• เชฟรอน จัดสัมมนาดันผู้ประกอบการโรงงานสู่อุตสาหกรรมสีเขียว แนะเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง ลดเสี่ยงความเสียหายของเครื่องจักร ลดของเสีย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    1 Min Read

    เชฟรอน จัดสัมมนาดันผู้ประกอบการโรงงานสู่อุตสาหกรรมสีเขียว แนะเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง ลดเสี่ยงความเสียหายของเครื่องจักร ลดของเสีย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน และคาลเท็กซ์ เดโล่ จัดงานสัมมนา “Green Manufacturing & Lubricants โรงงานสีเขียวกับการเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง” เพื่อแนะนำข้อมูลและให้ความรู้เกี่ยวกับด้านอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) พร้อมชี้แนะแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดของเสีย ลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดความเสียหายของเครื่องจักร และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อความยั่งยืน สอดรับนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวของภาครัฐ โดยภายในงานมีผู้เชี่ยวชาญจากเชฟรอนให้ข้อมูลในการเลือกใช้สารหล่อลื่น การวางแผนซ่อมบำรุงที่มีผลต่อการทำงานและสิ่งแวดล้อมด้วย ณ โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

    งานสัมมนา Green Manufacturing & Lubricants โรงงานสีเขียวกับการเลือกใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ให้แก่ลูกค้าผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคาลเท็กซ์ และผู้ที่สนใจในเขตพื้นที่ภาคใต้ พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 คน โดย นายสันติศักดิ์ ไทยพัฒน์ ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า “เชฟรอนดำเนินแผนพัฒนาธุรกิจในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโต พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมที่มีคาร์บอนต่ำในอนาคต ประกอบกับนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้จัดงานสัมมนาในครั้งนี้ขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญจากเชฟรอนและหน่วยงานพันธมิตรร่วมกันให้ความรู้ในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ การบำรุงรักษาเชิงรุกและการเลือกใช้สารหล่อลื่นเพื่อลดความเสียหายของลูกปืนและเครื่องจักร แนวทางการบำรุงรักษาเครื่องจักรและสารหล่อลื่นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน แนวทางปฏิบัติและเทคโนโลยีสารหล่อลื่นสะอาดเพื่อเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาน้ำมันไฮดรอลิคที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และโปรแกรมการทดสอบน้ำมัน ฯลฯ”

    ด้าน นายยงยุทธ ทองบุญโท ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการบำรุงรักษาเครื่องจักรและสารหล่อลื่นเพื่อสิ่งแวดล้อม ว่า “การจัดการระบบหล่อลื่นอย่างมีประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างราบรื่น การเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นที่มีคุณภาพ และการตรวจสอบสภาวะการทำงานของเครื่องจักร จะช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องจักร ลดความร้อน และช่วยป้องกันการกัดกร่อน ทำให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น การวางแผนการซ่อมบำรุงและการใช้น้ำมันหล่อลื่นอย่างเหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้สามารถกำหนดการบำรุงรักษาได้อย่างแม่นยำและลดเวลาการทำงาน โดยจะส่งผลให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังช่วยลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนเครื่องจักรที่เสียหายหรือน้ำมันหล่อลื่นที่เสื่อมสภาพ ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ที่ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน”

    ภายในงานสัมมนา เชฟรอนยังได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ Clarity® Bio EliteSyn™ AW น้ำมันไฮดรอลิคคุณภาพสูงเกรดพรีเมียม ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการสึกหรอได้ดี ทำให้น้ำมันใช้งานได้ยาวนานขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง เหมาะสำหรับระบบไฮดรอลิคที่มีแรงดันสูง และทำงานใกล้กับพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม อีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้าของเรา

    “เชฟรอนพร้อมเป็นพันธมิตรเคียงข้างธุรกิจและเป็นที่ปรึกษาคอยให้แนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นรูปธรรมสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ตลอดจนจัดหาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับการทำงานภายใต้สภาวะที่หนักหน่วงและรุนแรงของเครื่องยนต์และเครื่องจักรต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เราหวังว่างานสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไปสู่การสร้างเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และบรรลุเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามความมุ่งมั่นที่ตั้งไว้” นายสันติศักดิ์ กล่าวปิดท้าย


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • GWM (Thailand) เริ่มส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 ให้ลูกค้าชาวไทยกลุ่มแรกทั่วประเทศแล้ววันนี้

    1 Min Read

    GWM (Thailand) เริ่มส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 ให้ลูกค้าชาวไทยกลุ่มแรกทั่วประเทศแล้ววันนี้

    GWM (Thailand) พร้อมยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users) หลังกวาดยอดจองสูงถึง 4,959 คัน ภายในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟน ๆ ชาวไทย ล่าสุด จัดกิจกรรมส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL รถเอสยูวีขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจนฯ ใหม่ที่มีความโดดเด่นเหนือใคร และ ALL NEW GWM HAVAL H6 รถเอสยูวีอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างครบครัน ณ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั้ง 69 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการส่งมอบที่รวดเร็วและใช้เวลาเพียง 15 วันหลังจากที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของทั้ง “นวัตกรรมอัจฉริยะและเปี่ยมด้วยคุณภาพเพื่อการเดินทางแห่งอนาคต” ที่ตอบรับกับความต้องการของคนไทยได้อย่างแท้จริง และ “ความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวไทย” ที่มีต่อ GWM แสดงถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความพร้อมในการส่งมอบและยกระดับประสบการณ์ที่ “เหนือกว่า” ในทุกด้าน ผ่านกลยุทธ์ระดับโลกอย่าง “GWM Go With More” โดยบรรยากาศของกิจกรรมส่งมอบ เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขของลูกค้าและพนักงาน GWM

    เวย์น โจว กรรมการผู้จัดการ GWM (Thailand) กล่าว “ขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่านที่มอบความไว้วางใจให้กับ GWM และขอต้อนรับลูกค้าทุกท่านที่ได้รับการส่งมอบ NEW GWM TANK 300 DIESEL และ ALL NEW GWM HAVAL H6 เข้าสู่ครอบครัว GWM เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ารถยนต์เอสยูวีของเราทั้งสองรุ่นนี้ จะเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกท่านด้วยความโดดเด่นที่มากกว่าในทุกด้านอย่างแท้จริง สืบเนื่องจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั่วประเทศ จนนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโทจย์ความต้องการของคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั่วประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ NEW GWM TANK 300 DIESEL รวมถึงรุ่นอื่น ๆ จะได้รับรถและการบริการหลังการขายที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเปี่ยมด้วยมาตรฐานระดับสากล ในขณะเดียวกัน เรากำลังเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าที่มีเข้ามาอย่างล้นหลามและเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง NEW GWM TANK 300 DIESEL ที่มียอดจองสูงถึง 2,786 คัน โดยในเดือนเมษายนนี้ เราจะทำการส่งมอบรถยนต์ได้ประมาณ 300 คัน และในเดือนพฤษภาคมนี้อีกมากกว่า 1,000 คัน”

    นอกจากนี้ GWM (Thailand) ยังจัดให้มีกิจกรรมพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าร่วมแชร์ประสบการณ์และการเดินทางกับ GWM TANK 300 รถเอสยูวีสไตล์ Premium Boxy คู่ใจ ทั้งรุ่นไฮบริดและดีเซล ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขง่าย ๆ ตามนี้  เพียงแชร์ภาพความประทับใจขณะใช้รถ GWM TANK 300  ในการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ เป็นโมเมนต์แห่งความสุขที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคุณและรถคู่ใจ หรือเป็นภาพที่มีรถ GWM TANK 300 พร้อมผู้คนในโมเมนต์แห่งความสุข ลุ้นรับรางวัล บัตรกำนัล Starbucks มูลค่า 1,000 บาท ประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นี้ โดยสามารถร่วมกิจกรรมได้แล้วตั้งแต่วันที่ 11 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568

    GWM (Thailand) พร้อมด้วยยนตรกรรมเพื่อการเดินทางแห่งอนาคตที่ครอบคลุมทุกพลังงาน ทุกเซกเมนต์ ทุกความต้องการ ทั้ง GWM TANK, GWM HAVAL, GWM ORA และ GWM POER รอต้อนรับผู้ขับขี่ชาวไทยทุกท่าน ให้ได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกมิติอย่างใกล้ชิด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมายได้แล้ววันนี้! ณ GWM พาร์ทเนอร์ สโตร์ ทั้ง 69 แห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน GWM เว็บไซต์ https://www.gwm.co.th/ หรือ GWM Contact Center หมายเลข 02-668-8888


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • Volvo Ladies Salon: ส่งต่อแนวคิดแห่งความปลอดภัยผ่าน Emotional Wellness Workshop และปรัชญาแห่งความสุขแบบ Lagom ของชาวสวีเดน

    1 Min Read

    Volvo Ladies Salon: ส่งต่อแนวคิดแห่งความปลอดภัยผ่าน Emotional Wellness Workshop และปรัชญาแห่งความสุขแบบ Lagom ของชาวสวีเดน

    วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จัดงาน Ladies Salon งานที่มุ่งส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่ผู้หญิงผ่านการแชร์ความคิด และ เปิดมุมมองใหม่ในการใช้ชีวิต เพื่อพัฒนาตนเองทั้งด้านจิตใจและร่างกาย อันสอดคล้องกับปณิธานของวอลโว่ที่ให้ความสำคัญกับผู้คน ทั้งในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และคุณภาพชีวิต เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและสมดุล

    ภายในงานได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญถึง 4 ท่าน มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจ ได้แก่ คุณนิชานันท์ ปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย, คุณมิเรียม ศรพรหมมาศ (ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตบำบัด ที่ได้การรับรองจากสถาบัน Universal Coach Institute), คุณเศรษฐิณิช ชนวราสุทธิศิริ, นางแบบ และลูกค้าผู้ใช้งาน EX30 และคุณรัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น, ดาราและนักแสดง พร้อมเปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัส Volvo EX90 รถไฟฟ้าที่ปลอดภัยที่สุดจากวอลโว่ ณ Volvo Studio EmSphere ชั้น 2 ดิ เอ็มสเฟียร์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

    วอลโว่ให้ความสำคัญกับบทบาทของผู้หญิงในทุกมิติ ผ่านปรัชญาแนวคิดแบบ Lagom Philosophy ที่เน้นการใช้ชีวิตอย่างสมดุล และพอดีสำหรับแต่ละบุคคล พร้อมส่งเสริมความมั่นใจและสนับสนุนให้ผู้หญิงสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในหลากหลายอุตสาหกรรมอย่างมั่นคงและยั่งยืน งานนี้จึงเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจ สอดคล้องกับสโลแกน Volvo For Life ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวอลโว่ในการออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เพื่อผู้หญิง ช่วยให้ผู้หญิงสามารถขับเคลื่อนชีวิตประจำวันและอาชีพของตนเองได้อย่างมั่นใจ สง่างาม และสมดุล

    ภายในงาน ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสมุมมองแห่งแรงบันดาลใจและปรัชญาการใช้ชีวิตอย่างสมดุลจากแขกรับเชิญแต่ละท่าน ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาแนวคิดแบบ Lagom ของชาวสวีเดน และปณิธานของวอลโว่ที่ให้ความสำคัญกับผู้คนและคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคุณมิเรียม ศรพรหมมาศ วิทยากรที่มาถ่ายทอดวิธีการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและมีและเคล็ดลับการจัดการความเครียดและความกังวลใจ คุณเศรษฐิณิช ชนวราสุทธิศิริ แบ่งปันประสบการณ์จากลูกค้าผู้ใช้งานจริงของรถ Volvo EX30 พร้อมแชร์วิสัยทัศน์ด้านการใช้งานและความปลอดภัย, คุณรัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น นำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตจากผู้ที่เข้าใจวิถีชีวิตแบบ Lagom philosophy เน้นความพอดีและการมีความสุขที่แท้จริง และคุณนิชานันท์ ปัญญา เจาะลึกถึงการออกแบบของวอลโว่ ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาโดยตลอด พร้อมเน้นย้ำถึงความภาคภูมิใจของ Volvo Cars ที่ได้รับรางวัล Sandy Myhre Award จาก Women’s Worldwide Car of the Year (WWCOTY) ในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงมากที่สุด

    ภายในงานยังมีโซนกิจกรรมพิเศษ อาทิ การวาดภาพในธีม “รอยยิ้มของคุณในวันนี้” เพื่อสะท้อนมุมมองความสุขและนำมาตกแต่งบนแบคดรอปของงาน รวมถึง Emotional Wellness Workshop กิจกรรมที่สามารถเรียนรู้ความสุขที่แท้จริงของแต่ละคนไปกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และโซนคาเฟ่ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารในธีม Ladies Salon สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเติมเต็มพลังเชิงบวกให้กับผู้เข้าร่วมงานตลอดทั้งวัน

    สามารถติดตามกิจกรรม, รายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้ที่

    Websitewww.volvocars.com/th

    Facebookhttps://www.facebook.com/volvocarsth

    Youtubehttps://www.youtube.com/user/VolvoCarsThailand

    LINEhttps://page.line.me/002olnns?oat_content=url&openQrModal=true

     

    เยี่ยมชม Volvo Studio ICONSIAM ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo Studio EmSphere ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่ สำหรับสอบถามข้อมูลทั่วไป กรุณาโทร 02-544-0446
    สำหรับลูกค้าวอลโว่ปัจจุบัน สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าได้ที่ https://bit.ly/459u6HD


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • PTG จับมือ DMT ส่งความห่วงใย แจกกระเป๋ากันง่วง กาแฟพันธุ์ไทย และของที่ระลึก สุดพิเศษจากออโต้แบคส์ ในเทศกาลสงกรานต์

    1 Min Read

    PTG จับมือ DMT ส่งความห่วงใย แจกกระเป๋ากันง่วง กาแฟพันธุ์ไทย และของที่ระลึก สุดพิเศษจากออโต้แบคส์ ในเทศกาลสงกรานต์

    กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG โดย คุณชัยทัศน์ วันชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด และคุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ร่วมกับ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT โดย ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ และ ดร. สัณห์ พันธ์อุไร ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ ส่งความห่วงใยแก่ผู้ใช้ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ภายใต้โครงการ “สงกรานต์ปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง ปีที่ 15โดยจัดกิจกรรมแจกของ   ที่ระลึกสุดพิเศษสำหรับเทศกาลสงกรานต์จากออโต้แบคส์ (Autobacs) กาแฟพันธุ์ไทย และกระเป๋ากันง่วง สำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการความมั่นใจก่อนเดินทาง ออโต้แบคส์ (Autobacs) ยังมีจุดบริการตรวจเช็กสภาพรถเบื้องต้น (Light Check) โดยทีมงานมืออาชีพ ณ ด่านดินแดง 1 ทางยกระดับดอนเมือง เมื่อเร็ว ๆ นี้


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • งานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง 2568 ดึงนักธุรกิจเข้าชมงานกว่า 7,000 ราย สร้างรายได้เกือบ 3,000 ล้านบาท

    1 Min Read

    งานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง 2568 ดึงนักธุรกิจเข้าชมงานกว่า 7,000 ราย สร้างรายได้เกือบ 3,000 ล้านบาท

    กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยงานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง 2568 หรือ Thailand International Auto Parts & Accessories Show 2025 (TAPA 2025) ได้รับผลการตอบรับที่ดีจากนักธุรกิจทั่วโลกที่เข้าชมงานกว่า 7,000 ราย สามารถสร้างมูลค่าการสั่งซื้อโดยรวมได้เกือบ 3,000 ล้านบาท

    นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า งาน TAPA 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ประสบความสำเร็จ ได้รับผลการตอบรับที่ดีจากนักธุรกิจนานาชาติที่เดินทางมาชมงานจากทั่วโลก เพื่อเจรจาธุรกิจสร้างโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทย สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,952 ล้านบาท

    ในด้านจำนวนผู้เข้าร่วมงาน (Exhibitor)   มีผู้ประกอบการชั้นนำเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 682 บริษัท 1,091 คูหา ส่วนผู้เข้าชมงาน (Visitor) มีจำนวนทั้งสิ้น 7,199 ราย จาก 87 ประเทศ สำหรับสินค้าที่ได้รับความสนใจ 3 อันดับแรก ได้แก่ ชิ้นส่วนตัวถัง (Body Parts) อะไหล่ (Spare Part) เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง (Engines & Transmissions)

    งาน TAPA 2025 จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมในอุตสาหกรรมชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ เพื่อเป็นเวทีเจรจาการค้า ต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจ เรียนรู้และอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ สำหรับนักธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์

    พบกันอีกครั้งในงานแสดงสินค้าชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่ง 2570 วันที่ 1-3 เมษายน 2570 ที่ไบเทค บางนา


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชัน เริ่มจัดส่ง ‘ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี’ ในประเทศไทย กวาดยอดจองกว่า 1,800 คัน ภายใน 3 สัปดาห์

    1 Min Read

    มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชัน เริ่มจัดส่ง ‘ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี’ ในประเทศไทย กวาดยอดจองกว่า 1,800 คัน ภายใน 3 สัปดาห์

    บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชัน (ต่อไปนี้เรียกว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) ได้เริ่มจัดส่ง รถคอมแพ็กต์เอสยูวี ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี แบบไฮบริด (HEV) เมื่อวันที่ 10 เมษายน
    ที่ผ่านมา
    โดยรถรุ่นดังกล่าวผลิตที่โรงงานแหลมฉบังของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

    ออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี เป็นรถยนต์แบบไฮบริด (HEV) รุ่นที่สองของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ถัดจากรุ่น มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์  ที่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด ด้วยยอดจองกว่า 1,800 คัน ภายหลังจากการเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

    ลูกค้าของมิตซูบิชิที่สั่งจองรถรุ่นนี้ ต่างประทับใจในการออกแบบของตัวรถที่ดูทันสมัยและทรงพลัง ตอบโจทย์การใช้งานของรถเอสยูวีได้อย่างเต็มรูปแบบ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ถึง 5 คนอย่างสะดวกสบายแม้จะเป็นรถคอมแพ็กต์เอสยูวี พร้อมด้วยสมรรถนะของรถที่ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังและทำงานเงียบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์แบบไฮบริด (HEV) และโดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมในรถยนต์ระดับเดียวกันอีกด้วย โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะทยอยส่งมอบ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

    มร. ทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคกลางของประเทศเมียนมาเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า  “ผมขอแสดงความเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิตในภัยพิบัติครั้งนี้ และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยครับ”

    “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปีแล้ว ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ทำให้เราได้มีส่วนร่วมในการสร้างความก้าวหน้าให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และเรา จะยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยต่อไป พร้อมเดินหน้าดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยอย่างจริงจังครับ” มร. คาโตะ กล่าว


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine

    No Comment
  • โตโยต้า ร่วมมือ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและสวทช. มอบรางวัลโครงการ “ลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า” แก่เยาวชน-ชุมชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

    1 Min Read

    โตโยต้า ร่วมมือ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและสวทช. มอบรางวัลโครงการ “ลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า” แก่เยาวชน-ชุมชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

    บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกับ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (NANOTEC) จัดพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และรางวัลเกียรติคุณ โครงการลดเปลี่ยนโลก ปีที่ 2 ให้แก่ผู้ชนะ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรและศูนย์ประชุมวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568

    ความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ภายใต้ชื่อ “โครงการลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า” เกิดจากการตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์มลภาวะ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน จึงมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงให้ความสำคัญกับสถานศึกษาในการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อปรับใช้ในการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

    โครงการลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ด้วยวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนและเยาวชนไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์กิจกรรมและนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยประกอบด้วย โครงการย่อย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ “ชุมชนลดเปลี่ยนโลก” และ “นวัตกรรมเยาวชนลดเปลี่ยนโลก”

                นายสุวิทย์ ไชยประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “โครงการลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในการส่งเสริมให้เยาวชนและชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการให้ความรู้และการดำเนินกิจกรรมที่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและขยายผลได้ในระดับประเทศ ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ เพื่อตอบสนองเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่ร่วมกันคิดค้นและพัฒนาแนวทางเพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผมขอชื่นชมและขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการให้ประสบความสำเร็จ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการขยายผลและสานต่อแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป”

    รางวัลโครงการชุมชนลดเปลี่ยนโลก

    รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ชุมชนบ้านดอนยาวน้อย เทศบาลตำบลวังหิน จังหวัดนครราชสีมา

    รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ชุมชนบ้านหัวทุ่ง องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ชุมชนบ้านคลองอาราง องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแก้ง จังหวัดสระแก้ว

              ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า “โครงการชุมชนลดเปลี่ยนโลก มีชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีใจรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ความสนใจส่งใบสมัครเข้าร่วมมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านเข้ารอบนั้น ต่างก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมทั้งจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปพัฒนากิจกรรมในชุมชนของตนเอง โดยโครงการชุมชนลดเปลี่ยนโลก ได้มุ่งเน้นการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งการใช้พลังงานทางเลือก การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและรักษาคุณภาพแหล่งน้ำ การเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะอย่างถูกวิธี ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร ลดการเผา และการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว โดยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นพลังของชุมชนในการริเริ่มและดำเนินโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ความมุ่งมั่นของทุกท่านคือเครื่องยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากชุมชน”

              “กระผมขอชื่นชมในความพยายามของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งที่ฝ่าฟันจนผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้าย และขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันนี้ ทุกท่านคือแบบอย่างของความร่วมมือและความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ ความสำเร็จของท่านจะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นต้นแบบที่ดีให้กับชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศในการก้าวเดินไปสู่สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป

    รางวัลโครงการนวัตกรรมเยาวชนลดเปลี่ยนโลก

    รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช  โครงการ “นวัตกรรมกังหันลมดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เสริมประสิทธิภาพด้วยกราฟีนและเส้นใยไมซีเลียม”

    รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิค สุราษฎร์ธานี โครงการ “ต้นไม้ประดิษฐ์สำหรับการดักจับคาร์บอน”

    รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ โรงเรียนสงวนหญิง สุพรรณบุรี โครงการ “การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้เครื่องปรับอากาศส่งผลต่อการลดค่าไฟฟ้า”

              ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “สวทช. ในฐานะหน่วยงานที่เป็นเป็นขุมพลังหลักของประเทศในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ เพื่อการประดิษฐ์คิดค้น สร้างสรรค์และพัฒนาผลงานนวัตกรรมของเยาวชนผ่านโครงการ ”นวัตกรรมเยาวชนลดเปลี่ยนโลก” ซึ่งเป็นการประกวดผลงานและแนวคิดด้านนวัตกรรมของเยาวชน ในการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) มาพัฒนาเป็นต้นแบบเพื่อปรับใช้ในการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (สายสามัญ) และนักศึกษาระดับอาชีวศึกษา (สายอาชีวศึกษา) ซึ่งโครงการนี้ดำเนินงานหลักโดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ร่วมกับหน่วยงานภายใต้สวทช. และพันธมิตร”

              ผู้อำนวยการ สวทช. ชี้ว่า “นอกจากรางวัลที่ได้ ทีมที่ชนะเลิศ จะได้รับการสนับสนุนต่อยอดให้มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนานวัตกรรมการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยจัดตั้งเป็นโครงการนำร่อง ณ สถานศึกษาที่ได้รับรางวัล ชี้ให้เห็นภาพของโครงการที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ให้เยาวชนได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตน และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างชุมชนและเยาวชนให้สามารถบูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยนาโนเทคโนโลยีที่จับต้องได้”

              “ซึ่งเราในฐานะผู้สนับสนุนก็หวังให้เยาวชนทุกคนพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพและการสนับสนุนที่ถูกทิศทาง จะช่วยพัฒนาให้ก้าวขึ้นเป็นนักนวัตกรที่สามารถสร้างนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่จะช่วยเปลี่ยนโลก มีประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างสังคมที่ยั่งยืนในอนาคตเน้นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะช่วยให้เยาวชนและชุมชนสามารถพัฒนาที่ยั่งยืนได้ต่อไป” ศาสตราจารย์ ดร. ชูกิจทิ้งท้าย

    ผู้ชนะเลิศทั้ง 2 โครงการ จะได้ไปนำเสนอผลงานแก่ผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงศึกษาดูงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมต่าง ๆ จากญี่ปุ่น เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดผลงานของตน โดยชุมชนที่ชนะเลิศจะได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้สำหรับการพัฒนาชุมชนของตนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ “ชุมชนลดเปลี่ยนโลก” ในขณะที่โรงเรียนที่ชนะเลิศจะได้รับการสนับสนุนเงินทุนสร้าง “นวัตกรรมต้นแบบ” ขนาดใช้ได้จริงเพื่อนำไปสู่ชุมชนต่อไป


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “TSS The Super Series และ SRO ผนึกกำลัง ร่วมขับเคลื่อนมอเตอร์สปอร์ตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ระดับสากล”

    1 Min Read

    “TSS The Super Series และ SRO ผนึกกำลัง ร่วมขับเคลื่อนมอเตอร์สปอร์ตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ระดับสากล”

    TSS The Super Series ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับ SRO Motorsports Group เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมกัน โดยมีเป้าหมายในการยกระดับการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีมาตรฐานระดับนานาชาติ การประกาศความร่วมมือดังกล่าวมีขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2568 และปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการด้านกฎหมาย เพื่อวางรากฐานสำหรับการพัฒนาระยะยาวในอนาคต

    เสริมสร้างการแข่งขันด้วยมาตรฐานระดับโลก

    TSS The Super Series ได้รับการยอมรับในฐานะรายการแข่งขันรถยนต์ประเภท GT ระดับแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดึงดูดนักแข่งชั้นนำทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ความร่วมมือกับ SRO ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการแข่งขัน ด้วยมาตรฐานทางเทคนิคและระบบจัดการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

    นำระบบ Balance of Performance มาใช้ในฤดูกาล 2025

    หนึ่งในองค์ประกอบหลักของความร่วมมือคือการนำ Balance of Performance (BoP) ของ SRO มาใช้ในรุ่น TSS Supercar GT3 และ GT4 โดย BoP นี้จะช่วยควบคุมสมรรถนะของรถแต่ละคันให้มีความสมดุล เพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่ยุติธรรมและยกระดับความน่าเชื่อถือของรายการในระดับสากล

    นอกจากนี้ ฤดูกาล 2025 จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคนิคเพิ่มเติม โดย Pirelli จะเข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องยางอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขัน ซึ่งสอดคล้องกับรายการอื่นภายใต้การจัดของ SRO ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย อาทิ รายการ GT World Challenge powered by AWS, รายการ GT2 European Series powered by Pirelli และรายการ GT4 ทั่วโลก

    มุ่งหน้าสู่การยอมรับในระดับโลก

    TSS The Super Series ฤดูกาล 2025 จะยังคงจัดการแข่งขันในสนามหลักของประเทศไทย ได้แก่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และสนามบางแสน สตรีท เซอร์กิต พร้อมทั้งมีการแข่งขันแบบสองครั้งติดกันที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เพื่อให้เข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้น รายการแข่งขันจะมีการถ่ายทอดสดพร้อมคำบรรยายในหลายภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน และเยอรมัน ทั้งทางโทรทัศน์และแพลตฟอร์มออนไลน์

    Stéphane Ratel, ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ SRO Motorsports Group กล่าวว่า:
    “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นความร่วมมือครั้งใหม่นี้กับ TSS The Super Series เรา (SRO) ได้สร้างฐานที่แข็งแกร่งในเอเชียในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และข้อตกลงนี้จะช่วยเสริมสถานะของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น เรารู้สึกยินดีที่ TSS จะนำ BoP ของเราไปใช้ และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นการร่วมมือกับ Pirelli ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ SRO ทำงานด้วยมาอย่างยาวนาน ผมมั่นใจว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งการเติบโตที่น่าตื่นเต้นสำหรับ TSS”

    นายสนธยา คุณปลื้ม, ประธาน TSS กล่าวว่า:
    “การเป็นพันธมิตรกับ SRO ถือเป็นก้าวสำคัญของ TSS The Super Series แม้ว่าเราจะมีบทบาทในระดับนานาชาติแล้ว แต่ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมแพลตฟอร์มการแข่งขันให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยมาตรฐานระดับโลกของ SRO ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และ BoP ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว รวมถึงการร่วมมือกับ Pirelli  ยิ่งไปกว่านั้น ความร่วมมือนี้ยังเปิดโอกาสให้นักแข่งจากภูมิภาคสามารถเติบโตสู่เวทีโลก และเราจะร่วมกันพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยั่งยืน”

    เปิดฤดูกาล 2025 อย่างยิ่งใหญ่ด้วย TSS Test Days

    ฤดูกาลใหม่ของ TSS The Super Series 2025 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการทดสอบสนาม 2 วัน ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยมีรถแข่งมากถึง 106 คัน จากรายการ TSS The Super Series by B-Quik และ B-Quik Thailand Super Series เข้าร่วมการทดสอบ มีรถแข่งจาก 14 แบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำของโลก อาทิ Aston Martin, Audi, Chevrolet, Ferrari, Ford, Honda, Isuzu, Mazda, Mercedes-Benz, Mitsubishi, Porsche, Suzuki และ Toyota อีกทั้งแฟนๆมอเตอร์สปอร์ตยังมีโอกาสได้เห็นการลงสนามเป็นครั้งแรกของ Ferrari 296 GT3 และ Porsche 911 GT3 R (Type 992) ในการทดสอบครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีนักแข่งระดับตำนานเข้าร่วมทำการทดสอบรถ อาทิ Markus Winkelhock (อดีตนักแข่ง F1), Earl Bamber, Edoardo Mortara และ Pierre Kaffer ในระหว่างการทดสอบนี้ Gianni Morbidelli อดีตนักขับ F1 ชาวอิตาเลียน ยังได้ขับ Ford RR Daytime GT Coupe รุ่นต้นแบบในคลาส GTC อีกด้วย

    ก้าวต่อไป

    ด้วยแรงผลักดันที่ไม่เคยมีมาก่อน การร่วมมือระหว่าง TSS และ SRO กำลังจะผลักดันวงการมอเตอร์สปอร์ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ไปสู่ระดับใหม่อย่างแท้จริง นี่คือการผสานพลังระหว่างจุดแข็งของ TSS และความเชี่ยวชาญระดับโลกของ SRO

    เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับฤดูกาลแห่งความมันส์ที่กำลังจะมาถึง!ปฏิทินการแข่งขัน TSS The Super Series 2025

    1. 22–25 พฤษภาคม 2568 – สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
    2. 2–6 กรกฎาคม 2568 – สนามบางแสน สตรีท เซอร์กิต
    3. 8–10 สิงหาคม 2568 – เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
    4. 19–21 กันยายน 2568 – เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
    5. 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2568 – สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

    แฟน ๆ จากทั่วโลกสามารถติดตามความเร้าใจได้ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไทยและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ พร้อมคำบรรยายภาษาไทย อังกฤษ จีน และเยอรมัน

    สำหรับนักแข่งและทีมที่สนใจ ตอนนี้ยังพอมีกริดว่างอยู่! อย่าพลาดโอกาสที่จะเข้าร่วมแข่งขันในรายการระดับนานาชาติ

    ท่านที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่: info@racingspirit.co.th

    คาดเข็มขัดให้แน่น แล้วเตรียมตัวสู่ฤดูกาลที่คุณจะไม่มีวันลืม – การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” แท็กทีม “เจฟ ซาเตอร์” และ “ททท.” ชวนครอบครัวคนรุ่นใหม่สัมผัสประสบการณ์ พิเศษจากการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางสุด BOLD ผ่านแคมเปญสุดสร้างสรรค์ “เดอะ โบลด์ เจอร์นีย์”

    1 Min Read

    “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” แท็กทีม “เจฟ ซาเตอร์” และ “ททท.” ชวนครอบครัวคนรุ่นใหม่สัมผัสประสบการณ์ พิเศษจากการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางสุด BOLD ผ่านแคมเปญสุดสร้างสรรค์ “เดอะ โบลด์ เจอร์นีย์” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆไปกับ The Kia EV5 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์เกีย “Movement that Inspires” ได้อย่างชัดเจน

    เพราะเกียเชื่อว่า ทุกการเดินทาง คือ โอกาสที่จะได้ค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญเชิงสร้างสรรค์ “เดอะ โบลด์ เจอร์นีย์” (THE BOLD JOURNEY) ชวนครอบครัวรุ่นใหม่ร่วมออกผจญภัยและสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าค้นหาในประเทศไทย ไปกับ The Kia EV5 รถเอสยูวีขนาดกลาง ไฟฟ้า 100% ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การเดินทางของครอบครัวทั้งสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และน่าตื่นเต้น โดยมี “เจฟ ซาเตอร์” ศิลปินชื่อดังและพรีเซนเตอร์ The Kia EV5 มาร่วมถ่ายทอดความหลงใหลในการขับรถท่องเที่ยวที่พาไปสู่การได้ค้นพบตัวเองในมุมใหม่ๆ ผ่านวิดีโอออนไลน์ เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนออกมาร่วมสัมผัสการเดินทางสุด BOLD ไปด้วยกัน ประเดิมกิจกรรมแรก “The BOLD Destination” ชวนครอบครัวออกไปผจญภัยในสถานที่สุดพิเศษตามเส้นทางตะวันออกของไทย ผู้สนใจร่วมกิจกรรมสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://www.kia-campaign.com/EV5-bolddestination ได้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2568 เพื่อลุ้นรับสิทธิ์เป็นครอบครัวผู้โชคดีร่วมโร้ดทริปในวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2568 THE BOLD JOURNEY ไม่ใช่แค่ทริปท่องเที่ยว แต่เป็นโอกาสให้ทุกคนออกเดินทางสู่การผจญภัยที่จะเปลี่ยนนิยามของการสำรวจใหม่ และเปิดรับความงดงามของความหลากหลายในทุกสายสัมพันธ์ของครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่ คู่รัก LGBTQ+ หรือสายเที่ยวที่รักสัตว์เลี้ยง แคมเปญนี้พร้อมต้อนรับทุกคนให้มาสร้างช่วงเวลาสุดประทับใจบนเส้นทางแห่งการเดินทางร่วมกัน

     

    “เกีย” (Kia) เชื่อว่าพลังของการขับเคลื่อนสร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้ ซึ่งความเชื่อนี้ได้ถูกสะท้อนผ่านปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า ‘Movement that Inspires’ โดยในปีที่ผ่านมาเกียได้มีการเปิดตัว The Kia EV5 ผ่านแคมเปญ ‘ไม่กล้า ไม่เกิด – Make A Bold Move’ ที่ชวนทุกคนให้กล้าที่จะก้าวไปสู่สิ่งใหม่ เพื่อสานต่อแนวคิดดังกล่าว ในปีนี้ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จึงได้ริเริ่มแคมเปญ “THE BOLD JOURNEY” เชิญชวนครอบครัวรุ่นใหม่ พักจากการใช้ชีวิตปกติในทุกวันออกมาผจญภัย สำรวจความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามของประเทศไทยไปกับ The Kia EV5 ที่มีระยะทางวิ่งสูงสุด 665 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย มั่นใจได้ว่าทุกช่วงเวลาที่อยู่บนท้องถนนจะปลอดภัย สะดวกสบาย และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ซึ่งการร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเกียในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพราะ ‘เกีย’ เชื่อว่าการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่เรื่องของความตื่นเต้น แต่ควรสร้างความทรงจำอันงดงาม พร้อมรักษาเสน่ห์ของทุกจุดหมายปลายทางให้คงอยู่ตลอดไป โดยกิจกรรม The BOLD Destination จะพาผู้โชคดี 5 ครอบครัวร่วมโร้ดทริปไปยังเกาะมันใน จ. ระยอง สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งในภาคตะวันออก และเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นเกียได้เชิญ 10 ครอบครัวจาก เกีย พัทยา และ เกีย ระยอง มาร่วมเดินทางสุดพิเศษครั้งนี้ด้วย

    เจฟ ซาเตอร์ พรีเซนเตอร์ The Kia EV5 เล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อแคมเปญนี้ว่า “สำหรับผมการขับรถไม่ใช่แค่การเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง แต่เป็นการได้ใช้เวลาไตร่ตรองในเรื่องต่างๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง ผมชอบการเดินทางด้วยรถ ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียวหรือกับเพื่อน เพราะทุกการเดินทางคือโอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งผมเองก็เป็นเจ้าของ The Kia EV5 ที่พูดได้เลยว่านี่คือเพื่อนร่วมทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทาง ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางและออกแบบมาอย่างดีทำให้รู้สึกสะดวกสบายระหว่างการเดินทางไกล พื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างทำให้สามารถนำทุกอย่างที่ต้องการติดตัวไปได้ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเพิ่มเติมสำหรับทริปครอบครัวหรือสิ่งของจำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยง ความสูงของรถก็ทำให้ผมมั่นใจในการขับขี่บนถนนทุกประเภท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกการเดินทางของผมราบรื่นไร้กังวล สุดท้ายนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ‘THE BOLD JOURNEY’ เพราะผมเชื่อในพลังของการออกไปสำรวจโลกภายนอก และขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมผจญภัยไปกับแคมเปญฯ ก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน ยอมรับในความหลากหลายของครอบครัว และออกไปสัมผัสจุดหมายปลายทางสุด Unseen ในเมืองไทย ซึ่งจะทำให้ทุกการเดินทางของคุณเป็นความทรงจำที่น่าจดจำที่สุดกันครับ”

     

    แคมเปญ “THE BOLD JOURNEY” ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.The BOLD Destination กิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษไปสู่จุดหมายปลายทางสุด BOLD 2. The BOLD Honeymoon กิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับคู่รัก LGBTQ+ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเดือน Pride Month และ 3. The BOLD Friend กิจกรรมซีเอสอาร์สำหรับคนรักน้องหมา น้องแมวที่ร่วมกับมูลนิธิเดอะวอยซ์ โดยผู้ร่วมกิจกรรมสามารถแสดงความประสงค์รับเลี้ยงน้องหมา น้องแมว เพื่อนสุด BOLD จากมูลนิธิฯ สำหรับกิจกรรมแรก The BOLD Destination จะพาผู้โชคดี 5 ครอบครัวร่วมโร้ดทริปไปยังเกาะมันใน จ. ระยอง สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งในภาคตะวันออก และเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น เกียได้เชิญ 10 ครอบครัวจาก เกีย พัทยา และ เกีย ระยอง มาร่วมเดินทางสุดพิเศษครั้งนี้ด้วย ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://www.kia-campaign.com/EV5-bolddestination ได้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2568 เพื่อลุ้นรับสิทธิ์เป็นครอบครัวผู้โชคดีร่วมเดินทางแบบโร้ดทริปบนเส้นทางสุด BOLD ไปด้วยกันในวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2568 ติดตามความเคลื่อนไหว และรายละเอียดของทั้ง 3 กิจกรรมภายใต้แคมเปญ THE BOLD JOURNEY’ ได้ที่ช่องทาง Official ของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) : www.kia.com


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment
  • บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ร่วมกับ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ มอบประสบการณ์แห่งการเดินทางเหนือระดับด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7

    1 Min Read

    บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ร่วมกับ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ มอบประสบการณ์แห่งการเดินทางเหนือระดับด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7

    จากการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมในประเทศไทยติดต่อกัน เป็นปีที่ 5 พร้อมด้วยผลงานอันโดดเด่นในการครองส่วนแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้าโรงแรมถึง 70% ในปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สานต่อความสำเร็จด้วยการส่งมอบบีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport ให้แก่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ มอบทางเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมความสะดวกสบายเหนือระดับใจกลางกรุงเทพฯ ที่ผสมผสานความสะดวกสบายที่เหนือชั้นเข้ากับประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิร์สคลาส ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์ในการเดินทางที่แขกของโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ จะได้รับตลอดการเข้าพัก แต่ยังเป็นการผนึกกำลังของสองแบรนด์พรีเมียมที่ให้ความสำคัญกับการมอบคุณภาพระดับพรีเมียมและความมีสไตล์ในทุกการเดินทาง

    มร. เรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู และโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ครั้งนี้ว่า “ในฐานะผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยูมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การเดินทางและนวัตกรรมที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา ด้วยความสำเร็จในการนำเสนอบริการรถยนต์ระดับพรีเมียมให้แก่องค์กร เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงในด้านความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้นแก่แขกผู้เข้าพัก การส่งมอบบีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport ครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางของแขกผู้เข้าพักยังโรสวูดแห่งนี้ ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับการเดินทางด้วยความหรูหราที่ยั่งยืนและเทคโนโลยีที่ทันสมัย”

    บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบขนาด 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังรวมสูงสุด 360 กิโลวัตต์ / 489 แรงม้า และให้แรงบิดรวมสูงสุด 700 นิวตันเมตร มาพร้อมกับการออกแบบภายนอกที่สวยงามจากกระจังหน้า ‘Iconic Glow’ และชุดไฟหน้าคริสตัลสวารอฟสกี้ หรูหรา ภายในห้องโดยสารประกอบไปด้วยเบาะนั่งตอนหลังแบบ Executive Lounge พร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง และระบบบันเทิงที่ล้ำสมัย พร้อมหน้าจอ BMW Theatre Screen ขนาด 31.3 นิ้ว บนความละเอียดระดับ 8K และระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ Bowers & Wilkins ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและความบันเทิง

    โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ พร้อมมอบประสบการณ์ที่เกินความคาดหมายเสมอ ในฐานะผู้นำด้านความหรูหราในวงการโรงแรมของไทย โรงแรมสูง 30 ชั้นแห่งนี้เป็นผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรมใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ได้รับ แรงบันดาลใจจากท่า “ไหว้” อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสื่อถึงความอบอุ่นและการต้อนรับแบบไทย การออกแบบภายในผสมผสานสุนทรียศาสตร์ไทยร่วมสมัยเข้ากับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่หรูหรา ในฐานะโรงแรมแห่งที่ 27 ภายใต้ Rosewood Hotels & Resorts® โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ได้กลายเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่นของเมืองหลวงแห่งนี้ อย่างรวดเร็ว และยังสื่อถึงมรดกทางวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่า โดยได้รับการยกย่องจากสื่อท่องเที่ยวระดับโลกมากมาย รวมถึงรางวัลอันทรงเกียรติ Forbes Travel Guide Star Award ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นการยืนยันถึงชื่อเสียงในด้าน
    การบริการระดับโลก

    สิ่งที่ทำให้โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ แตกต่าง คือความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการให้บริการ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบีเอ็มดับเบิลยูในด้านการส่งมอบประสบการณ์การเดินทางแห่งอนาคต และความเป็นเลิศในยนตรกรรมระดับไฮเอนด์ ก่อนที่แขกจะเดินทางมาถึง จะได้รับการติดต่อจากฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของโรงแรม เพื่อปรับแต่งทุกรายละเอียดของ การเข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นการจองร้านอาหารสำหรับมื้อพิเศษ การปรับแผนการเดินทางให้ตรงตามความต้องการ หรือ การจัดทัวร์ส่วนตัว ทีมงานของโรงแรมพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้แขกทุกท่านได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและไร้กังวล ด้วยห้องพักที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันจำนวน 158 ห้อง รวมถึงสกายพูลวิลล่าที่มองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเทพฯ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ยังโดดเด่นด้วยองค์ประกอบที่บ่งบอกถึงการพักผ่อนอย่างหรูหรา ตั้งแต่ห้องพักที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงการบริการไร้ที่ติ แขกผู้เข้าพักยังสามารถผ่อนคลายที่ Sense, A Rosewood Spa ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล หรือลิ้มลองอาหารรสเลิศที่ร้านอาหารระดับโลกของโรงแรม สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของเมืองแห่งนี้ที่รู้จักกันว่าเป็น “The City of Angels”

    มิสซิส แซนดร้า วอเทอร์มาน กรรมการผู้จัดการ โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ กล่าวว่า “ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เราเชื่อมั่นในการสร้างประสบการณ์พิเศษซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแขกแต่ละท่าน และความมุ่งมั่นในการมอบความหรูหราที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย ความร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ในครั้งนี้ สะท้อนถึงปรัชญาดังกล่าว ด้วยการนำยนตรกรรมอันโดดเด่นเหล่านี้มาให้บริการ บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport จะช่วยให้เราสามารถขยายบริการสุดพิเศษสำหรับแขกแต่ละท่าน อันเป็นเอกลักษณ์ของเราออกไปนอกพื้นที่โรงแรม สร้างประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นตั้งแต่วินาทีแรกที่แขกของเรามาถึงกรุงเทพมหานคร ความร่วมมือครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความอบอุ่นแบบไทย ความหรูหราอย่างยั่งยืน และนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ของโรสวูดที่แขกของเราจะได้รับ”

    ความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย และโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ เป็นมากกว่าแค่การส่งมอบยานยนต์ นับเป็นการผสานนวัตกรรมยานยนต์เข้ากับการบริการระดับโลกอย่างไร้ที่ติ ด้วยยนตรกรรมที่ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตและเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของวงการ ซึ่งจะมาวางมาตรฐานใหม่ให้แก่ประสบการณ์การเดินทางอันหรูหรา บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport พร้อมให้บริการรับ-ส่งแขกวีไอพี ไม่ว่าจะเป็น จากสนามบินหรือการเดินทางภายในเมือง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกประสบการณ์การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น หรูหรา และน่าจดจำ


    ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย

    Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
    Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
    instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
    Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
    Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
    Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine


    No Comment