• เบนท์ลีย์ แบงค็อก แชร์ภาพความประทับใจในกิจกรรม Drive Beyond Luxury ส่งท้าย AAS Driving Experience 2025

    1 Min Read

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก แชร์ภาพความประทับใจในกิจกรรม Drive Beyond Luxury ส่งท้าย AAS Driving Experience 2025

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แชร์ภาพบรรยากาศความประทับใจในกิจกรรม Drive Beyond Luxury กิจกรรมทดลองขับ Bentayga Hybrid ยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ระดับ Ultra Luxury ในงาน AAS Driving Experience 2025 เพื่อส่งท้ายงานสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2568 ที่กลุ่มบริษัท เอเอเอส ตั้งใจส่งมอบเป็นประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ โดยงานฯ จัดขึ้น ณ สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 10 – 14 กันยายนที่ผ่านมา

     

    ภายในงานฯ ผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์ Drive Beyond Luxury ได้มีโอกาสทดลองขับ Bentayga Hybrid ยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์ระดับ Ultra Luxury เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V6 แบบไฮบริดกับประสิทธิภาพและสมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่นแบบฉบับรถยนต์เบนท์ลีย์ในแบบ On-the-road Test Drive ร่วมกับที่ปรึกษาการขายผู้เชี่ยวชาญที่ได้ร่วมทดลองขับไปกับลูกค้าเพื่อให้ข้อมูลรถยนต์และแนะนำเทคนิคในการขับขี่อย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางการทดลองขับบนถนนรอบสนามแข่งรถปทุมธานีสปีดเวย์ ซึ่งผู้ทดลองขับได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์เบนท์ลีย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบตลอด 5 วันเต็ม

     

    นอกจากนี้ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ได้จัดแสดง Bentayga Hybrid รุ่นปี 2025 ยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์สมรรถนะสูงในเฉดสีดำ Onyx ที่ตกแต่งอย่างสปอร์ตด้วยล้ออัลลอยด์แบบ 5 ก้าน ขนาด 21 นิ้ว พร้อมความโดดเด่นด้วย Self Levelling Wheel Badge by Mulliner ตัวรถยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED Welcome Lamps และภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งอย่างหรูหราและร่วมสมัยด้วยหนังเฉดสีขาว Linen และ เฉดสีดำ Burnt Oak พร้อมด้วยวีเนียร์แบบ Piano Burnt Oak by Mulliner แบบเปลือยอันงดงามที่จะผสานเข้ากับเทคโนโลยี Mood Lighting Specification หลากหลายสีสันเพื่อสร้างอรรถรสในการเดินทางได้อย่างลงตัว ซึ่งแขกผู้สนใจได้ชื่นชมในด้านความหรูหราและภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่หลงใหลในแบรนด์ไลฟ์สไตล์หรูสัญชาติอังกฤษ เบนท์ลีย์ แบงค็อก ยังมอบส่วนลดคอลเลกชันเบนท์ลีย์กับไอเทมยอดนิยมที่จัดมาให้เหล่าบรรดาผู้ชื่นชอบและนักสะสมได้เลือกช็อปกันอย่างเต็มที่

     

    เบนท์ลีย์ แบงค็อก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ขอขอบคุณแขกผู้ร่วมงานทุกท่านที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทดลองขับรถยนต์เบนท์ลีย์ที่เราตั้งใจมอบให้เป็นประสบการณ์พิเศษในงานฯ โดย เบนท์ลีย์ แบงค็อก จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษแบบนี้ให้แก่ลูกค้าคนสำคัญทุกท่านต่อไปในปี 2569

     

    สำหรับผู้ที่สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองเวลาทดลองขับได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ต้อนรับตำนานแห่งนักซูโม่ชื่อดัง คุณ Hakuho Sho เยือน Toyota Alive

    1 Min Read

    ต้อนรับตำนานแห่งนักซูโม่ชื่อดัง คุณ Hakuho Sho เยือน Toyota Alive

    มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ให้การต้อนรับตำนานนักกีฬาซูโม่ระดับ Yokozuna ชื่อดัง จากประเทศญี่ปุ่น มร. Hakuho Sho ในโอกาสที่มาเยี่ยมชม TOYOTA ALIVE ถนนบางนา-ตราด กม.3 ท่ามกลางบรรยากาศและการต้อนรับอย่างอบอุ่น ตลอดจนความสนใจมากมาย เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568

     

    มร.Hakuho Sho เป็นนักกีฬาซูโม่จากแดนอาทิตย์อุทัยที่มากฝีมือ จนได้รับการแต่งตั้งเป็น 69th Yokozuna  หรือนักกีฬาซูโม่ลำดับที่ 69 ที่อยู่ในระดับ Yokozuna ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับสูงสุดในการแข่งขันกีฬาซูโม่ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ร่วมจัดการแข่งจัดรายการ 26th World Sumo Championship ที่จัดขึ้นในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13-14 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยรังสิต  ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมวงการกีฬาซูโม่และเพิ่มโอกาสของคนไทยในการเข้าถึงกีฬาชนิดนี้

     

    มร.Hakuho Sho กล่าวถึงความประทับใจในครั้งนี้ว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสจัดการแข่งขันกีฬาซูโม่ ซึ่งเป็นกีฬาที่แฝงด้วยเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่สำคัญ ผมขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้การต้อนรับกีฬาซูโม่ และขอแสดงความซาบซึ้งใจในมิตรภาพที่ผมได้รับในวันนี้ ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดี ที่เชื่อมโยงมิตรภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ปั้นบุคลากรรุ่นใหม่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์

    1 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ปั้นบุคลากรรุ่นใหม่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MoU) ครั้งสำคัญ เพื่อยกระดับการศึกษาด้านยานยนต์และการพัฒนาบุคลากรในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ ครอบคลุมด้านวิชาการ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ และเส้นทางสู่การจ้างงานโดยตรงสำหรับนักศึกษาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้จะสร้างบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขั้นสูง

    นายชนินทร์ ฐิติจารุไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในขณะที่ประเทศไทยเร่งเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ระดับภูมิภาค ความต้องการบุคลากรที่มีทักษะสูงและสามารถปรับตัวได้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการบ่มเพาะอนาคต ด้วยการผสานรวมแนวปฏิบัติจริงทางอุตสาหกรรมเข้ากับความเป็นเลิศทางวิชาการ เราไม่ได้เพียงแค่ให้ความรู้แก่นักศึกษาเท่านั้น แต่เรากำลังสร้างสรรค์นักนวัตกรรมและช่างเทคนิคที่จะขับเคลื่อนยุคใหม่แห่งการเดินทางในประเทศไทย ยังตอกย้ำถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของบีเอ็มดับเบิลยู ในการส่งเสริมบุคลากรท้องถิ่นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ”

    บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระยะเวลาสามปีนี้ ได้กำหนดโครงการที่เน้นการปฏิบัติจริง ดังนี้:

    • ลดช่องว่างทักษะ:จัดโครงการฝึกงานแบบ Project-Based Internship, สหกิจศึกษา และทวิภาคี
      ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์จริงกับเทคโนโลยีล้ำสมัยและกระบวนการปฏิบัติงานของบีเอ็มดับเบิลยู เพื่อให้มั่นใจว่านักศึกษาจะได้รับทักษะที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมและตลาดแรงงาน
    • สภาพแวดล้อมการเรียนรู้จากของจริง:บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะพิจารณาสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในสถานที่ทำงานจริงแก่สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา เพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้เชิงปฏิบัติสำหรับนักศึกษา
    • เส้นทางสู่การจ้างงานโดยตรง:สร้างช่องทางที่เป็นระบบสำหรับนักศึกษาที่มีศักยภาพสูง เพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหาและคัดเลือกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์
    • การถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้:อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านการบรรยายพิเศษโดยผู้เชี่ยวชาญจากบีเอ็มดับเบิลยู และโดยคณาจารย์จากสถาบันฯ เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
    • ความร่วมมือในการสรรหาบุคลากร:สถาบันฯ จะให้ความร่วมมือในการประสานงานและนำเสนอรายชื่อนักศึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการฝึกงานและโอกาสในการจ้างงานกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เพื่อให้กระบวนการสรรหาบุคลากรเป็นไปอย่างราบรื่น

    รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา เน้นย้ำถึง
    ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
    ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญต่อการศึกษาด้านยานยนต์ในประเทศไทย สิ่งนี้มอบโอกาสอันล้ำค่าให้นักศึกษาของเราได้เรียนรู้โดยตรงจากผู้นำในอุตสาหกรรม ได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสภาพแวดล้อมการทำงานจริง และพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับยนตรกรรมขั้นสูงในปัจจุบัน เรากำลังเสริมสร้างศักยภาพให้นักศึกษาของเรากลายเป็นบุคลากรซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างสูง พร้อมที่จะมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายต่อการเติบโตทางอุตสาหกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศ”

    ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาในครั้งนี้ พร้อมที่จะยกระดับมาตรฐานการศึกษาด้านอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาด้านยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญ
    เพื่อขับเคลื่อนบุคลากรของประเทศไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันและสร้างสรรค์นวัตกรรมในเวทีระดับโลก
    ได้อย่างเต็มศักยภาพ

    ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นอันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการสนับสนุนการศึกษาด้านอาชีวศึกษา ภายใต้โครงการ BMW Service Apprentice ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย (German-Thai Dual Excellence Education – GTDEE) ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 และประสบความสำเร็จในการผลิตบุคลากรคุณภาพไปแล้วถึง 282 คน โครงการดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับหอการค้าเยอรมัน-ไทย และผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ โดยมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน พร้อมการฝึกอบรมทางทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเข้มข้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมของบีเอ็มดับเบิลยู ทั้งนี้ กว่า 76% ของผู้สำเร็จการศึกษาเหล่านี้ได้เข้าสู่เส้นทางอาชีพที่มีความก้าวหน้ากับผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของโครงการในการสร้างบุคลากรยานยนต์ที่มีทักษะสูง สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาเองก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญในโครงการ GTDEE มาตั้งแต่ปี 2555 โดยมีนักศึกษาจำนวนมากเข้าร่วมตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความทุ่มเทของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะสูงเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ ส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ให้กับบ้วนสูนขนส่งและธนาธรทรานสปอร์ต เสริมทัพธุรกิจขนส่งไทยสู่ความยั่งยืน

    1 Min Read

    อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ ส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ให้กับบ้วนสูนขนส่งและธนาธรทรานสปอร์ต เสริมทัพธุรกิจขนส่งไทยสู่ความยั่งยืน

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ จำกัด ผู้นำด้านยานยนต์เชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า ได้เดินหน้าสานต่อภารกิจด้านการขนส่งสีเขียว ด้วยการส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ จำนวน 4 คัน ให้แก่พันธมิตรในธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งของไทย พร้อมได้รับเกียรติจากผู้บริหารชั้นนำร่วมเป็นสักขีพยาน ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    พิธีส่งมอบจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมี คุณยงยส ชัยลาภยศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ จำกัด เซ็นสัญญาลงนามและส่งมอบรถให้แก่ คุณรัชนี สุสัณฐิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้วนสูนขนส่ง จำกัด และ คุณนุวัฒน์ โพธาธนาพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาธรทรานสปอร์ต จำกัด

    ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก คุณวุฒิวรนาจ มีสวัสดิ์ AVP-Paper Container Business /Packaging Business บริษัท เอสซีจีเจดับเบิลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) คุณณัฎฐสิทธิ์ เทพไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสายการขายและการตลาด บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) และ คุณพีระ ลักษณาภิรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี อีวี จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดี ณ บริษัท บ้วนสูนขนส่ง จำกัด

    การส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ที่มุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานการขนส่งของไทยด้วยยานยนต์พลังงานสะอาด นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว และตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) ที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ

    คุณยงยส ชัยลาภยศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ ดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถบรรทุกเชิงพาณิชย์มาร่วม 20 ปี ปัจจุบันเราเป็นดีลเลอร์ของ NEX POINT มาประมาณ 3 ปี ได้ทำการจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์หลากหลายรุ่น หลากหลายขนาด ออกสู่ตลาด วันนี้มาส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้า จำนวน 4 คัน ให้กับทางพาร์ทเนอร์ของเรา คือ บริษัท บ้วนสูนขนส่ง จำกัด และบริษัท ธนาธรทรานสปอร์ต จำกัด

    นอกจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว เรายังเน้นในเรื่องของการบริการหลังการขายและอะไหล่ที่มีรองรับการใช้งานกับรถทุกรุ่น รวมทั้ง Mobile Service ที่มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศ สามารถตอบสนองลูกค้าได้ทันทีที่ต้องการความช่วยเหลือ

    อ.ยนต์เจริญมอเตอร์ ยืนยันว่าจะเดินหน้าสนับสนุนภาคธุรกิจไทยในการปรับเปลี่ยนสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างอนาคตการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยในระดับสากล

    คุณรัชนี สุสัณฐิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้วนสูนขนส่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านการขนส่งให้กับ SCG JWD และล่าสุดได้เลือกใช้รถบรรทุกไฟฟ้าของบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เข้ามาในการดำเนินงาน โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้พิจารณาหลายผู้ผลิต แต่พบว่ารถไฟฟ้าของ NEX สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ทั้งด้านระยะทางต่อการชาร์จที่เหมาะสม และการสนับสนุนแนวทาง Green Logistics ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัท

    คุณนุวัฒน์ โพธาธนาพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาธรทรานสปอร์ต จำกัด กล่าวว่า “บริษัทดำเนินธุรกิจด้านการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะกล่องกระดาษและแผ่นกระดาษลูกฟูกให้กับ SCG Packaging ซึ่งเราเป็นผู้รับเหมาขนส่งให้กับ SCG มายาวนานเกือบ 20 ปี ภายใต้สัญญาของ SCG โลจิสติกส์ เดิม และปัจจุบันคือ SCG JWD

    การเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของ NEX ครั้งนี้ เนื่องจาก NEX เป็นแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน มีรถหลากหลายประเภท ทั้งรถขนส่ง 6 ล้อ 10 ล้อ และรถเทรลเลอร์ อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับในหลายหน่วยงาน จึงเป็นแบรนด์ที่เราให้ความไว้วางใจ

    นอกจากนี้ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อน เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ สอดคล้องกับนโยบายของ SCG ที่มุ่งเน้นการลดการใช้พลังงานและสนับสนุนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เราเชื่อว่าการปรับใช้รถบรรทุกไฟฟ้านี้จะสร้างความคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งต่อธุรกิจและสิ่งแวดล้อม”

    รถบรรทุกไฟฟ้าที่ส่งมอบในครั้งนี้ มาพร้อมสมรรถนะที่ตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งยุคใหม่ ทั้งด้านพลังงานสะอาด ประสิทธิภาพการขับเคลื่อน และความประหยัดต้นทุน โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยให้ภาคโลจิสติกส์และขนส่งไทยก้าวสู่การดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ATLAS ผนึก PTG ปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest” ยกระดับสถานีบริการน้ำมันพีที และก๊าซ LPG รวม Lifestyle Station ครบวงจร

    1 Min Read

     ATLAS ผนึก PTG ปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest” ยกระดับสถานีบริการน้ำมันพีที และก๊าซ LPG รวม Lifestyle Station ครบวงจร บนพื้นที่ 16 ไร่ จ.นครปฐม

    บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS จับมือกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เปิดตัวสถานีบริการน้ำมันพีทีและก๊าซ LPG ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “PT Max Rest นครชัยศรี 11” สถานีแห่งนี้ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Resting Area ผสานกับ Lifestyle Station อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ มอบความสะดวกสบายครบวงจร และเติมเต็มทุกพลังแห่งการเดินทาง บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ บนถนนเพชรเกษม อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ในโอกาสสำคัญนี้ ได้รับเกียรติจาก นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานในพิธีเปิด

    นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี  จำกัด (มหาชน) (ATLAS) เปิดเผยวัตถุประสงค์การเปิดสถานี PT Max Rest นครชัยศรี 11 เพื่อเป็นการยกระดับสถานีบริการน้ำมันพีทีและ LPG  ให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนและบริการครบวงจร ตอบโจทย์นักเดินทางบนถนนสายหลัก และชาวจังหวัดนครปฐม โดยมีเป้าหมายเป็น “แหล่งแวะพัก” หรือ “Resting Area Destination”  โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการภายใต้ บริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ATLAS

    การสร้าง Destination แห่งใหม่ ที่ไม่ได้เป็นเพียงจุดพัก แต่เป็นสถานที่ที่รวมบริการครบวงจรไว้ด้วยกัน ทั้ง กาแฟพันธุ์ไทย, กาแฟ Coffee World, ร้านอาหารบริการด่วน Subway ซึ่งเป็นสาขา Flagship Drive Thru แห่งแรกของประเทศ และยังมีศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs อีกทั้งการตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าผ่าน จุดชาร์จ EV “Elex by EGAT PT” และร้านค้าชั้นนำอื่นๆ พร้อมด้วยพื้นที่สีเขียวจุดพักผ่อนของผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยในการเดินทาง จนเป็นเสมือน Lifestyle Station สำหรับคนยุคใหม่ ด้วยงบประมาณการลงทุนรวมกว่า 200 ล้านบาท

    นายพิทักษ์ รัชกิจประการ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) กล่าวว่า PT Max Rest นครชัยศรี 11 จะเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและวิสัยทัศน์อันโดดเด่น ของการพัฒนาสถานีบริการน้ำมัน และ LPG รูปแบบใหม่ในประเทศไทย ภายใต้การบริหารของ แอตลาส และ โอลิมปัส ออยล์ ที่จะช่วยเสริมสร้าง Ecosystem ของ PTG ให้เกิดความแข็งแกร่ง ครบวงจร และยั่งยืนในอนาคต และเชื่อมโยงจากหน่วยธุรกิจพลังงาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ Non-Oil อันจะนำไปสู่การส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจของ PTG  มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM ORA Good Cat – EV ไอคอนอันดับ 1 ขวัญใจชาวไทย กับ 5 ความสำเร็จตลอด 4 ปีในไทย

    1 Min Read

    GWM ORA Good Cat – EV ไอคอนอันดับ 1 ขวัญใจชาวไทย กับ 5 ความสำเร็จตลอด 4 ปีในไทย

    GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ฉลองครบรอบ 4 ปีเต็มในประเทศไทยของ GWM ORA Good Cat “เจ้าเหมียวไฟฟ้า” ยอดนิยมที่ครองใจแฟน ๆ ชาวไทย ที่ไม่เพียงสร้างกระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในประเทศ แต่ยังได้กลายเป็น “ไอคอน” ตัวจริงที่ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กับ 5 ความสำเร็จของ GWM ORA Good Cat ที่เกินคาดในด้านต่างๆ ครอบคลุมทั้งความสำเร็จในการเป็น “อันดับหนึ่ง” และ “ครั้งแรก” ในหลากหลายด้านตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผู้ใช้งานชาวไทยให้ความเชื่อมั่น กับดีไซน์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร คุณภาพระดับโลก พร้อมระบบอัจฉริยะในการขับขี่และระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า สร้างความโดดเด่นเสริมคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนให้กับคนรุ่นใหม่

    GWM ORA Good Cat กับการเป็นผู้บุกเบิกและความสำเร็จใน 5 ด้าน

    • EV รุ่นแรกที่สร้างกระแสรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทย: ถึงแม้จะเป็นช่วงวิกฤตโควิด-19 การเปิดตัวของ ORA Good Cat ในปี 2564 ได้สร้างปรากฏการณ์และความตื่นตัวของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในวงกว้าง ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารักแต่ยังคงความทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีที่จัดเต็ม ทำให้ ORA Good Cat มาปลุกกระแสการรับรู้ของรถยนต์ไฟฟ้าไปทั้งประเทศ พร้อมยอดจองสิทธิ์เพื่อซื้อที่ถล่มทลายมากกว่า 10,000 คันในระยะเวลาอันรวดเร็วหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คนไทยเปิดใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้า จนกลายมาเป็นพาหนะที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยประโยชน์ที่เหนือกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป เช่น ต้นทุนการครอบครองต่ำกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และฟังก์ชันพิเศษอย่าง V2L ที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนไทย
    • หนึ่งใน 2 แบรนด์แรกที่เซ็น MOU EV 0: GWM เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่มีวิสัยทัศน์ในการนำรถยนต์พลังงานใหม่เข้ามาให้คนไทยได้สัมผัส รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการผลักดันไทยสู่สังคมพลังงานสะอาด โดยในเดือนมีนาคม 2565 GWM เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ได้ลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ากับกรมสรรพสามิต ร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
    • อันดับ 1 ยอดขาย BEV ของไทย ปี 2565: GWM ORA Good Cat ขึ้นแท่นปีทองด้วยยอดขายสูงสุดในเซกเมนต์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 4,326 คัน และยังคงเป็นรุ่นขายดีอันดับ 1 ของ GWM อย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 4 ปีในไทยจวบจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลายจากลูกค้าชาวไทย ที่เลือก GWM ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกและคันหลักในชีวิตประจำวัน
    • EV รุ่นแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายจริงในไทย: GWM ORA Good Cat ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกที่ Made in Thailand ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยจากโรงงานอัจฉริยะ GWM Smart Factory จ.ระยอง โดยในเดือนมกราคม 2566 รถยนต์ ORA Good Cat คันแรก ได้ออกจากสายการผลิตจากโรงงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นความภูมิใจของคนไทยและเพื่อคนไทย ยกระดับศักยภาพของคนไทยและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์และแข็งแกร่งในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบตเตอรี่แรงดันสูง ที่ผลิตจากโรงงาน SVOLT พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของ GWM ที่มาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศไทย สร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงการแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยี เพื่อผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าสู่ตลาดโลกประจำภูมิภาคคอาเซียน
    • EV รุ่นแรกที่ส่งออกจากไทยสู่ตลาดโลก: นอกจากจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายโดยโรงงานในประเทศแล้ว GWM ORA Good Cat ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ส่งออกจากประเทศไทยไปยังหลายประเทศในหลายทวีป เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย บราซิล และออสเตรเลีย ยกระดับมาตรฐานการผลิตของโรงงานในประเทศไทยในการส่งออกรถยนต์คุณภาพสูงสู่ตลาดโลก ตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอาเซียนอีกด้วย

    ทำไม GWM ORA Good Cat ยังคงเป็น EV ขวัญใจคนไทย ?

    ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา GWM ORA Good Cat ไม่ได้โดดเด่นเพียงยอดขายเท่านั้น ด้วยความน่ารักของดีไซน์ Retro Futuristic
    ที่คงความคลาสสิกเหนือกาลเวลา และไม่มีวันตกยุค สะท้อนความ smart & stylish เอกลักษณ์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร จึงกลายเป็นไอคอนแห่ง EV ขวัญใจคนรุ่นใหม่ คนเมือง และ First EV Buyers สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ด้วยความปลอดภัยระดับโลก การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จาก Australasian New Car Assessment Program** (ANCAP) และจาก European New Car Assessment Programme** (Euro NCAP) ซึ่งทั้งสองสถาบันเป็นสถาบันประเมินรถยนต์ใหม่ตามมาตรฐานออสตราเลเซียและยุโรปตามลำดับ (**สำหรับรถยนต์ ORA Good Cat รุ่นที่วางจำหน่ายในยุโรปและออสเตรเลีย) พร้อมแบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ใช้เทคโนโลยี Short Blade Battery ที่มีความเสถียรสูง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย อีกทั้ง โครงสร้างตัวถัง IronBone™ แข็งแกร่ง ออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทกอย่างมีประสิทธิภาพช่วยปกป้องผู้ขับและผู้โดยสารในทุกเส้นทาง

     

    เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าวว่า “ความสำเร็จของ GWM ORA Good Cat ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
    ไม่เพียงตอกย้ำความเป็นไอคอนของเจ้าเหมียวไฟฟ้าในตลาดประเทศไทย แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อ GWM นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนสมาชิกครอบครัวเจ้าเหมียวไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และเหนียวแน่นขึ้น ซึ่งล้วนเป็นผู้ใช้งานที่หลงรักและมอบความไว้วางใจให้แก่ GWM ORA Good Cat ในทุก ๆ การเดินทาง เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ยังตอบโจทย์การใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัยในทุกขณะของการเดินทาง เพื่อให้ทุกชีวิตอุ่นใจ และมั่นใจไปกับรถยนต์คุณภาพที่คุ้มค่าคุ้มราคา ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ครบครัน”

     

    ทดลองขับ GWM ORA Good Cat ได้ที่ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ กว่า 72 แห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GWM Contact Center 02-668-8888 หรือ และเว็บไซต์ www.gwm.co.th

     

    #GWM #GWMTH #GWMThailand #GWMORA #GoodCat #ORA


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ประกาศแต่งตั้งผู้บริหาร รองรับการเติบโตของงานใหญ่กลางปี

    1 Min Read

    ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ประกาศแต่งตั้งผู้บริหาร รองรับการเติบโตของงานใหญ่กลางปี

    เพื่อรองรับการเติบโตของงานมหกรรมซื้อขายยานยนต์ Bangkok International Grand Motor Sale หรือ BIG MOTOR SALE โดย บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งสร้างความเคลื่อนไหวในภาคธุรกิจยานยนต์ของประเทศไทยให้อยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นทุกปี นางมนต์สวรรค์ ขันมณี ประธานใหญ่การจัดงาน และ นายจรวย ขันมณี  ประธานกรรมการบริหาร ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารเพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินงานสำคัญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการจัดงานสมตามเป้าหมายของการจัดงานนี้ขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ.2557

     

    เมื่อเสร็จสิ้นงาน BIG MOTOR SALE  ครั้งที่ 12 ในปีนี้ด้วยความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ ตามที่ปรากฏต่อสายตาผู้ร่วมงานและข่าวสารมากมาย  จึงได้แต่งตั้งให้ นางสาวจุฑามาศ  ขันมณี (แพรว) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ “แบรนด์แอมบาสเดอร์กิตติมศักดิ์” ของงาน และได้ใช้เวลาศึกษาข้อมูลความเป็นไปในด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ การสื่อสารประชาสัมพันธ์และการนำเสนอด้านการตลาดในแนวทางใหม่นอกเหนือจากการผลิตนิตยสารในเครือของบริษัท ได้รับประสบการณ์ด้านบริหารจัดการเพื่อดำเนินงาน BIG MOTOR SALE  มาเป็นเวลา 3 ปี  ให้เข้ารับตำแหน่ง Vice President of Organizing The Event  ของบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2568 เป็นต้นไป

     

    ในตำแหน่งนี้ นางสาวจุฑามาศ จะดูแลและรับผิดชอบขับเคลื่อนการดำเนินงานทุกส่วนเพื่อให้งานมหกรรมซื้อขายรถยนต์กลางปีโดย ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ได้สร้างคุณค่าและคุณประโยชน์แก่ธุรกิจอุตสาหกรรม   ยานยนต์อย่างต่อเนื่องและเพิ่มพูนขึ้นในทุกปี

     

    ประวัติส่วนตัวและการศึกษา *

    คุณแพรว จุฑามาศ เกิดเมื่อวันที่  14  กรกฎาคม  พ.ศ.2538   ศึกษาขั้นต้นจนถึงมัธยมปลายที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่ วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต ระหว่างการศึกษาได้พยายามหาความรู้ความเข้าใจในธุรกิจต่างๆ อยู่เสมอ จากนั้นเดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านธุรกิจความงามที่ Liverpool John Moores  University และ  Academy of Medical Sciences  รวมทั้งศึกษาเพิ่มเติมด้านการลงทุนและการตลาดที่ London Business School แล้วกลับสู่ประเทศไทยเพื่อเตรียมเข้ารับหน้าที่บริหารจัดการงาน BIG MOTOR SALE อย่างเต็มตัว


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนกองทุนช่วยเหลือชุมชนและสังคม แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ จำกัด

    1 Min Read

    บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนกองทุนช่วยเหลือชุมชนและสังคม แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ จำกัด

    บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) นำโดย นายซามูเอล ลิม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 75,000 บาท แก่กองทุนช่วยเหลือชุมชนและสังคมของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ จำกัด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการศึกษา การพัฒนาชุมชน และการช่วยเหลือสังคมในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายพัฒชัย วิเศษสมบัติ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ จำกัด เป็นผู้แทนรับมอบ

    โดยจัดพิธีมอบเงินสนับสนุนขึ้น ณ ห้องประชุมคอนเฟอเร้นซ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวรุ่งกานต์ สืบสุทธา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ผู้แทนของ นายสุรชาติ การสะอาด ผู้อำนวยการสำนักงานฯ เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของบริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน (Creating Shared Value) โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพการศึกษาสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่น และการดูแลสังคมให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

     

    นายซามูเอล ลิม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเจตนารมณ์ของบริษัทว่า “เราเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนต้องเดินควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการคืนประโยชน์สู่ชุมชน โดยเฉพาะการสนับสนุนทางการศึกษา ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคมในระยะยาว”

     

    ด้าน นายพัฒชัย วิเศษสมบัติ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูประจวบคีรีขันธ์ จำกัด ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมในน้ำใจของ บริษัทไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ให้ความสำคัญต่อชุมชนท้องถิ่น พร้อมยืนยันว่าจะนำเงินสนับสนุนดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดในการช่วยเหลือสมาชิกและการพัฒนาสังคม

    การมอบเงินสนับสนุนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนและสมาชิกสหกรณ์ แต่ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของบริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) ในการเป็นองค์กรที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ธุรกิจเพื่อสังคม และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ทุกภาคส่วน

     

    #ไรเดอร์ โบรกเกอร์ #ขายความจริง อิงความซื่อสัตย์ #โบรกเกอร์สีขาว #ไรเดอร์อินชัว


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • โตโยต้า รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปี 2568

    1 Min Read

    โตโยต้า รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปี 2568

    บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปี 2568 จากนายยศพล เวลุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในงานมหกรรมรวมพลังภาคีเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อผลิตกำลังคนอาชีวศึกษา เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมปทุมมาศ วิทยาลัยการอาชีวศึกษปทุมธานี  จังหวัดปทุมธานี

     

    บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในโครงการ T-TEP ตั้งแต่ปี 2533 สนับสนุนการเรียนการสอน อบรมครู จัดหาอุปกรณ์การฝึก และการแข่งขันทักษะนักศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนี้ในปี 2567 โตโยต้าและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ลงนามความร่วมมือเพิ่มเติมด้านอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกวิชาชีพกับสถานประกอบการ มีรายได้ ได้รับการรับรองทักษะ และผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงตรงตามความต้องการอุตสาหกรรมยานยนต์

     

    และจากความร่วมมือต่างๆที่ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินงานเป็นระยะเวลานาน ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ จากนายยศพล เวลุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการให้กับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โดยมีนายนโภช แซ่อุ่ย ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้าเป็นตัวแทนในการรับมอบ

     

    โตโยต้ามุ่งหวังว่าความร่วมมือนี้จะช่วยยกระดับการศึกษา สนับสนุนเศรษฐกิจ และสร้างความยั่งยืนให้สังคมไทย “โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Porsche 911 Turbo S ยนตรกรรมสปอร์ตที่เหนือกว่าในทุกด้าน

    1 Min Read

    Porsche 911 Turbo S ยนตรกรรมสปอร์ตที่เหนือกว่าในทุกด้าน

    ปอร์เช่เผยโฉมยนตรกรรมรุ่นสูงสุดของตระกูล 911 ในงาน IAA Mobility ที่กรุงมิวนิก ด้วยระบบขับเคลื่อน T-Hybrid สุดล้ำพร้อมกับเทอร์โบคู่ไฟฟ้า ทำให้ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) รุ่นใหม่ กลายเป็นรถในตระกูล 911 ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อมกับขุมกำลัง 523 กิโลวัตต์ (711 แรงม้า) ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ผสานสมรรถนะในการขับขี่ที่โดดเด่น ความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

     

    สตุ๊ทการ์ท.  911 เทอร์โบ เอส ใหม่ ก้าวตามรอยตำนานที่ยิ่งใหญ่ของรุ่นก่อนหน้า ที่ถือเป็นมาตรฐานในโลกของรถสปอร์ต ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น ความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล ความพิเศษเฉพาะตัว และการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดย 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ พร้อมที่จะยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกขั้นในทุกมิติ โดยมีให้เลือกทั้งตัวถังแบบคูเป้และคาบริโอเลต พร้อมกับสมรรถนะที่สูงขึ้น ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ระบบแอโรไดนามิกที่อัจฉริยะมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พิเศษมากยิ่งขึ้น

     

    แฟรงค์ โมเซอร์  (Frank Moser) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์รถยนต์ 911 และ 718 กล่าวว่า “911 เทอร์โบ เอส คือการขับปอร์เช่ 911 ที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้หลากหลายที่สุด ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขับขี่ระยะไกล หรือบนสนามแข่ง 911 เทอร์โบ เอส ใหม่นี้ มอบความสะดวกสบาย มีเอกลักษณ์ และรวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน

     

    ขุมพลังเทอร์โบคู่พร้อมเทคโนโลยี T-Hybrid สุดล้ำ

    ขุมพลังสมรรถนะสูงที่ี่พัฒนาขึ้นมาใหม่ให้กำลังรวม 523 กิโลวัตต์ (711 แรงม้า) ทำให้ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ กลายเป็นยนตรกรรมในตระกูล 911 ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ซึ่งพร้อมใช้งานในช่วงรอบเครื่องกว้างตั้งแต่ 2,300 – 6,000 รอบต่อนาที และยังมีจุดพีคกำลังที่ต่อเนื่องเป็นพิเศษระหว่าง 6,500 – 7,000 รอบต่อนาที  ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเรียกใช้พลังสูงสุด 711 แรงม้าได้เต็มประสิทธิภาพ  ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี T-Hybrid น้ำหนักเบา 400 โวลต์  ซึ่งทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้น 61 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยเทคโนโลยี T-Hybrid เปิดตัวครั้งแรกจาก 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (911 Carrera GTS) ปี 2024 และพัฒนาต่อยอดมาจนถึงใน 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ โดยใน จีทีเอส (GTS) ใช้ เทอร์โบไฟฟ้า (eTurbo) เพียงตัวเดียว แต่สำหรับ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ นี้ถูกติดตั้ง eTurbo คู่ โดยใบพัดและคอมเพรสเซอร์ได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อตอบโจทย์สำหรับรุ่นสูงสุด ซึ่งทั้งสองตัวจะช่วยเพิ่มสมรรถนะและการตอบสนองของระบบขับเคลื่อนได้อีกด้วย ทั้งยังมีแบตเตอรี่แรงดันสูงน้ำหนักเบา พร้อมความจุ 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนกับใน 911 คาร์เรร่า จีทีเอส โดยทำงานร่วมกับเกียร์ PDK 8 สปีดที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Porsche Traction Management (PTM) ผลลัพธ์คือ  911 เทอร์โบ เอส คูเป้ (911 Turbo S Coupé) รุ่นใหม่นี้ ทำเวลา 0-100 กม./ชม. ได้ใน 2.5 วินาที โดยเร็วกว่ารุ่นก่อน 0.2 วินาที และใช้เวลาเพียง 8.4 วินาที ถึง 200 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 0.5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 322 กม./ชม.

     

    เร็วกว่ารุ่นก่อนราว 14 วินาทีบนสนาม Nürburgring Nordschleife

    ถึงแม้ว่าจะมีองค์ประกอบที่เพิ่มขึ้นจากระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูง แต่ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียง 85 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้กลับถูกชดเชยด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างเต็มที่ในทุกด้าน โดยพิสูจน์ได้จากเวลาในการทดสอบช่วงสุดท้ายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 บนสนามนูร์เบอร์กริง นอร์ดชไลเฟอ (Nürburgring Nordschleife) ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส  รุ่นพรางตัว ทำเวลาได้ 7:03.92 นาที ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าราว 14 วินาที ยอร์ก เบิร์กไมสเตอร์ (Jörg Bergmeister) แบรนด์แอมบาสเดอร์ของปอร์เช่ ผู้ร่วมพัฒนาและทดสอบ กล่าวว่า “คุณแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่ารถคันนี้มีความคล่องตัว ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น รวมถึงทำเวลาได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าในทุก ๆ ช่วงสำคัญของสนาม”

     

    ระบบเบรกและยางที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อสมรรถนะสูงสุด

    วิศวกรของปอร์เช่ได้ปรับปรุงองค์ประกอบโดยรอบของ 911 เทอร์โบ เอส เพื่อให้สมกับการเป็นรถในตระกูล 911 รุ่นสูงสุด โดยยางรุ่นใหม่ที่นำมาใช้ ได้พัฒนาให้ยึดเกาะบนถนนที่แห้งได้มากขึ้น ทั้งยังคงประสิทธิภาพบนถนนที่เปียกได้ดี เพลาหลังของรถยนต์สปอร์ตรุ่นนี้ติดตั้งยางที่กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตรเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีขนาด 325/30 ZR 21 ส่วนเพลาหน้าใช้ยางขนาด 255/35 ZR 20 ซึ่งเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ระบบ Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน มาพร้อมผ้าเบรกแบบใหม่ สามารถรองรับแรงกดมหาศาล ช่วยยกระดับสมรรถนะการเบรกและสัมผัสแป้นเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งทีมวิศวกรยังได้เพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางของจานเบรกที่เพลาหลังจาก 390 มม. เป็น 410 มม. ส่วนเพลาหน้าใช้จานเบรกขนาด 420 มม. ซึ่งทำให้ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ มาพร้อมระบบเบรก PCCB ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ปอร์เช่เคยติดตั้งในรถยนต์รุ่นสองประตู

     

    ระบบแอโร์ไดนามิกแบบแอคทีฟอัจฉริยะ

    แนวคิดแอโรไดนามิกรูปแบบใหม่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเสถียรภาพของ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ โดยประกอบด้วย ช่องลมระบายอากาศแบบแอคทีฟแนวตั้งบริเวณด้านหน้า และดิฟฟิวเซอร์หน้าแบบแอคทีฟ ร่วมกับสปอยเลอร์หน้าที่ปรับได้ และสปอยเลอร์หลังที่สามารถยืดออกและปรับองศาได้ ซึ่งสืบทอดมาจากรุ่นก่อนหน้า ทั้งหมดทำงานร่วมกันเป็นระบบเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ การไหลเวียนของอากาศเพื่อระบายความร้อนในระบบเบรกและหม้อน้ำถูกปรับให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันระบบแอโรไดนามิกแบบ แอคทีฟยังสามารถปรับการทำงานอย่างชาญฉลาดตามสถานการณ์การขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการลดแรงยกเพื่อเพิ่มเสถียรภาพ หรือการลดแรงต้านอากาศเมื่อองค์ประกอบต่างๆ ถูกพับเก็บเข้าไป โดยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Drag Coefficient)ของ 911 เทอร์โบ เอส คูเป้ จะลดลง 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในโหมดที่ใช้องค์ประกอบแอโรไดนามิกทั้งหมดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ระบบแอโรไดนามิกแบบแอคทีฟยังช่วยเสริมการเบรกบนถนนเปียก โดยในโหมดเปียก (Wet Mode) ดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าจะปิดเพื่อป้องกันจานเบรกหน้าจากละอองน้ำ

     

    แชสซีเพื่อความคล่องตัวและเสถียรภาพที่เหนือกว่า

    ระบบขับเคลื่อน T-Hybrid ที่มาพร้อมระบบไฟฟ้าแรงดันสูงและชุดแบตเตอรี่ ช่วยให้ปอร์เช่สามารถติดตั้งระบบ Porsche Dynamic Chassis Control แบบควบคุมด้วยไฟฟ้า–ไฮดรอลิก (ehPDCC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน 911 เทอร์โบ เอส รุ่นใหม่  ซึ่งช่วยลดการโคลงของตัวรถขณะเปลี่ยนทิศทาง และเพิ่มความคล่องตัวในการเข้าและออกโค้ง โดยทำงานร่วมกับคานกันโคลงที่เชื่อมถึงกัน โดยมีแรงดันน้ำมันถูกปรับตามสภาพการขับขี่ ทำให้ตัวคานสร้างแรงพยุงและรักษาสมดุลของรถ ส่งผลให้รถสปอร์ตทรงพลังคันนี้ควบคุมง่ายขึ้น มั่นใจยิ่งขึ้น และให้ทั้งความสบายและพลวัตการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม

     

    ในการพัฒนานี้ ได้ปรับปรุงทั้งความสะดวกสบายและสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งยกระดับทำให้ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ มีทั้งความสะดวกสบาย มั่นคงและคล่องตัวในเวลาเดียวกัน โดยสำหรับในการใช้งานในชีวิตประจำวัน ระบบควบคุมแชสซีไฟฟ้า–ไฮดรอลิก (ehPDCC)  มาพร้อมระบบยกเพลาหน้าเป็นมาตรฐาน ซึ่งสามารถตอบสนองได้รวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ด้วยการผสานเข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูง 400 โวลต์

     

    ระบบท่อไอเสียสปอร์ตใหม่ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน มาพร้อมหม้อพักไอเสียด้านหลังและปลายท่อไอเสียที่ทำจากไทเทเนียม ช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์เฉพาะของ 911 Turbo S ด้วยเสียงเร้าใจที่ออกแบบขึ้นเพื่อรถยนต์สปอร์ตรุ่นสูงสุดโดยเฉพาะ พร้อมทั้งช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้ถึง 6.8 กิโลกรัม นอกจากนี้การปรับปรุงเครื่องยนต์ภายในยังช่วยเพิ่มมิติของเสียงรถให้มีความเร้าใจมากยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 3.6 ลิตร ที่ทำงานด้วย ระบบวาล์วไทมิ่งแบบไม่สมมาตร (Asymmetrical Timing) เพื่อสร้างเสียงเครื่องยนต์ที่มีหลากหลายมิติและความถี่ ทำให้ได้เสียงที่หนักแน่น ลึก และคมชัดยิ่งขึ้น

     

    ดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟพร้อมชุดอุปกรณ์แบบพรีเมียม

    ใน 911 เทอร์โบ เอส ใหม่  ถือเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่นำกลยุทธ์การออกแบบของรุ่นเทอร์โบมาใช้กับตระกูล 911 โดยมีองค์ประกอบหลายส่วนโดดเด่นด้วยสี Turbonite ที่สงวนไว้เฉพาะในรุ่นเทอร์โบ เท่านั้น รวมถึงสัญลักษณ์ปอร์เช่และตัวอักษร “Turbo S” ในด้านท้ายรถ รวมไปถึงอุปกรณ์ตกแต่งเฉพาะรุ่น Turbo S ที่ปีกหลังและกรอบกระจกข้าง และล้อของ Turbo S ยังมาพร้อมดีไซน์ใหม่แบบ Center Lock ที่มาในโทนสี Turbonite เพิ่มความมีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น

     

    ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่นเทอร์โบ 911 เทอร์โบ เอส ใหม่ มาพร้อมตัวถังและช่วงล้อที่กว้างกว่าคาร์เรร่า (Carrera) อย่างชัดเจน พร้อมช่องดักอากาศที่ด้านข้างบริเวณท้ายรถ กันชนหลัง ออกแบบใหม่ให้โดดเด่นด้วยช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ช่วยเน้นความกว้างของตัวถัง รวมถึงปลายท่อไอเสียไทเทเนียม ดีไซน์เฉพาะของเทอร์โบรุ่นใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ เทอร์โบ เอส เช่นเดียวกับลวดลายมุก (pearl structure) แบบไดนามิกเหนือเส้นไฟท้าย ทั้งนี้ยังมีปลายท่อไอเสียไทเทเนียมทรงวงรีพร้อมพื้นผิวพิเศษให้เลือกเป็นออปชัน โดยรวมแล้วดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ทำให้ เทอร์โบ เอส แตกต่างอย่างชัดเจนจาก 911 รุ่นอื่น ๆ

    การตกแต่งด้วยสี Turbonite คือเอกลักษณ์ที่สะท้อนความพิเศษภายในตัวรถ โดยจะปรากฏอยู่ทั้งบนแผงประตู พวงมาลัย แผงแดชบอร์ด คอนโซลกลาง ตะเข็บตกแต่ง นาฬิกา Sport Chrono และชุดมาตรวัด รวมไปถึง เข็มขัดนิรภัยและปุ่มหลายจุดบนคอนโซลกลาง ก็ถูกออกแบบโดยใช้สี Turbonite เช่นกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ เพิ่มวัสดุตกแต่งลายคาร์บอนผสานกรอบโทน Neodyme และเพดานบุไมโครไฟเบอร์เจาะรู (Perforated Microfiber) พร้อมชั้นรองสีดำ เพื่อยกระดับความหรูหราและเอกลักษณ์ของห้องโดยสาร

    ปอร์เช่ยังติดตั้งไฟหน้า HD Matrix LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมฟังก์ชันไฟส่องสว่างอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อต้องขับขี่ในเวลากลางคืน รวมไปถึง Sport Chrono Package พร้อมมาตรวัดอุณหภูมิยาง ระบบช่วงล่าง PASM ปรับเฉพาะรุ่น ระบบควบคุมการโคลงไฟฟ้า–ไฮดรอลิก PDCC และท่อไอเสียสปอร์ตไทเทเนียม เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และภายในมีการติดตั้งเบาะ Sport Seats Plus แบบปรับไฟฟ้า 18 ทิศทางพร้อมฟังก์ชันจำตำแหน่ง และตัวอักษร “Turbo S” บนพนักพิงศีรษะที่เป็นมาตรฐานจากโรงงาน และลายปั๊มนูน Turbo S บนเบาะและแผงประตู ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์ของ 911 Turbo 930 รุ่นแรก ทั้งยังมีเบาะสปอร์ตน้ำหนักเบาแบบพับได้ที่คุ้นเคยมาจาก 911 GT3 ให้เลือกเป็นออปชันสำหรับรุ่นคูเป้

     

    ตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย

    สำหรับตัวเลือกการปรับแต่งที่มากขึ้น สามารถเลือกปรับแต่งผ่าน Porsche Exclusive Manufaktur โดยนอกจากสีตัวถังในแพ็คเกจ Paint to Sample ที่มีให้เลือกมากกว่า 100 เฉดสี ยังสามารถเลือกปรับแต่งล้อ Turbo Exclusive Design แผ่นคาร์บอนพ่นสี Neodyme หลังคาคาร์บอนน้ำหนักเบา ไฟท้ายและช่องดักอากาศด้านหลังแบบ Exclusive Design และยังเป็นครั้งแรกที่สามารถเลือกก้านปัดน้ำฝนคาร์บอน  ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าปกติถึง 50% พร้อมทั้งยังสามารถปรับแต่งภายในเพิ่มเติมได้ทั้ง ตะเข็บตกแต่งสีตัดกัน การปั๊มนูนชื่อเฉพาะ คอนโซลเบาะและแผงข้างประตูหุ้มหนังพร้อมตะเข็บตกแต่งสุดประณีต รวมถึงกุญแจพ่นสีเฉพาะบุคคล

     

    911 Turbo S บนข้อมือคุณ

    Porsche Design Timepieces Configurator เปิดโอกาสให้คุณได้ออกแบบรถยนต์สปอร์ตบนข้อมือของคุณได้ โดยสามารถปรับแต่งให้เหมือนกับ 911 เทอร์โบ เอส ได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุก ๆ รายละเอียด หน้าปัดสีดำรุ่นใหม่มาพร้อมกับองค์ประกอบในโทน Turbonite ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของตัวรถ และนอกจากสี Turbonite แล้ว สีตัวถังในทุกเฉดสี (รวมถึงสีที่สั่งทำเฉพาะ) ยังสามารถนำมาปรับแต่งรอบหน้าปัดนาฬิกาได้ โดยตัวเรือนทำมาจากไทเทเนียมเคลือบสีดำและสายทำมาจากหนังและด้ายจากภายในรถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งไฮไลต์คือตัวอักษร “Turbo S” ที่จะถูกปั๊มลงบนสาย โดยนาฬิกาจะขับเคลื่อนด้วยกลไก Porsche Design Caliber WERK 01.200 พร้อมการรับรอง COSC และฟังก์ชัน Flyback โรเตอร์ขึ้นลานที่สามารถเลือกได้ สะท้อนดีไซน์จากล้อของ 911 Turbo S หลายรุ่น พร้อมตราสัญลักษณ์ของปอร์เช่ ในสี Turbonite ที่เป็นเอกลักษณ์ และในด้านหลังตัวเรือนสามารถสลักข้อความได้ โดย Chronograph 911 Turbo S ทุกเรือนจะถูกสั่งผลิตด้วยมือแบบสั่งทำพิเศษที่โรงงานนาฬิกาปอร์เช่ในเมืองเกรนเชน (Grenchen) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

     

    พร้อมเปิดให้สั่งซื้อแล้ววันนี้

    911 เทอร์โบ เอส ใหม่ เปิดให้สั่งจองแล้ววันนี้ในประเทศไทย โดยราคาสำหรับ 911 เทอร์โบ เอส รุ่นคูเป้ เริ่มต้นที่ 27,900,000 บาท และราคาสำหรับ 911 เทอร์โบ เอส รุ่นคาบริโอเลตเริ่มต้นที่ 29,200,000 บาท โดยคาดว่าทั้ง 2 รุ่นจะสามารถส่งมอบ์ได้ในช่วงกลางปี 2026


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment