-
News / News Motocycle1 Min Read
ไทยฮอนด้า มอบหมวกกันน็อกครบรอบ 60 ปี ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ส่งต่อวัฒนธรรมความปลอดภัยให้สังคมไทย

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง ในวาระครบรอบ 60 ปี ด้วยการมอบหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. จำนวน 60 ใบ รวมมูลค่า 60,000 บาท ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) การมอบหมวกกันน็อกในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนรับมอบ ร่วมกันผลักดันการสร้างวัฒนธรรมการสวมหมวกกันน็อกให้แพร่หลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการแสดงความห่วงใยต่อสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ที่ต้องใช้รถในการปฏิบัติงาน พร้อมถ่ายทอดแนวคิดด้านความปลอดภัยสู่สังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่เดินทาง
ในโอกาสไทยฮอนด้า ครบรอบ 60 ปี ยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์ส่งต่อความปลอดภัยให้คนไทย ผ่านการจัดคาราวานมอบหมวกกันน็อกให้คนไทยทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดความสูญเสียบนท้องถนนและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ “60 ปี ไทยฮอนด้า ขับขี่ปลอดภัย เพื่อสังคมไทยที่ยั่งยืน” ได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสัมคมไทย
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“มารินี” แรงต่อเนื่อง! ทะลุ Q2 โมโตจีพี ออสเตรเลีย “ก้อง-สมเกียรติ” ลุยเต็มที่ซ้อมวันแรก

“ลูก้า มารินี” ยอดนักบิดอิตาเลียนจาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ควบรถแข่ง Honda RC213V ทะยานเข้า Q2 ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 19 ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ขณะ “ก้อง-สมเกียรติ” นักบิดไทยหนึ่งเดียวในโมโตจีพี เร่งทำงานอย่างหนักในการซ้อมวันแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคมนี้ ที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

ผลการซ้อมในรอบ PR ปรากฏว่า “ลูก้า มารินี” นักบิดอิตาเลียน หมายเลข 10 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ทำความเร็วได้ดีอย่างต่อเนื่อง ในอันดับ 7 โดยสามารถทะลุเข้าสู่ Q2 ได้อีกครั้ง ตามหลังหัวแถวเพียง 0.559 วินาที ส่วน “โจอัน เมียร์” ทีมเมทชาวสแปนิช หมายเลข 36 รั้งอันดับ 14 ตามหลัง 0.827 วินาที

ด้าน “โยฮันน์ ซาร์โก” จอมเก๋าชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ รั้งอันดับ 15 ตามหลัง 0.884 วินาที ตามด้วยนักบิดไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ในอันดับ 22 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.112 วินาที

ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดชาวไทยหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย คัมแบ็กสู่สนามครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จบวันแรกด้วยอันดับ 23 ตามหลังจ่าฝูง 1.848 วินาที

ทั้งนี้ ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ จะจับเวลารอบควอลิฟายและ “สปรินต์เรซ” ในวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ ส่วนการแข่งขันรอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 07.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 08.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 10.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #LM10 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #AustralianGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
OMODA & JAECOO จัดงาน International User Summit พร้อมเปิดประสบการณ์สุดล้ำ ‘Next Cool’

OMODA & JAECOO (อ่านว่า โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม ที่เปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อปี 2567 จัดงาน International User Summit 2025 ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคมนี้ โดยมีตัวแทนลูกค้าจากประเทศไทยได้รับเชิญเข้าร่วมงานครั้งสำคัญนี้ ภายในงาน OMODA & JAECOO Eco-Expo ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสนวัตกรรมล่าสุดและวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศแห่งอนาคต
ไฮไลท์ของงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “Next Cool” นำเสนอมุมมองใหม่ที่เหนือกว่ารถยนต์ทั่วไป ด้วยการผสานไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งแต่การใช้ชีวิตในเมืองไปจนถึงการท่องเที่ยวผจญภัย โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างเทคโนโลยี ผู้ใช้งาน และสิ่งแวดล้อม

ภายในงาน Eco-Expo ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ผ่าน Brand Showroom และกิจกรรมพิเศษ “Day C Night A Exclusive Party” ที่แสดงให้เห็นว่ารถยนต์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอแนวคิด “Two Lifestyles, One Store” ที่ตอบโจทย์ทั้งคนรักสัตว์เลี้ยงและสายลุยออฟโรด สะท้อนวิสัยทัศน์ ‘Car + X’ ที่ต้องการให้รถยนต์เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต ความบันเทิง และกิจกรรมประจำวัน
นับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา OMODA & JAECOO ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ชื่นชอบทั้งด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ การจัดงานในครั้งนี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่ต้องการมอบมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นระบบนิเวศที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Flying Spur ‘Ombré’ คันแรกกับออปชันทำสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีมูลค่าสูงที่สุดของแบรนด์

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Flying Spur ‘Ombré by Mulliner’ สุดยอดยนตรกรรมกับตัวเลือกการทำสีสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีมูลค่าสูงที่สุดของแบรนด์ และถือเป็นการนำมาใช้กับยนตรกรรมแบบ 4 ประตูเป็นครั้งแรก โดยการทำสีแบบ ‘Ombré by Mulliner’ เป็นการผสมผสาน 2 เฉดสีที่แตกต่างกันและทำการไล่เฉดสีแบบแรเงาตลอดความยาวของตัวถังด้วยการพ่นสีโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญจากศูนย์ทำสีและตัวถัง ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ สำหรับ Ombré by Mulliner – Full Body Paint Fade ในรถยนต์เครื่องยนต์รุ่น V8 Hybrid ราคา 7,320,000 บาท และ รถยนต์เครื่องยนต์รุ่น V6 Hybrid ราคา 4,461,000 บาท
การทำสี Flying Spur ใหม่ได้ทำการไล่เฉดสีแบบแรเงาจากเฉดสีฟ้า Topaz Blue อันสดใสบริเวณส่วนหน้าสู่เฉดสีน้ำเงิน Windsor Blue ที่เข้มกว่าบริเวณส่วนหลัง โดยสีจะค่อยๆ จางลงตั้งแต่ช่วงกลางตัวถังตลอดแนวประตูห้องโดยสารและหลังคา กระบวนการนี้ใช้เวลากว่า 60 ชั่วโมงผ่านช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจำนวน 2 คนที่เริ่มต้นการพ่นสีแต่ละสีที่บริเวณส่วนหน้าและส่วนหลังของตัวถัง และเปลี่ยนเฉดสีบริเวณกึ่งกลางตัวถังด้วยกระบวนการพ่นสีอันเป็นขั้นตอนการใช้สีที่ผ่านการผสมสีแบบดั้งเดิมเพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ Ombré ซึ่งถือเป็นเทคนิคพิเศษที่ทำให้การเปลี่ยนสีเป็นไปอย่างสมมาตรทั่วทั้งตัวรถ
เทคนิค Ombré มาพร้อมกับตัวเลือก 2 เฉดสีคู่ใหม่ อันได้แก่ เฉดสีทอง Sunburst Gold กับเฉดสีส้ม Orange Flame และ เฉดสีเทา Tungsten กับ เฉดสีดำ Onyx และเนื่องจากความซับซ้อนของการผสมสีของทั้งสองเฉดสี เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์จึงมีการเลือกจับคู่เฉดสีอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจว่าทั้ง 2 เฉดสีจะไล่สีแบบแรเงาได้อย่างสม่ำเสมอ และเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเฉดสีที่ 3 ระหว่างการไล่สีแบบแรเงาอย่างการไล่สีจากเฉดสีเหลืองสู่เฉดสีน้ำเงินอาจก่อให้เกิดเป็นเฉดสีเขียวอันไม่พึงประสงค์ เพราะการทำสีที่แต่งกันแต่ละสีจะเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นช่างฝีมือจึงต้องจัดการกับปฏิกิริยาในระหว่างการทำสีเพื่อเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความสมบูรณ์แบบของรถยนต์เบนท์ลีย์แต่ละคัน
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้เปิดตัว Flying Spur กับตัวเลือกการทำสีแบบ Ombré by Mulliner ในงาน Southampton International Boat Show ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยการทำสีของสุดยอดยนตรกรรมแบบ 4 ประตูนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น Continental GT คันแรกที่ผ่านการทำสีด้วยเทคนิคใหม่และได้เปิดตัวในงาน Monterey Car Week เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์กับการออกแบบยนตรกรรมในฝันให้มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับข้อเสนอพิเศษได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
GWM TANK 300 DIESEL ลุยถึงแอนตาร์กติกา! ร่วมภารกิจสำรวจขั้วโลกของจีนอย่างเป็นทางการ

GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการยานยนต์จีน ด้วยการลงนามบันทึกความร่วมมือ “GWM • CAA China Antarctic and Arctic Research Expedition Cooperation Signing Ceremony” ร่วมกับสถาบันวิจัยขั้วโลกของจีน (Polar Research Institute of China: PRIC) ณ ศูนย์เทคโนโลยี GWM เมืองเป่าติ้ง เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ในพิธีดังกล่าวได้มีการแต่งตั้ง GWM TANK 300 DIESEL ให้เป็นรถยนต์ที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการสำหรับปฏิบัติภารกิจสำรวจขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ของจีน เพื่อใช้เป็นรถสนับสนุนภารกิจหลักประจำสถานี Great Wall Station ณ ทวีปแอนตาร์กติกา รถยนต์รุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบสมรรถนะในทุกมิติ ทั้งระบบขับเคลื่อน สมรรถนะออฟโรด ความทนทานในสภาวะอุณหภูมิต่ำสุดขั้ว และประสิทธิภาพระบบเชื้อเพลิง จนได้รับการยืนยันว่า GWM คือแบรนด์ที่มีความพร้อมสูงสุดในด้านเทคโนโลยี ความทนทาน และสมรรถนะระดับโลก การร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้จึงไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของ GWM ในฐานะผู้นำยานยนต์อัจฉริยะระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนในการสนับสนุนภารกิจทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติสู่การพิชิตพื้นที่สุดขั้วของโลกอย่างทรงพลัง
เหนือทุกขีดจำกัด GWM TANK 300 DIESEL พิสูจน์ความแกร่งจากห้องวิจัยสู่แอนตาร์กติกา

คณะผู้เชี่ยวชาญจาก PRIC เดินทางเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาของ GWM เพื่อประเมินขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานการทดสอบระดับโลกภายในศูนย์ทดสอบการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม (Environmental Wind Tunnel Lab) รถยนต์ GWM TANK 300 DIESEL ถูกนำมาทดสอบภายใต้อุณหภูมิติดลบกว่า 30 องศาเซลเซียส พร้อมจำลองสภาพพายุหิมะสุดขั้วเช่นเดียวกับในทวีปแอนตาร์กติกา ผลการทดสอบเผยให้เห็นถึงความเหนือชั้นของระบบวิศวกรรมของ GWM ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เพียงสัมผัสเดียวแม้ในสภาพหนาวจัด ระบบละลายน้ำแข็งและทำความร้อนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพกว่า 2,000 รายการที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งระบบความปลอดภัยเชิงรุก–เชิงรับ (Active & Passive Safety), ระบบการจัดการความร้อน (Thermal Management), เสียงและการสั่นสะเทือน (NVH) รวมถึงความทนทานต่อการใช้งานระยะยาว (Durability) สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะของ GWM ที่พร้อมรองรับทุกภารกิจสุดขั้ว ตั้งแต่ห้องแล็บจนถึงขั้วโลกใต้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เบื้องหลังความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรมที่ไร้ข้อจำกัดของ GWM TANK 300
จากรายงาน 2025 China Automotive Product Quality Performance Study (AQR) ล่าสุด GWM TANK 300 ได้รับการจัดอันดับให้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งด้านคุณภาพและสมรรถนะในกลุ่มรถ SUV จากผู้ผลิตอิสระของประเทศจีน แสดงถึงความเชื่อมั่นในความทนทาน ความแม่นยำ และความประณีตทางวิศวกรรมของแบรนด์อย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลา 4 ปีนับตั้งแต่เปิดตัว GWM TANK 300 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการอัปเกรดกว่า 481 รายการ เพื่อเสริมความทนทานและความน่าเชื่อถือ และในรุ่นปี 2025 ยังได้รับการปรับปรุงเพิ่มอีก 43 รายการ โดยเน้นยกระดับสมรรถนะสู่มาตรฐานระดับโลก พร้อมระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่เสถียรและแม่นยำยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยโครงสร้างตัวถังแบบวงแหวน (Ring-shaped Structural Design) ผลิตจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูงกว่า 70% ของทั้งคัน และใช้เหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงที่ระดับ 1,500 MPa อีกกว่า 20% ทำให้หลังคาสามารถรับแรงกดได้มากกว่า 15 ตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมหลายเท่าตัว ช่วงล่างถูกออกแบบด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่ารถทั่วไปถึง 3 เท่า พร้อมค่าความแข็งแรงในการบิดตัว 284.5 kN·m/rad มอบสมรรถนะการขับขี่ที่มั่นคงในทุกสภาพถนน สมกับฉายา “ผู้พิทักษ์ที่มองไม่เห็น (Invisible Guardian)” ของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่ผ่านการทดสอบเข้มข้นกว่า 14,000 ชั่วโมงในห้องทดลอง (เทียบเท่าการขับขี่ 4.8 ล้านกิโลเมตร) และการทดสอบภาคสนามด้วยรถต้นแบบกว่า 60 คัน รวมระยะกว่า 4.2 ล้านกิโลเมตร เพื่อพิสูจน์สมรรถนะ ความทนทาน และความเงียบระดับพรีเมียม ด้วยระดับเสียงรอบเดินเบาไม่เกิน 65 เดซิเบล ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานใหม่ของเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ที่พร้อมพิสูจน์ความเหนือชั้นในทุกสมรภูมิ
จากความสำเร็จระดับโลกสู่การพิชิตขั้วโลกใต้
ณ เดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา GWM TANK 300 ยืนหยัดในฐานะหนึ่งในรถยนต์ระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 470,000 คัน โดยกว่า 400,000 คัน เป็นผู้ใช้ในประเทศจีน ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันขับขี่รวมระยะทางกว่า 17.2 พันล้านกิโลเมตร หรือเทียบเท่าการโคจรรอบโลกกว่า 430,000 รอบ ยืนยันความแข็งแกร่งและความทนทานระดับตำนาน สมฉายา “รถ TANK ที่ไม่มีวันพัง (The Unbreakable TANK)” อย่างแท้จริง ปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 22,000 คน ที่ขับขี่เกินระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตรต่อคน ตอกย้ำความไว้วางใจในคุณภาพและความคงทนของยนตรกรรมรุ่นนี้

ขณะเดียวกันในตลาดต่างประเทศ GWM ยังคงสร้างสถิติการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่เพียง 6 เดือนหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ GWM TANK 300 DIESEL ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา รถยนต์ระดับพรีเมียมรุ่นนี้สามารถสร้างยอดขายสะสมทะลุ 5,000 คันทั่วประเทศ พร้อมก้าวขึ้นสู่ 3 อันดับแรกของกลุ่ม PPV และสามารถครองตำแหน่งอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง (SUV-C) ได้อย่างรวดเร็ว ความสำเร็จดังกล่าวตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อสมรรถนะอันทรงพลัง ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์แห่งความแกร่งในแบบฉบับของ GWM TANK 300 DIESEL
ขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยี ด้วยเครือข่ายวิจัยระดับโลกของ GWM
ปัจจุบัน GWM ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกด้วยการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) รวมกว่า 10 แห่งใน 7 ประเทศ ครอบคลุมประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยีอย่าง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี สร้างเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก “7 ประเทศ 10 ศูนย์วิจัย” ที่ทำงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในทุกมิติของยนตรกรรมอนาคต โดยมีโครงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงกว่า 110 โครงการ ครอบคลุมตั้งแต่ระบบขับเคลื่อน พลังงานใหม่ ห้องโดยสารอัจฉริยะ ไปจนถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ ทั้งหมดนี้คือพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ GWM สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน GWM ได้พัฒนาสถาปัตยกรรมระบบขับเคลื่อนหลัก 3 รูปแบบ ได้แก่ Hi4, Hi4-Z และ Hi4-T ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทาง ตั้งแต่การใช้งานในเมืองจนถึงออฟโรดสุดขั้ว โดยเฉพาะเทคโนโลยี Hi4-T ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อสายผจญภัยโดยเฉพาะ ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนด้วยพลังน้ำมัน เสริมประสิทธิภาพด้วยพลังไฟฟ้า” พร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ 9HAT แบบวางตามยาวที่ GWM พัฒนาขึ้นเองเป็นรายแรกของจีน ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับชุดเกียร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รองรับทั้งโหมดไฟฟ้าล้วน โหมดน้ำมัน และโหมดไฮบริด มอบสมรรถนะทรงพลัง ควบคู่กับความยืดหยุ่นสูงสุดในทุกสภาพภูมิประเทศ

การเดินทางของ GWM TANK 300 DIESEL สู่สถานี Great Wall Station ในทวีปแอนตาร์กติกา คือสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ที่พิสูจน์แล้วว่ายานยนต์จีนสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพแม้ในสภาวะสุดขั้วของโลก GWM ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเทคโนโลยี ความทนทาน และสมรรถนะระดับโลกอย่างแท้จริง จาก “Great Wall Motor” สู่ “Great Wall Station” ที่ยังคงเดินหน้าสนับสนุนภารกิจการสำรวจขั้วโลกของประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง พร้อมประกาศศักดาให้ทั่วโลกได้เห็นถึงคุณภาพ ความทนทาน และศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน ที่พร้อมพิชิตทุกความท้าทายอย่างทรงพลัง
#GWM #GWMThailand #GWMTANK300 #GWMTANK300DIESEL #Antarctica
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
ครั้งแรกของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียมบริดจสโตนกับการเปิดโลกแห่งความเร็ว รวมตัวนักขับสายสปอร์ตในคอมมูนิตี้ออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “BRIDGESTONE POTENZA CLUB”

บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างประสบการณ์ขับขี่ขั้นสุดให้กับนักขับสายซิ่ง สายสปอร์ต และผู้ที่หลงใหลความเร็ว ด้วยการเปิดตัว
คอมมูนิตี้ออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ “BRIDGESTONE POTENZA CLUB” พื้นที่ใหม่สำหรับลูกค้า
ผู้ใช้จริงและแฟนคลับของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA ได้มาพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ความมันส์ในการขับขี่ แลกเปลี่ยนเทคนิคน่าสนใจ สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์
มากมายทั้งโปรโมชันพิเศษและเข้าร่วมกิจกรรมสุดมันส์ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่โชว์รถและแชร์ไอเดีย
แต่งรถให้ได้แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจ พบปะเพื่อนนักขับ รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์
จากบริดจสโตนได้ทุกเวลา ทำให้ทุกการขับขี่เต็มไปด้วยความสนุก เร้าใจ และมั่นใจตลอดการเดินทางBRIDGESTONE POTENZA CLUB ไม่ใช่เพียงแค่คอมมูนิตี้ออนไลน์ แต่คือจุดนัดพบของนักขับและสาวกตัวจริงทั่วประเทศที่ชื่นชอบความมันส์ หลงใหลความเร็ว และการควบคุมเหนือชั้นตามแบบฉบับของ
ยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZAเป็นเจ้าของยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA และเข้าร่วม Facebook Group: BRIDGESTONE POTENZA CLUB วันนี้ รับสิทธิประโยชน์ คุ้ม 3 ต่อ!
- คุ้มที่ 1: รับสิทธิ์สมัครร่วมอีเวนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี “2025 Bridgestone Driving Experience: POTENZA Club Party” วันที่ 13 ธันวาคม 25668 ที่ Impact Speed Park เมืองทองธานี
ขับมันส์บนสนามจริงและปาร์ตี้สุดเดือด พร้อมไฮไลต์ภายในงานอีกมากมาย (เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568)
- คุ้มที่ 2: รับฟรี! บัตรเติมน้ำมัน 1,000 บาท เมื่อซื้อยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม
BRIDGESTONE POTENZA รุ่นใดก็ได้ ครบ 4 เส้น ที่ COCKPIT ทุกสาขาทั่วประเทศ
และลงทะเบียนพร้อมส่งหลักฐานการซื้อและข้อมูลติดต่อให้กับแอดมิน Facebook Group:BRIDGESTONE POTENZA CLUB โดยจำกัดจำนวน 30 ท่านแรก/ เดือน
(ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568)
- คุ้มที่ 3: พิเศษ! เมื่อซื้อยางรถยนต์สปอร์ตพรีเมียม BRIDGESTONE POTENZA Adrenalin RE005 ครบ 4 เส้น รับฟรี! ร่มรุ่นลิมิเต็ด มูลค่า 900 บาท (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 – 30 ธันวาคม 2568)
นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยางรถยนต์สมรรถนะสูงของบริดจสโตน
และเชื่อมโยงเหล่านักขับทั่วประเทศที่มี passion เดียวกัน ให้มาร่วมสัมผัสพลังแห่งการขับขี่ที่สนุก
และปลอดภัย…จากยางบนสนามแข่งสู่การใช้งานจริงบนถนนในสไตล์ BRIDGESTONE POTENZAเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้คนรัก BRIDGESTONE POTENZA ได้ที่ Facebook Group: BRIDGESTONE POTENZA CLUB https://www.facebook.com/groups/potenzaclub
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine -
News / News Motocycle2 Min Read
New YAMAHA MT-07 “Dawn of a New Darkness” New Hyper Naked จุดกำเนิดแห่งความดาร์คครั้งใหม่ ของ MT-Series

“ยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ” (YAMAHA Riders’ club) ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าบิ๊กไบค์ในเมืองไทย ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมส่งมอบความเร้าใจ และความคล่องตัวในการขับขี่ จุดกำเนิดแห่งความดาร์คครั้งใหม่ ด้วยการเปิดตัว New YAMAHA MT-07 และ New YAMAHA MT-07 Y-AMT สุดยอด Hyper Naked ที่ถูกพัฒนาได้อย่างลงตัวกับ Generation ที่ 4 ของรุ่นนี้ โดยได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Natural Simplicity for everyone ที่เรียบง่าย และลงตัวยิ่งขึ้น รูปทรง และสัดส่วนตัวเครื่องกระชับ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สนุกกับการขับขี่แบบเร้าใจแห่งรัตติกาล

สำหรับ New YAMAHA MT-07 New Design ใหม่หมดจดกับ เจนฯ 4 ดุดัน ล้ำสมัย!!! ด้วยชุดแฟริ่งดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์เฉียบล้ำที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตระกูล MT–Series และให้การกระจายแสงชัดเจน พร้อมไฟหรี่ Position Light ที่ออกแบบให้กลมกลืนยิ่งขึ้น เพิ่มระบบไฟเลี้ยวอัจฉริยะ 3 ฟังก์ชัน (กระพริบ 3 ครั้ง, กระพริบต่อเนื่อง และตัดไฟเลี้ยวอัตโนมัติ) รวมถึง ไฟเบรกฉุกเฉิน (Emergency Stop Signaling) เมื่อมีการเบรกกะทันหัน ไฟเลี้ยวทั้งสองข้างจะกะพริบพร้อมกัน เพื่อเตือนผู้ขับขี่คนอื่นว่า รถกำลังลดความเร็ว เพื่อความปลอดภัยสูงสุดพร้อมกับการปรับตำแหน่งแฮนด์บาร์ใหม่ เพื่อตอกย้ำแนวคิด “ควบคุมง่าย มั่นใจทุกโค้ง” พร้อมดีไซน์ครอบถังน้ำมันให้มีขนาดที่เล็กลงแต่ยังคงความจุเดิมไว้ที่ 14 ลิตร ช่วยให้ผู้ขับสามารถหนีบถังได้แน่น และมั่นคงยิ่งขึ้น

New YAMAHA MT-07 สมรรถนะสุดเร้าใจของเครื่องยนต์ CP2 690 ซีซี แบบสองสูบเรียง และเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับการติดตั้งระบบ YAMAHA Chip Control Throttle (YCC-T) ระบบคันเร่งไฟฟ้าในเครื่องยนต์ CP2 ที่ถูกใส่มาเป็นครั้งแรก เพื่อให้การควบคุมคันเร่งมีความแม่นยำ และนุ่มนวลในทุกจังหวะการเปิดปิดคันเร่ง พร้อมรองรับ Quick Shifter แบบขึ้น – ลง สามารถรองรับการขับขี่ในสถานการณ์ที่หลากหลาย และมาพร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch ที่ปรับปรุงความรู้สึกตอนเปลี่ยนเกียร์ เพิ่มฟันเฟืองเกียร์ เพื่อช่วยลดแรงกระชากขณะเปลี่ยนเกียร์ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น พร้อมเบรกหน้าแบบ Radial-mount เพิ่มความมั่นใจทุกจังหวะเบรกได้อย่างแม่นยำ มาพร้อมล้อ Spin Forged ที่ถูกออกแบบมาใหม่สำหรับ New YAMAHA MT-07 โดยเฉพาะ มีนํ้าหนักเบาควบคุมง่าย และคล่องตัวยิ่งขึ้น พร้อมยาง Dunlop Sportmax อายุการใช้งานนาน ยึดเกาะดีเยี่ยมทั้งถนนแห้งและเปียก เหมาะกับการขับขี่หลายรูปแบบทั้งแบบสนุกสนานเร้าใจ หรือการเดินทางไกลสไตล์ทัวร์ริ่ง พร้อมโหมดเครื่องยนต์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ รวมถึงระบบ PWR Mode (การตอบสนองคันเร่ง) และ TCS (Traction Control) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

New YAMAHA MT-07 ฟีเจอร์สุดล้ำ ตอบโจทย์ทุกการขับขี่ กับจอสีแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อม 4 ธีม ให้เลือกตามความชอบ และสถานการณ์ในการขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับ Smartphone ผ่านแอป Y-connect ที่สามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ การตั้งค่า Rider Aids ได้ผ่านโทรศัพท์ และเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้เช่น ข้อมูลรถ การแจ้งเตือนสายเรียกเข้า หรือข้อความ เปลี่ยนโหมดการตั้งค่าได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับตัวรถผ่านแอปพลิเคชันบน Smartphone เก็บบันทึกการตั้งค่าโหมดการขับขี่ได้มากกว่า 40 แบบ บน application เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของสภาพถนน
นอกจากนี้ New YAMAHA MT-07 มาพร้อมกับทางเลือกใหม่ของระบบเกียร์อัจฉริยะ Y-AMT ในรุ่น New YAMAHA MT-07 Y-AMT มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ Yamaha Automated Manual Transmission (Y-AMT) ที่ให้ผู้ขับขี่เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งโหมด MT (Manual) และ AT (Automatic) ผ่านปุ่มควบคุมบนแฮนด์ โดยไม่ต้องใช้คลัทช์ เหมาะสำหรับทั้งผู้ขับขี่สายสปอร์ตและมือใหม่ และยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกด้วยกันดังนี้…
- MT Mode: Sport / Street /Custom (เหมือนรุ่น STD)
- AT Mode: D+/ D
- D+ รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ตที่รอบเครื่องยนต์สูง
- D รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปทั้งการขับขี่ในเมือง และแบบสปอร์ต
สำหรับ New YAMAHA MT-07 มีโหมดการขับขี่ด้วยกัน 3 โหมดดังนี้
- Mode Sport การตอบสนองของกำลังของเครื่องยนต์ที่สูง เหมาะกับถนนที่มีทางโค้งหรือในสนามแข่ง
- Mode Street ครอบคลุมการขับขี่บนถนนหลายแบบ และเหมาะกับการขับขี่ในเมือง
- Mode Custom ที่ผู้ขับขี่ปรับสามารถแต่งฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ หรือจะปิดทั้งหมดก็ได้
ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้จึงวางราคาจำหน่ายในราคาแนะนำของ New YAMAHA MT-07 ทั้ง 2 รุ่น คือ รุ่น New YAMAHA MT-07 จำหน่ายในราคา 299,000 บาท และรุ่น New YAMAHA MT-07 Y-AMT จำหน่ายในราคา 305,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น มี 3 สี ให้เลือกคือ Icon black, Teck Black และสีใหม่ Ice Storm
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ ทั้ง 16 สาขาทั่วประเทศสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 ติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Website : www.yamaha-motor.co.th/bigbike
Facebook : Yamaha Riders club Thailand
Instagram : YamahaRidersclubThailand
YouTube : Yamaha Riders club Thailand
TikTok: Yamaha Riders club TH
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
“
ก้อง-สมเกียรติ” พร้อมลุยล่าแต้มต่อเนื่อง โมโตจีพี สนาม 19 “ก๊องส์-ธัชกร” รับข่าวดีคัมแบ็ก โมโตทรี ที่ ออสเตรเลีย 
“ก้อง” สมเกียรติ พร้อมเต็มร้อย มุ่งมั่นเดินหน้าล่าแต้มในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 19 รายการ ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ขณะ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทยได้รับข่าวดี ผ่านความฟิตคัมแบ็กสู่สนาม โมโตทรี ครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยจะลงบิดที่สนาม ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย สุดสัปดาห์นี้

ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้ ท่ามกลางการติดตามของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก โดยดาวบิดโมโตจีพีชาวไทยอย่าง “ก้อง-สมเกียรติ” เจ้าของรถแข่ง RC213V หมายเลข 35 จากสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ที่คว้าแต้ม 3 สนามติดต่อกัน ก็พร้อมแล้วที่จะลงไล่ล่าแต้มอีกครั้ง โดยล่าสุดเจ้าตัวเดินทางถึงสนามแข่งพร้อมทีมงาน เพื่อเตรียมความพร้อมและลงสำรวจแทร็กเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่แฟนชาวไทยได้รับข่าวดี เมื่อ “ก๊องส์-ธัชกร” ดาวรุ่งชาวไทยหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่ได้รับบาดเจ็บหัวไหล่และเข้ารับการผ่าตัดจนพลาดลงสนามนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และผ่านความฟิตลงบิดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนสำหรับศึก โมโตทรี ในสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมในวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคมนี้ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายและ “สปรินต์เรซ” ในวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมนี้ ส่วนการแข่งขันรอบ “เมนเรซ” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 07.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 08.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 10.00 น. ถ่ายทอดสดทาง TrueVisions SPOTV
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #AustralianGP
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
กรุงเทพมหานครและมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้นำเสนอโครงการ TRUST (Thailand Road Users Safety through Technology) ในงานประชุม International Mayors Forum 2025

เมืองโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น – วันที่ 16 ตุลาคม 2568 – กรุงเทพมหานคร และ มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (TMF) ตอกย้ำบทบาทผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและการเดินทาง ผ่านการเข้าร่วมงานประชุม International Mayors Forum (IMF) 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 14 ถึง 16 ตุลาคม ภายใต้หัวข้อ “การลงมือวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน – การปรับใช้ SDGs ในระดับท้องถิ่น และการส่งเสริม ข้อตกลงเพื่ออนาคต” (Actions Today for a Resilient Future – Localizing the SDGs and Advancing the Pact for the Future)
กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การขยายตัวนี้นำมาซึ่งความท้าทาย ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เนื่องจากกรุงเทพฯเผชิญกับอุบัติเหตุจราจรในระดับสูง การแก้ไขปัญหาความ ปลอดภัยบนท้องถนนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยทางกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาวิธีการที่เหมาะสมในการลดอุบัติเหตุ และผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน ผ่านการริเริ่มนำกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตลอดจนเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดอุบัติเหตุและยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร
โครงการ TRUST (Thailand Road Users Safety through Technology) เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 โดยมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (TMF) พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (BMA), สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT), โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด (RVP)
โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลและหลักวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ข้อมูลจากยานพาหนะ (Vehicle Probe Data), ภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) รวมถึงแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ ระบุจุดเสี่ยง และค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุ เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด
ในการประชุม IMF 2025 นายสายัณห์ ทัศนโกศล ผู้อำนวยการสำนักงานวิศวกรรมจราจร กล่าวเน้นว่า “ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นประเด็นสำคัญในกรุงเทพฯ และเราจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อลดอุบัติเหตุและรักษาชีวิต นอกเหนือจากการกำหนดนโยบายแล้วเรายังยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทางข้ามถนนที่ปลอดภัย ตลอดจนใช้เทคโนโลยีเพื่อการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยบนท้องถนนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานรัฐ ผู้ขับขี่ ผู้ให้บริการด้านการเดินทาง และคนเดินถนน โดยความร่วมมือที่เกิดขึ้น เช่น โครงการ TRUST นี้ จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดภัย และน่าอยู่ขึ้นได้จริงสำหรับทุกคน”

ภาพที่ 1: ภาพถ่ายจากงาน International Mayors Forum
ด้าน TMF มุ่งมั่นในการค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยบนท้องถนนโดยใช้ข้อมูลและ เทคโนโลยีขั้นสูง ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย โดย TMF ได้ดำเนินโครงการระยะที่ 1 ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยใช้ข้อมูลจากรถยนต์โตโยต้าที่ติดตั้งระบบเก็บข้อมูลการขับขี่ ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงลึก และมาตรการแก้ไขที่ได้จากเฟสแรกจะถูกนำไปพัฒนาเพิ่มเติมร่วมกับชุดข้อมูลและเทคโนโลยีอื่นๆ ในโครงการระยะที่ 2 ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ในการประชุม IMF 2025 นายเคนอิชิ ยากิ ผู้อำนวยการโครงการของ TMF ได้นำเสนอถึงความเป็นมาและแนวคิดของโครงการ TRUST ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการประชุม Tateshina ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทและองค์กรด้านการเดินทางหลายแห่ง โดยประเทศไทยได้รับเลือกจากคณะอนุกรรมการต่างประเทศ ให้เป็นพื้นที่นำร่องที่มีความสำคัญ และต่อยอดพัฒนามาเป็นโครงการ TRUST ในปัจจุบัน

ภาพที่ 2: การวิเคราะห์ข้อมูลจากรถยนต์โตโยต้า
การศึกษารายละเอียดจะดำเนินการในเขตจตุจักร ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นและมีสถิติอุบัติเหตุสูงกว่าเขตอื่น ทางโครงการคาดว่าจะดำเนินการเป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน และหากประสบความสำเร็จ ความรู้และวิธีการที่พัฒนาขึ้นจากโครงการนำร่องนี้จะสามารถขยายผล และนำไปใช้ในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศไทย
เกี่ยวกับโครงการ TRUST
โครงการ TRUST ในกรุงเทพฯ เกิดจากการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้นำด้านการเดินทางระดับโลกในการประชุม Tateshina ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งเน้นการวางกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยใช้การวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี AI ข้อมูลจากรถยนต์ กล้องวงจรปิด และฐานข้อมูลอุบัติเหตุที่ถูกบันทึกไว้ เพื่อระบุพื้นที่เสี่ยงและพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย โดยเน้นในสามปัจจัยหลัก ได้แก่ พฤติกรรมของผู้ขับขี่ โครงสร้างพื้นฐาน และยานพาหนะ โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง TMF, BMA, TMT, UN-Habitat, AIT และ RVP โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างต้นแบบที่สามารถขยายผลได้ในการพัฒนาความปลอดภัย บนท้องถนนในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย รวมถึงการแบ่งปันองค์ความรู้ในระดับสากล
เกี่ยวกับมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้
มูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี้ (ประธาน อากิโอะ โตโยดะ) ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2557 โดยบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสังคมที่ทุกคนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ มูลนิธิสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการเคารพในความเท่าเทียมของมนุษย์ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของโตโยต้าในการสนับสนุนระบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการเดินทางโดย TMF จะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย หน่วยงาน รัฐบาล องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สถาบันวิจัย และองค์กรอื่น ๆ เพื่อสร้างโครงการ ที่สอดคล้อง กับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อแก้ไขปัญหาการเดินทางทั่วโลก
“TMF มุ่งหวังที่จะสร้างสังคมที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างแท้จริง เพื่อให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด” อ้างอิงจากประธานอากิโอะ โตโยดะ
เกี่ยวกับ IMF 2025
การประชุม IMF 2025 เป็นเวทีที่รวบรวมบรรดานายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในเมือง ชุมชน และพื้นที่เมือง โดยจัดขึ้นโดยกรมกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UN DESA) ร่วมกับศูนย์พัฒนาเขตภูมิภาคแห่งสหประชาชาติ (UNCRD) และสำนักงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNOSD) พร้อมด้วยเมืองโตโยต้าในฐานะผู้ร่วมจัดงานปี 2025 และความร่วมมือจาก UN-Habitat
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine
-
News / News Motocycle1 Min Read
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า จับมือ ททท. เปิดตัวแคมเปญ “Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” ชวนครีเอเตอร์ขับขี่เที่ยวไทย ถ่ายคอนเทนต์ ส่งคลิป รับทันที E-Voucher

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ “Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่และพิเศษกว่าเดิม ภายใต้แนวคิด “สุขทันที…ที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” ชวนเหล่าครีเอเตอร์ทั่วประเทศร่วมออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านคอนเทนต์แนะนำ “สถานที่สุดประทับใจ ที่ทั้งชิคและคูลจนอยากแชร์” ในสไตล์ของตนเอง โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเป็นเพื่อนคู่ใจในการเดินทางผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถรับสิทธิ์ E-Voucher จากโลตัส มูลค่า 300 บาท (สำหรับผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าขนาดเล็กต่ำกว่า 400 ซีซี ในการทำคอนเทนต์) และ 500 บาท (สำหรับผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า CUB House หรือ Big Bike ในการทำคอนเทนต์) จำนวนจำกัด 1,000 สิทธิ์ พร้อมลุ้นเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับทางรถจักรยานยนต์ฮอนด้า และ ททท. โดยผู้ที่ชนะจะได้รับ All New Honda Scoopy รุ่น Club12 พร้อมเงินรางวัลมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท และ Gift Voucher สำหรับท่องเที่ยวในไทยมูลค่า 25,000 บาท รวมรางวัลทั้งแคมเปญมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท
Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย จัดขึ้นเพื่อสานต่อความสำเร็จจากปีแรก โดยปีนี้ได้ขยายแคมเปญให้พิเศษขึ้นด้วยการจับมือกับ ททท. พร้อมดึงแคมเปญ “สุขทันที…ที่เที่ยวไทย” มาเพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ให้เป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าถึงง่าย และสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เพียงแค่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีเปิดโอกาสให้เหล่า Local Creators ถ่ายทอดเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวไทยในมุมมองที่แตกต่าง เพื่อขยายฐานผู้สื่อสารด้านการท่องเที่ยวให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ในมิติทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีส่วนช่วยเชื่อมโยงการเดินทางกับวิถีชีวิตของชุมชน สร้างโอกาสกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้ง รถจักรยานยนต์ฮอนด้า และ ททท. ที่ต้องการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างปลอดภัย เข้าถึงง่าย และร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตเคียงคู่ไปกับความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
นอกจากสิทธิ์ E-Voucher แล้ว ผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้าย จะได้เข้าร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 16–18 มกราคม 2569 เพื่อร่วมเวิร์กชอปใกล้ชิดกับครีเอเตอร์มืออาชีพและฝึกฝนทักษะการสร้างคอนเทนต์ผ่านการเดินทางจริง รวมถึงเต็มอิ่มกับประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โดยผู้ที่ชนะจะได้รับรางวัล ดังนี้
- รางวัลผู้ที่ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท : รถจักรยานยนต์ฮอนด้า All New Honda Scoopy รุ่น Club12 จำนวน 1 คัน และ เงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท และ Gift Voucher ท่องเที่ยว มูลค่า 25,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัลมูลค่ากว่า 50,000 บาท และ Gift Voucher ท่องเที่ยวจากมูลค่า 25,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินรางวัลมูลค่ากว่า 30,000 บาท และ Gift Voucher ท่องเที่ยวมูลค่า 25,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า
- รวมถึงรางวัลชมเชยอีก 6 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท
*ของรางวัลและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
คุณสมบัติผู้สมัคร
- อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเพศ
- มีบัญชี YouTube / Facebook / TikTok / Instagram / X อย่างใดอย่างหนึ่ง
- มีผู้ติดตามอย่างน้อย 1,000 คนขึ้นไป และใช้บัญชีดังกล่าวในการโพสต์คอนเทนต์
- มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ยังไม่หมดอายุ
- สุขภาพร่างกายพร้อมสำหรับการขับขี่
เงื่อนไขการสมัคร
- ส่งคลิปวิดีโอ 1 คลิป ความยาว 30 วินาทีขึ้นไป ภายใต้หัวข้อ
“สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” - เนื้อหาคลิปต้องเล่าเรื่องการขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พร้อมนำเสนอความสุขจากการท่องเที่ยว เช่น สถานที่กิน การท่องเที่ยว หรือวัฒนธรรมท้องถิ่น
- โพสต์บนโซเชียลมีเดีย พร้อมใส่แฮชแท็กตามที่กำหนด ดังนี้
#สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย #ThaiHondaCreatorConnectClub2025
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #CUBHouse #HondaBigBike
- ส่งลิงก์คลิปวิดีโอผ่านแอป My Honda Moto ภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ผู้สมัครที่ทำถูกต้องตามเงื่อนไขจะได้รับ E-Voucher ภายใน 1 เดือนหลังจากส่งคลิป (จำนวนจำกัด 1,000 สิทธิ์ และขอสงวนสิทธิ์ให้แก่ผู้ที่สมัคร และส่งคลิปเข้าร่วมกิจกรรมก่อน)
ระยะเวลาการสมัคร
- เปิดรับสมัคร: ตั้งแต่วันนี้ – 3 ธันวาคม 2568 เวลา 23.59 น.
- ประกาศผล: 24 ธันวาคม 2568
- ครีเอเตอร์แคมป์: 16–18 มกราคม 2569
สมัครได้แล้ววันนี้ เพียงดาวน์โหลดแอป My Honda Moto แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของ “Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย”
iOS คลิก: https://apple.co/3VPAfoj
Android คลิก: https://bit.ly/3IfeLyg
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
เกี่ยวกับ “Thai Honda Creator Connect Club 2 : สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย” ได้ที่เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG : www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
Tiktok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
Youtube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA
#สุขทันทีที่ขี่ฮอนด้าเที่ยวไทย #ThaiHondaCreatorConnectClub2025 #HondaBigBike #CUBHouse #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda #HondaSafetyThailand
ทาง Realtime car magazine ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมกันนะครับ และยังสามารถไปติดตามเราต่อได้ที่นี่เลย
Website : https://www.realtimecarmagazine.com/newsite/
Facebook : https://www.facebook.com/realtimecarmagazinecom/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCeamIIu312yD-jYJUzOd7kQ
instagram : https://www.instagram.com/realtimecar_m
Tiktok : https://www.tiktok.com/@realtimecar
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/al/QdvMMZFrQR
Thread : https://www.threads.net/@realtimecar_magazine














































































