-
พีทีที สเตชั่น เข้าร่วมโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” จากกรมการค้าภายในครบ 100% ได้รับการรับรองระดับสีเงินมากที่สุดในประเทศ ตอกย้ำความเข้มข้นในการรักษามาตรฐานการให้บริการ “มั่นใจ เต็มลิตร ทุกปั๊ม”
พีทีที สเตชั่น ทุกสถานีทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นโครงการเสริมจากมาตรการทางกฎหมาย ผ่านการรับรองระดับสีเงิน 105 สถานี ถือเป็นแบรนด์สถานีบริการที่ได้รับการรับรองระดับสีเงินจำนวนมากที่สุด และมี พีทีที สเตชั่น ที่ผ่านการรับรองหัวจ่ายมาตรฐานแล้ว 2,167 สถานี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการและรออนุมัติ พิสูจน์ความมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสูงสุดให้กับผู้บริโภค
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า โครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” เป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง กรมการค้าภายใน ร่วมกับ บริษัทผู้ค้าน้ำมันทั้ง 10 บริษัท โดยให้สถานีที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องส่งรายงานผลการทดสอบน้ำมันของตน ให้กับกรมการค้าภายใน เดือนละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน และหลังจากนั้นให้ส่งรายงานผลการทดสอบน้ำมันให้กรมเดือนละครั้ง ทุกเดือน หากสถานีใดดำเนินการได้ถูกต้อง ครบถ้วน จะได้การยกระดับป้ายสัญลักษณ์เป็นสีเงิน (Silver) และหากปฏิบัติตามเงื่อนไขถูกต้องจนครบ 2 ปี จะได้รับการยกระดับป้ายสัญลักษณ์เป็นสีทอง (Gold) ตามลำดับ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่ใช้บริการจากสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศว่าจะได้ปริมาณถูกต้องครบถ้วนอย่างแน่นอน ปัจจุบันนี้มีสถานีที่สมัครและเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 6,793 สถานี และได้รับการอนุมัติเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 5,788 สถานี และมีสถานีที่ได้รับป้ายสีเงินแล้วทั้งสิ้น 211 สถานี
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า การเข้าร่วม “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ของกรมการค้าภายใน สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานและความตั้งใจของ OR ที่ให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานการให้บริการของ พีทีที สเตชั่น มาอย่างต่อเนื่องให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และเป็นตัวอย่างที่สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของ OR ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด และตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่าจะได้รับปริมาณน้ำมันเป็นไปตามมาตรฐานทุกหัวจ่ายตามที่กรมการค้าภายในกำหนด โดยปัจจุบัน สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทุกแห่งทั่วประเทศจำนวน 2,340 สถานี ได้สมัครเข้าร่วมโครงการครบถ้วนทั้งหมด 100% แล้ว โดยมีสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ได้รับการอนุมัติให้ผ่านการรับรองแล้ว 2,167 สถานี ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการและรออนุมัติ และยังมีสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ได้รับการรับรองระดับสีเงิน ซึ่งเป็นสถานีบริการที่รักษามาตรฐานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน จำนวน 105 แห่ง จากจำนวนสถานีบริการทุกแบรนด์ที่ได้รับการรับรองระดับเงินทั้งหมดทั่วประเทศ จำนวน 211 แห่ง ซึ่งถือเป็นแบรนด์สถานีบริการน้ำมันที่ได้รับมาตรฐานในระดับนี้จำนวนมากที่สุดในประเทศ และอยู่ระหว่างการการมุ่งสู่การรับรองระดับสูงสุดคือระดับสีทองที่ต้องรักษามาตรฐานต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี อีกด้วย
ทั้งนี้ OR มีหน่วยงานตรวจสอบมาตรฐานการให้บริการของสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ (Mobile Unit) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับทั้งสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานสูงสุด และที่ผ่านมา OR ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และนำส่งรายงานการตรวจสอบให้กองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นประจำทุกเดือน และหากพบว่ามีค่าที่ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดจะปิดการจำหน่ายหัวจ่ายนั้น ๆ ทันที และประสานงานแจ้งเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ และให้คำรับรองมาตรวัดปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ก่อนที่จะเปิดจำหน่ายอีกครั้ง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เอ็มจี เสริมทัพ NEW MG4 เสิร์ฟความสนุก เร้าใจ ครั้งใหม่ ที่ชาร์จไว และขับไกลมากยิ่งขึ้นกับ LONG RANGE รุ่น D ในราคาพิเศษเพียง 719,900 บาท
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น ด้วยการเสริมทัพเติมทางเลือกยนตรกรรมในกลุ่มอีวี เปิดตัว NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D เพื่อต่อยอดความสำเร็จของ NEW MG4 ที่ได้รับการยอมรับในฐานะโกลบอลอีวี การันตีด้วยรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งใน
และต่างประเทศ NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D มาพร้อมกับจุดเด่นของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุดในคลาสเดียวกัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) ที่สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC และรองรับการชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 140 kW พร้อมทั้งยังมีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ความสนุกในการขับขี่ และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มอบทั้งประสิทธิภาพการขับขี่เอาไว้ในคันเดียว พร้อมให้คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่ายแบบสบายกระเป๋าด้วยราคาพิเศษเพียง 719,900 บาท จากราคาปกติ 769,900 บาท ทั้งยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่กล้าการันตีความมั่นใจด้วย LIFETIME WARRANTY ที่รับประกันคุณภาพ “ตลอดอายุการใช้งาน แบบไม่จำกัดปี ไม่จำกัดระยะทาง” ของแบตเตอรี่ พร้อมทั้งชุดมอเตอร์และชุดควบคุมขับเคลื่อน โดย เอ็มจี พร้อมทยอยส่งมอบรถ NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D ให้แก่ลูกค้าตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไปสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ขับสนุกอย่างไร้ขีดจำกัด กับ NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D
ที่มอบทั้งความมั่นใจและความสะดวกสบายในทุกเส้นทางNEW MG4 เป็นรถแฮทช์แบ็คไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลังของ เอ็มจี โดยถือเป็นโกลบอลอีวีรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถอีวี มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็นต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุก ด้วยจุดเด่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ตัวถังที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension ซึ่งทำให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะการขับขี่ และการควบคุมที่ดีเยี่ยม เหนือกว่าด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) พร้อมกับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ โดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของของยนตรกรรมรุ่นนี้ และเพิ่มทางเลือกให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัว NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นของ NEW MG4 ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นในทุกมิติ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) ที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุดในคลาสเดียวกัน ด้วยระยะทางสูงสุดถึง 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC และรองรับการชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาเพียง 26 นาที ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 140 kW (ความเร็วในการชาร์จขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และกำลังไฟของสถานีชาร์จนั้น ๆ)
NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ คือ สีส้มหลังคาดำ (Fizzy Orange/ Black Top) สีขาวหลังคาดำ (Arctic White/ Black Top) สีเทาหลังคาดำ (Andes Grey/ Black Top) สีดำ (Black Knight/ Black Top) และสีฟ้าหลังคาดำ (Sol Blue/ Black Top) ภายในมีสีดำล้วน
จัดจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 719,900 บาท จากราคาปกติ 769,900 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2568 นี้เท่านั้น
- พิเศษ! ดอกเบี้ยพิเศษ 99% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์เริ่มต้นที่ 25%
- ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
- รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุ การใช้งาน (LIFETIME WARRANTY)
- ฟรี! MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง จำนวน 1 ชุด
- ฟรี! ชุดพรมปูพื้น
NEW MG4 ไม่เพียงแต่เป็นยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน แต่ยังมาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์สำคัญของแบรนด์ เอ็มจี ที่ช่วยคลายความกังวลใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับความทนทานของระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ NEW MG4 ยังได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2023 และรางวัล Best Family Car จาก UKCOTY รวมถึงได้รับการยอมรับในระดับสากลจากเว็บไซต์ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์อีวี และยังเป็นโมเดลที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก Euro NCAP (European New Car Assessment Programme) ด้วยเช่นเดียวกัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เอ็มจี มุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคไว้ได้ในทุกด้าน และสะท้อนถึงความตั้งใจในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่ง NEW MG4 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลภาคภูมิใจของแบรนด์ เอ็มจี ที่ประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายสะสมในประเทศไทยรวมแล้วกว่า 13,000 คัน และยอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 200,000 คัน โดยการเพิ่ม NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D เข้าสู่ตลาดอีวีไทยในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงยังเป็น “การเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า” ให้กับลูกค้าชาวไทยที่มองหารถที่สามารถมอบทั้งการขับขี่ที่ขับสนุก ชาร์จได้ไว ขับได้ไกลแบบไม่ต้องกังวล สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมและทดลองขับ NEW MG4 LONG RANGE รุ่น D ได้ที่ศูนย์บริการคุณภาพของ เอ็มจีมากกว่า 140 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มาสด้าอัปสกิลจัดแข่งขัน MAZTECH THAILAND ประจำปี 2567 ยกระดับมาตรฐานการบริการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า
มาสด้าเป็นมากกว่าแบรนด์ที่จำหน่ายรถยนต์ เป็นผู้ที่มีความรักในรถยนต์ และต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนที่รักรถ เพื่อส่งมอบความสุขในการขับขี่ให้กับลูกค้าทุกคน โดยมีเป้าหมายคือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ลูกค้ารักและมองหา เป็นแบรนด์ที่สร้างความเชื่อมโยงทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก เพื่อมอบประสบการณ์ความสุขในการขับขี่จนพัฒนาเป็นความสุขในการใช้ชีวิต และกลายเป็น “ส่วนหนึ่งของชีวิตที่เติมเต็มความหมาย” มาสด้าจึงจัดการแข่งขันทักษะด้านการบริการลูกค้า หรือ MAZTECH Thailand ประจำปี 2567 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดพนักงานฝ่ายบริการหลังการขายที่มีความเป็นเลิศใน 3 ประเภท คือ ประเภทช่างเทคนิค ที่ปรึกษาด้านการบริการ และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจของแบรนด์มาสด้า เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการตามแนวทางการบริหารคุณค่าแบรนด์ (Mazda Brand Value Management) เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะและส่งเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งให้บุคลากรของผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ ด้วยปณิธานที่มุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถ โดยคัดเลือกสุดยอดบุคลากรจากทั่วประเทศด้วยการทดสอบที่เข้มข้นให้เหลือเพียง 30 คน เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยการแข่งขันจัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า
นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวเปิดงาน MAZTECH Thailand ว่าเป็นกิจกรรมที่มาสด้าจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและต่อเนื่องมาเป็นเวลา 19 ปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักสำคัญ คือ การยกระดับมาตรฐานการให้บริการตามแนวทางการบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า Mazda Brand Value Management อันสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาและแนวคิด PPV ประกอบด้วย Purpose เจตนารมณ์และเหตุผลในการดำรงอยู่ของมาสด้า Promise คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้า และ Values การสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะ ทั้งสามส่วนนี้คือแกนหลักในการส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุดตลอดระยะเวลาครอบครองรถ จนกระทั่งกลับมาซื้อซ้ำหรือซื้อเพิ่มเติม อันเป็นเป้าหมายของแบรนด์ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ที่มาสด้ามุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ในทุกกระบวนการของการทำงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจ รวมถึงเติมเต็มคุณค่าในทุกเส้นทางและทุกการใช้ชีวิตของลูกค้า
ปัจจุบันมาสด้ามีผู้จำหน่ายทั้งหมด 84 โชว์รูม สามารถรองรับลูกค้าเข้ารับบริการได้ถึง 700,000 คันต่อปี หรือ 57,000 คันต่อเดือน โดยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีจำนวน 19 โชว์รูม สามารถรองรับปริมาณลูกค้าเข้ารับบริการได้ถึง 250,000 คนต่อปี หรือ มากกว่า 20,000 คันต่อเดือน ส่วนต่างจังหวัดมีผู้จำหน่ายอยู่ทั้งหมด 65 แห่ง สามารถรองรับปริมาณการบริการได้สูงสุด 450,000 คันต่อปี หรือ มากกว่า 37,000 คันต่อเดือน พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะมาเข้ารับบริการได้เพียงพอและครอบคลุมทั่วประเทศ
การจัดแข่งขัน MAZTECH Thailand ประจำปี 2567 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรฝ่ายบริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ได้มีโอกาสพัฒนาขีดความสามารถของตนเอง และเพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และนำเอาองค์ความรู้ที่ได้รับจากการแข่งขันกลับไปดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงให้คำแนะนำและการช่วยเหลือลูกค้าให้เกิดความสบายใจไร้ความกังวลในทุกครั้งที่กลับเข้าศูนย์ฯ ด้วยคุณภาพการบริการที่ได้มาตรฐานและใส่ใจในทุกรายละเอียด อีกทั้งสามารถแก้ไขปัญหาได้ครบจบในครั้งแรก ที่สำคัญยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเป็นตัวแทนจากประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันทักษะด้านบริการในระดับนานาชาติต่อไป โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา มีผู้ผ่านเข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกทั้งหมด 188 คน จากบุคลากรของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็นช่างเทคนิค 66 คน ที่ปรึกษาด้านการบริการ 61 คน และเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ 61 คน ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจำนวน 10 คน ในแต่ละประเภท จะได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ณ ศูนย์ฝึกอบรมมาสด้า โดยผู้ที่ชนะเลิศในการแข่งขันแต่ละประเภทประจำปี 2567 มีดังต่อไปนี้
ประเภท ช่างเทคนิค
ชนะเลิศ : นาย ภาณุพงษ์ คมขำ บริษัท มาสด้า ชลบุรี จำกัด (มหาชน) – ประดิษฐ์มนูธรรม
รองชนะเลิศ อันดับ 1: นาย ณัฐนันต์ พวงทอง บริษัท นที ยูนิตี้ มอเตอร์ จำกัด – ราชพฤกษ์
รองชนะเลิศ อันดับ 2: นาย อนุพงษ์ มูลอ้าย บริษัท 14 ออโตโมทีฟ จำกัด
ประเภท ที่ปรึกษาด้านบริการ
ชนะเลิศ : นางสาว วรรนิสา นาคพลี บริษัท แอลบาทรอส ออโต้ จำกัด
รองชนะเลิศ อันดับ 1: นางสาว สาวิตรี ไพรศรี บริษัท มาสด้าเชียงใหม่ จำกัด
รองชนะเลิศ อันดับ 2: นางสาว วันวิสา เพ็ชรประเสริฐ บริษัท มาสด้า มหาราช จำกัด
ประเภท เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์
ชนะเลิศ : นางสาว ฐิติมา แสงรอด บริษัท วีเอ็มดี ออโต้เซลส์ จำกัด
รองชนะเลิศ อันดับ 1 : นางสาว ศศิธร น้อยวิไล บริษัท 14 ออโตโมชั่น จำกัด
รองชนะเลิศ อันดับ 2 : นางสาว จุฑามาศ รักธรรม บริษัท ดุสิตออโต้เซลส์ จำกัด
มร. ทาเคชิ มิคามิ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวในพิธีมอบรางวัล MAZTECH Thailand ในปีนี้ว่า “มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศการแข่งขัน MAZTECH Thailand ประจำปี 2567 ขอขอบคุณในความมุ่งมั่นเพื่อส่งมอบประสบการณ์บริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้าของเราเสมอมา รวมถึงผู้บริหารของผู้จำหน่ายฯ ที่ให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ตามปณิธานของมาสด้า คือ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่นำมาซึ่งประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตในทุกมิติ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท สำหรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ ผมชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทุกคนมุ่งมั่นฝึกฝนพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ เชื่อว่าทุกคนล้วนมีหัวใจรักในการบริการ เพราะเราล้วนมีสปิริตเดียวกัน นั่นคือ Challenger Spirit อันเป็นสิ่งหล่อหลอมให้พวกเราชาวมาสด้าเดินหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ ผนวกกับจิตวิญญาณการให้บริการที่เอาใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียงแค่กระบวนการทำงานที่ได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขยายครอบครัวมาสด้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน อันเกิดจากความมุ่งมั่นที่แท้จริง แล้วเราจะประสบความสำเร็จในอนาคตไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน
“มาสด้าขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ามาสด้าในทุก Touchpoint ยกระดับประสบการณ์ด้านการบริการให้กับลูกค้าทุกคน และมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแบบครบวงจร นับแต่วันแรกที่แบรนด์มาสด้าได้มีโอกาสทำความรู้จักกับลูกค้า ตั้งแต่ก่อนที่ลูกค้าจะซื้อรถ ตลอดจนการบริการหลังการขาย หรือการกลับมาซื้อซ้ำในครั้งต่อๆ ไป เพื่อแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นรถยนต์คู่ใจของทุกคนในครอบครัว” มร. ทาเคชิ มิคามิ กล่าวเพิ่มเติม
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนลูกค้าร่วมปลูกปะการัง กับทริปสุดพิเศษ ‘THE EXCLUSIVE STORY – EP.4 D[R]IVE FOR REVIVAL’
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ชวนลูกค้าร่วมปลูกปะการัง กับทริปสุดพิเศษ ‘THE EXCLUSIVE STORY – EP.4 D[R]IVE FOR REVIVAL’ ณ ปลายแหลมแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตอกย้ำแนวคิด ‘Everyday Adventure’ เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าได้สนุกกับทุกการเดินทาง พร้อมสะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมของแบรนด์
นางสาวริสึโคะ คาเนะโคะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรมการบริการ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กิจกรรมนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าได้สนุกกับทุกการเดินทาง ด้วยรถยนต์คุณภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของเรา ที่เป็นเสมือนเพื่อนร่วมทาง พร้อมลุยไปกับคุณในทุกที่ มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เติมเต็มความสนุกเร้าใจให้กับการขับขี่ในทุกๆ วัน ภายใต้แนวคิด ‘Everyday Adventure’ และสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานเพื่อสังคมของเราในด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”
กิจกรรมครั้งนี้เริ่มจากการบรรยายพิเศษ โดยผู้เชี่ยวชาญของค่ายวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ เพื่อมอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีววิทยาของปะการัง ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมของแนวปะการัง และแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล พร้อมการฝึกอบรมการใช้อุปกรณ์ดำน้ำตื้นและเทคนิคการดำน้ำพื้นฐาน ก่อนออกเดินทางสู่ทะเลเพื่อร่วมกิจกรรมการปลูกและฟื้นฟูแนวปะการัง
หลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ผู้เข้าร่วมงานยังได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มและของว่าง พร้อมชมวิวทะเลที่สวยงามที่ร้าน Palyn Cafe & Eatery Samaesarn คาเฟ่ชื่อดังในสัตหีบ ก่อนร่วมงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำสุดพิเศษ พร้อมด้วยดนตรีสด และกิจกรรมความสนุกอีกมากมาย
นายพีรภัทร ศรีประมาณ เจ้าของรถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี กล่าวว่า “ถึงแม้จะเคยร่วมกิจกรรม CSR หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนชาวมิตซูบิชิ รู้สึกประทับใจและสนุกมากครับ ผมให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว และก่อนตัดสินใจซื้อรถก็เคยเปรียบเทียบกับ EV แต่เนื่องจากไม่สะดวกที่จะติดตั้งที่ชาร์จ จึงมองว่ารถ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้มากกว่า ทั้งในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความประหยัดน้ำมัน ชอบที่สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่ได้ โดยส่วนใหญ่ผมใช้ Normal กับ EV Mode ที่ช่วยให้การขับขี่ประหยัดพลังงานมากขึ้นครับ”
นายศุภทิน รอดแก้ว อีกหนึ่งลูกค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม เจ้าของรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต กล่าวว่า “ปกติผม เดินทางบ่อย ทั้งกลับบ้านที่ตรังและสุราษฎร์ รวมถึงเที่ยวทะเลแถวบางแสนและพัทยา ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกิจกรรมกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และประทับใจมาก ทีมงานดูแลดีและเป็นกันเองสุดๆ แสมสารเป็นทะเลอีกหนึ่งที่ ที่สวยงามมาก มีจุดดำน้ำและสามารถชมปะการังได้ นับเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับผม ส่วนตัวที่เลือกใช้รถ ปาเจโร สปอร์ต เพราะตอบโจทย์การเดินทางของครอบครัว และกำลังวางแผนจะมีลูก เลยต้องการรถที่มีพื้นที่กว้างขวางขึ้น อีกทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ ก็ช่วยให้ขับขึ้นเขาหรือเดินทางในหลากหลายสภาพถนนได้มั่นใจยิ่งขึ้น”
ลูกค้าและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH หรือติดต่อเพื่อขอทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ แบงค็อก เชิญ Friends of Prestige ร่วมสัมผัส New Continental GT Speed กับนิยาม the First Everyday Supercar ของคนรุ่นใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ AAS House
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จับมือ Prestige Thailand นิตยสารไลฟ์สไตล์หรูชื่อดัง เชิญ Friends of Prestige แขกผู้นำคนรุ่นใหม่จากหลากหลายแวดวงแถวหน้าของเมืองไทย ร่วมสัมผัส New Continental GT Speed สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์โฉมใหม่ที่นิยามความเป็น the First Everyday Supercar สำหรับผู้นำคนรุ่นใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยได้รับเกียรติจาก คุณ อภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป พร้อมด้วย คุณธนาธิป สุขพูล ผู้จัดการฝ่ายขาย เบนท์ลีย์ แบงค็อก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ขึ้นกล่าวต้อนรับในบรรยากาศที่แขกผู้มีเกียรติได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมเวิร์คช็อปการทำพวงกุญหนังในแบบเฉพาะตัว ณ AAS House แกลเลอรีสุดหรูสำหรับชาวซิตี้ไลฟ์สไตล์ที่นำเสนอยนตรกรรมระดับพรีเมียมจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกภายใต้ AAS Group เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เบนท์ลีย์ แบงค็อก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวเปิดงาน พร้อมเผยถึงจุดเด่นของ the First Everyday Supercar รุ่นนี้ว่า “New Continental GT มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัยยิ่งขึ้น สะท้อนความเป็น the First Everyday Supercar รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้นำคนรุ่นใหม่ ผู้ที่ชื่นชอบในสมรรถนะความสปอร์ตและเสน่ห์การขับขี่ในแบบแกรนด์ ทัวเรอร์ด้วยหัวใจสำคัญอย่าง สมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์และเทคโนโนโลยีแบบแกรนด์ ทัวเรอร์ แต่ยังคงรักษาเสน่ห์ของงานฝีมือแบบฉบับรถยนต์เบนท์ลีย์ไว้อย่างครบถ้วน”
แขกผู้มีเกียรได้สัมผัสกับ New Continental GT Speed ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านงานดีไซน์ที่ถือเป็นการปฏิวัติการออกแบบของรถยนต์เบนท์ลีย์ในรอบสองทศวรรษด้วยการออกแบบไฟหน้าเดี่ยวในลักษณะ ‘คิ้ว’ แนวนอนแบบใหม่ พร้อมด้วยเอฟเฟกต์เพชรเจียระไนด้านบนกรอบไฟ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้รูปลักษณ์ของ New Continental GT มีการแสดงออกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากการแสดงออกของเสือนักล่า ไฟท้ายยังมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ด้วยกราฟิกที่กว้างขึ้นทอดยาวตามแนวฝากระโปรงหลัง พร้อมกับการตกแต่งด้วยลวดลายเพชรแบบ 3 มิติตลอดรูปทรง โดยเมื่อส่องสว่าง ส่วนปลายของเพชรจะเห็นได้อย่างเด่นชัด ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ภาพเสมือนลาวาหลอมเหลว นอกจากนี้ การตกแต่งภายในห้องโดยสารยังสะท้อนถึงความประณีตและความละเอียดอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ด้วยการออกแบบภายในแบบใหม่หมดจดที่ให้ความรู้สึกที่ร่วมสมัยและสปอร์ตยิ่งขึ้น โดยมีเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารที่ล้ำสมัยอย่างคุณสมบัติเบาะโดยสารแบบ Wellness พร้อมด้วยระบบกรองอากาศด้วยการสร้างไอออนในอากาศแบบอัจฉริยะและตัวเลือกการปรับท่าทางบนเบาะโดยสารทั้ง 4 ที่นั่งแบบอัตโนมัติ ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้นำคนรุ่นใหม่ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้น การออกแบบที่สปอร์ตและโฉบเฉี่ยว พร้อมด้วยเทคโนลียีการขับขี่ที่ล้ำสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกเหนือจากการสัมผัส New Continental GT Speed แขกภายในงานยังได้ประทับใจกับการต้อนรับด้วยเครื่องดื่มที่จับคู่กับเมนูคานาเป้ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยเชฟจาก Your Kitchen Catering by YUU ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศที่นำเข้าโดย CTI Food Supply พร้อมเพลิดเพลินไปกับดีเจที่ได้มามิกซ์เพลงให้แขกได้เอ็นจอยตลอดทั้งงาน และกิจกรรมเวิร์คช็อปการทำพวงกุญหนังพรีเมียมที่สามารถเลือกรูปทรง เฉดสี และการตกแต่งด้วยตัวอักษรในแบบเฉพาะตัว สะท้อนความหรูหรา งานฝีมือ และการออกแบบเฉพาะบุคคลที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์เบนท์ลีย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับการเปิดรับคำสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น New Continental GT Speed และ New Continental GTC Speed เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตที่มาพร้อมกับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต บริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) และ Service Package นาน 3 ปีเต็ม พร้อมสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
ยลโฉม New Continental GT Speed อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่จะนิยาม ‘Start Something Powerful’ ด้วยสมรรถนะอันเหนือชั้นระดับซูเปอร์คาร์และการตกแต่งด้วยงานฝีมือชั้นสูง ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์คาร์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์ เผยโฉมให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ AAS House บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 10:00 – 20:00 น.
ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้าชมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
OMODA & JAECOO ผนึกกำลัง BOI จัดงาน OMODA & JAECOO Sourcing Day เฟ้นหาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย มุ่งพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไทยสู่ระดับโลก
OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ภายใต้บริษัท Chery Automobile ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลก ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จัดงาน “Sourcing Day” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมรับทราบนโยบายการจัดซื้อและเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจโดยตรงกับบริษัทฯ โดยได้รับเกียรติจากนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และนายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ณ ห้อง Cattleya โรงแรม Rama Gardens Hotel Bangkok
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า “กิจกรรม Sourcing Day เป็นงานที่ บีโอไอให้ความสำคัญ เพื่อผลักดันการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ผ่านการเชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงซัพพลายเชนระดับโลก และเกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิต การจัดการ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอาจนำไปสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจหรือการร่วมทุนกันในอนาคต การร่วมมือกับบริษัท ระดับโลกอย่าง Chery Automobile (OMODA & JAECOO) ในวันนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และช่วยยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก”
ภายในงานมีผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวน 370 คน จาก 200 บริษัท โดยมี 50 บริษัทที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจโดยตรงกับ OMODA & JAECOO ในรูปแบบ Business Matching รวมทั้งสิ้น 50 คู่เจรจา ทั้งนี้ คาดว่าการเจรจาธุรกิจในครั้งนี้จะสร้างมูลค่าการซื้อขายชิ้นส่วนในประเทศรวมกว่า 2,100 ล้านบาท
OMODA & JAECOO ตั้งเป้าที่จะดึงดูดผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำในของประเทศไทย ทั้งในด้านคุณภาพและความเชี่ยวชาญ เพื่อนำเทคโนโลยียานยนต์ขั้นสูงมาสู่ประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการสรรหาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สำคัญในหลากหลายกลุ่ม ได้แก่ Chassis, Electrical, Exterior, Tire repair kit, New Energy, Powertrain, Interior และ Kit set โดยตั้งเป้าอัตราการผลิตในประเทศ 45% ภายในปีนี้ และเพิ่มมากขึ้นถึง 60% ภายใน 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องไปกับการขยายตัวของระบบนิเวศชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศไทย
นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า “OMODA & JAECOO รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้จัดงาน Sourcing day ร่วมกับ BOI ขึ้นในครั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งผ่านการเจรจาธุรกิจในงาน Sourcing Day นี้ ด้วยผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยมีศักยภาพและนวัตกรรม ทำให้เรามองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการร่วมงานกับอุตสาหกรรมท้องถิ่นของไทย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งตลาดภายในประเทศและระดับสากล ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสำคัญกับงานนี้ และเราหวังว่าวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล”
นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความพร้อมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยว่า “ความคืบหน้าความพร้อมของโรงงานเรา ในตอนนี้เราได้โรงงานผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งอยู่ที่อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ด้วยพื้นที่ขนาด 104 ไร่ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่วางแผนไว้ทั้งสิ้นราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเริ่มการผลิตได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ด้วยเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 50,000 คันในเฟสแรก และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571 เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชีย”
โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตแบบ Completely Knocked Down (CKD) โดยเริ่มจาก JAECOO 6 EV ในช่วงแรก และจะขยายไปสู่ทุกรุ่นหลังจากปี 2571 พร้อมติดตั้งหุ่นยนต์เชื่อมสำหรับการเชื่อมอลูมิเนียมที่แม่นยำ นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีแผนลงทุนในผลิต ยานยนต์ ทั้งขยายกำลังการผลิตและโมเดลไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของ Chery Group และการจัดตั้งโรงพ่นสีภายในปี 2570 และทางเราได้มีการวางแผนจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทยภายใน 3 ปีข้างหน้า รวมถึงการให้ความสำคัญในการจัดจ้างงานสำหรับการทำงานในโรงงานนี้โดยเริ่มต้นจะเป็นแรงงานไทย 150 คนสำหรับการทำงานกะเดียว และจะขยายโรงงานและอัตราการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยด้วย
“เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงในระดับสากล ประกอบกับวิสัยทัศน์ของ OMODA & JAECOO ที่มุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในเอเชีย เรามองว่านี่คือโอกาสสำคัญในการสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ ให้ก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งของซัปพลายเชนระดับโลก และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคการส่งเสริมการพัฒนาแรงงาน ในประเทศอย่างยั่งยืน” นายพิชญุตม์ กล่าวทิ้งท้าย
การจัดงานครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในประเทศได้มีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ในวงการรถยนต์
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ปอร์เช่ ประเทศไทย ร่วมงาน Surf Paradise เปิดประสบการณ์ใหม่แห่งยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ผสานความเร็ว สมรรถนะ และไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต
ปอร์เช่ ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยการเข้าร่วม Surf Paradise งานแข่งขันของเหล่าเซิร์ฟเวอร์ผู้หลงใหลในคลื่นและความเร็ว ที่ผสานจิตวิญญาณแห่งไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย พร้อมนำเสนอสมรรถนะอันทรงพลังตามแบบฉบับของปอร์เช่ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า ที่ทั้งแรง เร้าใจ และสะดวกสบายในการใช้งาน หมดกังวลเรื่องจุดชาร์จ ตอบโจทย์การเดินทางอย่างไร้ขีดจำกัด อีกทั้งยังสะท้อนแนวคิดด้านความยั่งยืนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่อย่างลงตัว ปูทางสู่อนาคตแห่งการขับขี่ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและประสบการณ์เหนือระดับ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปอร์เช่ ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยการนำยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าร่วมจัดแสดงในงาน Surf Paradise ณ Pineapple Beach, หัวหิน งานแข่งขันเซิร์ฟระดับไอคอนิกที่รวมตัวเหล่านักโต้คลื่นผู้หลงใหลในความเร็วและธรรมชาติ โดยปอร์เช่ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย ผ่านยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 2 รุ่นเด่น Macan Turbo และ Taycan 4 Cross Turismo ที่สะท้อนสมรรถนะเหนือระดับ พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง
ปอร์เช่ตอกย้ำแนวคิด “E-Performance” ด้วยการจัดแสดงยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 2 รุ่นเด่น ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นสายลุย สายสปอร์ต หรือผู้ที่มองหาความหรูหราและความยั่งยืน
มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) มอบพิสัยการขับขี่ไกลถึง 590 กิโลเมตร (WLTP) พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินทางไลฟ์สไตล์แอ็กทีฟทั้งครอบครัว ไทคานน์ 4 ครอส ทัวริสโม่ (Taycan 4 Cross Turismo) มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนใหม่ แบตเตอรี่ Performance Battery Plus ที่พัฒนาขึ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพิ่มพลังขับเคลื่อนถึง 80 กิโลวัตต์ ขณะเดียวกันยังมีน้ำหนักเบาลง 10.4 กิโลกรัม ส่งผลให้ Taycan ใหม่ เร่งความเร็วได้เร็วยิ่งขึ้น และรองรับระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 678 กิโลเมตร (WLTP)
เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย ปอร์เช่ ประเทศไทย พร้อมรองรับการชาร์จด้วยเครือข่าย Porsche Destination Charging ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และ Shell Recharge พาร์ทเนอร์ด้านพลังงานที่ให้บริการสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจร ทำให้เจ้าของปอร์เช่สามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจไร้กังวล
การเข้าร่วมงาน Surf Paradise ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของปอร์เช่ ประเทศไทย ในการนำเสนอยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ผสานสมรรถนะอันทรงพลัง ความสะดวกสบาย และความยั่งยืน เข้าด้วยกัน พร้อมขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทางด้วย เทคโนโลยีล้ำสมัย และประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด ค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ของยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าปอร์เช่ แล้วร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่อนาคตได้แล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายทดลองขับ ได้ที่ศูนย์บริการปอร์เช่ทุกสาขา
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
อย่าให้โซเชียลตัดสินแทนคุณ! PTT Station ชวนรับชมโฆษณาชุดใหม่กระตุ้นผู้บริโภค “อย่าเชื่อเพียงแค่เสียงในโซเชียล จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง”
พีทีที สเตชั่น เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ชวนคิด ภายใต้การตั้งคำถาม “คุณจะเลือกเชื่อโซเชียล หรือพิสูจน์ด้วยตัวเอง?” ตอกย้ำด้วยเนื้อหา “เต็มแน่นอนครับพี่ เพราะหัวจ่ายของเราเข้าร่วมโครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐานกรมการค้าภายใน ตรวจสอบทุกเดือน” นำเสนอแนวคิดการบริโภคอย่างมีวิจารณญาณในยุคที่ความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียสามารถกำหนดทิศทางของผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าและบริการ ทั้งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ด้วยตนเอง
ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้นำเสนอในมุมมองที่แตกต่าง โดยจำลองให้ “เสียงในโซเชียล” กลายเป็นตัวละครที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ถกเถียง และตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ พีทีที สเตชั่น แม้ยังไม่เคยมีประสบการณ์ใช้งานจริง ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่อาจเชื่อข้อมูลจากแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่าการทดลองและพิสูจน์ด้วยตัวเอง และเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้น พีทีที สเตชั่น จึงเน้นย้ำถึงมาตรฐานของสถานีบริการน้ำมัน ด้วยข้อมูลที่ตรวจสอบได้จริง อาทิ “เติมไม่เต็มลิตร?” ไม่เป็นความจริง เนื่องจากหัวจ่ายของ พีทีที สเตชั่น เข้าร่วมโครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน และผ่านการตรวจสอบทุกเดือน และถึงแม้จะมีข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ยังมีบางส่วนในสังคมออนไลน์ที่พยายามหาข้อมูลมาสนับสนุนความเชื่อของตน สะท้อนผ่านฉากที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์อย่าง คุณอู๋ Spin9 ออกมายืนยันข้อเท็จจริง แต่กลับถูกตั้งคำถามว่าเป็น บัญชีปลอม หรือแม้กระทั่ง AI
พร้อมกันนี้ทาง พีทีที สเตชั่น ยังสอดแทรกการนำเสนอน้ำมันทั้ง 2 สูตร ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม สายประหยัด ต้องลอง XTRA SAVE สูตรใหม่ ไปได้ไกลกว่าถึง 35 กิโลเมตร/ถัง (จากผลการทดสอบโดยสถาบันนวัตกรรมปตท.และสถาบันยานยนต์) ส่วนสายแรง ต้องโดน SUPER POWER น้ำมันเกรดพรีเมียม สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูง พร้อมช่วยทำความสะอาดเครื่องยนต์ ไปได้แรงกว่า ด้วยสารเติมแต่งระดับโลก
สุดท้ายนี้ อย่าให้เพียงแค่คอมเมนต์หรือความเห็นในโซเชียลมีเดีย ตัดสินทุกอย่างแทนคุณ แต่ควรทดลองและพิสูจน์ด้วยตัวเอง ดูโฆษณาสุดแสบที่กระแทกใจคนยุคนี้ได้ที่: https://youtu.be/Mg8NZZASVVM?si=QLpCSnCfdNPedRUk
ติดตามโปรโมชันและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่ Facebook Fanpage: PTT Station หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1365 Contact Center
#เติมเต็มทุกความสุข #พีทีทีสเตชั่น #PTTStation #XTRASAVE #SUPERPOWER
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
RIDDARA เตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานเพิ่ม 4 แห่ง ในไตรมาสแรก พร้อมหาพันธมิตรทางธุรกิจขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย ตั้งเป้า 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้
RIDDARA (ริดดารา) เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์การขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จับมือพันธมิตรทางธุรกิจลุยเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง 4 แห่ง ภายในไตรมาสแรก ประเดิมเปิด RIDDARA AKAYAR (ริดดารา เอคยาร์) เพื่อให้บริการลูกค้าย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยตั้งเป้า 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้
RIDDARA AKAYAR โชว์รูมและศูนย์บริการทันสมัยย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน RIDDARA AKAYAR ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ RIDDARA ในการยกระดับมาตรฐานทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขายของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สำหรับ RIDDARA AKAYAR เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการลูกค้า ที่ตั้งอยู่ในย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับ อัตลักษณ์ของแบรนด์ RIDDARA โดยเน้นความทันสมัยและให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก โดยโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งนี้พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ทั้งด้านการจัดแสดงรถ รถทดลองขับ การให้คำปรึกษาด้านการขายโดยเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านการอบรมตามมาตฐานของบริษัท รวมไปถึงศูนย์บริการที่พร้อมให้บริการตรวจเช็คสภาพรถ บริการบำรุงรักษาและ และการซ่อมบำรุงจากช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในทุกครั้งที่เข้ารับบริการ
มร. หลิว ไห่โจว (Mr.Liu Haizhou) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำถึงความมุ่งมั่นของ RIDDARA ในการดำเนินงานในประเทศไทยว่า “RIDDARA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขายและการบริการหลังการขายเป็นหัวใจสำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า โดยในไตรมาสแรกของปีนี้เราจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานเพิ่ม 4 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปทุมธานี และเชียงใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น RIDDARA ยังมีแผนงานในระยะยาวเพื่อยกระดับโชว์รูมและศูนย์บริการให้ทันสมัย มุ่งมั่นที่จะเพิ่มจำนวนช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของ RIDDARA และเตรียมสำรองอะไหล่ให้พร้อม ตลอดจนการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าของเราและรองรับการเติบโตของตลาดยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
เปิดรับนักลงทุนรองรับแผนการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
มร. หลิว ไห่โจว กล่าวเสริมว่า RIDDARA ยังคงเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อรองรับแผนขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มเติมในทุกภูมิภาคด้วยเป้าหมาย 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ฝ่าย Network Development หมายเลขโทรศัพท์ 091-495-5522 หรือ อีเมล riddara.th.business@geely.com
สัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของ RIDDARA ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมทุกสาขาทั่วประเทศหรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า RIDDARA Call Center ที่หมายเลข 02-039-5777
ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ RIDDARA ได้ที่Website : http://th.riddara.com/
Facebook : Riddara Thailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
IRC ยางรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติ โชว์เทคโนโลยียางรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ ยางอุตสาหกรรม ในงาน FTI EXPO 2025 ร่วมขับเคลื่อนการเติบโตอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย
บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC บริษัทร่วมทุน ไทย-ญี่ปุ่น กว่า 55 ปีในการนำความปลอดภัยสู่ผู้ขับขี่ในประเทศไทยและนานาชาติ ด้วยเทคโนโลยีทุกมิติของการขับขี่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยางนอก ยางในสำหรับรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงมาตรฐานระดับโลก ผ่านการจัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืนในงาน ‘FTI EXPO 2025 : Empowering Thai Industry, Elevating Thailand’s Future เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน’ โดยบูธของ IRC จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “IRC 55 ปี แห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน”
นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “IRC มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมประเทศไทย ผ่านการพัฒนานวัตกรรมยางและผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงที่สอดรับกับความต้องการของตลาดในประเทศ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน สู่ผู้บริโภคในประเทศไทยและนานาชาติ การที่ภาคการผลิตในประเทศขยายตัว ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไทย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม IRC พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตไปสู่เวทีโลก ผ่านการนำเสนอและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลัก ESG”
ภายในบูธของ IRC ได้จัดแสดงนวัตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น IRC Green Tube ยางในแห่งอนาคต ที่ผลิตจากยางธรรมชาติและวัสดุที่ยั่งยืน ยาง IZ Series ยางรถจักรยานยนต์ยอดนิยมในประเทศไทย ยางที่ใช้ในการแข่งขันประเภทต่างๆ ยาง on-off road, ยางวิบาก (Motocross) ยางวีลแชร์สำหรับแข่งขัน ยางสำหรับแข่งขันจักรยานระดับโลก ไปจนถึงยางสำหรับพื้นถนนที่มีหิมะ ที่เป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมร่วมกันในกลุ่มบริษัทที่ขยายกิจการไปมากกว่า
40 ประเทศนอกจากนี้ IRC ยังได้แสดงผลิตภัณฑ์จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่าง พื้นยางนวัตกรรม Vi-Pafe ยางรองรางรถไฟฟ้า และเสาจราจรล้มลุกจากยางธรรมชาติ พร้อมจัดแสดงรถประหยัดพลังงานที่ชนะการแข่งขันกิจกรรม Honda Eco Mileage Challenge 2025 และเครื่อง Riding Trainer ที่ได้รับความร่วมมือจากไทยฮอนด้า เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ผู้เข้าชมงานอีกด้วย
“IRC เป็นยางรถจักรยานยนต์มีชื่อเสียงมากจากประเทศญี่ปุ่นที่นำความปลอดภัยบนท้องถนนสู่ผู้ขับขี่ในไทยมายาวนานกว่า 55 ปี เราให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานเสมอมา
และยังคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) จากการได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) การรับรองเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มีคุณค่าต่อสังคม จากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Award และได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงผ่านการประเมิน CGR (Corporate Governance Report) ระดับ 5 ดาว (ดีเลิศ) นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืนซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ IRC ให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง” นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้ายภายในงาน FTI EXPO 2025 บูธของ IRC ยังได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธานเปิดบูธพร้อมผู้ทรงคุณวุฒิมากมายมาร่วมเยี่ยมชมและพูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับเกียรติจาก ท่านพันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย คุณทนง ลี้อิสสระนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด
คุณอภิชาติ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) คุณพรทิพย์ เศรษฐีวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค อินดัสตรีย์ (ไทยแลนด์) จำกัด คุณมาซาฮิโตะ ฮอนดะ Executive Advisor INOAC CORPORATION ประเทศญี่ปุ่น และ คุณ Dave Jen จาก Pandrol ฝรั่งเศส และในงานนี้คณะผู้บริหารของ IRC ซึ่งประกอบไปด้วย นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ นายอาคิระ โทโคโระ กรรมการผู้จัดการ และ นายณัฐ ผาติบัณฑิต ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัยและพัฒนา ได้เข้าร่วมเสวนาพิเศษแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาธุรกิจและทิศทางของอุตสาหกรรมยางไทยสู่ความยั่งยืน
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine