติบโตสูงถึง 200% และมาสด้า CX-3 เมื่อปีที่ผ่านมาตลอดทั้งปีมียอดขาย 883 คัน แต่ในปีนี้ผ่านมาเพียง 6 เดือน มาสด้า CX-3 มียอดขายสูงถึง 821 คัน มีอัตราการเติบโตสูงถึง 70% และยังคงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบความอเนกประสงค์ของรถเอสยูวี และสไตล์การขับขี่ที่สนุกสนานตามปรัชญาของแบรนด์มาสด้า ดังนั้น การเปิดตัวมาสด้า CX-3 รุ่นใหม่ ในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญทางด้านผลิตภัณฑ์ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้า และช่วยผลักดันยอดจำหน่ายให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้
การปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้ เพื่อให้ New Mazda CX-3 Essential มีความสดใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมแนวคิด “The First SUV that Feels Right เอสยูวีคันแรกที่ใช่” เพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์มาสด้าในกลุ่ม ESSENTIAL ที่มีความคุ้มค่าเหนือราคา คุณภาพระดับพรีเมี่ยม อัดแน่นด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น วางภาพลักษณ์กลุ่มเป้าหมายหลักที่มีอายุ 25-39 ปี เป็นกลุ่มที่เริ่มต้นทำงานจนไปถึงผู้บริหารระดับกลาง และกำลังมองหารถเอสยูวีคันแรกหรือซื้อเพิ่มเป็นคันที่สองของครอบครัว ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายไร้ขีดจำกัด มีแนวคิดที่สะท้อนพฤติกรรมการใช้จ่ายที่คุ้มค่า คือ “เลือกลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” ดังนั้น รถรุ่นนี้จึงได้รับการปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งด้านดีไซน์ที่หรูหราพรีเมี่ยม สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัยเต็มคัน ในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุดในตลาด รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
New Mazda CX-3 Essential โดดเด่นที่สุดในด้านสมรรถนะการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลัง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตร ผนวกกับเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด พร้อมระบบแมนนวลโหมด Activematic ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่แต่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมที่ 16.4 กม./ลิตร นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้า ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำ สมดุล เพิ่มความสบายและความปลอดภัยของห้องโดยสารทุกตำแหน่ง มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้ทั้งความสะดวกสบายในการใช้งานที่คุ้มค่าสำหรับรถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรก
อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วย SKYACTIV Technology ประกอบด้วย
SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS อีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟใน New Mazda CX-3 Essential ที่ผสานและควบคุมการทํางานของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ไปจนถึงช่วงล่าง ให้ทํางานประสานกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุกในการขับขี่ ตามปรัชญา จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ของมาสด้า ที่ไม่ใช่เพียงให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังให้ผู้โดยสารสัมผัสถึงความรู้สึกสบายเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
SKYACTIV-G เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ระบบจ่ายเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น เครื่องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์ ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้อัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 14.0:1 ให้กำลังแรงม้าสูงถึง 156 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 204 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 16.4 กม./ลิตร* รองรับน้ำมันเบนซินได้สูงสุดถึง E85
SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ พร้อมแมนนวลโหมด Activematic จุดเด่นสำคัญคือการรวมเอาทุกข้อดีของเกียร์อัตโนมัติจากทุกระบบเข้ามาไว้ด้วยกัน ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ให้อัตราเร่งต่อเนื่อง และประหยัดน้ำมันในทุกรอบความเร็ว
SKYACTIV-BODY โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง ปลอดภัย และให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน รวมทั้งกระจายแรงปะทะที่จะเข้าสู่ห้องโดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกตำแหน่ง
SKYACTIV-CHASSIS ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟอันเลื่องชื่อของมาสด้า เป็นระบบช่วงล่างที่เกาะถนนมั่นคง แน่นหนึบทุกการเข้าโค้ง และให้ความนุ่มนวลแก่ห้องโดยสาร พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ช่วยให้เข้าโค้งได้แม่นยํา ทั้งปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน
DRIVE SELECTION สวิตช์ Drive Selection สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ได้ เมื่อต้องการเร่งแซง หรือต้องการอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ให้ความสนุกเร้าใจเสมือนขับเกียร์ธรรมดา
New Mazda CX-3 Essential เป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่จะมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างไม่รู้จบ โดยมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาอย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA รวมไปถึงกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง (Back Monitor) เป็นต้น โดยมาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในแบบเอสยูวีของลูกค้า โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต ฟังก์ชั่นครบครัน ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ประกอบด้วย
- รุ่น PRIME คุ้มสุด กับทางเลือกที่ใช่ คุ้มค่าเหนือราคากับรุ่นเริ่มต้น ราคาจำหน่าย 699,000 บาท
ขับสนุกเร้าใจกับความแรงเหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้อัตราเร่ง และการตอบสนองดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบฮาโลเจน กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ กระจังหน้าสีเงิน วัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำ ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ GVC (G-Vectoring Control) ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา เบาะนั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง มาพร้อมหน้าจอ Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android AutoTM ลำโพง 6 ตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- รุ่น ULTRA สบายสุด มั่นใจไปกับอีกขั้นกับทางเลือกที่ใช่ ราคาจำหน่าย 759,000 บาท
อีกทางเลือกของความสะดวกสบาย ที่มอบความเพลิดเพลินให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทางด้วยระบบ Infotainment ครบครัน มอบความสะดวกด้วยระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) ตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสีเทาเข้ม และเบาะนั่งหุ้มหนังและผ้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ ตกแต่งด้วยสีเงินซาติน เพิ่มความสบายให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งด้วยพนักวางแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มากขึ้นกับระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มอบความอุ่นใจไปตลอดการเดินทาง
- รุ่น ULTRA PLUS สบายสุด พร้อมฟังก์ชั่นที่สะดวกไปอีกขั้น ราคาจำหน่าย 829,000 บาท
มอบความสบายด้วยฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับทุกมิติของชีวิต มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED Signature ซุ้มล้อสีดำเงา คิ้วตกแต่งกันชนหน้าและแผงกันกระแทกด้านข้างสีเงิน ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านนิรภัย ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (DRL) แบบ LED Signature ภายในสบายไปอีกขั้นด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เพิ่มเติมด้วยฟังก์ชั่นเทคโนโลยีความปลอดภัย เช่น ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) เป็นต้น ทั้งยังมอบความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดผ่านระบบ Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM แสดงผลผ่านหน้าจอสีแบบทัชสกรีน Center Display ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
- รุ่น SIGNATURE พร้อมสุด ทุกฟังก์ชั่นและสไตล์ที่ใช่ ราคาจำหน่าย 899,000 บาท
ครบครันทุกฟังก์ชั่นและการดีไซน์สไตล์สปอร์ต ด้วยกระจังหน้า กระจกมองข้าง และหลังคาสีดำ พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift) ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาและฟังก์ชั่นตรวจจับน้ำฝนอัตโนมัติ ภายในสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังสีฟ้าเทา ตกแต่งด้วยด้ายสีคอปเปอร์ เบาะหนังสีดำและผ้า Grand Luxe Suede® กรอบช่องแอร์สีคอปเปอร์ นอกจากนิ้ ยังครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่สะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และระบบบันทึกตำแหน่งคนขับ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) และระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ (HBC) เป็นต้น
นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี i-Activsense มากถึง 9 ระบบ ได้แก่
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ แบบ Stop & Go (MRCC with Stop & Go)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support Reverse)
สำหรับสีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีแดง โซลเรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)
*สำหรับรุ่น SIGNATURE มาพร้อมกับหลังคาดำ ซึ่งมีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) สีแดง โซลเรด คริสตัล (Soul Red Crystal) สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) และสีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)
สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของรถครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3 Essential สามารถชมรถคันจริงพร้อมจับจองเป็นเจ้าของได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ ด้วยราคาเริ่มต้นที่เป็นเจ้าของใด้ง่าย 699,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 และมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า Mazda Family รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ก.ค. 68 ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
โคเวสโตร จับมือ คาทูน นาที ร่วมลดการปล่อยคาร์บอนด้วยรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า
โคเวสโตร (Covestro) ร่วมกับ คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (Katoen Natie Services) ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านโครงการความร่วมมือในการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในระบบโลจิสติกส์ในประเทศไทย
โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือในโครงการริเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในกระบวนการขนส่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของบริษัท โดยในระยะแรกของโครงการนี้ จะมีการเปลี่ยนจากรถบรรทุกดีเซลเป็นรถบรรทุกไฟฟ้าจำนวน 5 คัน สำหรับการขนส่งระหว่างศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด และคลังสินค้าของคาทูนนาที ในจังหวัดระยอง ส่งผลให้ศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด กลายเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโคเวสโตรที่นำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งเม็ดพลาสติกแบบไม่บรรจุหีบห่อ (bulk truck) โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 รถ EV เหล่านี้จะวิ่งรับ-ส่งสินค้าครอบคลุมระยะทางมากกว่า 200,000 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 400 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการปลูกต้นไม้ 20,000 ต้น
โครงการนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระยะยาวและวิสัยทัศน์ร่วมด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสองบริษัท โดยการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการดำเนินงานประจำวัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
“การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเรา” นายเคนนี แวน เดอร์ บีเคน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “รถบรรทุก EV เหล่านี้ เมื่อผนวกกับโครงการอื่น ๆ เช่น การขยายการใช้แผงโซลาร์เซลล์ และการใช้รถยกไฟฟ้า จะช่วยให้เราลดการปล่อยก๊าซ CO₂ ลงได้ถึง 33% ในการดำเนินงานของเรา”
เพื่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 3) เป็นศูนย์ภายในปี 2593
โคเวสโตรได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทาน การลดการปล่อยก๊าซทางอ้อมทั้งจากต้นน้ำและปลายน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคิดเป็นประมาณ 80% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของบริษัท
“ความร่วมมือระหว่างโคเวสโตรและคาทูนนาทีในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่เป็นรูปธรรมของเราต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วนของห่วงโซ่อุปทาน โครงการนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย และสามารถต่อยอดไปใช้ในสถานที่ปฏิบัติงานอื่น ๆ ของโคเวสโตรทั่วโลกได้” นายชัยยุทธ แจ้งเจนรบ ผู้จัดการศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริม
ในก้าวถัดไปของการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์สีเขียว โคเวสโตรกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำระบบลำเลียงเม็ดพลาสติกแบบใช้ไฟฟ้ามาใช้แทนระบบที่ขับเคลื่อนด้วยดีเซลในปัจจุบันที่ศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด โดยโครงการนี้ได้มีการพัฒนาร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ คาทูนนาที และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine